คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวการเงิน

เคลียร์หนี้เรื้อรัง ปูทางสู่การแก้หนี้อย่างยั่งยืน

18/03/2024

คอลัมน์ : แบงก์ชาติชวนคุย ผู้เขียน : ชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย “จ่ายได้แค่ดอกเบี้ย เงินต้นแทบไม่ลด” เลยต้องผ่อนน้อย และผ่อนนาน เป็นอาการที่มีการพูดถึงกันมากขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งเราอาจเรียกง่าย ๆ ได้ว่าเป็น “หนี้เรื้อรัง”นั่นเอง ปัญหาหนี้เรื้อรังเกิดจากการที่ลูกหนี้มีรายได้ หรือสภาพคล่องในมือน้อย เทียบกับภาระการผ่อนชำระหนี้ ส่งผลให้หนี้ลดช้า สภาพคล่องในมือของครัวเรือนที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงทุนเพื่อการประกอบอาชีพก็มีจำกัด เพราะต้องนำส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ไม่จบไม่สิ้น เกิดทั้งความเครียดและยังฉุดรั้ง การขยายตัวทางเศรษฐกิจและอาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงิน ซึ่งนับเป็นหนึ่งใน “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” สำคัญของประเทศที่ต้องเร่งแก้ไข ที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้รับฟังความคิดเห็นทั้งจากหลากหลายเจ้าหนี้และลูกหนี้ เพื่อนำมาออกแบบมาตรการในการช่วยเหลือดูแลให้ตรงจุดและมีความสมดุล เพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้เกิดขึ้นได้จริง โดยไม่ส่งผลต่อความมั่นคงในภาพรวมของระบบสถาบันการเงิน ซึ่งภายใต้มาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม หรือ Responsible Lending ที่เคยเล่าสู่กันฟังไปแล้ว และได้ทยอยมีผลตั้งแต่ต้นปี มีมาตรการใหม่ของแบงก์ชาติที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหนี้เรื้อรังโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มในเดือนเมษายน 2567 นี้ มาตรการแก้หนี้เรื้อรังนี้ เปรียบเสมือนยารักษาผู้ป่วยที่สามวันดีสี่วันไข้มานานให้หายขาด เพราะจะเป็นการให้ “ทางเลือก” กับกลุ่มเปราะบางที่ยังติดอยู่ในวงจรหนี้ไม่เห็นทางออก ให้ปิดจบภาระหนี้ได้ แล้วผู้ป่วยที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรังมีอาการอย่างไร ? อาการ “เรื้อรัง” แสดงว่าลูกหนี้ยังเป็นลูกหนี้ดีที่จ่ายหนี้อย่างสม่ำเสมอ จึงมีสถานะเป็นลูกหนี้ปกติ ไม่ได้เป็นหนี้เสีย หรือ NPL แต่อย่างใด เพียงแต่จ่ายน้อย ทำให้ส่วนที่จ่ายไปเป็นการชำระค่าดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่ จึงตัดต้นได้น้อย ปิดจบหนี้ได้ยาก ต้องใช้เวลา เหมือนผู้ป่วยที่กินยาบรรเทาอาการมานาน แต่ยังไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ การรักษาอาการหนี้เรื้อรังนี้ จะโฟกัสไปที่ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ที่มีวงเงินกู้ โดยมีกำหนดชำระตามรอบบิล ชำระแล้วก็อาจกู้ใหม่ได้อีกตามวงเงินที่เหลือ ทำให้ไม่มีกำหนดเวลาว่าต้องจ่ายกี่งวดจึงจะจบ เช่น สินเชื่อบัตรกดเงินสด ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงจะติดกับดักหนี้เรื้อรังมากกว่ากลุ่มอื่น เพราะสามารถจ่ายขั้นต่ำไปได้เรื่อย ๆ โดยมาตรการนี้จะไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลและบัตรเครดิต ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะเป็นหนี้เรื้อรังน้อยกว่า การรักษาลูกหนี้เรื้อรัง จึงต้องให้ยาตามอาการ มีตั้งแต่ยาอ่อนไปจนถึงยาแรง ลูกหนี้ที่เพิ่งเริ่มมีสัญญาณของหนี้เรื้อรัง สะท้อนจากการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนานกว่า 3 ปีนั้น มาตรการจะเน้น “กระตุ้นเตือน กระตุกให้ปรับพฤติกรรม” โดยเจ้าหนี้จะต้องแจ้งเตือนลูกหนี้ผ่านช่องทางที่ผู้ให้บริการใช้สื่อสารกับลูกหนี้ (เช่น จดหมาย อีเมล์ SMS แอปพลิเคชั่นธนาคาร และบัญชีทางการ LINE) พร้อมทั้งแนะนำให้จ่ายหนี้เพิ่มขึ้นตามกำลังและความสมัครใจ เพื่อลดภาระและเวลาในการผ่อนลง ที่สำคัญเจ้าหนี้ต้องให้ข้อมูลดอกเบี้ยที่จ่ายไปแล้ว รวมถึงเงินต้นและหนี้คงเหลือ เพื่อให้ลูกหนี้ใช้ตัดสินใจ และหากลูกหนี้อยากปิดหนี้เร็วขึ้น เจ้าหนี้ก็ต้องมีแนวทางช่วยเหลือให้ด้วย สำหรับลูกหนี้ที่มีอาการหนี้เรื้อรังขั้นรุนแรง โดยมีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าต้นมาแล้วนานกว่า 5 ปี และเป็นลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และลูกหนี้น็อนแบงก์ที่มีรายได้น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน เจ้าหนี้จะต้อง “เสนอทางออกผ่านการปรับโครงสร้างหนี้” ไปยังช่องทางที่ผู้ให้บริการใช้แจ้งข้อมูลกับลูกหนี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่จำเป็น เช่น ผลเสียของการชำระหนี้ขั้นต่ำต่อเนื่อง คุณสมบัติของลูกหนี้ที่จะเข้าร่วม แนวทางการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ช่องทางติดต่อขอรับคำปรึกษา โดยลูกหนี้มีสิทธิเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมมาตรการหรือไม่ ตามความสมัครใจ ลูกหนี้ที่ตอบรับจะได้เข้าสู่กระบวนการเจรจา เพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระที่สอดคล้องกับความสามารถของตน พร้อมทั้งปรับเป็นสินเชื่อแบบผ่อนชำระเป็นงวดแทน เพื่อให้มีวันจบ และได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือไม่เกิน 15% ต่อปี (จากปกติไม่เกิน 25% ต่อปี) ทำให้เงินค่างวดที่ชำระในจำนวนเท่าเดิมสามารถลดเงินต้นได้มากขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มจนกว่าจะปิดจบหนี้แล้ว (ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือตกงาน) เพื่อให้สามารถปิดจบหนี้ได้ภายใน 5 ปี นอกจากนี้ จะมีมาตรการเสริมเชิงป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เรื้อรัง โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ สถาบันการเงินต้องตั้งค่าเริ่มต้นในการชำระหนี้ผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารให้เป็นการชำระเต็มจำนวนเท่านั้น อีกทั้งจะต้องมีข้อความแจ้งเตือนให้คนที่ไม่ชำระเต็มจำนวนรู้ว่าจะทำให้มีภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นด้วย มาตรการแก้หนี้เรื้อรังให้กับกลุ่มเปราะบางนี้ เป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งของการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในภาพใหญ่เท่านั้น โดยยังมีจิ๊กซอว์สำคัญอีกหลายชิ้นที่จะทำให้ภาพของการแก้หนี้อย่างยั่งยืนมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งการเป็น “ลูกหนี้ที่มีวินัย” เป็นหนี้เท่าที่จำเป็น และจ่ายไหว ขณะที่ผู้ให้บริการก็ต้องเป็น “เจ้าหนี้ที่มีความรับผิดชอบ” ให้สินเชื่อที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและความสามารถของลูกหนี้ ซึ่งในครั้งต่อ ๆ ไปจะขอนำมาตรการอื่น ๆ และแนวทางการกำกับดูแลเชิงรุกของแบงก์ชาติมาเล่าให้ฟัง แล้วพบกันใหม่ค่ะ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1509190

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

ปิดความเสี่ยง 4 ด้าน กับการวางแผนประกัน

18/03/2024

บทความโดย "บุณยนุช ยุทธ์ประทุม" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยประโยชน์สูงสุดของการวางแผนประกันคือ การทำประกันให้ครอบคลุมเรื่องจำเป็นที่สำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายใหญ่ จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ในบทความนี้ผู้เขียนขอเชิญชวนท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับความเสี่ยง 4 ด้านหลัก เกี่ยวกับการวางแผนประกันบุคคล ซึ่งผู้วางแผนการเงินจะต้องเตรียมการให้พร้อมอย่างรอบคอบและครบทุกด้านความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ เจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ หรือเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เนื่องจากการจากไปก่อนวัยอันควรมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทุกคนในครอบครัวไม่ได้มีเวลาตั้งตัวมากนัก โดยเฉพาะการสูญเสียบุคคลสำคัญอันเป็นที่รักของสมาชิกในบ้าน หรือการจากไปของผู้ที่ทำงานมีรายได้หลักหาเลี้ยงครอบครัว การจากไปยิ่งเพิ่มความสูญเสียเป็นทวีคูณบวกกับความสั่นคลอนของสถานะการเงินภายในครอบครัว จากสถานะที่อยู่ดีมีสุข มีใช้ไม่ขัดสน การศึกษาของบุตรหลานอาจจะต้องหยุดชะงัก หนี้สินอาจเพิ่มขึ้น ในการวางแผนการเงินนั้น การทำประกันชีวิตที่มีทุนสูงเพื่อมาปิดความเสี่ยงทางด้านนี้ จะช่วยบรรเทามูลค่าความเสียหาย ลดภาระหนี้สิน ช่วยให้ครอบครัวมีเงินเพื่อใช้จ่ายไปอีกระยะหนึ่ง ไม่เดือดร้อนจนเกินไป และ/หรือบุตรหลานได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตามที่ตั้งใจไว้ความเสี่ยงจากการมีรายได้ไม่เพียงพอเมื่อเกษียณอายุผู้วางแผนการเงินสามารถเริ่มวางแผนง่าย ๆ จากการสำรวจความต้องการใช้เงิน ของตนเอง ว่าต้องการจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่หลังเกษียณ เช่น ต้องการใช้เงินเดือนละ 50,000 บาท โดยมีเงินที่ได้รับแน่นอนเดือนละ 25,000 บาท และมีเงินปันผลจากการลงทุนหรือรายได้อื่น ๆ อีกเดือนละ 25,000 บาทจะเห็นได้ว่าการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณด้วยการประกันบำนาญ จะทำให้ผู้วางแผนการเงินมีรายรับแน่นอน ซึ่งเงินส่วนนี้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนเงินที่ได้จากการลงทุนอื่น ๆ ก็อาจนำมาใช้ในการเติมเต็ม Life Style เช่น ท่องเที่ยว ทำบุญ ฯลฯความเสี่ยงจากการมีสุขภาพไม่ดีเมื่อบุคคลมีอายุมากขึ้น โอกาสที่เป็นโรคเรื้อรังก็จะเพิ่มขึ้นตามวัย สำหรับเด็กเล็กก็มักจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ จะต้องมีพัฒนาการในการฝึกกล้ามเนื้อเล็ก ๆ มีการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และการชอบจับสิ่งของรอบ ๆ ตัวเข้าปากด้วยความสนุก เป็นสาเหตุให้เด็กติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย ถึงแม้ว่าการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกเพศทุกวัยต้องกระทำ แต่ทุกคนยังคงมีโอกาสเจ็บป่วยได้อีกทั้งสาเหตุจากภายในร่างกายเอง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นต้น และจากปัจจัยภายนอก เช่น มลพิษทางอากาศ อาหารที่เจือปนสารพิษ เป็นต้นดังนั้นการทำประกันสุขภาพไว้เผื่อเวลาเจ็บป่วยจะทำให้ผู้เอาประกันเข้าถึงสถานพยาบาลได้ง่ายขึ้น และเป็นการช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะการเจ็บป่วยแต่ละครั้ง เราไม่สามารถทราบค่ารักษาที่แน่นอน ซึ่งอาจเป็นหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้านบาท การทำประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาที่มากพอ จะช่วยให้ลดความกังวลใจในเรื่องค่ารักษาพยาบาลได้ความเสี่ยงกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงสาเหตุหลักของภาวะทุพพลภาพนั้นส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ การได้รับบาดเจ็บหรือมีภาวะเจ็บป่วยอย่างหนัก และอาจสูญเสียอวัยวะหรือร่างกายไม่อยู่ในสภาวะปกติ ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงจนไม่อาจประกอบอาชีพการทำงานได้ตามปกติเช่น การสูญเสียนัยน์ตา 2 ข้าง แขน 2 ข้าง หรือขา 2 ข้าง แม้โอกาสเกิดจะมีน้อยมาก แต่การปิดความเสี่ยงด้วยการทำประกัน หรือเตรียมเงินอีกส่วนไว้เพิ่มเติมจากค่ารักษาพยาบาล สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในช่วงพักฟื้นก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งผู้ป่วยและครอบครัว เพราะเป็นการช่วยลดความกังวล และทำให้มีกำลังใจในการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ดีขึ้นโดยเร็วจากความเสี่ยงหลักทั้ง 4 ด้านดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้วางแผนการเงินควรเตรียมการไว้ล่วงหน้า แม้ในบางกรณีที่โอกาสเกิดจะน้อยมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อใดแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นมักจะมีมูลค่าสูงมาก เงินเก็บเงินออมที่เตรียมไว้อาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการรักษาพยาบาล หรือมีพอ แต่ไม่อยากสูญเสียทรัพย์สินบางอย่างที่ครอบครัวได้สะสมกันมาด้วยเหตุนี้ การวางแผนประกันให้อย่างรอบคอบและครอบคลุมการปิดความเสี่ยงทุกด้าน ย่อมจะเป็นการช่วยให้ผู้วางแผนการเงินอุ่นใจและไม่กระทบสถานะทางการเงินของครอบครัวมากจนเกินไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1498677

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

GroundControl เปิด MMAD MASS Gallery ผลักดันผลงานศิลปินไทยสู่ตลาดสากล

29/04/2024

GroundControl ผู้สร้างสรรค์งานทางด้านสายอาร์ต และ แกลเลอรีเปิด MMAD MASS Gallery ผลักดันผลงานศิลปินไทยสู่ตลาดสากลเพราะศิลปะอยู่รอบตัวเรา สื่อศิลป์ 360 องศา GroundControl ผู้สร้างสรรค์งานทางด้านสายอาร์ต และ แกลเลอรี เล็งเห็นถึงช่องทางการเติบโตของตลาดศิลปะที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่เล็กๆ พร้อมเป็นสื่อกลาง ผลักดันงานศิลปะ และศิลปินไทยที่มีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ วางกลยุทธ์ดำเนินงานอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการเฟ้นหา เป็นที่ปรึกษา รังสรรค์ผลงาน  การจัดแสดงและประชาสัมพันธ์งานศิลปะรวมถึงผลงานของศิลปินผ่านช่องทางสื่อในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางออนไลน์ และพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะอย่าง MMAD MASS Galleryคุณสิริมา ไชยปรีชาวิทย์ ตำแหน่ง Creative Director & Art Curator และ คุณศิขรินทร์ ลางคุลเสน ตำแหน่ง Communication & Social media Director ผู้ร่วมก่อตั้ง GroundControl (กราวด์คอนโทรล) มากกว่า 3 ปี กล่าวว่า ปัจจุบันงานศิลปะเป็นเสมือนสื่อกลางที่เชื่อมโยงทุกอย่างไว้ด้วยกัน และมีอิทธิพลเป็นส่วนหนึ่งของการสอดแทรกและขับเคลื่อนสังคม รวมไปถึงชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่ว่า จะเป็นด้านประวัติศาสตร์ การเมือง ตลอดจนไปถึงสื่อบันเทิง ล้วนมีศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้องและถูกสร้างสรรค์ ไปในทิศทางที่มีเอกลักษณ์รูปแบบที่โดดเด่นและชัดเจนคุณสิริมา ไชยปรีชาวิทย์ ตำแหน่ง Creative Director & Art Curator และ คุณศิขรินทร์ ลางคุลเสน ตำแหน่ง Communication & Social media Directorปัจจุบันกระแสและทิศทางการเติบโตทางด้านศิลปะในแง่มุมต่างๆ ทำให้แนวโน้มการตอบรับจากสังคม ที่มีต่องานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทาง GroundControl ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงโควิดแต่กลับมีกระแสการเติบโตทางด้านรายได้ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันกว่าร้อยละ 60 รวมถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ที่เติบโตต่อเนื่องกว่าร้อยละ 65 จึงทำให้เล็งเห็นช่องทางการผลักดันงานทางด้านศิลปะที่ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยแต่ยัง รวมไปถึงต่างประเทศ ด้วยการเชื่อมโยงหรือเป็นสื่อกลางประสานระหว่างศิลปิน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ทั้ง ภาครัฐและเอกชน และ ผู้บริโภค นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับงานศิลป์ พร้อมสร้างรายได้ โดยมุ่งเน้น ไปที่การดำเนินงานด้าน Arts  Creative Services and Publisherและในปี 2567 ทาง GroundControl ได้วางแผนงานขยายงานด้าน  Arts Creative Services โดยเฉพาะกิจกรรมทางด้านศิลปะและไลฟ์สไตล์ชื่อว่า GroundPLAY! ให้เติบโตและมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับจำนวนการตอบรับของผู้สนใจงานศิลปะที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีผู้ร่วมงาน 4,000 คน เป็น 10,000 คนในปีนี้ และยังขยายขอบเขตงานให้ครอบคลุมถึงด้านดนตรี ภาพยนตร์ การเพิ่มกิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อให้ ผู้ที่สนใจได้สัมผัสและเข้าถึงงานศิลปะ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แสดงผลงานของศิลปินที่หลากหลายแนวนอกจากนี้ GroundControl ยังปรับโครงสร้างเพื่อรองรับและขยายตัวด้วยการเป็นตัวแทนดูแลจัดการ งานด้านต่างๆ ให้กับศิลปิน เช่น การเปิดโครงการ Artist On Our Radar ซึ่งเป็นโครงการแบบครบวงจรช่วย ผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างศิลปินภาพประกอบและแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ทั้งในด้านการวางแผน และส่วนของการเวิร์กชอปเพื่อให้ศิลปินมีความเข้าใจพื้นฐานในการทำงานเพื่อก่อให้เกิดรายได้ รวมถึงการทำงาน ทางด้านแกลเลอรี ผ่านวิทยากรที่มีประสบการณ์และเป็นที่ยอมรับในวงการด้านศิลปะ ซึ่งปัจจุบันโครงการ Artist On Our Radar ได้ทำการคัดเลือกศิลปินจากผู้สมัครกว่า 200 คน โดยมีทีมงานพิจารณาผลงานที่ ส่งประกวดร่วมกับผลงานที่ผ่านมาของศิลปิน ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คาแรคเตอร์ที่ชัดเจน และพร้อมที่ จะพัฒนาผลงานเพื่อตอบรับการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ จนได้ศิลปินจำนวน 12 คน และนำผลงานมา แสดงที่ MMAD MASS Gallery ซึ่งเป็น Illustration Gallery ที่นำเสนอและสนับสนุนผลงานของศิลปิน ภาพประกอบในไทย รวมถึงศิลปินในเอเชีย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผ่านการจัดนิทรรศการเดี่ยว กลุ่ม หรือการทำงานแบบ Duo Exhibition รวมถึงการเป็นพื้นที่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองของ ศิลปินผ่านงานศิลปะ ทั้งระหว่างตัวศิลปินด้วยกันเองและศิลปินที่ต่อเรื่องราวในสังคม ซึ่งทาง GroundControl ยังวางแผนจะขยายโครงการนี้เพื่อให้ครอบคลุมถึงศิลปินในด้านอื่นๆ อีกด้วยนอกจากนี้ทาง GroundControl ยังมีช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง เพื่อนำเสนอความเคลื่อนไหวใน โลกศิลปะและวัฒนธรรมจากทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ด้วย เป้าหมายที่จะนำเสนอศิลปะให้เป็นเรื่องสนุกใกล้ตัว ที่ใคร ๆ ก็สามารถทั้ง “เข้าถึง” และ “เข้าใจ” ได้ และยัง เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์งานของศิลปิน และกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ศิลปินไทยได้เป็นที่รู้จัก มากยิ่งขึ้น เชื่อมหัวใจงานศิลป์ให้เป็นพลังขับเคลื่อนของทุกคน ผ่านทางWebsite: https://groundcontrolth.com/FB: https://facebook.com/GroundControlTh/IG: https://www.instagram.com/groundcontrolth/Tiktok: https://www.tiktok.com/@groundcontrolthYouTube: www.youtube.com/groundcontrolthแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447151/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

อันซีนเมืองจีน “ไป๋สุ่ยไถ” ระเบียงธารน้ำขาว ความงามของธรณีวิทยาที่แชงกรีลา

29/04/2024

“ไป๋สุ่ยไถ” ระเบียงหินปูนสีขาวลดหลั่นเป็นชั้นๆ มีธารน้ำใสที่มีตะกอนแร่ธาตุสีฟ้าจางๆ เป็นอีกหนึ่งอันซีนแดนมังกร ซึ่งธรรมชาติรังสรรค์ไว้ที่มณฑลยูนนานภาพ: สำนักข่าวซินหัว“ไป๋สุ่ยไถ” (Baishuitai) หรือ “ระเบียงธารน้ำขาว” ซึ่งตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,380 เมตร และครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร ในตำบลซานป้า เมืองเซียงเก๋อหลี่ลาหรือแชงกรีลา มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนภาพ: สำนักข่าวซินหัวในด้านธรณีวิทยา เรียกหินรูปแบบนี้ว่า ทราเวอร์ทีน (Travertine) คือ หินปูนรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการตกตะกอนของแร่ธาตุต่างๆและน้ำพุใต้ดิน และถูกบีบอัดด้วยน้ำพุร้อน ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ ปามุคคาเล (Pamukkale) หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ในประเทศตุรกี นั่นเองส่วนระเบียงธารน้ำขาว ไป๋สุ่ยไถ ก็ไม่แตกต่างกัน โดยก่อตัวขึ้นจากการตกสะสมตัวของแคลเซียมคาร์บอเนตในน้ำที่ไหลจากน้ำพุ สร้างเป็นทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติจวบจนปัจจุบัน ทั้งยังได้รับสมญานามว่า “สถานที่ที่เมฆขาวทิ้งร่องรอยบนโลกา”ภาพ: สำนักข่าวซินหัวมีตำนานเล่าเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ว่านักบุญจากลัทธิตงปา พบที่นี่ระหว่างเดินทางกลับจากศึกษาพระสูตรที่ทิเบต ดังนั้นเขาจึงปักหลักเพื่อเผยแผ่ศาสนาพุทธ และลานหินสีขาว ก็เป็นที่รู้จักในนามดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดงปา ส่วนตำนานก็เล่าว่า เป็นสถานที่เพื่อให้ชาวน่าซี (Naxi) ในท้องถิ่น เรียนรู้การเพาะปลูก เทพเจ้าได้ประทานระเบียงหินแห่งนี้ให้ จึงได้รับขนานนามว่า “ทุ่งนาที่ทิ้งไว้โดยผู้เป็นอมตะ”ภาพ: สำนักข่าวซินหัวด้วยเหตุนี้ นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ที่นี่จึงเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญในท้องถิ่น และมีศาลเจ้าหลายแห่งรอบๆ ในแต่ละปีในวันที่ 8 ของเดือนจันทรคติที่สอง ชาวน่าซีจะรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตามประเพณีภาพ: สำนักข่าวซินหัวสำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปชมความงามของระเบียงธารน้ำ เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเมษายน และตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงพฤศจิกายนภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000023331

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

เงินเฟ้อ-เงินฝืด คืออะไร เมื่อไหร่คือเวลาที่ต้องกังวล

14/03/2024

เงินเฟ้อ-เงินฝืด คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร เเละเมื่อไหร่คือเวลาที่ต้องกังวล หลัง เงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ.67 ติดลบ 0.77% เงินเฟ้อ เงินฝืด เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีคนพูดถึงกันมากในขณะนี้ ล่าสุด ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.พ.2567 เท่ากับ 107.22 เทียบกับ ม.ค.2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.22 เทียบกับเดือน ก.พ.2566 ลดลงร้อยละ 0.77 เป็นการลดลงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 5  สาเหตุสำคัญมาจากราคาอาหารสด เนื้อสัตว์ และผักสด ที่ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก และราคาปรับลดลง รวมทั้งน้ำมันดีเซลและค่ากระแสไฟฟ้า ราคายังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ "เงินเฟ้อติดลบ" Disinflation แตกต่างกับ "เงินฝืด" หรือ Deflation อย่างไร เเล้ว กระทบต่อชีวิตของพวกเราหรือไม่ วันนี้มาลองไขข้อสงสัย เงินเฟ้อ คือ ช่วงที่ราคาสินค้าและบริการทั่วไปในประเทศสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ในเชิงของมูลค่าของเงินกลับต่ำลง ซึ่งก็เกิดจากความต้องการซื้อสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าและบริการเหล่านั้นอาจมีไม่พอ ทำให้คนขายสินค้าปรับราคาและบริการสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น อย่างเช่น ราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตปรับตัวสูงขึ้น ผู้ผลิตแบกต้นทุนไม่ไหว จึงปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น สมมุติว่า ในอดีตข้าวแกง 1 จาน ราคา 30 บาท แต่วันนี้เมนูเดิมราคาขึ้นไปเป็น 40 บาท หมายความว่า เงิน 30 บาทในวันนี้มีค่าน้อยกว่าเงิน 30 บาทในอดีต ดัชนีที่ใช้ในการชี้วัดระดับเงินเฟ้อ คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ  Consumer Price Index (CPI) เป็นตัวเลขทางสถิติที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ครัวเรือนบริโภค เป็นราคาในปัจจุบันเปรียบเทียบกับราคาในปีที่กำหนดไว้เป็นปีฐาน เงินเฟ้อที่ต้องกังวล เงินเฟ้อไม่ได้แย่เสมอไป เพราะในความเป็นจริงอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน ถือเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเอื้อต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว เเล้วอัตราเงินเฟ้อที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ต้องระวัง คือช่วงไหน เงินเฟ้อที่ติดลบเป็นเวลานานพอสมควร (prolonged period) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น เงินเฟ้อติดลบแบบกระจายตัวไปในหมวดสินค้าและบริการที่หลากหลาย ทำให้เกิดผลกระทบในหลายหมวดหมู่ธุรกิจ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว ต่ำกว่าเป้าหมายระยะปานกลางอย่างมีนัยสำคัญ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะติดลบ รวมถึงอัตราการว่างงานของแรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  "เงินเฟ้อติดลบ" หากเกิดขึ้นติดต่อกันยาวนานก็อาจทำให้เกิด "ภาวะเงินฝืด" ซึ่งก็คือ ช่วงที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปลดต่ำลงนั่นเอง เกิดขึ้นได้ 2 สาเหตุ คือ ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้า บริการที่ลดลงและต้นทุนการผลิตสินค้าที่ลดต่ำลง หลายคนอาจมองว่าสินค้าราคาลดลงเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความเป็นจริงเเล้ว จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง เนื่องจากราคาสินค้าที่ลดต่ำ ก็หมายถึง รายได้ของผู้ผลิตลดลงตามไปด้วย ผู้ผลิตอาจต้องลดการผลิตลงรวมทั้งลดการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของคนในประเทศ ที่มา advicecenter ธนาคารแห่งประเทศไทย แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/business/economy/590131

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ชมฟรี มิติใหม่ “สัตว์ในตำนาน”สุดครีเอท ที่ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค”

29/04/2024

“ทรู ดิจิทัล พาร์ค” ร่วมกับ Madskills ชวนท่องโลกสัตว์ในตำนานรูปแบบใหม่ผ่านนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills จาก 3 ศิลปินไทยมาแรง ตั้งแต่ 9 มี.ค. - 9 มิ.ย.67 ที่ TDPK Studio 1, ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ งานนี้เข้าชมฟรี!ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ร่วมกับ Madskills แกลเลอรีชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่สร้างศิลปินมากมายสู่ระดับโลก เนรมิตพื้นที่ TDPK Studio ให้กลายเป็นโลกมหัศจรรย์ของสัตว์ในตำนานอย่างยูนิคอร์น กริฟฟิน ฟีนิกซ์ และเพกาซัส ผ่านนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills จากการสร้างสรรค์ผลงานของ 3 ศิลปินไทยมาแรง Cheese Arnon, Bluepalete และ Kratai Dudu ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวความท้าทาย ชัยชนะ และจิตวิญญาณที่ไม่มีวันแตกสลายในการไล่ตามความฝันของคนยุคใหม่และเหล่าสตาร์ทอัพ งานนี้เปิดให้ชมฟรี ที่ TDPK Studio 1, ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม ถึง 9 มิถุนายน 2567ชมฟรี มิติใหม่ “สัตว์ในตำนาน” ที่ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค”นิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills จะพาผู้ชมออกเดินทางท่องไปยังโลกของสัตว์ในตำนาน พร้อมพาดื่มด่ำไปกับผลงานอันหลากหลายทั้งภาพวาดแคนวาส ภาพพิมพ์ ฟิกเกอร์ และประติมากรรม Pop Art สุดเจ๋ง ที่จัดทำขึ้นสำหรับนิทรรศการนี้โดยเฉพาะนอกจากนี้ยังมีไฮไลต์พิเศษเพื่อฉลองเปิดโซนจัดแสดงผลงานใหม่ TDPK Studio 1 ด้วยกิจกรรมพิเศษที่ให้ผู้สนใจได้ร่วมเป็นเจ้าของสินค้าคอลเลกชันพิเศษจากศิลปินให้ได้สะสมกัน อาทิ เสื้อยืด, หมวกแก๊ป, หมวกบัคเก็ต, หมอน, สมุดโน้ตลายสุดคิ้วท์ดร. ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด (True Digital Park) หรือ TDPK กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนชุมชนสตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ เหล่านักคิด และนักสร้างสรรค์ของไทย โดยการออกแบบให้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นมากกว่าแค่พื้นที่พบปะแลกเปลี่ยน แต่ยังมอบประสบการณ์อันไร้ขีดจำกัดและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้คน ผ่านการจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความชอบของคนยุคใหม่ จึงเป็นที่มาให้วันนี้เราจับมือกับแกลเลอรี Madskills เพื่อร่วมกันสร้างปรากฎการณ์ความน่าตื่นเต้นครั้งใหม่ในนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition ที่บอกเล่าเรื่องราวของสัตว์ในตำนานทั้ง 4 อย่างยูนิคอร์น กริฟฟิน ฟีนิกซ์ และเพกาซัส ซึ่งมาจากชื่อของตึกในทรู ดิจิทัล พาร์ค ผสมผสานเข้ากับโลกของเหล่าสตาร์ทอัพในรูปแบบศิลปะสมัยใหม่ พร้อมด้วยเหล่าพาร์ทเนอร์ชั้นนำอย่าง SASOM (สะสม) แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้ซื้อ - ขายสินค้าและของสะสมในงาน รวมถึง ทรูคอร์ปอเรชั่น ที่ร่วมสนับสนุนการจัดนิทรรศการในครั้งนี้”พิชย วิวัฒน์รุจิราพงศ์ (ซ้าย) ดร. ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ (ขวา)นายพิชย วิวัฒน์รุจิราพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Madskills กล่าวเสริมว่า “สำหรับ คอนเซ็ปต์ในนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition คือการนำเรื่องราวของสัตว์ในตำนานมาตีความในรูปแบบใหม่ ผ่านมุมมองและสไตล์ผลงานอันโดดเด่นของศิลปินไทยทั้ง 3 คน ได้แก่ Cheese Arnon, Bluepalete และ Kratai Dudu โดยเปรียบเปรยแง่มุมที่น่าสนใจต่าง ๆ ของสัตว์ในตำนานกับเรื่องราวการเดินทางและการเติบโตของคนรุ่นใหม่ ที่พยายามสร้างตัว ฝ่าฟัน และแสวงหาความสำเร็จ เหมือนกับการเดินทางตามความฝันของเหล่าสตาร์ทอัพที่เปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณที่แน่วแน่ โดยผลงานศิลปะแต่ละชิ้นจะเป็นตัวแทนของเหล่าผู้คนและสตาร์ทอัพมากมายที่ได้มาเจอกัน ณ ใจกลาง ทรู ดิจิทัล พาร์ค แห่งนี้”นายอานนท์ เนยสูงเนิน (Cheese Arnon)ด้านศิลปิน นายอานนท์ เนยสูงเนิน (Cheese Arnon) ผู้สร้างสรรค์ตัวละครจิ้งจอกน้อยอันโด่งดัง เปิดเผยว่า “เทคนิคการวาดภาพในงานนี้เป็นสไตล์การวาดในยุค Romanticism ผสมผสานกับ การตีความใหม่ในโลกแฟนตาซี ทำให้ผลงาน The Fox ในเวอร์ชันนี้มีความลึกซึ้งมากกว่าแค่ใช้องค์ประกอบของยูนิคอร์น หรือฟีนิกซ์ แต่ยังมีการเชื่อมโยงภาพกับอารมณ์ของคนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ อาทิ ฟีนิกซ์ที่มีวงจรชีวิตเกิดใหม่จากกองเถ้าถ่าน เล่าคู่ขนานไปกับเส้นทางชีวิตของบริษัทสตาร์ทอัพ”นางสาวรุ่งนภา คำน้อย (Bluepalete)นางสาวรุ่งนภา คำน้อย (Bluepalete) เจ้าของผลงานเด็กหญิงในชุดขนเฟอร์ เล่าว่า “งานศิลปะที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ นับเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพร้อมในการลองทำอะไรใหม่ ๆ ทั้งเทคนิคการใช้สีและการใช้จินตนาการเกี่ยวกับตัวละครสัตว์ในตำนาน จนได้ผลงานที่ออกมาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกถึงความพร้อมและความทะเยอทะยาน ช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมเข้าถึงความหมายที่เชื่อมโยงกับอารมณ์และช่วงเวลาที่คนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพต้องเผชิญอยู่เสมอ”นางสาวสุภาพร ชาวสวน (Kratai Dudu)ปิดท้ายที่ นางสาวสุภาพร ชาวสวน (Kratai Dudu) เจ้าของผลงานลูกช่างซ่อมรถและเพื่อน ๆ ของเขา เล่าว่า “ผลงานชิ้นต่าง ๆ ได้มีการนำเอาองค์ประกอบของสัตว์ในตำนาน การจัดวาง และ การสร้างสรรค์บรรยากาศในภาพที่ชวนฝัน ร่วมกับการแฝงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อสารว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตในตำนาน หรือเหนือจินตนาการก็สามารถดำรงอยู่ได้ร่วมกันอย่างกลมกลืนเฉกเช่นคนเรา และยังสามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงได้ในสักวัน”ศิลปินและผู้จัดถ่ายภาพร่วมกันผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. - 9 มิ.ย. 2567 ณ TDPK Studio 1, ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ (BTS ปุณณวิถี) เปิดให้เข้าชมนิทรรศการทุกวัน เวลา 11.00 - 19.00 น. ที่สำคัญเข้าฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงกดติดตาม Page Facebook ของ True Digital Park และสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.truedigitalpark.comแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000020722

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

สวยมาก! ปรากฏการณ์แสงใต้ออโรรา แทสเมเนีย ที่ออสเตรเลีย

29/04/2024

สวยมากจริง ๆ หลังคู่รักชาวออสเตรเลียแชร์ปรากฏการณ์แสงใต้ออโรรา (Aurora Australis) ปรากฏการณ์ซีกโลกใต้ในออสเตรเลียที่เรียกว่า Tasmania Aurora Australis กลายเป็นภาพที่ถูกส่งต่อและแชร์ในหลายเพจทำเอาคนไทยอยากไปชมให้เห็นกับตาบ้างชุดภาพดังกล่าว เป็นภาพที่ Jessica Loryn Coleman หนุ่มชาวออสเตรเลียได้แชร์เป็นสาธารณะในเฟสบุก พร้อมเล่าเรื่องราวของแสงที่ปรากฏนี้ว่า ภรรยาของเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ครึ่งเพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ต้องทึ่งเพราะเห็นแสงใต้เหนือเต็นท์ที่พวกเขาพักอยู่ริมอ่าว Bay of Fires แม้เขาจะเคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาแล้วหลายครั้ง แต่เวลานี้ถือว่าสวยที่สุด! เขาสามารถเห็นริ้วลําแสงสีแดง ชมพู และเขียวเต้นรําอยู่บนท้องฟ้า!ภาพโดย Jessica Loryn Colemanเขาถ่ายวิดิโอเห็นเป็นริ้วคลื่นเคลื่อนตัวอยู่เหนือท้องฟ้าและมวลดาว แสงสีไม่สดเด่นชัดมากนัก แต่เมือถ่ายเป็นภาพนิ่งที่สามสารถตั้งระยะเวลาการเก็บแสงได้ แสงหลากสีก็ปรากฏเป็นม่านสีสันบนท้องฟ้าที่สวยงามจับใจ ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว และอยากเป็นให้ตนเองเป็นฟอร์กราวด์อยู่เบื้องหน้าเหมือนเขาทั้งคู่ภาพโดย Jessica Loryn Colemanภาพโดย Jessica Loryn Colemanโคลแมนกล่าวด้วยความประทับใจด้วยว่า “เราเคยเห็นแสงใต้มาหลายครั้งแล้ว แต่นี่คือครั้งที่สวยที่สุดเลย! เราเห็นแสงสีแดง ชมพู และเขียว เต้นระบำอยู่บนท้องฟ้า! เป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อจริงๆ! เราโชคดีจังที่มีชีวิตแบบนี้นะ รักเธอนะที่รัก!”ภาพโดย Jessica Loryn Colemanแสงใต้เกิดจากอะไรแสงใต้ รวมถึง แสงเหนือ ซึ่งเรียกว่า แสงออโรร่า (Aurora) ที่พบในขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ องค์กรวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากอนุภาคในอวกาศที่มีประจุผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก แล้วทำให้ก๊าซที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ เกิดการแตกตัวและปลดปล่อยพลังงานในรูปของแสง ซึ่งจะให้แสงสีที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันส่วนที่เห็นเป็นสีสันก็เพราะชนิดของก๊าซที่เกิดการแตกตัว หากมีออกซิเจนอยู่มากจะให้แสงสีเขียวหรือสีแดง หากเป็นไนโตรเจนจะให้สีน้ำเงินหรือสีแดง ฮีเลียมให้สีฟ้าและสีชมพู ดังนั้นแสงสีต่างๆ ที่มองเห็นได้ จึงเกิดจากสีเหล่านี้หรือเกิดการผสมจนเป็นสีที่แปลกไปในแต่ละพื้นที่ภาพโดย Jessica Loryn Colemanแสงใต้ในรัฐแทสเมเนีย หาชมยากเนื่องจากประเทศออสเตรเลียนับว่าระยะทางที่ไกลจากขั้วโลกใต้ จึงมองเห็นแสงใต้ได้ยากกว่าหลายประเทศในแถบขั้วโลก แต่เมื่อสภาพอากาศเหมาะสมการแสดงแสงสี ก็งดงามตระการตาอย่างน่าประทับใจสำหรับ Tasmania Aurora Australis คือ แสงใต้ในรัฐแทสเมเนีย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย เป็นรัฐที่มีโอกาสพบแสงออโรรามากที่สุดของประเทศ ซึ่งมีเพียงไม่ไม่กี่รัฐ นอกเหนือจากที่นี่จะมีแสงใต้ให้พบได้ที่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐวิกตอเรีย และทางตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย  แทสเมเนียจึงเป็นอีกจุดหมายสำหรับช่างภาพนักล่าแสงใต้อย่างไรก็ตาม การที่คู่รักชาวออสซี่คู่นี้ได้พบแสงใต้ครั้งนี้ นับเป็นช่วงเวลาแสนประทับใจทั้งต่อชีวิตคู่ของพวกเขา รวมไปถึงพวกเราชาวไทยที่มีโอกาสได้ยากที่จะเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเองขอขอบคุณข้อมูล :Tasmania Aurora Australis: Where to See the Southern Lights in Tasmania (2024),สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการภาพ :FB : Jessica Loryn Colemanแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447155/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กลุ่มบริษัทเอไอเอ แถลงผลประกอบการอันแข็งแกร่งประจำปี 2566

29/04/2024

มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลักใน 10 ตลาดส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV EQUITY) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ก่อนหักส่วนที่คืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น; เงินปันผลรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้นฮ่องกง, 14 มีนาคม 2567 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: ผลประกอบการของธุรกิจใหม่  •  มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็น 4,034 ล้านเหรียญสหรัฐ   •  จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง อาเซียน(2) และอินเดีย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก  •  เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เป็นสถิติใหม่ มูลค่า 7,650 ล้านเหรียญสหรัฐ   •  อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เป็นร้อยละ 52.6 โดยครึ่งปีหลังเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกรายได้และทุน   •  กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit) มูลค่ารวมเป็น 8,890 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ต่อหุ้น   •  อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (ROEV) เป็นร้อยละ 12.9 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากร้อยละ 9.4 ในปี 2565   •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,213 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อหุ้น ภายใต้หลักพื้นฐานการดำเนินงาน(3)   •  ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,041 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้น   •  ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ก่อนคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน จำนวน 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ; ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 70.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น   •  เงินกองทุนส่วนเกิน เป็นมูลค่า 16.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566   •  อัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) แข็งแกร่งมากและครอบคลุมอัตราส่วน(4) ร้อยละ 275 ตามเกณฑ์ GWS และร้อยละ 335 ตามเกณฑ์ผู้ถือหุ้นเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน   •  เงินปันผลประจำปีจำนวน 119.07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น   •  เงินปันผลรวมจำนวน 161.36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5   •  ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงมีผลการดำเนินงานทางการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงผลักดันทางธุรกิจที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ของโรคระบาด เห็นได้จากเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ในประวัติการณ์ และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ พอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่หลากหลายและช่องทางการขายที่โดดเด่นของเราสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่สูงขึ้นจากตลาดหลักของเราในอาเซียน ฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และอินเดีย รวมถึงการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักใน 10 ตลาด“ด้วยความมีวินัยทางการเงินที่สม่ำเสมอของเรา และความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมีคุณภาพของเอไอเอนั้น ได้ส่งเสริมการเติบโตของตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญอื่น ๆ ทั้งหมดของเรา เช่นการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit) ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) รวมไปถึงส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) บนพื้นฐานต่อหุ้น โดย EV Equity เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็นมูลค่า 76.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหักส่วนที่คืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนจำนวน 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือได้ว่าสถานะเงินทุนของเอไอเอยังคงแข็งแกร่งมาก โดยมีเงินกองทุนส่วนเกินเป็นมูลค่า 16.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM)  ครอบคลุมอัตราส่วน(4) ร้อยละ 275“คณะกรรมการได้แนะนำให้จ่ายเงินปันผลประจำปีจำนวน 119.07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้ยอดเงินปันผลรวมอยู่ที่ 161.36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2565 โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งจะผลักดันให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท“ผลประกอบการธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมของเอไอเอได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มการขายที่ทรงพลังและไม่มีใครเทียบได้ของเรา โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แตกต่างของเราเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญสำหรับเอไอเอ และสามารถสร้างการเติบโตมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอที่ยอดเยี่ยมถึงร้อยละ 23 โดยได้แรงหนุนจากทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและอัตราผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ช่องทางการขายผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางของเราสามารถช่วยให้เราขยายการเข้าถึงตลาดและสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 โดยได้รับแรงส่งเสริมจากผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งพันธมิตรธนาคารและช่องทางของที่ปรึกษาด้านประกันชีวิตและการเงิน (IFA)“เอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตเชิงบวกของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ร้อยละ 20 ตลอดปี 2566 เรามองเห็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมเมื่อผลกระทบจากการแพร่ของโรคระบาดลดลง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นของแบบประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวและการปรับราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566“ตัวแทนในพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นอัตราเลขสองหลักทั้งจากการดำเนินงานในตลาดที่มีอยู่และตลาดใหม่(5) โดยมีผลมาจากความมุ่งมั่นในกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา ซึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพและการพัฒนาตัวแทนใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เราเริ่มขยายภูมิภาคใหม่ ในปี 2562 ขณะนี้เราได้ขยายฐานธุรกิจของเอไอเอ ประเทศจีน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน 10 ภูมิภาค หลังจากเปิดตัวการดำเนินงานใหม่ของเราในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานในเดือนพฤษภาคม ปี 2566 โดยการจำลองโมเดลและขยายการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ตลาดใหม่ของเราได้สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 55 เพิ่มขึ้นในปี 2566 และมีส่วนสนับสนุนในการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่เกินกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ทั้งหมดที่มาจากช่องทางตัวแทนของเอไอเอ ประเทศจีน ในช่วงครึ่งปีหลัง“จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงมอบโอกาสมหาศาลสำหรับการประกันชีวิตและสุขภาพ ในปี 2566 เอไอเอ ประเทศจีน ได้กระชับความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารเชิงกลยุทธ์และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) จากการขายผ่านช่องทางธนาคารมากกว่าสามเท่า การลงทุนร้อยละ 24.99 ของเราใน China Post Life ช่วยทำให้เราได้รับมูลค่าที่สำคัญจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมที่สามารถส่งเสริมกลยุทธ์ของ เอไอเอ ประเทศจีน เป็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่รวมอยู่ในผลลัพธ์ของมูลค่าธุรกิจใหม่ของเรา แต่ China Post Life ได้รายงานการเติบโตถึงร้อยละ 17 เมื่อเทียบแบบปีต่อปีของมูลค่าธุรกิจใหม่(6) ในปี 2566“เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland Chinese Visitor - MCV) รวมถึงช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตรของเรา มูลค่าธุรกิจของฮ่องกงเป็นส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทมากที่สุดในปี 2566 เนื่องจากเราสามารถตอบสนองความต้องการที่แข็งแกร่งของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากกลับมาเดินทางตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 โดยเรายังคงเพิ่มจำนวนตัวแทนที่ทำผลงานอย่างต่อเนื่องและทำงานอย่างใกล้ชิดกับช่องทางพันธมิตรเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ยั่งยืนและเติบโตจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของเอไอเอ ฮ่องกง กว่าครึ่งหนึ่งในปี 2566“ตลาดใหญ่ที่สุดของการดำเนินธุรกิจในอาเซียนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงสร้างสถิติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ร้อยละ 21 ผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมนั้นได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตัวแทนซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาด และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงเทพ นอกจากนี้ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา ยังได้ช่วยผลักดันให้จำนวนตัวแทนใหม่มีการเติบโตอย่างดีเยี่ยมในอัตราเลขสองหลักทั้งใน่จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน รวมถึงผลิตภาพของตัวแทน“ในสิงคโปร์ เอไอเอ สามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตได้ร้อยละ 10 ในปี 2566 การมุ่งเน้นของเราในการสรรหาตัวแทนและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานช่วยให้เราสามารถเพิ่มจำนวนการรับสมัครใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งและยกระดับผลผลิตของตัวแทนให้สูงขึ้นด้วย เอไอเอ สิงคโปร์ ยังคงมีสถิติการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมภายใต้ช่องทางความร่วมมือกับพันธมิตร โดยได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของซิตี้แบงก์ และธุรกิจใหม่จากพันธมิตรอื่น ๆ ซึ่งเรามุ่งเป้าที่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้าสินทรัพย์สูง“เอไอเอ มาเลเซีย รายงานการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สูงขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งมาจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร การยกระดับข้อเสนอของเราซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความคุ้มครองได้เป็นอย่างดี สนับสนุนให้กิจกรรมของตัวแทนและผลผลิตของพรีเมียร์ เอเจนซี่ เพิ่มสูงขึ้น ในด้านธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ที่ได้รับความร่วมมือกับ Public Bank ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2566 โดยเราได้ร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าธนาคารที่มีสินทรัพย์สูง รวมทั้งเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย“มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มตลาดอื่น ๆ ของเรามีเสถียรภาพในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 การเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มนี้ถูกชดเชยด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ลดลงจากเวียดนาม ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเชิงลบยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันชีวิตในเวียดนามตลอดทั้งปี ทั้งนี้ หากไม่รวมเวียดนาม ตลาดอื่น ๆ ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 15 ในปี 2566 ทาทา เอไอเอ ไลฟ์ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งปีในทุกช่องทางการขาย และติดอันดับบริษัทประกันชีวิตเอกชนรายใหญ่อันดับสามในอินเดียในปี 2566 อีกด้วย“เอเชียเป็นภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกสำหรับด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ความต้องการและแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์ที่สำคัญซึ่งนับเป็นแรงสนับสนุนอันทรงพลังสำหรับโอกาสระยะยาวของธุรกิจของเราทั่วทั้งภูมิภาค ผมมั่นใจว่าความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ชัดเจนของเรา กลไกการเติบโตที่หลากหลาย และความยืดหยุ่นทางการเงินที่ไม่มีใครเทียบได้ จะช่วยให้เอไอเอสามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา ขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่งสนับสนุนผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ ธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ ‘Be Together For Health’ หมดกังวลหากเจ็บป่วย ด้วยวงเงินความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน

13/03/2024

กรุงเทพฯ, 12 มีนาคม 2567 – เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต “บี ทูเกตเทอร์ ฟอร์ เฮลธ์ (Be Together For Health)” ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน รวมถึงให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิต ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้าโมบายแบงก์กิ้ง และมีความต้องการในด้านประกันภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายไม่คาดฝันในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและโรคร้ายแรงออนไลน์ที่เสนอขายไปเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพได้แล้ววันนี้ นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ให้ความสําคัญกับลูกค้าและเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เราไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพของเราให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างดีที่สุด ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งอยู่ในวัยทํางาน เราพบว่าส่วนใหญ่มีความกังวลต่อปัญหาด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งถึงแม้กลุ่มลูกค้าที่มีงานประจำจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทมอบให้แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง และโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนายจ้างตัวเองที่ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ยิ่งมีความจำเป็นต้องมีการวางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ดังนั้น เอไอเอ มองเห็นโอกาสในการเข้าไปช่วยลดความกังวลของลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ ด้วยการยกระดับการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health มี 2 แผนให้เลือก แผน 1 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท และแผน 2 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 60,000 บาท สบายใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล เบิกได้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตสูงสุดถึง 90,000 บาท อุ่นใจยิ่งขึ้น คุ้มครองเพิ่มหากต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฟอกไต ฉายแสง และเคมีบำบัด (คีโม) เบี้ยประกันที่สบายกระเป๋า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพอย่างสั้น สมัครง่าย ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ”ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “หลังจากที่เราประสบความสำเร็จจากการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าเฉพาะบุคคลไปถึง 2 ผลิตภัณฑ์แล้วนั้น เราก็ไม่หยุดที่จะร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพในการพัฒนาระบบและขั้นตอนการซื้อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่  Be Together For Health นี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพ พร้อมทั้งเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้ด้วยขั้นตอนการซื้อที่เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก ทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อนวัตกรรมต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปในด้านดิจิทัลมากขึ้น ประกันชีวิตก็ต้องปรับเปลี่ยนไปให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เพื่อมอบบริการและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า ตามคำมั่นสัญญาของเรา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ” นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 พบว่าผู้บริโภคหันมาสนใจซื้อประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะแต่การเลือกซื้อประกันสุขภาพยังคงเลือกซื้อความคุ้มครองตามความจำเป็น และเบี้ยประกันไม่สูงมากนัก ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเตรียมความพร้อมด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ หากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในอนาคต ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย พันธมิตรด้านประกันชีวิต ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “ บี ทูเกตเทอร์ ฟอร์ เฮลธ์ (Be Together For Health)” ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน รวมถึงให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิต ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มที่ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งเสนอขายผ่านช่องทาง ‘โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ’ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมจุดเด่นความคุ้มครองด้วยค่ารักษาพยาบาลที่ไม่จำกัดจำนวนครั้งและวงเงินรวมต่อปี ด้วยเบี้ยประกัน แบบสบายกระเป๋า เริ่มต้นเพียงวันละ 16 บาทเท่านั้น “ปัจจุบันประเด็นเรื่องสุขภาพ กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การจะเลือกซื้อประกันสุขภาพ บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคยังกังวลใจว่าค่าเบี้ยประกันสูง และมีความคุ้มครองเกินไปกว่าความจำเป็น หรือไม่สะดวกใจกับการซื้อประกันผ่านตัวแทน ดังนั้น แบบประกัน Be Together For Health จึงถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยเสนอขายผ่านช่องทาง ‘โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ’ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายไม่ซับซ้อน ที่สำคัญค่าเบี้ยประกันไม่สูง ตัดสินใจซื้อได้ง่าย แต่ได้สิทธิประโยชน์ครบถ้วนมีวงเงินเพียงพอต่อการรักษาพยาบาล ช่วยให้ลูกค้าลดความกังวล และมีเวลาทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้จนกว่าจะพอใจ ตรงใจคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัว เพราะธนาคารกรุงเทพ พร้อมที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิด” ให้ลูกค้าทุกกลุ่มและพร้อมดูแลเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์” นางสาวพรพิมล กล่าว ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพและเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมกันนำเสนอขายประกันชีวิตผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้งมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ลูกค้า โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ Be Together For You แบบประกันชีวิตและสุขภาพ ที่เน้นให้ความคุ้มครองสูง ออกแบบตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะแต่ละบุคคล (Personalized Individual Needs) และ Be Together Smart Care แบบประกันสำหรับการคุ้มครอง 5 โรคร้ายแรง รวมถึงล่าสุด Be Together For Health ที่มาช่วยเติมเต็มความอุ่นใจให้แก่ลูกค้า และหมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลนางสาวสุญาณี ภูริปัญญวานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนา ‘โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ’ (Bangkok Bank Mobile Banking) ให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีความเป็นมิตร เข้าถึงง่าย และเข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริงมาโดยตลอด ในครั้งนี้ได้พัฒนาความร่วมมือกับเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพออนไลน์ ‘Be Together For Health’ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่ใส่ใจในสุขภาพให้ได้รับความคุ้มครองด้านประกันภัยและความสะดวกในการซื้อประกันชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปสาขา” ลูกค้าสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health ผ่าน ‘โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ’ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1333 หรือติดต่อเอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-353-8855 ทุกวัน เวลา 8.00-22.00 น. หมายเหตุ:  - Be Together For Health เป็นชื่อทางการตลาดของแบบ เอไอเอ กำหนดระยะเวลา 85 (ไม่มีเงินปันผล) และสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ อี สมาร์ท เฮลธ์ (AIA e-Smart Health) แบบ 2023a - ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง - ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาษี

ต้องรู้ ! VAT จดผิดชีวิตเปลี่ยน

11/03/2024

บทความโดย “สรวงพิเชฏฐ์ หลายชูไทย”  นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 11 มีนาคม 2567 ปฏิเสธไม่ได้ว่าใคร ๆ ก็ต้องการร่ำรวย หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่แน่นอนสิ่งที่ตามติดมาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือภาษี และภาษีประเภทหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจหวาดกลัว คือ VAT หรือ Value–Added Tax ที่สำคัญหากไม่เข้าใจและเตรียมการรับมือให้ดี เงินที่เก็บมาหลายปีอาจหายไปจนหมดสิ้นในเวลาสั้น ๆ ก็เป็นได้ จึงต้องเรียนรู้แนวทางการรับมือ เพื่อไม่ต้องมาเสียใจ ดังคำกล่าวที่ว่า “รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้” VAT เป็นภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดยจัดเก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นการผลิต ตลอดการจำหน่าย หรือการให้บริการ หรือเป็นภาษีที่เก็บกับผู้บริโภครายสุดท้าย โดยมีข้อควรรู้และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการจด VAT ดังนี้   •  VAT นั้นเก็บจากรายได้ ไม่ใช่กำไร   •  รายได้บางประเภทได้รับการยกเว้น VAT เช่น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) อย่าง เงินเดือน โบนัส เป็นต้น   •  ทั้งบุคคล และนิติบุคคล ล้วนต้องจด VAT หากรายได้ถึงเกณฑ์   •  เกณฑ์ดังกล่าวคือ หากมีรายได้จากการขายสินค้าหรือการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องเข้าสู่กระบวนการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือนนับแต่นั้นเป็นต้นไป   •  ในประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10% แต่ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกา ลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า VAT บ้านเราคือ 7% โดยขั้นตอนการจด VAT และหน้าที่ต่าง ๆ ที่ต้องทำหลังอยู่ในเกณฑ์ต้องเสีย มีดังนี้   1. จดทะเบียน ภ.พ.01 ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รายได้เกิน 1.8 ล้านบาท   2. เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน (สามารถดูได้จากข้อมูลในเว็บของทางสรรพากร)   3. หลังจากจด VAT เรียบร้อย ท่านจะได้เอกสารที่ชื่อ ภ.พ.20 ซึ่งเป็นเอกสารหลักฐานที่แสดงถึงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้ว โดยจะต้องเก็บเจ้า ภ.พ.20 นี้ไว้ที่สำนักงาน หากมีเจ้าหน้าที่สรรพากรเข้ามาตรวจสอบที่สถานประกอบการเรา มักจะขอดูเอกสารตัวนี้ . รวมถึงยังใช้ในกรณีต่าง ๆ เช่น การขอกู้กับธนาคาร อีกด้วย   4. เมื่อจดแล้ว หากมีการขายจะต้องออกใบกำกับภาษีขาย หากมีการซื้อต้องรับใบภาษีซื้อ และทำรายงานสรุปไว้   5. มีการยื่นแบบ ภ.พ.30 ภายในทุกวันที่ 15 ของเดือนถัดไป บทลงโทษของการจด VAT ล่าช้า   •  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   •  ต้องเสียค่าปรับเป็น 2 เท่า ของภาษีที่จะต้องชำระนับตั้งแต่วันที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี ในแต่ละเดือนภาษี   •  ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ถ้าเศษของเดือนก็จะถูกนับเป็นอีก 1 เดือน   •  ไม่สามารถนำภาษีซื้อที่เกิดในเดือน ก่อนที่จะจด VAT นั้นมาหักภาษีขายได้ หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่ได้มีบทลงโทษมากมายอะไร แต่หากมีรายได้ 1.8 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 150,000 บาท แล้วไม่ไปยื่นจด VAT และเมื่อถึงสิ้นปีที่ 2 รายได้ 1.8 ล้านบาทจะมีภาระภาษี + เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มสูงสุดถึง 400,000 บาท และหากยังคงไม่ได้จด VAT ต่อในสิ้นปีที่ 3 ตัวเลขภาระภาษี + เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มนี้จะสูงขึ้นไปถึงกว่า 900,000 บาท สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มจด VAT และประเมินว่ากิจการน่าจะมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็สามารถเลือกจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงเริ่มต้นกิจการ ซึ่งจะมีประโยชน์ ดังนี้   1. กิจการได้ใช้สิทธิขอคืนภาษีซื้อ สำหรับค่าสินค้า หรือค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มดำเนินการ การจด VAT ทำให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการจะได้ประโยชน์จากการนำภาษีซื้อไปใช้เพื่อลดภาระภาษี   2. กิจการมีระบบการทำบัญชีการซื้อขายที่ดีขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือ   3. กิจการได้ยอดขายเพิ่มจากนโยบายของรัฐ กรณีมีแคมเปญภาษี เช่น ช้อปดีมีคืน เป็นต้น สำหรับคนที่จด VAT ไปแล้ว และกำลังอยากที่จะออกจากระบบ VAT ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการขอออกจาก VAT โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องมียอดขายต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ติดต่อกัน ถึงจะมีสิทธิขอให้อธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยสรุป หากมีการบริหารจัดการรายได้และภาษีที่ดีและทำอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ระบบ VAT หรือการออกจากระบบ VAT ก็จะสามารถทำได้อย่างราบรื่นและสบายใจในการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1519083

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X