คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวการเงิน

มีเงินแต่บริหาร “ไม่เป็น” สุดท้ายก็ต้องกลับไป “จน” อยู่ดี ?

17/02/2025

หลายครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวของคนที่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง หรือคนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายพวกเขากลับต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและกลับไปอยู่ในสถานะที่ยากจนเหมือนเดิม ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบส่วนใหญ่มาจาก การขาดความรู้และทักษะในการบริหารจัดการเงิน[เงินไม่ใช่ทุกอย่าง]เงินเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่เงินไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย หากเราไม่รู้จักวิธีใช้เงินอย่างถูกต้อง เงินก็อาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายเราได้[ปัญหาหลักของคนที่มีเงินแต่บริหารไม่เป็น]หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าบริหารเงินไม่เป็น = กลับไปจนคนที่ขาดความรู้ในการบริหารเงิน มักจะใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือย หรือลงทุนผิดพลาด นอกจากนี้ พวกเขายังอาจไม่รู้จักการออมเงิน หรือการวางแผนอนาคต ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน หรือเจ็บป่วย ก็ไม่มีเงินสำรองไว้ใช้ ส่วนแล้วมักเกิดจากหลายสาเหตุ1. การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว เมื่อมีเงินมาก มักเกิดความรู้สึกว่าเงินไม่มีวันหมด จึงใช้จ่ายอย่างไม่ยั้งคิด ซื้อของฟุ่มเฟือย รถยนต์ราคาแพง บ้านหลังใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว2. ขาดความรู้ในการลงทุน การนำเงินไปลงทุนโดยขาดความรู้ความเข้าใจ เช่น หลงเชื่อคำชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มั่นคง หรือการเก็งกำไรในตลาดหุ้นโดยไม่มีความรู้ อาจทำให้สูญเสียเงินก้อนใหญ่ได้3. ไม่มีการวางแผนการเงิน การไม่แบ่งสัดส่วนเงินสำหรับการใช้จ่าย การออม และการลงทุนอย่างเหมาะสม ทำให้ไม่มีเงินสำรองยามฉุกเฉิน และไม่มีการสร้างรายได้เพิ่มเติม4. มีภาระหนี้สินมากเกินไป การก่อหนี้โดยไม่จำเป็น เช่น การผ่อนสินค้าฟุ่มเฟือย หรือการกู้ยืมเงินมาลงทุนโดยไม่มีแผนการชำระหนี้ที่ชัดเจน[แนวทางการแก้ไขและป้องกัน]1. พัฒนาความรู้ทางการเงิน ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการบริหารการเงิน การลงทุน และการวางแผนภาษี อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม2. สร้างวินัยทางการเงิน กำหนดงบประมาณการใช้จ่ายที่ชัดเจน แยกบัญชีสำหรับการใช้จ่าย การออม และการลงทุน มีการจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ3. วางแผนการลงทุนระยะยาว กระจายความเสี่ยงในการลงทุน ไม่เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนในที่เดียว และเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้4. สร้างรายได้หลายทาง ไม่พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว พยายามสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการลงทุนหรือธุรกิจเสริม5. มีเงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6-12 เดือนของค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น[สรุป]การมีเงินเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หลักประกันความมั่งคั่งที่ยั่งยืน สิ่งสำคัญคือต้องมีความรู้และทักษะในการบริหารจัดการการเงินที่ดี มีวินัยในการใช้จ่าย และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ การพัฒนาความรู้และทักษะเหล่านี้จะช่วยให้รักษาและต่อยอดความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน ไม่ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่เพราะความไม่รู้หรือการบริหารที่ผิดพลาดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ stock2morrowhttps://stock2morrow.com/article/6177

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising” จุดพลังเยาวชน สู่การเปลี่ยนแปลงสังคม

17/02/2025

ไฟ-ฟ้า โดยทีทีบี โครงการแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน เพื่อการจุดประกายเยาวชนและชุมชนที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ร่วมกับทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดตัวนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising” เพื่อแสดงพลังความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพของเยาวชนไฟ-ฟ้า ภายใต้แนวคิด “The Power of Youth, Igniting Change – พลังแห่งเยาวชน จุดประกายการเปลี่ยนแปลง” เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นในพลังของเยาวชนที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้น สอดรับกับการจัดงาน Bangkok Design Week 2025 หรือเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 ภายใต้ธีม “Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก” ที่ชวนทุกคนมาสร้างสรรค์ทุกความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัดของกรุงเทพฯ ซึ่งนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising” พร้อมเปิดให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์ทางศิลปะและการสร้างสรรค์ผลงานสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพของเด็กๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ทรูดิจิทัล พาร์ค (TDPK Studio 1 ชั้น 2)นิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising”นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี เดินหน้าตามปรัชญา Make REAL Change มุ่งสร้างชีวิตที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนทุกกลุ่มของธนาคาร ตามกรอบ B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ทีทีบียึดถือมาโดยตลอด คือ การให้โอกาสกับเยาวชน ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการสอนจับปลา แทนการให้ปลา จึงเปิดพื้นที่ให้เยาวชนในชุมชน อายุ 12-17 ปี ได้เข้ามาเรียนรู้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านเรียนรู้ไฟ-ฟ้าทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ประชาอุทิศ, จันทน์, บางกอกน้อย, สมุทรปราการ และนนทบุรี มีเด็กเข้าร่วมโครงการมากกว่า 12,000คน ผ่านคลาสเรียนต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาทักษะศิลปะและชีวิต (Art & Life Skills) อย่างครอบคลุมศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิ ทีทีบี จึงเป็นมากกว่ากิจกรรมเพื่อสังคม แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น เพราะทีทีบี เชื่อว่าเมื่อเยาวชนได้รับโอกาสและพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง พวกเขาจะกลายเป็นพลังสำคัญที่เปลี่ยนแปลงสังคมในทางที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน นิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสของเด็ก ๆ เป็นเสมือนเวทีที่สะท้อนถึงความสำเร็จและแรงบันดาลใจที่บอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของเด็กไฟ-ฟ้า นอกจากเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บุคคลทั่วไปได้เห็นพลังและศักยภาพของเด็ก ๆ รวมถึงความภาคภูมิใจว่าผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว เชื่อว่ายังจะสร้างแรงบันดาลใจขับเคลื่อนสังคมและผู้คนเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย”ด้านดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค สร้างขึ้นด้วยแนวคิด “One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้” ที่มุ่งสร้าง Ecosystem เชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือและความคิดสร้างสรรค์ ในชุมชนเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ให้เป็นมากกว่าพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยน แต่ยังมอบประสบการณ์อันไร้ขีดจำกัด และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้คน ผ่านการจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่าง ๆ ที่สามารถเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และร่วมสร้างไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงานได้อย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นที่มาของการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า โดยมูลนิธิทีทีบี เข้ามาจัดแสดงนิทรรศการศิลปะ fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising ได้โชว์พลังและศักยภาพแก่สังคมในวงกว้าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ศิลปะจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนให้สังคมเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมายหลักในการสนับสนุนเยาวชนและคนรุ่นใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย(จากซ้าย) นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต และดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์คสำหรับนิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” เป็นเวทีที่เด็กไฟ-ฟ้าได้ถ่ายทอดการเดินทางของพวกเขาผ่านผลงานศิลปะ ตั้งแต่การตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกและสังคม การค้นพบคุณค่าในตัวเอง ไปจนถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากห้องเรียนศิลปะในศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ทุกผลงานสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ ความหวัง และพลังในการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง นิทรรศการนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสมุมมองใหม่ ๆ ผ่านผลงานของเด็กธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งพร้อมจะจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้ชมร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่านิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising”นิทรรศการฯ ประกอบด้วย 5 โซน ที่นำเสนอประสบการณ์การเดินทางผ่านผลงานศิลปะกว่า 80 ชิ้นที่ออกแบบเป็นศิลปะจัดวาง (installation art) และมัลติมีเดีย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมในทุกมิติ เริ่มต้นด้วย1. The Spark of Change (จุดประกายแห่งการเปลี่ยนแปลง) เริ่มต้นด้วยพลังที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ ผ่านการออกแบบที่แสดงถึงการเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นจะนำพาคุณเข้าสู่โลกแห่ง "Youth + Uprising"2. The Reflection (การสะท้อนตัวตนและสังคม) โซนที่ชวนคุณมองโลกผ่านสายตาของเยาวชน ตั้งคำถามถึงปัญหาปัจจุบัน เช่น ความยั่งยืน ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงในสังคม ผลงานในโซนนี้ท้าทายให้คุณตั้งคำถามกับมาตรฐานที่เคยมีและเปิดมุมมองใหม่3. Being Myself (เป็นตัวเองในโลกที่ไม่มีผิดถูก) โซนแห่งการยอมรับความหลากหลาย ที่บอกเล่าว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวของตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยการตัดสินผลงานในโซนนี้สะท้อนถึงความกล้าที่จะยอมรับตัวเองและเฉลิมฉลองในความแตกต่าง4. Playground (สนามเด็กเล่นแห่งความฝัน) พื้นที่ที่ชวนให้คุณย้อนกลับไปสู่ความสดใสในวัยเด็กอีกครั้ง ที่ซึ่งความสุข ความสนุก และการมองโลกในแง่ดีสามารถเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง เพลิดเพลินกับดีไซน์ที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกในแบบที่ไร้กรอบ5. The Wall of Inspiration (กำแพงแห่งแรงบันดาลใจ) จุดสุดท้ายที่ให้คุณฝากแรงบันดาลใจส่วนตัวไว้ เป็นพื้นที่ที่รวบรวมความตั้งใจของทุกคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ นิทรรศการนี้คือบทสนทนาแห่งพลังเยาวชนที่ชวนให้คุณเชื่อมั่นว่า "พลังแห่งเยาวชน จุดประกายการเปลี่ยนแปลง" อนาคตไม่ใช่แค่สิ่งที่เราจะไปถึง แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนร่วมกันสร้างได้ตั้งแต่วันนี้นิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ ตั้งแต่วันที่ 8 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:00 – 20:00 น. ณ TDPK Studio 1 ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง และสัมผัสพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000012910

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

12 คำถามยอดฮิต ตม.เกาหลีถามอะไรบ้าง ตอบได้แบบมั่นใจ ไม่มีสะดุด

17/02/2025

ใครวางแผนไปเที่ยวเกาหลีบ้าง? หนึ่งในด่านสำคัญที่ต้องเจอคือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.เกาหลี) หลายคนอาจกังวลว่า ตม.เกาหลีถามอะไรบ้าง จะตอบยังไงให้รอดและผ่านง่าย ๆ ไม่ต้องห่วง เรารวมคำถามยอดฮิตที่ ตม.เกาหลีมักถาม พร้อมตัวอย่าง คำตอบภาษาอังกฤษ ให้คุณได้เตรียมตัวไว้แล้ว อ่านจบ มั่นใจ ตอบเป๊ะ!12 คำถามยอดฮิต ตม.เกาหลีถามอะไรบ้าง ?การเดินทางไปเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง ต้องมีเอกสารครบถ้วน เพื่อเพิ่มโอกาสผ่าน ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.เกาหลี) ได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางครั้งแรก หรือ ไม่มีประวัติการเดินทางมาก่อน1.  What is the purpose of your visit to Korea? เดินทางมาทำอะไรที่เกาหลี?คำตอบตัวอย่าง:  •  I come for traveling.ฉันมาเที่ยวค่ะ/ครับ  •  I come to visit my friend.ฉันมาเยี่ยมเพื่อนค่ะ/ครับ2. How long will you stay in Korea? / How long? จะอยู่ที่เกาหลีนานแค่ไหน?คำตอบตัวอย่าง:  •  I will stay for 7 days. ฉันจะอยู่ 7 วันค่ะ/ครับ3. Where are you staying? พักที่ไหน?คำตอบตัวอย่าง:  •  I will stay at a hotel named... ฉันพักที่โรงแรมชื่อ...4. What places will you visit in Korea? / Where do you go? จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างในเกาหลี?คำตอบตัวอย่าง:  •  I will visit Seoul, Lotte World, and Hongdae.ฉันจะไปโซล สวนสนุกล็อตเตเวิลด์ และฮงแดค่ะ5.  Do you have an accompany?  เดินทางมากับใคร?คำตอบตัวอย่าง:  •  Yes, I am traveling with my family. ฉันเดินทางมากับครอบครัวค่ะ/ครับ  •  Yes, I am traveling with my friends.ฉันเดินทางมากับเพื่อนค่ะ/ครับ6. Do you have a return ticket? คุณมีตั๋วเครื่องบินขากลับยัง?คำตอบตัวอย่าง:  •  Yes, I have a return ticket on (date).ใช่ค่ะ/ครับ ฉันมีตั๋วขากลับวันที่...7. What is your job? / What is your occupation?คำตอบตัวอย่าง:  •  I am a/an ......ฉันเป็น.....(อาชีพ)8. Is this your first time in Korea? นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเกาหลีหรือเปล่า?คำตอบตัวอย่าง:  •  Yes, it’s my first time.ใช่ค่ะ/ครับ นี่เป็นครั้งแรก  •  No, I have been here before.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันเคยมาแล้ว9. How much money do you have for this trip?  คุณพกเงินมาเท่าไหร่สำหรับการเดินทางครั้งนี้?คำตอบตัวอย่าง:  •  I have about 500,000 Won.ฉันมีประมาณ 500,000 วอน10. Is there a hotel reservation? มีใบจองโรงแรม ที่พักไหม?คำตอบตัวอย่าง:  •  Yes, here you go.มีค่ะ นี่ค่ะ/ครับ (ยื่นใบจองให้)11. Do you know anyone in Korea? คุณรู้จักใครในเกาหลีไหม?คำตอบตัวอย่าง:  •  Yes, I have a friend in Seoul.ใช่ค่ะ/ครับ ฉันมีเพื่อนอยู่ที่โซล  •  No, I don’t know anyone here.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันไม่รู้จักใครที่นี่12. Are you traveling alone? คุณเดินทางคนเดียวหรือเปล่า?คำตอบตัวอย่าง:  •  No, I am traveling with my family.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันเดินทางมากับครอบครัว  •  Yes, I am traveling alone.ใช่ค่ะ/ครับ ฉันเดินทางคนเดียวเรื่องสำเนียงเกาหลี เวลาใช้ภาษาอังกฤษ  1. อาจได้ยินเสียง "L" และ "R" สลับกัน เช่น friend > "프렌드 (เพอเร็นด์)"  2. ลงท้ายคำไม่ชัดเจน เช่น hotel > "호텔 (โฮเทล)"  3. การออกเสียงสระจะฟังดูยาวหรือสั้นผิดปกติ เช่น "visit" อาจฟังเป็น "비짓 (บีจิท)"การเตรียมตัวตอบ คำถาม ตม. เกาหลี ล่วงหน้า เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้คุณมั่นใจและผ่านด่านตรวจได้อย่างราบรื่น ลองฝึกตอบคำถามภาษาอังกฤษเหล่านี้ไว้ รับรองเที่ยวเกาหลีสบายใจแต่งกายอย่างไรให้ผ่าน ตม. เกาหลีง่ายขึ้นแต่งตัวให้เหมือนนักท่องเที่ยว สุภาพ และดูเป็นมิตรสำหรับผู้หญิง  •  สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย เหมาะสมกับอากาศ  •  ไม่แต่งตัวโป๊จนเกินไป  •  แต่งหน้าพอดี ไม่จัดจ้านเกินไป  •  ไม่ใส่แบรนด์เนมของปลอมสำหรับผู้ชาย  •  สามารถใส่เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตได้  •  หลีกเลี่ยงการใส่สูทเต็มชุด เพราะอาจถูกสงสัยว่ามาทำงาน  •  ควรใส่กางเกงขายาว และรองเท้าผ้าใบทริคพิเศษ: พกกล้องถ่ายรูปคล้องคอไว้ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ว่าเป็นนักท่องเที่ยวหากเคยติด ตม. เกาหลี ยังไปได้อีกไหม?ยังสามารถเดินทางไปเกาหลีได้อีก แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี หากเคยถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ไม่ได้หมายความว่าจะถูกแบนตลอดไปวิธีเพิ่มโอกาสผ่าน ตม. ครั้งต่อไป  •  เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน (ตั๋วเครื่องบิน, การจองที่พัก, แผนการท่องเที่ยว, เอกสารรับรองการทำงาน ฯลฯ)  •  ตอบคำถามให้มั่นใจ ไม่ลังเล  •  แสดงหลักฐานการเดินทางที่ชัดเจนเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนไปเจอตม. เกาหลี  •  หนังสือเดินทาง (Passport)  •  ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ  •  เอกสารจองที่พัก  •  แผนการท่องเที่ยวภาษาอังกฤษ  •  เอกสารรับรองการทำงาน หรือการศึกษา  •  รายการบัญชีย้อนหลัง (กรณีไม่มีเอกสารรับรองอื่น ๆ)เตรียมเอกสารให้ครบ ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และตอบคำถาม ตม. ด้วยความมั่นใจ เพียงเท่านี้ก็สามารถเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองได้อย่างราบรื่นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451411/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

หนี้ดี-หนี้เสีย รู้จักหนี้แต่ละประเภท กลยุทธ์การจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภา

11/02/2025

หนี้ดี-หนี้เสีย รู้จักหนี้แต่ละประเภท ตั้งเป้าหมายจัดการหนี้ กลยุทธ์จัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 11 ธ.ค. มีมาตรการทางด้านเศรษฐกิจหลายเรื่องที่จะถูกเสนอให้ที่ประชุมอนุมัติ โดยที่สำคัญจะเป็นมาตรการแก้ปัญหาหนี้ การอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงช่วยหนี้กลุ่มเปราะบางกลุ่มอื่นของสถาบันการเงิน เพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนด้วยเรื่องการลดภาระการชำระหนี้และดอกเบี้ย ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ เน้นการตัดเงินต้นและดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข เพื่อให้ลูกหนี้สามารถรักษาทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ รวมถึงสถานประกอบการของตัวเองเอาไว้ได้รวมถึงการให้ลูกหนี้ NPL ที่มียอดมูลหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อสามารถปิดหนี้ได้ และสามารถเคลียร์เครดิตปรับปรุงชำระหนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคตนอกจากนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม ทั้งลูกหนี้ประวัติหนี้ดี เพื่อให้กำลังใจในการรักษาวินัยการเงินการคลังต่อไป รวมถึงลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้เรื้อรังส่วนมาตรการการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร Nonbank ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเหลือ 70% และลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 เช่น อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 ต่อปี ก็จะเหลือร้อยละ 15 ต่อปีหนี้ดีและหนี้เสีย คืออะไรหนี้เพื่อการประกอบอาชีพ เป็นหนี้ที่สร้างอาชีพให้กับเรา ทำให้เรามีโอกาสมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การกู้เงินมาเปิดร้านขายของ การกู้เงินมาตั้งบริษัทหนี้เพื่อสร้างอนาคต เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อให้เรามีความรู้มาใช้ในการทำงาน หรือมีทักษะ ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งจะทำให้เรามีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้นหนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว เช่น การกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้มีบ้านเป็นของตนเอง แทนที่จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านก็กลายเป็นการจ่ายค่าผ่อนบ้านแทน ทำให้มีทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มขึ้นหนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่สร้างรายได้ในอนาคต และอาจจะทำให้ความมั่นคงลดลงอีกด้วย เช่น หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ เป็นหนี้ที่สร้างอาชีพให้กับเรา ทำให้เรามีโอกาสมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การกู้เงินมาเปิดร้านขายของ การกู้เงินมาตั้งบริษัทหนี้เพื่อสร้างอนาคต เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อให้เรามีความรู้มาใช้ในการทำงาน หรือมีทักษะ ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งจะทำให้เรามีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้นหนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว เช่น การกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้มีบ้านเป็นของตนเอง แทนที่จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านก็กลายเป็นการจ่ายค่าผ่อนบ้านแทน ทำให้มีทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มขึ้นหนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่สร้างรายได้ในอนาคต และอาจจะทำให้ความมั่นคงลดลงอีกด้วย เช่น เมื่อเข้าใจความแตกต่างของหนี้ดีและหนี้เสีย ก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้เสีย ในขณะเดียวกันก็สร้างหนี้ดี เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่อนาคตที่มั่นคงขึ้นตั้งเป้าหมายจัดการหนี้เมื่อเราจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบแล้ว จะรู้ว่าในแต่ละเดือนจะมีกระแสเงินสดเหลืออีกเท่าไหร่ ก็สามารถหาวิธีการจัดการหนี้ที่เหมาะกับตัวเองได้ สิ่งสำคัญ คือ ต้อง “ตั้งเป้าหมายการจัดการหนี้” โดยอาจมีการให้รางวัลเล็ก ๆ กับตนเองก็ได้ เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมดภายใน 1 ปี หากทำได้ จะไปทานอาหารมื้อพิเศษเพื่อเป็นรางวัลในการพิชิตเป้าหมายนี้ได้ หรือใช้ตั้งเป้าหมายที่เรียกว่า SMARTS-Specific : เป้าหมายควรมีความเฉพาะเจาะจง เช่น ต้องการปลดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดภายใน 12 เดือนM-Measurable : เป้าหมายควรวัดผลได้ เช่น ต้องการลดจำนวนหนี้ลง 10,000 บาทต่อเดือนA-Achievable : เป้าหมายควรเป็นไปได้จริง เช่น จะหางานเสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม 5,000 บาทต่อเดือนR-Relevant : เป้าหมายควรเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ เช่น จะลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารลง 2,000 บาทต่อเดือนT-Time-Bound : เป้าหมายควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เช่น จะออมเงิน 100,000 บาท ภายใน 2 ปีกลยุทธ์จัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพสิ่งสำคัญในการจัดการหนี้ คือ ต้องหยุดสร้างหนี้เพิ่ม จากนั้นสรุปรายการหนี้ทั้งหมด หากมีหนี้หลายก้อน ให้รีบเคลียร์หนี้ก้อนที่ดอกเบี้ยมากที่สุดก่อน แต่บางครั้งหากมีหนี้บางก้อนเหลือไม่มาก การเลือกที่จะเคลียร์หนี้ก้อนเล็กออกไปก่อนก็ช่วยให้มีกำลังใจในการปลดหนี้ก้อนอื่น ๆ ด้วย (เนื่องจากจำนวนของหนี้ลดลง) ทั้งนี้ สามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการจัดการกับหนี้ได้ เช่นมองหาแหล่งเงินทุนไร้ดอกเบี้ย โดยขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือญาติพี่น้อง และสามารถให้ยืมเงินก้อนใหญ่มาชำระหนี้ทั้งหมดในปัจจุบัน แล้วผ่อนชำระให้เขาโดยไม่มีดอกเบี้ย หรือคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆพูดคุยกับเจ้าหนี้โดยตรง ขอลดอัตราดอกเบี้ย ยืดเวลาการผ่อนชำระ หรือการพักชำระเงินต้น ซึ่งต้องแสดงให้เห็นว่ามีความจริงใจที่จะชำระหนี้จนครบถ้วนอย่างแน่นอนการรีไฟแนนซ์ เป็นการรวมหนี้ก้อนเดียว โดยสามารถติดต่อกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีบริการในด้านนี้ ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยโดยรวมลดลง และการชำระหนี้ไปที่เจ้าหนี้เพียงรายเดียวทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้นกลยุทธ์ Snowball หรือการล้างหนี้แบบหิมะถล่ม เหมาะกับผู้ที่มีหนี้สินหลายก้อน โดยแต่ละก้อนก็มีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ก็จะใช้วิธีชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน ส่วนหนี้ก้อนอื่น ๆ ให้ชำระเป็นเงินขั้นต่ำ เมื่อชำระหนี้ก้อนที่ดอกเบี้ยสูงสุดครบแล้ว ก็ให้ชำระหนี้ก้อนที่มีดอกเบี้ยสูงรองลงมา ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย ทำให้หนี้หมดไวขึ้นสุดท้าย พึงระลึกไว้ว่าอย่านำเงินไปจ่ายหนี้ทั้งหมด แต่ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งเก็บออม และเมื่อเห็นจำนวนเงินในบัญชีที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นกำลังใจให้เราในการต่อสู้กับชีวิตต่อไป และเมื่อใดที่มีโอกาสในการลงทุนต่อยอด ก็ยังมีเงินสำรองในการเพิ่มความมั่งคั่งได้อีกด้วยคำแนะนำ หากมีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือการจัดการด้านการเงิน อย่าอายที่จะ “ขอความช่วยเหลือ” จากผู้ที่มีความรู้ เพราะยิ่งปล่อยให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น อาจจะแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่หากได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความรู้ ก็จะสามารถจัดการปัญหาที่มีอยู่ และพลิกกลับมาเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางการเงินได้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1713400

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

สายมูต้องลิสต์ 6 ต้นแบบของขลัง จากนิทรรศการ “คุณพระช่วย ช่วยได้จริง” ใน Bangkok Design Week 2025

11/02/2025

ป้ายยานักท่องเที่ยวสายอาร์ต - สายมูเตลู ชวนเที่ยวงาน “คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย” นิทรรศการจาก GOODSTUPH Thailand หนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดใน Bangkok Design Week 2025ใกล้ที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับงาน Bangkok Design Week 2025 หรือเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2568 งานอาร์ตประจำปี อีเวนต์สร้างสรรค์ของชาวกรุงเทพ ที่เวียนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคอนเซปต์ใหม่ "Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก+" จัดเต็มกว่า 350 โปรแกรม ณ 7 ย่านหลักทั่วกรุงเทพฯ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์โดยโปรแกรมทั้งหมด มีหนึ่งงานไฮไลท์ที่น่าสนใจในปีนี้ สำหรับผู้เสพงานอาร์ต รวมถึงนักท่องเที่ยวสายมูเตลู กับงานนิทรรศการ ‘คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย’ ที่นำเสนอ 6 ต้นแบบของขลังที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง พร้อมสถานการณ์จำลองในรูปแบบ Interactive Abstract Art ทั้ง 6 จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งอีเวนต์ที่เป็นผลงานศิลปะสุดครีเอทจาก GOODSTUPH Thailand ครีเอทีฟเอเจนซี่อิสระสัญชาติไทย ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ (Creative) และการออกแบบ (Design) ที่มาร่วมจัดแสดงเป็นครั้งแรกพรพิรุณ ชูชื่น Head of Designerพรพิรุณ ชูชื่น Head of Designer เล่าว่า “เพราะคนไทยเชื่อในเรื่องมู เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับบ้านเรามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็เชื่อเรื่องเหล่านี้กันทั้งนั้น แถมยังพกติดตัวกันอยู่ในทุกวัน จึงเกิดประเด็นคำถามที่ว่า “ที่พึ่งพาทางใจ จะสามารถพึ่งพาในชีวิตจริงได้ไหม”ทั้งหมดจึงต่อยอดเป็น 6 โปรดักต์ ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองกรุงตามสถานการณ์ต่างๆ ผ่านนิทรรศการ 6 เหตุการณ์จำลองในรูปแบบ Interactive Art แสง สี เสียงจัดเต็ม พร้อมให้ชาวกรุงมาลองของ ว่าจะขลังพร้อมบวกแค่ไหน ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เจอคนที่ชอบ สถานการณ์ซอยมืดเปลี่ยวในกรุง สถานการณ์เมื่อต้องส่งเสียงให้คนช่วย สถานการณ์แบตมือถือหมด สถานการณ์เจรจาค้าขายให้สำเร็จ และสถานการณ์ต้องการหาโทรเบอร์ฉุกเฉินซึ่งสอดคล้องกับธีมงาน Bangkok Design Week 2025 ในปีนี้อย่าง Design Up+rising หรือ ออกแบบพร้อมบวก” “คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย” (DIVINE POWER 2.0) เมื่อของขลังที่คนไทยรู้จัก ศรัทธา และชอบพกพา ถูกนำไปเสริมฟังก์ชั่น เพิ่มอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ กลายเป็นไอเทมต้นแบบที่ให้คนเมืองพร้อมบวก+ ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น  •  ปลัดขิกพลิกเสน่ห์ (IRRESISTIBLE ALLURING PALAD-KHICK) ของขลังอานุภาพโดดเด่นด้านเสริมเสน่ห์ มาพร้อมกับบาล์มสูตรยั่วพิเศษ ที่เมื่อรวมกับบารมีแห่งปลัดขิก คุณก็สามารถพิชิตใจคนได้ง่ายๆ  •  พระพิฆเนศ รุ่นเป่าเคราะห์ (GANESHA, BAD OMEN BLOWER MODEL) เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ ความสำเร็จ และพระผู้ขจัดอุปสรรค เราเพิ่มคุณสมบัติการปัดเป่าความชั่วร้ายด้วยการฟิวชั่นกับนกหวีด เจอภยันอันตรายที่ใด ก็หยิบขึ้นมาเป่าเรียกคนมาช่วยเหลือได้ทันที  •  ผ้ายันต์สารพันเบอร์ (EMERGENCY NUMBER YANTRA CLOTH) หนึ่งในของขลังครั้งโบราณ ผ้ายันต์ถูกพกไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เราอัปเกรดด้วยการนำเบอร์โทรฉุกเฉินมาใส่ ให้คุณใช้ชีวิตในเมืองกรุงได้อย่างสบายใจ  •  ตะกรุดเสือพ่นไฟ (THE ALL-SEEING TIGER-TAKRUD) เครื่องรางที่เชื่อว่าหากนำติดตัว ฝูงสัตว์ร้ายและภูตผี จะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุดและแคล้วคลาดเป็นที่สุด เสริมพลังอิทธิฤทธิ์ ด้วยการฟิวชั่นกับไฟฉายพร้อมส่องทางมืด และสิ่งชั่วร้ายในเมืองกรุง  •  ราหูอมไฟสำรอง (RAHU’S RECHARGER) ตัวแทนแห่งพลังเหนือธรรมชาติอันลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสุริยุปราคา ในครั้งนี้ พระราหูในรูปแบบพาวเวอร์แบงค์จะมาเติมไฟให้กับมือถือคุณ ให้คุณสบายใจที่ได้มีท่านอยู่เคียงข้าง  •  ถั่ว 5 เม็ด เคล็ดวาจาพารวย (GOLD-TONGUE BEANS) ถั่ว 5 เม็ด มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม ผู้คนรักเอ็นดูและในครั้งนี้ การเจรจาทำมาค้าขายจะไหลลื่นกว่าที่เคย ด้วยลูกอมดับกลิ่นปาก เสริมความมั่นใจ พูดกับใคร ใครก็รัก คุยกับใคร ใครก็หลงพบกับที่พึ่งทางใจ ที่พึ่งพาได้ในชีวิตจริง และสัมผัสประสบการณ์เสพงานศิลปะสุดเจ๋ง ‘คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย’ (DIVINE POWER 2.0) จาก GOODSTUPH Thailand ตั้งแต่วันนี้ ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณชั้น 2 ร้าน DECK ME COMMUNITY ซ.เจริญกรุง 45 เวลา 11.00 - 22.00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/2841262

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เดินเล่น “สะพานแดง” ชมพระอาทิตย์ตก ดูนกนางนวล

11/02/2025

ช่วงเย็นๆ เดินเล่นที่ “สะพานแดง” จ.สมุทรสาคร มาดูนกนางนวลอพยพ ที่จะมีให้เห็นเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-พ.ค. ของทุกปี รอชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งยามเย็น อากาศดีๆ ชวนไปเดินเล่นรับลมริมทะเลแบบใกล้กรุงเทพฯ กันที่ “สมุทรสาคร” เพราะที่นี่มีอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เที่ยวของจังหวัด นั่นคือ “สะพานแดง” หรือที่เรียกว่า “จุดชมวิวโลมา” ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน เพราะจุดหมายแห่งนี้มีบรรยากาศสุดโรแมนติก พร้อมทัศนียภาพชายฝั่งทะเลที่งดงาม“สะพานแดง” หรือ “จุดชมวิวโลมา” ตั้งอยู่ที่ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจุดชมวิวริมชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีพัดลมหนาวเข้าสู่อ่าวไทย สายลม และน้ำเค็ม จะพาเอาฝูงโลมาเข้ามาบริเวณนี้ จึงเป็นจุดชมโลมาตามที่มาของชื่อ แต่ปัจจุบันโอกาสที่จะได้เห็นโลมามีน้อยลง หรืออาจจะไม่เห็นเลย แต่จุดชมวิวแห่งนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอสำหรับเหตุผลที่ทาสีสะพานแห่งนี้ด้วยสีแดง นั่นก็เพราะว่ามีหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของสะพานแดง มีชื่อว่า หมู่บ้านแดง โดยสะพานแดงจะสร้างด้วยไม้และปูน รองฐานด้วยเสาปูน และบริเวณทางเข้า จะมีร้านอาหารทะเลหลายร้านไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านขายขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ผลไม้ หรือของฝากช่วงยามเย็นของทุกวันจะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ออกมาเดินรับลมชมบรรยากาศ ฟังเสียงคลื่นซัดเบาๆ เคล้าด้วยเหล่าของฝูงนกประจำถิ่นบินถลาไปมา นับว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ที่งดงามของสมุทรสาคร เพราะเราสามารถชมได้ทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน แล้วยังสามารถเดินเล่นรับลมทะเล พร้อมถ่ายภาพกับสะพานแดงที่โดดเด่นตัดกับท้องฟ้าและชายฝั่งของทะเลเป็นเอกลักษณ์ ใครที่มองหาจุดชมวิวพระอาทิตย์สวยๆ ทั้งเช้าและเย็นริมทะเล ที่สำคัญใกล้กรุงเทพฯ จะต้องไม่พลาดที่นี่สะพานสีแดงทอดยาวไกลสุดตา ให้เราได้เดินเล่นชมวิวถ่ายภาพกันอย่างเพลิดเพลิน หากใครมาช่วงกลางวันแดดจะค่อนข้างแรง แต่มีลมพัดเข้ามาตลอดช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง แนะนำให้พกร่ม หมวก มาให้พร้อม บริเวณทางเข้ามีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายบริเวณใกล้กับสะพานแดง จะมี “ศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ” แต่เดิมนั้นศาลแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนบก โดยศาลหลังเดิมจะตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวตำบลพันท้ายนรสิงห์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพประมงชายฝั่ง โดยจะมีความเชื่อว่าถ้ากราบไหว้ก่อนออกเรือ จะช่วยคุ้มครองรักษาและช่วยให้หาสัตว์น้ำได้จำนวนมาก ต่อมาเกิดการกัดเซาะชายฝั่งของทะเล ชาวบ้านได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างศาลแห่งใหม่ขึ้น โดยนำมาตั้งไว้บนบก เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้มาเคารพกราบไหว้การเดินทางมายังสะพานแดง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้เข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ให้ไปจนสุดถนนจุดชมปลาโลมาแล้วให้เลี้ยวขวา ไปประมาณ 3 กิโลเมตร สะพานแดงจะอยู่ด้านข้างของศาลเจ้าพ่อมัจฉานุนอกจากจะไปชมวิวสวยๆ ริมทะเล กับวิวสะพานแดงที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ แล้ว ช่วงนี้หากใครเดินทางไปสะพานแดงในตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็จะพบกับนกอพยพกลุ่มใหญ่ที่บินฉวัดเฉวียนไปมา บ้างก็ลอยตัวอยู่ในน้ำ ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณโดยเจ้านกอพยพเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็น “นกนางนวลธรรมดา” เป็นนกอพยพย้ายถิ่นมาจากแถบมองโกเลีย จีน ทิเบต ไซบีเรีย ซึ่งจะอพยพมาอยู่แถบนี้ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปีการอพยพย้ายถิ่นของนกนางนวล คือการเคลื่อนย้ายซึ่งเกิดเป็นประจำระหว่างพื้นที่เดิมที่ใช้เป็นแหล่งสร้างรังวางไข่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กับพื้นที่ที่นกใช้เป็นแหล่งหากิน ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง พืชหยุดการเจริญเติบโต ทำให้สภาพที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมและมีอาหารน้อยลง นกจึงต้องอพยพย้ายมายังซีกโลกใต้ที่อากาศอบอุ่นกว่า และมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยจะอยู่อาศัยตลอดฤดูหนาว พอถึงฤดูร้อนก็จะย้ายกลับไปยังถิ่นฐานเดิม เพื่อสร้างรัง วางไข่ และเลี้ยงดูลูกนกให้เติบโตแข็งแรงดี จากนั้นก็จะอพยพย้ายถิ่นอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นวงจรแบบนี้ในทุกๆ ปีซึ่งนกนางนวลมักจะอาศัยรวมกันเป็นฝูงใหญ่ และอาจอยู่กับนกนางนวลสายพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะนกนางนวลขอบปีกขาว เวลาพักผ่อนจะลอยตัวอยู่ในน้ำ บินได้ดีมาก และแข็งแรง จะใช้ปากโฉบอาหารแล้วบินขึ้นเหนือน้ำ ก่อนจะกลืนเหยื่อใครที่รอชมและอยากให้อาหารนกเหล่านี้ บริเวณทางเดินเข้าสะพานแดงก็จะมีร้านขายอาหารให้นก นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็จะซื้ออาหารมาล่อนกให้บินโฉบมาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ๆ กับเจ้านกแนะนำคนที่จะมาชมนกนางนวล ให้มาถึงสะพานแดงราวๆ 16.00-16.30 น. จะได้เดินถ่ายรูปสะพานแดงและนกอพยพไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ หากมาช่วงบ่ายอาจจะร้อนเกินไป เพราะบริเวณสะพานแดงไม่มีที่ให้หลบแดด ส่วนช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฟ้าเริ่มมืด นกนางนวลเหล่านี้ก็จะบินกลับเข้าไปพักผ่อนในแถบป่าชายเลนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000001213

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement”

11/02/2025

กรุงเทพฯ, 11 กุมภาพันธ์ 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมในชื่อคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement” โดยเป็นการรวมตัวนักร้องเสียงทรงพลังระดับดีว่า ทั้งดีว่าในตำนาน “เบน ชลาทิศ” มาปะทะเสียงร้องกับ ดีว่าเสียงคุณภาพ “มาเรียม B5” ร่วมด้วยนักร้องขวัญใจยุค 90 ตลอดกาล “เจ เจตริน” โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณชลิดา นครชัย (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และคุณญดา วงศ์ทองคำ (ขวาสุด) รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสิทธิพิเศษและกิจกรรมลูกค้า พร้อมด้วย คุณชัยพล กฤตยาวาณิชย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด คุณอดุลย์ ชูชัยเจริญ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการหาลูกค้าใหม่ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด และคุณนพร อิงคตานุวัฒน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดวีซ่า ประจำประเทศไทย ซึ่งได้มาร่วมพบปะและทำกิจกรรมสุดพิเศษกับลูกค้าคนสำคัญ ณ True Digital Park, Hall 1-3 เมื่อเร็ว ๆ นี้ทั้งนี้สำหรับคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ นับเป็นสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมได้รับในหมวดไลฟ์สไตล์ ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ความบันเทิงเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนสำคัญ นอกจากนี้ สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมยังจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือระดับอีกมากมาย อาทิ  รับเครดิตเงินคืนสูง มากกว่าเดิม รวมสูงสุด 14,000 บาท เมื่อชำระเบี้ยประกันของเอไอเอผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลตินัม เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนทำรายการผ่านแอป UCHOOSE พิมพ์ค้นหา AIAOT (1 ม.ค. 68 – 30 มิ.ย. 68) พร้อมสิทธิพิเศษ เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า ช้อปจุใจที่ Boots หรือ Watsons รับเครดิตเงินคืน 12%  (1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68) เที่ยวสบายใจ รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก (1 ม.ค. 68 – 31 พ.ค. 69) รวมถึงสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารและศูนย์การค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ตรวจสอบโปรโมชันโดนใจ ง่าย ๆ ผ่านแอป UCHOOSE  (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) สามารถติดตามข่าวสารและสิทธิประโยชน์ได้ทาง https://www.krungsricard.com/th/Product/creditcard/AIA-Visa-Platinum ทั้งนี้ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การทำงาน

เทคนิคการปรับตัวในการทำงาน ช่วยให้ชีวิตการทำงานง่ายขึ้น และมีความสุข

08/02/2025

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แชร์ 9 เทคนิค แนวทางที่ช่วยให้ช่วงเริ่มการทำงานนั้นง่าย สะดวกสบาย และมีความสุขเพิ่มมากขึ้นปัจจุบันผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อาการกดดันตัวเอง สภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ และความเครียดสูง เริ่มมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ บนสภาพสังคมของโลกในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลวัยทำงานหนึ่งในสาเหตุที่เดาไม่ยาก มาจากปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้นในแวดวงการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้ เป็นสารตั้งต้นหลักที่ส่งผลให้ “คนวัยทำงาน” นั้นเกิดความเครียดได้ง่าย และมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆด้วยเหตุนี้ทำให้สังคมโลก รวมไปถึงสังคมไทย เริ่มทำความเข้าใจ หาสาเหตุ และวิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จำเป็น เพื่อที่จะเข้ามาช่วยให้คนวัยทำงานสามารถปรับตัวกันได้ง่ายมากขึ้น เกิดสภาวะทางจิตใจ และอารมณ์นั้นดีขึ้น ด้วยวิธีต่างๆสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ออกมา ร่วมแชร์ 8 เทคนิคที่จะช่วยให้ “คนวัยทำงาน” นั้นสามารถปรับตัวได้ง่าย ทำงานดี และมีความสุขมากขึ้น8 เทคนิคช่วยให้คนทำงานง่าย และมีความสุขมากยิ่งขึ้น  •  ไม่วิตกกังวลมากเกินไปความวิตกกังวลสามารถทำให้จิตใจเราร้อนรน ฟุ้งซ่าน ดังนั้นแล้วควรจัดการอารมณ์ และลำดับความคิดของตนเองอย่างมีสติ มองหาแง่มุมใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามเมื่อปัญหาความวิตกกังวลเหล่านี้เพลาลงแล้ว ควรปล่อยวางตัวเองให้ได้ไวที่สุด  •  เริ่มต้นวันด้วยสติแน่นอนว่ามนุษย์เราหากมีสติ จะสามารถควบคุม และลำดับความสำคัญได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวัน และลดความเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย  •  ไม่ผัดวันประกันพรุ่งการมีวินัยในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะเป็น ดังนั้นการทำงานควรมีการวางแผน ลำดับความสำคัญ และตั้งใจทำงานตามแผนให้เสร็จตามกำหนด สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยลดความกดดันความเครียดได้เป็นอย่างดี  •  มองหาสิ่งที่เหมาะกับตนเองการทำงานในแต่ละวัน มักจะมีสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบบ้าง แต่อย่างไรก็ตามการมองหาสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนทั้งด้านความตั้งใจ ประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการทำงานอย่างมีความสุขโดยแท้จริง  •  ปรับตัวเสมอการปรับตัวเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่อะไร เพราะสิ่งเหล่านี้คือความท้าทายใหม่ๆ ที่เราจะได้เจอในทุกๆ สังคมการทำงาน ดังนั้นให้มองเสียใหม่ว่าการปรับตัว คือ โอกาสของชีวิตที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาตนเอง และเพิ่มความสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง  •  กำหนดเวลาภายในหนึ่งวันควรกำหนดเวลา และบริหารงานในแต่ละอย่างให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สมองเกิดการปรับตัวจนเป็นนิสัยว่าภายในหนึ่งวันเราต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินชีวิตนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น  •  ลำดับงานตามความสำคัญการลำดับงานตามความสำคัญ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตทำงาน แน่นอนว่าวันหนึ่งอาจจะเจองานแทรก งานซ้อน เข้ามาขัดจังหวะ ดังนั้นการหัดเรียบเรียงความสำคัญของเนื้อหางานจะช่วยให้การทำงานไหลลื่น และทำงานได้สอดคล้องกับเวลาที่กำหนดได้  •  เตรียมงานให้พร้อมก่อนนอนการเตรียมงานให้พร้อมก่อนนอน เปรียบเสมือนการจัดกระเป๋าไปโรงเรียน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ในการทำงานวันถัดไปเราจะสามารถบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และมีความพร้อมในวันถัดไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2837631

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

สมาคมประกันชีวิตไทยชี้แจงแนวปฏิบัติประกันสุขภาพ “ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” เริ่มใช้ตั้งแต่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

08/02/2025

7 กุมภาพันธ์ 2568 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% (อ้างอิงจาก WTW) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การเข้าสู่สังคมสูงวัย โรคอุบัติใหม่ มลพิษทางอากาศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และโครงสร้างค่ารักษาพยาบาล โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพส่งผลให้ อัตราการเคลมประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันภัยต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ปัจจุบันอัตราการเคลมประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไปอีกทั้ง ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ “New Health Standard” ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 ซึ่งบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่เคยคำนวณไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระบบประกันสุขภาพได้รับผลกระทบโดยตรง นำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยทั้งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จนทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องวางแผนรับมือกับความท้าทายนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างแท้จริงภาคธุรกิจประกันภัยจึงได้นำส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" มาใช้เป็นเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) เพื่อลดการ เคลมจากการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ (Portfolio) โดยส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้เอาประกันภัย ภายใต้การบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์โดยไม่นับรวมผ่าตัดใหญ่หรือโรคร้ายแรงสำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไปแต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ กรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปซึ่งเมื่อผู้เอาประกันภัย เข้าเงื่อนไขส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในปีต่ออายุถัดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 30% หรือ 50% ตามสัดส่วนที่กำหนดในค่ารักษาพยาบาล แต่หากการเคลมมีการปรับตัวลดลงและไม่เข้าเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) บริษัทประกันภัยจะพิจารณายกเลิกการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) กรมธรรม์ดังกล่าวจะกลับสู่สถานะปกติได้เช่นเดิมในปีถัดไปอย่างไรก็ตาม สมาคมประกันชีวิตไทยแนะนำให้ประชาชนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลได้ดี เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากเงื่อนไขดังกล่าวมีลำดับ ขั้นตอน การนับ การพิจารณา ซึ่งเป็นตัวกรองหลายชั้น โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดในหนังสือแจ้งเตือนการต่ออายุสัญญาประกันสุขภาพทั้งนี้ เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้อยู่ในมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 โดยคปภ.ไม่ได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ใดๆ เพียงแต่บริษัทประกันชีวิตมองว่า ตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% สมาคมประกันชีวิตจึงจำเป็นต้องบังคับใช้ เงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment)"สิ่งสำคัญภาคธุรกิจประกันชีวิตคิดว่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่จะสร้างการตระหนัก และเริ่มระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกินความจำเป็น โดยการเจรจาร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับกรณี อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงขึ้นไปถึง 15% ถ้าไม่นับเรื่องอื่นเลย ทางธุรกิจประกันชีวิตก็ต้องปรับเพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพ ที่พิจารณาจากสินไหมทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนแต่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย หรือ คปภ.ก็ไม่ได้ปล่อยให้บริษัทประกันภัยขึ้นเบี้ยตามใจชอบ จึงต้องกลับมาพิจารณาว่าคนทัังพอร์ต 90-95% จะต้องถูกกระทบจากคนที่มีพฤติกรรมเคลมบ่อยเกินความจำเพียง 5-10% ดังนั้น ต้องสร้างการตระหนักรู้จากผู้บริโภคโดยตรงก่อนการนอนโรงพยาบาล นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเพื่อทำให้การประกันสุขภาพของภาคธุรกิจสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน ส่งผลกรทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้" นางนุสรา กล่าวเสริมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=178124

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” ยลสถาปัตยกรรมสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

08/02/2025

“กาญจนบุรี” เมืองแห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม นอกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควและอุทยานแห่งชาติอันเลื่องชื่อแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นั่นคือ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” โรงงานกระดาษเก่าแก่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แม้กาลเวลาจะล่วงเลยไป แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรื่องราวในอดีตยังคงอยู่ ที่นี่จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือน“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตของเมืองกาญจน์ อาคารเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแต่เสน่ห์ของตัวอาคารยังไม่จางหายไปตามกาลเวลา กลายเป็นจุดถ่ายรูปของสายชอบแชะ อยากได้รูปสไตล์วินเทจไม่ควรพลาดโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่เดิมโรงงานแห่งนี้ใช้ชื่อ “โรงงานทำกระดาษทหารกาญจนบุรี” สรุปความจากข้อความในแผ่นศิลาที่ใช้ในพิธีฝังศิลาฤกษ์ (ฝังรากติก)อาคารโรงงานกระดาษ ได้ความว่า นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) กับนายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) ได้ร่วมกันคิดสร้างโรงงานผลิตกระดาษขึ้นที่เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่พ.ศ. 2476 เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ ได้ดำเนินการตลอดมาจนถึง วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2479 จึงได้ประกอบพิธีฝังศิลาจารึกโดยเหตุผลที่เลือกพื้นที่จังหวัดกาญจนบรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีไม้ไผ่อุดมสมบูรณ์ และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ รวมถึงมีแม่น้าเป็นเส้นทางขนส่งไม้ไผ่ได้สะดวก การก่อสร้างและดำเนินกิจการ แรกเริ่มบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (สยาม) จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จํากัด (มหาชน) Christiani&Nielsen (Thai)Public Company Limited)การออกแบบก่อสร้างเริมท่าสัญญาในปี พ.ศ. 2478 ส่วนการก่อสร้างอาคารโรงงานอาคารประกอบต่างๆ และการติดตั้งเครื่องจักรนั้น แบ่งแยกออกเป็นหลายส่วนซึ่งมีทั้งบริษัท บุคคล กรมยุทธโยธาทหารบก และแผนกท่ากระดาษเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างในแต่ละส่วนสำหรับเครื่องจักร บริษัท กระดาษสยาม จํากัด สั่งซื้อจากต่างประเทศ และมีการตรวจรับเครื่องจักร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ทดลองผลิตกระดาษเป็นผลสำเร็จ และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2481 ซึ่งเป็นวันปฐมฤกษ์ “ว่าไทยได้มีเครื่องทำเยื่อกระดาษและทำกระดาษใช้ได้เองแล้ว” โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานต่อมาในปีพ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ยกเลิกกิจการโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี และเห็นชอบให้ บริษัท อุตสาหกรรมกระดาษศิริศักดิ์ จํากัด เป็นผู้ประมูลชื้อโรงงาน อาคารสิ่งปลูกสร้าง และให้กระทรวงการคลังดำเนินการเกี่ยวกับการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุ โดยให้ระบุวัตถุประสงค์ของการให้เช่าที่ดินไว้ในสัญญาว่า "เพื่อการดำเนินกิจการโรงงานกระดาษเท่านั้น” และครบกำหนดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560กลุ่มอาคารหลักของโรงงานกระดาษแห่งนี้ มีการออกแบบและวางผังอาคารตามหน้าที่การใช้งานต่อเนื่องกันในแต่ละขั้นตอนกระบวนการผลิตกระดาษ กล่าวคือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวกับระบบสูบน้ำ การกรองน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ใกล้กับแม่น้ำแม่กลอง ถัดมาเป็นกลุ่มอาคารที่ผลิตไอน้ำและกระแสไฟฟ้า ซึ่งมีหน้าที่ผลิตไอน้ำเพื่อใช้ในการต้มเยื่อไม้สำหรับใช้ในขั้นตอนการผลิตกระดาษ และผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องจักรในโรงงานส่วนกลุ่มอาคารโรงงานตั้งอยู่ตรงกลาง โดยอาคารกลุ่มนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุด มีหน้าที่ใช้งานตั้งแต่การผลิตขั้นต้น คือ โรงทำเยื่อจนถึงอุตสาหกรรมกระดาษขั้นกลางทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมเยื่อ ขั้นตอนการผลิตกระดาษจนสิ้นสุดกระบวนการที่การตกแต่งผลผลิต และการแปรรูปซึ่งบรรจุกระดาษในหีบห่อเพื่อส่งจําหน่ายส่วนอาคารสำนักงาน ที่เชื่อมต่อกับตัวโรงงานอยู่อีกฟากหนึ่งทางด้านทิศตะวันออกของกลุ่มอาคารรวมถึงส่วนซ่อมบํารุงด้วย กลุ่มอาคารที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีในกระบวนการผลิตกระดาษ เช่น โรงทำโซดากลับคืน โรงคลอรีนเก่า โรงคลอรีนใหม่ โรงแยกเกลือ อาคารเหล่านี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือติดอยู่กับอาคารโรงงานภายในอาคารที่อยู่ในกระบวนการผลิตกระดาษแต่ละหลัง มีเครื่องจักรที่จําเป็นตามกระบวนการผลิตกระดาษ มีการนําเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ เช่น เครื่องทำเยื่อทำกระดาษ ของบริษัทฟอยท์ เครื่องทำไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องทำคลอรีนของบริษัทซีเมนต์ซุคเกิต หม้อน้ำและเครื่องประกอบของบริษัทโบร์สิก และเครื่องทำโซดากลับคืนของบริษัท แวกเก็นลีน แอนฮิบเนอร์ถือได้ว่ากลุ่มอาคารโรงงานกระดาษและสิ่งปลูกสร้างของโรงงานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติการอุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากก่อตั้งเป็นโรงงานกระดาษแห่งแรกของประเทศไทย ที่ผลิตเยื่อกระดาษเอง มีความทันสมัยมากในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้งานในการผลิตได้ด้วยตนเอง มีกระบวนการผลิตกระดาษที่ทันสมัย ใช้เครื่องจักรจากต่างประเทศ กลุ่มอาคารในพื้นที่นี้จึงเป็นประจักษ์พยานอันแสดงถึงการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมหนัก และการค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงความเข้มแข็งของประเทศที่พัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตสำหรับโครงสร้างอาคารโรงงานกระดาษ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาทรงจั่ว ใช้หน้าต่างกระจกเป็นช่องแสง มีทั้งอาคารชั้นเดียวและหลายชั้น การออกแบบรูปทรงอาคารให้ช่วงเสากว้าง ในส่วนของอาคารอื่นยังออกแบบให้กลมกลืนเช่นเดียวกัน อาคารที่มีเอกลักษณ์อีกหลังหนึ่ง คือ โรงหลอมโซดา การออกแบบอาคารมีความชับซ้อนกว่าอาคารอื่น มีชั้นหอคอย และมีส่วนประกอบภายนอก คือ ปล่องไฟขนาดใหญ่ ที่มีความสูงมากในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือได้ว่าโรงงานกระดาษเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยในช่วงเวลาดังกล่าว หมู่อาคารโรงงานเป็นตัวแทนการวางผัง และเป็นตัวแทนกลุ่มอาคารอุตสาหกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์นยุคเริ่มแรกในประเทศไทย ซึ่งเน้นความเกลี้ยงเกลา เรียบง่ายและให้ประโยชน์ใช้สอยโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่ 218/11-12 ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000011501

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X