คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ห้องแสดงนิทรรศการ

Stitch ยักษ์ 7 เมตร บุกไอคอนสยาม! Disney Wisher Series ครั้งแรกในไทย

24/06/2025

ไอคอนสยาม ชวนขอพรจากดวงดาวในงาน “Wisher: Where Miracles Happen” พบ Wisher Stitch ยักษ์ 7 เมตร และ Art Toy Disney Wisher Series ครั้งแรกในไทย พร้อมของสะสมลิมิเต็ดมากมายไอคอนสยาม ร่วมกับ URDU แบรนด์สร้างสรรค์งานศิลปะและ Art Toy ชั้นนำจากฮ่องกง ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท บีบีทอยส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้ชื่อแบรนด์ BBKidult ร่วมกันเนรมิตดินแดนมหัศจรรย์แห่งการอธิษฐาน หรือ Wisher: Where Miracles Happen เปิด URDU WISHER Pop-up Store เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พิธีเปิดบริเวณหน้า URDU WISHER Pop-up Storeพิธีเปิดงานจัดขึ้นอย่างคึกคักเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีเหล่าเซเลบริตี้และแฟนดิสนีย์ตัวยงเข้าร่วมงานคับคั่ง พร้อมให้การต้อนรับ Mickey Mouse, Donald Duck และ Stitch จากคอลเลคชั่น URDU Disney Wisher Series อย่างอบอุ่น โดยเฉพาะการปรากฏตัวของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง วิน - เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ที่มาร่วมอธิษฐานกับตัวละครดิสนีย์ที่ชื่นชอบวิน - เมธวิน กับคาแรคเตอร์ Stitch สูง 7 เมตร ท่าประสานมือขอพรงานนี้นับเป็นครั้งแรกที่ URDU และ BBKidult เปิด URDU WISHER Pop-up Store ในประเทศไทย พร้อมยกขบวนคาแรคเตอร์ดิสนีย์ในซีรีส์ Disney Wisher Series ประกอบด้วย Mickey Mouse, Donald Duck และ Stitch ใน ท่าประสานมือขอพร ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกและเป็นคอลเลคชั่นไฮไลต์เอ็กซ์คลูซีฟ รุ่นลิมิเต็ดคาแรคเตอร์ดิสนีย์ท่าประสานมือขอพรร่วมด้วย ของสะสมสุดพิเศษ สินค้าลิขสิทธ์แท้ในคอลเลคชั่นพิเศษกว่าหนึ่งร้อยรายการมาให้แฟนดิสนีย์ได้เลือกซื้อเก็บสะสมไม่ว่าจะเป็น URDU Fukuheya Series แมวกวักและตุ๊กตาดารูมะในเวอร์ชั่น Mickey Mouse, Donald Duck และ Stitch การ์ดสะสมจาก Stitch, ฟิกเกอร์คาแรคเตอร์ยอดฮิต รวมถึง Art Toy รุ่นลิมิเต็ดอีกมากมายคาแรคเตอร์ Stitch ภายใน WISHER Pop-up Storeคาแรคเตอร์ Stitch และ Mickey Mouse ให้ถ่ายรูปคู่ภายใน WISHER Pop-up Storeนอกจากนี้ “Wisher: Where Miracles Happen” ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขอพรจากดวงดาวในโซน Wishing Tree ต้นไม้แห่งคำอธิษฐาน ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อ เวทมนตร์แห่งปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นจริงในวันหนึ่งอีกทั้งยังมีมุมถ่ายภาพให้ได้เก็บภาพความประทับใจกับ Mickey Mouse และ Stitch ขนาดใหญ่ภายใน WISHER Pop-up Store อีกด้วยWisher Stitch สูง 7 เมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่พลาดไม่ได้คือการขอพรกับ Wisher Stitch ขนาดยักษ์สูง 7 เมตร ที่ยืนเด่นเป็นไฮไลต์อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาขณะเดียวกันก็ยังกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษอีกมากมาย อาทิ  •  รับสิทธิ์แลกซื้อกระเป๋าผ้า URDU Disney Wisher SERIES WASHED FABRIC DRAWSTRING BAG – STITCH ในราคา 499 บาท เมื่อซื้อสินค้าใดก็ได้ภายในงาน (สินค้ามีจำนวนจำกัด)  •  รับเพิ่ม Voucher มูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อสินค้าภายในงานครบ 10,000 บาท/ใบเสร็จ  •  กิจกรรมถ่ายรูปกับ Stitch เพียงโพสท่า "Wish Pose" คู่กับ Stitch แล้วแชร์รูปลงโซเชียลมีเดีย พร้อมติดตาม @URDU @BBKidult และใส่แฮชแท็ก #URDUWisher #URDU #BBKidult รับทันที! พวงกุญแจดาวเรืองแสง Wishing Star Glow in the Dark 1 ชิ้น (ของมีจำนวนจำกัดในแต่ละวันจนกว่าของจะหมด)   •  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ณ เคาน์เตอร์ Wisher ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยามอาร์ตทอย Chip 'n Dale ในแบบแมวกวักอาร์ตทอย Stitch ขนาด 7 นิ้วอย่างไรก็ตาม URDU WISHER Pop-up Store ได้ขอบคุณทุกท่านสำหรับการสนับสนุน คอลเลคชั่น URDU Disney Wisher Series –MICKEY MOUSE และ DONALD DUCK ที่เปิดตัวครั้งแรกและ sold out หมดแล้วสำหรับ Soft Opening 3 วันที่ผ่านมา ด้วยกระแสตอบรับที่ล้นหลาม ทีมงานจึง restock สินค้า Disney Wisher Series- MICKEY MOUSE และ DONAL DUCK แบบอีเวนต์เอ็กคลูชีฟ แบบละ 100 ชิ้น เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมกับ Wisher STITCH และ 7 Inch Standing -Stitch (Movie Version) ครั้งแรกในไทยกล่องสุ่ม Donald Duck & Scrooge McDuck ซีรีส์ 4คาแรคเตอร์ดิสนีย์ในรูปแบบแมวกวักการจับมือของไอคอนสยามกับ URDU และ BBKidult ในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวคิด “Global Experiential Destination” ที่ไอคอนสยามยึดมั่นเสมอมา ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์กิจกรรมระดับโลกที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ น่าจดจำ และสามารถเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำบทบาทของไอคอนสยามในฐานะจุดหมายปลายทางด้านประสบการณ์ระดับโลกภายใน URDU WISHER Pop-up Storeร่วมสัมผัสพลังอันงดงามแห่งคำอธิษฐานและการขอพรจากดวงดาวกับเหล่าคาแรคเตอร์ระดับตำนานของดิสนีย์ใน “Wisher: Where Miracles Happen” ดินแดนมหัศจรรย์ที่จะสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการอธิษฐาน ได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยามแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1184347

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

สะพรั่งเต็มทุ่ง "ดอกกระเจียว" ที่อช.ไทรทอง บานแล้ว 70%

24/06/2025

อช.ไทรทอง เผยภาพล่าสุดของทุ่งดอกกระเจียวทุ่งบัวสวรรค์ 1 ที่ตอนนี้บานแล้ว 70% โดยคาดว่าช่วงปลายเดือน มิ.ย. 68เฟซบุ๊กเพจอุทยานแห่งชาติไทรทอง sai thong national park ได้โพสต์ภาพล่าสุดของ “ทุ่งดอกกระเจียว” บริเวณทุ่งบัวสวรรค์ 1 โดยระบุข้อความว่า "คือสวยจึ้งมากค้าาาแตะ 70% แล้ว อุทยานแห่งชาติไทรทอง ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ทุ่งบัวสวรรค์ 1 เข้าฝั่งทางด่านซับมงคลเดินแค่ 300 เมตรเองสำหรับลานกางเต็นท์ผาพ่อเมือง/ผาหำหด เข้าฝั่งที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรทองทั้ง 2 ฝั่งสามารถเดินเชื่อมกันได้ สอบถามเพิ่มเติม 089-2823437"สำหรับอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เป็น 1 ใน 2 แหล่งชมทุ่งดอกกระเจียวเลื่องชื่อของเมืองไทย โดยทุ่งดอกกระเจียว อช.ไทรทอง มี 5 ทุ่งใหญ่ ๆ ให้เดินชมกันท่ามกลางบรรยากาศผืนป่าเขียวขจี กับทุ่งดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพูเข้มที่พากันออกดอกชูช่อเด่นหราตัดกับท้องทุ่งหญ้าสีเขียว ดูงดงามน่าประทับใจแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000059325

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

ย้อนคำแนะนำนักการเงิน วางแผนอย่างไรในวันที่อะไร ๆ ไม่แน่นอน

23/06/2025

ย้อนคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญ วางแผนการเงินอย่างไรในวันที่สถานการณ์โลก ในประเทศ และเงินในกระเป๋าตังไม่แน่นอนผ่านไตรมาสแรกมาไม่ทันไร สถานการณ์โลกและเศรษฐกิจกลับผันผวนและน่าตื่นตระหนกมากกว่าเดิม ทั้งสงครามตะวันออกกลาง สงครามการค้าสหรัฐ และเหตุการณ์บ้านเมือง กลายเป็นว่า คนไทยต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนอย่างหนัก ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อม และสถานะการเงินประชาชาติธุรกิจ หยิบคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ใช้ได้ทั้งในวันที่มั่นคง และไม่แน่นอนเริ่มต้นที่โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมากว่า 20 ปี เคยให้คำแนะนำไว้ว่า ในความจริงคนเราควรมีเงินสดอยู่กับตัวตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะช่วงเศรษฐกิจผันผวน หากเป็นธรรมดาทั่วไปก็ควรมีเงินสำรองรูปแบบเงินสด หรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง 3-6 เดือนสำรองเงินสด ตลอดเวลาเขายกตัวอย่างความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ การที่รายได้หาย “ถ้าวันนี้คุณทำงานอยู่แล้วถูกลดเงินเดือน หรือโดนให้ออกจากงานตอนนี้ หลายคนน่าจะสะเทือนอยู่” เป็นเหตุผลที่ควรพิจารณาความน่ากังวลของสินทรัพย์ในกระเป๋าผ่าน 3 ปัจจัย ดังนี้1. สถานการณ์ที่ทำงาน หากบริษัทที่ทำงานอยู่ประกอบธุรกิจในประเทศ ผลกระทบจากภาษีทรัมป์ก็อาจน้อยกว่า แสดงว่า รายได้ยังมีความมั่นใจ และสบายใจได้ระดับหนึ่ง2. รายรับ-จ่ายจ่าย กลับมาดูที่รายรับรายจ่ายของตัวเองว่า มีเงินเหลือทุกเดือนพอที่จะเก็บออม หรือเอาไปลงทุนได้แบบไร้กังวล หรือมีเงินเพียงพอต่อการจ่ายภาระต่าง ๆ โดยไม่เดือดร้อน ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลดความกังวลได้ แต่หากเงินเหลือปริ่มน้ำตลอดทุกเดือน อาจจะต้องมองหาการปรับเงื่อนไขการผ่อนให้เบาลง หรือหารายได้ช่องทางอื่นเพิ่มมากขึ้น3. เงินสำรอง 3-6 เดือน หากมีครบประกอบกับการงานมั่นคงดี มีรายรับ-จ่ายที่ควบคุมได้ เราถึงจะสามารถมองหาช่องทางการลงทุนจากเงินส่วนที่เหลืออยู่ได้วางแผนการเงินรับมือทุกสถานการณ์ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ประกอบการเริ่มต้นของสงครามการค้าที่เพิ่งเริ่มต้นนายวิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ออกมาแนะนำให้คนไทยวางแผนการเงินเพื่อรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้มากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่เพราะว่าเพิ่งมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่เท่านั้นหากพิจารณาในช่วงเกือบ 5-6 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการสำรองเงินเผื่อฉุกเฉิน ซึ่งคำแนะนำของสมาคม คือ ตามหลักการแล้ว หากเป็นมนุษย์เงินเดือนควรมีการสำรองเงินเผื่อกรณีฉุกเฉินเป็นจำนวนเงิน 6 เดือนของเงินเดือน แต่หากเป็นกลุ่มฟรีแลนซ์ ก็ต้องสำรองเงินจำนวน 12 เดือน ของค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติการสำรองเงินฉุกเฉินก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นประกอบกับข้อมูลจาก Make By Bank ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินจึงแนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน หรือให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายไปอีก 3-6 เดือนยกตัวอย่าง หากมีรายได้อยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,000 บาทต่อเดือน ก็ควรที่จะมีเงินเก็บอยู่ที่ 36,000-72,000 บาทนอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นกลุ่มอาชีพได้ดังนี้1. กลุ่มอาชีพพนักงานเอกชน พนักงานเอกชนส่วนใหญ่มีรายได้ประจำที่แน่นอน แต่อาจมีความเสี่ยงที่จะตกงานได้หากบริษัทประสบปัญหา หรือเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้น เงินสำรองฉุกเฉินจึงควรมีอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน2. กลุ่มอาชีพข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีรายได้ประจำที่มั่นคงและมีโอกาสตกงานน้อย ดังนั้น เงินสำรองฉุกเฉินจึงอาจไม่ต้องมีมากเท่ากับกลุ่มอาชีพพนักงานเอกชน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินแนะนำว่า อาจเก็บเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 2-4 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน3. กลุ่มอาชีพอิสระ เป็นอาชีพที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่แน่นอน เมื่อเทียบกับกลุ่มพนักงานประจำหรือข้าราชการ ดังนั้น จึงมีโอกาสตกงานหรือมีรายได้ลดลงได้สูง เงินสำรองฉุกเฉินจึงควรมีอย่างน้อย 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนอย่างไรก็ตาม เงินสำรองฉุกเฉินจะสามารถมีน้อยกว่าหรือมากกว่าที่ตั้งเกณฑ์ไว้ได้ แต่ข้อจำกัดของการมีเงินสำรองฉุกเฉินมากหรือน้อยเกินไปก็อาจส่งผลเสีย เช่น หากมีมากเกินไปอาจเสียโอกาสในการหาผลตอบแทนจากการลงทุน หรือน้อยเกินไปก็อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังนั้น การกำหนดเงินสำรองฉุกเฉินจึงควรพิจารณาตามเงื่อนไขในชีวิตและปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เช่น ความมั่นคงทางรายได้ ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และสินทรัพย์อื่นที่มีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1831416

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสังคม

หมอหมี เล่าเคสคนไข้ สิทธิประกันสังคม อาการอ่อนแรง ปวดร้าวลงแขน-ขา แต่ต้องรอทำ MRI 2 ปี

23/06/2025

หมอหมี เล่าเคสคนไข้ สิทธิประกันสังคม มีอาการอ่อนแรง ปวดร้าวลงแขนลงขา แต่ต้องรอทำ MRI 2 ปี วอนดูแลสุขภาพลูกจ้าง ที่ต้องโดนหักเงินจ่ายสมทบทุกเดือนดร.นพ.จตุพล คงถาวรสกุล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โพสต์คลิปผ่านทางติ๊กต็อก doctormhormhee ด็อกเตอร์หมอหมี โดยเขียนข้อความระบุว่า ฝากดูแลลูกจ้าง ถึง “สำนักงานประกันสังคม” คนไข้อ่อนแรง!!! รอทำ MRI 2 ปี คืออะไร?โดยในคลิป หมอหมี เล่าเรื่องราวคนไข้ใชสิทธิประกันสังคมในการรักษา ความว่า คนไข้ผมเป็นคนไข้ประกันสังคม จ่ายเงินประกันสังคมทุกเดือน คนไข้มีอาการอ่อนแรง ปวดร้าวลงแขนลงขา ไปโรงพยาบาลเขาบอกให้รอทำ MRI 2 ปี ตอนนี้อ่อนแรงแล้ว อีก 2 ปี คงเดินไม่ได้ก่อนมั้ง คืออันนี้ต้องทำยังไงดีขอร้องวิงวอนกับสำนักงานประกันสังคม ดูแลสุขภาพลูกจ้าง เรียกว่าลูกจ้างเพราะว่าตามกฎหมาย คนที่เป็นลูกจ้างต้องโดนหักเงินจ่ายสมทบสำนักงานประกันสังคม แต่พอเราป่วย รอ 2 ปี บอกให้เดือนธันวาคมไปเอาใบแล้วอีก 2 ปีค่อยไปทำ MRI ถามว่าขนาดทำ MRI รอ 2 ปี สมมติถ้าต้องผ่าตัดจะต้องรอกี่ปีเพราะฉะนั้นฝากถึงสำนักงานประกันสังคม การทำ MRI ที่มีความจำเป็น อาจจะต้องช่วยให้เขาได้ทำเร็วขึ้นหน่อย แล้วก็ฝากโรงพยาบาลดูแลคนไข้ประกันสังคมเปรียบเสมือนญาติ อย่างที่เราได้เขียนไว้ในสโลแกนโรงพยาบาลทั้งนี้คลิปดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับแชร์ประสบการณ์การรับบริการทางการแพทย์ของตน อาทิเช่น  •  เบื่อจริงสิทธิประกันสังคมเมื่อไรจะพัฒนาเหมือนตอนหักเงินเราอย่างไว  •  ปวดหลังร้าวลงขาไม่แม้แต่X-rayให้ค่ะ ไปมาต้องหลายรอบ บทสุดท้ายไม่หายไปเสียเงินจ่ายเอง แต่จ่ายประกันสังคมทุกเดือน เขาทำกับเราเป็นคนประเภท2 ประเภท3ไปเลย  •  ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลค่ะ บางทีคิวนานมาก ต้องจ่ายเงินทำ MRI เอง แล้วเอาผลมาให้ทางโรงพยาบาลเพื่อวิเคราะห์และรักษาต่อแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับข่าวสดออนไลน์https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9816539

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“Lost in DOMLAND” ท่องดินแดนลับ “อุดม แต้พานิช” ชีวิตที่ขาดการเล่น คือชีวิตที่ขาดรสอูมามิ

23/06/2025

คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก “อุดม แต้พานิช” ในฐานะนักแสดงเดี่ยวไมโครโฟนอันดับต้นของประเทศ ที่ใช้คำพูดสร้างเสียงหัวเราะผ่านทัศนคติส่วนตัวมานานหลาย ทศวรรษ  แต่เบื้องหลังม่านนั้นยังมีอีกด้านที่เงียบกว่า, ลึกกว่า และจริงจังยิ่งกว่า “เทรนดี้ แกลเลอรี่” พาไปเปิดจักรวาล “Lost in DOMLAND” นิทรรศการที่จะพาก้าวเข้าสู่ดินแดนลับๆของ “น้าดม” ซึ่งความอึกทึกของวัยเด็กและความเงียบงันของใจผู้ใหญ่ ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเมียดละไม ผ่านสีสัน, พื้นผิว และจินตนาการนิทรรศการ “Lost in DOM LAND” คือประตูบานเล็กๆที่อนุญาตให้เข้าไปสู่โลกภายในของ “อุดม  แต้พานิช” งานศิลปะนับ 1,000 ชิ้น ที่ปรากฏในนิทรรศการนี้ มิได้ถูกสร้างเพื่ออธิบายอะไร แต่ทำขึ้นเพื่อเข้าไปอยู่กับความ รู้สึกที่บางครั้งก็ไม่มีคำอธิบายใดจำแนกได้ เขาแค่ทำงานศิลปะสม่ำเสมอ ต่อเนื่องยืนระยะมากว่า 30 ปี ทำในวันปกติธรรมดาที่ไม่มีใครดู ไม่มีใครเห็น ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีเวที ไม่มีสปอตไลต์ ไม่มีบทพูด เหมือนคนเขียนบันทึกประจำวัน โดยไม่หวังให้ใครมาอ่าน  แต่เขาก็ยังเขียน มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้รู้ว่ายังรู้สึกการทำงานศิลปะเหล่านี้ไม่ใช่การสร้างผลงาน มันคือการหายใจอีกแบบ เป็นการเยียวยา ในวันที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถแชร์เรื่องราวในส่วนลึกของจิตใจ เป็นการเล่นในวันที่โลกจริงอาจจะหนักเกินไป นี่ไม่ใช่การหลบหนี เดินทางออกไปข้างนอก แต่เป็นการเดินทางเข้าไปในความคิดคำนึง ความทรงจำ หรือความเวิ้งว้างของตัวเอง บางวันมันคือสมุดบันทึก บางวันมันคือสนามเด็กเล่น  และหลายวันมันเป็นถ้ำหลบภัยเล็กๆ ที่เขาไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความสนใจ ไม่จำเป็นต้องตลก ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรการเดินทางในจักรวาล “Lost in DOMLAND” เริ่มต้นจาก “น้าดม” ประติมากรรมสูง 6 เมตร ที่ยืนต้อนรับอยู่กลางห้อง รายล้อมด้วยลูกโป่งนับร้อย ชวนให้นึกถึงวัยเด็ก ที่ทั้งคึกคักและอ่อนโยน จากนั้นเข้าสู่ห้องสเกตช์ที่เต็มไปด้วยภาพร่างนับพันแผ่น กระจายจากพื้นจรดเพดาน เหมือนเดินเข้าไปในหัวของศิลปิน เห็นกระบวน การคิด จินตนาการ และเสียงเล็กๆก่อนจะก้าวสู่ห้องผลงานที่เสมือนห้องแห่งกาลเวลา เรียงร้อยผลงานตลอด 3 ทศวรรษของ “อุดม แต้พานิช” เมื่อความรู้สึกถูกแปรเป็นรูปทรง จึงก่อเกิดเป็น “สัตว์ประหลาดบนสายพาน” ประติมากรรมเหล็กที่เคลื่อนตัวช้าๆออกจากอุโมงค์ราวกับมาจากอีกมิติ เลื่อนผ่านหน้าผู้ชมอย่างเงียบงัน อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ ห้องประติมากรรมไฟเบอร์ขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาหน้าตาประหลาดพิกลพิการจำนวนมหาศาล จากเวทีเดี่ยว 13 ครั้งนี้ไม่ได้แอบอยู่ฉากหลัง แต่มาโผล่ให้เราสบตา ทบทวน และค้นพบว่าในความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา ก็คือเงาสะท้อนของเราเองเชื่อมต่อกันคือห้องที่เปรียบเสมือน “มอนสเตอร์โชว์” นำเสนอผลงานด้วยแท่นหมุนคล้ายในงานมอเตอร์โชว์ เป็นการโชว์นวัตกรรมทางความรู้สึก รอบข้างคือ “ไม้ปิงปอง” ที่เปิดให้ผู้ชมโต้ตอบกับงานศิลปะได้อย่างสนุก ถัดไปเป็น ห้อง Kaleidoscope ซึ่ง “Dom Dog” ตัวแทนความรู้สึกของการเป็นอันเดอร์ด็อก ถูกตีความใหม่ในโลกของแสงสะท้อนและภาพซ้อนซ้ำ เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ราวกับจะถามว่าเราจะยืนอยู่อย่างไรในโลกยุคใหม่นี้ พลาดไม่ได้คือ “เทพทำใจ” ประติมากรรมหัวกล้วยสูง 3 เมตรอันโด่งดัง ที่ไม่ได้มีไว้ขอพร แต่เตือนสติว่าชีวิตเป็นของเรา จะเลือกให้มันซับซ้อน หรือปล่อยให้มันง่าย? ยังมีสารคดีบทสนทนา 20 นาที ระหว่าง “อุดม” กับ “นิ้วกลม-สราวุธ  เฮ้งสวัสดิ์” ที่จะเปิดมุมมองใหม่ให้เข้าใจอุดมลึกซึ้งกว่าเคย แถมท้ายด้วย “ห้องพรมสีชมพูละมุน” และห้องจัดแสดงภาพวาดขนาด 4×9 เมตร ที่ศิลปินตั้งใจกระโดดลงไปเล่นบนผืนผ้าใบขนาดยักษ์ปลุกความเป็นเด็กให้คึกคักอีกครั้ง กับนิทรรศการ “Lost in DOMLAND” ณ The Pinnacle Hall ชั้น 8 ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 ส.ค.2568 ซื้อบัตรเข้าชมที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือ www.allticket.com/event/lostindomlandแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรับออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/2865647

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“ศาลเจ้าเนซุ” โตเกียว สัมผัสความงดงามแห่งธรรมชาติและประวัติศาสตร์

23/06/2025

หากใครกำลังมองหาสถานที่ที่ผสมผสานความสงบเงียบ ความงามทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติอันร่มรื่นใจกลางกรุงโตเกียว ศาลเจ้าเนซุ (Nezu Shrine) คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยอายุเก่าแก่กว่า 1,900 ปี ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อุโมงค์เสาโทริอิสีแดงสด และบรรยากาศที่เงียบสงบซึ่งหาได้ยากในมหานครอันวุ่นวาย“ศาลเจ้าเนซุ” ตั้งอยู่ใจกลางเขตบุงเกียวของโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นหลักฐานแห่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและความงามตามธรรมชาติของญี่ปุ่นศาลเจ้าชินโตแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,900 ปีเป็นสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบสำหรับผู้มาเยือนจากชีวิตในเมืองที่พลุกพล่าน ศาลเจ้าเนซุมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สวนอะซาเลียที่สดใส และประตูโทริอิสีแดงสดมีเสน่ห์เหนือกาลเวลา ศาลเจ้าเนซุเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ผสมผสานความสำคัญทางประวัติศาสตร์เข้ากับสุนทรียศาสตร์ที่น่าทึ่งได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับทั้งผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และผู้ที่รักธรรมชาติเรื่องราวของศาลเจ้าเนซุเต็มไปด้วยตำนานและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตามตำนาน ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 1,900 ปีก่อนโดยนักบวชในตำนาน ยามาโตะ ทาเครุ โนะ มิโกโตะ เดิมทีศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเซ็นดากิ ทางเหนือของที่ตั้งปัจจุบัน และสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับซูซาโนะโนะ มิโกโตะ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและพายุของศาสนาชินโตศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นอย่างมากในช่วงยุคเอโดะ ในปี ค.ศ. 1705 โทกูงาวะ สึนะโยชิ โชกุนลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์โทกูงาวะได้ย้ายศาลเจ้าไปที่เมืองเนซุ การย้ายครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการรับอิเอโนบุเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง การย้ายครั้งนี้ทำให้สถานะของศาลเจ้าสูงขึ้น โดยโทกูงาวะ อิเอโนบุ ได้เลือกศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเทพผู้พิทักษ์ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาลเจ้าเนซุขยายออกไปไกลกว่ายุคโทกูงาวะ เมื่อจักรพรรดิเมจิย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปยังโตเกียวในปี 1868 พระองค์ได้ส่งทูตไปยังศาลเจ้าเนซุเพื่อขอพรจากเทพเจ้า การกระทำนี้ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของศาลเจ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านของญี่ปุ่นสู่ยุคสมัยใหม่นอกจากนี้ศาลเจ้าเนซุสามารถต้านทานภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโตเกียวมาหลายศตวรรษได้อย่างไม่น่าเชื่อ ศาลเจ้าแห่งนี้รอดพ้นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คันโตในปี 1923 และการทิ้งระเบิดเพลิงในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยยังคงรักษาโครงสร้างดั้งเดิมของยุคเอโดะเอาไว้ได้ ความทนทานนี้ทำให้ศาลเจ้าเนซุเป็นหนึ่งในไม่กี่สถานที่ในโตเกียวที่ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของยุคเอโดะที่แท้จริงศาลเจ้าเนซุมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบกงเงนสึคุริ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของการก่อสร้างศาลเจ้าในสมัยเอโดะรูปแบบนี้ซึ่งพบเห็นได้ในศาลเจ้าโทโชกุอันเลื่องชื่อในนิกโก้ เช่นกัน มีลักษณะโดดเด่นที่รายละเอียดที่ประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจงและผสานเข้ากับธรรมชาติโดยรอบได้อย่างกลมกลืนศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับ งานแต่งงานแบบญี่ปุ่นโดยคู่รักจะขอพรให้ชีวิตคู่ของพวกเขาผ่านพิธีกรรมชินโตแบบดั้งเดิม พิธีกรรมเหล่านี้ซึ่งมีพิธีกรรมโบราณและเครื่องแต่งกายสีสันสดใส จะทำให้สัมผัสได้ถึงประเพณีวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนศาลเจ้าเนซุคือ อุโมงค์เสาโทริอิสีแดงสด ที่ทอดยาวเป็นทางเดินไปสู่ศาลเจ้าย่อยด้านบน การเดินผ่านอุโมงค์เสาโทริอิที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบนี้มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและเป็นเอกลักษณ์ ราวกับได้ก้าวเข้าสู่อีกมิติหนึ่งที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และพลังงานที่สงบเงียบ เป็นจุดยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพที่ระลึกที่สวยงามอีกด้วยนอกจากนี้ศาลเจ้าเนซุมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่อง สวนดอกอาซาเลีย ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกอาซาเลียหลากสีสันบานสะพรั่งกว่า 3,000 ต้น สร้างภาพทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด หากคุณมาเยือนโตเกียวในช่วงเวลานี้ การได้มาชมเทศกาลดอกอาซาเลียที่ศาลเจ้าเนซุถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งนอกเหนือจากการเดินชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอุโมงค์เสาโทริอิแล้ว ศาลเจ้าเนซุยังมีกิจกรรมและจุดที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่น การขอพรและเขียนแผ่นป้ายเอมะ (Ema) เช่นเดียวกับศาลเจ้าญี่ปุ่นทั่วไป สามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้เอมะ แล้วนำไปแขวนไว้ในบริเวณที่จัดเตรียมไว้ เชื่อกันว่าคำอธิษฐานของคุณจะถูกส่งไปถึงเทพเจ้าส่วนใครที่ชื่นชอบในเรื่องของเครื่องรางนำโชค (Omamori) ที่ศาลเจ้ามีร้านค้าเล็กๆ ที่จำหน่ายเครื่องรางนำโชคหลากหลายแบบ แต่ละแบบมีความหมายแตกต่างกัน เช่น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง การเรียน การงาน หรือความรัก ลองเลือกซื้อเป็นของที่ระลึกหรือเพื่อความเป็นสิริมงคลแม้ว่าศาลเจ้าเนซุจะเป็นที่รู้จักในเรื่องของความเก่าแก่และเทศกาลดอกอาซาเลียอันงดงาม แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาความสัมพันธ์ที่ดี หรืออยากให้ความรักที่มีอยู่มั่นคงและยืนยาวภายในบริเวณศาลเจ้ามีบ่อน้ำขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ฟสีสันสดใสว่ายวนไปมา เป็นจุดที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและผ่อนคลายหลังจากเดินชมศาลเจ้าจนเหนื่อยแล้ว สามารถแวะพักผ่อนและเติมพลังในย่านเนซุซึ่งมีร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆ ซ่อนตัวอยู่มากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม หรือคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ เหมาะสำหรับการนั่งจิบกาแฟและสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นที่เงียบสงบศาลเจ้าเนซุตั้งอยู่ในย่านบุนเกียวของโตเกียว สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน โดยลงที่สถานี Nezu (สาย Chiyoda), สถานี Todaimae (สาย Namboku) หรือสถานี Sendagi (สาย Chiyoda) จากนั้นเดินต่ออีกไม่กี่นาทีศาลเจ้าเนซุเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเหมือนโอเอซิสแห่งความสงบที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและความงามของญี่ปุ่นโบราณ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ หรือเพียงแค่มองหาสถานที่พักผ่อนจากความวุ่นวายในเมือง ศาลเจ้าแห่งนี้จะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้คุณอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000058895

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

เก็บเงินอย่างไร ให้ชีวิตดูดีแบบติดแกลม

18/06/2025

โดย : ราชันย์ ตันติจินดาเก็บเงินหรือลงทุนเพื่อสะสมเป็นความมั่งคั่ง หรือเพื่อเป้าหมายในอนาคต ใครๆ ก็อยากทำและเชื่อว่าหลายคนเองก็กำลังทำอยู่ แต่ถ้าเก็บแล้วให้ดูดี มีคลาส ด้วยจำนวนเงินที่เก็บเท่าเดิมหรือไม่ต้องเก็บมากจนเกินความสามารถตนเองก็ทำได้ไม่ยาก ด้วย 3 Step เก็บเงินให้ชีวิตดูดีแบบติดแกลม1. ลงทุนแบบ Dollar-Cost AveragingDollar-Cost Averaging หรือเรียกสั้นๆ ว่า DCA คำศัพท์การลงทุนที่คุ้นหูหลายคน พอใครมาถามว่าทุกวันนี้เก็บอย่างไร หรือมีโอกาสได้แชร์หรือพูดคุยกับเพื่อนๆ แค่พูดว่า “ทุกวันนี้ DCA กองทุน xxx ทุกเดือนอยู่” แค่นี้ก็ดูดีในสายตาคนฟังแล้ว ไม่ว่ากองทุน xxx ที่ว่าจะเป็นกองทุนอะไร ใช่กองทุนที่น่าลงทุนหรือไม่ก็ตามการลงทุน DCA กองทุนใดๆ ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ Application ของธนาคารหรือ บลจ. แทบทุกที่ มีฟังก์ชั่นนี้ให้เลือกใช้ เพียงแค่แต่ละที่อาจใช้ชื่อฟังก์ชั่นต่างกัน เช่น DCA, ลงทุนต่อเนื่อง, แผนลงทุนอัตโนมัติ ฯลฯ โดยเป็นการระบุจำนวนเงินและวันที่ ที่จะลงทุนทุกๆ เดือน โดยหักจากบัญชีเงินฝาก หรือบัตรเครดิต (กรณีกองทุนลดหย่อนภาษี)การลงทุนแบบ DCA ถือเป็นการสร้างวินัยการเก็บเงินทุกเดือน เพื่อสะสมไว้เป็นเงินเก็บและความมั่งคั่งในอนาคต ไม่ว่ากองทุนที่ว่าจะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มูลค่าไม่ค่อยผันผวน โอกาสน้อยมากที่จะขาดทุนเกิน 1-6 เดือน อย่างกองทุนตลาดเงิน แต่ผลตอบแทนมักสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป รวมไปถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่าง กองทุนผสม กองทุนหุ้น ฯลฯ ด้วย อีกทั้งหากเป็นกองทุนความเสี่ยงปานกลาง-สูง อย่างกองทุนผสม กองทุนหุ้น ฯลฯ ยังเป็นการเฉลี่ยต้นทุน และช่วยตัดอารมณ์หรือความวิตกกังวลในการลงทุนแต่ละครั้งลง2. ลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีกองทุนลดหย่อนภาษี อย่างกองทุน Thai ESG และกองทุน RMF ผู้ที่ลงทุนควรเป็นคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีเท่านั้น โดยต้องถือและลงทุนระยะยาวตามเงื่อนไข ดังนั้นถ้าบอกใครว่าตนเองมีลงทุนในกองทุน Thai ESG หรือ RMF อยู่ มักจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีรายได้สูง จนต้องมองหาทางเลือกลดหย่อนภาษี และเป็นคนมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อย เพราะสามารถแบ่งเงินไปลงทุนระยะยาวในกองทุน Thai ESG หรือ RMF ได้สำหรับคนที่รายได้และฐานภาษีต่ำ เช่น 5%-10% อาจคิดว่าการลงทุนในกองทุน Thai ESG หรือ RMF ที่ต้องถือหน่วยลงทุน 5 ปี หรือลงทุนต่อเนื่องจนถึงายุ 55 ปี ตามลำดับ ไม่คุ้มกับเงินภาษีที่ได้คืน แต่หากมองว่าเงินส่วนนี้คือการเก็บเงินหรือลงทุน และเงินส่วนนี้ตั้งใจลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว โดยผลตอบแทนขึ้นกับสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนเหมือนกับกองทุนรวมทั่วไป ส่วนเงินคืนภาษีเป็นเพียงผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ดังนั้นแม้ว่าฐานภาษีจะอยู่ที่เพียง 5% หรือเงินเดือนประมาณ 27,000 – 39,000 บาทต่อเดือน ก็สามารถเก็บเงินโดยลงทุนกองทุน Thai ESG หรือ RMF ได้ เพียงแค่ต้องเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขการลงทุนได้ โดยสามารถศึกษาเงื่อนไขการลงทุนได้ที่บทความ “กองทุนลดหย่อนภาษี ตัวไหนดี และวิธีเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่เหมาะกับเรา” ส่วนใครที่กังวลกับความเสี่ยงการลงทุน กองทุน Thai ESG หรือ RMF ก็มีกองทุนตราสารหนี้ให้เลือกลงทุน โดยลักษณะของกองทุนตราสารหนี้ มูลค่ามักมีความผันผวนต่ำ แม้มีบางช่วงที่ขาดทุนบ้าง แต่หากถือได้ 1 -12 เดือน หรือ 1-3 ปีขึ้นไป มูลค่าก็มักกลับมาเท่าทุนหรือกำไรได้ ขึ้นอยู่กับอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่กองทุนนั้นลงทุนอยู่ ซึ่งจากข้อมูล Morningstar Thailand ณ 6 มิ.ย. 68 พบว่าประเทศไทยมี กองทุน Thai ESG ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ (Mid/Long Term Bond) จำนวน 11 กองทุน (จาก Thai ESG ทั้งหมด 53 กองทุน) และกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ (RMFFIX) จำนวนมากถึง 56 กองทุน (จาก RMF ทั้งหมด 377 กองทุน)3. ตั้งเป้าหมายเงินล้านด้วย Wealth PrivilegeWealth Privilege หรือสิทธิประโยชน์สำหรับผู้มีสินทรัพย์สูงกับธนาคาร เช่น มีสิทธิถือบัตรเครดิตที่มีหน้าบัตรต่างจากลูกค้าทั่วไป ฯลฯ ซึ่งมีอยู่หลายระดับ โดย ณ ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่มี Wealth Privilege สำหรับผู้มีสินทรัพย์กับธนาคารนั้น 1 ล้าน หรือ 2 ล้านบาทขึ้นไป โดยสินทรัพย์ที่ว่า ธนาคารส่วนใหญ่มักนับรวมเงินฝากประจำ กองทุน ซึ่งรวมถึงกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง Thai ESG และ RMF ด้วยดังนั้นการตั้งเป้าหมายมีเงินล้านแรก โดยทยอยสะสมเงินลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี หรือกองทุนรวมทั่วไป ในธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นหลัก ก็ช่วยให้นอกจากมีเงินเก็บหลักล้านแล้ว ยังได้ถือบัตร Wealth Privilege ไว้อวดเพื่อน หรือใช้ออกงานสังคมได้ด้วยยกตัวอย่างเช่น การลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีปีละ 300,000 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 25,000 บาท) ที่เป็นกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น เพื่อคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 5%-7%ต่อปี กับธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นหลัก ก็มีโอกาสมีเงินลงทุนจำนวน 2 ล้านบาทได้ ภายในเวลา 6 ปี พร้อมกับได้สิทธิถือบัตร Wealth Privilege ด้วย หรือสำหรับใครที่เก็บเงินหรือลงทุนได้น้อยกว่านี้ ก็ทยอยลงทุนเท่าที่สามารถลงทุนได้ แล้วเมื่อรายได้สูงขึ้นค่อยทยอยเพิ่มการลงทุนภายหลังได้ แม้ไม่ได้ Privilege ในระยะเวลาอันใกล้ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นตั้งเป้าหมายเงินล้านได้ชีวิตติดแกลม วิถีชีวิตในกระแสคนยุคใหม่ในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้หลายคนต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการเงิน เพราะถ้าไม่เริ่มสะสมและลงทุนตั้งแต่วันนี้ ชีวิตอาจไม่สามารถติดแกลมได้ไปยาวๆ โดยเฉพาะในวันที่ต้องเริ่มมีภาระดูแลครอบครัว หรือเริ่มมีหนี้จากการซื้อบ้านซื้อรถยนต์เป็นของตนเองDisclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ amarintvhttps://www.amarintv.com/spotlight/finance/516748

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

“มะเร็งปอด” คร่าชีวิตคนไทยวันละ 40 ราย PM2.5 ตัวการหลัก

17/06/2025

คนไทยป่วย “มะเร็งปอด” เสียชีวิตวันละ 40 ราย พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 48 ราย มลพิษอากาศและฝุ่น PM2.5 เป็นตัวเร่งมะเร็งปอดที่อันตราย พร้อมแนวทางป้องกันจากแพทย์ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตมะเร็งปอดที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างรุนแรง โดยมีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 48 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดสูงถึง 40 รายทุกวัน ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาที่มาพร้อมกับวิกฤตมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ที่ถูกระบุว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยกฝุ่น PM2.5 ขึ้นเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งกลุ่มเดียวกับบุหรี่ ซึ่งมีความเสี่ยงในการทำให้เซลล์ของร่างกายเกิดการกลายพันธุ์และเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติยังเผยว่าในปี 2022 ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 83,000 คน เฉลี่ยวันละ 227 ราย โดยมะเร็งเต้านมยังคงเป็นมะเร็งอันดับหนึ่งที่พบในผู้ป่วย แต่สิ่งที่น่าตกใจคือมะเร็งปอดซึ่งอยู่ในอันดับที่สอง มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง กล่าวว่า การหายใจเข้าซึ่งออกซิเจนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมะเร็งไม่ชอบออกซิเจน แต่ชอบสิ่งที่เป็นกรดและมีออกซิเจนต่ำ การหายใจในอากาศสะอาดจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักในปัจจุบันคือมลพิษทางอากาศที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้นรศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิฝุ่น PM2.5 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เซลล์ปอดเกิดการกลายพันธุ์และกลายเป็นเซลล์มะเร็ง PM2.5 สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ลึกถึงหลอดลมและเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดปัญหาปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง และในบางกรณีก็ทำให้เกิดมะเร็งปอดตามมาการป้องกันโรคมะเร็งปอดทำได้โดยการหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ เช่น การหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 หนาแน่น การออกกำลังกายในที่อากาศบริสุทธิ์ และการรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เช่น บล็อกโคลี, ชาเขียว, แครอท และฟักทอง รวมถึงอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบ เช่น ขิงและขมิ้นชันการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่จัด หรือเคยมีปัญหากับปอด เช่น มีแผลในปอด หรือเคยฉายแสงที่ปอด การตรวจพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึง 80% ซึ่งถือเป็นทางออกสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/health-wellness/health/630211

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ศิลปะเพื่อความหลากหลาย รูปร่าง หน้าตา อายุ เพศสภาพ ไลฟ์สไตล์

17/06/2025

เมกาบางนา จัดเทศกาลศิลปะยิ่งใหญ่ประจำปี ดึง 4 ศิลปินคนรุ่นใหม่ สร้างสรรค์แลนด์มาร์คงานอาร์ต ในงาน MEGA Art Journey 2025 ภายใต้แนวคิดความหลากหลายทุกแง่มุมของผู้คนศูนย์การค้าเมกาบางนา (MEGABANGNA) เชิญทุกคนร่วมเปิดประสบการณ์แห่ง ‘ศิลปะร่วมสมัย’ ในงาน “MEGA Art Journey 2025: MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION.” เทศกาลศิลปะยิ่งใหญ่ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกวันพิเศษกว่าที่เคยMEGA Art Journey 2025ปีนี้ เมกาบางนา เนรมิตพื้นที่กิจกรรมด้านนอกศูนย์ฯ 4 โซน รวมพื้นที่กว่า 690 ตารางเมตรให้กลายเป็นแกลเลอรีศิลปะสุดครีเอทีฟ ถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายของผู้คน ผ่านมุมมองของ 4 ศิลปินรุ่นใหม่นักสร้างสรรค์ ได้แก่  •  give.me.museums  •  22mm.t  •  shittak  •  Fluffy Omelet 4 ศิลปินรุ่นใหม่ได้ออกแบบผลงานที่สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก และความหลากหลายของผู้คน เป็นการเชื่อมต่อศูนย์การค้ากับกลุ่มคนรักศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่เมกาบางนา ดังนี้  •  โซนเมกา พลาซ่า : คอนเซ็ปต์ Single Moment, Freedom Blooming“น้องดื้อ” คาแรคเตอร์เด็กผู้หญิงผมแดงสร้างสรรค์โดย give.me.museums หรือ ออย – คนธรัตน์ เตชะไตรศร ศิลปินหญิงผู้โดดเด่นด้วยลายเส้นอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) ถ่ายทอดความสุขของการอยู่คนเดียวผ่านมุมมองของการรักตัวเอง และการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างอิสระในทุ่งกว้างสื่อสารผ่านคาแรคเตอร์ “น้องดื้อ” คาแรคเตอร์เด็กผู้หญิงผมแดงหน้าตาซุกซน นิสัยอ่อนโยน ใจดี และเข้ากับอื่นได้ง่าย มีความสุขกับสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากการได้ใช้เวลาดีๆกับ ตนเอง ครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ก็เหมือนกับดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสันและกำลังเบ่งบานอยู่ในทุ่งหญ้ากว้าง เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตที่ 'เมกาบางนา' พื้นที่ที่พร้อมมอบ Blooming Moment ให้กับทุกคน  •  โซนเมน เอนทรานซ์ :คอนเซ็ปต์ Lover’s Moment, Jump into Falling in Loveคาแรคเตอร์ Millie & Megaศิลปินผู้ออกแบบคือ 22mm.t หรือ มะเหมี่ยว – ฐิติพร กลิ่นทโชติ นักวาดภาพประกอบคนดังกับสไตล์ลายเส้นที่ไม่เน้นสัดส่วนสมจริง แต่เป็นคาแรคเตอร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความสนุก และสีสันจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ชวนทุกคนดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความรักที่พาให้หัวใจล่องลอย ผ่อนคลาย และมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นผ่านคาแรคเตอร์ของ “Millie” และ “Mega” สะท้อนความหลากหลายและความงดงามของผู้คน หรือ "Mega Diversity - Mega People" ที่ Megabangna สถานที่ที่เชื่อมโยงผู้คน คู่รัก และประสบการณ์ใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกันผลงานนี้ศิลปินต้องการสื่อว่า Megabangna เป็นสถานที่ที่คู่รักได้มาร่วมใช้เวลา ทำกิจกรรมร่วมกันได้ในทุกวัน ทั้งการกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เคยน่าเบื่อ ด้วยกิจกรรมมากมายที่ตอบโจทย์ทุกคู่รักการเลือกใช้สีใน "Millie & Mega" จึงออกแบบมาเพื่อสื่อแนวคิดว่า "ความรัก" เป็นสิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัดทางเพศ หรือเพศสภาพของคนสองคน ที่มีความรู้สึกดีต่อกัน ไม่ว่าคุณจะรักใคร เพศอะไร หรือระบุตัวตนแบบไหน ความรู้สึกนั้นล้วนมีค่า และควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม  •  บริเวณทางเข้าอิเกียMEGA Moment. MEGA People.จัดแสดงผลงานของ 2 ศิลปิน คือ shittak หรือ ชายแดน เทียมไสย์ เจ้าของลายเส้นสุดกวนแต่เต็มไปด้วยพลังจินตนาการ ออกแบบผลงานครั้งนี้ภายใต้แนวคิด “MEGA Moment. MEGA People.”คาแรคเตอร์ที่ออกแบบมานั้นเน้นเรื่อง "ความหลากหลาย" ในทุกแง่มุมของผู้คน ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา เจนเนอเรชั่น อายุ เพศสภาพ ไปจนถึงไลฟ์สไตล์และความชอบที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับ Megabangna ที่เป็นพื้นที่ที่เข้าใจและพร้อมตอบโจทย์ทุกความแตกต่างอย่างครบครันคาแรคเตอร์ "มัว"ศิลปินอีกคนคือ Fluffy Omelet หรือ เภรย – ณัชริญา เหล่าศรีสิน เจ้าของคาแรคเตอร์แสนสดใส กับผลงาน “Family Moments, Familytopia”สำหรับผลงานนี้ ศิลปินได้ถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ ภายใต้แนวคิด Family Moments, Familytopia ผ่านคาแรคเตอร์ "มัว" เจ้าหมาลายจุดตัวอวบ ที่กำลังนั่งพักผ่อนท่ามกลางทุ่งหญ้าและดอกไม้สีสดใสด้วยลายเส้นนุ่มนิ่มและบรรยากาศสบายๆ งานชิ้นนี้ถ่ายทอดความตั้งใจให้ Megabangna เป็นมากกว่าสถานที่ช้อปปิ้ง แต่เป็น "พื้นที่พักผ่อน" ที่อบอวลด้วยความรัก ความผูกพัน และความสุขที่เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้มีร่วมกันในทุกๆ วัน  •  โซน MEGA People ณ ฟู้ดวอล์ค พลาซ่านำคาแรคเตอร์ของศิลปินทั้ง 4 คนมาจัดแสดงในรูปแบบ Hanging Art Exhibition พร้อมทั้งนำคาแรคเตอร์ทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นคำว่า “MEGA” ที่สื่อความหมายทั้งหมดของงานในครั้งนี้ด้วยวรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เมกาบางนาได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้คนทุกกลุ่มวัย เพื่อเสริมสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง และเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน ตามแนวคิด Your Everyday Meeting Place"ซึ่งครั้งนี้ เรายังคงเดินหน้านำเสนองาน MEGA Art Journey 2025 เทศกาลศิลปะสุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับศิลปะร่วมสมัยอย่างใกล้ชิด ผ่านผลงาน Installation Art จาก 4 ศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายของผู้คนด้วยมุมมองสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION."ทั้งนี้ เทรนด์ความนิยมในงานศิลปะแนว Art Toy ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ก็สะท้อนถึงการที่ศิลปะกลายเป็นเรื่องที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายสอดคล้องกับแนวคิดของ MEGA Art Journey 2025  ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ศิลปะให้กว้างไกลและใกล้ชิดกับผู้คนยิ่งขึ้น ผ่านผลงาน Installation Art ที่ทุกคนสามารถสัมผัสและเชื่อมโยงได้ด้วยตัวเอง“เราเชื่อว่างานนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมงาน  และยังเชื่อมโยงศูนย์การค้าเข้ากับคอมมูนิตี้คนรักศิลปะและลูกค้าทั่วไปได้อย่างแนบแน่น รวมทั้งยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของเมกาบางนาในฐานะศูนย์กลางแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ในทุกๆ วัน” วรรณวิมล กล่าวศิลปะจัดวางคอนเซ็ปต์  Single Moment, Freedom Bloomingเชิญสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกวันพิเศษกว่าที่เคย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ศิลปะที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และเก็บภาพความประทับใจ แรงบันดาลใจจากงานศิลป์สุดครีเอทีฟที่ถ่ายทอดทุกโมเมนต์ของชีวิตอย่างมีสีสันในงาน MEGA Art Journey 2025: MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION. ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 ณ ศูนย์การค้าเมกาบางนานอกจาก ศิลปะจัดวาง (Installation Art) ที่จัดแสดงให้ชมกันตลอดทั้งเดือน เมกาบางนา ยังได้นำลายเส้นของศิลปินทั้ง 4 คนไปออกแบบเป็นของที่ระลึกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้จ่ายภายในศูนย์ฯ ครบตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถแลกรับได้ฟรี! อาทิ  •  MEGA Scarf ผ้าพันคอดีไซน์ลิมิเต็ดเอดิชัน มูลค่า 890 บาท  •  MEGA Bag กระเป๋านุ่มนิ่มสีสันสดใสสุดอินเทรนด์ มูลค่า 1,290 บาท  •  ร่วมสนุกกับกิจกรรมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เพื่อแลกรับพวงกุญแจ MEGA Keychain ดีไซน์พิเศษลายเส้นจากศิลปิน มูลค่า 280 บาทศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน (จากซ้าย) shittak, Fluffy Omelet และ 22mm.tgive.me.museums หรือ ออย - คนธรัตน์ เตชะไตรศรแหล่งที่าข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1180012

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

น้ำหนักกระเป๋า ถือขึ้นเครื่องได้กี่กิโล ขนาดกระเป๋า สิ่งที่นักเดินทางต้องรู้ก่อนขึ้นเครื่องบิน

17/06/2025

สิ่งที่นักเดินทางต้องรู้ก่อนขึ้นเครื่องบิน เมื่อเดินทางโดยเครื่องบินแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ น้ำหนักกระเป๋า สามารถนำขึ้นเครื่องได้กี่กิโล ถือขึ้นเครื่องได้กิโล และขนาดกระเป๋า ซึ่งแต่ละสายการบินมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน Sanook Travel จะมาให้คำตอบกับคุณในเรื่องนี้กัน เพื่อที่จะทำให้ทริปของคุณผ่านไปอย่างราบรื่น และมีความสุขน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องที่สายการบินกำหนดน้ำหนักกระเป๋าที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก  •  สายการบินต้นทุนต่ำส่วนใหญ่จำกัดน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ตัวอย่างเช่น AirAsia, Thai Lion Air และ Nok Air บางสายการบินอาจอนุญาตให้นำกระเป๋าใบเล็กเพิ่มได้ เช่น กระเป๋าสะพายหรือกระเป๋าโน้ตบุ๊ก  •  สายการบินฟูลเซอร์วิสน้ำหนักที่อนุญาตอยู่ระหว่าง 7 – 10 กิโลกรัม แล้วแต่สายการบิน ตัวอย่างเช่น Thai Airways, EVA Air, Scoot และ Singapore Airlines บางสายการบินมีเงื่อนไขพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่สามารถนำกระเป๋าน้ำหนักมากขึ้นได้ขนาดของกระเป๋าถือขึ้นเครื่องขนาดของกระเป๋าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยทั่วไป ขนาดมาตรฐานที่สายการบินกำหนดคือ  •  กว้างประมาณ 35 – 40 เซนติเมตร  •  ยาวประมาณ 50 – 56 เซนติเมตร  •  หนาประมาณ 20 – 25 เซนติเมตรอย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบข้อกำหนดของสายการบินที่ใช้เดินทางล่วงหน้า เพราะบางสายการบินอาจมีกฎเฉพาะที่แตกต่างกันโดยทั่วไป น้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องจะอยู่ที่ 7 – 10 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสายการบินที่เลือก ควรตรวจสอบนโยบายของสายการบินล่วงหน้าและใช้เทคนิคจัดกระเป๋าให้คุ้มค่าน้ำหนัก เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451855/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

คลังความรู้อื่นๆ

เอไอเอ ประเทศไทย ผนึกกำลัง แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส มอบสิทธิประโยชน์สมาชิกบัตร Max Card รับประกันชีวิต 50,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me

15/10/2024

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยแก่เด็กผู้มีความบกพร่องทางสมองและปัญญา ผ่านโครงการ “คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจสานฝันน้อง”

11/09/2024

แม่บ้านร้อง ตัวแทนประกันบริษัทดัง ยักยอกสินไหม 1.5 ล้านบาท ส่องโปรไฟล์ใช้ชีวิตหรู อยู่สบาย

29/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement”

11/02/2025

“กลยุทธ์การซื้อหุ้น: ซื้อเมื่อไหร่ให้ได้เปรียบ”

11/12/2024


X