Everyday knowledge for you
ท่องเที่ยว
10/05/2024
"เกาะสมุย" นอกจากจะมีหาดทรายชายทะเลที่สวยงามมีชื่อเสียงระบือไกลในระดับโลก จนกลายเป็นเกาะท่องเที่ยวอันดับ 1 ของทะเลฝั่งอ่าวไทยในบ้านเราแล้ว บนเกาะสมุยยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าอัศจรรย์ของ "หินตา-หินยาย" ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นแห่งเกาะสมุย ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคใต้ และ ททท.สำนักงานเกาะสมุย ชูเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนเกาะสมุย"หินตา-หินยาย" ตั้งอยู่ที่บริเวณหาดละไม ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติทางธรณีวิทยา เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ฝน ลม และแสงแดด รวมถึงการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเลเนื่องจากถูกคลื่นกัดเซาะ เป็นเวลายาวนาน จนก่อเกิดเป็นโขดหินรูปร่างประหลาดที่ดูคล้ายอวัยวะเพศชาย-หญิง ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า "หินตา-หินยาย"หินตา“หินตา” เป็นหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายตั้งตระหง่านชี้ขึ้นฟ้าริมชายฝั่งส่วน “หินยาย” มีลักษณะเป็นโพรงหินชายฝั่งที่เกิดจากการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเลที่ถูกคลื่นกัดเซาะจนเกิดเป็นแนวหินขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายอวัยวะเพศหญิงตั้งโดดเด่นอยู่ริมชายฝั่งรับคลื่นลมที่ซัดสาดเข้ามาหินยายตามตำนานนิทานท้องถิ่นเกาะสมุย เล่าถึงตำนานของหินตา-หินยาย ว่า ในอดีต มีตายายคู่หนึ่ง ชื่อ "ตาเครง" และ "ยายเรียม" เป็นชาวปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางโดยเรือใบเพื่อจะไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กับลูกชายชื่อคง โดยมีนายท้ายเรือ คือนายปราบเพื่อนของลูกชายครั้นเรือแล่นมาถึงบริเวณแหลมละไม เกาะสมุย เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือล่ม สินสอดทองหมั้นที่เตรียมมาจมน้ำหายไปจนสิ้น ส่วนญาติสนิทมิตรสหายที่เดินทางมาร่วมกัน จมน้ำเสียชีวิตกลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย รายรอบเกาะ สมุยหินตาหลาย ๆ คนถูกน้ำพัดไปกลายเป็นหมู่เกาะอ่างทอง นายคงถูกน้ำซัดไปทางหาดเชิงมนเสียชีวิตกลายเป็นเกาะกง ด้านนายปราบนั้นเกาะเรือสำเภาของตัวเองลอยไปทางอ่าวบ้านดอน จนก่อนจะเข้าอ่าวบ้านดอนเรือสำเภาจมลงจนกลายเกาะนกเภา ส่วนนายปราบนั้นเสียชีวิตกลายเป็นเกาะปราบ อยู่บริเวณอ่าวบ้านดอนนั่นเองเรือล่มครั้งนี้คงเหลือรอดชีวิตแค่เพียงตาเครงและยายเรียม ที่ถูกน้ำทะเลพัดเข้าหาดละไม ทั้งตาและยายเสียใจมาก และกลัวว่าตาม่องล่ายจะคิดว่าเป็นคนไม่รักษาคำพูด จึงพากันกลั้นใจกระโดดน้ำตาย กลายเป็นหินตา-หินยาย ที่ภายหลังได้กลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเกาะสมุยในเวลาต่อมาหินยายวันนี้หินตา-หินยาย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบนเกาะสมุย แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาถ่ายรูปเช็กอินบริเวณหินตา-หินยายกันเป็นจำนวนมากสำหรับหินรูปร่างประหลาดคู่นี้ ยิ่งเมื่อมองแล้วใส่จินตนาการเข้าไป ก็จะยิ่งให้ความรู้สึกว่ามีความเหมือนจริงไม่น้อยเลยภาพโดย : อโนทัย งานดีหินตานักท่องมาเที่ยวกันไม่ได้ขาดหินยายในมุมสูงแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000039843
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อสังหาริมทรัพย์
09/05/2024
ทราบหรือไม่ว่า ระหว่าง "จำนอง" และ "ขายฝาก" ได้เงินไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่ การจำนองจะได้วงเงินประมาณ 10-30% ของราคาประเมิน ส่วนการขายฝาก จะได้วงเงินประมาณ 40-70% แต่จะเลือกแบบไหน ต้องดูเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยเชื่อว่าเป็นที่สงสัยกันมาตลอด หากถึงเวลาที่เราต้องนำทรัพย์สินไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ควรเลือกวิธี "จำนอง" หรือ "ขายฝาก" ดีกว่ากัน? เพราะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 วิธี มีข้อกำหนดและเงื่อนไขค่อนข้างคล้ายกันมาก จนทำให้หลายๆ คนอาจเผลอหรือพลาดเลือกวิธีที่ไม่เอื้อประโยชน์กับตนเองไปโดยไม่รู้ตัว และที่สำคัญยังมีเรื่องของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยดังนั้น โอกาสผิดพลาดทั้งผู้นำทรัพย์สินไปจำนองหรือขายฝาก และผู้รับจำนองหรือซื้อฝากย่อมมีสูง แถมยังส่งผลถึงเรื่องการเสียภาษีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงควรมาทำความเข้าใจกับวิธี "จำนอง" และ "ขายฝาก" รวมถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกัน ดังสามารถอธิบายได้ดังนี้ • ลักษณะของการ "จำนอง"จำนอง คือการนำทรัพย์สินมาเป็นประกันในการชำระหนี้เมื่อมีการกู้ยืมเงิน ซึ่งสามารถนำทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัย์และสังหาริมทรัพย์ ที่มีทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดว่านำมาจำนองได้ เช่น รถยนต์ ที่ดิน บ้าน คอนโด โดยจะต้องนำสัญญาจำนองไปจดทะเบียนด้วยแต่ผู้จำนองไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่จำนอง และมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่จำนองได้ต่อไป แต่หากมีการผิดนัดชำระหนี้ ผู้รับจำนองมีสิทธิฟ้องบังคับชำระหนี้และบังคับคลีกับทรัพย์สินที่จำนองได้ตามกฎหมาย รวมถึงในการจำนองหากมีข้อตกลงจะชำระหนี้จนครบเมื่อถึงกำหนดแต่กลับชำระไม่ครบ ผู้จำนองต้องชำระเงินเพิ่มเติมให้แก่ผู้รับจำนองจนกว่าจะครบ แม้จะถูกบังคับคดียึดทรัพย์สินที่จำนองแล้วก็ตาม • ลักษณะของการ "ขายฝาก"ขายฝาก คือการนำทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์มาขายให้กับผู้รับซื้อฝาก โดยต้องทำสัญญาเอกสารขายฝาก และมีข้อตกลงว่าผู้ขายฝากสามารถไถ่ทรัพย์สินนั้นคืนได้ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายฝากจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีที่ขายฝาก และได้ส่งมอบทรัพย์สินแก่ผู้รับซื้อฝากทั้งนี้ ในกรณีทรัพย์สินที่ขายฝากเป็นอสังหาริมทรัพย์ จะต้องทำสัญญาขายฝากไปจดทะเบียน เช่น ที่ดินจะต้องทำสัญญาขายฝากไปจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินที่มีเขตอำนาจ การขายฝากจึงจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย โดยหากผู้ขายฝากไม่ได้ไถ่ทรัพย์สินคืนตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ผู้ขายฝากจะหมดสิทธิในการไถ่ทรัพย์สินคืน และผู้รับซื้อฝากไม่ต้องไปฟ้องบังคับตามสัญญาขายฝากอีก • กิจการรับจำนอง & ขายฝาก เข้าข่ายต้องเสียภาษีอะไรบ้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีบุคคลธรรมดารับจำนองจากนิติบุคคล ผู้จ่ายเงิน (ดอกเบี้ย) ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย ไว้อัตรา 15% ผู้รับดอกเบี้ยจำนองสามารถเลือกไม่นำเงินได้มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีประจำปีได้ แต่ถ้าหากไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% ไว้ จะต้องนำมารวมเป็นเงินได้ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 มาตรา 40(4) กลุ่มของดอกเบี้ย โดยไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ส่วนกรณีขายฝาก ค่าสินไถ่ตอนไถ่ถอนได้ถูกเก็บภาษีเเล้ว จึงไม่ต้องนำมารวมเพื่อเสียภาษีอีกภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้รับจำนอง หากประกอบกิจการให้กู้ยืมเงินในนามนิติบุคคล จะเข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคาร กิจการต้องนำรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ซึ่งยังไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยเงินกู้ มาถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อนำไปเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี นับจากวันที่ทำสัญญาจดจำนองที่กรมที่ดิน จนกว่าจะบอกเลิกสัญญากู้ยืมด้วยการบังคับจำนองโดยดอกเบี้ยในส่วนที่กิจการยังไม่ได้ชำระทั้งจำนวนนั้น หากมีการยกหนี้ กิจการต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย เว้นแต่มีเหตุอันสมควรนอกจากนี้ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง ในอัตรา 1% จากวงเงินจำนองสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนขายฝาก จะต้องเสียในอัตรา 2% ของราคาประเมินอากรแสตมป์นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าอากรแสตมป์ ในกรณีการจำนองเพื่อเป็นประกันในการกู้ยืมเงิน หรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารทุกจำนวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 1 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนกรณีขายฝาก จะเสียค่าอากรแสตมป์ในอัตรา 0.5% ของราคาประเมิน หรือราคาขายฝาก แล้วแต่ราคาใดสูงกว่าภาษีธุรกิจเฉพาะการนำทรัพย์สิน ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปจำนอง หรือขายฝากให้กับบริษัทที่ประกอบกิจการให้กู้ยืมเงิน จะเข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคาร ซึ่งบริษัทที่รับจำนองดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะโดยรายรับค่าดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืมเงินที่เป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ของเดือนภาษีก่อนที่ผู้ประกอบกิจการจะจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้ยื่นแบบ ภ.ธ.40 เป็นรายเดือนภาษี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าจะมีรายรับจากการประกอบกิจการหรือไม่ก็ตาม โดยคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3.3% ของรายรับ พร้อมทั้งเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของจำนวนภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือเป็นเงิน 1,000 บาท แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า แต่ถ้าเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์อีกสรุป...ภาษีที่เกี่ยวกับกิจการที่รับจำนอง & ขายฝากโดยทั่วไปการจำนองส่วนใหญ่ ผู้จำนองจะได้วงเงินประมาณ 10-30% ของราคาประเมิน ส่วนการขายฝาก จะได้วงเงินประมาณ 40-70% ของราคาประเมิน ซึ่งจะมากกว่าการจำนอง แต่ต้องประเมินกำลังในการไถ่ถอนทรัพย์สินคืนให้ดี เพราะหากไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ตามเวลากำหนด ผู้ขายฝากจะหมดสิทธิในการไถ่ทรัพย์สินคืนทันที ทรัพย์สินตกเป็นของผู้รับซื้อฝากไปโดยปริยายส่วนผู้ที่ได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากผู้นำทรัพย์สินมาจำนำหรือขายฝากนั้น ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดด้วยอ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่ Source : Inflow Accountingแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1125351
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
09/05/2024
ปลัดคลังเซ็นออกประกาศ คปภ. คุมเข้มบริษัทประกันภัยออกโปรดักต์รับประกัน “สกัดเจ๊ง” ซ้ำรอยโควิด คปภ.เผยเข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง กำหนดให้ต้องมี “คณะกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัย” พิจารณาออกกรมธรรม์ ภาคธุรกิจต้องมีการทดสอบภาวะวิกฤต-ทำแผนเชิงลึก-เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้บอร์ดรับทราบ พร้อมเพิ่มอำนาจ “เลขาฯ คปภ.” สั่งให้บริษัทระงับการเสนอขายชั่วคราวหรือตลอดไปได้ ฟาก “ผู้บริหารประกัน” ชี้เป็นการถอดบทเรียนจากวิกฤตโควิดนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ลงนามเห็นชอบประกาศคณะกรรมการ คปภ. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำกับการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวม และการประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศเป็นต้นไปนายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวหลักการคือ กำหนดให้บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัย โดยยกระดับจากแนวปฏิบัติที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2562 (ช่วงขายประกันภัยโควิด) ขึ้นเป็นอนุบัญญัติตามกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างครบวงจรและรัดกุมอาภากร ปานเลิศทั้งนี้ คณะกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัยต้องมีอย่างน้อย 5 คน โดยเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างน้อย 1 คน ต้องเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และผู้บริหารของบริษัท ซึ่งทั้งหมดต้องได้รับการอนุมัติแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท“ในช่วงโควิดระบาด เกิดความผิดพลาดจากการขายประกันภัยโควิด จนทำให้บริษัทประกันวินาศภัยต้องปิดตัวไป 4 บริษัท เราก็เลยวางแนวปฏิบัติโดยการเพิ่มคณะกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้พิจารณาโปรดักต์ทั่วไปทั้งหมด พร้อมดูถึงความสมบูรณ์ของเอกสารและเงื่อนไขของกรมธรรม์ รวมทั้งการเสนอขาย คือดูให้ครบวงจรของการออกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่แนวความคิด ข้อมูล การวิเคราะห์ จนออกมาเป็นกรมธรรม์ และอัตราเบี้ย นอกจากนี้ พอใช้ไปแล้วต้องติดตามเรื่องของเกณฑ์ การบริหารหลังการขายด้วย”โดยในกรณีที่บริษัทต้องการจะออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความเสี่ยงสูง หรือบริษัทยังไม่มีความชำนาญ หรือที่คุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ให้คณะกรรมการผลิตภัณฑ์ประกันภัยพิจารณาจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และมีคณะคณิตศาสตร์ประกันภัยมาช่วยวิเคราะห์สถานการณ์การรับประกันภัยของบริษัทในเชิงลึกร่วมด้วยเพื่อให้การบริหารความเสี่ยงรัดกุมมากยิ่งขึ้น และเสนอแนวทางในการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบ พร้อมทั้งประเมินความสามารถในการเผชิญต่อภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต (Stress Test)นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ที่อาจจะไปกระทบผู้เอาประกัน หรือประชาชน หรืออุตสาหกรรมประกันภัย ประกาศฉบับนี้ให้อำนาจนายทะเบียน (เลขาธิการ คปภ.) สั่งให้บริษัทดำเนินการตามที่เห็นสมควร เช่น ทบทวนการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย, ทบทวนอัตราเบี้ยประกันภัย, ทบทวนการบริหารความเสี่ยงจากการรับประกันภัย, จำกัดปริมาณหรือระงับการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไปได้“เรามองเห็นภาพตอนโควิดที่มีปัญหา ซึ่งตอนนั้นนายทะเบียนมีเครื่องมือเดียวคือ มาตรา 29 และมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ในการเปลี่ยนแปลงยกเลิก แต่กว่าที่จะดำเนินการได้ค่อนข้างมีหลายกระบวนการ ซึ่งไม่เข้าเงื่อนไขในการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว”ส่วนกรณีความกังวลในการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มีการเคลมสินไหม (Loss Ratio) ค่อนข้างสูงนั้น ทางคณะกรรมการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยรถอีวี ได้มีการพูดคุยตั้งแต่แรกไว้แล้วว่า บริษัทที่จะรับประกันภัยรถอีวีจะต้องมีแผนบริหารความเสี่ยง มีการทำ Stress Test ที่จะกำหนดว่า การรับประกันภัยในระดับไหนที่บริษัทจะต้องให้ความสำคัญ เช่น Loss Ratio ถึงระดับไหนที่จะหยุดรับประกัน หรือที่จะกระทบต่อเงินกองทุน“การรับประกันภัยรถอีวี ประเมินแล้วคงไม่เลวร้ายเหมือนการรับประกันภัยโควิด เพราะเป็นการเคลมจากอุบัติเหตุ ซึ่งคงไม่ได้เกิดพร้อมกัน ๆ อย่างไรก็ตาม แต่ละบริษัทต้องบริหารความเสี่ยงที่ดี ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่แค่รู้เรื่องการรับประกันรถอีวีเท่านั้น แต่ยังต้องรู้เรื่องของการชดเชยค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถด้วย”แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงบริษัทประกันภัยกล่าวว่า การออกประกาศฉบับนี้ถือเป็นแนวทางที่ดีที่จะสร้างมาตรฐาน โดยหากความเสี่ยงภัยสูง บริษัทต้องมีการจำกัดการรับประกัน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่จะตามมาได้ตั้งแต่ต้นทาง“ถือเป็นการถอดบทเรียนจากวิกฤตโควิด ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น” แหล่งข่าวกล่าวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1558271
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
09/05/2024
ผลงานโดย ประดิษฐ์ ตั้งประสาทวงศ์ (Pradit Tungprasartwong) และ วรพล นวลละออง (Worapol Nuanla-ong) จัดแสดงระหว่างวันที่ 5 - 31 พฤษภาคม 2567 และจะมีพิธีเปิดในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ Matdot Gallery, MATDOT Art Centerแมทดอต อาร์ต เซนเตอร์ เปิดตัวนิทรรศการ "Diverse Dimensions: Exploring Humanity" โดยศิลปิน ประดิษฐ์ ตั้งประสาทวงศ์ และ วรพล นวลละออง ภายในนิทรรศการ ประกอบด้วยการแสดงภาพวาดสีน้ํามันบนผืนผ้าใบที่สะท้อนความแตกต่างในการตีความหลักทางพุทธศาสนา ผ่านการแสดงออกทางศิลปะที่แตกต่างกัน ทั้งในรูปแบบศิลปะเหนือจริงและศิลปะนามธรรมการดําเนินชีวิตตามหลักอุดมคติและคําสอนทางพุทธศาสนา คือแนวทางที่ศิลปินทั้งสองยึดถือปฏิบัติทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทํางาน โดยศิลปินทั้งสองต่างนําเสนอแนวคิดและเทคนิคในการทํางานจาก มุมมองและความเข้าในวิถีพุทธในแบบของตนประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดสะท้อนแนวคิดหลักธรรม คําสอนของพระพุทธศาสนา ผ่าน ศิลปะรูปแบบเหนือจริง (Surrealistic) เขาตีความและใช้ภาพทางโลกต่างๆ ในเชิงสัญลักษณ์แทนหลักธรรม ที่เขาได้เรียนรู้ ในขณะที่วรพล ใช้กลวิธีที่แนบเนียนมากกว่า ภาพวาดนามธรรมของเขาไม่ได้สื่อสาร หลักธรรมทางพุทธศาสนาออกมาโดยตรง ทว่าเป็นการแสดงออกถึงธรรมะที่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต ศิลปินเชื้อเชิญให้ผู้ชมได้มีโอกาสใคร่ครวญถึงสภาวะแห่งการทําสมาธิและแกนหลักของพุทธศาสนา ผ่านสีและรูปทรงต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นในภาพวาดเหล่านี้นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นถึงกลวิธีอันหลากหลายที่ศิลปินจะสามารถตีความและถ่ายทอดหลักธรรมทางพุทธศาสนา ทั้งประดิษฐ์และวรพลต่างแสดงให้เห็นว่าศิลปะนั้นสามารถเป็นสื่ออันทรงพลังในการเข้าถึงความเป็นจริง เปิดเผยความจริงของชีวิตผ่านมุมมองของปัจเจกบุคคล เหมือนการสะท้อนกระบวนการค้นหาความหมายที่ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งานศิลปะเป็นเสมือนหน้าต่างที่เปิดให้เห็นจิตใจและการเดินทางของวิญญาณภายในนิทรรศการ "Diverse Dimensions: Exploring Humanity" เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ วันที่ 5-31 พฤษภาคม 2567 ณ แมทดอต อาร์ต เซนเตอร์ ถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ โดยจะมีพิธีเปิดนิทรรศการในวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 น.เกี่ยวกับศิลปินประดิษฐ์ ตั้งประสาทวงศ์ ก้าวสู่เส้นทางการสร้างสรรค์งานศิลปะ จากการศึกษาในวิทยาลัยช่างศิลป์ กรม ศิลปากร ลาดกระบัง จบปริญญาตรีด้านประติมากรรม จากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และปริญญาโทด้านจิตรกรรม จากคณะเดียวกัน เริ่มต้นรับราชการ เป็นอาจารย์ ประจําวิทยาลัยช่างศิลป์ กรมศิลปากร ลาดกระบัง สั่งสมประสบการณ์ในแวดวงศิลปะ ทั้งการสร้างสรรค์ การแสดงงาน และการส่งประกวดในเวทีต่างๆ มามากกว่า 25 ปี นับร้อยผลงานในปี 2561 ได้รับรางวัล เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรมการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 64 และยังได้รับการ ยกย่องเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมคนที่ 24 ของประเทศ และสาขาจิตรกรรมคนที่ 10 ศิลปินผู้มีแนวคิดในการ สะท้อนความรู้สึก ผ่านงานศิลปะรูปแบบ Realistic ทั้งภาพวาด งานสื่อผสม และคลี่คลายแนวคิด เทคนิค ในการสร้างสรรค์ผลงาน จากมุมมองและการรับรู้ตามวิถีพุทธ ภาพวาดสะท้อนแนวคิดหลักธรรม คําสอน ของพระพุทธศาสนา ผ่านศิลปะรูปแบบ Surrealistic และมีธรรมะเป็นสรณะContact: Tel. 085-224-3779 / E-mail: aarne0436@gmail.comวรพล นวลละออง เรียนรู้เส้นทางของการเป็นศิลปินเต็มเวลา จากการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท สาขาจิตรกรรม คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นศิลปินที่นําเสนอ ผลงานสร้างสรรค์ ทั้งจากการแสดงงานและการส่งประกวดในเวทีต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา เคยได้รับ รางวัล International Prize Donatello, Borghese Palace, Florence, Italy ในปี 2546 และได้รับรางวัล Honourable Mention, The 10" PANASONIC's Contemporary Painting Competition ในปี 2551 เป็น ศิลปินที่มีแนวทางของการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมในลักษณะของ Impressionism และ Expressionism และคลี่คลายแนวคิด เทคนิค ในการสร้างสรรค์ผลงาน จากมุมมองและการรับรู้ตามวิถีพุทธ ภาพวาดเป็น ส่วนหนึ่งของธรรมะในชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของสภาวะการปฏิบัติธรรม ผ่านศิลปะรูปแบบนามธรรม (Abstract) และมีธรรมะเป็นสรณะContact:Tel. 092-691-9936, 080-629-7879 / E-mail: akara8644gallery@gmail.comFacebook: Dong_nuan_la_ong / Line: ramayana999999999เกี่ยวกับแมทดอตแมทดอต อาร์ต เซนเตอร์ คือพื้นที่ศิลปะ ณ ย่านเมืองเก่าใจกลางกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งโดยคุณธวัชชัย สมอง บรรณาธิการบริหารนิตยสารไฟน์อาร์ท ในปี 2563 เพื่อเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างผู้คนในโลกศิลปะ ไม่ ว่าจะเป็นศิลปิน ภัณฑารักษ์ นักสะสมงานศิลปะ นักศึกษา หรือผู้รักงานศิลปะ ภายในกลุ่มอาคารสามหลัง ย่านถนนหลานหลวง พื้นที่ใช้สอยอันหลากหลายตั้งแต่คาเฟ่ สตูดิโอ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ห้องทํางาน ส่วนรวม ไปจนถึงห้องพัก เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาใช้เวลาร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือแม้แต่การขยายความร่วมมือไปยังชุมชนภายนอกทั้งในไทยและต่างประเทศนอกจากผลงานศิลปะที่สอดแทรกอยู่ในทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีผ่านสายตาของภัณฑารักษ์ ภายในอาณาบริเวณของแมตดอทยังประกอบไปด้วยห้องแสดงนิทรรศการสองแห่ง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกในการนําเสนอศิลปินไทยและศิลปินนานาชาติให้เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้อย่างกว้างขวาง ได้แก่ Blacklist Gallery สําหรับจัดนิทรรศการหมุนเวียนโดยศิลปินที่ได้รับเชิญให้เข้า มาทํางานร่วมกับเรา และ Matdot Gallery สําหรับแสดงผลงานของศิลปินในพานักติดต่อเรา47 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัสเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100โทร. 02-163-4656 / 097-965-9249อีเมล matdot@matdotart.comเว็บไซต์ matdotart.comไลน์: @matdotartcenterเวลาทําการทุกวัน10.00 - 18.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับexhibitionhttp://exhibition.contestwar.com/node/3648
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
09/05/2024
สุดหวาดเสียว! หลังนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ยืนต่อแถวเกาะเชือกค้างเติ่งริมหน้าผาเขาหยานตัง เมืองจีน นานนับชั่วโมง หลังจราจรติดขัด นักท่องเที่ยวมาใช้บริการเยอะเกิน ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ภาพจากอินเตอร์เน็ตCNN สื่อต่างประเทศ รายงานข่าวสุดหวาดเสียว หลังสื่อท้องถิ่นรายงานว่า เกิดเหตุนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างอยู่บนเส้นทางเดินผา “Via ferrata” ที่ภูเขาหยานตัง ในเขตมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีนCNN สื่อต่างประเทศ รายงานข่าวสุดหวาดเสียว หลังสื่อท้องถิ่นรายงานว่า เกิดเหตุนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างอยู่บนเส้นทางเดินผา “Via ferrata” ที่ภูเขาหยานตัง ในเขตมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีนซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างอยู่ริมผา โดยมีห่วงเหล็กคล้องสายเคเบิลอยู่ที่ลำตัว ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางได้ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการในพื้นที่เยอะเกินไป ทำให้แถวยาวจนต้องค้างเติ่งอยู่ในลักษณะนี้ นานนับชั่วโมงภาพจากอินเตอร์เน็ตด้านบริษัท Wenzhou Dingcheng Sports Development จำกัด ผู้บริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวและ Via ferrata ของผาแห่งนี้ได้ออกมาชี้แจงว่า ช่วงวันที่ 1-7 พ.ค. ของทุกปี ถือเป็นวันหยุดวันแรงงานในประเทศจีน ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการจำนวนมากเกินที่ได้คาดการณ์ไว้ ทำให้บางช่วงของเส้นทางมีความติดขัดเป็นระยะซึ่งล่าสุดทางบริษัทได้หยุดการขายบัตรโดยระบบเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าระบบการซื้อบัตรและการจัดการหน้างานยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ที่จะจัดการรองรับกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการจำนวนมากเช่นนี้ได้ภาพจากอินเตอร์เน็ตงานนี้ทำเอาคนที่กลัวความสูงหวาดเสียวไปตามๆ กัน แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายและสถานการณ์ก็ได้รับการคลี่คลายได้ในที่สุดภาพจากอินเตอร์เน็ตแหล่งทีมาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000039873
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
08/05/2024
สมาคมธนาคารไทย-แบงก์ เปิด 5 ขั้นตอนสำคัญเมื่อหลงกลโอนเงินให้มิจฉาชีพแล้วต้องดำเนินการอย่างไร เพื่ออายัดบัญชีปลายทางให้เร็วที่สุดวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย (TBA) เผยแพร่ข้อมูล “ต้องทำอย่างไร? เมื่อหลงกลโอนเงินให้มิจฉาชีพไปแล้ว โดยระบุ 5 ขั้นตอน ดังนี้1. ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีที่ใช้โอนเงินเร็วที่สุด2. ธนาคารจะออก Bank Case ID ให้ผู้เสียหายนำไปแจ้งความ และประสานงานอายัดบัญชีปลายทางให้ทันที เป็นเวลา 72 ชั่วโมง3. ผู้เสียหายรวบรวมหลักฐานการถูกหลอกลวงและนำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภายใน 72 ชั่วโมง หรือหากเป็นคดีอาชญกรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ www.thaipoliconline.com หรือ Call Center 1441 และไปพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายไว้4. พนักงานสอบสวนรับพิจารณาคำร้องทุกข์และออกหมายเรียกพยานเอกสาร (ตราครุฑ)5. ผู้เสียหายนำหมายเรียกพยานเอกสารไปติดต่อธนาคารปลายทาง สาขาที่สะดวก เพื่อให้ธนาคารอายัดบัญชีดังกล่าวเป็นเวลา 7 วันตามกฎหมายต่อไป • หากครบ 7 วัน ธนาคารยังไม่ได้รับหมายอายัดจะดำเนินการยกเลิกการอายัดบัญชีปลายทางนั้น • หากตรวจสอบพบว่าเป็นอาชญากรรมจริงจะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1558774
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
08/05/2024
ตะลุยโลกใบใหญ่ สัปดาห์นี้ “พี่ม้ามังกร” ขอพาน้องๆไปที่ เมโทร อาร์ต : The Inspiring District ที่ MRT พหลโยธิน ซึ่งได้เนรมิตพื้นที่ภายในสถานีให้กลายเป็น โลกของแมวเหมียว “The Untold Adventures of Meow” เรื่องที่แมวไม่เคยบอกใครมาก่อน เพื่อเอาใจคนรักสัตว์ โดยเฉพาะแมว ผ่านมุมมองของศิลปินกว่า 20 คน ทั้งศิลปินคนไทยและศิลปินต่างประเทศ โดยการจัดแสดงมีถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้นิทรรศการโลกของแมวเหมียว จัดแสดงผลงานของศิลปิน อาทิ โซนเหมียวดีเหมียวร้าย แต่ก็เป็นแมว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความป่วนของแมวเหมียว ที่มีทั้งความน่ารัก ขี้อ้อน ผสมกับความซน ดื้อ จอมป่วน ของเจ้าเหมียว เพื่อให้น้องๆลองเลือกดูว่าแมวของน้องๆ เป็นแบบไหน, โซนแมวของศิลปิน “ปิ๊ง-มัณฑนา” เจ้าของผลงานภาพประกอบและคาแรกเตอร์ หูยาว (HUUYAOW) โดยถ่ายทอดแมวที่มีอยู่ 3 ตัว ออกมาในชุด IHAVE3 CATS (หูยาวมีแมวสามตัว) ได้แก่ นำโชค ละไม และทองม้วน ซึ่งแต่ละตัวมีบุคลิกที่แตกต่างกัน ทำให้เราได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ และผู้รับ ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแมวแต่ละตัวโซนศิลปิน “Tan–staR” - ศิลปินฝีมือดีผู้สร้างผลงานศิลปะ ทั้งงานภาพ ประกอบ แอนิเมชัน การ์ตูนช่อง นำเสนอผลงานที่มาจากความชอบในโลกแฟนตาซี โดยมี เจ้าแมวผีซีอิ๋ว ที่เดินทางไปผจญภัยในที่ต่างๆ ต่อมาคือ โซนของศิลปิน “Manasawii (Jane)”-ศิลปินและนักเขียนหนังสือภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Seven Book Award นำเสนอ แมวควันหลง เป็นแมวดำแสนพิเศษ สามารถมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เมื่อเขมือบควันเข้าไปควันหลงจะแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีโซนผลงานของ “Kyo koAbe เคียวโกะ อาเบะ” ศิลปินนักวาดรูปชื่อดังจากประเทศ ญี่ปุ่น, “BYME”-เจ้า ของคาแรกเตอร์ Kiki & Me ที่คว้ารางวัล Finalist Top 10 Emerging artist category of 14th UOB Painting of the year 2023, “โก๋เอ็ม” กราฟิตี้ชื่อดัง ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อหมาแมวจร, “วิว–พุธิตา เจ้าของคาแรก เตอร์ Pony Catหลังจากชมความน่ารักน่าชังของแมวเหมียวแล้ว น้องๆยังสามารถร่วมกิจกรรมด้านศิลปะ ที่ห้อง Art Learning Centre by BEM x IWS และ IWS Gallery ซึ่งสอนวาดภาพสีน้ำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดูรายละเอียดที่เฟซบุ๊ก : BEM Bangkok Expressway and Metro.พี่ม้ามังกรแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/2783099
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
08/05/2024
หน้าร้อนปีนี้อากาศบ้านเราร้อนระอุกว่าที่ผ่านมา หลายคนจึงมองหาที่เที่ยวคลายร้อนไว้พาลูกหลานมาเที่ยวให้ฉ่ำกายกัน ครั้งนี้จะขอรวบรวบ 5 น้ำตกเย็นฉ่ำ ที่มีน้ำเยอะตลอดปี ไว้มาเล่นคลายร้อนกันน้ำตกพลิ้วเริ่มแรกที่ “น้ำตกพลิ้ว” ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ถือเป็นน้ำตกยอดนิยมของเมืองจันท์ เพราะเดินทางเข้าถึงได้สะดวกสบาย อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความงามตามธรรมชาติ และมีเรื่องราวเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของไทย โดยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกแห่งนี้หลายครั้งปลาพลวงที่อยู่คู่กับน้ำตกพลิ้วมาอย่างยาวนานน้ำตกพลิ้ว เกิดจากการไหลทิ้งตัวลงมาจากผาสูงราว 20 เมตร ลงมาสู่แอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ มีความลึกราว 2 เมตร เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่มาแหวกว่ายรับความเย็นกับสายน้ำ และมาว่ายน้ำเล่นกับ “ปลาพลวงหิน” หรือ “ปลาพลวง” ตัวสีดำที่เห็นเป็นเงาว่ายนิ่งๆ อยู่ในธารน้ำใสคู่กับน้ำตกพลิ้วมาแต่ไหนแต่ไรน้ำตกตาดโตนต่อที่ “น้ำตกตาดโตน” ที่อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติตาดโตน ตั้งอยู่ที่ ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์น้ำตกตาดโตนน้ำตกงามคู่เมืองชัยภูมิน้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกงามคู่เมืองชัยภูมิ มีความกว้างประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 6 เมตร มีสายน้ำตกไหลผ่านแนวหินสู่แอ่งน้ำใหญ่ในเบื้องล่าง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ด้านบนเหนือตัวน้ำตกขึ้นไปเป็นธารน้ำตื้นๆ แต่กว้าง มีหลายจุดสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างเพลิดเพลินน้ำตกไทรโยคใหญ่ถัดมาคือ “น้ำตกไทรโยคใหญ่“ อีกหนึ่งน้ำตกสวยชวนเล่นในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ที่มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ อ.ไทรโยค และ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีน้ำตกไทรโยคใหญ่หรือน้ำตกเขาโจน“น้ำตกไทรโยคใหญ่” เรียกอีกชื่อว่า “น้ำตกเขาโจน” เป็นน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาสู่แม่น้ำแควน้อย มีขนาดใหญ่และมีเพียงชั้นเดียว น้ำตกจะไหลลงมาแล้วรองรับด้วยหินสลับเป็นชั้นๆ ความสูงประมาณ 8 เมตร หากจะชมน้ำตกไทรโยคใหญ่ให้สวยงามต้องเดินข้ามสะพานแขวนบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคไปยังอีกฝั่งเพื่อชมสายน้ำที่ไหลลงมาอย่างสวยงามน้ำตกคลองลานแล้วยังมี “น้ำตกคลองลาน” ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติคลองลาน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร มาช้านาน โดยต้นกำเนิดของน้ำตกจะไหลลงมาจากป่าดิบบนเทือกเขาขุนคลองลาน ซึ่งมียอดสูง 1,439 เมตรจากระดับน้ำทะเลน้ำตกคลองลานมุมสูงที่มองจากจุดชมวิวกิ่วงวงช้างปกติแล้วนักท่องเที่ยวจะเข้าไปท่องเที่ยวชมทิวทัศน์และเล่นน้ำกันที่แอ่งน้ำเบื้องล่างตัวน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ แต่หากอยากเห็นวิวมุมสูงจากระยะไกลขอแนะนำให้เดินขึ้นมาชมที่ “จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง” รับรองว่าสวยจับใจแน่นอนน้ำตกโตนงาช้างปิดท้ายที่ “น้ำตกโตนงาช้าง” เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในภาคใต้ อยู่ภายในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา“น้ำโตนงาช้าง” คำว่า “โตน” เป็นภาษาท้องถิ่น มีความหมายว่า “น้ำตก” มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นที่สวยงามที่สุดและเป็นชื่อของน้ำตก คือชั้นที่ 3 ซึ่งมีสายน้ำตกแยกออกมา ลักษณะคล้ายงาช้าง อันเป็นที่มาของคำว่า โตนงาช้าง ซึ่งหมายถึง น้ำตกรูปงาช้างนั่นเองน้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในภาคใต้และนี่ก็คือ 5 น้ำตกเย็นฉ่ำ ที่มีน้ำให้ลงเล่นได้ตลอดทั้งปี ให้ทุกคนได้พาครอบครัวมาเล่นน้ำคลายร้อนกันในหน้าร้อนนี้!แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000039338
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
08/05/2024
นางศรัณยา เทียนถาวร (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ดร. คริสเตียน โรแลนด์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล นายโจฮัน ดีทอย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน นางสาวอมราพร รัญเสวะ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล และนายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ เวลเนส ร่วมเปิดตัว AIA Goodie Foodie Truckกรุงเทพฯ 9 พฤษภาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางศรัณยา เทียนถาวร (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ร่วมด้วย นายโจฮัน ดีทอย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน ดร. คริส-เตียน โรแลนด์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล และ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เดินหน้าจัดกิจกรรม AIA Food Fighter เพื่อมุ่งลดปัญหาขยะอาหารล้นโลก (Food Waste) ซึ่งปัญหาขยะอาหารถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ อีกทั้งยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก โดยเอไอเอ ได้ชวนพนักงานเอไอเอ ประเทศไทย ร่วมแคมเปญกู้โลกรณรงค์การบริโภคอาหารแต่พอดี พร้อมเปิดตัวรถต้นแบบ “AIA Goodie Foodie Truck” สำหรับแบ่งปันอาหาร ขนม และผลไม้ให้กับเพื่อนพนักงานที่ปฎิบัติงานอยู่ ณ อาคาร เอไอเอ ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ เพื่อเปลี่ยนอาหารที่รับประทานไม่หมดแต่ยังสะอาดและมีคุณภาพดีให้เป็นอีกหนึ่งมื้ออร่อยของผู้อื่น ซึ่งนับเป็นเป้าหมายสำคัญของเอไอเอ ที่ต้องการมีส่วนในการสร้างโลกให้น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับพวกเราคนไทยทุกคนด้วยอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ อย่างการช่วยลดขยะอาหาร ตลอดจนยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG และสอดคล้องตามพันธกิจของเอไอเอ ในการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
03/05/2024
คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิด ผู้เขียน : ดร.นครินทร์ อมเรศ ผอ.ฝ่ายยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ “งานแบงก์จำเป็น แบงก์ไม่จำเป็น” (Banking is Necessary, But Banks are Not.) เป็นคำกล่าวตั้งแต่ปี 2537 ของคุณ Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ปลุกปั้นบริษัทไมโครซอฟท์ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักการกุศลเต็มเวลาในปัจจุบัน ซึ่งนับว่าสะท้อนวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และแยกส่วนที่สำคัญ คือบทบาทหน้าที่ในการให้บริการและเป็นตัวกลางทางการเงินออกจากองค์กรหรือหน่วยงานที่ให้บริการนั้น โดยมีนัยว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจะนำมาซึ่งยุคสมัยที่ผู้ใช้บริการทางการเงินยังจะได้รับบริการ “งานแบงก์” อยู่ เพียงแต่ผู้ให้บริการอาจจะเป็นผู้ประกอบการรายอื่น หรืออาจจะเป็นการทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้บริการด้วยกัน เพียงแค่ผ่านเทคโนโลยีตัวกลางที่ไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารเช่นเดียวกับในอดีต ในการนี้แล้ว “คนแบงก์” จะยังจำเป็นหรือไม่ หากไม่มีแบงก์เสียแล้ว ? ในฐานะที่ได้ใช้เวลาเป็น “คนแบงก์” ถึงสามในสี่ของเส้นทางอาชีพที่ผ่านมา จึงอยากจะขอแลกเปลี่ยนมุมมอง โดยเริ่มจากว่า คนแบงก์เป็นใคร ทำอะไร อย่างไร... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/columns/news-1553501 โดยแบบสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงว่า ในไตรมาสที่สามปี 2566 นั้น มีคนแบงก์อยู่ประมาณ 225,000 คน โดยร้อยละ 76 จบการศึกษาสายสังคมศาสตร์ ธุรกิจ และกฎหมาย และน่าสังเกตว่าเกือบ 1 ใน 5 ของคนแบงก์เป็นผู้จัดการและผู้บริหาร และมีอีกกว่าร้อยละ 40 เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ หรือเจ้าหน้าที่เทคนิค จึงอาจกล่าวได้ว่า “คนแบงก์” ส่วนใหญ่ต้องใช้ทักษะ ความชำนาญ และมีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ และอาจเป็นเหตุให้คนแบงก์มีเส้นทางอาชีพค่อนข้างยาว เพราะเมื่อต้องใช้เวลาบ่มเพาะประสบการณ์อย่างยาวนาน ก็ต้องทำงานให้คุ้มกับการเรียนรู้ ประเด็นหนึ่งที่ธุรกิจธนาคารอาจจะแตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ คือ บริการทางการเงินนับเป็นสินค้าที่สร้างความแตกต่างได้ไม่ง่ายนัก อีกทั้งแนวทาง วิธีการ และเทคโนโลยีที่ให้บริการก็มีความโปร่งใสและเรียนรู้ได้อย่างเปิดเผย จึงทำให้ผู้นำกระแสต้องหมั่นสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขณะที่คู่ค้าคู่แข่งก็ปรับตัวตามกันมาไม่ลำบาก จึงมีการแข่งขันสูง ทั้งในส่วนธุรกิจ และในส่วนของการสรรหาบุคลากรที่สามารถถ่ายโอนไหลเวียนกันได้คล่อง โดยมีกลไกหนึ่งที่ทำให้ตลาดแรงงานของคนแบงก์เลื่อนไหลไม่ติดขัด คือการมีชมรมต่าง ๆ ภายใต้สมาคมธนาคารไทย เป็นการรวมตัวกันของบุคลากรภาคการเงินการธนาคารในสายวิชาชีพเฉพาะเดียวกัน โดยปกติแล้วชมรมเป็นการรวมตัวกันทำงานอดิเรก ซึ่งตรงกันข้ามกับชมรมภายใต้สมาคมธนาคารไทย ที่เป็น Coworking Space ของคนแบงก์ในกลุ่มทักษะเดียวกัน แต่อยู่ต่างองค์กรกัน โดยอาจแบ่งออกเป็นสามกลุ่มคร่าว ๆ คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ อาทิ ชมรมกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต และชมรมนักกฎหมาย หรือชมรมที่เกี่ยวกับการประกอบการ ได้แก่ ชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต และชมรมธุรกิจต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชมรมรากฐานสำคัญ เช่น ชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศธนาคาร ชมรมนักบริหารงานประเมินราคา และชมรมนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ เมื่อคนพื้นฐานใกล้เคียงกันมารวมตัวกัน แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมกันทำงานส่วนกลางของอุตสาหกรรม กิจกรรมชมรมจึงมีความเหนียวแน่น โดยที่ไม่ได้ขึ้นกับงบประมาณสนับสนุน แต่อยู่ที่การบริหารจัดการของผู้นำ และการสร้างสรรค์คุณค่าร่วมกันในการยกระดับทักษะอาชีพ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนในวงการเดียวกันจะต่อยอดสายอาชีพความเป็นคนแบงก์ ไม่ว่าจะอยู่ในแบงก์เดิม หรือเดินหน้าไปแบงก์อื่น อย่างไรก็ดี ความเป็นกลุ่มก้อนนี้ก็อาจมีส่วนสร้างความท้าทายในการตอบโจทย์ในยุคที่ชุดทักษะแบบเดียวกันไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนกันระหว่างชมรมภายในอุตสาหกรรมธนาคาร ต้องทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการและผู้กำกับดูแล ต้องสร้างความร่วมมือระหว่างภายในและภายนอกอุตสาหกรรมการเงิน ตลอดจนต้องมีการสนับสนุนส่งเสริมกันระหว่างผู้ให้และผู้ใช้บริการ โจทย์จึงยากขึ้นมาก สุดท้ายนี้ ขอกลับไปที่คำถามตั้งต้นที่ล้อคำกล่าวของคุณ Bill Gates ว่า งานแบงก์จำเป็น แบงก์อาจจะไม่ แล้วคนแบงก์จำเป็นไหม ? คนแบงก์เองก็เป็นเช่นเดียวกับคนในสังคมที่ต้องอยู่รอดปรับตัวรับทักษะใหม่ เหมือนชมรมที่มีเก่าไปใหม่มา หมุนเวียนกันไปตามยุคสมัยแห่งกิจกรรมและกิจการ ดังนั้น ตราบใดที่คนแบงก์จะยังประโยชน์สร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคม ผ่านการทำงานแบงก์ที่เอื้อให้การจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจเป็นไปด้วยความราบรื่น สร้างโอกาสให้กับทั้งธุรกิจและประชาชน ตลอดจน ยกระดับการพัฒนานวัตกรรมให้กับประเทศ คนแบงก์จะยังรักษาคุณค่าให้งานแบงก์เป็นสายอาชีพที่จำเป็นต่อประเทศได้ตราบนั้น แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1553501
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
13/08/2024
30/04/2024
29/04/2024
08/05/2025
30/04/2024