ท่องเที่ยว

“ภูฏาน” มหัศจรรย์ ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า


พาไปรู้จักกับ “ภูฏาน” ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้าที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายในต่างแดนที่คนไทยพูดถึงกันเป็นจำนวนมาก หลังการเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา


ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า


“ประเทศภูฏาน” (Bhutan) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ได้รับฉายาว่าเป็น “ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า” ที่งดงามไปด้วยทิวทัศน์ของขุนเขาอันสลับซับซ้อนและป่าเขาลำเนาไพรที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นประเทศหนึ่งเดียวในโลกที่นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบตรันตระเป็นศาสนาประจำชาติ



หนึ่งในสถาปัตยกรรมอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ของภูฏาน (ภาพ : PR TCB)


นอกจากนี้ภูฏานยังมีวัดวาอาราม งานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งชาวเมืองก็ยังคงดำรงวิถีอยู่ในจารีต วัฒนธรรม และประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่โบราณอย่างแนบแน่น


ปัจจุบันภูฏานมีเมืองหลวงคือ “เมืองทิมพู” (Thimpu) ที่พระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 3 ย้ายมาจากเมืองหลวงเก่าคือปูนาคา ในปี พ.ศ. 2495 และมีเมือง “พาโร” เป็นศูนย์กลางทางการบินเพียงหนึ่งเดียวในภูฏาน โดย “ท่าอากาศยานนานาชาติพาโร” (Paro International Airport - PBH) นั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสนามบินอันตรายที่สุดในโลก จนกล่าวได้ว่า มีนักบินจำนวนหลักสิบเท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตให้ลงจอดที่สนามบินนี้ เพราะต้องเป็นนักบินที่มีทักษะความสามารถ และประสบการณ์การบินสูง



สนามบินพาโร หนึ่งในสนามบินอันตรายที่สุดในโลก (ภาพ : Paro International Airport)


เที่ยวภูฏาน 4 ฤดู


ภูฏานเป็นประเทศที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางจะสามารถสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด และเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์


โดยในแต่ฤดูกาลผู้มาเยือนภูฏานจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ที่มาพร้อมกับดอกโรโดเดนดรอน หรือ “กุหลาบพันปี” ซึ่งออกดอกบานสะพรั่ง รวมถึงยังมีเทศกาลท้องถิ่นอันครึกครื้น เช่น เทศกาลพาโรเชชู หรือ เทศกาลระบำหน้ากากเมืองพาโร



เสน่ห์ภูฏานในช่วงฤดูร้อนกับทุ่งนาขุนเขาอันเขียวขจี (ภาพ : PR TCB)


ส่วนฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) เป็นช่วงฤดูมรสุมที่ภูเขาทั่วภูฏานจะถูกปกคลุมด้วยสีเขียวจากพันธุ์ไม้ สร้างบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบสำรับนักเดินทางที่ชอบปลีกวิเวก ทั้งยังมีโอกาสได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมของท้องถิ่น


ขณะที่ในฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ท้องฟ้าในภูฏานจะสวยใสเหมาะสำหรับการเดินป่าและถ่ายภาพ นอกจากนี้ที่เมือง Laya เขตกาซา ยังมีการจัดงานประจำปีในช่วงฤดูหนาวคือเทศกาล “Royal Highland Festival” เพื่อเฉลิมฉลอง ส่งเสริม และอนุรักษ์ชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเขาแห่งภูฏานที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่บนภูเขาสูง



เทศกาลรอยัลไฮแลนด์ (ภาพ : PR TCB)


ครั้นพอถึงฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ภูฏานจะเผยให้เห็นเสน่ห์อันเงียบสงบของวัดและสถาปัตยกรรมที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ รวมถึงเทศกาลเฉลิมฉลองในท้องถิ่นทั่วประเทศ ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี


วัดทักซัง สัญลักษณ์ศรัทธาอันแรงกล้าของภูฏาน


สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ต้องห้ามพลาดของภูฏานคือ “วัดทักซัง” (Taktsang Monastery) สถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศ ซึ่งโดดเด่นสวยงามด้วยอารามที่ตระหง่านอยู่บนชะง่อนผาสูงลิบที่มวลเมฆคลอเคล้าราวกับวัดล่องลอยอยู่เหนือผืนฟ้าสรวงสรรค์



วัดทักซังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของภูฏาน (ภาพ : Ugyen Tenzin)


วัดทักซัง หรือที่รู้จักกันในนาม “the Tiger’s nest” หรือวัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ในเมืองพาโร เป็นวัดพุทธที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 3,120 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล วัดแห่งนี้โดดเด่นสวยงามด้วยงานสถาปัตยกรรมอันประณีต ซึ่งได้รับการหล่อหลอมยึดตามแนวศิลปะพุทธศาสนา มีอาคารสีขาวหลังคาสีทอง ประกอบด้วยวัดหลัก 4 แห่งและบ้านพักหลายหลัง อาคารทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกันด้วยบันไดที่มีขั้นบันไดแกะสลักเข้าไปในหิน เกือบทุกหลังของกลุ่มอารามมีระเบียงพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของบริเวณโดยรอบ ศาลเจ้าหลักของอาราม กงล้อสวดมนต์ตั้งอยู่ในลานวัด และในทุกเช้าเวลาตี 4 พระภิกษุจะหมุนเวียนออกมาทำกิจวัตรเพื่อเริ่มต้นวันใหม่


การออกแบบตกแต่งภายในของวัดมีโดมเคลือบทองและไฟกะพริบที่ส่องสว่างรูปเคารพทองคำ ในห้องโถงพระพุทธรูปพันองค์ที่แกะสลักไว้ในหิน มีรูปปั้นเสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เนื่องจากเสือได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองพาโร



ภูฏาน บีลีฟ แคมเปญท่องเที่ยวของภูฏานหลังโควิด (ภาพ : PR TCB)


ภูฏาน บีลีฟ


“ภูฏาน บีลีฟ” (Bhutan Believe) เป็นแคมเปญปัจจุบันของประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก หลังภูฏานปิดประเทศไปชั่วคราวจากสถานการณ์ COVID-19


ภูฏาน บีลีฟ เน้นย้ำความเชื่อของประเทศเรื่องอนาคตที่ดีกว่า น้อมนำโดยภูมิปัญญาจากคนรุ่นเก่า “บีลีฟ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อในอนาคตของภูฏาน เช่นเดียวกับศักยภาพ ความเป็นไปได้ และโอกาสที่ภูฏานนำเสนอให้กับโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเกี่ยวกับการเชื่อในคุณค่า ความสามารถ การมีส่วนร่วมและศักยภาพของพลเมืองของประเทศ



ธรรมชาติงามแห่งดินแดนมังกรสายฟ้า (ภาพ : PR TCB)


นอกจากนี้ภูฏานยังมี “สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏาน” (Tourism Council of Bhutan: TCB) เป็นหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในภูฏาน รวมถึงทำหน้าที่เผยแพร่ความงดงามของสถานที่ ผู้คน และประสบการณ์ในราชอาณาจักรแห่งนี้ ให้กับนักท่องเที่ยวโดยยึดหลักการรับนักท่องเที่ยวปริมาณน้อย เพื่อให้ได้สัมผัสคุณค่าและประสบการณ์สูงสุด


ข้อมูลเบื้องต้นเที่ยวภูฏาน


ภูฏานเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ในรูปแบบ “น้อยแต่มาก” ที่มีมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในปี ค.ศ. 1974 ซึ่งปัจจุบันค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Fee – SDF) ได้ถูกปรับลดลงในราคาใหม่ จาก 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน เหลือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน (มีอัตราลดหย่อนสำหรับเด็ก)



ภูฏานสามารถเที่ยวได้ทั้งปี 4 ฤดู (ภาพ : PR TCB)


ทั้งนี้เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อนักท่องเที่ยวให้ปักหมุดภูฏานเป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าการท่องเที่ยวจะยังคงสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนต่อไป โดยค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDF) นี้จะถูกนำมาใช้เป็นทุนสนับสนุนโครงการด้านวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษาทั่วประเทศภูฏาน


สำหรับการยื่นขอวีซ่าหรือใบอนุญาตไปภูฏานนั้น นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมีวีซ่าและใบอนุญาตก่อนเดินทางไปภูฏานโดยสมัครทางออนไลน์หรือผ่านทางบริษัททัวร์ภูฏาน โดยมีค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าจำนวน 40 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง และไม่สามารถขอคืนได้ การยื่นขอวีซ่าใช้เวลาประมาณ 5 วันในการดำเนินการ ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากอินเดีย มัลดีฟส์และบังคลาเทศที่สามารถยื่นขอ ณ วันที่เดินทางมาถึงได้ ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเที่ยวภูฏานสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bhutan.travel


ปัจจุบันเที่ยวภูฏานเสียค่า SDF 100 US ดอลลาร์ ต่อคน/คืน (ภาพ : PR TCB)


แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/travel/detail/9680000050380
X