คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันชีวิต

สมาคมประกันชีวิตไทยเผยไตรมาสแรก ปี 67 เบี้ยรับรวม 163,959 ล้านบาท โตขึ้น 4.72%

29/05/2024

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ไตรมาสแรก ปี 2567 (มกราคม – มีนาคม) ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 163,959 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.72 จำแนกเป็น เบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ (New Business Premium) 45,890 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป (Renewal Year Premium) 118,068 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.79 และมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 83สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย1.) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) จำนวน 29,841 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 3.592.) เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) จำนวน 16,050 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.56เมื่อจำแนกเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2567 แยกตามช่องทางการจำหน่าย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้อันดับ 1 การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 78,013 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 47.58 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.20 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 2 การขายผ่านธนาคาร จำนวน 66,044 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 40.28 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.49 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 3 การขายผ่านช่องทางนายหน้า จำนวน 11,228 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 6.85 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.90 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 4 การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ 3,090 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 1.88 หรือเติบโตลดลงร้อยละ 11.62 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 5 การขายผ่านช่องทางดิจิทัล 313 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 0.19 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.91 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 6 การขายผ่านช่องทางไปรษณีย์ 4 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 0.002 หรือเติบโตลดลงร้อยละ 39.79 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาส่วนการขายผ่านช่องทางอื่นๆ (Others) เช่น การขาย Worksite การขายผ่านการออกบูธ Walk-in และ การขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นต้น มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5,266 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.21 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.30 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตในไตรมาสแรก ปี 2567 คือ สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพและคุ้มครองโรคร้ายแรง (Health และ CI) ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 32,776 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.48 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.99 ซึ่งหลักๆ มาจากการที่ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพและเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันคุ้มครองสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงและรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (Medical Inflation)ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว (Aged Society) รวมถึงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินช่วงวัยเกษียณมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักที่จะต้องมีเงินออมที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายช่วงวัยเกษียณ พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิต และ สิทธิการลดหย่อนภาษีอีกด้วย จึงส่งผลให้ เบี้ยประกันภัยรับรวม ของ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) อยู่ที่ 2,604 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.80 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.59นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit – Linked และ Universal life) ก็ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 8,979 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.98 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.48 ส่วนหนึ่งมาจากการที่ประชาชนเริ่มเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องการลงทุนและความคุ้มครอง ที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปรับลดเงินลงทุนหรือทุนประกันภัย ซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายทั้งด้านการเงินและการบริหารความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวในตอนท้ายแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=165238

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

บลูพอร์ต เตรียมจัดงานใหญ่ รับเดือนแห่ง PRIDE ดึงดูดกลุ่ม LGBTQ+ เที่ยวหัวหิน

29/05/2024

ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ เตรียมจัดงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” เพื่อร่วมฉลอง Pride Month กับทั่วโลก เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในหัวหิน โดยมุ่งเปิดกว้างแก่คนทุกเพศทุกกลุ่ม ตลอดเดือนตั้งแต่ 1-30 มิถุนายน 67ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เตรียมจัดงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” ครั้งแรกของเมืองหัวหินอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ เพราะกิจกรรมเฉลิมฉลองเดือนแห่ง Pride ที่ถือเป็นการเปิดฤดูกาลส่วนหนึ่งในงาน Pride ของประเทศไทย พร้อมกับ Pride Month ทั่วโลกบลูพอร์ตหัวหิน ในฐานะที่เป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองหัวหิน จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความเท่าเทียมสำหรับทุกคน ทำให้เกิดการยอมรับในสังคมโดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ และเพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใน บลูพอร์ต อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวหัวหินให้เป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับนักท่องเที่ยว LGBTQ+ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในเมืองหัวหินเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศให้ได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบันน.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด กล่าวว่า ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ในระดับนานาชาติทั่วโลก ยกให้เป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ  LGBTQ+ Pride Month และเมืองหัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล เป็นเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการมาพักผ่อนตากอากาศ มีชายทะเลที่สวยงาม ร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย และยังเป็นเมืองที่ได้รวบรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ในแต่ละปีมีผู้คนมากมาย ล้วนเดินทางมาเยี่ยมเยือน บลูพอร์ตหัวหิน จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและทำให้คนได้รู้จักหัวหินในมุมมองต่างๆ มากยิ่งขึ้นกรรมการบริหาร บริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด กล่าวด้วยว่า งานครั้งนี้ยังเป็นการเปิดกว้างในเรื่องของการท่องเที่ยวให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกรุ่น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม พร้อมที่จะเป็นสถานที่ที่โอบรับทุกคนจากทั่วโลกที่มีความหลายหลาก ด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม สร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก สร้างความประทับใจ และเผยแพร่วัฒนธรรมพร้อมสร้างสีสันแห่งความสุขมอบให้แก่ทุกคนที่มาเยือน พร้อมทั้งผลักดันให้หัวหิน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว Top LGBTQ+ Friendly Destination ต่อไปตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 พบกับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ Art of Pride และ People of Pride โดยศิลปินหลากหลายแขนงจากทั่วประเทศ ที่ลานเอเทรียม ชั้น G, วันที่ 8 มิถุนายน พิธีเปิดงานนิทรรศการ Pride Art ด้วยความร่วมมือจากองค์กร และศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาและศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาพูดคุยกับศิลปินชื่อดังจากหมู่บ้านศิลปินหัวหิน ความงามที่หลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ และถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะที่นำมาจัดแสดง พร้อมชมแฟชั่นโชว์ โดยผลงานการออกแบบจากนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตสำหรับในวันที่ 29 มิถุนายน พบกับไฮไลต์สุดพิเศษ BLUPORT PRIDE PARADE 2024 ขบวนพาเหรด LGBTQIAN+ ครั้งแรกในเมืองหัวหิน จากหลากหลายองค์กร หลากหลายกลุ่มคนที่มาร่วมเฉลิมฉลองกับเทศกาล Pride Month พร้อมทั้งขบวนคาราวานรถคลาสสิก จากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จากหอนาฬิกาหัวหิน มุ่งหน้าสู่ลานเดอะสแควร์ ด้านหน้าบลูพอร์ตหัวหินในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาร่วมดื่มด่ำเฉลิมฉลองกับบรรยากาศสุดพิเศษที่บลูพอร์ตหัวหิน นำมามอบให้กับทุกท่านในงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” พร้อมด้วยสีสันความสนุกของกิจกรรมต่างๆ และแคมเปญส่วนลดพิเศษกับโปรโมชัน Mid-Year Sale ช้อปทำถึง เพื่อร่วมฉลอง Pride Month ไปด้วยกันกับสีสันแห่งความสนุกสุดมันส์ยาวตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนี้ที่บลูพอร์ตหัวหิน.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/localbusiness/2789046

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

แจกพิกัด 5 สวนสาธารณะ Pet Friendly ในกรุงเทพฯ

29/05/2024

แจกพิกัด 5 สวนสาธารณะ Pet Friendly วันหยุดนี้พาเหล่าเจ้านายไปวิ่งเล่นกันเถอะหากใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในวันหยุด แต่ไม่อยากไปไหนไกล หรือห่างจากเจ้านาย (น้องหมา ,น้องแมว)  วันนี้เรามีสวนสาธารณะที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากทุกคนกัน รับรองว่าครบที่สุดสำหรับไลฟ์สไตล์คนรักสัตว์ ให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้พักผ่อนบนผืนหญ้าอันกว้างใหญ่ พร้อมทั้งเดินเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวใครว่า จะมีที่ไหนกันบ้างนั้น ตามเรามาดูกันเลย1. สวนเบญจกิติเริ่มกันที่ สวนสาธารณะ Pet Friendly ที่แรก สวนเบญจกิติ สวนสาธารณะใจกลางกรุงที่เปิดพื้นที่ Dog Park ให้เหล่าน้องๆ แก๊งสี่ขา เข้ามาภายในสวนสาธารณะได้ (เพิ่งเปิดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา) โดยมีข้อปฏิบัติที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะต้องใช้สายจูงทุกครั้งที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามา , ต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงต้องลงทะเบียนการใช้บริการสวนสาธารณะสำหรับสุนัขก่อนเข้าใช้บริการ และสวนแห่งนี้ยังมีจุดให้น้ำ, ตู้ฉุกเฉิน และ Dog Toilet ให้บริการ แต่เจ้าของต้องนำถุงอึมาเองน้า  •  พิกัด : goo.gl/maps/iEe3j8ypiuooKXWM8  •  เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.2. สวนวัชราภิรมย์ ( BMA DOG PARK ) รามอินทรา เขตบางเขนสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย (และในกรุงเทพฯ) ที่ได้จัดพื้นที่ให้มี Dog Park ที่แห่งนี้อยู่ใต้ทางพิเศษและทางแยกต่างระดับวัชรพล ถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่เหมาะแก่การพาสัตว์เลี้ยงมามาก ภายในสวนสาธารณะจะมีลานออกกำลังกายสำหรับสุนัขพันธุ์ เล็ก – ใหญ่ และมีจุดปล่อยสายจูงให้น้องได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ อีกทั้งยังมีจุดให้น้ำ จุดล้างตัว นอกจากนี้ยังมีถุงเก็บอึให้บริการด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนเข้าใช้บริการต้องลงทะเบียนสุนัขกันก่อนนะ  •  พิกัด : goo.gl/maps/qiAkpJGUH7QPZrBR6  •  เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 07.00 – 20.00 น.3. สวนสาธารณะบึงหนองบอน เขตประเวศสวนสาธาณะบึงหนองบอน หรือ ศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน สถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับสวนหลวง ร.9 ภายในสวนสาธารณะต้องบอกเลยว่ามีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ทั้งกีฬาทางน้ำ ฟิตเนสที่นี่ก็มีให้พร้อมเลย อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้เราพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้ด้วยนะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ต้องลงทะเบียนก่อนเข้าใช้บริการ แต่ก็ต้องใช้สายจูงสุนัข และช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย  •  พิกัด : goo.gl/maps/CVWDRTGCX9a3RZ3cA  •  เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.4. สวนเทียนทะเลพฤกษาพัฒนาภิรมย์ เขตบางขุนเทียนมาถึงฝั่งธนบุรีกันบ้าง โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อยู่บนถนนบางขุนเทียนชายทะเล เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ที่นี่มีโซน Dog Park สามารถพาสุนัขเข้าได้ แต่ต้องลงทะเบียนสุนัขที่จุดคัดกรองก่อน และเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเป็นสมาชิกสวนฯ ก่อน ข้างในมีพื้นที่ให้เหล่าเจ้านายทำกิจกรรมเยอะมาก ทั้งโซนฝึกสุนัข พื้นที่ทางเดินสำหรับเดิน-วิ่ง สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ และพื้นที่บริการให้น้ำสุนัข โดยจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลและคัดกรองสุนัขด้วย  •  พิกัด : goo.gl/maps/Lzuvf3kY7vQ2LfHU6  •  เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.5. สวนสาธารณะบางแคภิรมย์ปิดท้ายกันที่สวนสาธารณะบางแคภิรมย์ หรือสวนสาธารณะสำหรับสุนัข แห่งที่ 2 ของกรุงเทพ สวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 69 ที่มีพื้นที่สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ภายในประกอบไปด้วยพื้นที่คัดกรองสุนัข ทางเดิน – วิ่ง สำหรับจูงสุนัข พร้อมกับมีจุดให้น้ำสุนัขเพื่ออำนวยความสะดวก นับว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่คนรักสุนัขย่านฝั่งธนต้องมากันเลย  •  พิกัด : goo.gl/maps/qMM4FpLwSirxhKSs6  •  เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 – 21.00 น.และทั้งหมดนี้ก็เป็นสถานที่ ที่เรานำมาแนะนำกัน หากใครที่จะพาสัตว์เลี้ยงของตนไปเที่ยว ก็อย่าลืมเช็กสุขภาพร่างกายของเหล่าเจ้านายของตัวเองด้วยนะ อีกหนึ่งอย่างเลยก็คืออย่าลืมพกอุปกรณ์ที่เพิ่มความปลอดภัยให้เหล่าเจ้านาย รวมถึงบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นรถเข็น ปลอกคอ สายจูง และ อุปกรณ์อื่น ๆที่สำคัญ! ต้องรักษาความสะอาด ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้นๆอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้าง และหมา-แมวตัวอื่นที่มาใช้บริการ หากใครอยู่ใกล้สวนสาธารณะแถวไหน ก็ไปตามพิกัดที่เราบอกได้เลยน้าาขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก thaipost tatcontactcenter matichon thairath salehere punproแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1444075/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

สุธี คุณาวิชยานนท์ ความชัดเจนในความไม่ชัดเจน นิทรรศการ ‘พราง’ ที่ละลานตาฯ

28/05/2024

  •  สุธี คุณาวิชยานนท์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2508 กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาทัศนศิลป์ เอกภาพพิมพ์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร  และปริญญาโท สาขาทัศนศิลป์จาก Sydney College of the Arts, the University of Sydney ออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  •  แนวผลงานที่สร้างชื่อเสียง ล้วนเป็นงานศิลปะที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เช่น การบริจาคลมหายใจต่ออายุให้แก่ประติมากรรมยางรูปคน ช้าง ควาย และเสือ กิจกรรมทางศิลปะที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนในการ ‘เขียน’ ‘พิมพ์’ และ ‘เป็นเจ้าของ’ ประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ในผลงานชุด ‘ห้องเรียนประวัติศาสตร์’ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543  •  “พราง” เป็นผลงานล่าสุดที่จะนำผู้ชมย้อนกลับไปทบทวนบรรยากาศของสงครามเย็นครั้งแรกที่เริ่มขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตรวจสอบสงครามเย็นครั้งที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ผ่านแผนที่ในรูปลายพรางที่สะท้อนความตึงเครียดทางด้านทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนการซ่อนเร้นอำพรางในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมพราง : CONCEAL เป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปะสื่อผสมของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินและศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ ม.ศิลปากร ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม – 19 มิถุนายน 2567 โดยมี ชลิต นาคพะวัน รับหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ชลิต นาคพะวัน ภัณฑารักษ์ นิทรรศการพราง : CONCEALชลิต กล่าวว่า ‘พราง’ เป็นนิทรรศการที่มีเนื้อสอดคล้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย หากยังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลก อันส่งผลกระทบโยงใยถึงกันไปหมด“ผลงานของศิลปิน สะท้อนถึงความคลุมเครือที่ชัดเจน ผ่านลวดลายพรางที่มาจากเครื่องแบบของทหาร นำเสนอผ่านแผนที่ประเทศไทยและแผนที่โลกในรูปแบบใหม่ที่ชวนให้ผู้ชมฉุกคิด ตีความ ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีทั้งสงครามทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ รวมไปถึงความคิดที่แตกต่าง ตลอดจนจุดยืนบนเวทีโลกของไทยบนความขัดแย้ง ความคลุมเครือที่ไม่ชัดเจนในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเราต้องการนำเสนอผลงานศิลปะที่มีความลึกซึ้ง ชวนคิดเป็นอาหารสมองที่สร้างสรรค์ประเทืองปัญญา ได้ทั้งสุนทรียะและประเด็นให้ขบคิดไปพร้อมกัน”(จากซ้าย) ผลงานไทยประดิษฐ์,2557  ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2,2566 และแผ่นดินแม่ ,2557นิทรรศการ ‘พราง’ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 1 ห้องใหญ่และอีก 2 ห้องเล็ก สุธี นำเราไปที่ห้องเล็กอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแผนที่ประเทศไทย ภายในห้องนี้จัดแสดผลงาน 3 ชิ้น ได้แก่ ไทยประดิษฐ์,2557  แผ่นดินแม่ ,2557 และ ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2, 2566รายละเอียดในแผนที่ไทยประดิษฐ์“เริ่มทำแผนที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2555 ในช่วงแรกเป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ไทยประดิษฐ์ เป็นผลงานภาพพิมพ์จากแม่พิมพ์โลหะ ทำขึ้นเมื่อปี 2557 ภายในแผนที่ประเทศไทย ประกอบไปด้วยมรดกจาก ‘ยุคสร้างชาติไทยใหม่’ หลายอย่างทั้งการปฏิวัติไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ เปลี่ยนชื่อประเทศ เปลี่ยนเพลงชาติ ประดิษฐ์สร้างประเพณีและธรรมเนียมใหม่ ๆ  ยกเลิกจารีตเก่า ๆ และเป็นยุคบุกเบิกของการนำสื่อสมัยใหม่มารับใช้รัฐในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร อาทิ เพลง  ละคร วรรณกรรมและรายการวิทยุปลุกใจ สื่อสิ่งพิมพ์ช่วยประโคมข่าว  งานออกแบบกราฟิก ภาพวาด ประติมากรรม และอนุสาวรีย์ ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้รัฐและผู้นำส่วน แผ่นดินแม่ แสดงภาพแผนที่กลับด้านหรือคว่ำหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงปี 2553 จนถึงปีที่สร้างงาน คือ 2557 ประเทศไทยในแบบเดิมถูกท้าทายจากฝ่ายเสื้อแดง” ศิลปินกล่าวถึงที่มาของผลงานแผนที่ประเทศไทยที่พัฒนาไปสู่แผนที่ประเทศไทยลายพราง ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 2566 – 2567“ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2 ผลงานชิ้นนี้แสดงภาพแผนที่ประเทศไทยที่ล้อมรอบไปด้วยประเทศเพื่อนบ้าน เป็นองค์ประกอบที่คนไทยเราคุ้นเคยกันแต่คนต่างชาติหลายคนที่เข้ามาดูแล้วเขาดูไม่ออกว่าเป็นตรงไหนเป็นแผนที่ของประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา หรือ มาเลเซียลายพรางในที่นี้จึงทำงานทั้งในมิติของการพรางที่มองเห็นไม่ชัดเจน รวมไปถึงพรางในมิติของสงครามเย็นที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาที่ประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจ นั่นคือ ขั้วทุนนิยม เสรีประชาธิปไตย กับขั้วสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ โดยที่ไทยเข้าร่วมกับฝ่ายทุนนิยม เสรีประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐอเมริกา”สุธี คุณาวิชยานนท์ กับแผนที่ประเทศไทยลายพราง จาก ERDL Patternด้วยเหตุนี้ศิลปินจึงนำ ‘ลายพราง’ ERDL Pattern สำหรับชุดทหารที่สหรัฐอเมริกาออกแบบและนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามเวียดนาม โดยต่อมาทางการทหารอเมริกันได้มอบให้แก่ทหารไทย มาใช้เป็นสื่อในงานศิลปะ“ลายพราง ชื่อ ERDL Pattern  ยังใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน ที่เพิ่มเติมคือ ลายพรางของทหารได้แพร่หลายออกจากกรมกองมาสู่สตรีทแฟชั่น เสื้อผ้าลายพรางมีขายกันตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงตลาดไฮเอนด์ ทุกวันที่ออกจากบ้านเราจะเห็นคนใส่ลายพราง ถ้าไม่ใช่เสื้อก็จะเป็นกางเกง  ERDL Pattern  ถือได้ว่าเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกัน ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก”จากแผนที่ประเทศไทยลายพราง ศิลปินพาเราย้อนกลับมาชมผลงานในห้องจัดแสดงหลักที่ประกอบไปด้วยแผนที่ประเทศไทยลายพรางหลากสี ได้แก่ ส้ม เหลือง แดง และเขียว“เป็นผลงานที่ตั้งคำถามว่า คุณอยากจะได้ประเทศไทยสีอะไร ?” (จากซ้าย) ผลงานประเทศไทยลายพรางสีส้ม ประเทศไทยลายพรางสีเหลือง ประเทศไทยลายพรางสีแดง ประเทศไทยลายอีอาร์ดีแอล (สงครามเย็น) และ ระเบียบโลกใหม่ศิลปินตั้งคำถาม โดยการเขียนแผนที่ลายพรางหลากหลายสี ที่มีทั้งการทับซ้อน พรางตา คลุมเครือ บ้างก็เปิดเผย และบ้างก็แอบแฝงอย่างมิดชิด สะท้อนยุทธวิธีการต่อสู้ทางแนวคิดที่มีทั้งการหลบซ่อนรอซุ่มโจมตี และรอเวลาเพื่อแย่งชิงพื้นที่ให้เป็นของตนจากสถานการณ์ในบ้านเรา ศิลปินพาเราออกไปมองความขัดแย้งในระดับโลกผ่านแผนที่โลกลายพรางที่ไม่เพียงแสดงขอบเขตที่คลุมเครือด้วยแพทเทิร์นลายพรางแล้ว ศิลปินยังเปลี่ยนตำแหน่งของแผนที่แต่ละประเทศในโลกให้กระจัดกระจายออกไปในผลงานที่มีชื่อว่า ระเบียบโลกใหม่,2567ผลงาน ระเบียบโลกใหม่, 2567“แผนที่โลกในรูปของลายพรางทางการทหาร แสดงถึงสภาวะตึงเครียดทางการเมืองและการทหารระหว่าง 2 ขั้วตรงข้ามในทางภูมิรัฐศาสตร์ นั่นคือ ระหว่างขั้วที่นำโดย จีนและรัสเซีย กับ สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในตะวันตกผลงานชื่อ ระเบียบโลกใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ เต็มไปด้วยความอลหม่าน วุ่นวาย รุนแรง เป็นการนำแผนที่ของประเทศต่างๆที่เป็นทั้งพันธมิตรและคู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจการค้า ตลอดจนคู่สงครามระหว่าง 2 ขั้วมาจัดวางตำแหน่งใหม่ สะท้อนสภาวะการตึงเครียดของโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้” สุธีอธิบายถึงที่มาและความคิดในการสร้างผลงาน “ระเบียบโลกใหม่” ก่อนพามาถึงนิทรรศการในห้องสุดท้ายห้องจัดแสดงแม่พิมพ์ลายที่แยกออกมาจากลายพราง ERDL Patternในพื้นที่เล็กๆ นี้จัดแสดงแม่พิมพ์พลาสติกที่แกะลายมาจาก ‘ลายพราง’ ERDL Pattern ที่ชวนให้คิดถึงรูปร่างของแผนที่ พื้นที่ของภูเขา แม่น้ำ ซึ่งเมื่อมารวมกันแล้วกลายเป็นลายพรางในเครื่องแบบทหารที่ช่วยในการอำพราง ซ่อนเร้น ดักรอโอกาสในการโจมตี“ลายพราง เวลาที่อยู่ในป่ามันกลมกลืนไปกับธรรมชาตินะ แต่พอมาอยู่ในเมืองมันกลับเป็นลายที่โดดเด่นกลายเป็นแฟชั่นที่สะดุดตาเลยทีเดียวในนิทรรศการ ‘พราง’ จึงมีทั้งความพรางที่มองเห็นได้ชัดเจน  ในความชัดเจนก็แอบแฝงไปด้วยอันตราย ในขณะเดียวกันความพรางที่แสดงความไม่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญานของการอยู่รอด ความพยายามในการรักษาสมดุล ตลอดจนผลประโยชน์ที่ได้รับ‘พราง’ จึงมีทั้งความชัดเจนในความไม่ชัดเจน และความไม่ชัดเจนที่แอบแฝงอยู่ และ เป็นสิ่งที่เราอยากชวนให้ผู้ชมสนุกไปกับการฉุกคิดและตีความไปกับผลงานในนิทรรศการชุดนี้”ภาพ : ละลานตา ไฟน์อาร์ตนิทรรศการ ‘พราง’ โดย สุธี คุณาวิชยานนท์  จัดแสดงระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม ถึง 19 มิถุนายน 2567  •  ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 22 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ   •  อังคาร - เสาร์ เวลา 10.00 น. - 19.00 น.โทร. 0 2050 7882แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1128504

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เที่ยว “ซานโต โดมิงโก” เมืองหลวง - เมืองมรดกโลก แห่งโดมินิกัน

28/05/2024

ชวนคุณมาทำความรู้จัก “ซานโต โดมิงโก" หรือ ซันโต โดมิงโก (Santo Domingo) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งมีพื้นที่อนุรักษ์ได้รับสถานะมรดกโลก ยูเนสโกภาพ: สำนักข่าวซินหัวเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นมหานครที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวาอีกแห่งในภูมิภาคแคริบเบียน ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรมโดมินิกัน ที่ซึ่งทั้งความดั้งเดิมและความทันสมัยมาบรรจบกันอย่างลงตัว ตั้งแต่อาคารสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เก่าแก่หลายศตวรรษ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หอศิลป์ สถานบันเทิงแสงสียามค่ำคืน และแหล่งอาหารการกินที่คึกคักการสำรวจเมืองยุคโคโลเนียล (Colonial City of Santo Domingo) ซึ่งเป็นชุมชนชาวยุโรปแห่งแรกในทวีปอเมริกา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1990 ถือเป็นประสบการณ์ที่แนะนำสำหรับนักเดินทางผู้มาเยือนPhoto: GoDominicanRepublicย่านประวัติศาสตร์ของเมืองนั้นประกอบด้วยเขาวงกตของอาคารบ้านเรือนที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้า ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมจากศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 นำไปสู่อาคารยุคอาณานิคมที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแนะนำให้ขึ้นรถไฟ “Chu Chu Colonial” เพื่อทัวร์ชมพื้นที่เป็นเวลา 45 นาที จ้างไกด์ที่จะพาคุณเดินไปตามถนนลาดยางสายแรก หรือเช่าจักรยานสลับไปกับการเดินเตร่ด้วยตัวเอง โดยหากต้องการพักผ่อนตามธรรมชาติ ปิกนิกบนสนามหญ้า แนะนำให้ไปสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแคริบเบียน หรือเดินเล่นไปตามถนน Malecón ยามพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชมวิวทะเล หาของว่างริมถนนกิน และชมวิถีชีวิตผู้คนPhoto: GoDominicanRepublicนอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมหลากหลายของซานโต โดมิงโก คือ การเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าสุดพิเศษแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือที่แกลเลอรีช่างฝีมือในโคโลเนียลซิตี้ เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าชาคาบานาผ้าลินิน กระเป๋าถือหนัง หรือตุ๊กตาไร้หน้าเซรามิก รับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ที่โรงแรมแบรนด์ต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งเชฟชื่อดังจะสร้างสรรค์อาหารโดมินิกันและอาหารนานาชาติที่แปลกใหม่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวผ่อนคลายกับปูโรโดมินิกันที่ร้านอาหารบนระเบียงแบบเปิดโล่งที่มองเห็น Plaza de España หรือสังสรรค์ที่เลานจ์บนชั้นดาดฟ้าบนถนน Gustavo Mejía Ricart Avenue และเมื่อพร้อมที่จะไปชายหาด ก็นั่งรถเพียง 40 นาทีก็จะถึงหาดทรายสีขาวนุ่มของ Boca Chica ซึ่งมีร้านอาหารทะเลและความบันเทิงรออยู่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวการเดินทางไปเมืองหลวงโดมินิกัน มีศูนย์กลางที่สนามบินนานาชาติ Las Américas (SDQ) หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามบิน José Francisco Peña Gómez ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงซานโตโดมิงโกเพียง 30 นาทีภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000045554

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA CI Kick Off 2024 ประกาศความมุ่งมั่นในการสร้างความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้กับคนไทย ผ่านพลังตัวแทนเอไอเอ ทั่วประเทศ

28/05/2024

นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต, นางสาวธีรนุช ทำนุพันธุ์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ตัวแทนและบริหารสำนักงานตัวแทน, นายกฤษณ์ อัตตะสาระ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 5, นางสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย,  นางสาวศศิรัตน์ กิตติจูงจิต (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, นายมนต์ชัย บุณยรัตพันธุ์ (ที่ 2 จากขวา)  ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 1 และนายศุภวัฒน์ โฆวัชรกุล (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ช่องทางตัวแทนกรุงเทพฯ 28 พฤษภาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA CI Kick Off 2024 เดินหน้าส่งมอบความคุ้มครองโรคร้ายแรงเพื่อเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโรคที่ไม่อาจคาดคิดให้กับคนไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังและยกระดับความเป็นมืออาชีพให้กับตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ผ่านการฝึกอบรมเสริมความรู้และความสามารถในด้านการวางแผนประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีความคุ้มครองที่เพียงพอและครอบคลุม นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้มอบคุณวุฒิให้กับตัวแทนประกันชีวิตที่ผ่านมาตรฐานการทำงาน เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความเชี่ยวชาญในการวางแผนความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคร้ายแรงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกอายุ เพราะปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพคนไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนไทยมีการวางแผน และสร้างความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เพียงพอ เอไอเอ ประเทศไทย ได้พัฒนาแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อช่วยสร้างความคุ้มครองในกรณีมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AIA CI ProCare แบบประกันหลักที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงตลอดชีพ AIA Multi-Pay CI Plus แบบประกันที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงแบบ เจอ-จ่าย-หลายจบ ครบถึงการดูแล AIA CI Plus สัญญาเพิ่มเติมที่ให้ทั้งความคุ้มครอง 44 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง และความคุ้มครองการเสียชีวิต 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ด้วยเบี้ยประกันราคาประหยัด หรือ AIA Health Cancer ที่ให้ค่าชดเชยรายวันหากต้องนอนโรงพยาบาล และรับเงินก้อนใหญ่กรณีเสียชีวิตเนื่องจากโรคร้ายแรง รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกมากมาย “ยิ่งไปกว่านั้น เอไอเอ ประเทศไทย ยังมีการผลักดันและสนับสนุนตัวแทนประกันชีวิตของเราอย่างต่อเนื่อง ในการช่วยออกไปมอบความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า อีกทั้งเรายังมุ่งสนับสนุนให้ลูกค้ามีทุนเอาประกันภัยโรคร้ายแรงอย่างน้อย 3 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้รับการรักษาที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้ในช่วงเวลาที่ต้องรักษาตัวจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ผ่านการวางแผนอย่างมืออาชีพของตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ประเทศไทย”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

“อคติ” ยอดฮิตที่คนเผลอคิดแบบไม่รู้ตัว

27/05/2024

ถ้าคุณท่องโลกโซเชียลในช่วงนี้ คุณอาจเห็นคำ ๆ หนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาบ่อย ๆ คำ ๆ นั้นก็คือ “Bias” ที่แปลว่าอคติ หรือก็คือความลำเอียง ที่ใจของเราเทไปในทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป แบบที่ไม่ได้ใช้เหตุผลเข้ามากำกับ แต่ใจมันชอบล้วน ๆ หรือบางทีก็อาจมองสิ่งนั้นในแง่ลบมากจนเกินไป 3 อคติ หลุมพลางแห่งความคิด และจิตใจตามกลไกสมองวันนี้เราจะมาตีแผ่เรื่องที่มีกลิ่นอายความขมของดาร์กไซด์เข้ามาปะปนนิด ๆ เรื่องไหนที่ใจเรามักเผลอคิด “อคติ” ไปแบบไม่รู้ตัว1. Blind Spot Bias คนอื่นล้วนมีแต่อคติต่อฉัน! เป็นหลุมพรางที่มองว่าตัวเราไม่ได้มีอคติต่อคนอื่นนะ แต่คนอื่นต่างหากที่มักจะมีอคติต่อตัวเรา! ซึ่งจะทำให้เป็นการปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น ไม่นำสิ่งที่เขาคอมเมนต์มาคิดวิเคราะห์ต่อยอด ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณพลาดอะไรไปก็ได้ และยังเป็นการมองตัวเองในแง่ดี “มากจนเกินไป” ด้วย2. Fundamental Attribution Error ความผิดเขาเท่าภูเขา ความผิดเราเท่าเส้นผมเป็นอคติที่มีความลำเอียงแบบสุด ๆ เลย คนที่มีอคติประเภทนี้ มักมองว่าปัญหาที่คนอื่นก่อขึ้นมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก (ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คุณคิดก็ตาม) ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ก็มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลมาเสริมเสมอ3. Stereotypical Bias เหมารวมไปเลยเป็นหนึ่งในอคติที่พบมากที่สุด เป็นการเหมารวมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เช่น เจอผู้ชายเจ้าชู้ก็เหมารวมว่า ผู้ชายจะต้องเจ้าชู้เหมือนกันหมดทั้งโลก หรือตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ดีมีความรักความอบอุ่น ก็เหมารวมว่าทุกครอบครัวจะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ยอมรับความทุกข์ของผู้อื่น เราทุกคนสามารถเป็นคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้างมากขึ้นได้ ขอเพียงแค่ไม่ได้มองแค่มุมตัวเราเพียงฝ่ายเดียว แต่ลอง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นเรา เราจะรู้สึกยังไงในสถานการณ์นั้น และพยายามทำใจให้กว้าง มองโลกในหลายแง่มุมทำความเข้าใจว่าชีวิตของแต่ละคนนั้น “ไม่เหมือนกัน”  สุดท้าย คุณจะเป็นคนที่เข้าใจโลกได้มากขึ้น ได้พัฒนาความคิดของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แล้วคุณจะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartaihttps://www.beartai.com/life/1375140

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

“ประกันควบการลงทุน”...กับ “การวางแผนมรดก” !!!

27/05/2024

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันหรือธนาคารพาณิชย์ ต่างได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของตนเอง“ประกันควบการลงทุน” คือ แบบประกันที่ควบรวมความคุ้มครองและโอกาสในการบริหารผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัย (Premium Charge) ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Administration Fee) ค่าการประกันภัย (Cost of Insurance) ที่คำนวณจากอัตราค่าการประกันภัยของจำนวนเงินเสี่ยงภัยสุทธิ และอัตราค่าการประกันภัยเพิ่มเนื่องจากสุขภาพ ซึ่งอัตราค่าการประกันภัยจะขึ้นอยู่กับอายุและเพศ โดยจะนำเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายจัดสรรลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง“ประกันควบการลงทุน” มีหลายรูปแบบ แตกต่างกันตามวิธีชำระเบี้ย  •  การจ่ายชำระเบี้ยครั้งเดียวด้วยเงินก้อน (Single Premium)  •  การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดรายปี (Regular Premium)  •  การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดแบบมีระยะเวลากำหนดเมื่อ “ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและถูกนิยมนำมาใช้ในการวางแผนส่งต่อมรดก ซึ่งเงินได้จากการประกันภัยโดยปกติจะเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร “เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในขณะหรือภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต” จึงเป็นที่ถกเกียงและเกิดคำถามว่า “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) จะต้องเสียภาษีมรดกไหม“ภาษีมรดก” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยมีหลักการในการจัดเก็บภาษีมรดก บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษีจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว รวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดกเฉพาะส่วน ที่เกิน 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% หรือ 5% หากผู้ได้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก“ทรัพย์มรดก” ที่ต้องเสียภาษีมรดก มีทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้  •  อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน  •  หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม  •  เงินฝากหรือเงินอื่นใดมีลักษณะอย่างเดียวกัน  •  ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์  •  ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา“กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิตและลงทุนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม โดยผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงิน โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ - ค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามข้างต้น- เงินลงทุนในหน่วยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะเป็นตัวกลางระหว่างผู้เอาประกันภัยกับกองทุนรวม“ลักษณะของ ‘กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน’ (Unit Linked) จะมีเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ เงินซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย และ เงินได้ซึ่งเกิดจากหน่วยลงทุนที่ผู้เอาประกันภัยเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริษัทประกันกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทประกันมีหน้าที่ต้องขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย”หากตีความในประเด็น “ภาษีมรดก” เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ ตามมูลค่าที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ เป็นเงินส่วนที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก เพราะเป็นเงินที่เกิดขึ้นภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินส่วนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมบริษัทจะทำการขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องเสียภาษีมรดก เพราะหน่วยลงทุนตามกรมธรรม์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เอาประกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเงินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตหากจะนำ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” มาใช้ใน “การวางแผนภาษี” จะต้องพึงระวังไว้ว่าในส่วนของเงินที่เกิดจากการลงทุนในหน่วยลงทุน จะถือเป็น “มรดก” ที่เข้าข่ายจะต้อง “เสียภาษีมรดก” ตามกฎหมาย แทนที่จะวางแผนเพื่อจัดการภาษี อาจจะทำให้เกิดภาษีมรดกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย “ประกันควบการลงทุน” จึงเป็นประกันประเภทที่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้วางแผนภาษีมรดกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22411

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

CJ WORX จับมือ MACKCHA ศิลปินไทย สร้างสรรค์งานอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ Chalotte 2in1

27/05/2024

CJ WORX (ซีเจเวิร์ค) จับมือ “Mackcha” (แม็กชา) ศิลปินไทยชื่อดังเจ้าของคาแรกเตอร์ “Chalotte” (ชาล็อต) ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ครีเอท Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ “Chalotte 2in1” ให้เป็นอาร์ตคาแรกเตอร์ 2 ร่างในตัวเดียว สะท้อนความสดใสและความมั่นใจที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่ พร้อมจัดแสดงโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1สร้างสีสันให้กับวงการ Art Character อีกครั้ง เมื่อ CJ WORX เอเจนซีสัญชาติไทยผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาและการตลาดระดับนานาชาติ ได้ร่วมมือกับ Mackcha เจ้าของผลงาน “Chalotte” สุดไฮป์ที่กำลังมาแรงในไทยตอนนี้ สร้างสรรค์ผลงานคอลแลบเป็น Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ของน้อง Chalotte ภายใต้ชื่อ “Chalotte 2in1” ซึ่งอยู่ในแคมเปญโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ Head & Shoulders 2in1 จาก P&G โดยได้นำเอาจุดเด่นของโปรดักท์ ซึ่งเป็นแชมพูขจัดรังแคผสมครีมนวดผมในขวดเดียวกัน สู่แนวคิดของการครีเอทอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ครั้งนี้ โดยผลงานสุดอาร์ต “Chalotte 2in1” มีสองร่างรวมกันในตัวเดียว เพื่อสื่อถึงความเป็น แชมพู + ครีมนวดผมในขวดเดียวแบบไม่ต้องเลือก รวมถึงสะท้อน “ความสดใส” (สีชมพู) และ “ความมั่นใจ” (สีฟ้า) ที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่อีกด้วยจากสตอรี่คาแรกเตอร์ Chalotte เธอคือเด็กหญิงที่มาจากท้องทะเล กับภาพจำอย่างโทนสีน้ำเงินและใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เป็นตัวแทนของคนที่สับสนและไม่มั่นใจที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่อยู่มาวันนึง Chalotte ก็อยากเปลี่ยนตัวเองให้มั่นใจกว่าเดิม เพื่อออกมาสู่โลกภายนอก เลยแบ่งตัวเองให้เป็นสองร่างขึ้นมา คือร่างสดใสสีชมพู และร่างมั่นใจสีฟ้า แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ว่าจะเอาร่างไหน ก็เลยรวมเป็น Chalotte 2in1 ที่มี “2ร่างในตัวเดียว” นั่นเอง เป็น Chalotte เวอร์ชั่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดใสและมั่นใจกว่าเดิมแบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นที่มาของการร่วมมือที่น่าสนใจครั้งนี้“Chalotte 2in1” จะถูกนำไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cjworx.com/แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanook.https://www.sanook.com/travel/1447883/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

"นักท่องเที่ยว" กับ "นักเดินทาง" ต่างกันอย่างไร

27/05/2024

เคยสงสัยไหมว่าระหว่าง นักท่องเที่ยว กับ นักเดินทาง ต่างกันอย่างไร หรืออาจไม่แตกต่างกันเลยตามพจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า นักท่องเที่ยว หมายถึง บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปรกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจ และด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้ ขณะที่นักเดินทาง ก็หมายความว่า นักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันในภาพยนตร์เรื่อง A Tourist's Guide to Love คู่มือรักฉบับนักท่องเที่ยว มีบทสนทนาของชายหนุ่มเวียดนามที่บอกกับสาวชาวอเมริกัน อธิบายคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจเขาบอกให้เธอเก็บคู่มือท่องเที่ยวเข้ากรเป๋า ก่อนบอกว่า "นั่นมันคู่มือนักท่องเที่ยว แต่คุณเป็นนักเดินทาง"  หญิงสาวถามกลับ "แล้วมันต่างกันยังงัย" ชายหนุ่มตอบ.."นักท่องเที่ยว อยากหนีจากชีวิตนักเดินทาง อยากสัมผัสชีวิต""แล้วการอยากหนีจากชีวิตเป็นครั้งคราวบ้างมันผิดตรงไหน" หญิงสาวถามกลับอีกครั้ง"เราไม่รู้ว่าชีวิตจะยาวแค่ไหน จะเสียเวลาหนีทำไม ใช้เวลาหาประสบการณ์แทนดีกว่าน่า..." คำตอบจากชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวหมดคำถามไปเลยหนึ่งในฉาก A Tourist's Guide to Love จาก Netflixเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น แต่ไดอาล็อกของตัวละครที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นมักสร้างแรงบันดาลใจให้คนธรรมดากลายเป็นนักเดินทางมานักต่อนักแล้วแล้วคุณล่ะ ชาว Sanook Travel คุณเป็น "นักท่องเที่ยว" หรือ "นักเดินทาง"แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447859/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X