Everyday knowledge for you
ข่าวการเงิน
23/05/2024
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง (อย่างมาก) สำหรับประเทศไทย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 91.3% ของ GDP ยังอยู่ระดับที่สูงเกินกว่าระดับ “ไม่เกิน 80%” อย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลอยากเห็นค่อนข้างมากดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลนโยบายการเงินอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เลยบอกว่า ถ้าลดดอกเบี้ย จะยิ่งทำให้คนก่อหนี้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นมุมมองที่ “สวนทาง” กับขุนคลังคนใหม่ “คุณพิชัย ชุณหวชิร” ที่บอกว่า ถึงจะลดดอกเบี้ยลง คนก็ไม่มีปัญญาจะก่อหนี้เพิ่มแล้ว แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนภาระ ทำให้คนมีเงินไปใช้หนี้ (เดิม) ได้มากขึ้นต่างหากความคิดเห็นที่ยังแตกต่างดังกล่าว หวังว่าคงได้เคลียร์ใจกันไปบ้างแล้ว จากการนัดคุยกันเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาจากนี้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาสำคัญของประเทศให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพราะเรื่องหนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่ล่าสุด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ให้ข้อมูลว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ หนี้บ้านยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนี้รถยนต์ลดลง 1.5%แต่ที่ “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” กรรมการผู้จัดการเครดิตบูโร บอกว่า น่ากังวลก็คือ หนี้ที่เอาไปใช้ทำธุรกิจกับหนี้ O/D ติดลบ 5.7% และ 5% ตามลำดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ เป็น “หนี้เพื่อการบริโภค” เป็นหลักโดยหนี้รถยนต์แม้การเติบโตจะลดลง แต่พบว่า หนี้เสีย (NPL) กลับเพิ่มขึ้นมากถึง 32% ขณะที่ NPL สินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 18% ส่วน NPL สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12% และ NPL บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.6%เมื่อดูไส้ในแล้ว สินเชื่อบ้านมีหนี้ค้างชำระ แต่ยังไม่เป็น NPL (หรือเรียกว่า SM) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ SM ของสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 7% ส่วน SM บัตรเครดิตเพิ่มถึง 32.4%ข้อมูลจากเครดิตบูโรยังสะท้อนด้วยว่า “คน Gen Y” เป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน มากกว่า 50%แปลว่า คน Gen Y หรือคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานของประเทศ กำลังอ่อนล้า บ้านที่เป็น “ปัจจัย 4” กำลังหลุดมือไปต้องบอกว่า น่าเป็นห่วงจริง ๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1567050
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
23/05/2024
เลขาฯ คปภ. สั่งจับตาใกล้ชิด “ประกันรถอีวี” เตือนภาคธุรกิจอย่าแข่งตัดราคา ชี้ควรเน้นคุณภาพ มอนิเตอร์ “เงินกองทุน” บริษัทรับประกันอีวีทุกเดือน พร้อมสั่ง 23 บริษัทประกันวินาศภัยส่งแผนบริหารความเสี่ยง ดีเดย์เดือน มิ.ย.นี้ ลั่นหากมีผลกระทบเงินกองทุนระดับไหนควรต้องหยุดรับประกัน พร้อมเตือนโควตเบี้ยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่แท้จริงนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับ จับตาการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) อย่างใกล้ชิด โดยแจ้งให้แต่ละบริษัทประกันวินาศภัยต้องกำหนดราคาเบี้ยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น และเตือนภาคธุรกิจอย่าตัดราคาแข่งกัน เพราะในเวลานี้ต้องเน้นแข่งขันที่คุณภาพเป็นสำคัญชูฉัตร ประมูลผล“ตอนนี้ยังไม่ได้กังวลถึงขนาดจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ แต่ก็พยายามจะกำกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กลายเป็น Pandemic โดยรถอีวีเพิ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ไม่นาน เราเห็นสถิติยังไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้น ต้องนำเสนอคุณภาพและการบริการที่ดีให้กับประชาชนให้มาก พร้อมกำหนดเบี้ยประกันให้ตรงกับความเสี่ยงของประชาชนแต่ละคน และเราพยายามเฝ้าดูการรับประกันผ่านฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Iinsurance Bureau System) อย่างต่อเนื่อง นี่คือนโยบายที่มอบหมายไว้”ขณะที่นายอาภากรกล่าวว่า ตอนนี้การรับประกันรถอีวีค่อนข้างน่ากลัว เพราะการแข่งขันของภาคธุรกิจเป็นลักษณะแข่งลดเบี้ย เพื่อแย่งพอร์ตงาน ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก โดยช่วงที่ผ่านมา คปภ.ก็ได้มีการเรียกบางบริษัทประกันวินาศภัยเข้ามาพูดคุยบ้างแล้ว โดยเน้นย้ำอัตราเบี้ยประกันรถอีวีที่สำนักงาน คปภ.เห็นชอบกำหนดไว้เป็นกรอบ “ขั้นสูง-ขั้นต่ำ” ให้แต่ละบริษัทเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง“การรับประกันไม่ใช่ทุกจุดจะไม่ขาดทุน มีโอกาสขาดทุนได้ ถ้าบริษัทไม่รู้จักลูกค้า และโควตเบี้ยไม่เหมาะสม และจะต้องรู้ศักยภาพของตัวเองด้วยว่า ฐานะเงินกองทุนของบริษัทจะรับประกันได้มากแค่ไหน และถึงระดับไหนควรจะหยุดรับประกัน อย่างไรก็ดี การรับประกันรถอีวีจะไม่เหมือนการรับประกันโควิดที่เกิดขึ้นกระจายความเสียหายไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว แต่ประกันรถอีวีเป็นเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแบบตูมเดียวและต่อเนื่องไปเร็ว”ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.มีข้อกังวลเกี่ยวกับภัยน้ำท่วมต่อรถอีวี ที่ไม่ใช่เกิดความเสียหายต่อตัวรถเท่านั้น แต่นำพาความเสียหายไปยังจุดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, ซอฟต์แวร์ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าหลาย ๆ กรณีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้“คปภ.เตือนทุกบริษัทให้ระวังภัยน้ำท่วม โดยพื้นที่ใดที่รับประกันภัยและเกิดน้ำท่วมบ่อย ให้แต่ละบริษัทโควตเบี้ยประกันรถอีวีให้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงด้วย”นายอาภากรกล่าวว่า สำนักงาน คปภ.จะให้บริษัทที่รับประกันรถอีวี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 23 บริษัท จะต้องส่งแผนบริหารความเสี่ยงการรับประกันรถอีวีกลับมาให้สำนักงาน คปภ.ในต้นเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรมธรรม์ประกันรถอีวีจะมีเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยรวมข้อมูลตั้งแต่การพิจารณาความเสี่ยง การรับประกัน การออกกรมธรรม์ การกำหนดเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันแต่ละราย การเคลม อะไหล่ อู่ซ่อม ค่าชดเชยต่าง ๆ และที่สำคัญข้อมูลผลการรับประกันรถอีวีที่ปรากฏขึ้นจริงแล้ว ตรงไหนที่จะต้องเข้าไปอุดช่องว่าง หรือต้องใช้วิธีการบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม และสุดท้ายคือหากจะมีผลกระทบเงินกองทุนของบริษัท ระดับไหนที่ควรจะต้องหยุดรับประกัน“กรมธรรม์รถอีวีใหม่จะอนุญาตให้ทุกบริษัทสามารถขายได้เลย เมื่อมีการส่งแผนบริหารความเสี่ยงกลับมาให้กับ คปภ. และสำนักงานจะพิจารณาแผนว่ามีความถูกต้อง เหมาะสม ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าขาดจุดใดจุดหนึ่งจะแจ้งเพื่อให้ช่วยคำนึงเพิ่ม และที่สำคัญกว่านั้น คปภ.จะติดตามสถานการณ์การรับประกันและฐานะเงินกองทุนของแต่ละบริษัทเป็นประจำทุกเดือน”นายอาภากรกล่าวว่า ปัจจุบันยอดการประกันรถอีวีทั้งระบบมีอยู่กว่า 100,000 กรมธรรม์ และมีผู้รับประกันทั้งสิ้น 23 บริษัท ประกอบด้วย 1.กรุงเทพประกันภัย 2.กรุงไทยพานิชประกันภัย 3.เคดับบลิวไอประกันภัย 4.จรัญประกันภัย 5.เจมาร์ทประกันภัย 6.ทิพยประกันภัย 7.ทูนประกันภัย 8.เทเวศประกันภัย 9.เออร์โกประกันภัย 10.ธนชาตประกันภัย 11.นวกิจประกันภัย 12.ประกันภัยไทยวิวัฒน์13.ไอแคร์ประกันภัย 14.ฟอลคอนประกันภัย 15.มิตซุยสุมิโตโมอินชัวรันซ์ 16.มิตรแท้ประกันภัย 17.อินทรประกันภัย 18.ไอโออิกรุงเทพประกันภัย 19.วิริยะประกันภัย 20.เมืองไทยประกันภัย 21.อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย 22.แอลเอ็มจีประกันภัย และ 23.ซันเดย์ประกันภัยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1569337
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
23/05/2024
กรมศิลป์ ชวนชมความงามของประติมากรรม “โกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ” และประติมากรรมจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด” ของโกลเด้นบอย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่ทั้งคู่ได้จัดแสดงพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีสุดยอดประติมากรรมไทยอื่น ๆ ร่วมจัดแสดงด้วย งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 67 เป็นต้นไปนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับการรับมอบประติมากรรม “โกลเด้นบอย” และ “สตรีพนมมือ” โบราณวัตถุล้ำค่า 2 รายการ จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา กลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้งประติมากรรมโกลเด้นบอยสำหรับ “โกลเด้นบอย” (Golden Boy) ทางกรมศิลปากรได้ระบุข้อมูลว่า เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ รูปพระศิวะ ศิลปะสมัยลพบุรี หรือศิลปะเขมรในประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมา มีลักษณะเป็นสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน สูง (รวมเดือย) 128.9 กว้าง 35.6 ลึก 34.3 ซ.ม. (สูงไม่รวมเดือย 105.4 ซ.ม.)ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษยืนนี้ เรียกอย่างลำลองว่า “Golden Boy” ซึ่งแม้ว่าพี่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันจะตีความไว้ว่าเป็นประติมากรรมพระศิวะ แต่ท่าทางของพระหัตถ์ทั้งสองที่มีความแตกต่างจากประติมากรรมโดยทั่วไปที่มักจะถือสัญลักษณ์ของพระศิวะ และไม่ปรากฏพระเนตรที่สามบนพระนลาฏ ประติมากรรมนี้จึงอาจหมายถึงรูปบุคคลในสถานะเทพ หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์สองอย่างคือเป็นรูปเคารพบูชาในศาสนสถานประจำราชวงศ์ หรือเป็นรูปเคารพของบูรพกษัตริย์ประติมากรรมโกลเด้นบอยย้อนไปในปีพ.ศ. 2532 ประเทศไทยมีการขุดค้นพบประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อพิจารณารูปแบบและเทคนิคการสร้าง พบว่ามีลักษณะตรงกับประติมากรรมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน คือ มีการตกแต่งผิววัตถุด้วยกะไหล่ทอง และใช้เทคนิคการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณี ซึ่งวันนี้ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ฝาแฝด” ของประติมากรรมโกลเด้นบอยทั้งนี้จากฐานข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันระบุว่าประติมากรรมโกลเด้นบอยชิ้นนี้ได้จาก Collection of Walter H. and Leonore Annenberg ในปีพ.ศ. 2531 สันนิษฐานว่าถูกลักลอบขุดค้นจากโบราณสถานในเขตอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และมีการลักลอบซื้อขายออกไปโดยผิดกฎหมายในปีพ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นการได้มาก่อนการค้นพบประติมากรรมจากสระกำแพงใหญ่ จึงเชื่อว่าไม่ได้มีการสร้างเลียนแบบ แต่เป็นประติมากรรมในกลุ่มฝีมือช่างใกล้เคียงหรือร่วมสมัยเดียวกันประติมากรรมสตรีพนมมือด้านประติมากรรมรูป “สตรีพนมมือ” (The Kneeling Female) ที่เดินทางกลับคืนมาพร้อมกัน ประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะเขมรในประเทศไทย พุทธศตวรรษที่ 16 (ประมาณ 900 ปีมาแล้ว) มีลักษณะเป็นรูปสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน มีร่องรอยกะไหล่ทอง สูง 43.2 ซ.ม. กว้าง 19.7 ซ.ม.ประติมากรรมรูปสตรีพนมมือสันนิษฐานว่าเป็นสตรีชั้นสูง นั่งชันเข่าขวาและพับขาซ้าย ยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะในท่าอัญชลีมุทรา หรือนมัสการ (พนมมือ) อันเป็นท่าแสดงความเคารพ ลักษณะใบหน้าเหลี่ยม คิ้วโก่ง ตามองตรง คิ้วเซาะเป็นร่อง และนัยน์ตาเซาะเป็นช่องกลม เมื่อพิจารณาจากทรงผมหวีรวบ ไม่สวมกระบังหน้า ประติมากรรมทำเอวคอด รูปทรงสมส่วน ขอบผ้านุ่งด้านหน้าเว้ามาก ขมวดเป็นปม มีชายขมวดหนึ่งชาย ผ้าด้านล่างคลี่ออก เป็นรูปหางปลา เป็นรูปแบบของประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่นิยมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยราว 1,000 ปีมาแล้วประติมากรรมสตรีพนมมือทั้งนี้รูปแบบเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายของประติมากรรมสตรี รวมถึงเทคนิควิธีการหล่อโลหะมีความสอดคล้องกับประติมากรรมโกลเด้นบอย และประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่พบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ซึ่งเป็นสัมฤทธิ์ตกแต่งด้วยกะไหล่ทอง มีการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตงานศิลปกรรมสัมฤทธิ์ที่มีคุณภาพในช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับโบราณวัตถุล้ำค่าทั้งสองของไทย คือ โกลเด้นบอย และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ เคยถูกขบวนการโจรกรรมโบราณวัตถุข้ามชาติลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ก่อนที่คนไทยส่วนหนึ่งได้ทำเรื่องขอคืนโบราณวัตถุล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ จัดแสดงที่ ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (ภาพ : กรมศิลปากร)ต่อมา เมื่อเดือนธันวาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับการประสานจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ว่ามีความประสงค์ส่งมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการดังกล่าว คืนให้กับประเทศไทย เพื่อแสดงถึงการที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ให้ความสำคัญกับที่มาอันถูกต้องของโบราณวัตถุในครอบครอง ซึ่งผลการประสานงานเป็นไปด้วยดี กระทั่งพิพิธภัณฑ์ได้ส่งโบราณวัตถุกลับคืนถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567หลังจากนั้นกรมศิลปากร ได้ทำพิธีรับมอบโบราณวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ก่อนนำมาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปชม ณ ห้องลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไปบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในโอกาสนี้ กรมศิลปากร จึงได้เคลื่อนย้ายประติมากรรมสำริดขนาดใหญ่ที่ขุดพบจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกับประติมากรรมโกลเด้นบอย จนได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด”กัน จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย มาร่วมจัดแสดงเคียงคู่กันเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และครั้งแรกในโลกประติมากรรมฝาแฝดโกลเด้นบอยสำหรับ “ฝาแฝดโกลเด้นบอย” เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะลพบุรี (ศิลปะเขมรในประเทศไทย) มีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 หรืออายุประมาณ 900-1,000 ปี ลักษณะประติมากรรมสัมฤทธิ์ ฝังเงิน กะไหล่ทอง ขุดพบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2532 เคยมีผู้สันนิษฐานว่ารูประติมากรรมนี้ อาจหมายถึง นันทิเกศวร เทพบริวารของพระอิศวรผู้ทำหน้าที่เป็นทวารบาลประจำศาสนสถาน แต่เนื่องจากรูปแบบและลักษณะที่โดดเด่นจึงน่าจะเป็นประติมากรรมที่มีความสำคัญประติมากรรมชิ้นเยี่ยมอื่น ๆ ที่ร่วมจัดแสดงนอกจากโกลเด้นบอย-ฝาแฝด และสตรีพนมมือแล้ว ภายในห้องลพบุรียังมีประติมากรรมชิ้นเยี่ยมศิลปะลพบุรีอื่น ๆ จัดแสดงให้ชมกันอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระพรหม เทวรูป ประติมากรรมบุคคล ทับหลัง เป็นต้น งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000044495
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
23/05/2024
นอกจากกรุงเทพฯ จะติดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวแล้ว กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ “สตรีตฟู้ด” หรือ “อาหารริมทาง” เป็นอย่างมากด้วยโดยสภาอาหารริมทางโลก (World Street Food Congress) ได้ยกให้สตรีตฟู้ดของไทยเป็น 1 ใน 3 ของอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุด หรือสำนักข่าว CNN ก็เคยยกให้กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 23 เมืองทั่วโลกที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลกถึง 2 ปีซ้อนเลยทีเดียวจากเรื่องของปากท้องที่คนไทยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนจะต้องไม่อด กลายมาเป็นวัฒนธรรมแบบไทย ๆ ที่เป็นภาพจำในเมืองไทยนั้นหาของกินง่าย ไม่ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืน หรือจะอยู่ตามตรอกซอกซอยที่ไหนก็ตาม คนไทยยังสามารถหาของกินได้แทบทุกหัวมุมถนน กลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลองเที่ยวที่กรุงเทพฯ และลิ้มลองสตรีตฟู้ดแบบไทย ๆ เพื่อพิสูจน์ว่า “สวรรค์ของอาหารริมทาง” ในเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก และนี่คือแหล่งสตรีตฟู้ด 5 แห่งในกรุงเทพฯ ที่ไม่ควรพลาด หากคุณรักในวิถีชีวิตแบบเดินกินอิ่มทั้งวัน1. ถนนข้าวสารถนนข้าวสาร แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ของทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คือ ถ้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วไม่ได้มาเยือนถนนข้าวสาร แทบจะเรียกได้ว่ามาไม่ถึงกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม หลายคนเข้าใจถนนข้าวสารจะมีดีแค่ตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็คือถนนเงียบ ๆ ธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วตอนกลางวันที่มีก็มีสตรีตฟู้ดมากมายให้เลือกกินเหมือนกัน เพียงแต่ความคึกคักอาจจะไม่มากเท่าตอนกลางคืนเท่านั้นเอง มีให้เลือกตั้งแต่ร้านรถเข็นข้างทาง ร้านข้าวแกงข้างทาง ไปจนถึงร้านอาหารนานาชาติ ส่วนใกล้ ๆ กันก็เป็นซอยรามบุตรีและบางลำพู ซึ่งของกินเพียบเหมือนกัน2. เยาวราชอีกแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวต้องตามมาเช็กอินเพื่อยืนยันตัวตนว่ามาถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คือย่านไชน่าทาวน์ หรือเยาวราช ที่นี่ก็อาจไม่แตกต่างจากถนนข้าวสาร ตรงที่เยาวราชนั้นก็จะมีชีวิตชีวาและคึกคักยามค่ำคืนมากกว่าช่วงกลางวัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าช่วงกลางวันไม่มีอะไรให้เรากินเลย อาหารการกินแนวสตรีตฟู้ดในช่วงกลางวันก็มีให้เลือกมากมายชนิดที่กินแล้วกินอีก อิ่มแล้วอิ่มอีก การเดินเตร็ดเตร่ริมถนนและแวะเข้าตรอกซอกซอยเล็ก ๆ จะทำให้เราเจอร้านขายอาหารเยอะแยะ กินได้ทั้งวัน บางร้านมาเปิดขายตั้งแต่เช้า ช่วงสาย ๆ ก็หมดเก็บของกลับบ้าน บางร้านมาช่วงสาย ๆ บางร้านเปิดยาวตั้งแต่กลางวันยันกลางคืนก็มี3. ถนนสีลมทั้งข้าวสารและเยาวราชอาจมีชื่อเสียงในฐานะของแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางจะต้องแวะไปลิ้มลองสตรีตฟู้ดขึ้นชื่อแถว ๆ นั้น แต่ย่านสีลมจะแตกต่างออกไป ตรงที่เป็นแหล่งชุมชน โดยเฉพาะเป็นแหล่งรวมของสำนักงานมากมาย เพราะฉะนั้นบริเวณนี้จะไม่ได้คึกคักแค่เฉพาะกับนักท่องเที่ยว แต่จะมีหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาสตรีตฟู้ดในย่านนี้เป็นแหล่งเสบียง โดยเฉพาะสีลมซอย 5 หรือที่เรียกกันติดปากว่าซอยละลายทรัพย์ เข้าไปเยือนเมื่อไรได้กลับออกมาเป็นคนป่วยโรคทรัพย์จางกันแถบ เห็นซอยเล็ก ๆ แบบนี้แต่ของกินเพียบ และถนนธนิยะ ที่ตอนกลางวันก็จะมีสตรีตฟู้ดให้กินบ้างประปราย โดยจะไปเน้นคึกคักยามค่ำคืนเสียมากกว่า4. โชคชัย 4ย่านลาดพร้าว นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรถติดแล้ว บริเวณใกล้ ๆ กัน แหล่งอาหารข้างทางสุดคลาสสิกที่โด่งดังไม่แพ้ย่านไหน ๆ ในกรุงเทพฯ ต้องยกให้ย่านโชคชัย 4 หลายร้านเป็นร้านเก่าแก่ที่นักชิมยกขึ้นหิ้งให้เป็นตำนานของสตรีตฟู้ดเลยด้วยซ้ำ เจ้าเด็ดเจ้าดังมากมายที่เคยได้ออกรายการทีวีที่เกี่ยวกับอาหาร จำนวนหนึ่งก็ตั้งขายกันอยู่ที่โชคชัย 4 นี่แหละ เดินกินกันได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อถ้าไม่อิ่มจนจุกกันไปเสียก่อน ถ้าไปเดิน ๆ หลงอยู่แถวนี้ไม่มีทางอดตายอย่างแน่นอน (แต่อิ่มจนจุกตายนี่ไม่แน่) เพราะหลากหลายทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ตั้งเรียงรายกันเป็นแถวยาวไปยันลาดพร้าววังหินนู่น แวะตรงไหนเป็นต้องเจอของเด็ด เป็นแหล่งสตรีตฟู้ดที่ไม่เหมาะกับคนกำลังคุมน้ำหนักจริง ๆ5. บรรทัดทอง-สามย่านสวรรค์ของนักชิมแห่งใหม่ที่จุดติดกระแสความเป็นแหล่งสตรีตฟู้ดที่น่าสนใจอย่างรวดเร็วด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย และพลังของการรีวิวแบบปากต่อปาก แม้ว่าจะเป็นย่านสตรีตฟู้ดที่เพิ่งพัฒนาและจัดระเบียบขึ้นมาใหม่ให้เป็นต้นแบบของสตรีตฟู้ดในกรุงเทพฯ รูปแบบใหม่ได้ไม่นานนัก ตรงที่ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณูปโภคที่ดี ร้านอาหารเป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางสัญจร ปลอดภัย ลูกค้าเดินทางมาง่ายและมีจุดจอดรถสะดวก ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างจากย่านสตรีตฟู้ดอื่น ๆ แต่ก็การันตีได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมความอร่อยของทั้งร้านดังในตำนาน ร้านดังระดับมิชลินไกด์ และร้านอร่อยตามกระแส ด้วยความอร่อยแบบบอกต่อ ทำให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่งสตรีตฟู้ดอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447787/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ธุรกิจ
21/05/2024
การส่งต่อธุรกิจกงสีให้รุ่นถัดไป เป็นโจทย์ที่ท้าทายและเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจไทยจำนวนมาก เพราะผู้นำรุ่นปัจจุบันต้องคิดทั้งการเติบโตของธุรกิจ ไปพร้อมกับจัดการปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว เป็นจุดร่วมที่ต้องเอาทั้งงานและเรื่องส่วนตัวมาผสมรวมกัน1. ธุรกิจที่ไม่มีใครอยากทำต่อคือ ‘ภาระ’ ไม่ใช่ ‘โอกาส’ในการเติบโตของธุรกิจหนึ่งชั่วอายุคนนั้น มักจะเริ่มจากการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา สร้างแบรนด์ให้ติดตลาด อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันที่ส่งต่อธุรกิจให้รุ่นถัดไป ลูกหลานก็อาจมีความชอบของตนเอง เกิดค่านิยมใหม่ๆ จนทำให้ธุรกิจที่มีอยู่เดิมอาจขัดกับโลกในยุคปัจจุบันเสียแล้ว การส่งต่อธุรกิจก็เลยเหมือนเป็นโอกาสที่มัดเส้นทางชีวิตทายาทโดยไม่รู้ตัว2. ไส้ในแย่ สุขภาพธุรกิจไม่ดี ไม่ให้อำนาจบริหาร กลายเป็นโซ่ฉุดรั้งชีวิตถ้าธุรกิจที่จะส่งต่อนั้นมีอนาคตที่สดใส หรือให้อำนาจการบริหารเพียงพอ ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสในการเติบโต ทว่าหลายครั้งที่ธุรกิจที่ส่งต่อนั้นเต็มไปด้วยโครงสร้างภายในแบบกงสีที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มีหนี้สินที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย แต่พอถึงเวลาจะปรับตัว ผู้นำรุ่นก่อนก็ไม่ให้อำนาจอย่างแท้จริง ยังคอยบงการและกำหนดทิศทางแบบเดิมอยู่ ก็ยิ่งทำให้รุ่นต่อไปมองไม่เห็นอนาคตในเส้นทางของตนเอง3. ‘การเติบโต’ จะเปลี่ยนภาระให้กลายเป็นโอกาสดังนั้นสิ่งที่ผู้นำรุ่นปัจจุบันต้องทำ คือการทำให้ธุรกิจเดิมนั้นมีโอกาสเติบโตที่สอดคล้องกับยุคสมัยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการมีวิสัยทัศน์ใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งกำไร สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำให้ธุรกิจมีความหลากหลาย เพื่อเปิดพื้นที่ให้รุ่นถัดไปมีโอกาสได้ทดลองงานหลายรูปแบบ เพื่อค้นหาความชอบของตนเองไปพร้อมกับดูแลธุรกิจ4. หน้าที่ของผู้นำคือเตรียมเรือให้พร้อมเท่านั้น ไม่ใช่จับธุรกิจยัดมือรุ่นถัดไปท้ายที่สุดไม่ว่ารุ่นถัดไปจะเข้ามาบริหารต่อหรือไม่ สิ่งที่ผู้นำทำได้ในวันนี้คือการเตรียมธุรกิจให้พร้อมสำหรับการรับช่วงต่อ หนึ่งในหนทางที่เป็นไปได้ คือการสร้างธรรมนูญครอบครัว เพื่อสร้างฉันทมติกับกลุ่มทายาท รวมถึงการจัดการโครงสร้างที่เปิดรับมืออาชีพเข้ามาร่วมบริหาร ถึงแม้ทายาทจะไม่รับช่วงต่อแล้วก็ยังมีโอกาสได้จัดการสินทรัพย์ และยังเปิดทางให้ธุรกิจโตต่อได้ในอนาคต การส่งต่อธุรกิจกงสี ผู้นำจำเป็นต้องยกเรื่องครอบครัวและเรื่องของธุรกิจมาเป็นเรื่องเดียวกัน ต้องสร้างธรรมนูญครอบครัวที่ชัดเจน โปร่งใส และเกิดข้อยุติกับคนในบ้าน และต้องพร้อมสำหรับการทำให้ธุรกิจเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งไม่จำเป็นต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดดเชิงกำไร แต่ต้องเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน สอดรับกับอนาคต หาคำตอบถึงการสร้างธรรมนูญครอบครัว และตำราการส่งต่อธุรกิจที่สกัดมาจากประสบการณ์จริงได้ที่ The Secret Sauce Summit ขอนแก่นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ thestandardhttps://thestandard.co/opinion-gongsi/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
21/05/2024
Yesterday Wednesday Tomorrow คือนิทรรศการที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความน่ารักของ Wednesday ในกิจกรรมต่างๆ นี่ถือเป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ ‘นิวเยียร์’ อีกด้วยอีกหนึ่งนิทรรศการที่ฮอตที่สุดในตอนนี้!วันนี้เราอยากจะมาป้ายยาอีกหนึ่งนิทรรศการที่ฮอตมากๆ ในตอนนี้ ที่นี่คือ Yesterday Wednesday Tomorrow นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ นิวเยียร์ ศิลปินที่ชื่นชอบการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ และวาดรูปมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ จัดนิทรรศการเดี่ยวทั้งที นิวเยียร์จึงเปลี่ยนวิธีการสร้างแรงบันดาลใจ จากปกติที่จะได้แรงบันดาลใจจากสิ่งของ ภาพถ่าย เนื้อเพลง แต่ครั้งนี้มาจากการสังเกต การรับฟังเรื่องราวจากคนรอบตัว จนถ่ายทอดออกมาเป็นคาแรกเตอร์ใหม่ชื่อ ‘Wednesday’ในนิทรรศการนี้ คุณจะได้เห็น Wednesday หมาที่คิดเยอะ ขี้นอยด์ มาอยู่ในบริบทต่างๆ คาแรกเตอร์ของ Wednesday จะมาแนวๆ เมื่อวานคิดมาก วันนี้กังวล พรุ่งนี้อาจดีขึ้นนิดหน่อย ออกแนวขี้อายและอินโทรเวิร์ตด้วยซ้ำ ความน่ารักของ Wednesday ไม่ได้ถูกถ่ายทอดมาในรูปแบบของภาพวาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประติมากรรม แถมเขายังจัดสเปซให้ได้เข้าไปถ่ายรูปเล่นอีกด้วยใครที่สนใจเข้าไปสัมผัสความน่ารักของ Wednesday สามารถไปได้ที่ Xspace Gallery ซอยปรีดีพนมยงค์ 14 เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. นิทรรศการนี้เข้าชมฟรี และไปได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Instagram: • newyear6 • nyyydesign • xspaceartgalleryแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ thestandardhttps://thestandard.co/life/yesterday-wednesday-tomorrow/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
21/05/2024
“ปามุคคาเล” ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นเป็นเนินเขาสีขาวราวปุยฝ้าย หนึ่งในมรดกโลก ร่วมกับ “เฮียราโพลิส” นครโบราณที่โด่งดังในเรื่องการใช้น้ำพุร้อนเพื่อรักษาผู้ป่วยปามุคคาเลความสามารถของธรรมชาตินั้นช่างน่าทึ่ง สร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ได้มากมายนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นคือ “ปามุคคาเล” แห่งตุรกี เนินเขาสีขาวราวปุยฝ้าย ที่เกิดขึ้นจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก“ปามุคคาเล” ตั้งอยู่ในจังหวัดเดนิซลี (Denizli) อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 19 กิโลเมตร หากเดินทางไปจาก อิสตันบูล เมืองท่องเที่ยวสำคัญของตุรกี สามารถเช่ารถยนต์ขับไปที่ปามุคคาเล นั่งรถบัสหรือขึ้นเครื่องบินไปลงที่เดนิซลี แล้วต่อรถมินิบัสจากสถานีรถโดยสารเมืองเดนิซลี ไปลงที่ทางเข้าปามุคคาเลได้เลยประตูทางเข้าปามุคคาเลมี 3 จุด คือ North Gate (สำหรับนักท่องเที่ยวที่นั่งรถมินิบัสมา หรือขับรถมาเอง) South Gate (สำหรับกรุ๊ปทัวร์ นั่งแท๊กซี่เข้ามา หรือขับรถมาเอง) และ City Gate (เป็นทางเข้าจากหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง นักท่องเที่ยวที่มาพักค้างคืนที่นี่จะนิยมใช้ประตูนี้) ส่วนค่าเข้าชม คนละ 30 ยูโร (ราคาเดือนเมษายน 2567)ประตู North Gate“เฮียราโพลิส” นครโบราณ อดีตเมืองสปาศูนย์กลางการรักษาโรคบนยอดเขาของปามุคคาเล เป็นที่ตั้งของ “เฮียราโพลิส” (Hierapolis) เมืองโบราณในยุคกรีก-โรมัน ที่สร้างขึ้นในราว 190 ปีก่อนคริสกาล โดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเปอร์กามอน ที่เคยปกครองพื้นที่แถบนั้น ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ในช่วงศตวรรษที่ 2-3 เมืองเฮียราโพลิสเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ก่อนจะล่มสลายในศตวรรษที่ 7 จากการโจมตีของอาหรับชื่อ “เฮียราโพลิส” นั้นหมายถึงเมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และนครเฮียราโพลิสแห่งนี้ ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสปา และยังเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคด้วยน้ำพุร้อน มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อแช่น้ำร้อนเพื่อความผ่อนคลาย และยังมีบางส่วนที่เดินทางมาเพื่อรักษาตัวด้วยการแช่น้ำแร่ร้อน ว่ากันว่า พระนางคลีโอพัตราผู้เลอโฉม ยังเคยเสด็จมาแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนนี้นครเฮียราโพลิสสุสานโบราณหรือ “นีโครโพลีส”หากเดินเข้าปามุคคาเลทางประตู North Gate จะผ่านสุสานโบราณหรือ “นีโครโพลีส” (Necropolis) ที่เต็มไปด้วยโลงศพหินเรียงรายในบริเวณนอกเมือง จากนั้นเส้นทางก็จะพาเข้าเขตเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังเสียเป็นส่วนใหญ่จุดไฮไลต์ที่ยังหลงเหลือซากให้เห็นอยู่ อย่างเช่น “ประตูฟรอนตินัส” ประตูทางเข้าไปยังเมืองเฮียราโพลิส และเดินตัดออกไปสู่ที่ราบกว้างใหญ่ ประตูเป็นช่องโค้ง 3 ช่อง และมีหอคอยทรงกลมด้านข้าง “ประตูไบเซนไทน์เหนือ” ประตูทางทิศเหนือที่เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการประตูฟรอนตินัสประตูไบเซนไทน์เหนืออีกจุดที่เป็นไฮไลต์คือ “โรงละคร” เป็นอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นั่งกว้างขวาง คาดว่าสร้างขึ้นราวคริสตศักราช 60 โดยเป็นการสกัดเข้าไปในไหล่เขาเพื่อทำเป็นอัฒจันทร์ให้คนได้ชมเวทีที่อยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การแข่งขัน หรือจัดงานสำคัญต่างๆ สามารถจุคนได้ราว 12,000 คนนอกจากนี้ยังมี “สระน้ำแร่โบราณ” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้น้ำแร่ที่ผุดขึ้นในบริเวณนี้ และมีการปรับแต่งภูมิทัศน์อย่างดี มีทั้งการนำซากเสาปรักหักพังมาประดับเป็นสีสันของสระน้ำ มีการตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้ อย่างร่มรื่นสวยงาม รวมถึงยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกอยู่ในจุดเดียวกันโรงละครสระน้ำแร่โบราณนครเฮียราโพลิสนครเฮียราโพลิส“ปามุคคาเล” ปราสาทปุยฝ้าย มหัศจรรย์ธรรมชาติชมเมืองโบราณกันแล้ว เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเป็นจุดเช็คอินที่หลายคนตั้งตารอหากมองจากเมืองด้านล่างขึ้นมา จะเห็นเนินเขาสีขาวพื้นที่กว้างใหญ่พอประมาณ แต่หากมองจากด้านบนจะเห็นเพียงพื้นสีขาวๆ ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และนี่ก็คือ “ปามุคคาเล” (Pamukkale)“ปามุคคาเล” ถือเป็นความมหัศจรรย์พันลึกของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากธารน้ำแร่ร้อนที่ไหลมาจากภูเขาทางทิศเหนือ ผ่านมายังบริเวณนี้เป็นชั่วนาตาปีนับพันปี น้ำแร่ร้อนสายนี้มีส่วนผสมของแคลเซียมออกไซด์หรือแร่เกลือชนิดหนึ่ง น้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำแร่เย็นตัวลงได้ตกผลึกเป็นสีขาวโพลนปกคลุมเขาทั้งลูก เมื่อมองไกลๆ หลายคนที่ไม่รู้จักมาก่อนอาจนึกว่าเป็นภูเขาหิมะปามุคคาเล เมื่อมองจากด้านล่างปามุคคาเลปามุคคาเล ในภาษาตุรกี แปลว่า “ปราสาทปุยฝ้าย” (ปามุค (Pamuk) แปลว่า ฝ้าย คาเล (Kale) แปลว่า ปราสาท) นั่นคงเป็นเพราะภูเขาลูกนี้ดูขาวนวลราวปุยฝ้าย ซึ่งผลจากธรรมชาติสรรค์สร้าง ส่งผลให้ปราสาทปุยฝ้ายเกิดเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุคคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1988ปัจจุบันน้ำแร่ร้อนสายนี้ก็ยังคงผุดขึ้นมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่องเหมือนในอดีต ทำให้บางช่วงของปามุคคาเล่เกิดเป็นชั้นของแอ่งน้ำขนาดย่อมที่เป็นดังอ่างน้ำธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่ตัวเล่นน้ำกันอย่างสบายกายสบายใจปามุคคาเลนักท่องเที่ยวมากมายที่ปามุคคาเลนักท่องเที่ยวมากมายที่ปามุคคาเลและยิ่งน้ำแร่ร้อนที่นี่โด่งดังเรื่องการรักษาโรคต่างๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็ยิ่งทำให้มีคนเดินทางมาลงอ่างธรรมชาติ แช่ตัว เล่นน้ำ กันเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปามุคคาเล่บอบช้ำถึงขนาดทางการต้องห้ามมิให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่น้ำ เล่นน้ำในแอ่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากไม่ต้องการให้ปามุคคาเล่ถูกทำลายไปมากกว่านี้แต่กระนั้นทางการตุรกีก็ไม่ต้องการให้บรรยากาศทางการท่องเที่ยวเสียไป จึงได้ทำการสร้างแอ่งน้ำขึ้นมาแล้วปล่อยน้ำแร่จริงใส่ เกิดเป็นแอ่งน้ำเทียมเสมือนจริง เพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่าย เล่นน้ำและแช่น้ำแร่ได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งหากไกด์ไม่บอกหรือไม่สังเกตให้ดีๆ ก็จะไม่รู้หรอกว่าเป็นของเทียม ส่วนแอ่งน้ำแร่ธรรมชาติก็ปล่อยไว้ให้ธรรมชาติจัดการกันเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะกันไว้เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆแอ่งน้ำให้นักท่องเที่ยวลงไปแช่ปามุคคาเลแอ่งน้ำธรรมชาติที่รักษาไว้ให้ถ่ายรูปปามุคคาเลข้อแนะนำการไปเที่ยวปามุคคาเลและนครเฮียราโพลิส- สวมรองเท้าใส่สบาย เพราะต้องเดินระยะไกลพอสมควร- พกอุปกรณ์กันแดด ร่ม หมวก แว่นตา และพกน้ำดื่ม เนื่องจากบางช่วงแดดร้อนจัด และไม่ค่อยมีพื้นที่ในร่ม- พกถุงพลาสติก หรือถุงใส่รองเท้า เนื่องจากบริเวณปามุคคาเลจะต้องถอดรองเท้าเดิน และไม่มีจุดฝากรองเท้า- เช็คเวลาเปิด-ปิดเข้าชม เนื่องจากในแต่ละช่วงจะมีเวลาปิดไม่เท่ากัน โดยช่วงฤดูหนาวจะเปิดเวลา 08.30-17.00 น. ส่วนช่วงอื่นของปีจะเปิดเวลา 08.00-20.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000038776
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
สุขภาพ
21/05/2024
นิตยสาร Newsweek ร่วมมือกับ Statista ประกาศผล 30 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทย ประจำปี 2567นิตยสาร Newsweek ร่วมมือกับ Statista จัดอันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2024 (World’s Best Hoapitals 2024) จาก 30 ประเทศทั่วโลก รวมโรงพยาบาล 2,400 แห่ง เผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.newsweek.com โดยเกณฑ์การให้คะแนนพิจารณาจาก 4 แหล่ง ได้แก่1.สำรวจออนไลน์ของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มากกว่า 85,000 ราย2.ข้อมูลจากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ป่วยหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล3.ตัวชี้วัดคุณภาพต่างๆ ของโรงพยาบาล เช่น มาตรการด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยของผู้ป่วย และอัตราส่วนผู้ป่วย/แพทย์ หรือพยาบาลต่อผู้ป่วย4.การสำรวจของ Statista ที่ใช้วัดผลลัพธ์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย ได้แก่ Patient Reported Outcome Measures (PROMs) ซึ่งมีการสำรวจข้อมูลในระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 265510 อันดับ โรงพยาบาลดีที่สุดในโลกปี 25671. เมโยคลินิก เมืองรอเชสเทอร์ รัฐมินนิโซทา สหรัฐอเมริกา2. คลีฟแลนด์คลินิก รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา3. โรงพยาบาลโทรอนโท เจเนอรัล แคนาดา4. โรงพยาบาลจอห์นฮอปกินส์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา5. โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา6. โรงพยาบาลชาริเต้ กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี7. โรงพยาบาลแคโรลินสกา กรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน8. โรงพยาบาลปีเต-แซลแปตริแยร์ กรุงปารีส ฝรั่งเศส9. โรงพยาบาลชีบา เมดิคัล เซ็นเตอร์ อิสราเอล10. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซูริค สวติตเซอร์แลนด์30 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทยปี 25671. โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ (สกอร์ 93.00%)2. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (สกอร์ 87.34%)3. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท (สกอร์ 84.15%)4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (สกอร์ 83.92%)5. โรงพยาบาลรามาธิบดี (สกอร์ 83.72%)6. โรงพยาบาลเมดพาร์ค (สกอร์ 76.54%)7. โรงพยาบาลกรุงเทพ (สกอร์ 75.32%)8. โรงพยาบาลธนบุรี (สกอร์ 71.90%)9. โรงพยาบาลพระราม 9 (สกอร์ 71.79%)10. โรงพยาบาลราชวิถี (สกอร์ 71.77%)11. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน (สกอร์ 71.76%)12. โรงพยาบาลกรุงเทพ อินเตอร์เนชันแนล (สกอร์ 71.75%)13. โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชันแนล (สกอร์ 71.74%)14.โรงพยาบาลยันฮี (สกอร์ 71.73%)15. โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ (สกอร์ 71.72%)16. โรงพยาบาลวชิรพยาบาล (สกอร์ 71.71%)17. โรงพยาบาลรามคำแหง (สกอร์ 71.70%)18. โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (สกอร์ 71.69%)19. โรงพยาบาลพญาไท 1 (สกอร์ 71.68%)20. โรงพยาบาลพญาไท 2 (สกอร์ 71.66%)21. โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น (สกอร์ 71.61%)22. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สกอร์ 71.60%)23. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (สกอร์ 71.50%)24. โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก (สกอร์ 70.80%)25. โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ (สกอร์ 70.76%)26. โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน (สกอร์ 70.17%)27. โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ สงขลา (สกอร์ 70.16%)28. โรงพยาบาลศิครินทร์ (สกอร์ 70.14%)29. สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ (สกอร์ 70.08%)30. โรงพยาบาลสงขลา (สกอร์ 70.00%)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับอมรินทร์https://www.amarintv.com/article/detail/64928
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
20/05/2024
กรุงเทพฯ 20 พฤษภาคม 2567 – เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ โรงพยาบาลในเครือ BDMS มอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (กลาง) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ และนายแพทย์สมสกุล ศรีพิสุทธิ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการด้านสุขภาพ ร่วมด้วยคณะแพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ ประกอบด้วย นายแพทย์มนต์สรร อัศวนพเกียรติ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และโครงสร้างราคา BDMS นายแพทย์อัศวิน ภูวธนสาร (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ และแพทย์หญิงกิตนันท์ พิชัยณรงค์ (ขวาสุด) อายุรแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งโครงการ AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 จะจัดขึ้นทั้งสิ้น 10 แห่ง ได้แก่ • อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น. • โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร และ โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น. • โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี และ โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น.สำหรับ AIA Sharing A Life หรือ วันทำดีร่วมกันของชาวเอไอเอ ถือเป็นกิจกรรมประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอไอเอ เพื่อมุ่งตอบแทนสังคมไทย พร้อมกับการมีส่วนร่วมเพื่อช่วยพัฒนาและส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดินหน้าตามพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives โดยสำหรับประชาชนที่สนใจรับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ผ่านประกาศโพสต์บน Facebook: Thailand.AIA และ Line official: AIA Thailand ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไปจนกว่าสิทธิจะเต็ม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ธุรกิจ
18/05/2024
ถ้า คู่แข่ง คิดและทำ ในสิ่งที่ท่าน ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำ …..สิ่งที่ท่านจะทำได้ คงเหลือแต่เพียง ทำใจ….ดูลูกค้าของท่าน จากไปอยู่กับธุรกิจของคู่แข่งของท่าน !Part.1. เมื่อแต่ละธุรกิจทำเหมือนๆกัน !?ธุรกิจทุกขนาด ที่ทำเหมือนๆหรือคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น สินค้า-บริการ คล้ายกันหรือแทบไม่เห็นความแตกต่าง ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่าย ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเองนอกจากจะต้องแข่งกับคู่แข่งแล้ว ยังต้องแข่งกับตัวแทนจัดจำหน่ายด้วยกันเอง ยังไม่รวมสินค้าจากจีน ที่ทะลุทะลวงจนทำให้หลายธุรกิจของไทยในปัจจุบัน วงแตก ทยอยล้มหายตายจาก!ไม่ใช่แค่ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายเท่านั้น ธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำเหมือนๆคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งปัจจุบันและคู่แข่งใหม่ๆที่กำลังเข้ามาทุกวัน ถ้าสายป่านเงินทุนไม่ยาว รอดยาก แต่ถึงแม้สายป่านยาว กำไรก็น้อยลงทุกวัน!Part.2. เพราะ Full Force Strategy ที่เหมือนกัน….?ธุรกิจที่ไม่มีอะไรแตกต่าง ที่ใช้ Full Force Strategy ที่เหมือนกัน และส่วนมากเป็นกลยุทธ์ที่ไม่แตกต่างกันก็คือ การลดราคา การจัดPromotionตลอดทั้งปี บางธุรกิจยิ่งขายยิ่งขาดทุน!Full Force คือการทุ่มสรรพกำลังทั้งหมด แต่เมื่อการทุ่มทั้งหมดไปที่กลยุทธ์ ราคา เป็นหลัก ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะ การใช้กลยุทธ์ราคา เช่น ลด แลก แจก แถม เป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุดในการคิดและทำ แต่เป็นกลยุทธ์ที่เจ็บตัวมากที่สุดเช่นกัน!ลองปรับเปลี่ยน จาก Full Force Strategy ที่เน้นไปที่การลดราคาอย่างเดียว เป็นกลยุทธ์อื่นๆ อย่างน้อย จะไม่เจ็บตัวเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมก็คือ อาจค้นพบโอกาสใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ที่สร้างผลกำไรได้ดีกว่าวิธีเดิมๆที่กับคู่แข่งใช้เหมือนกันPart.3. ลองเปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการในเรื่อง กลยุทธ์ !เป็นเรื่องยากมาก ที่เราจะชนะด้วยวิธีคิด วิธีการที่ไม่แตกต่างจากคู่แข่ง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป ถ้าจะลอง ลองเปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการในเรื่อง กลยุทธ์ ลองทำสิ่งที่คู่แข่ง “ยังไม่ได้ทำ หรือ ไม่คิดจะทำ” !?โดยเลิกคิดเลิกทำตามคู่แข่ง แต่ให้คิดใน “มุมของลูกค้า”!Part.4. ธุรกิจเรา จะช่วยแก้ปัญหา Pain Point ในเรื่องใดของลูกค้าได้บ้าง!?ลูกค้าของทุกธุรกิจ ทุกคนต่างก็มี Pain Point ที่เรามักจะมองไม่เห็น หรือ มองข้าม มีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่สามารถ ตอบสนองความต้องการ และ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ที่ผ่านมาหลายธุรกิจ มักจะคิดแต่ ขายในสิ่งที่อยากขาย แต่อาจไม่ตรงความต้องการของลูกค้า แล้วจะรู้ปัญหา และ ความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร?เริ่มต้นที่ วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า และ ลองคุยกับลูกค้าแต่ละประเภทอย่างจริงจัง เพื่อหาCustomer Insight (ข้อมูลเชิงลึก ของลูกค้า)ท่านจะค่อยๆ ค้นพบ Pain Point ที่ลูกค้าพบเจอในปัจจุบัน จากสินค้า บริการของคู่แข่งและของท่าน ข้อมูลตรงส่วนนี้มีค่ามหาศาลมาก เพราะท่านจะมองเห็นโอกาส ที่คู่แข่งมองไม่เห็น และท่านก็ไม่เคยมองเห็นเช่นกันPart5. ถึงเวลาลองทำสิ่งที่คู่แข่ง “ยังไม่ได้ทำ หรือ ไม่คิดจะทำ”เมื่อมาถึงตรงนี้ ก็เป็นเรื่องไม่ยาก ที่ท่านจะนำ ปัญหาและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน มาเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ใหม่ของท่าน ที่เป็นกลยุทธ์ วิธีการที่คู่แข่ง และท่าน ยังไม่ได้ทำ หรือไม่เคยคิดจะทำKey Point ก็คือ สิ่งที่ท่านคิดจะทำนี้ “ต้องแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน”!ตัวอย่างเช่น Pain Point ของลูกค้าในยุคปัจจุบันคือ สินค้า/บริการ ที่ลูกค้าเคยซื้อจากคู่แข่งหรือเคยซื้อจากท่าน ใช้แล้วพบปัญหาบางอย่าง เพราะขาดการแนะนำที่ดีก่อนการใช้“โอกาสที่ท่านค้นพบ” ก็คือ การเพิ่ม ยกระดับความสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากสินค้า/บริการของท่าน ภักดีกับบริษัทของท่าน ด้วยการ ให้คำแนะนำก่อนใช้-ระหว่างใช้-และช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าหลังการใช้ เป็นต้นหรือ ลองใช้กลยุทธ์ใหม่ที่คู่แข่งและท่านไม่เคยทำ เช่น คู่แข่งเน้นลดราคา (และมักจะแอบลดคุณภาพ หรือ ปริมาณลงแบบเนียนๆ โดยที่ลูกค้าอาจไม่รู้) แต่ท่าน ไม่ลดราคา แต่ยกระดับคุณภาพสินค้า และยกระดับคุณภาพ การให้บริการเชิงรุก (ในระยะสั้น ต้นทุนเหมือนอาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ในระยะกลางและระยะยาว ท่านจะได้ครองใจลูกค้า และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มจากคู่แข่ง)Part6.บทสรุปไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะคิดจะทำ ในการลองคิด ลองทำ สิ่งที่คู่แข่ง ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำเพราะถ้า คู่แข่ง คิดและทำ ในสิ่งที่ท่าน ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำ …..สิ่งที่ท่านจะทำได้ คงเหลือแต่เพียง ทำใจ….ดูลูกค้าของท่าน จากไปอยู่กับธุรกิจของคู่แข่งของท่าน!แหล่งที่มาข่าวต้นกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/business/biz-bizweek/1114681
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/04/2024
15/05/2024
29/04/2024
10/05/2024