คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันสุขภาพ

ประกันอ่วมเคลมสุขภาพพุ่ง “วิริยะฯ” แบกไม่ไหวขึ้นเบี้ย

29/10/2024

ธุรกิจประกันเร่งแก้เกมเคลมสุขภาพพุ่ง “ไทยรี” ชี้เงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงกระทบการรับประกันสุขภาพ ระบุวิธีแก้ต้องขึ้นเบี้ย-กำหนดค่าห้องให้ต่ำลง-เพิ่มเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันร่วมจ่าย-ให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรก ฟาก “วิริยะฯ” ยอมรับขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพไปแล้วกว่า 10% ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 67 จ่อออกโปรดักต์ใหม่ให้ผู้เอาประกัน “ร่วมจ่าย” ต้นปีหน้านายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือไทยรี ในฐานะเลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การรับประกันสุขภาพ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยเวลานี้โอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์สาเหตุหลักคือค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล (Medical Inflation) ที่ปรับสูงขึ้นทุกปี และขณะเดียวกันจากความถี่ของการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพักรักษาตัวนอนโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน (IPD) ที่สูงขึ้นมากโดยเห็นสถิติการรักษาอาการป่วยด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ซึ่งไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ประกอบด้วย โรคเวียนศีรษะ, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคท้องเสีย, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และโรคอื่น ๆ ที่บริษัทประกันประกาศกำหนด มาเบิกเคลม IPD ใช้ประโยชน์มากขึ้น และได้ค่าชดเชยรายวัน จนทำให้อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ทุกบริษัทเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนถึงผลประกอบการที่ออกมาไม่ค่อยดี จึงอาจกระทบต่อการรับประกันสุขภาพในอนาคตได้“ผลกระทบเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น สมมุติเคยเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่ง เฉลี่ยต้องจ่าย 1,000 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นเป็น 1,100 บาท ส่วนกรณีเข้าไปรักษาตัวด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป จริง ๆ ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอก (OPD) ต่อครั้งจะอยู่ที่ 1,100 บาท แต่พอแพทย์วินิจฉัยให้นอนพักรักษาตัว ทำให้ค่าใช้จ่ายปรับขึ้นเป็น 20,000 บาท”นายโอฬารกล่าวว่า การจัดการปัญหาในการรับประกันสุขภาพ ฝั่งผู้รับประกันภัยคงไม่สามารถไปควบคุมสั่งการให้โรงพยาบาลลดค่ายาค่าหมอได้ แต่ใช้เครื่องมือขึ้นเบี้ยให้มีความเหมาะสมได้ หรือกำหนดค่าห้องให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้เอาประกันรับผิดชอบเองไปบางส่วนได้ หรือเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) หรือให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) เข้ามาช่วยก็ได้นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอมรับว่าปีนี้บริษัทได้ปรับขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพไปแล้วกว่า 10% ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2567 เพื่อให้มีความเหมาะสม เนื่องจาก Loss Ratio จากเคลมประกันสุขภาพค่อนข้างอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะประกันสุขภาพเด็ก หลัก ๆ เคลมก็มาจากโรค Simple Diseases ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ประกันรับสุทธิ (Combined Ratio) ของประกันสุขภาพอยู่ที่เกือบ 100%“ปีนี้ Medical Inflation ของวิริยะฯ ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 20% โรงพยาบาลเอกชน 5 ดาว เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากค่าเฉลี่ยโรงพยาบาลในประเทศอยู่ที่กว่า 10% โดยการเข้ารักษาตัวผู้ป่วยใน (IPD) แค่มีไข้สูง ๆ ตอนนี้โรงพยาบาลจะให้ตรวจเป็นแพ็กเกจหมด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจไวรัส RSV, โควิด, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และยิ่งสำหรับเด็กจะตรวจ ‘ไวรัสอะดีโน’ เพิ่มด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้เพิ่มขึ้นมา 3,000-4,000 บาท สำหรับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จึงเป็นผลกระทบที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น กระทบเคลมประกัน”นางฐวิกาญจน์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ทำเคลมประกันเอง แต่ใช้บริการ Third Party Administration แต่บริษัทจะเป็น Post Audit เมื่อไรเจอค่ารักษาพยาบาลสูง ๆ จะเข้าไปตรวจสอบโรงพยาบาลเหล่านั้น โดยวิธีการจะปรับเบี้ย หรือต่อรองราคาแพ็กเกจเกี่ยวกับการผ่าตัด-ส่องกล้อง รวมไปถึงมอนิเตอร์ใกล้ชิดโรค Simple Diseases เรื่องความจำเป็นทางการแพทย์ เวลาจ่ายยา-ตรวจแล็บ มีความเหมาะสมหรือไม่ทั้งนี้ บริษัทก็ได้เริ่มวางขายสินค้าประกันสุขภาพให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบส่วนแรกไปแล้ว โดยมีให้เลือก 2 แผน ความคุ้มครองวงเงิน 330,000 บาท เลือกจ่ายส่วนแรก 20,000 บาท ลูกค้าจะได้ค่าเบี้ยถูกกว่าแบบไม่มี Deductible ประมาณ 30% และเลือกจ่ายส่วนแรก 50,000 บาท ลูกค้าจะได้ค่าเบี้ยถูกกว่าแบบไม่มี Deductible ประมาณ 50%นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทมีแพลนจะขายกรมธรรม์ประกันสุขภาพออกมาเป็นซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ประกันสุขภาพเด็กเฉพาะโรค และประกันสุขภาพให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) โดยยื่นขอสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรียบร้อยแล้วแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1681135

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“โซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท” จัดโชว์งานศิลปะและกวี ร่วมฉลองครบรอบ 60 ปี พร้อมทั่วโลก

29/10/2024

“โซฟิเทล” (Sofitel) แบรนด์โรงแรมระดับ 5 ดาวในเครือแอคคอร์ (Accor) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จัดนิทรรศการศิลปะและกวี “ประกายเพชร สะท้อนใจ” (Diamond Glow & Heart’s Echoes) พร้อมกิจกรรมและประสบการณ์สุดพิเศษกว่า 120 รายการ ณ โรงแรมและรีสอร์ททั่วโลก ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2567 นี้ ชูเอกลักษณ์ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส หรือ “art de vivre” ในทุกมุมโลก ​โดยมี “โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท” (Sofitel Bangkok Sukhumvit) เข้าร่วมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินจิตรไทยมากมายให้ผู้เข้าพักและคนไทยได้ชื่นชมความงดงาม ตั้งแต่วันนี้ – 6 พฤศจิกายน 2567ผลงานของศิลปิน สนั่น รัตนะDiamond Glow, Heart’s Echoes ประกายเพชร สะท้อนใจนิทรรศการนี้เป็นการแสดงถึงสัญลักษณ์ของ “โซฟิเทล” ที่เรียกว่า Cultural Link ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉลิมฉลองให้กับวัฒนธรรมไทยและฝรั่งเศสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นการเชื้อเชิญแขกทุกท่าน ทั้งชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้มาสัมผัสกับความงดงามของภาพวาดร่วมสมัยของไทย และบทกวีโดยศิลปินชาวไทยและฝรั่งเศส โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ครอบคลุมพื้นที่เชื่อมต่อกันสามส่วนของโรงแรม โอบล้อมผู้เข้าชมด้วยโลกแห่งศิลปะอันหรูหรา ท่ามกลางฉากหลังของการตกแต่งโฉมใหม่ของโรงแรมซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้วโชคชัย บัณฑิต นักประพันธ์ชาวไทย และศิลปินชื่อดัง สมภพ บุตรตาราด (พร้อมด้วยผลงาน City of Angels) ไดแอน-ลอเร่ ดูดูเอ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชีย โรงแรมโซฟิเทล ประคำกรอง วชิรวรภักดิ์ แห่ง Art Connection และ Oliver Schnatz ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพการเดินทางทางวัฒนธรรมผ่านภาพวาดและบทกวีก้าวเข้าสู่ประตูทางเข้าอันโอ่อ่าของ โซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ที่ได้รับการออกแบบใหม่ แขกผู้เข้าพักจะรู้สึกราวกับหลุดออกจากความวุ่นวายของเมืองเข้าสู่โลกแห่งการผสมผสานทางวัฒนธรรม มีภาพวาดต้นฉบับจำนวน 12 ภาพ จากศิลปินไทยที่ได้รับการยกย่อง จัดแสดงในโถง Foyer, Atelier และ Celestial paths ของโรงแรม รวมถึงผลงานลับอีกหนึ่งชิ้น!จุดเด่นคือโคมไฟระย้าอันงดงามที่สะท้อนถึงการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนของวัฒนธรรม โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก "การไหว้และน้ำ" อันเป็นวัฒนธรรมไทย และเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย แผงกระจกศิลปะของล็อบบี้ผสมผสานความหรูหราแบบตะวันตกเข้ากับความอบอุ่นแบบไทยได้อย่างลงตัวเมื่อก้าวเข้าไปในนิทรรศการภายใต้สัญลักษณ์ “Cultural Link” ของโรงแรมโซฟิเทล แขกจะได้รับการต้อนรับด้วยภาพวาดอันวิจิตรงดงามสองภาพและโคมระย้าขนาดใหญ่ซึ่งได้รับการติดตั้งระหว่างการปรับปรุงใหม่ของโรงแรมเมื่อไม่นานนี้และเป็นตัวแทนของการทักทายแบบ การไหว้ อันเป็นวัฒนธรรมไทยในส่วนของ Foyer โดดเด่นด้วยผลงานชิ้นเอกสองชิ้นจากศิลปินชาวไทยชื่อดัง สนั่น รัตนะ และ เริงศักดิ์ บุณยวาณิชย์กุล ตรงกลางมีโต๊ะประดับด้วยบทกวีไทยและฝรั่งเศส 40 บท สร้างสรรค์การผสมผสานที่น่าประทับใจระหว่างภาพและวรรณกรรม ส่วน Atelier จัดแสดงภาพวาดที่มีชีวิตชีวาอีกสี่ภาพ แต่ละภาพสะท้อนถึงแก่นแท้ของวิถีชีวิต มรดก และประวัติศาสตร์ไทยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น อะคริลิก น้ำมัน และสีน้ำ นำเสนอในบรรยากาศสตูดิโอที่เป็นกันเอง จากนั้น Celestial paths จะนำผู้ชมไปตามทางเดินที่กระตุ้นประสาทสัมผัส ผ่านภาพวาดอันน่าหลงใหลหกภาพ ซึ่งเปรียบเสมือนหน้าต่างสู่การตีความส่วนบุคคล ประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ครอบคลุมสองชั้นและโถงลิฟต์ของโรงแรม เพื่อเป็นรางวัลแก่แขกผู้เข้าพักที่เสร็จสิ้นการเดินทางแห่งการค้นพบ จะมีผลงานลับซึ่งเป็นผลงานที่เขียนด้วยลายมือของกวีที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งของไทยรออยู่ ณ จุดสิ้นสุดของนิทรรศการผลงานของศิลปิน ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์การเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 60 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิทรรศการ “ประกายเพชร สะท้อนใจ” ถือเป็นกิจกรรมล่าสุดในการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของโซฟิเทล ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดหรู ผสมผสานกับ joie de vivre และการบริการที่จริงใจ ตลอดปีนี้ ทางแบรนด์ได้มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขัน เพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับแขก และผสมผสานความมีชีวิตชีวาแบบฝรั่งเศสของโซฟิเทลเข้ากับจิตวิญญาณที่แท้จริงของแต่ละท้องถิ่น การเฉลิมฉลองอันอบอุ่นเหล่านี้จะยังคงแพร่กระจายไปทั่วอินโดจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้า ขณะที่โซฟิเทลเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมด้านอาหารสองรายการในฮานอย เมืองหลวงอันมีเสน่ห์ของเวียดนาม และนครวัด สถานที่สำคัญของกัมพูชาแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000103575

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“เขาสายรุ้งตานเสีย” ธรณีวิทยาสุดตระการตาแห่งมณฑลกานซู่

29/10/2024

ราว 150 ล้านปีที่แล้วในยุคครีเทเชียส ชุดหินสีแดงที่ก่อตัวขึ้นในเหตุการณ์กำเนิดเทือกเขาหิมาลัยนั้น ได้ค่อยๆ กลายเป็นหินทรายสีแดงขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตา จากการยกตัวขึ้นของเปลือกโลกและการถูกกัดเซาะด้วยสายลมและสายน้ำ จนก่อเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาภาพ: สำนักข่าวซินหัวปัจจุบัน จึงกลายเป็นทิวทัศน์ความงดงามทางของพื้นที่ “ตานเสีย” หรือ “เขาสายรุ้งตานเสีย” แหล่งธรณีวิทยาสุดตระการตาในตำบลซู่ผิง นครหลานโจว มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยลักษณะภูมิประเทศแบบภูมิลักษณ์ตานเสียสีสันสดสวยและรูปร่างแปลกตาเช่นนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนเยี่ยมชมและเก็บภาพฉากธรรมชาติอันงดงามภาพ: สำนักข่าวซินหัวความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของขุนเขาสลับซ้อนเป็นชั้นๆ ชวนให้ทั้งหลงใหลและประหลาดใจ โดยในภูเขายังมีแอ่งน้ำธรรมชาติน้อยใหญ่ซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ราวกับกระจกใสสะท้อนเงาของเขาสีรุ้งแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000103337

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ คว้ารางวัล Insurance Asia Awards 2024 ตอกย้ำความโดดเด่นด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการให้บริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ

28/10/2024

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับรางวัล Insurance Asia Awards 2024 ในสาขา International Life Insurer of the Year - Thailand จากนิตยสาร Insurance Asia ซึ่งได้คัดเลือกบริษัทประกันชีวิตจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงาน ทั้งในด้านการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ รางวัล Insurance Asia Award 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการให้บริการและความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

10 กฎแรงดึงดูดสร้างแม่เหล็กดึงเงินเข้าหาตัวเองมากขึ้น

25/10/2024

“เงิน” ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และทุกคนอยากมีสิ่งนี้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุดแต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิ่งนี้เหมือนกันหมด บางคนต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา และบางคนยังติดอยู่กับความเชื่อลบ ๆ หมดไอเดียกับการดึงดูดเงินเข้ามาหาตัวเองอย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังตามหาคำตอบเรื่องนี้อยู่ นี่คือ 10 ขั้นตอนอันทรงพลังที่จะดึงดูดเงินเข้าหาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเริ่มทำตามสิ่งนี้1. หยุดความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับการเงินโปรดจำไว้เสมอว่า “เงินไม่ใช่รากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด แต่การไม่มีเงินเป็นบ่อเกิดของความชั่วร้ายทั้งหมด” และสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดึงดูดเงินของผู้คน คือความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับเงิน ลองคิดดูว่าเมื่อคุณมีมุมมองที่ไม่ดี แล้วสิ่ง ๆ นั้นจะอยู่กับตัวคุณได้ตลอดไปหรือ? แม้จะมีรายได้มากสักเท่าไหร่ สุดท้ายเงินก็หลุดจากตัวคุณไปอยู่ดี2. สร้างความคิดเชิงบวกดึงดูดเงินกฎของแรงดึงดูดคือ “ความคิดจะกลายเป็นสิ่งของ”ดังนั้น พลังในการดึงดูดเงินของคุณขึ้นอยู่กับความเชื่อว่าคุณมีความคิดที่จะหาเงินขึ้นมาได้ และต้องคิดในเชิงบวกอยู่เสมอ เช่น ฉันต้องหาเงินได้, โอกาสหาเงินอยู่รอบตัวฉัน โดยการสร้างทัศนคติเชิงบวกจะเป็นจิตวิทยา สร้างพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้สำเร็จ3. คุณคู่ควรกับการดึงดูดเงินผู้คนส่วนใหญ่มักมีความคิดเสมอว่าเราไม่เหมาะสมกับสิ่งนี้ และมีคนอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่า แม้จะมีความฝันยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็มีความรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับ ทั้งที่ความเป็นจริงคุณมีศักยภาพที่จะทำเรื่องนี้ได้ แต่หากคุณเปลี่ยนความคิดว่าสิ่งนี้คู่ควรกับฉัน ก็จะทำให้เกิดหนทางใหม่ ๆ สร้างแสงสว่างให้กับตนเอง เพราะจักรวาลมีเส้นทางของมัน เมื่อคุณชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการ และรู้สึกว่าสมควรได้รับ กฎแรงดึงดูดจะทำงานเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา4. รักบิลค่าใช้จ่ายคุณเข้าใจถูกต้องแล้ว คุณต้องรักบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นจิตวิทยาซ่อนอยู่ คือคุณจะมีความภูมิใจกับตัวเองที่หาเงินมาจ่ายบิล ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าโทรศัพท์ ได้ทันตามเวลาที่กำหนด โดยแบบไม่ติดค้าง หรือผ่อนจ่ายงวดถัดไปให้คิดเสมอว่า คุณมีความสุข และเคารพตัวเองขณะจ่ายค่าบิลได้ทั้งหมด และคิดกลับกันว่าเงินจะต้องกลับมาหาฉันในวันข้างหน้า5. ยินดีกับโชคลาภของผู้อื่นหลายครั้งเราเห็นการใช้ชีวิตสุดหรู ฟุ่มเฟือย และอุดมสมบูรณ์ของผู้อื่น คุณรู้สึกมีความสุขหรือไม่?หากคุณรู้สึกยินดี นั่นหมายความว่ากฎแรงดึงดูดกำลังทำงาน แต่ผู้คนส่วนมากไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น กลับเป็นความรู้สึกอิจฉา พร้อมทั้งมุ่งเป้ามาหัวเองว่าทำไมถึงทำไม่ได้แบบเขา รู้สึกน้อยใจขึ้นมา โดยการหัดชื่นชมกับความโชคดีของผู้อื่น มองดูเป็นแรงบันดาลใจก็สามารถดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาได้เช่นกัน6. เห็นภาพความสำเร็จของคุณการสร้างภาพชีวิตในอุดมคติ ชัดเจนในเรื่องความสุข ความสำเร็จที่ควรได้รับ หากคิดถึงภาพในฝันของคุณในทุก ๆ วัน จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้เป็นไปตามนั้น รวมถึงเรื่องของการหาเงินที่จะทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น7. มองเห็นโอกาสในทุกที่ที่ไปการตระหนักถึงความรุ่งเรืองคือการตระหนักถึงการสร้างจักรวาลอันยิ่งใหญ่ หากคุณไปที่หนึ่งแล้วเห็นความเจริญรุ่งเรือง เห็นตึก อาคาร โรงแรมที่มีความหรูหราทันสมัย ถนนที่มีความสวยงาม ก็จะกลายเป็นการสร้างความสุข ดึงดูดความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในชีวิต8. ให้มากกว่ารับการให้เป็นประสบการณ์มหัศจรรย์ที่เพิ่มความสั่นสะเทือนกลับมาหาตัวเราเสมอ หลายคนอาจย้อนกลับมาว่า “ตัวเองยังดดูแลไม่ดีพอเลย จะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร”เรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การให้ไม่จำเป็นต้องให้เงินเสมอไป แต่คุณสามารถให้เวลา ให้การสนับสนุนได้ เมื่อคุณให้มากกว่าสิ่งที่คาดหวังในอาชีพ คุณก็จะได้รับมากขึ้นโดยอัตโนมัติ9. อยู่ในโหมดการรับหากมีคนมาให้อะไรคุณ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ, พาไปเลี้ยงข้าว, ช่วยเหลือ ขออย่าปฏิเสธ และชื่นชมกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า เพราะนี่คือสัญญาณว่าคุณมาถูกทางแล้ว สิ่งดี ๆ กำลังเดินเข้ามาหาคุณตามกฎของแรงดึงดูด10. เป็นคนกตัญญูความกตัญญู รู้คุณคนอื่น จะทำให้คน ๆ นั้นประสบความสำเร็จ เป็นแรงดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามา โดยเงินกับความกตัญญูเป็นเรื่องคู่กัน เมื่อขอบคุณกับเงินที่ได้มา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย กฏเรื่องแรงดึงดูดก็จะเริ่มทำงานอย่างทรงพลังที่มา: linkedinแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252143/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

ประกันชีวิต VS ธุรกิจขายตรง

25/10/2024

คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน) Actuarial Business Solutions [ABS]หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า งานหลักของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยอีกอย่างหนึ่ง คือ การคำนวณระบบการจ่ายเงินของตัวแทนจำหน่าย (Agency Compensation Scheme) ว่าต้องจ่ายเป็นทอด ๆ เท่าไร ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะได้มากหรือได้น้อย จะต้องมีการวางงบประมาณเงินให้กับตำแหน่งในระดับไหน และต้องมีการทำการวิเคราะห์ Winner Loser Analysis ว่า ใครที่ขายแบบไหนจะเป็น Winner หรือขายแบบไหนจะกลายเป็น Loser เพื่อดูว่าจะมีสิทธิกระทบกับใครบ้าง และให้ทางฝ่ายที่ดูแลฝ่ายขายได้วางแผนการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและสุดท้าย ต้องไม่ลืมทำ Profit Test ทั้งพอร์ตว่า บริษัทที่จะจ่ายนั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้บริหารได้ตัดสินใจเคาะแผนผลประโยชน์ หลัก ๆ แล้วคือ การเอาสถิติหรือแผนผลประโยชน์มาประเมินเข้าแบบจำลองทางการเงิน และจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ให้กับบริษัทประกันได้ใช้ตัดสินใจว่าแผนผลประโยชน์แบบนี้จูงใจและยั่งยืนกับทุกฝ่ายแค่ไหน คำว่า “ยั่งยืน” จึงเป็นสิ่งสำคัญ และบ่อยครั้งในต่างประเทศก็ให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยคำนวณโครงสร้างของ “ธุรกิจเครือข่าย” แบบ MLM ให้เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็น MLM เพชรพลอย หรือสินค้าอุปโภคบริโภคใด ๆ ก็ตามข้อสังเกตแบบหนึ่งก็คือ ถ้าการออกแบบผลประโยชน์นั้น ทางแม่ข่ายหวังพึ่งพาหรือหวังเม็ดเงินจากการหาลูกทีมใหม่ ๆ เยอะจนเกินไป ก็จะทำให้เป็นธุรกิจที่แค่หวังว่าเกิดมาเพื่อที่จะดับไปเท่านั้นเอง และคนที่เข้ามาเป็นแม่ข่ายที่ชักชวนก่อนก็จะเป็นต้นน้ำที่ได้เปรียบกว่าเสมอ ซึ่งโครงสร้างแบบนี้ธุรกิจประกันจะไม่ทำกัน เพราะธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่ขายกระดาษและความน่าเชื่อถือ มีการกำกับดูแลอย่างดี มีการเน้นเพื่ออธิบายตัวสินค้า และผลประโยชน์จากการหาลูกหน่วยเข้าหน่วยของตัวเอง ต้องไม่ใช่ผลประโยชน์หลักข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งในการวิเคราะห์ว่า ธุรกิจแบบไหนที่ยั่งยืน คือ ต้องดูว่าต้นทุนของสินค้า อยู่ที่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย ยกตัวอย่าง ธุรกิจประกัน ต้นทุนสินค้า ก็คือ ผลประโยชน์ของผู้บริโภค เช่น ค่าเรียกร้องสินไหม ซึ่งเราก็เห็นอยู่ว่า Profit Margin ของธุรกิจประกันนั้นไม่ได้สูง แต่ก็สามารถอยู่รอดได้การออกแบบโครงสร้างผลประโยชน์ของตัวแทน จึงเรียกว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ทำให้โมเดลทางธุรกิจอยู่รอด เพราะถึงแม้ธุรกิจจะมียอดขายทะลุหลายพันล้าน แต่ถ้าหากไม่วางแผนโครงสร้างผลประโยชน์ให้ดี มันก็สามารถล้มได้เหมือนกัน เพราะตัวรากฐานโครงสร้างผลประโยชน์ที่ออกแบบมานั้น จะเป็นสารตั้งต้นในการชักจูงพฤติกรรมของตัวแทนและเครือข่ายให้เป็นไปตามทิศทางที่โครงสร้างผลประโยชน์นั้นได้ถูกออกแบบไว้แต่แรกดังนั้น กระดุมเม็ดแรกที่ออกแบบโครงสร้างไว้ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัท และต้องจัดสรรเม็ดเงินให้เหมาะสมกับทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียกัน เหมือนที่บริษัทประกันชีวิตต้องทำ Winner Loser Analysis ก่อน แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทจะให้มองไปในแง่บวกเพียงอย่างเดียว ในแง่ความเสี่ยงนั้น ตัวบริษัทก็ต้องวิเคราะห์เผื่อไว้ให้ตัวแทนด้วยในมุมกลับกัน บางธุรกิจ MLM ไปเน้นให้มีต้นทุนจากการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายของธุรกิจ MLM ที่สูง โดยเฉพาะการไปออกแบบให้จ่ายเงินจูงใจมาก ๆ ในการหาลูกข่ายของตัวเอง โดยไม่มุ่งเน้นถึงการขายสินค้า ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเทียบกับต้นทุนสินค้าจริง ราคาขาย 100 บาท อาจจะไปออกแบบเป็นต้นทุนสินค้าอยู่เพียง 20-30 บาท เผื่อแม่ข่ายอีก 40 บาท และลูกข่ายขายได้เพียงแค่ 20 บาท เป็นต้นถ้าถามว่า อาจารย์เคยถูกทาบทามให้ไปคำนวณให้กับธุรกิจเครือข่าย MLM ไหม อันนี้ก็เคยครับ แต่ถ้าแบบไหนที่รู้สึกว่ามันมีโอกาสที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ อาจารย์ก็จะปฏิเสธไป (เพราะคนที่คำนวณออกแบบต้นทุนเครือข่ายให้เขา ก็อาจมีสิทธิถูกพ่วงว่าเป็นคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง) คงต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนไปรับงานใครบทสรุปธุรกิจขายตรงที่ไม่ยั่งยืน และลูกข่ายระดับล่างเดือดร้อน คือ ธุรกิจที่เน้นจ่ายเงินให้แม่ข่าย กับพึ่งพารายได้จากการเน้นหาลูกข่ายจนเกินไป วิธีการสังเกต คือ จะเป็นธุรกิจที่เน้นโชว์ความร่ำรวย เพื่อชักชวนให้คนเข้ามาเป็นลูกข่ายเยอะ ๆ และต้องเสียค่าแรกเข้า โดยแฝงอยู่ในรูปแบบของการให้สต๊อกของแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1677063

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“Untold Traces” นิทรรศการภาพพิมพ์ชุดหายาก โดย กิติก้อง ติลกวัฒโนทัย และ ชิน โคยามะ

25/10/2024

ดิ อาร์ตเฮาส์ นำเสนอนิทรรศการ “Untold Traces” โดยศิลปินภาพพิมพ์ 2 ท่าน ที่เป็นเพื่อนกันมาเป็นระยะเวลานาน คือ กิติก้อง ติลกวัฒโนทัย และ ชิน โคยามะ ผลงานแสดงออกถึงอัตลักษณ์ ความทรงจำ และประวัติศาสตร์  ภาพพิมพ์ชุดหายากที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ แม้จะแตกต่างกันทางด้านเนื้อหา แต่หากพินิจพิเคราะห์จะรับรู้ถึงความเหมือน นั่นคือการบันทึกร่องรอยต่าง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งร่องรอยในอดีตเป็นหัวใจสำคัญต่อการแปลความหมาย และความเข้าใจเรื่องราวถึงแม้ร่องรอยเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เคยมีอยู่และมักถูกมองข้าม แต่ร่องรอยนั้นแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของตัวบุคคล  กิติก้องมีความสนใจในการเสาะหาตัวตน ส่วนชินบันทึกภาพประวัติศาสตร์ผสมผสานกับวัฒนธรรมร่วมสมัย  นิทรรศการชุดนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายด้านการค้นคว้า การทดลองสร้างสรรค์ และบอกเล่าเรื่องราวในแบบฉบับของตนชิน โคยามะ นำเอาศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงอัตลักษณ์ร่วมสมัยของญี่ปุ่น  เขาจัดเรียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ห่อหุ้มตัวละครต่างๆ  ผลงานของเขามีความตื่นเต้นและความสนุกสนาน ซึ่งนำเสนอบทบาทของศิลปินในฐานะนักสำรวจประวัติศาสตร์ผ่านบริบทศิลปะสำหรับกิติก้อง ติลกวัฒโนทัย ผลงานพิมพ์นำเสนอสภาวะอารมณ์ความรู้สึกภายใน โดยการสังเกตร่องรอยของตัวตนที่ปรากฏขึ้นในสี และ รูปทรง ที่ผสมผสานระหว่างการพิจารณาตัวเองและการแสวงหาความงาม ความดิบ และความจริงที่ทำให้ตัวตนได้ปรากฏขึ้นนิทรรศการ “Untold Traces”  •  จัดแสดงที่ ดิ อาร์ตเฮาส์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้า ริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก  •  ถ. เจริญกรุง ซอย 24 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ  •  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2567  •  เวลาทำการ อังคาร ถึง อาทิตย์ เวลา 10.00 น. – 19.00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1449623/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ส่องเคล็ดลับ Solo Travel ออกเที่ยวคนเดียวแบบมือโปร

25/10/2024

ปัจจุบัน เทรนด์ในการเดินทางเที่ยวคนเดียว หรือ Solo Travel นั้น นับว่ากำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว เป็นการตัดสินใจเก็บกระเป๋าแล้วออกเที่ยวโดยไม่ง้อเพื่อน ไม่รอแฟน ไม่สนทัวร์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว การที่คนเราจะตัดสินใจออกไปท่องเที่ยวคนเดียวโดยไม่กลัวความเหงาและการต้องเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำพังนั้น เป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงมาก จนทำให้ใครหลายคนเริ่มใฝ่ฝันว่าอยากจะลองหนีไปเที่ยวคนเดียวดูสักครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ อย่างอิสระ และหลุดออกมาจากกรอบเดิมที่เคยล้อมรอบตัวเองไว้จริง ๆ แล้ว การเที่ยวคนเดียวฉายเดี่ยวทริปเนี่ยมันมีข้อดีอยู่หลายข้อเหมือนกัน อีกทั้งยังมีเสน่ห์ที่น่าลองออกไปค้นหา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่เราก็ควรจะลองไปเที่ยวคนเดียวให้ได้สักครั้งในชีวิต ไปให้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ถ้าไม่ชอบจะได้พูดได้เต็มปากว่าไม่ชอบที่ตรงไหน แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับคนที่ลองเปิดประสบการณ์ชีวิตเที่ยวคนเดียว ส่วนใหญ่เจอแต่คนที่หลงใหลการเที่ยวคนเดียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแล้วการเที่ยวคนเดียวเนี่ย มีเคล็ดลับอะไรที่น่าสนใจบ้างไหม บอกเลยว่ามันมีรายละเอียดจุกจิกมากมายไปหมด แต่ถ้าอยากจะลองฉายเดี่ยวแบบมือโปรล่ะก็ มีเคล็ดลับที่ต้องให้ความสำคัญเพียง 5 ข้อนี้เท่านั้น ส่วนรายละเอียดมันจะตามมาเอง หากเข้าใจ 5 ข้อนี้ดีแล้วเคล็ดลับ Solo Travel ออกเที่ยวคนเดียวแบบมือโปรความปลอดภัยต้องมาเป็นที่ 1เหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนยังไม่กล้าเสี่ยงที่วางแผนเดินทางคนเดียว ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของความปลอดภัย แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางเที่ยวคนเดียวฉายเดี่ยวทริปนี้มันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นถ้าเราทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เดี๋ยวจะเข้าใจผิดจนไม่กล้าเปิดใจเที่ยวคนเดียว คือถ้าเราสนใจกับคำเตือนทุกอย่าง หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปให้รอบคอบรอบด้าน ดูว่ามีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยแค่ไหน เช็กความปลอดภัยของโรงแรมที่พัก ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า เตรียมข้อมูลย่านที่ต้องหลีกเลี่ยง ส่วนสายดื่มชอบท่องราตรีในต่างแดน จะดื่มจนเมามายไม่ได้สติเด็ดขาด เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมสติให้พร้อม แค่นี้ก็ออกไปเที่ยวคนเดียวได้สบาย ๆ แล้วทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเรื่องของการเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องสถานที่ที่จะไปและวิธีการเตรียมตัวเมื่อต้องเดินทางคนเดียว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมเรื่องความปลอดภัย ก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ใดในโลกก็ตาม ควรทำการบ้านอย่างละเอียด ศึกษาหาข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ ก่อน โดยเฉพาะเรื่องศิลปวัฒนธรรม บรรทัดฐานของสังคม ภาษา อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ สถานที่ไหนที่ไม่ควรจะไป เพราะมันอันตราย สถานที่ที่เราจะขอความช่วยเหลือได้ในกรณีที่เกิดเรื่องร้ายแรง เช่น ถ้าไปต่างประเทศ ก็ต้องรู้ว่าสถานทูตไทยประจำต่างประเทศนั้น ๆ อยู่ที่ไหน เบอร์ติดต่อเบอร์อะไร สำหรับผู้หญิงที่ชอบเดินทางเที่ยวคนเดียว อย่าลืมหาข้อมูลในการรับมือกับปัญหาล่วงละเมิดทางเพศที่อาจจะเกิดกับตัวไว้ด้วยเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้จะบอกว่ามีบางคนนะที่กังวลมากเกินเหตุ จนในที่สุดก็ตัดสินใจเทตัวเองยกเลิกไม่ไปแล้ว ทั้งที่จ่ายสารพัดค่าใช้จ่ายไปหมดแล้ว จริง ๆ ก็เสียดายแหละ แต่บางคนประหม่าหนักถึงขั้นนั้นจริง ๆ คือถ้ากลัวมากขนาดนั้นที่เททริปตัวเองกลางคันได้ แล้วเมื่อไรจะได้รู้ล่ะว่าการเที่ยวคนเดียวมันมีข้อดี มีมุมที่สนุกมาก และที่สำคัญคือมันไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัวขนาดนั้นด้วย ของแบบนี้มันต้องใจกล้า ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดไปเลยว่าจะไม่หันหลังกลับ เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ว่า “ฉันทำได้” มันก็เหมือนกับการทดลองทำอะไรใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกนั่นแหละ ต้องลองทำก่อนถึงจะรู้ จะมาใช้ประสบการณ์คนอื่นตัดสินเพราะอ่านรีวิวมา หรือมโนไปเองว่าจะเกิดนั่นเกิดนี่ขึ้นไม่ได้หรอกมีแผนรับมือเรื่องฉุกเฉินเดินทางคนเดียว ต้องใส่ใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากเป็นพิเศษ ต่อให้จะไม่มีทางรู้ได้แน่ชัดก็ตามว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะเที่ยวบินล่าช้า หรือแย่กว่านั้นคืออาจไปบาดเจ็บเลือดตกยางออกในต่างแดนเข้า ดังนั้น ก่อนที่จะหนีไปเที่ยวคนเดียว ต้องวางแผนเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินไว้ด้วย เขียนแผนการเดินทางฉบับสมบูรณ์ให้เพื่อนหรือคนที่ไว้ใจได้รู้สัก 2-3 คน ซื้อประกันการเดินทาง เพื่อรับความคุ้มครองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระหว่างเดินทางหรือเมื่อเปลี่ยนแผนเดินทาง อัปเดตข้อมูลล่าสุดให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงรู้เสมอว่าไปอยู่ส่วนไหนของโลก และควรมีเงินสดติดตัว เก็บในที่ปลอดภัยไว้ใช้ยามฉุกเฉินการรับมือกับความรู้สึกที่ไม่มั่นคงแน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยแต่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูง ในการจะปรับตัวให้รับมือกับความอ้างว้างหรือโดดเดี่ยวเวลาที่เดินทางตัวคนเดียว เมื่อก่อนสนุกสนานเฮฮาหรือเศร้าเสียใจเกี่ยวกับทริปที่กำลังดำเนินอยู่ แค่หันหลังไปก็มีเพื่อนให้บ่น ให้ปรึกษาด้วย คอยให้กำลังใจกันและกัน ทว่าการเดินทางคนเดียว เวลามีเรื่องตลกขบขันก็ทำได้แค่หัวเราะอยู่คนเดียว ไม่รู้จะหันไปยิ้มไปหัวเราะกับใคร เวลามีเรื่องที่หน่วงใจ ก็ทำได้แค่หลบอยู่ห้องพัก ฮีลใจตัวเองเงียบ ๆ ไม่รู้จะบ่นให้ใครฟัง นี่คงเป็นข้อด้อยที่ชัดเจนที่สุดแล้วของการเที่ยวคนเดียว การที่เราหันหลังไปก็ไม่เจอใครให้แชร์ความรู้สึกร่วมกันเลยคงจะสร้างความรู้สึกที่ไม่มั่นคงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องจัดการมันให้ได้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1434177/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การดำเนินชีวิต

สิงคโปร์ ระบบบำนาญดีที่สุดในเอเชีย ได้เกรด B+ ส่วนไทยได้ C คะแนนต่ำรั้งท้าย

24/10/2024

รายงานดัชนีเงินบํานาญทั่วโลกของ Mercer CFA Institute Global เผย “เนเธอร์แลนด์” ได้เกรด A ระบบบำนาญหลังเกษียณดีที่สุดในโลก ขณะที่ในเอเชียพบว่า “สิงคโปร์” มีระบบบำนาญดีที่สุด โดยได้เกรด B+ ส่วนไทยได้ C เกือบแย่สุด!ปัจจุบันภาวะ ‘สังคมสูงวัย’ กำลังขยายวงกว้างไปทั่วโลก เด็กเกิดใหม่น้อยลง คนวัยแรงงานลดลง ส่วนคนแก่ก็อายุยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่น่ากังวลคือหลายประเทศกลับยังไม่มีมาตรการเตรียมรับมือปัญหาขาดแคลนแรงงาน และดูแลประชากรวัยเกษียณ ระบบบำนาญหลังเกษียณยังคงล้าสมัย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่เร่งปรับปรุงระบบเกษียณใหม่ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปล่าสุด.. มีรายงานจัดอันดับระบบบำนาญหลังเกษียณที่ดีที่สุดในโลก ประจำปีครั้งที่ 16 ซึ่งพิจารณาจากค่าดัชนีเงินบํานาญทั่วโลกของ Mercer CFA Institute Global Pension Index 2024 พบว่า “เนเธอร์แลนด์” ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นประเทศที่ระบบเกษียณดีที่สุดในโลก ประเมินผลได้เกรด A มีค่าดัชนีโดยรวม 84.8 คะแนน รองลงมา คือ “ไอซ์แลนด์” ประเมินผลได้เกรด A มีค่าดัชนี 83.4 คะแนน และ “เดนมาร์ก” ประเมินผลได้เกรด A มีค่าดัชนี 81.6 คะแนน เป็นอันดับสองและสามตามลำดับกว่าจะได้ผลลัพธ์นี้มา ทีมวิจัยได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้หลังเกษียณอายุจากภาครัฐและภาคเอกชนใน 48 ประเทศ ซึ่งครอบคลุม 65% ของประชากรโลก รวมถึงใช้ข้อมูลที่อัปเดตจาก OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) และข้อมูลจากหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ ด้วยจากนั้นนำมาวิเคราะห์และประเมินตามเกณฑ์พิจารณา 3 ข้อ คือ 1. ความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณ ประชากรมีกำลังใช้จ่ายได้เหมาะสม 2. ความยั่งยืนของระบบเกษียณ สามารถส่งมอบต่อไปในอนาคตได้ 3. ความสมบูรณ์มั่นคงของระบบบำนาญหลังเกษียณที่สามารถเชื่อถือได้ และยังนำมาเทียบกับตัวชี้วัดอื่นๆ อีกมากกว่า 50 รายการ  •  สิงคโปร์ ขึ้นแท่นประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในเอเชีย ส่วนไทยรั้งท้ายตาราง  อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปในรายงานและดูเฉพาะกลุ่มประเทศในแถบเอเชีย พบว่า ประเทศที่มีระบบเกษียณดีที่สุดในเอเชีย คือ สิงคโปร์ ประเมินผลได้เกรด B+ มีค่าดัชนีรวม 78.7 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับ 5 ของโลกบนชาร์ต ขณะที่ประเทศไทยมีระบบบำนาญหลังเกษียณไม่ดี ประเมินผลได้เกรด C มีค่าดัชนีรวม 50.0 คะแนน ได้อันดับ 43 ของโลกรั้งท้ายตาราง สำหรับผลประเมินระบบเกษียณของประเทศในโซนเอเชียทั้งหมด 12 ประเทศ มีการจัดอันดับ ประเมินเกรด และให้คะแนนค่าดัชนีรวม ดังนี้สิงคโปร์   ได้เกรด B+ คะแนนรวม 78.7  อันดับ 5 ของโลกฮ่องกง    ได้เกรด C+  คะแนนรวม 63.9  อันดับ 25 ของโลกจีน         ได้เกรด C+  คะแนนรวม 56.5  อันดับ 31 ของโลกมาเลเซีย  ได้เกรด C   คะแนนรวม 56.3  อันดับ 32 ของโลกญี่ปุ่น      ได้เกรด C   คะแนนรวม 54.9  อันดับ 36 ของโลกเวียดนาม  ได้เกรด C  คะแนนรวม 54.5  อันดับ 38 ของโลกไต้หวัน     ได้เกรด C  คะแนนรวม 53.7  อันดับ 39 ของโลกเกาหลีใต้  ได้เกรด C  คะแนนรวม 52.2  อันดับ 41 ของโลกอินโดนีเซีย ได้เกรด C คะแนนรวม 50.2  อันดับ 42 ของโลกไทย        ได้เกรด C  คะแนนรวม 50.0  อันดับ 43 ของโลกฟิลิปปินส์  ได้เกรด D  คะแนนรวม 45.8  อันดับ 46 ของโลกอินเดีย     ได้เกรด D  คะแนนรวม 44.0  อันดับ 48 ของโลก  •  รัฐบาลประเทศต่างๆ ควรเร่งแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับผู้เกษียณอายุ ให้มีรายได้เพียงพอแพท ทอมลินสัน (Pat Tomlinson) ประธานและซีอีโอของ Mercer เปิดเผยว่า โลกของเราในปัจจุบันมีอัตราประชากรเกิดใหม่ลดลง ขณะที่ผู้สูงวัยก็มีอายุขัยที่ยืนยาวเพิ่มขึ้น ดังนั้นการจะดูแลประชากรในภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้นั้น “ระบบบำนาญหลังเกษียณ” ที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลประเทศต่างๆ ควรสร้างระบบรายได้หลังเกษียณของภาคเอกชนและภาครัฐให้สอดคล้องกันอย่างแน่นแฟ้น เพิ่มความคุ้มครองให้พนักงาน และสนับสนุนให้แรงงานสูงวัยมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น แม้จะอยู่ในวัยเกษียณแล้วก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับผู้เกษียณอายุให้มีรายได้เพียงพอต่อการใช้ชีวิต ช่วยให้สมาชิกในระบบบำนาญได้มีรายได้และการเป็นอยู่ที่ดีที่สุดด้าน มาร์กาเร็ต แฟรงคลิน (Margaret Franklin) ประธานและซีอีโอของ CFA Institute กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่แผนการเกษียณอายุที่มีเงินสมทบกำหนดไว้อย่างชัดเจนนั้น นำมาซึ่งความท้าทายด้านการวางแผนการเงินมากมาย ซึ่งผู้เกษียณอายุในอนาคตจะต้องแบกรับภาระนี้เอง รายงานชิ้นนี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญเกี่ยวกับช่องว่างของระบบเกษียณที่ยังไม่เที่าเทียมกันในบางประเทศ และมันส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของคนวัยเกษียณ  •  ผู้สูงอายุควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี ได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างดีมีคุณภาพ  เนื่องจากผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น แนวคิดเรื่องการเกษียณอายุกำลังเปลี่ยนแปลงไป หลายประเทศจึงเริ่มมีการปรับปรุงระบบจัดเก็บเงินเพื่อการเกษียณใหม่ให้มีความยืดหยุ่นมากว่าระบบเดิม คนวัยทำงานกลุ่มสูงวัยใกล้เกษียณจำนวนมากกำลังค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับการเกษียณอายุแบบใหม่ เช่น การกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งอื่นหลังจากเกษียณอายุครั้งแรก “จำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบรายได้หลังเกษียณอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของผู้เกษียณอายุและความคาดหวังของการทำงานต่อไป ต้องใช้หลายๆ ยุทธวิธีในการแก้ปัญหานี้ เพื่อให้ระบบเกษียณอายุมีความมั่นคงมากขึ้น รัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงานผู้ดูแลเงินบำนาญ และนายจ้าง จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าประชากรสูงอายุได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี และสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างดีมีคุณภาพเหมือนกับตอนที่ยังทำงาน” ดร.เดวิด น็อกซ์ (David Knox) หุ้นส่วนอาวุโสของ Mercer อธิบายเมื่อผู้คนยุคนี้มีอายุยืนมากขึ้น และต้องใช้ชีวิตท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง และมีต้นทุนการดูแลสุขภาพตัวเองที่เพิ่มขึ้น ทําให้เกิดแรงกดดันต่องบประมาณของรัฐบาลเพื่อสนับสนุน “โครงการบํานาญวัยเกษียณ” ส่งผลให้ระบบบำนาญในภาพรวมทั่วโลกมีคะแนนลดลงเล็กน้อยในปีนี้ ตามรายงานระบุด้วยว่า ระบบบำนาญในหลายๆ ประเทศอย่างจีน เม็กซิโก อินเดีย และฝรั่งเศส ได้ดําเนินการปฏิรูปเงินบํานาญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1150583

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ไทย - อินโดนีเซีย 24 ศิลปินกับภาพจิตรกรรมสะท้อนวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม

24/10/2024

24 ศิลปินไทย - อินดีนีเซีย ร่วมแสดงผลงานจิตรกรรมในนิทรรศการ “Blending Souls : Indonesia - Thailand Painting Exhibition” สะท้อนวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม เชื่อมโยงสายสัมพันธ์สองประเทศกรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ขอเชิญชมนิทรรศการ “Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibition” จัดแสดงผลงานจิตรกรรมของ 24 ศิลปิน จากประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทยนิทรรศการ “Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibition” เป็นนิทรรศการความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป กรมศิลปากร และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย จัดแสดงผลงาน จิตรกรรม ของศิลปินที่มีชื่อเสียงของทั้งสองประเทศ แสดงถึงมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินนิทรรศการ Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting ExhibitionSolidarity No.1, อะคริลิคบนผ้าใบ ขนาด 100 X 120 เซนติเมตร ของ สมโภชน์ สิงห์ทองAncient Legacy #01, 170 x 125 เซนติเมตร, สื่อผสมบนผ้าใบ โดย Made Torisนิทรรศการในครั้งนี้มี ศิลปินชาวอินโดนีเซีย จำนวน 12 คน อาทิ Heri Dono, Edi Sunaryo, Ni Nyoman Saoi, Ketut Muka Pendet, Erica Hestu Wahyuni, Made Toris นำภาพจิตรกรรมหลากหลายเทคนิคมาร่วมแสดงผลงานกับ ศิลปินไทย จำนวน 12 คน เช่น ภานุพงศ์ คงเย็น, ปานพรรณ ยอดมณี, สมโภชน์ สิงห์ทอง, สุชาติ วงษ์ทอง, สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2560 รวมผลงานที่นำมาจัดแสดงกว่า 40 ชิ้น ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ สร้างความรับรู้และเข้าใจในความหลากหลายผ่านผลงานศิลปะ เชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นพิธีเปิดนิทรรศการมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป โดยได้รับเกียรติจากนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาเป็นประธานในพิธีระห์หมัด บูดีมัน ร่วมชมนิทรรศการฯ กับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์วันเปิดนิทรรศการ Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibitionนายระห์หมัด บูดีมัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าวต้อนรับแขกที่มาร่วมงานและกล่าวถึงแนวคิดในการจัดนิทรรศการดังกล่าวนายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกล่าวเปิดงานพร้อมด้วยนายเจษฎา ชีวะวิชวาลกุล รองอธิบดีกรมศิลปากร ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดนิทรรศการ “Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibition”นิตยา กนกมงคล, สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพง, สถาพร เที่ยงธรรมโดยมีนางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และนางสาวดาริกา ธนะศักดิ์ศิริ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธีเปิด ณ ห้องอเนกประสงค์และอาคารนิทรรศการ 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibition” ได้ระหว่างวันที่ 4 – 30 ตุลาคม 2567 ณ อาคารนิทรรศการ 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้าจิตวิญญาณในมรดกไทย สีอะคริลิค ขนาด 160X160 ซม. โดย สุชาติ วงษ์ทองินิทรรศการ Blending Souls : Indonesia – Thailand Painting Exhibitionเปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท นักเรียน นักศึกษา ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และนักบวชทุกศาสนา เข้าชมฟรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ กรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1149485

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

คลังความรู้อื่นๆ

ช้าง ประติมากรรมสุดแฟนตาซีสะท้อนวัฒนธรรมใน The Art of Chang

06/06/2025

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรีให้แก่ประชาชน ภายใต้โครงการ ‘เอไอเอ แชร์ริ่ง อะไลฟ์ ครั้งที่ 10’

30/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล “บริษัทประกันประกันชีวิตที่มีความยั่งยืนดีเด่น” และ “ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น” ประจำปี 2566 จากงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567

24/10/2024

เอไอเอ ประเทศไทย ได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2567

29/04/2024

เมืองพัทยาเปิดตัวแกลลอรี่ ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ โชว์ผลงานศิลปินดัง

04/02/2025


X