Everyday knowledge for you
ประกันสุขภาพ
18/09/2024
บทความโดย "วิวัฒน์ นวกานนท์"ที่ปรึกษาการเงิน AFPT สมาคมนักวางแผนการเงินไทยการเลือกประกันสุขภาพเป็นการตัดสินใจที่มีความสำคัญมาก การเลือกที่ดีและเหมาะสมจะช่วยปกป้องเราและครอบครัวจากความเสี่ยงทางการเงินได้ ในปัจจุบันมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ให้วงเงินค่ารักษาสูงหลักล้านบาท จนถึงหลัก 100 ล้านบาท หากมีประกันเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลวงเงินสูงขนาดนี้แล้ว ประกันค่าชดเชยโรคร้ายแรง ยังมีความจำเป็นต้องทำเพิ่มอยู่หรือไม่หากมีงบประมาณที่จำกัด ก็ควรจะให้ความสำคัญกับการทำประกันสุขภาพในส่วนค่ารักษาในโรงพยาบาลก่อน ส่วนการเพิ่มค่าชดเชยโรคร้ายแรงเข้าไปในแผนประกันสุขภาพ อาจพิจารณาเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและความต้องการทางด้านการเงินของแต่ละบุคคลในลำดับถัดไป หากมีกำลังในการชำระเบี้ย ก็ควรจะมีทั้งสองแบบ โดยข้อดีของค่าชดเชยโรคร้ายแรงมีดังนี้มีเงินเพียงพอสำหรับค่ารักษาต่อเนื่องประกันสุขภาพจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลตามการจ่ายค่ารักษาจริง แต่การรักษาโรคร้ายแรงไม่ได้จบแค่ค่ารักษาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาส่วนอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีก เช่น ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การแพทย์ช่วงพักฟื้น ค่าตรวจติดตามกรณีรักษาต่อเนื่อง ค่าบำบัดฟื้นฟู ค่าคนดูแล ถ้ามีค่าชดเชยที่เพียงพอก็จะทำให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นมีเงินก้อนช่วยจัดการค่าใช้จ่ายช่วงขาดรายได้หากตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็จะได้เงินก้อนมาไว้กับตัวเอง โดยบริษัทประกันจะจ่ายให้เราโดยตรง เพราะถ้าเกิดเป็นโรคที่ทำให้ความสามารถในการทำงานน้อยลงหรือไม่สามารถสร้างรายได้ได้ในช่วงรักษาตัวแล้ว ก็จะมีเงินก้อนมาช่วยในการบริหารค่าใช้จ่ายได้เอง ทั้งพวกค่าใช้จ่ายในครัวเรือนต่าง ๆ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นต้น และยังช่วยได้มากในเรื่องของการจัดการกระแสเงินสดในช่วงที่ต้องรักษาตัวอีกด้วยการช่วยบรรเทาความกังวลโรคร้ายแรงสร้างผลกระทบไม่ใช่แค่กับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความกังวล ความเครียดให้กับครอบครัวได้ หากมีค่าชดเชยประกันโรคร้ายแรงที่เพียงพอ ก็จะช่วยบรรเทาความกังวลในส่วนค่าใช้จ่ายลงได้บ้างทำประกันค่าชดเชยโรคร้ายแรง ควรมีความคุ้มครองวงเงินเท่าไรการวางแผนเลือกวงเงินความคุ้มครองให้มีความเหมาะสมนั้น สำคัญมากต่อการวางแผนอนาคตที่มั่นคงทางการเงินให้กับเราและครอบครัว โดยจำนวนวงเงินความคุ้มครองที่แนะนำในปัจจุบัน ควรมีให้มากพอในระดับ 2-3 ล้านบาทขึ้นไป • จะได้จัดการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาได้อย่างสบายใจ นอกจากการรักษาตัวเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายแรงในโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาเมื่อกลับมารักษาตัวที่บ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายในช่วงที่ขาดรายได้ ควรมีสำรองไว้ประมาณปีละ 600,000-1,000,000 บาท • โรคร้ายแรงมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง ควรมีเงินสำรองเผื่อไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเจ็บป่วยกี่ครั้งก็ตาม หากทำเป็นประกันค่าชดเชยโรคร้ายแรงแบบเจอ-จ่าย-จบควรพิจารณาทำประกันดังกล่าวด้วยจำนวนเอาประกันภัยที่มากพอที่จะครอบคลุมการกลับมาเป็นซ้ำ หรืออาจพิจารณาประกันค่าชดเชยโรคร้ายแรง ที่คุ้มครองการจ่ายค่าชดเชยให้อีกหากมีการกลับมาเป็นซ้ำ • ไม่สร้างภาระให้คนข้างหลัง สิ่งที่มักกังวลมากที่สุด คือ ความเป็นอยู่ของคนข้างหลัง โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นเสาหลักของบ้าน แค่เจ็บป่วยเล็ก ๆ ก็กระทบความเป็นอยู่ของคนในบ้านได้แล้ว ยิ่งเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านย่อมตามมา หากมีค่าชดเชยมากพอ ก็จะมาช่วยอุดรอยรั่วของปัญหาเหล่านี้ให้เรา และครอบครัวสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้การทำประกันโรคร้ายแรงควรทำไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในขณะที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเป็นแผนสำรองที่อาจเป็นประโยชน์มหาศาลในอนาคต ช่วยให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์การรักษาโรคร้ายแรงบางโรค เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่หากในระหว่างทางการรักษานั้น มีทั้งกำลังใจจากคนรอบข้าง หมดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ไม่ต้องเป็นภาระแก่คนในครอบครัว ก็จะทำให้มีพลังใจมากขึ้นในการรักษาตัวอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1641781
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
18/09/2024
โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ จุดหมายปลายทางแห่งความหรูหราและไลฟ์สไตล์ที่หลังสวน เปิดตัวนิทรรศการเดี่ยวของศิลปินมากความสามารถ มิกซ์-อนุสรณ์ ถุนารินทร์ ที่ Maa-Lai Library ชั้น 30 ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน - 20 ตุลาคม 2567 มิกซ์เป็นสมาชิกของกลุ่ม ARTSTORY by Autistic Thai ธุรกิจเพื่อสังคมซึ่งสนับสนุนบุคคลออทิสติกทั้งเด็กและผู้ใหญ่นิทรรศการจะจัดแสดงผลงานแสนพิเศษ เผยจินตนาการอันลึกซึ้งและความคิดงดงามของมิกซ์ผ่านเทคนิคศิลปะต่างๆ การออกแบบมหัศจรรย์และสิ่งมีชีวิตในตำนานได้มีชีวิตบนผืนผ้าใบ โดยชิ้นงานโดดเด่น ได้แก่ “นกไฟวิหคเพลิง” ผลงานชิ้นเอกที่ใช้เวลาสร้างถึงเจ็ดเดือนด้วยสีอะคริลิค สีแดง เหลือง และทอง และ "องค์สี่คเณศประทับใจ" ภาพวาดพระพิฆเนศแสนวิจิตรที่แสดงสักการะต่อวัดราชาธิวาส มีสัญลักษณ์โอม และตรีมูรติหรือเทพเจ้าฮินดูทั้งสามองค์ ได้แก่ พระพรหม ผู้สร้าง พระนารายณ์ ผู้ปกป้อง และพระศิวะ ผู้ทำลายArtstory ก่อตั้งและดำเนินงานโดยมูลนิธิออทิสติกไทยตั้งแต่ปี 2561 เป้าหมายหลักคือการส่งเสริมและพัฒนาทักษะทั้งผู้ใหญ่และเด็กออทิสติก เพื่อให้พวกเขาสามารถปลดปล่อยจินตนาการและความรู้สึกผ่านงานศิลปะและผลิตภัณฑ์ต่างๆ โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ สนับสนุน Artstory อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ให้กลุ่มนี้ออกแบบกล่องขนมไหว้พระจันทร์ปี 2567 ลายโคมไฟมังกร ซึ่งขายหมดไปเรียบร้อยแล้วด้วยแนวคิด “การดูแลอย่างจริงใจ” (True Hospitality for Good) โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ สนับสนุนศิลปินไทยผู้คู่ควรแก่โอกาสอย่างยิ่ง สอดคล้องกับกิจกรรมอื่นๆ ในโครงการ IHG Giving for Good ของพนักงาน IHG ทั่วโลก โครงการนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนกันยายน ซึ่ง IHG อุทิศทั้งเดือนนี้เพื่อการตอบแทนสังคมโรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ภูมิใจที่ได้ยืนหยัดเพื่อความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก โดยการส่งเสริมสภาพแวดล้อม ซึ่งไม่เพียงสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ เรายังตั้งใจสร้างโอกาสทำงานแก่บุคคลผู้มีความหลากหลายทางระบบประสาท และรู้สึกเป็นเกียรติที่มีพนักงานผู้มีความหลากหลายทางระบบประสาท เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน รับรองว่าที่พักของเรายินดีต้อนรับทุกคนและไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ ทั้งแขกและพนักงานจากทุกสถานะ ยิ่งไปกว่านั้น โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมวัฒนธรรมซึ่งโอบรับและเฉลิมฉลองคนทุกหมู่เหล่า อุ่นใจได้ว่าทุกคนที่ก้าวผ่านประตูของเราเข้ามา จะรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนผลงานมากกว่า 15 ชิ้นจะจัดแสดงและจัดจำหน่าย รายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับศิลปินและ Artstory โดยตรง “นิทรรศการศิลปินพิเศษ: มิกซ์" จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน - 20 ตุลาคม 2567 เวลา 13:00 น. - 20:00 น. ที่ Maa-Lai Library ชั้น 30 โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02 056 9999 หรืออีเมล library.kimptonmaalai@ihg.comแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000086539
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
18/09/2024
ธารน้ำไหลรินลงมาจากช่องหินเมื่อโดนแสงจันทร์ หรือแสงอาทิตย์สาดส่องมากระทบละอองของสายน้ำ ทำให้เกิดความงามนวลตาอันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกดังแห่งอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็นอีกหนึ่ง อันซีนไทยแลนด์ในฤดูฝนที่แสนชุ่มฉ่ำ เสริมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้ชัดเจนกว่าเดิม หนึ่งในนั้น คือ “น้ำตกแสงจันทร์” หรือ “น้ำตกลงรู” สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม (ระยะทางจากที่ทำการฯ ห่างจากน้ำตกออกไปราว 41 กิโลเมตร) โดยมีต้นน้ำมาจากลำห้วยท่าโลงชื่อของน้ำตก คนนิยมเรียกกัน 2 แบบ ได้แก่ “น้ำตกลงรู” ซึ่งคาดเดาไม่ยากจากลักษณะทางธรณีวิทยา ที่ปรากฏให้เห็นในทันทีเมื่อเดินลงไปยังจุดด้านล่างที่สายน้ำไหลลงมา เพราะเกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ โดยเมื่อมีฝนตกลงมาในปริมาณมาก พร้อมทั้งไหลแรง และกระแสน้ำก็ได้พัดพาเอาก้อนกรวด หรือก้อนหิน ไหลติดไปด้วยก้อนกรวดก้อนหินส่วนหนึ่งไหลเข้าไปติดในหลุม เมื่อกรวดหินไปติดในหลุมผนวกกับกระแสน้ำที่ไหลแรง ก้อนกรวดก้อนหินเหล่านั้นก็วิ่งวนอยู่ในหลุมทำให้หลุมที่เป็นหินทรายซึ่งมีความแข็งน้อยกว่ากรวดหิน ขยายตัวเป็นหลุมกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านกาลเวลานานวันหลุมก็ทะลุกลายเป็นรู กระแสน้ำที่ไหลก็ไหลลงหลุมกลายเป็น “น้ำตกลงรู” ไปตามที่เห็นในปัจจุบันส่วนชื่อ “น้ำตกแสงจันทร์” เรียกตามน้ำตกที่โปรยละอองผ่านชั้นหินลงมา เป็นสีขาวนวลคล้ายแสงจันทร์ ในช่วงเวลาเที่ยงคืน แสงจันทร์จะสาดส่องลงรูหินพอดีพร้อมกับละอองน้ำตกที่โปรยดูเป็นสีนวล โดยเฉพาะในวันเพ็ญที่แสงจันทร์จะสาดส่องมาตรงรูหินพอดี จะยิ่งเป็นประกายสวยงาม แต่ถ้ามาในช่วงกลางวัน แสงอาทิตย์ก็สาดส่องให้เห็นเป็นความงามได้เช่นกันความโด่งดังของน้ำตกแห่งนี้ เริ่มต้นมาจากประมาณ 20 ปีที่แล้ว เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดแคมเปญ Unseen Thailand น้ำตกงามแห่งโขงเจียม ก็ติดอันดับความมหัศจรรย์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้มาเยือนนอกจากนี้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ละครโทรทัศน์ดังของค่ายเป่าจินจง เรื่อง “สาปพระเพ็ง” ก็ใช้น้ำตกแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยผู้สร้างอย่าง “นพพล โกมารชุน” เคยให้สัมภาษณ์ถึงความโดดเด่นเอาไว้ว่า “อุบลฯ มีน้ำตกแสงจันทร์ ซึ่งเข้ากับเนื้อเรื่องที่มีการอาบน้ำกลางแสงจันทร์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับบูชา น้ำตกแสงจันทร์นี้เป็นช่องน้ำตกลงมา และแสงจันทร์ก็มากับน้ำ ซึ่งตรงนั้นพอถ่ายมาแล้วสวยมาก เอาไฟเข้าช่วยด้วย ได้บรรยากาศมาก”ข้อมูลเพิ่มเติมน้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู) เป็นน้ำตกที่ไม่มีน้ำตลอดทั้งปี การเดินทางไปเห็นน้ำตก จึงต้องไปในช่วงฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาว โดยความสวยงามของน้ำตกจะแตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำ ซึ่งอุทยานฯ แนะนำว่า ช่วงที่น่าเที่ยวชม คือ ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม – มกราคม ของทุกปีที่ตั้ง บ้านทุ่งนาเมือง ม.6 ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานีอุทยานแห่งชาติผาแต้ม โทร.045 252 581แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000087289
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
17/09/2024
บทความโดย "พัชรินธ์ อีริคสัน" นักวางแผนการเงิน CFP®สมาคมนักวางแผนการเงินไทยวันที่ 12 กันยายน 2567 ทองคำไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับ แต่เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ ด้วยมูลค่าที่มั่นคงและมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีทางเลือกหลากหลายเพื่อเปิดโอกาสให้เป็นเจ้าของทองคำได้ง่าย ๆ • ซื้อทองคำแท่ง วิธีนี้เราได้สินทรัพย์ที่จับต้องได้ แต่มีต้นทุนในการเก็บรักษา และต้องคำนึงถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขายด้วย • ลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ โดยปกติกองทุนรวมทองคำในประเทศไทยจะไปลงทุนต่อในกองทุนรวม หรือ ETF ต่างประเทศที่ลงทุนในทองคำ ทำให้ราคาของกองทุนเคลื่อนไหวตามราคาทองคำ ซึ่งอาจเป็นวิธีลงทุนที่ง่ายที่สุด เงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างต่ำ (เช่น เริ่มลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 500) ซื้อขายง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาทองคำ ควรระวังคือผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยกองทุนทองคำในไทยจะมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ กองทุนที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่ต่างกันมากหากอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB มีการเปลี่ยนแปลงตัวอย่างเช่น ราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 10% ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 5% เทียบเงินบาท (1 ดอลลาร์สหรัฐ แลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง) • ถ้าผู้ลงทุนซื้อกองทุนทองคำที่ป้องกันค่าเงิน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน หรือได้รับผลกระทบน้อยมาก ฉะนั้น ผู้ลงทุนจะยังคงได้ผลตอบแทน 10% • ถ้าผู้ลงทุนซื้อกองทุนทองคำที่ไม่ป้องกันค่าเงิน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนทองเพียง 5% เพราะผลตอบแทนลดลงจากผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบเงินบาท (1 ดอลลาร์สหรัฐ แลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น) นอกจากผู้ลงทุนจะได้กำไรจากมูลค่าของทองคำที่ปรับตัวขึ้น 10% แล้วยังได้รับผลกำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอีกด้วยควรขายทองคำทำกำไรเมื่อไหร่เมื่อราคาทองคำพุ่งตัวสูงขึ้น นักลงทุนคงมีคำถามในใจไม่ต่างกัน ว่าควรจะขายทำกำไรทั้งหมดเลย หรือถือต่อดี อย่างไรก็ตาม หากจะลงทุนในทองคำระยะยาวก็ควรจะมีทองคำติดไว้ในพอร์ตลงทุนตลอดเวลา ดังนั้น หากทองคำมีการปรับตัวขึ้นมากเทียบกับสินทรัพย์อื่น จนทำให้สัดส่วนทองคำในพอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้นเกินสัดส่วนเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็พิจารณาทยอยขายทำกำไรเพื่อให้สัดส่วนลงทุนกลับมาที่เดิมอย่างไรก็ตาม หากเห็นว่าปัจจัยตลาดยังสนับสนุนราคาทองคำอยู่ เช่น เศรษฐกิจเข้าใกล้สภาวะถดถอย (Recession) เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง เป็นต้น ก็อาจถือทองคำต่อไปทองคำมีบทบาทที่สำคัญมากต่อพอร์ตลงทุนในแง่การกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ทั้งนี้ แม้ทองคำจะขึ้นชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) แต่ก็มีความผันผวนสูงดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการมีทองคำในพอร์ตลงทุน ควรลงทุนทองคำในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ทุ่มเงินลงทุนในทองคำทั้งหมดเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะนอกจากจะทำให้พอร์ตลงทุนผันผวนสูงแล้ว อาจต้องเผชิญกับการขาดทุนมหาศาล หากคาดเดาทิศทางราคาทองคำผิดทางแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1649541
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
17/09/2024
คปภ. ทดสอบภาวะวิกฤตหรือทำ Stress Test ติดตามความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพธุรกิจประกันภัยระดับมหภาค พบบริษัท “ประกันชีวิต-วินาศภัย” เงินทุนหนา-สภาพคล่องสูงผ่าน 85% แต่พบสัดส่วน 15% ฐานะการเงินเปราะบาง สั่งจัดทำแผนรับมือพร้อมจับตาใกล้ชิดนางสาวอายุศรี คำบรรลือ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายพัฒนามาตรฐานการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยมีหน้าที่ในการวิเคราะห์และติดตามความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพธุรกิจประกันภัยระดับมหภาค รวมถึงความเสี่ยงที่ส่งผ่านระหว่างธุรกิจประกันภัยกับภาคการเงินอื่น ๆดังนั้นเพื่อลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยงและความรุนแรงของความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. จึงทำการทดสอบสถานะของบริษัทภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงจำลอง (Stress Test) เพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของบริษัทและประเมินความทนทานของบริษัทภายใต้สถานการณ์จำลองในลักษณะมองไปข้างหน้า (Forward Looking) รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบจากการเกิดสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบประกันภัยไทยในภาพรวมโดยสำนักงาน คปภ. ได้กำหนดสถานการณ์ความเสี่ยงจำลอง ปัจจัยและค่าพารามิเตอร์ที่ใช้ในการทดสอบ และให้บริษัทประกันภัยจัดทำและนำส่งผลการทดสอบให้สำนักงาน คปภ. เป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาสำหรับในปี 2567 สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการประเมินความทนทานของธุรกิจประกันภัยภายใต้สถานการณ์จำลอง (Stress Test) โดยหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการกำหนดสถานการณ์จำลอง Adverse Scenario เพื่อให้ภาคธุรกิจในระบบการเงินทำการทดสอบและประเมินผลกระทบนอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังได้จัดทำปัจจัยและค่าพารามิเตอร์ด้านประกันภัยเพิ่มเติม โดยได้หารือร่วมกับผู้แทนจากสมาคมประกันชีวิตไทย (TLAA) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) โดยปัจจัยที่กำหนดเพื่อให้บริษัทดำเนินการทดสอบ เช่น– [ ] การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล– [ ] อัตราเงินเฟ้อ– [ ] การเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาล– [ ] เหตุการณ์อุทกภัยทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ทำการรวบรวมผลการทดสอบของบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย ที่มีการประเมินความทนทานของระบบประกันภัยกรณี Common Risk Scenario ซึ่งจากผลการทดสอบพบว่า ระบบประกันภัยโดยรวมมีเสถียรภาพ บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยจำนวนรวมมากกว่า 85% สามารถทนทานต่อสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคจำลองที่กำหนดได้ ทั้งด้านฐานะความมั่นคงทางการเงิน (Solvency) และด้านสภาพคล่อง (Liquidity)ซึ่งบริษัทประกันชีวิตได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก ได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในขณะที่ บริษัทประกันวินาศภัยได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านประกันภัย ได้แก่ เหตุการณ์อุทกภัยทั้งนี้ บริษัทที่ไม่ผ่านการทดสอบ กล่าวคือ มีความเปราะบางหรือมีความเสี่ยงที่จะมีฐานะหรือเงินกองทุนต่ำกว่าระดับที่กฎหมายกำหนด หรือมีสภาพคล่องไม่เพียงพอรองรับความเสี่ยง บริษัทได้มีการจัดทำแผนการดำเนินการในการรับมือกับผลกระทบดังกล่าวสำนักงาน คปภ. จะได้มีการติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งในเรื่องความเสี่ยงหลักที่มีผลกระทบต่อระบบประกันภัย รวมถึงมีความร่วมมือในการติดตามและประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ กับหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง ธปท. และสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเตรียมพร้อมในการประสานนโยบายและออกมาตรการดูแลที่ตรงจุดเพิ่มเติมหากมีความจำเป็นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1652748
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
17/09/2024
กรมพระศรีสวางควัฒน ทรงเปิดนิทรรศการ “เสืออวกาศ” สะท้อนจักรวาลในพระทัยด้วยพระหฤทัยที่ทรงตั้งมั่นให้งานศิลปะ สร้างความสุขให้กับผู้คน ดังพระดำรัสที่ว่า “งานศิลปะทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข ข้าพเจ้าจึงอยากแบ่งปันความสุข ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย”ดังนั้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 เวลา 15.02 น.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ในฐานะองค์สิริศิลปิน เสด็จไปทรงเปิดนิทรรศการ “SPACE AGE (สเปซ เอจ) : เสืออวกาศ” โครงการเฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ณ หอศิลป์ทิพย์พิมาน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีนายปัญญา วิจินธนสาร ผู้อำนวยการหอศิลป์ทิพย์พิมาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสีคิ้ว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เฝ้ารับเสด็จนายปัญญา วิจินธนสาร ผู้อำนวยการหอศิลป์ทิพย์พิมาน กล่าวถึงนิทรรศการ “SPACE AGE (สเปซ เอจ) : เสืออวกาศ” เกิดจากการทำงานร่วมกันขององค์สิริศิลปิน ทีมภัณฑารักษ์และหอศิลป์ทิพย์พิมาน ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงใช้เวลา1 เดือน เพื่อทรงร้างสรรค์ผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ “เสือ” ชุดใหม่ จำนวน 51 ภาพ พร้อมทั้งพระราชทานชื่อนิทรรศการในครั้งนี้ อันเป็นภาพวาดฝีพระหัตถ์ครั้งแรกที่ทรงใช้จินตนาการ สุนทรียศาสตร์ และคุณค่าของความคิดสร้างสรรค์ การมองโลกด้วยความเมตตา แทนการมองแบบเป็นเรื่องราว ซึ่งเปรียบเสมือนจักรวาลในพระทัยท่าน เพราะระหว่างที่ทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์ชุดนี้ ทรงค้นพบการมองโลกในอีกแง่มุมหนึ่งของศิลปะที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเสมอไป ดังนั้นจึงทรงใช้เทคนิคพิเศษในส่วนของพื้นหลังด้วยการแต่งแต้มของห้วงอวกาศ มีทั้งทางช้างเผือก กาแล็กซี่ และ Planet ต่างๆ เป็นต้นด้านรองศาสตราจารย์วิรัญญา จิราธิกิตติ์ รองผู้อำนวยการหอศิลป์ทิพย์พิมาน กล่าวว่า สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมี พระอัจฉริยภาพด้านการเลือกใช้สีได้อย่างโดดเด่นกว่าศิลปินคนอื่นๆ เพราะทรงมีสายพระเนตรการเลือกใช้สีแบบนามธรรมได้อย่างเต็มที่ บางสีที่ทรงเลือกใช้ไม่มีปรากฎอยู่จริงในโลกใบนี้“ต้นกำเนิดของการมาเป็นเสืออวกาศ คือทรงวาดภาพเสือมองดอกกุหลาบสีน้ำเงิน อันเป็นสีของดอกไม้ที่ไม่มีอยู่จริง แต่ก็ทรงเลือกใช้สีน้ำเงินเพราะแทนความหมายของโลก ซึ่งสื่อให้เห็นว่าเสือกำลังเฝ้ามองโลกใบนี้ด้วยความเมตตา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของนิทรรศการ “SPACE AGE (สเปซ เอจ) : เสืออวกาศ” ที่ทรงใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานผ่านภาพ Abstract แต่ยังคงเน้นเสือที่ยังเป็นเสือ แต่อาจจะไม่ได้สีเดียวกับเสือบนโลกนี้ อาจจะกลายเป็นสีอื่นๆ หรือในตัวเดียวมีหลากหลายสี แล้วก็ส่วนของลายอาจจะไม่ใช่ลายเสือทั่วไป”ทั้งนี้ภายในหอศิลป์ทิพย์พิมานมีผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์องค์สิริศิลปินที่นำมาจัแสดงทั้งหมด 318 องค์ประกอบด้วยชั้นที่ 1 นิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสืออวกาศ” มีผลงานที่จัดแสดงจำนวน 51 องค์ และประติมากรรมเสือร้องไห้ชั้นที่ 2 นิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสือชุดแรก” มีผลงานที่จัดแสดงจำนวน 158 องค์ชั้นที่ 3 นิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสือกับธรรมชาติ” มีผลงานที่จัดแสดงจำนวน 108 องค์ชั้นที่ 4 นิทรรศการพระอัจฉริยภาพในผลงานด้านต่างๆ อาทิ ภาพปักครอสติช LEGO กู่เจิง พร้อมโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในพระดำริโดยนิทรรศการดังกล่าว ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชื่นชมพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านศิลปะขององค์สิริศิลปิน ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พุทธศักราช2567 เป็นต้นมา ซึ่งมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เข้าชมแล้วเป็นจำนวน 4,589 คน และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชม 50 บาทต่อท่าน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้ด้อยโอกาสเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูล โทร ๐๙ ๖๘๗๙ ๙๐๔๔ , ๐๙ ๖๑๔๕ ๖๒๔๙ หรือ Facebook : หอศิลป์ทิพย์พิมาน www.facebook.com/TippimarnArtGalleryแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000086452
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
17/09/2024
ดาวเด่นโซเชียลที่มาแรงแซงทุกทางโค้ง อย่างน้อง “หมูเด้ง” เซเลปสัตว์แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังมาจากกระแสไวรัล ที่อวดความน่ารักและสดใสผ่านรูปภาพและคลิปวิดีโอ จนหลายคนชื่นชอบและหลงรัก ทำให้มีนักท่องเที่ยวแห่เดินทางไปรอชมอย่างหนาแน่นเรียกได้ว่านาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักน้อง “หมูเด้ง” ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ฮิปโปแคระ อายุเพียง 2 เดือนเศษ ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เรามักจะได้เห็นภาพโมเมนต์น่ารักๆ อยู่เสมอ ครั้งนี้จึงขอรวบรวม 5 โมเมนต์สุดเอ็นดูของเจ้าฮิปโปแคระวัย 2 เดือน มาให้ทุกคนได้ยิ้มตามกันภาพจากเฟซบุ๊ก : สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zooภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งนอนอ้อนแม่ความเป็นเด็กวัย 2 เดือนของ “หมูเด้ง” ยังคงติดแม่ไม่ยอมห่าง ไม่ว่าแม่จะเดินไปทางไหนก็จะมีตัวน้อยอยู่เคียงข้างแม่ไปตลอด ทั้งเวลากินและเวลานอน ซึ่งเป็นโมเมนต์น่ารักๆ ระหว่างสายสัมพันธ์แม่และลูกภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งนอนอ่อยชวนจกพุงด้วยตัวจ้ำม่ำของฮิปโปแคระที่มีลักษณะอวบอ้วน นอนพักผ่อนอยู่ข้างแม่พร้อมโชว์พุงเต่งดึ๋งดั๋ง เมื่อแฟนคลับเห็นภาพแล้วก็อยากจะเอามือไปจกพุง อยากอุ้มมากอดมาฟัดให้จุใจภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งภาพมีมขาวีนเวลาพี่เลี้ยงจับ “หมูเด้ง” อาบน้ำ ก็ทำหวงเนื้อหวงตัวไม่ยอมให้จับ พร้อมกับวิ่งเล่นไปมา จนเกิดเป็นภาพเด็กน้อยขี้วีน ทำตาโตหน้าตึง แฟนคลับแห่ทำมีมแชร์กันในโซเชียล ที่ใครเห็นแล้วต่างอดยิ้มไม่ได้ภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งสวบขาพี่เลี้ยงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ “หมูเด้ง” ที่ชอบทำตัวดุ๊กดิ๊กหยอกล้อกับพี่เลี้ยงกันเป็นประจำ บางทีก็เล่นสนุกเกินเบอร์จนเผลอสวบหมับงับขาพี่เลี้ยงเข้าให้ จนเป็นมีมไวรัลแทนเรื่องราวโด่งดังไปทั่วโลก บอกได้เลยว่าถ้าพี่เลี้ยงไม่รู้ใจและสังเกตพฤติกรรมของหมูเด้งดีๆ ก็อาจทำให้เจ็บตัวได้เหมือนกันภาพจากเฟซบุ๊ก : สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zooโชว์ใบหน้าสุดอ่อนโยนนอกจากภาพเหวี่ยงวีน สวบขาพี่เลี้ยงแล้ว “หมูเด้ง” ยังมีโมเมนต์น่ารักอ่อนโยนละมุน มองดีๆ ก็จะเห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจ ชวนแฟนคลับหวั่นไหวไปตามๆ กัน เห็นแล้วใครจะใจแข็งไม่หลงรักน้องได้ยังไงกันภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งสำหรับประวัติของ “หมูเด้ง” เป็นฮิปโปแคระ เกิดวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567 นับเป็นสมาชิกใหม่ตัวล่าสุด “ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ” เพศเมียจำนวน 1 ตัว จากแม่ชื่อโจน่าอายุ 25 ปี พ่อชื่อโทนี่ อายุ 24 ปี ช่วงที่เกิดมายังไม่มีชื่อ ทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวจึงเชิญชวนนักเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมโหวตเลือกชื่อ “ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ” โดยมีชื่อให้ร่วมโหวต คือ หมูเด้ง, หมูแดง หรือ หมูสับ ปรากฏว่ามีผู้โหวต 20,000 คนเลือกชื่อ หมูเด้ง จนเป็นที่มาของชื่อ น้องหมูเด้ง นั่นเองภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ฮิปโปแคระ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกินพืชชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ฮิปโปโปเตมัส ฮิปโปโปเตมัสแคระมีรูปร่างทั่วไปคล้ายฮิปโปโปเตมัส แต่ว่ามีรูปร่างแตกต่างกัน มีสีผิวที่เข้มกว่าฮิปโปโปเตมัส คือ มีสีเขียวเข้มหรือน้ำตาลเข้ม ส่วนหัวกลมกว่าฮิปโปโปเตมัส ส่วนหลังโค้งขึ้นและลาดต่ำลงมาทางก้น ผิวหนังเรียบลื่น ตามลำตัวแทบไม่มีขน ยกเว้นขนเพียงไม่กี่เส้น ที่บริเวณริมฝีปากและหาง เบ้าตาอยู่ด้านข้างของหัว และมีเหงื่อใส ไม่เข้มเป็นสีแดงเหมือนเลือดแบบฮิปโปโปเตมัสภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งนอกจากนี้ยังมีอุปนิสัยและพฤติกรรมต่างจากฮิปโปโปเตมัสอีกด้วย โดยเป็นสัตว์ที่รักสันโดษ อยู่ตามลำพังเพียงตัวเดียว ขี้อาย และหวาดกลัวมนุษย์ ส่วนอาหารจะกินจำพวกพืชผักชนิดต่าง ๆ เช่น มันเทศ, ผลไม้ที่หล่นตามพื้น, หญ้า รวมถึงกินดินโป่งเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ร่างกายเหมือนกับสัตว์กินพืชชนิดอื่นด้วยภาพจากเฟซบุ๊ก : ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งหากใครที่สนใจเดินทางไปเยี่ยมชม “หมูเด้ง” กันได้ที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จ.ชลบุรี โดยน้องจะตื่นมาเด้งในช่วงเช้า 08.00 – 09.00 น. หลังจากนั้นน้องจะกลับไปนอนต่อ ก่อนจะตื่นมาเด้งอีกครั้งในช่วง 14.00 น. นอกจากหมูเด้งแล้วภายในสวนสัตว์ยังมีสัตว์อื่นๆ ที่น่าสนใจให้ชมอีกมากมายแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000086452
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
17/09/2024
พร้อมจัดพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้แก่ทีมชนะเลิศ ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมมากที่สุด(จากซ้าย: นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ และ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย)กรุงเทพฯ, 16 กันยายน 2567 - เอไอเอ นำโดย นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ พร้อมด้วยผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เป็นผู้แทนมอบเงินบริจาค จำนวน 4,448,676.64 บาท เพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการ พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย สภากาชาดไทย โดยมี นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย และ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ โดยเงินบริจาคทั้งหมดมาจากการจัดกิจกรรม AIA One Billion Trail 2023 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงใหม่นอกจากนี้ ยังได้มีพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้แก่ทีมชนะเลิศ ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ ทีม AIA Champions โดยหัวหน้าทีม นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ เป็นผู้แทนรับรางวัลถ้วยพระราชทานฯ โดยทีม AIA Champions ได้มีส่วนร่วมในการระดมทุนบริจาค ด้วยยอดเงินสูงกว่า 1.3 ล้านบาท นอกเหนือจากนี้ ยังได้มีพิธีมอบถ้วยรางวัลให้แก่ทีมที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมมากที่สุด อันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม AIA S20 อันดับที่ 3 ได้แก่ ทีม 1st Time MDRT อันดับที่ 4 ได้แก่ ทีม Special Force และอันดับที่ 5 ได้แก่ ทีม Fun Run โดยนายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย นายบุณยสิทธิ์ ประพฤติกิจธร นายธีรพงษ์ เนียมพันธุ์ และ นายปกป้อง ยินดีผล เป็นผู้รับรางวัลตามลำดับทั้งนี้ กิจกรรม AIA One Billion Trail จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์หลักในการระดมทุนบริจาค เพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย สภากาชาดไทย สำหรับในปีนี้ AIA One Billion Trail 2024 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนักวิ่งจากทั่วประเทศไทยและเอเชียสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 240 ทีม ตอกย้ำถึงพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
13/09/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ คุณชลิดา นครชัย (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล เอ็กซ์ และ คุณญดา วงศ์ทองคำ รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสิทธิพิเศษและกิจกรรม ต้อนรับสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ได้เข้ามามอบของที่ระลึกให้กับผู้สนับสนุนเพื่อสวัสดีในฤดูกาล 2024/25 และขอบคุณที่ให้การสนับสนุนทัพ “เดอะ แรบบิท” ด้วยดีเสมอมา โดยมีคุณวรินทร์ สุธรรมสมัย ผู้จัดการส่วน Sponsorship และทีม Rabbit Girls มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้บริหาร และตัวแทนผู้สนับสนุนสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมสร้างความสำเร็จและส่งเสริมด้านกีฬาฟุตบอลของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไปด้วยกัน สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ณ อาคารเอไอเอ ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
11/09/2024
เปิดข้อเปรียบเทียบ “รีไฟแนนซ์” และ “รีเทนชั่น” ตัวช่วยลดภาระดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน เลือกใช้แบบไหนดีกว่ากันผู้สื่อข่าวรายงานว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัย ถือเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ขนาดใหญ่ และใช้เวลาในการผ่อนชำระค่อนข้างนาน ซึ่งมีหลายครั้งที่มีข่าวออกมาให้เห็นว่าผ่อนชำระค่างวดให้กับธนาคาร แต่เงินที่ชำระไปส่วนใหญ่จะถูกหักเป็นดอกเบี้ย และตัดเงินต้นจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้หลายคนมีวิธีจัดการหนี้สินระยะยาวนี้แตกต่างกันออกไปโดยวิธีการลดดอกเบี้ย นอกจากการ “โปะ” เงินก้อน จะมีอีก 2 วิธี คือ “การรีไฟแนนซ์ (Refinance)” และ “รีเทนชั่น (Retention)” สำหรับผู้กู้สินเชื่อบ้านเลือกใช้ แต่ไม่รู้ว่าข้อแตกต่างระหว่าง 2 แบบ อันไหนดีกว่า วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” จะเปรียบเทียบว่าทางเลือกไหนเป็นอย่างไรกันบ้างเริ่มจาก “การรีไฟแนนซ์” คือ การย้ายจากสถาบันการเงินเดิม และไปขอยื่นกู้กับธนาคารใหม่ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำลง ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง โดยผู้กู้ผ่อนชำระอยู่ นำที่อยู่อาศัยมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อใหม่ เพื่อนำเงินมาปิดหนี้ยอดเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่ ทำให้หนี้กับเจ้าหนี้เดิมสิ้นสุดลง และเป็นหนี้กับธนาคารใหม่ส่วน “รีเทนชั่น” คือ การขอสถาบันการเงินเดิมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง หลังจากผ่อนชำระค่างวดบ้านด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปแล้วครบ 3 ปี และทำเรื่องกับธนาคารเดิมในการขอดอกเบี้ยอัตราใหม่ที่ลดลงจากเดิม ซึ่งจะมีความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่าการรีไฟแนนซ์เนื่องจากผู้กู้มีโอกาสเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลาย โดยผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด และอาจขอคำปรึกษากับสถาบันการเงินที่กู้อยู่เดิมก่อน เพื่อขอเปรียบเทียบดอกเบี้ยของรีเทนชั่น ก่อนที่จะดำเนินการรีไฟแนนซ์อย่างไรก็ดี การรีไฟแนนซ์จะมีขั้นตอนมากกว่าการรีเทนชั่น ดังนั้น การเลือกวิธีลดภาระดอกเบี้ยระหว่าง “รีไฟแนนซ์” และ “รีเทนชั่น” อาจจะต้องขึ้นอยู่กับการวางแผนทางการเงินของแต่ละคน แต่สัดส่วนการผ่อนชำระที่ดีไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ในแต่ละเดือนรีไฟแนนซ์ข้อดี1. ได้อัตราดอกเบี้ยในเรตต่ำ2. สามารถเลือกและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยได้หลายธนาคารข้อเสีย1. ต้องจัดเตรียมเอกสารในการขอยื่นกู้ใหม่ทั้งหมด2. มีค่าธรรมเนียมในการขอรีไฟแนนซ์ที่ต้องจ่าย เช่น การจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%รีเทนชั่นข้อดี1. ไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสาร เตรียมแค่เอกสารคู่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน2. มีค่าธรรมเนียมการรีเทนชั่นสินเชื่อ 1-2% ของวงเงินกู้3. ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็วข้อเสีย1. อัตราดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อย และอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1580720
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
04/08/2025
30/04/2024