ข่าวการเงิน
เทคนิคการออมเงิน แบบไม่รู้ตัว
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงิน
ผู้เขียน : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
เมื่อพูดถึงนิสัยการออมเงิน หลายคนอาจจะนึกถึงความจำเป็นต้องมีวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด หรือบังคับตัวเองให้หักเงินออมทุกเดือน อย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งแนวทางการออมที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “การออมเงินแบบไม่รู้ตัว” โดยอาศัยหลักจิตวิทยาและจิตใต้สำนึกที่จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยที่การออมนั้นยังคงประสิทธิภาพไว้เช่นเดิม
วิธีการออมเงินแบบไม่รู้ตัว
แนวคิดนี้เริ่มต้นจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง ที่ผมจะแบ่งเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันออกเป็น 3 ชั้น ซึ่งทำให้ผมพบว่าวิธีนี้สามารถที่จะช่วยเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
ชั้นที่ 1 : ให้ทุกคนจินตนาการถึงกระเป๋าเงินนะครับ ชั้นแรกของกระเป๋าสตางค์ของผมนั้นจะอยู่ข้างในที่สุด ลึกที่สุด เพื่อที่ผมจะเก็บแบงก์ใหญ่ ๆ เอาไว้ เช่น แบงก์ 1,000 หรือแบงก์ 500 เอาไว้ในกระเป๋าเงินของตัวเอง เอาไว้เผื่อต้องจ่ายอะไรที่ฉุกเฉินต่าง ๆ
ชั้นที่ 2 : ชั้นนี้ผมขอเรียกว่าชั้นกลาง หรือเป็นช่องที่เราจะเอามาหยิบจับใช้บ่อยที่สุด ซึ่งกระเป๋าส่วนนี้ผมจะเอาไว้เก็บแบงก์ย่อย เช่น แบงก์ 100 หรือแบงก์ 20 ซึ่งจะถูกจัดเก็บอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมเอง
ชั้นที่ 3 : จะเป็นชั้นที่เอาไว้เก็บเศษเหรียญ หรือเหรียญจากเงินทอน เช่น เหรียญ 10 บาท เหรียญ 5 บาท เป็นต้น
วิธีนี้ทำให้ควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว ในชีวิตประจำวันผมจะใช้เงินในชั้นที่ 2 หรือชั้นกลาง (แบงก์ย่อย) เป็นหลักในการใช้จ่าย ซึ่งสิ่งที่สำคัญในชั้นที่ 2 หรือชั้นกลางนี้คือเราจะรู้จำนวนเงินในชั้นอยู่เสมอ ว่ามีเงินประมาณเท่าไหร่ในกระเป๋าของเรา เมื่อเราเริ่มที่จะใช้เงิน จิตใต้สำนึกของเราก็จะคอยคิดว่าเราใช้ไปเท่าไหร่ เหลืออยู่เท่าไหร่ ซึ่งทำให้เราเข้าใจการใช้จ่ายในแต่ละวันได้อย่างไม่รู้ตัว
แต่ถ้าหากวันนั้นเงินในชั้นกลางไม่พอ เราจะรู้สึกว่าอาจจะต้อง “ยืม” เงินจากชั้นที่ 1 (กระเป๋าเงินหรือแบงก์ใหญ่) เพื่อมาใช้จ่ายต่อไป ซึ่งจะทำให้เริ่มรู้สึกและจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า “วันนี้ใช้เงินเยอะไปหรือเปล่า ?” เหมือนกับว่ากำลังยืมเงินจากตัวเองเพื่อที่จะรักษาความสมดุลในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการใช้เงินแบบที่ผมได้กล่าวไปจะทำให้เกิดความระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวครับ
ส่วนชั้นที่ 3 หรือช่องเก็บเหรียญ ที่มาจากเงินทอนหรือเหรียญที่เราเก็บอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว ผมแนะนำให้เก็บเหรียญเหล่านี้อย่างดี และนำกลับบ้านไปใส่กระปุกเก็บไว้ เพราะเหรียญเหล่านี้สามารถกลายเป็นเงินเก็บจำนวนมากได้ในอนาคต หากพิจารณาตามตัวอย่างต่อไปนี้ ในหนึ่งวัน เวลาที่คุณใช้จ่ายมักจะมีเหรียญทอนกลับมาบ้าง แม้จะไม่มากนัก
แต่ถ้าคุณเก็บเหรียญเหล่านี้ทุกวัน อย่างเช่น ประมาณ 20 บาท ต่อวัน แล้วหยอดกระปุกทุกวัน วันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี คุณอาจจะมีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เพียงแค่เก็บเหรียญเหล่านี้ไว้ทุกวัน โดยที่ไม่ไปแตะต้องเงินในช่องนี้เลย การออมเงินในรูปแบบนี้อาจจะดูไม่เยอะ แต่หากสะสมไปเรื่อย ๆ ทุกวัน จะกลายเป็นกองทุนใหญ่ที่สร้างเงินเก็บได้โดยไม่รู้ตัวครับ
สรุปส่งท้าย
การแบ่งเงินออกเป็น 3 ชั้นช่วยให้เราสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีระเบียบ โดยชั้นที่ 1 จะเป็นเหมือนทุนสำรองที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ชั้นที่ 2 คือเงินสำหรับใช้จ่ายประจำวัน ซึ่งหากเหลือก็สามารถนำไปสะสมใช้ในวันถัดไปได้
ส่วนชั้นที่ 3 คือเศษเหรียญที่ได้จากการทอนหรือการใช้จ่ายในแต่ละวัน เราสามารถนำเหรียญเหล่านี้ไปออมเพื่อสร้างเป็นเงินเก็บอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้
ซึ่งการแบ่งเงินแบบนี้จะช่วยให้ไม่รู้สึกกดดันในการควบคุมค่าใช้จ่าย เพราะทุกอย่างจะเป็นการทำตามนิสัยและธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องคิดหรือคำนวณมากเกินไป ทั้งยังช่วยให้มีการเก็บออมเงินอย่างไม่รู้ตัว โดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถจัดการกับเงินได้ดีขึ้น และสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติครับ
หากคุณออมเงินในรูปแบบของการลงทุน เช่น หุ้นหรือกิจการ การเข้าใจมูลค่ายุติธรรมจะช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.abs-valuation.com/tfrs9-fair-value
X