คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันภัย

ใครเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้น 2 คลายกังวลได้หมดจด!!

24/04/2024

สำหรับนักเดินทางคนไหนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาย่อมเยาพร้อมให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ คงต้องยกให้กับประกันรถยนต์ชั้น 2 แน่นอนว่าจะเป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้ทุกท่านคลายความกังวลเรื่องอุบัติเหตุไปได้เลยทันที ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคราใดก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีและคุ้มครองกรณีรถหาย น้ำท่วมหรือไฟไหม้ได้ด้วย ประกันชั้น 2 ราคาสบายกระเป๋า ซื้อสบายจ่ายคล่อง ว่าแต่ดีขนาดนี้ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ไปดูกันเลยประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ตามมาคลายข้อสงสัยกันเลยดีกว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถยนต์ของเรานั้นควรต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ดี ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันก่อน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่เหมาะกับทุกคนที่สามารถรับค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้ ในขณะเดียวกันสำหรับประกันรถยนต์ชั้นน 2 ก็เจาะกลุ่มเฉพาะมากขึ้น โดยจุดเด่นๆ ที่ว่าเหมาะกับใครบ้างนั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุรถไม่เกิน 15 ปีประกันชั้น 2 ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีรถยนต์อายุไม่เกิน 15 ปีเพราะประกันชั้น 2 มีเงื่อนไขให้รถที่ทำได้ก็คือรถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันชั้น 2 ควรเช็กก่อนว่าอายุรถของท่านเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถ้าเหมาะสมก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะจะได้รับการคุ้มครองที่ดีอย่างแน่นอน2. เหมาะสำหรับผู้ที่อยากซื้อประกันราคาย่อมเยาแต่คุ้มครองคุ้มค่าสำหรับใครที่อยากได้ประกันราคาสุดประหยัดแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าที่คิด ก็ไม่ควรมองข้ามประกันชั้น 2 นอกจากจะช่วยซ่อมรถคู่กรณีแล้วก็ยังคุ้มครองเรื่องรถหายและไฟไหม้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการคุ้มครองที่คุ้มค่า ดีกว่าที่มีเพียงแค่ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย หรือดีกว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างแน่นอน3. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการขับขี่อยู่แล้วการเลือกทำประกันชั้น 2 ไม่ได้มองแค่เพียงเรื่องของราคาแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่อย่างเชี่ยวชาญและมีระเบียบวินัยที่ดีอยู่แล้วด้วย จะเป็นตัวช่วยทำให้ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มาก ในส่วนของประกันรถยนต์ชั้น 2 จึงออกแบบให้เหมาะกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก4. เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถน้อยคนที่มีรถแต่ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหนบ่อยนักหรือจอดเอาไว้มากกว่าขับหรืออาจจะมีรถหลายคัน ก็อาจจะเลือกทำประกันชั้น 2 ติดเอาไว้เพื่อคุ้มครองกรณีฉุกเฉินจริงๆ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เกิดรถเสียก็สามารถได้รับการคุ้มครองได้อย่างแน่นอนประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีสูญหาย, น้ำท่วมรถหรือไฟไหม้จนรถเสียหายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ผู้โดยสารหรือคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุการเสียชีวิต, ทุพพลภาพหรือสูญเสียมือ, เท้าและสายตาของผู้ขับขี่และผู้โดยสารการประกันตัวผู้ขับขี่กรณีขึ้นศาลความเสียหายส่วนแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองอะไรบ้างไม่คุ้มครองน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติไม่คุ้มครองการขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี รวมทั้งการชนสิ่งกีดขวางอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน, เสาไฟฟ้าหรือการถูกชนโดยไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ไม่คุ้มครองรถของผู้ทำประกัน ในกรณีขับรถชน เพราะให้ความคุ้มครองรถคู่กรณีเท่านั้น จึงไม่ซ่อมรถให้กับผู้ทำประกันทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง และถ้าอ่านแล้วถูกใจต้องการที่จะ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ก่อนใครก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้เลยสำหรับนักเดินทางคนไหนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาย่อมเยาพร้อมให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ คงต้องยกให้กับประกันรถยนต์ชั้น 2 แน่นอนว่าจะเป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้ทุกท่านคลายความกังวลเรื่องอุบัติเหตุไปได้เลยทันที ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคราใดก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีและคุ้มครองกรณีรถหาย น้ำท่วมหรือไฟไหม้ได้ด้วย ประกันชั้น 2 ราคาสบายกระเป๋า ซื้อสบายจ่ายคล่อง ว่าแต่ดีขนาดนี้ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ไปดูกันเลยประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ตามมาคลายข้อสงสัยกันเลยดีกว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถยนต์ของเรานั้นควรต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ดี ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันก่อน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่เหมาะกับทุกคนที่สามารถรับค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้ ในขณะเดียวกันสำหรับประกันรถยนต์ชั้นน 2 ก็เจาะกลุ่มเฉพาะมากขึ้น โดยจุดเด่นๆ ที่ว่าเหมาะกับใครบ้างนั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุรถไม่เกิน 15 ปีประกันชั้น 2 ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีรถยนต์อายุไม่เกิน 15 ปีเพราะประกันชั้น 2 มีเงื่อนไขให้รถที่ทำได้ก็คือรถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันชั้น 2 ควรเช็กก่อนว่าอายุรถของท่านเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถ้าเหมาะสมก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะจะได้รับการคุ้มครองที่ดีอย่างแน่นอน2. เหมาะสำหรับผู้ที่อยากซื้อประกันราคาย่อมเยาแต่คุ้มครองคุ้มค่าสำหรับใครที่อยากได้ประกันราคาสุดประหยัดแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าที่คิด ก็ไม่ควรมองข้ามประกันชั้น 2 นอกจากจะช่วยซ่อมรถคู่กรณีแล้วก็ยังคุ้มครองเรื่องรถหายและไฟไหม้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการคุ้มครองที่คุ้มค่า ดีกว่าที่มีเพียงแค่ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย หรือดีกว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างแน่นอน3. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการขับขี่อยู่แล้วการเลือกทำประกันชั้น 2 ไม่ได้มองแค่เพียงเรื่องของราคาแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่อย่างเชี่ยวชาญและมีระเบียบวินัยที่ดีอยู่แล้วด้วย จะเป็นตัวช่วยทำให้ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มาก ในส่วนของประกันรถยนต์ชั้น 2 จึงออกแบบให้เหมาะกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก4. เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถน้อยคนที่มีรถแต่ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหนบ่อยนักหรือจอดเอาไว้มากกว่าขับหรืออาจจะมีรถหลายคัน ก็อาจจะเลือกทำประกันชั้น 2 ติดเอาไว้เพื่อคุ้มครองกรณีฉุกเฉินจริงๆ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เกิดรถเสียก็สามารถได้รับการคุ้มครองได้อย่างแน่นอนประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง  •  คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีสูญหาย, น้ำท่วมรถหรือไฟไหม้จนรถเสียหาย  •  ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  •  ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ผู้โดยสารหรือคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ  •  การเสียชีวิต, ทุพพลภาพหรือสูญเสียมือ, เท้าและสายตาของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  •  การประกันตัวผู้ขับขี่กรณีขึ้นศาล  •  ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สิน ประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง  •  ไม่คุ้มครองน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติ  •  ไม่คุ้มครองการขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี รวมทั้งการชนสิ่งกีดขวางอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน, เสาไฟฟ้าหรือการถูกชนโดยไม่สามารถระบุคู่กรณีได้  •  ไม่คุ้มครองรถของผู้ทำประกัน ในกรณีขับรถชน เพราะให้ความคุ้มครองรถคู่กรณีเท่านั้น จึงไม่ซ่อมรถให้กับผู้ทำประกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/513187

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ส่องสตรีทอาร์ตในงาน “BKK WALL FEST 2024” ที่ MMAD - MunMun Art Destination

29/04/2024

แมด - มันมัน อาร์ต เดสทิเนชั่น จับมือ PINEAPPLE PRINT PRESS และ Ground Control สร้างสรรค์งาน “BKK WALL FEST 2024” เฟสติวัลที่จะนำเสนอศิลปะรูปแบบสตรีทอาร์ตของประเทศไทย (The Culture of Street Art of Thailand) ผ่าน 20 ศิลปินสายสตรีทที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งในประเทศและระดับโลกพร้อมสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นจิตวิญญาณของผู้คนผ่านผลงานสตรีทอาร์ต ที่จะเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นแกลเลอรี่ศิลปะกลางแจ้ง พร้อมบอกเล่าเรื่องราวสะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของศิลปินที่สร้างพื้นที่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สายสตรีทเตรียมปักหมุดเช็คอินกับผลงานสตรีทอาร์ตหลากหลายรูปแบบ ทั้งจิตรกรรมบนกำแพง การแสดง นิทรรศการ การบรรยาย และเวิร์คช็อปต่างๆ ตลอด 2 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึง 2 มิถุนายน 2567 ที่ MMAD - MunMun Art Destination (แมด - มันมัน อาร์ต เดสทิเนชั่น) ชั้น 1 และชั้น 2, มันมัน ศรีนครินทร์PHASE 1EXHIBITION AT MMAD - MunMun Art Destinationระยะเวลางาน:​1 - 21 เมษายน 2567พิกัด: ​​ชั้น 2 แมด, มันมัน ศรีนครินทร์ประเดิมเฟสแรกกับนิทรรศการ “BKK WALL FESTIVAL 2024” การแสดงผลงานศิลปะที่จะบอกเล่าเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับสตรีทอาร์ท ที่แสดงถึงขนบและความหลากหลายของในมิติต่าง ๆ ทั้ง MURAL PAINTING, LIVE PERFORMANCE, EXHIBITION, INTERACTIVE ART ผ่านศิลปินสตรีทอาร์ท ที่มีชื่อเสียงและผลงานที่เป็นที่ยอมรับ อย่างแพร่หลายทั้ง BIGDEL, DEIO, FREAK, HELLO MY NAME IS BKK, JOKER, MONTEMITH, MR. KREME, NEV3R, RUKKIT, SAWASDEE,TRK, YOUNGPRAY, Y? นำเสนอวิธีและกระบวนการสร้างสรรค์ ไปจนถึงการแสดงผลงาน ที่จะเชื่อมต่อเรื่องราวของศิลปะบนท้องถนนสู่พื้นที่ในบริบทที่แตกต่าง พร้อมกิจกรรมไฮไลท์ LIVE PAINTING (MURAL PAINTING)ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานบนผืนกำแพงขนาดใหญ่รวมกว่า 50 เมตรPHASE 2“THE JOURNEY OF STREET ART” EXHIBITION AT MMAD MASS GALLERY PRESENTED BY MMAD X PPPระยะเวลางาน: 27 เมษายน - 2 มิถุนายน 2567พิกัด: MMAD MASS GALLERY (แมด แมส แกลอรี่) ชั้น 2 แมด, มันมัน ศรีนครินทร์เอาใจสายอาร์ตกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจับมือกันระหว่าง PPP (Pineapple Print Press) และ Ground Control ณ ห้อง MMAD MASS GALLERY สร้างสรรค์นิทรรศการภายใต้ธีม “THE JOURNEY OF STREET ART” บอกเล่าเรื่องราวและการเดินทางของศิลปะในรูปแบบสตรีทอาร์ทที่นำเสนอออกมาในรูปแบบการแสดงผลงานนิทรรศการศิลปะ โดยใช้สื่อทางศิลปะที่หลากหลายทั้ง Painting, Sculpture, Printmaking, Mixed Media, VDO Documentary and Installation Art ผ่านศิลปินที่มีชื่อเสียงในแวดวงและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ BIGDEL, DEIO, FREAK, HELLO MY NAME IS BKK, JOKER, MONTEMITH, MR. KREME, NEV3R, RUKKIT, SAWASDEE, TRK, YOUNGPRAY, Y?นอกจากนี้ ยังเตรียมพบกับกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ พร้อมพบปะศิลปินสตรีทอาร์ตอีกมากมายในงาน “BKK WALL FEST 2024” ไม่ว่าจะเป็น  •  1 - 4 เมษายน 2567 Live Painting ลานกิจกรรม บริเวณประตูทางเข้า มันมัน ศรีนครินทร์    •    •  6 เมษายน 2567 เปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการ พร้อมกิจกรรมหลากหลาย อาทิ Open Wall พบกับศิลปินสตรีทอาร์ตที่จะมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานบนพื้นที่บริเวณสะพานลอย และการสร้างสรรค์ผลงานบนเสื้อกว่า 100 ตัว เพื่อแจกเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้โชคดี พร้อม Exclusive Party จากดีเจชั้นนำ4 พฤษภาคม 2567 ร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช็อป โดย DREAM GRAFF (CNX.) เวลา 15.00 น.- 17.00 น.  •  18 พฤษภาคม 2567 ร่วมพูดคุยกับศิลปินในหัวข้อ “INTRO TO STREET” EB CREW & TEMPORARY WEST เวลา 15.00 น.- 17.00 น.  •  25 พฤษภาคม 2567 เปิดประสบการณ์เวิร์คช็อปสุดเอ็กคลูซีฟไปกับ GRAFITI WORKSHOP BY DEIO เวลา 14.00 น - 16.00 น.ติดตามความเคลื่อนไหวของ “BKK WALL FEST 2024” ได้ที่ Facebook: MMAD - MunMun Art Destination และ Facebook: MunMunแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์https://www.posttoday.com/smart-city/707705

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

4 เมืองท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก นักเดินทางควรไปเยือนสักครั้ง

29/04/2024

เอาใจนักท่องเที่ยวสายยั่งยืน รวมเมืองท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศทั่วโลกที่มีสิ่งแวดล้อมอันสวยงาม โดยเมืองเหล่านี้มีความยั่งยืนอย่างเหมาะสม พิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ทั้ง 69 ตัว เช่น อัตราการรีไซเคิล ระดับมลพิษทางอากาศ ปริมาณเส้นทางปั่นจักรยาน และเปอร์เซ็นต์ของห้องพักในโรงแรม ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้ เป็นการส่งผลกระทบเชิงบวกไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างเศรษฐกิจให้กับแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดี และยังเป็นการรณรงค์ที่จะช่วยลดผลกระทบทางลบต่อการท่องเที่ยวในสถานที่นั้นๆ ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยกระแสท่องเที่ยวนี้ทำให้ทางไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวม 4 แหล่งท่องเที่ยวสุดยั่งยืนที่น่าสนใจ และต้องเดินทางไปสัมผัสความยั่งยืนนี้ด้วยตนเองสักครั้ง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ ได้รับการพิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ความยั่งยืนทั้ง 69 ตัวในลำดับต้นๆ ของโลกเมืองท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก  •  Gothenburg ประเทศสวีเดนกอเทนเบิร์ก (Gothenburg) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวีเดน และเป็นเมืองท่าสำคัญ บรรยากาศและผังเมืองที่นอกจากจะอุดมไปด้วยความเจริญแล้ว ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหมู่บ้านสไตล์นอร์ดิกเรียงรายตลอดทาง ที่เน้นเป็นหนึ่งเดียวกับความเขียวขจีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศของความเรียบง่าย สงบ อบอุ่น และผ่อนคลาย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นไปในเชิงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ สวนสาธารณะ จุดชมวิวที่เหมาะสมมากๆ กับนักท่องเที่ยวสายชิลที่อยากจะลิ้มลองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์  •  Oslo ประเทศนอร์เวย์ออสโล (Oslo) เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นอีกประเทศสำคัญที่เป็นดั่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากมีความสวยงาม ไม่ว่าจะจากธรรมชาติก็ดี ประติมากรรมจากยุโรปที่เหมือนหลุดมาจากภาพวาดถึงแม้ว่าออสโลจะเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ ที่เมืองหลวงแห่งนี้ยังมีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่มากกว่าครึ่ง เช่น สวนสาธารณะ ป่า ทิวเขา และทะเลสาบอยู่มากมาย และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีความสะอาดเป็นเลิศ สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ บอกเลยว่าที่ออสโลนี้ ต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้สักครั้ง  •  Copenhagen ประเทศเดนมาร์กโคเปนเฮเกน (Copenhagen) เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งที่นี่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเมืองหนึ่งในทวีปยุโรป โดยกรุงโคเปนเฮเกนเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารประเทศ เป็นที่ตั้งพระราชวังหลวง ทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมและความดั้งเดิมของพื้นที่ตั้งแต่ยุคเก่า เคล้ากับความพัฒนาและความเจริญได้อย่างลงตัวนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของการออกแบบผังเมือง ตึกรามบ้านช่องสไตล์เดนิช ที่มีให้เห็นในประเทศเดนมาร์กโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางการจราจรที่ไม่แออัด พร้อมทั้งพื้นที่ปั่นจักรยานภายในเมืองที่จัดได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนในลำดับต้นๆ อีกหนึ่งประเทศ  •  Helsinki ประเทศฟินแลนด์เฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงขนาดใหญ่ของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ มีความสวยงาม เคล้าคลอกับธรรมชาติ แถมยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ติดตามอย่างน่าหลงใหลในช่วงฤดูหนาวนอกจากนี้ เฮลซิงกิ ยังมีการตกแต่งสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สวยงาม ซึ่งทั้งหมดเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมของฟินแลนด์ได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งเมืองและประเทศที่หากมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยว ควรเก็บไว้ในลิสต์อีกหนึ่งสถานที่ข้อมูล : bbcภาพ : istockแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/abroad/2780106?gallery_id=1

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

‘บูมเมอร์รุ่นสุดท้าย’ เกษียณอีก 30 ล้านคน ส่วนใหญ่ไร้เงินออม ทำงานจนตายคือทางรอด

23/04/2024

“บูมเมอร์รุ่นสุดท้าย” เกษียณเพิ่ม 30 ล้านคน ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัว เงินออมใกล้หมด-พึ่งประกันสังคมเลี้ยงชีพ สื่อนอกชี้ หวั่นกระทบเศรษฐกิจ นายจ้างเตรียมหาแรงงานรุ่นใหม่ทดแทน ด้านบูมเมอร์บางส่วนมอง ยังต้องทำงานต่อไปจนแก่ตายถึงอยู่รอด เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) คือกลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ปี 2489 ถึง 2507 ปีนี้ซึ่งตรงกับปี 2567 กลุ่ม “บูมเมอร์รุ่นสุดท้าย” หรือ “Peak-boomer” จะมีอายุครบ 60 ปี และเข้าสู่การเกษียณอายุงาน ในอดีตเราอาจมองว่า วัยเกษียณ คือช่วงเวลาที่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากทำงานมาอย่างหนักทั้งชีวิต แต่ในยุคที่เศรษฐกิจซบเซา ข้าวของราคาแพงเช่นนี้ วัยเกษียณอาจกลายเป็นฝันร้ายของใครหลายคน โดยเฉพาะกลุ่ม “Peak-boomer” ที่ส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมทางการเงิน ไร้เงินออม และมองว่า ตนเองต้องทำงานไปจนตายจึงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ ข้อมูลจากสำนักข่าวบิซิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ระบุว่า ตลอดทั้งปี 2567 จะมีกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เกษียณเพิ่มอีก 30 ล้านคน รายงานจาก “Alliance for Lifetime Income” ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนหลังเกษียณระบุว่า หลายคนในกลุ่ม “Peak-boomer” กำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงตามมา สำหรับคนทำงานที่ยังอยู่ในระบบ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ “Fed” และส่วนงานศึกษาด้านสุขภาพและการเกษียณ มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan Health and Retirement Study) พบว่า 52.5% ของคนบูมเมอร์รุ่นสุดท้าย มีสินทรัพย์ 250,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว “9.2 ล้านบาท” หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งหมายความว่า คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้เงินออมจนหมด และหันมาพึ่งพาประกันสังคมแทน ส่วนอีก 14.6% มีสินทรัพย์ 500,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว “18.4 ล้านบาท” หรือน้อยกว่านั้น รายงานชิ้นนี้จึงสรุปผลออกมาว่า เกือบ 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ มีแนวโน้มจะเครียด และวิตกกังวลตลอดช่วงวัยการเกษียณอายุงาน ด้าน “โรเบิร์ต ชาปิโร” (Robert Shapiro) อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็นว่า การเกษียณอายุกลายเป็นความท้าทายทันที เนื่องจากพวกเขาขาดรายได้ที่ปลอดภัย ตรงกันข้ามกับกลุ่มบูมเมอร์รุ่นแรกๆ ที่ได้รับเงินบำนาญจำนวนมาก และยังมีเงินออมที่สูงกว่าด้วย นอกจากนี้ พบว่า คลื่นคนบูมเมอร์รุ่นสุดท้ายที่เกษียณอายุพร้อมกันอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ขณะนี้นายจ้างกำลังเร่งหาแรงงานทดแทนเข้าสู่ระบบประมาณ 14.8 ล้านคน อุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง ได้แก่ การผลิต สุขภาพ การศึกษา ระหว่างนี้อาจทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลงไปชั่วขณะ บิซิเนส อินไซเดอร์ วิเคราะห์ว่า วิกฤติครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแผนการเกษียณ ที่ก่อนหน้านี้จะได้รับเงินอุดหนุนจากนายจ้างมาช่วยสมทบ ทว่าถูกปรับเปลี่ยนเป็นแผนที่รู้จักกันในชื่อ “401k” แผนการลงทุนการเกษียณที่ผู้ลงทุนต้องหักเงินเดือนเพื่อเข้าสะสม ซึ่งก็พบว่า มีคนอเมริกันเพียง 24% เท่านั้น ที่ถือเงินบำนาญก้อนนี้ หากดูตัวเลขรายได้ของกลุ่มคนเกษียณพบว่า ชาวอเมริกันมีรายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มากกว่า 50% ของวัยเกษียณ มีรายได้ 300,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือน้อยกว่านั้น ในกลุ่มนี้สัดส่วนที่มีมากที่สุด คือกลุ่มที่มีรายได้ 10,000 ถึง 19,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยราว 369,935 ถึง 702,876 บาท ทำให้ชาวอเมริกันวัยเกษียณหลายคนในกลุ่ม “Peak-boomer” บอกว่า พวกเขาอาจต้องทำงานต่อไปจนกว่าจะตายหรือทุพพลภาพ จึงจะมีชีวิตอยู่รอดได้ “เฉพาะคนรวยเท่านั้นที่จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในวัยชรา พวกเราที่เหลือทำได้แค่สวดภาวนาให้คนกลุ่มอื่นๆ ตายในขณะที่ยังมีงานทำ เพราะไม่มีใครอยากตายอยู่ข้างถนน” แหล่งข่าวอายุ 58 ปี ให้สัมภาษณ์ปิดท้าย อ้างอิง: Business Insider แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1123252

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

เด็กอายุแค่ 4 ขวบ เป็นมะเร็งกระเพาะ รู้ต้นเหตุทำยายทรุด ที่แท้คือสิ่งที่ให้หลานกินทุกวัน

29/04/2024

ยายถึงกับทรุด เด็กอายุแค่ 4 ขวบ เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ที่แท้ต้นเหตุคือสิ่งที่ให้หลานกินทุกวัน หมอกุมหัวเตือนอาหารที่ทุกบ้านมี!ตามรายงานพบว่า นางหว่อง (นามสมุมิต) ผู้หญิงในประเทศจีน เป็นคนหัวโบราณและมักเชื่อการรักษาโรคพื้นบ้าน เธอได้ยิน "เคล็ดลับ" ที่จะช่วยให้เด็กๆ รับประทานอาหารได้ดีและเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการรับประทาน "ไข่ดิบ" ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเลี้ยงหลานชายอายุ 4 ขวบ ด้วยไข่ดิบทุกวัน ด้วยความหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นด้วยร่างกายที่สูงและแข็งแรงอย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นานเด็กชายก็รู้สึกไม่สบายท้อง เบื่ออาหาร และผอมลงมาก นางหว่องเป็นกังวลจึงรีบพาหลานชายไปโรงพยาบาล หลังการตรวจพบว่าเป็น "มะเร็งกระเพาะอาหาร" ระยะเริ่มแรก แพทย์ถึงกับส่ายหน้าเตือนว่า "คุณยายครับไข่ดิบมีแบคทีเรียซัลโมเนลลา ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ..." โรคร้ายที่เกิดขึ้นกับหลานชายทำให้นางหว่องเสียใจมาก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เธอคิดว่าดีสำหรับหลานชายจะกลายเป็นการทำร้ายเขาไข่ดิบดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่?นี่เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างสิ้นเชิง ประการแรก คุณค่าทางโภชนาการของไข่ดิบนั้นต่ำกว่าไข่ปรุงสุกมาก โครงสร้างโปรตีนของไข่ดิบมีความแน่นและยากต่อร่างกายมนุษย์ในการย่อย แต่เมื่อถูกปรุงให้สุกแล้วโครงสร้างโปรตีนจะนุ่มขึ้นและดูดซึมได้ง่ายขึ้นประการที่สอง ความเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษจากการกินไข่ดิบมีสูงมาก เนื่องจากเชื้อซัลโมเนลลา ซึ่งเป็นแบคทีเรียก่อโรคที่พบได้ทั่วไปในไข่ดิบ เมื่อติดเชื้ออาจเกิดอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/news/9334582/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการกลุ่ม “Another Me” ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ไฟแรง

29/04/2024

เซ็นทรัล ดิ ออริจินัล สโตร์ (Central: The Original Store) ศูนย์รวมวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ ตั้งอยู่ในย่านเจริญกรุง ซึ่งเป็นย่านแห่งความคิดสร้างสรรค์ จัดนิทรรศการกลุ่ม “Another Me” โดยได้ 3 ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ไฟแรง อย่าง บัวขาว ผะสม ผู้หลงใหลในการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก และรังสรรค์ภาพวาดทุกภาพออกมาจากใจ, สุวิมล พงษ์สัมฤทธิ์ ศิลปินที่มีโอกาสแสดงผลงานนิทรรศ การมากมายทั้งในและต่างประเทศ และ แป้ง ต่อสุวรรณ ผู้เริ่มต้นการทำงานในสายงานโฆษณาและการตลาด แต่ผันตัวมาเป็นศิลปินเพราะความรักในงานศิลปะที่มีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งต้องการจะพาทุกท่านไปสำรวจอารมณ์ความรู้สึกของ ‘ฉันอีกคน’ ที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ภายใน ผ่านการวาดภาพบนผืนผ้าใบกว่า 20 ชิ้นงาน โดยใช้เทคนิคสีน้ำมันและสีอะคริลิก เพื่อให้ผู้รับชมงาน ได้รับรู้ความรู้สึกของ ‘ฉันอีกคน’...ฉันอีกคนที่เป็นอิสระ, ...ฉันอีกคนที่อยู่ในจิตใจ หรือ... ฉันอีกคนที่อยู่เพียงในจินตนาการพบกับ “Another Me” นิทรรศการกลุ่มโดย บัวขาว ผะสม, สุวิมล พงษ์ สัมฤทธิ์, แป้ง ต่อสุวรรณ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 เม.ย.67 ณ เซ็นทรัล สเปซ ชั้น 3 ที่เซ็นทรัล ดิ ออริจินัล สโตร์ วันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/2780078

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เที่ยวญี่ปุ่น ห้ามนำสองสิ่งนี้ขึ้นรถทัวร์นำเที่ยวโดยเด็ดขาด

23/04/2024

เที่ยวญี่ปุ่น ห้ามนำสองสิ่งนี้ขึ้นรถทัวร์นำเที่ยวโดยเด็ดขาด ไกด์ต้องย้ำเสมอ โชเฟอร์ขอย้ำนักท่องเที่ยวโปรดให้ความร่วมมือญี่ปุ่น ประเทศที่ครองใจคนไทยสูงสุด และมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับแรก หลายคนกำลังวางแผนเดินทางไป แต่ยังไม่ทราบว่า รถทัวร์บริการนำเที่ยวในญี่ปุ่น มีของต้องห้ามโดยเด็ดขาดนอกจากการนัดหมายที่ตรงต่อเวลา นักท่องเที่ยวที่ลงไปเที่ยวตามจุดต่าง ๆ แล้ว ขึ้นรถมาห้ามนำสองสิ่งนี้ขึ้นรถเป็นอันขาด นั่นคือ ไอศครีมซอฟท์เสิร์ฟ และ แก้วกาแฟไม่มีฝาปิดหากซื้อไอศครีมตามจุดท่องเที่ยว (เป็นของหวานยอดนิยมที่ต้องชิมให้ได้ในแต่ละจุดซะด้วย) นักท่องเที่ยวต้องกินให้หมดก่อนขึ้นรถและกาแฟไม่ว่าจะเป็นร้านไหนยี่ห้อใด หากนำขึ้นรถต้องเป็นแก้วที่มีฝาปิดเท่านั้นนั่นเพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความสะอาดอย่างมาก หากมีจุดที่เลอะเปรอะเปื้อน โชเฟอร์อาจต้องเสียเวลาคลีนนิ่งทั้งคัน จึงขอความร่วมมือกับนักเดินทางก่อนเป็นอันดับแรกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447347/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

กูรูแนะ 8 วิธีลงทุน สำหรับวัยกลางคน ก่อนเกษียณในอนาคต

22/04/2024

มอนิ่งสตาร์ แนะ 8 อันดับแนวทางลงทุน สำหรับนักลงทุนในช่วงวัย 40-50 ปี ซึ่งมักเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างมาก จะมีลำดับความสำคัญในการวางแผนทางการเงินอย่างไรบ้าง  วันที่ 22 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคนวัย 40-50 ปี เรามักจะไม่ค่อยเห็นคำแนะนำเรื่องการลงทุนมากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับช่วงวัยเริ่มทำงานหรือใกล้เกษียณอายุ ทั้งที่ความจริงในวัย 40-50 ปีนั้นเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างสูง มีความซับซ้อนและความต้องการทางการเงินที่สูงกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ทั้งการเก็บเงินเพื่อบุตรและเก็บเงินเพื่อรองรับการเกษียณในอนาคต  นอกจากนี้แม้วัยกลางคนจะยังรับความเสี่ยงในตราสารทุนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมีความลำบากทางการเงินอยู่มากที่ไม่สามารถหารายได้มาเพียงพอหรืออาจมีปัญหาสุขภาพทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และยังต้องดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ได้แนะนำ 8 ลําดับความสําคัญที่ควรคํานึงถึงสำหรับนักลงทุนในวัยกลางคน ดังนี้  1. การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ  การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ เช่น การลงทุนเพื่อการศึกษา การอบรมสมนา เพื่อพัฒนาความรู้ความชำนาญ การติดตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างโอกาสในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะถึงวัยเกษียณอายุ  2. สร้างสมดุลระหว่างการสะสมรายได้และเป้าหมายอื่นในชีวิต  สำหรับคนที่มีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรนับเป็นภาระที่ค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องเตรียมสะสมเงินออมสำหรับยามเกษียณอีกด้วยภายใต้ระยะเวลาการทำงานที่เหลือน้อยลง ทำให้การวางแผนทางการเงินเพื่อเกษียณจำเป็นต้องใช้เวลาและวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 25-30 ปีก่อนเกษียณ  สำหรับจำนวนเงินที่รองรับก็ควรจะต้องเตรียมไว้อย่างน้อย 25 เท่าของรายจ่ายที่ต้องการใช้ในยามเกษียณ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญต่อเป้าหมายทางการเงินเพื่อเกษียณไว้เป็นลำดับแรก ๆ เพราะหากอนาคตในยามใกล้เกษียณเกิดมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินในเรื่องอื่นก็จะทำให้เรามีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับได้  3. ปกป้องสินทรัพย์ที่มี  ปกป้องสินทรัพย์ที่มี เช่น ทำประกันอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ครอบคลุมภาระหนี้หรือมูลค่าสินทรัพย์เผื่อกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หรือการทำประกันสุขภาพเพื่อรองรับการเจ็บป่วยในยามเกษียณ นอกจากนี้อย่าลืมสำรองเงินสดไว้ใช้ในยามฉุกเฉินกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ออกจากงาน ซึ่งอย่างน้อยควรมีพอสำหรับรองรับไว้ใช้ได้นาน 3-6 เดือน 4. การเพิ่มเงินออมเพื่อรองรับการใช้จ่าย แม้วัยกลางคนจะเป็นช่วงที่สร้างรายได้ได้ค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นช่วงที่มีรายจ่ายมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยเพิ่มเงินออมให้สูงขึ้นตามไปด้วยโดยอัตโนมัติก็คือการเพิ่มแผนการจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้นนั่นเอง  5. การเพิ่มทางเลือกในการออมเงินสำหรับเงินเกษียณ  นอกเหนือไปจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้างแล้ว เพื่อให้มีเงินใช้อย่างเพียงพอในอนาคตนั้นการลงทุนผ่านกองทุนประหยัดภาษีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีของนักลงทุน  6. บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน  สำหรับการลงทุนในช่วงวัย 40-50 ปียังจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงและสะสมเงินไว้ใช้ในอนาคต ขณะที่ในวัย 50 ปีขึ้นไปอาจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี เพราะถึงแม้จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นแต่ก็มีอัตราผลตอบแทนหรือ Yield ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021  นอกจากนี้ตราสารหนี้ยังช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนที่ดีได้ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดี รวมถึงหากมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องออกจากงานก่อนกำหนดเงินลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังช่วยสร้างรายได้ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดีเช่นกัน  7. พอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ไม่ได้แปลว่าต้องซับซ้อน  เมื่อสินทรัพย์มีขนาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนักลงทุนอาจคิดว่าองค์ประกอบของการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอต้องมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพียงแค่ลงทุนในแบบที่ง่าย ๆ โอกาสที่จะผิดพลาดจากการลงทุนยิ่งลดลง เช่น พอร์ตการลงทุนอาจประกอบไปด้วยการลงทุนในตราสารทุนในประเทศ ตราสารทุนต่างประเทศ และตราสารหนี้ เท่านี้ก็เพียงพอ  8. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินให้เหมาะสมกับความต้องการ  เมื่อชีวิตทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้นหรือใกล้ถึงวัยเกษียณแล้ว การจ่ายเงินจ้างที่ปรึกษาทางการเงินก็ดูจะมีความจำเป็นและเหมาะสม เพราะอาจได้ข้อมูลเชิงลึกและได้รับคำปรึกษาในเรื่องที่ซับซ้อน เช่น การวางแผนภาษีอย่างไรก็ดี ผู้ที่มีเงื่อนไขทางการเงินที่ซับซ้อนมากก็อาจเหมาะสมกับการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาการลงทุนแบบเป็นสัดส่วนตามมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละปี แต่หากใครเพียงต้องการปรึกษาเป็นครั้งคราวก็อาจเหมาะสมกับการจ่ายเงินเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นรายครั้งไป  แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1547740

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

“กู้เงินฉุกเฉิน” จาก “กรมธรรม์ประกันชีวิต”...ดอกเบี้ยถูกจริงหรือไม่?

29/04/2024

“กรมธรรม์ประกันชีวิต” นอกจากจะมีประโยชน์ในแง่ให้ความคุ้มครอง โอนย้ายความเสี่ยงในการวางแผนการเงินแล้ว ยังเป็นแหล่งเงินออมระยะยาว จนสามารถมีเงินก้อนใช้ได้ในยามเกษียณได้อย่างสบาย    ในช่วงเกิดโรคระบาด Covid-19 หลายคนเกิดภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากรายได้ลดลงจนถึงหยุดชะงัก จึงเลือก “กู้ฉุกเฉินผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต” เนื่องจากสามารถกู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องพิจารณาเครดิต เพราะมีกรมธรรม์เป็นสินทรัพย์ค้ำอยู่ ที่สำคัญอัตราดอกเบี้ยถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับเงินกู้จากแหล่งอื่นๆ โดยบริษัทประกันเองก็ได้ช่วยอำนวยความสะดวก โดยส่งข้อมูลวงเงินที่สามรถกู้ได้ ตรงถึงผู้เอาประกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ทำให้เงินกู้กรมธรรม์จึงได้รับความสนใจ และเป็นทางเลือกหนึ่งในการกู้เงินสดฉุกเฉินให้ผ่านช่วงวิกฤตที่ผ่านมาอย่างแพร่หลาย“สำหรับเงื่อนไขสำคัญหากต้องการกู้เงินฉุกเฉินผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต คือ สามารถกู้ได้เป็นจำนวน 80 - 90% ของมูลค่ากรมธรรม์ที่คำนวณได้ ณ วันนั้น โดยมูลค่ากรมธรรม์จะมีการปรับขึ้นทุกวันแบบดอกเบี้ยทบต้น โดยสาเหตุที่ต้องกันเงินสำรองไว้ 10 - 20% เพื่อให้เพียงพอต่อการกู้ชำระเบี้ยรายงวด 1 เดือน กรณีที่ถึงกำหนดชำระเบี้ยแล้วผู้เอาประกันยังไม่สามารถชำระเบี้ยได้ มูลค่าที่กันไว้ ก็จะเพียงพอในการกู้ชำระเบี้ย เพื่อยืดเวลาความคุ้มครองของกรมธรรม์ต่อไปอีกสักช่วงเวลาหนึ่ง”“อัตราดอกเบี้ยเงินกู้” ของกรมธรรม์แต่ละเล่มจะไม่เท่ากัน โดยจะคิด +2% จากอัตราดอกเบี้ยในหน้าแรกของกรมธรรม์ ถ้าหน้ากรมธรรม์ระบุอัตราดอกเบี้ย 3.5% ดอกเบี้ยเงินกู้ของกรมธรรม์จะเป็น 5.5% กรณีที่เราถือกรมธรรม์หลายเล่ม จึงควรตรวจสอบก่อนว่าจะกู้กรมธรรม์เล่มไหน ที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดตัวอย่าง: การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในกรมธรรม์ยอดเงินกู้ 100,000 บาท ดอกเบี้ยหน้ากรมธรรม์ 3.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะคิด +2% เป็น 5.5%หากกู้เงินเป็นจำนวน 97 วัน จะคิดอัตราดอกเบี้ย = [(1+0.055)^(97/365)] – 1 = 0.0143คิดเป็นดอกเบี้ย 100,000 * 0.0143 = 1,430 บาทหากกู้เงินเป็นจำนวน 141 วัน จะคิดอัตราดอกเบี้ย = [(1+0.055)^(141/365)] – 1 = 0.0209คิดเป็นดอกเบี้ย 100,000 * 0.0209 = 2,090 บาทข้อสังเกต: เนื่องจากเป็นการคิดแบบดอกเบี้ยทบต้นรายวัน จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยที่คำนวณในจำนวนวันที่น้อยกว่า มีอัตราที่ถูกกว่าข้อควรทราบ  •  ทุกครั้งที่มีการชำระคืน บริษัทจะนำเงินไปชำระดอกเบี้ยก่อนที่เหลือจึงนำมาตัดเงินต้น  •  หากมีเงินปันผลของกรมธรรม์ ก็จะถูกนำมาชำระหนี้สินในส่วนนี้ก่อน หากเหลือจึงจ่ายคืนผู้เอาประกัน  •  กรณีกรมธรรม์ขาดอายุและต้องการชำระเบี้ยต่ออายุ จะต้องคืนเงินกู้คงค้างในกรมธรรม์ก่อน ถึงจะสามารถต่ออายุได้ตัวอย่าง: การชำระคืนบางส่วน เช่น กรณี B ณ 141 วัน เช่น ชำระคืน 50,000 บาท บริษัทจะนำไปหักดอกเบี้ยก่อนที่ 2,090 บาท และนำส่วนที่เหลือไปหักเงินต้น 47,910 บาท เหลือเงินกู้คงค้างที่ 52,090 บาท แล้วเริ่มต้นคำนวณดอกเบี้ยทบต้นรายวันใหม่ [100,000 – (2,090 + 47,910) = 52,090]เมื่อถึงรอบดิวกรมธรรม์ เงินต้นบวกดอกเบี้ยคงค้าง จะถูกนำมาคิดเป็นเงินต้นในรอบการคำนวณใหม่ ดังตัวอย่างเริ่มกู้วันที่ 23/3/2565 ครบรอบดิวกรมธรรม์วันที่ 11/8/2565  เป็นจำนวน 141 วันระยะเวลา 141 วัน จะคิดดอกเบี้ย = [(1+0.055)^(141/365)] – 1 = 0.0209คิดเป็นดอกเบี้ย 100,000 * 0.0209 = 2,090 บาท สมมติว่าไม่มีการชำระคืนเลยวันที่ 11/8/2565 จะคิดเงินต้น = 102,090 บาท และคำนวณดอกเบี้ยรายวันทบต้นต่อไปตัวอย่าง: การกู้กรมธรรม์ฉบับหนึ่ง จำนวนการกู้ 4 ยอดเมื่อวันที่ 23/3/2565, 1/4/2565, 6/5/2565 และ 12/9/2566 โดยยังไม่ได้ชำระเงินคืนเลย มีการชำระ 1 ครั้งจากเงินคืนตามสัญญากรมธรรม์ จำนวน 60,000 บาท กรมธรรม์ครบดิว  11 สิงหาคม ของทุกปี โดยมีอัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปีหากมีการทยอยชำระคืน บริษัทจะนำเงินไปชำระหนี้สินก่อน แล้วจึงมาหักเงินต้น จากตัวอย่าง เงินกู้ยอดแรก คือ ยอด 2,390,155.79 บาท เมื่อชำระคืน 200,000 บาท ณ วันที่ 13/7/2566 บริษัทจะบันทึกรับเป็นดอกเบี้ย 120,754.60 บาท และหักเงินต้น 79,245.40 บาท“จากตัวอย่างจะช่วยให้สามารถทำความเข้าใจวิธีคำนวณดอกบี้ย และวางแผนการชำระคืนได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถวางแผนจัดการหนี้ก้อนต่าง ๆ ว่าควรมีลำดับการชำระหนี้ก้อนไหนอย่างไรก่อนหลัง ดอกเบี้ยเงินกู้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตจัดว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอีกหลายแหล่งเงินกู้ เพราะมีสินทรัพย์คือ กรมธรรม์ที่มีมูลค่าแน่นอนค่ำเอาไว้”“เงินกู้ในกรมธรรม์” จัดว่าเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องในระดับที่ดี ทำการกู้ง่าย โดยปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้สะดวกมาก จากการลง Application ในมือถือ สามารถตรวจสอบมูลค่าด้วยตนเองได้ การทำสัญญากู้ ก็สามารถทำจาก Application ได้เลยและรับเงินโอนเข้าบัญชีภายใน 3 วันทำการ การชำระคืนสามารถชำระโดยโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทและแจ้งรายการชำระผ่านทาง Call center ของบริษัทเพื่อตรวจสอบอย่างไรก็ดี คุณค่าที่แท้จริงของ “กรมธรรม์ประกันชีวิต” คือ เป็นการโอนย้ายความเสี่ยงและเป็นแหล่งเงินออมระยะยาว ข้อพึงระวัง คือ หากจำเป็นต้องใช้เป็นแหล่งเงินกู้ฉุกเฉิน ควรวางแผนรีบนำเงินกลับเข้าไปคืน เพื่อไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน และยังคงรักษากรมธรรม์ไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ที่นำมาใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22297

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สกู๊ปพืช

12 ต้นไม้ใบหอม ไว้ปลูกจัดสวนก็ได้ ใช้แต่งบ้านก็ดูดี

29/04/2024

รวมต้นไม้ใบหอม มีทั้งไม้ใบและไม้ดอก ไว้จัดสวนและปลูกในบ้านได้ แถมบางชนิดใช้ทำอาหารได้ด้วย มีต้นอะไรบ้างตามไปดูกันเลยใครอยากจัดสวนต้นไม้ใบหอมกันบ้าง อาจปลูกลงดิน ทำเป็นแนวรั้ว หรือปลูกในกระถาง นอกจากมีกลิ่นหอมอวลทั่วบ้านเวลาลมพัดแล้ว บางสายพันธุ์ยังนำมาประกอบอาหารได้ด้วย วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับต้นไม้ใบหอม เช่น  ต้นหลิวหอม มอสซี่ บัตเตอร์ โปร่งฟ้า ยูคาลิปตัส เป็นต้น สนใจอยากปลูกต้นไหนตามมาดูกันเลย1. มินต์มินต์ (Mint) เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูงได้ถึง 90 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว มีรูปร่างและขนาดตามสายพันธุ์ ส่วนใหญ่ใบจะมีกลิ่นหอมเย็น แต่ความแรงของกลิ่นจะต่างกันไป ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและเพาะเมล็ด ชอบแดด ดินร่วนระบายน้ำ เหมาะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่ม2. สนมะนาวสนมะนาว หรือสนเลมอน (Lemon Cypress) เป็นไม้พุ่มหนาซ้อนกันเป็นชั้น สูงได้ถึง 3 เมตร ใบสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงิน มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาวหรือเลมอน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและเพาะเมล็ด ชอบดินระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดด สามารถปลูกในบ้านได้บริเวณที่มีแดดรำไร รดน้ำสัปดาห์ละครั้งหรือเมื่อดินแห้ง3. ต้นเมอร์เทิลต้นเมอร์เทิล (Myrtus) หรือต้นยี่เข่ง เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว มีกลิ่นหอมสดชื่น ดอกมีหลายสีตามสายพันธุ์ เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง ควรปลูกในดินร่วนระบายน้ำ ชอบแดดจัด ทนแล้ง นิยมปลูกเป็นรั้วหรือริมทางเดิน นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา โดยใบใช้แก้ผดผื่นคัน รักษาแผลสด ดอกใช้ต้มกินแก้อาการตกเลือดหลังคลอดบุตร รากใช้ต้มแก้ปวดฟัน กลากเกลื้อน4. โรสแมรีโรสแมรี (Rosemary) เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-2 เมตร ใบคล้ายเข็ม ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผิวใบด้านบนเป็นสีเขียว ผิวใบด้านล่างเป็นสีขาวและมีขนปกคลุม มีกลิ่นหอม ส่วนดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ มีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีฟ้า และสีม่วง นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำมากกว่าการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วน ชอบแสงแดดรำไรถึงแสงแดดจัด ชอบน้ำไม่มาก นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถไล่ยุงและแมลงได้ด้วย5. ต้นกระวานต้นกระวาน (Sweet Bay หรือ Sweet Bay Leaf) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ความสูงไม่เกิน 2 เมตร ใบทรงรีสีเขียวหนา เมื่อขยี้ใบจะมีกลิ่นหอมฉุน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำ ชอบดินร่วน ชอบแสงแดด ดินระบายน้ำดี รดน้ำเช้า-เย็น สามารถนำใบมาดับกลิ่นคาวอาหารหรือหมักเนื้อสัตว์ได้ รวมทั้งมีสรรพคุณช่วยขับลมและเป็นยาระบาย6. ยูคาลิปตัสยูคาลิปตัส (Eucalyptus) เป็นไม้ยืนต้นโตไว สูงได้ถึง 50 เมตร ใบยาวสีเขียวรูปหอก มีน้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณช่วยไล่ยุงและแมลงได้ เพียงแค่นำใบสดประมาณ 1 กำมือ มาขยี้ให้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยกระจายออกมา แล้วนำไปวางไว้ตามมุมห้อง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ ชอบดินร่วนปนทราย ถ้าผิวดินแห้งก็สามารถรดน้ำเพิ่มได้7. ต้นสนหอมต้นสนหอม หรือต้นหลิวหอม (Ellwood's Gold) เป็นไม้พุ่มยืนต้นโตช้า ลำต้นเดี่ยวตั้งตรงแตกกิ่งก้านเป็นทรงฉัตร เปลือกต้นสีน้ำตาล ใบสีเขียว ยอดใบสีแดง มีสรรพคุณไล่ยุงเนื่องจากมีกลิ่นหอมเย็น สามารถทำเป็นรั้วบ้านและปลูกเป็นไม้มงคลเสริมดวง ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและการปักชำ ชอบแสงแดด รดน้ำได้ทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง8. คอตตอน ลาเวนเดอร์คอตตอน ลาเวนเดอร์ (Cotton Lavender) เป็นไม้พุ่มเตี้ย ความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร ใบมีหลายสีตามสายพันธุ์ และมีกลิ่นหอมสามารถไล่ยุงและแมลงได้ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ ชอบแดดและดินระบายน้ำดี ทนแล้ง รอจนหน้าดินแห้งค่อยรดน้ำ9. โกฐจุฬาลัมพาโกฐจุฬาลัมพา (Common Wormwood, Sweet Wormwood) เป็นไม้ล้มลุก มีอายุปีเดียว สูงได้ถึง 2 เมตร แตกกิ่งมาก มีกลิ่นเฉพาะ มีขนขึ้นประปราย หลุดร่วงได้ง่าย ใบเป็นใบเดี่ยวขอบหยักลึกคล้ายขนนก ช่อดอกเป็นช่อแยกแขนงรูปพีระมิด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์แก้ไข้ ขับเสมหะ รักษาไข้มาลาเรีย แก้ริดสีดวงทวาร ต้านการอักเสบ และระงับอาการปวด10. โปร่งฟ้าโปร่งฟ้า เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงเพียง 1 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวทรงรี ปลายใบเรียวแหลม ใบมีกลิ่นหอมเหมือนพืชตระกูลส้ม แต่มีกลิ่นฉุนกว่า รสเผ็ดร้อนและซ่า สามารถนำใบมาเป็นเครื่องเคียงของลาบหรือน้ำพริกได้ เหมาะสำหรับปลูกในดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี ชอบที่ที่อากาศถ่ายเท แดดรำไร รดน้ำวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้า-เย็น11. ตะไคร้หอมตะไคร้หอม (Citronella Grass) เป็นไม้ล้มลุกขึ้นเป็นกอมีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นทรงกระบอก ใบยาวมีกาบใบห่อหุ้ม สีเขียวปนม่วง มีกลิ่นหอมแรง ช่วยไล่ยุงได้ รวมทั้งนำไปสกัดทำเป็นครีมทาตัว สบู่ ยาสระผม เครื่องสำอาง และสเปรย์ฉีดยุง ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด รดน้ำทั้งเช้าและเย็น12. มอสซี่ บัสเตอร์มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster) เป็นไม้พุ่มใบขนาดเล็กสีเขียว ขอบใบหยัก กลิ่นหอมคล้ายตะไคร้ ใช้ไล่ยุงได้ สามารถปลูกในกระถางได้ ชอบแสงแดดและอากาศถ่ายเท รดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งในตอนเช้าเชื่อว่าน่าจะมีต้นไม้ใบหอมที่น่าสนใจเหมาะนำมาแต่งสวนกันได้บ้าง โดยเฉพาะต้นไม้ที่มีกลิ่นสามารถไล่ยุงได้ รวมทั้งบางชนิดมีดอกให้เชยชม บางชนิดมีสรรพคุณทางยาเพิ่มเติมด้วย เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้วมาลิสต์ต้นไม้ที่ชอบแล้วไปเลือกซื้อกันเลยขอบคุณข้อมูลจาก : gardenersworld.com, rhs.org.uk, thespruce.com, rspg.or.th, site-matching.forest.go.th, rhs.org.uk และ thaihof.orgแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://home.kapook.com/view270034.html

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X