คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

เดินเล่น “สะพานแดง” ชมพระอาทิตย์ตก ดูนกนางนวล

11/02/2025

ช่วงเย็นๆ เดินเล่นที่ “สะพานแดง” จ.สมุทรสาคร มาดูนกนางนวลอพยพ ที่จะมีให้เห็นเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-พ.ค. ของทุกปี รอชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งยามเย็น อากาศดีๆ ชวนไปเดินเล่นรับลมริมทะเลแบบใกล้กรุงเทพฯ กันที่ “สมุทรสาคร” เพราะที่นี่มีอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เที่ยวของจังหวัด นั่นคือ “สะพานแดง” หรือที่เรียกว่า “จุดชมวิวโลมา” ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน เพราะจุดหมายแห่งนี้มีบรรยากาศสุดโรแมนติก พร้อมทัศนียภาพชายฝั่งทะเลที่งดงาม“สะพานแดง” หรือ “จุดชมวิวโลมา” ตั้งอยู่ที่ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจุดชมวิวริมชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีพัดลมหนาวเข้าสู่อ่าวไทย สายลม และน้ำเค็ม จะพาเอาฝูงโลมาเข้ามาบริเวณนี้ จึงเป็นจุดชมโลมาตามที่มาของชื่อ แต่ปัจจุบันโอกาสที่จะได้เห็นโลมามีน้อยลง หรืออาจจะไม่เห็นเลย แต่จุดชมวิวแห่งนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอสำหรับเหตุผลที่ทาสีสะพานแห่งนี้ด้วยสีแดง นั่นก็เพราะว่ามีหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของสะพานแดง มีชื่อว่า หมู่บ้านแดง โดยสะพานแดงจะสร้างด้วยไม้และปูน รองฐานด้วยเสาปูน และบริเวณทางเข้า จะมีร้านอาหารทะเลหลายร้านไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านขายขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ผลไม้ หรือของฝากช่วงยามเย็นของทุกวันจะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ออกมาเดินรับลมชมบรรยากาศ ฟังเสียงคลื่นซัดเบาๆ เคล้าด้วยเหล่าของฝูงนกประจำถิ่นบินถลาไปมา นับว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ที่งดงามของสมุทรสาคร เพราะเราสามารถชมได้ทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน แล้วยังสามารถเดินเล่นรับลมทะเล พร้อมถ่ายภาพกับสะพานแดงที่โดดเด่นตัดกับท้องฟ้าและชายฝั่งของทะเลเป็นเอกลักษณ์ ใครที่มองหาจุดชมวิวพระอาทิตย์สวยๆ ทั้งเช้าและเย็นริมทะเล ที่สำคัญใกล้กรุงเทพฯ จะต้องไม่พลาดที่นี่สะพานสีแดงทอดยาวไกลสุดตา ให้เราได้เดินเล่นชมวิวถ่ายภาพกันอย่างเพลิดเพลิน หากใครมาช่วงกลางวันแดดจะค่อนข้างแรง แต่มีลมพัดเข้ามาตลอดช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง แนะนำให้พกร่ม หมวก มาให้พร้อม บริเวณทางเข้ามีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายบริเวณใกล้กับสะพานแดง จะมี “ศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ” แต่เดิมนั้นศาลแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนบก โดยศาลหลังเดิมจะตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวตำบลพันท้ายนรสิงห์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพประมงชายฝั่ง โดยจะมีความเชื่อว่าถ้ากราบไหว้ก่อนออกเรือ จะช่วยคุ้มครองรักษาและช่วยให้หาสัตว์น้ำได้จำนวนมาก ต่อมาเกิดการกัดเซาะชายฝั่งของทะเล ชาวบ้านได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างศาลแห่งใหม่ขึ้น โดยนำมาตั้งไว้บนบก เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้มาเคารพกราบไหว้การเดินทางมายังสะพานแดง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้เข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ให้ไปจนสุดถนนจุดชมปลาโลมาแล้วให้เลี้ยวขวา ไปประมาณ 3 กิโลเมตร สะพานแดงจะอยู่ด้านข้างของศาลเจ้าพ่อมัจฉานุนอกจากจะไปชมวิวสวยๆ ริมทะเล กับวิวสะพานแดงที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ แล้ว ช่วงนี้หากใครเดินทางไปสะพานแดงในตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็จะพบกับนกอพยพกลุ่มใหญ่ที่บินฉวัดเฉวียนไปมา บ้างก็ลอยตัวอยู่ในน้ำ ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณโดยเจ้านกอพยพเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็น “นกนางนวลธรรมดา” เป็นนกอพยพย้ายถิ่นมาจากแถบมองโกเลีย จีน ทิเบต ไซบีเรีย ซึ่งจะอพยพมาอยู่แถบนี้ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปีการอพยพย้ายถิ่นของนกนางนวล คือการเคลื่อนย้ายซึ่งเกิดเป็นประจำระหว่างพื้นที่เดิมที่ใช้เป็นแหล่งสร้างรังวางไข่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กับพื้นที่ที่นกใช้เป็นแหล่งหากิน ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง พืชหยุดการเจริญเติบโต ทำให้สภาพที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมและมีอาหารน้อยลง นกจึงต้องอพยพย้ายมายังซีกโลกใต้ที่อากาศอบอุ่นกว่า และมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยจะอยู่อาศัยตลอดฤดูหนาว พอถึงฤดูร้อนก็จะย้ายกลับไปยังถิ่นฐานเดิม เพื่อสร้างรัง วางไข่ และเลี้ยงดูลูกนกให้เติบโตแข็งแรงดี จากนั้นก็จะอพยพย้ายถิ่นอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นวงจรแบบนี้ในทุกๆ ปีซึ่งนกนางนวลมักจะอาศัยรวมกันเป็นฝูงใหญ่ และอาจอยู่กับนกนางนวลสายพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะนกนางนวลขอบปีกขาว เวลาพักผ่อนจะลอยตัวอยู่ในน้ำ บินได้ดีมาก และแข็งแรง จะใช้ปากโฉบอาหารแล้วบินขึ้นเหนือน้ำ ก่อนจะกลืนเหยื่อใครที่รอชมและอยากให้อาหารนกเหล่านี้ บริเวณทางเดินเข้าสะพานแดงก็จะมีร้านขายอาหารให้นก นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็จะซื้ออาหารมาล่อนกให้บินโฉบมาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ๆ กับเจ้านกแนะนำคนที่จะมาชมนกนางนวล ให้มาถึงสะพานแดงราวๆ 16.00-16.30 น. จะได้เดินถ่ายรูปสะพานแดงและนกอพยพไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ หากมาช่วงบ่ายอาจจะร้อนเกินไป เพราะบริเวณสะพานแดงไม่มีที่ให้หลบแดด ส่วนช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฟ้าเริ่มมืด นกนางนวลเหล่านี้ก็จะบินกลับเข้าไปพักผ่อนในแถบป่าชายเลนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000001213

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement”

11/02/2025

กรุงเทพฯ, 11 กุมภาพันธ์ 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมในชื่อคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement” โดยเป็นการรวมตัวนักร้องเสียงทรงพลังระดับดีว่า ทั้งดีว่าในตำนาน “เบน ชลาทิศ” มาปะทะเสียงร้องกับ ดีว่าเสียงคุณภาพ “มาเรียม B5” ร่วมด้วยนักร้องขวัญใจยุค 90 ตลอดกาล “เจ เจตริน” โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณชลิดา นครชัย (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และคุณญดา วงศ์ทองคำ (ขวาสุด) รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสิทธิพิเศษและกิจกรรมลูกค้า พร้อมด้วย คุณชัยพล กฤตยาวาณิชย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด คุณอดุลย์ ชูชัยเจริญ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการหาลูกค้าใหม่ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด และคุณนพร อิงคตานุวัฒน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดวีซ่า ประจำประเทศไทย ซึ่งได้มาร่วมพบปะและทำกิจกรรมสุดพิเศษกับลูกค้าคนสำคัญ ณ True Digital Park, Hall 1-3 เมื่อเร็ว ๆ นี้ทั้งนี้สำหรับคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ นับเป็นสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมได้รับในหมวดไลฟ์สไตล์ ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ความบันเทิงเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนสำคัญ นอกจากนี้ สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมยังจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือระดับอีกมากมาย อาทิ  รับเครดิตเงินคืนสูง มากกว่าเดิม รวมสูงสุด 14,000 บาท เมื่อชำระเบี้ยประกันของเอไอเอผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลตินัม เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนทำรายการผ่านแอป UCHOOSE พิมพ์ค้นหา AIAOT (1 ม.ค. 68 – 30 มิ.ย. 68) พร้อมสิทธิพิเศษ เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า ช้อปจุใจที่ Boots หรือ Watsons รับเครดิตเงินคืน 12%  (1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68) เที่ยวสบายใจ รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก (1 ม.ค. 68 – 31 พ.ค. 69) รวมถึงสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารและศูนย์การค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ตรวจสอบโปรโมชันโดนใจ ง่าย ๆ ผ่านแอป UCHOOSE  (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) สามารถติดตามข่าวสารและสิทธิประโยชน์ได้ทาง https://www.krungsricard.com/th/Product/creditcard/AIA-Visa-Platinum ทั้งนี้ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การทำงาน

เทคนิคการปรับตัวในการทำงาน ช่วยให้ชีวิตการทำงานง่ายขึ้น และมีความสุข

08/02/2025

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แชร์ 9 เทคนิค แนวทางที่ช่วยให้ช่วงเริ่มการทำงานนั้นง่าย สะดวกสบาย และมีความสุขเพิ่มมากขึ้นปัจจุบันผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อาการกดดันตัวเอง สภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ และความเครียดสูง เริ่มมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ บนสภาพสังคมของโลกในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลวัยทำงานหนึ่งในสาเหตุที่เดาไม่ยาก มาจากปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้นในแวดวงการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้ เป็นสารตั้งต้นหลักที่ส่งผลให้ “คนวัยทำงาน” นั้นเกิดความเครียดได้ง่าย และมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆด้วยเหตุนี้ทำให้สังคมโลก รวมไปถึงสังคมไทย เริ่มทำความเข้าใจ หาสาเหตุ และวิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จำเป็น เพื่อที่จะเข้ามาช่วยให้คนวัยทำงานสามารถปรับตัวกันได้ง่ายมากขึ้น เกิดสภาวะทางจิตใจ และอารมณ์นั้นดีขึ้น ด้วยวิธีต่างๆสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ออกมา ร่วมแชร์ 8 เทคนิคที่จะช่วยให้ “คนวัยทำงาน” นั้นสามารถปรับตัวได้ง่าย ทำงานดี และมีความสุขมากขึ้น8 เทคนิคช่วยให้คนทำงานง่าย และมีความสุขมากยิ่งขึ้น  •  ไม่วิตกกังวลมากเกินไปความวิตกกังวลสามารถทำให้จิตใจเราร้อนรน ฟุ้งซ่าน ดังนั้นแล้วควรจัดการอารมณ์ และลำดับความคิดของตนเองอย่างมีสติ มองหาแง่มุมใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามเมื่อปัญหาความวิตกกังวลเหล่านี้เพลาลงแล้ว ควรปล่อยวางตัวเองให้ได้ไวที่สุด  •  เริ่มต้นวันด้วยสติแน่นอนว่ามนุษย์เราหากมีสติ จะสามารถควบคุม และลำดับความสำคัญได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวัน และลดความเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย  •  ไม่ผัดวันประกันพรุ่งการมีวินัยในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะเป็น ดังนั้นการทำงานควรมีการวางแผน ลำดับความสำคัญ และตั้งใจทำงานตามแผนให้เสร็จตามกำหนด สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยลดความกดดันความเครียดได้เป็นอย่างดี  •  มองหาสิ่งที่เหมาะกับตนเองการทำงานในแต่ละวัน มักจะมีสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบบ้าง แต่อย่างไรก็ตามการมองหาสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนทั้งด้านความตั้งใจ ประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการทำงานอย่างมีความสุขโดยแท้จริง  •  ปรับตัวเสมอการปรับตัวเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่อะไร เพราะสิ่งเหล่านี้คือความท้าทายใหม่ๆ ที่เราจะได้เจอในทุกๆ สังคมการทำงาน ดังนั้นให้มองเสียใหม่ว่าการปรับตัว คือ โอกาสของชีวิตที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาตนเอง และเพิ่มความสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง  •  กำหนดเวลาภายในหนึ่งวันควรกำหนดเวลา และบริหารงานในแต่ละอย่างให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สมองเกิดการปรับตัวจนเป็นนิสัยว่าภายในหนึ่งวันเราต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินชีวิตนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น  •  ลำดับงานตามความสำคัญการลำดับงานตามความสำคัญ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตทำงาน แน่นอนว่าวันหนึ่งอาจจะเจองานแทรก งานซ้อน เข้ามาขัดจังหวะ ดังนั้นการหัดเรียบเรียงความสำคัญของเนื้อหางานจะช่วยให้การทำงานไหลลื่น และทำงานได้สอดคล้องกับเวลาที่กำหนดได้  •  เตรียมงานให้พร้อมก่อนนอนการเตรียมงานให้พร้อมก่อนนอน เปรียบเสมือนการจัดกระเป๋าไปโรงเรียน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ในการทำงานวันถัดไปเราจะสามารถบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และมีความพร้อมในวันถัดไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2837631

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

สมาคมประกันชีวิตไทยชี้แจงแนวปฏิบัติประกันสุขภาพ “ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” เริ่มใช้ตั้งแต่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

08/02/2025

7 กุมภาพันธ์ 2568 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% (อ้างอิงจาก WTW) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การเข้าสู่สังคมสูงวัย โรคอุบัติใหม่ มลพิษทางอากาศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และโครงสร้างค่ารักษาพยาบาล โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพส่งผลให้ อัตราการเคลมประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันภัยต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ปัจจุบันอัตราการเคลมประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไปอีกทั้ง ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ “New Health Standard” ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 ซึ่งบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่เคยคำนวณไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระบบประกันสุขภาพได้รับผลกระทบโดยตรง นำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยทั้งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จนทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องวางแผนรับมือกับความท้าทายนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างแท้จริงภาคธุรกิจประกันภัยจึงได้นำส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" มาใช้เป็นเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) เพื่อลดการ เคลมจากการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ (Portfolio) โดยส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้เอาประกันภัย ภายใต้การบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์โดยไม่นับรวมผ่าตัดใหญ่หรือโรคร้ายแรงสำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไปแต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ กรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปซึ่งเมื่อผู้เอาประกันภัย เข้าเงื่อนไขส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในปีต่ออายุถัดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 30% หรือ 50% ตามสัดส่วนที่กำหนดในค่ารักษาพยาบาล แต่หากการเคลมมีการปรับตัวลดลงและไม่เข้าเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) บริษัทประกันภัยจะพิจารณายกเลิกการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) กรมธรรม์ดังกล่าวจะกลับสู่สถานะปกติได้เช่นเดิมในปีถัดไปอย่างไรก็ตาม สมาคมประกันชีวิตไทยแนะนำให้ประชาชนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลได้ดี เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากเงื่อนไขดังกล่าวมีลำดับ ขั้นตอน การนับ การพิจารณา ซึ่งเป็นตัวกรองหลายชั้น โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดในหนังสือแจ้งเตือนการต่ออายุสัญญาประกันสุขภาพทั้งนี้ เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้อยู่ในมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 โดยคปภ.ไม่ได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ใดๆ เพียงแต่บริษัทประกันชีวิตมองว่า ตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% สมาคมประกันชีวิตจึงจำเป็นต้องบังคับใช้ เงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment)"สิ่งสำคัญภาคธุรกิจประกันชีวิตคิดว่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่จะสร้างการตระหนัก และเริ่มระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกินความจำเป็น โดยการเจรจาร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับกรณี อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงขึ้นไปถึง 15% ถ้าไม่นับเรื่องอื่นเลย ทางธุรกิจประกันชีวิตก็ต้องปรับเพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพ ที่พิจารณาจากสินไหมทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนแต่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย หรือ คปภ.ก็ไม่ได้ปล่อยให้บริษัทประกันภัยขึ้นเบี้ยตามใจชอบ จึงต้องกลับมาพิจารณาว่าคนทัังพอร์ต 90-95% จะต้องถูกกระทบจากคนที่มีพฤติกรรมเคลมบ่อยเกินความจำเพียง 5-10% ดังนั้น ต้องสร้างการตระหนักรู้จากผู้บริโภคโดยตรงก่อนการนอนโรงพยาบาล นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเพื่อทำให้การประกันสุขภาพของภาคธุรกิจสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน ส่งผลกรทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้" นางนุสรา กล่าวเสริมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=178124

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” ยลสถาปัตยกรรมสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

08/02/2025

“กาญจนบุรี” เมืองแห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม นอกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควและอุทยานแห่งชาติอันเลื่องชื่อแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นั่นคือ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” โรงงานกระดาษเก่าแก่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แม้กาลเวลาจะล่วงเลยไป แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรื่องราวในอดีตยังคงอยู่ ที่นี่จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือน“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตของเมืองกาญจน์ อาคารเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแต่เสน่ห์ของตัวอาคารยังไม่จางหายไปตามกาลเวลา กลายเป็นจุดถ่ายรูปของสายชอบแชะ อยากได้รูปสไตล์วินเทจไม่ควรพลาดโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่เดิมโรงงานแห่งนี้ใช้ชื่อ “โรงงานทำกระดาษทหารกาญจนบุรี” สรุปความจากข้อความในแผ่นศิลาที่ใช้ในพิธีฝังศิลาฤกษ์ (ฝังรากติก)อาคารโรงงานกระดาษ ได้ความว่า นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) กับนายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) ได้ร่วมกันคิดสร้างโรงงานผลิตกระดาษขึ้นที่เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่พ.ศ. 2476 เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ ได้ดำเนินการตลอดมาจนถึง วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2479 จึงได้ประกอบพิธีฝังศิลาจารึกโดยเหตุผลที่เลือกพื้นที่จังหวัดกาญจนบรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีไม้ไผ่อุดมสมบูรณ์ และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ รวมถึงมีแม่น้าเป็นเส้นทางขนส่งไม้ไผ่ได้สะดวก การก่อสร้างและดำเนินกิจการ แรกเริ่มบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (สยาม) จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จํากัด (มหาชน) Christiani&Nielsen (Thai)Public Company Limited)การออกแบบก่อสร้างเริมท่าสัญญาในปี พ.ศ. 2478 ส่วนการก่อสร้างอาคารโรงงานอาคารประกอบต่างๆ และการติดตั้งเครื่องจักรนั้น แบ่งแยกออกเป็นหลายส่วนซึ่งมีทั้งบริษัท บุคคล กรมยุทธโยธาทหารบก และแผนกท่ากระดาษเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างในแต่ละส่วนสำหรับเครื่องจักร บริษัท กระดาษสยาม จํากัด สั่งซื้อจากต่างประเทศ และมีการตรวจรับเครื่องจักร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ทดลองผลิตกระดาษเป็นผลสำเร็จ และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2481 ซึ่งเป็นวันปฐมฤกษ์ “ว่าไทยได้มีเครื่องทำเยื่อกระดาษและทำกระดาษใช้ได้เองแล้ว” โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานต่อมาในปีพ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ยกเลิกกิจการโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี และเห็นชอบให้ บริษัท อุตสาหกรรมกระดาษศิริศักดิ์ จํากัด เป็นผู้ประมูลชื้อโรงงาน อาคารสิ่งปลูกสร้าง และให้กระทรวงการคลังดำเนินการเกี่ยวกับการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุ โดยให้ระบุวัตถุประสงค์ของการให้เช่าที่ดินไว้ในสัญญาว่า "เพื่อการดำเนินกิจการโรงงานกระดาษเท่านั้น” และครบกำหนดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560กลุ่มอาคารหลักของโรงงานกระดาษแห่งนี้ มีการออกแบบและวางผังอาคารตามหน้าที่การใช้งานต่อเนื่องกันในแต่ละขั้นตอนกระบวนการผลิตกระดาษ กล่าวคือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวกับระบบสูบน้ำ การกรองน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ใกล้กับแม่น้ำแม่กลอง ถัดมาเป็นกลุ่มอาคารที่ผลิตไอน้ำและกระแสไฟฟ้า ซึ่งมีหน้าที่ผลิตไอน้ำเพื่อใช้ในการต้มเยื่อไม้สำหรับใช้ในขั้นตอนการผลิตกระดาษ และผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องจักรในโรงงานส่วนกลุ่มอาคารโรงงานตั้งอยู่ตรงกลาง โดยอาคารกลุ่มนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุด มีหน้าที่ใช้งานตั้งแต่การผลิตขั้นต้น คือ โรงทำเยื่อจนถึงอุตสาหกรรมกระดาษขั้นกลางทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมเยื่อ ขั้นตอนการผลิตกระดาษจนสิ้นสุดกระบวนการที่การตกแต่งผลผลิต และการแปรรูปซึ่งบรรจุกระดาษในหีบห่อเพื่อส่งจําหน่ายส่วนอาคารสำนักงาน ที่เชื่อมต่อกับตัวโรงงานอยู่อีกฟากหนึ่งทางด้านทิศตะวันออกของกลุ่มอาคารรวมถึงส่วนซ่อมบํารุงด้วย กลุ่มอาคารที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีในกระบวนการผลิตกระดาษ เช่น โรงทำโซดากลับคืน โรงคลอรีนเก่า โรงคลอรีนใหม่ โรงแยกเกลือ อาคารเหล่านี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือติดอยู่กับอาคารโรงงานภายในอาคารที่อยู่ในกระบวนการผลิตกระดาษแต่ละหลัง มีเครื่องจักรที่จําเป็นตามกระบวนการผลิตกระดาษ มีการนําเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ เช่น เครื่องทำเยื่อทำกระดาษ ของบริษัทฟอยท์ เครื่องทำไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องทำคลอรีนของบริษัทซีเมนต์ซุคเกิต หม้อน้ำและเครื่องประกอบของบริษัทโบร์สิก และเครื่องทำโซดากลับคืนของบริษัท แวกเก็นลีน แอนฮิบเนอร์ถือได้ว่ากลุ่มอาคารโรงงานกระดาษและสิ่งปลูกสร้างของโรงงานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติการอุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากก่อตั้งเป็นโรงงานกระดาษแห่งแรกของประเทศไทย ที่ผลิตเยื่อกระดาษเอง มีความทันสมัยมากในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้งานในการผลิตได้ด้วยตนเอง มีกระบวนการผลิตกระดาษที่ทันสมัย ใช้เครื่องจักรจากต่างประเทศ กลุ่มอาคารในพื้นที่นี้จึงเป็นประจักษ์พยานอันแสดงถึงการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมหนัก และการค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงความเข้มแข็งของประเทศที่พัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตสำหรับโครงสร้างอาคารโรงงานกระดาษ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาทรงจั่ว ใช้หน้าต่างกระจกเป็นช่องแสง มีทั้งอาคารชั้นเดียวและหลายชั้น การออกแบบรูปทรงอาคารให้ช่วงเสากว้าง ในส่วนของอาคารอื่นยังออกแบบให้กลมกลืนเช่นเดียวกัน อาคารที่มีเอกลักษณ์อีกหลังหนึ่ง คือ โรงหลอมโซดา การออกแบบอาคารมีความชับซ้อนกว่าอาคารอื่น มีชั้นหอคอย และมีส่วนประกอบภายนอก คือ ปล่องไฟขนาดใหญ่ ที่มีความสูงมากในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือได้ว่าโรงงานกระดาษเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยในช่วงเวลาดังกล่าว หมู่อาคารโรงงานเป็นตัวแทนการวางผัง และเป็นตัวแทนกลุ่มอาคารอุตสาหกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์นยุคเริ่มแรกในประเทศไทย ซึ่งเน้นความเกลี้ยงเกลา เรียบง่ายและให้ประโยชน์ใช้สอยโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่ 218/11-12 ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000011501

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

สวยงามแปลกตา “น้ำตกไนแองการา” ในฤดูหนาว เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน

08/02/2025

อุทยานแห่งรัฐไนแองการา ฟอลส์ เผยภาพความงดงามแปลกตาในช่วงฤดูหนาวของ “น้ำตกไนแองการา” น้ำตกที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนPhoto: Niagara Falls State Park, USA“น้ำตกไนแองการา” (Niagara Falls) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของทวีปอเมริกาเหนือ นับเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก ประกอบด้วยน้ำตกย่อย 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) หรือ น้ำตกแคนาดา สูง 57 เมตร “น้ำตกอเมริกา” (American Falls) สูง 21-34 เมตร และ น้ำตกไบรดัลเวล (Bridal Veil Falls) ในฝั่งอเมริกา น้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ใกล้ๆกันPhoto: Niagara Falls State Park, USAนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า น้ำตกไนแองการ่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงยุคปลายน้ำแข็ง จึงมีอายุมากกว่า 12,500 ปีมาแล้ว โดยฝั่งแคนาดาตั้งอยู่ที่รัฐออนตาริโอ ส่วนฝั่งสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ที่รัฐนิวยอร์กPhoto: Niagara Falls State Park, USAสำหรับในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด จนเต็มไปด้วยหิมะ และน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชม “ Cave of the Winds” ของน้ำตกไบรดัลเวลได้อย่างใกล้ชิด โดยจุดที่ใกล้ที่สุดระยะประมาณ 6 เมตรเท่านั้นโดยชมได้จากอุทยานแห่งรัฐไนแองการา ฟอลส์ ในสหรัฐอเมริกา บริเวณ Hurricane Deck ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม - 31 มีนาคมPhoto: Niagara Falls State Park, USAPhoto: Niagara Falls State Park, USAแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000009830

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรส่งเสริมสุขภาวะทางจิต Thai Mind Awards 2025 ต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพใจพนักงาน พร้อมติดโผ 5 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในไทย ปี 2024 จาก "Best Places to Work"

07/02/2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางศรัณยา เทียนถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล 5 สุดยอดองค์กรส่งเสริมสุขภาวะทางจิต Thai Mind Awards ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกโดยความร่วมมือระหว่างคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) ด้วยความสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้ร่วมกันวิจัยและพัฒนาระบบเกณฑ์การคัดเลือกสุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตดีเด่น เพื่อเฟ้นหาและเชิดชูองค์กรต้นแบบสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตให้กับพนักงาน และเป็นแบบอย่างในการผลักดันนโยบายด้านสุขภาวะในองค์กรต่อไป โดยเอไอเอ เป็น 1 ใน 5 องค์กร ที่คว้ารางวัล “สุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิต” (The Excellence in Thai Mind Awards) และเป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็ว ๆ นี้ภายในงาน นางศรัณยา เทียนถาวร ยังเป็นตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย เข้าร่วมเสวนาแบ่งปันแนวทางการดูแลสุขภาวะของบุคลากร ภายใต้หัวข้อ Shared Best Practice & Healthy Future โดยกล่าวไว้ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความตระหนักในหมู่พนักงานว่าการดูแลสุขภาพใจต้องเริ่มที่ตัวเอง โดยเอไอเอ มีโปรแกรม WorkWell with AIA ที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ LiveWell สุขภาพกาย ThinkWell สุขภาพใจ PlanWell สุขภาพการเงิน และFeelWell สุขภาวะหรือการมีส่วนร่วมทางสังคม โดยหนึ่งในด้านที่มุ่งเน้นอย่างเป็นรูปธรรม คือ ThinkWell เพราะหากพนักงานมีสุขภาพใจที่ดี สุขภาพกายก็จะดีตามมา เอไอเอจึงมีโปรแกรมที่เรียกว่า Own your Mental Health ที่ผสมผสานการให้ความรู้และกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความเครียดของพนักงานที่แตกต่างกัน เช่น การให้ความรู้ การเสนอทางออกและเครื่องมือต่าง ๆ การเสริมสร้างทักษะให้พนักงานรับมือกับความเครียดผ่านการอบรมและกิจกรรม รวมถึงสวัสดิการที่ครอบคลุมการปรึกษาทางด้านสุขภาพจิตจากผู้เชี่ยวชาญ”ทั้งนี้ รางวัล Thai Mind Awards มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้องค์กรทุกระดับตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตใจของพนักงาน พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจและยกย่ององค์กรที่เป็นแบบอย่างในการดูแลสุขภาวะจิตใจของบุคลากร ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างพลังใจควบคู่ไปกับพลังกาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและพัฒนาศักยภาพของคนไทย สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเอไอเอ ประเทศไทย ที่สนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Livesนอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้รับรางวัลและการรับรองให้เป็น ‘Best Places to Work’ หรือองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2024 จาก Best Places to Work โปรแกรมการรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในการจัดอันดับบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานทั่วโลก โดยเอไอเอได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 2 จากทั้งหมด 5 องค์กร (Top Workplaces in Thailand 2024) ในประเทศไทย และเป็นบริษัทประกันชีวิตเพียงแห่งเดียวในไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มบริษัทเอไอเอยังได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 จากการจัดอันดับระดับภูมิภาค Top Workplaces in APAC 2024 หรือองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2024 อีกด้วยสำหรับรางวัลด้านการบริหารจัดการบุคลากรทั้ง 2 รางวัลนี้ สะท้อนถึงคุณค่าและวัฒนธรรมองค์กรของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ใส่ใจพนักงาน โดยมุ่งเน้นสุขภาวะที่ครอบคลุมทุกมิติ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมพัฒนาการและความเท่าเทียม จนได้รับการยกย่องทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค แสดงถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด โดยเอไอเอเชื่อว่าพนักงานที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีจะช่วยสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและมีส่วนร่วมในความสำเร็จขององค์กรอย่างยั่งยืน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เมืองพัทยาเปิดตัวแกลลอรี่ ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ โชว์ผลงานศิลปินดัง

04/02/2025

เมืองพัทยาเปิดตัวแกลลอรี่ ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ พัทยา โชว์ผลงานศิลปินดัง หวังดึงผู้รักงานศิลปะจากทั่วโลกยลผลงาน ประเดิมด้วยภาพวาดร่วมสมัยของ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ "เชาวลิต เสริมปรุงสุข" ผู้รังสรรค์งานกราฟิกนามธรรมประเดิมด้วยนิทรรศการภาพวาดร่วมสมัยของ "เชาวลิต เสริมปรุงสุข" ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2557 ในการเปิดแกลลอรี่ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ พัทยา (Flipper Art Space Pattaya) เมืองพัทยา จ.ชลบุรีโดยจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ จากนั้นในเดือนมีนาคม 2568 ต่อด้วยนิทรรศการภาพวาดสีอะคริลิกของ "ไมตรี ลิมปิชาติ" นักเขียนดัง และอดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่หันมาเอาดีทางด้านวิจิตรศิลป์ สหรัฐ เมธาสมภพ หรือ เท็น ผู้ร่วมก่อตั้งแกลลอรี่ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ พัทยา เล่าถึงที่มาว่า “ผมชื่นชอบงานจิตรกรรมมาตั้งแต่เด็ก ชอบไปเดินตามหอศิลป์ ดูผลงานของศิลปินหลาย ๆ ท่าน  เมื่อวันหนึ่งได้มาทำธุรกิจเป็นเจ้าของร้านอาหารก็เริ่มซื้อผลงานมาเก็บไว้จัดแสดงที่ร้านให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้ชื่นชม” เด็กหนุ่มเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร Bubbly Oyster Bar ที่ชื่นชอบงานศิลป์เป็นชีวิตจิตใจ และใฝ่ฝันอยากมีแกลลอรี่ หรือสถานที่ที่จัดแสดงภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องในตัวเมืองพัทยา ที่ไม่ใช่แค่อีเวนต์ เนื่องจากมองว่า พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่รู้จักของคนทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาพักผ่อน จึงเป็นโอกาสดี ในการเผยแพร่ผลงานศิลปินไทยให้เป็นรู้จักมากขึ้น "แนวคิดที่ทำแบบนี้ ก็คือพัทยายังไม่มีพื้นที่อาร์ทสเปซต่อเนื่อง ถาวร มีแค่จัดเป็นอีเวนต์เป็นช่วง ๆ เวลาเท่านั้น เราจึงอยากทำสิ่งนี้มาก" เขาเผยถึงจุดเริ่มต้น การก่อตั้งแกลอรี่ Flipper Art Space Pattaya หลังมีโอกาสเจอกับ สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร เจ้าของโรงแรมในเครือคลิปเปอร์ ลอร์ด พัทยา มานั่งรับประทานอาหารที่ร้าน และระหว่างนั้นก็ได้เดินสำรวจบริเวณร้าน เห็นภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียง ที่นำมาแขวนไว้ตามจุดต่าง ๆ จึงรู้สึกชื่นชอบ เพราะไม่เคยเห็นร้านใดในเมืองพัทยาทำแบบนี้ จึงได้พูดคุยกันว่า อยากจะจัดแบบนี้ไว้ที่โรงแรมบ้าง เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มีโอกาสชื่นชมผลงาน ฝีมือของศิลปินไทย“พอมีงานหลากหลายชิ้นมากขึ้น พื้นที่จัดแสดงที่ร้านมีไม่พอ บังเอิญพี่สินชัยมาทานอาหารที่ร้านก็เจอกัน นั่งคุยกัน เขาก็ชอบงานแบบนี้เหมือนกัน ซื้องานไว้บ้างแล้ว อยากจะจัดแสดงแบบนี้ไว้ที่โรงแรม จนได้ข้อสรุป โดยจัดพื้นที่ชั้นล่างสุดของโรงแรม เป็นห้องประชุมพนักงานเก่ามารีโนเวทใหม่ ใช้เป็นห้องจัดแสดงผลงานของศิลปิน”ในการเปิดตัวโครงการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เขาได้ใช้ผลงานของศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2557 "ชวลิต เสริมปรุงสุข" มาจัดแสดง โดยนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ มาเป็นประธานเปิดงานสหรัฐ บอกถึงเหตุผลในการนำผลงานอาจารย์ชวลิต มาจัดแสดงเป็นคนแรกว่า เป็นการให้เกียรติ และรำลึกถึงศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ที่มีผลงานร่วมสมัยมาก ๆ อีกทั้งยังเคยไปเจอผลงานของท่าน จัดแสดงที่หอศิลป์ รู้สึกชื่นชอบมาก และเคยซื้อรูปของอาจารย์มาแขวนไว้ที่ร้านด้วย “ส่วนตัวผมชอบด้วยตัวเนื้องาน แนวคิดในการสร้างคอนเซ็บต์งาน ผมว่าทันสมัย และร่วมสมัยมาก ๆ ก็เลยนำผลงานอาจารย์เชาวลิตมาเปิดตัวโครงการเลย ”เขาเผยโอกาสของศิลปิน ที่จะนำผลงานมาจัดแสดง เขาบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ขอให้มีผลงานโดดเด่น ก็สามารถนำมาจัดแสดงได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ มีไว้เพื่อศิลปินทุกคนที่รังสรรผลงานเป็นที่ประจักษ์“การคัดเลือกงานของเรา ทำให้เห็นว่า มีความหลากหลาย แต่ไม่ใช่สะเปะสะปะ หรือใครก็ได้ ในความหมายของผม ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นต้องมีชื่อเสียงมาก ถึงได้จัดแสดง หรือไม่มีชื่อเสียงเลย แล้วไม่ได้มาแสดง แต่เราจะดูจากผลงานจากความตั้งใจ ไปเจอศิลปินบางคน รักงานศิลป์ มีผลงานเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ได้ถูกเอามาเผยแพร่ อันนี้ก็ได้ เป็นเวทีให้กับศิลปินที่ไม่มีคนรู้จัก แต่ผลงานดี การจัดแสดงผลงานของศิลปินที่นี่ จะมีอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยจะแพลนไว้ทั้งปี สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเดือนละท่าน ศิลปินท่านสนใจอยากนำผลงานมาจัดแสดงโทร.09-1424-7387 ครับ” สหรัฐ กล่าวไมตรี ลิมปิชาติ  นักเขียนดัง และอดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ที่วางปากกาหันมาจับพู่กันมาร่วม 20 ปี ซึ่งจะนำผลงานภาพวาดสีอะคริลิกไปจัดแสดง ณ แกลอรี่ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ พัทยา ในระหว่างวันที่  3 มีนาคม – 3 เมษายน 2568 บอกว่า รู้สึกดีใจที่เมืองพัทยามีห้องจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดของศิลปินอย่างถาวร เนื่องพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวมีผู้คนจากทั่วโลกมาเที่ยว การมีสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ ทำให้ช่วยเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวมากขึ้น“เคยคุยกับเพื่อนฝรั่ง เขาบอกชอบมาก เมื่อมาเที่ยวเมืองไทย แล้วได้เห็นได้สัมผัสงานศิลปะพวกนี้  หรือถ้าใครเคยไปท่องเที่ยวแถบยุโรป ก็จะเห็นภาพวาดต่าง ๆ ตามฝาผนัง บนกำแพงเมือง หรือแม้กระทั่งในบ้านพักอาศัย จะต้องมีภาพวาดแขวนไว้  พวกฝรั่งลึก ๆ แล้วเขาโหยหางานศิลปะพวกนี้นะ แล้วก็พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ถ้ามีสถานที่จัดแสดงงาน เป็นกิจจะลักษณะ เชื่อว่าน่าจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวต่างชาติ ที่รักงานศิลปะมาเที่ยวพัทยามากขึ้น” ไมตรี กล่าว และขอบคุณทีมงานผู้ก่อตั้งแกลอรี่ฟลิปเปอร์ สำหรับใช้เป็นเวทีแสดงผลงานให้กับผู้รักงานศิลปะด้วยสำหรับ ผู้ชื่นชอบงานศิลปะ ภาพวาดศิลปินชั้นนำ ของเมืองไทย สามารถเข้าชมผลงานได้ ณ แกลอรี่ฟลิปเปอร์ อาร์ท สเปซ พัทยา Flipper Art Space Pattaya  ณ ชั้น 1 โรงแรม ฟลิปเปอร์ ลอร์ด โฮเทล (Flipper Lodge Hotel) ตั้งอยู่ถนนเลียบชายหาดพัทยา ซอย 8 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ทุกวัน โดยผลงานของศิลปิน จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันในทุกเดือนตลอดทั้งปีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1165215

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ข้อดี ถุงสุญญากาศ ไอเท็มลับ จัดกระเป๋า ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋า

04/02/2025

การแพ็คกระเป๋าเดินทางเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการนำของใช้จำเป็นติดตัวไปให้มากที่สุด แต่กลับมีพื้นที่จำกัด ถุงสูญญากาศจึงเป็นเหมือน "กุญแจวิเศษ" ที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างลงตัวถุงสูญญากาศไม่ใช่แค่ถุงพลาสติกธรรมดา แต่เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาพิเศษ ด้วยระบบซีลปิดผนึกคุณภาพสูงและช่องสำหรับดูดอากาศ เมื่อใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือปั๊มมือที่มาพร้อมกับถุง อากาศจะถูกดูดออกจนหมด ทำให้เสื้อผ้าและของใช้ถูกอัดแน่นจนมีขนาดเล็กลงอย่างน่าทึ่งข้อดีถุงสุญญากาศเมื่อคุณเริ่มใช้ถุงสูญญากาศ คุณจะพบว่ามันไม่ได้แค่ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมาพร้อมประโยชน์มากมาย เสื้อผ้าของคุณจะยับน้อยลงเพราะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอับหรือความชื้น และที่สำคัญ คุณจะรู้สึกเหมือนกระเป๋าใบเดิมของคุณกว้างขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เคล็ดลับการใช้งานการใช้ถุงสูญญากาศให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นมีเทคนิค เริ่มจากการเลือกขนาดถุงที่เหมาะกับปริมาณของ จัดเตรียมเสื้อผ้าให้แห้งสนิทและรีดให้เรียบร้อย อย่าลืมว่าการยัดของแน่นเกินไปอาจทำให้ถุงเสียหายได้ และสำหรับเสื้อผ้าเนื้อบางบอบบาง ควรพิจารณาเก็บแยกไว้ต่างหากไอเดียการใช้งานนอกเหนือจากเสื้อผ้าถุงสูญญากาศไม่ได้มีประโยชน์แค่กับเสื้อผ้า คุณสามารถใช้มันกับผ้านวม หมอน หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการการป้องกันพิเศษ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการจัดเก็บของตามฤดูกาล เช่น เสื้อกันหนาวในหน้าร้อน ทำให้บ้านคุณมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นถุงสูญญากาศอาจดูเป็นเพียงอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่มันสามารถเปลี่ยนวิธีการจัดกระเป๋าของคุณไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการใช้งานที่ง่าย ประโยชน์ที่หลากหลาย และความคุ้มค่าในระยะยาว ทำให้มันกลายเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเดินทางยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการจัดการสัมภาระTips : เลือกซื้อถุงสูญญากาศที่มีความหนาและคุณภาพดี จะช่วยให้ใช้งานได้นานและคุ้มค่ากว่า แม้ราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย แต่ความทนทานที่ได้รับคุ้มค่ากว่าแน่นอนขอขอบคุณข้อมูล :freepikแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1450787/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลโรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ณ จังหวัดตาก

04/02/2025

เอไอเอ ประเทศไทย เดินทางเยือนจังหวัดตาก จัดงานมอบรางวัลแก่โรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการ ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ปีที่ 2 ซึ่งได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร และ โรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย โดยชนะเลิศในระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษาตามลำดับ มูลค่ารางวัลโรงเรียนละ 350,000 บาท รวม 700,000 บาท เพื่อเชิดชูและยกย่องทั้งสองโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนต้นแบบในการดูแลนักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง ตลอดจนชุมชนโดยรอบ ทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ โภชนาการ ตลอดจนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืน ตามแนวทางหลักของโครงการ ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ พร้อมมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน โรงเรียนละ 20,000 บาท อีกทั้งยังได้จัดงานสัมมนาเสริมองค์ความรู้ให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี ตามพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนผู้คนและเยาวชนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ในงานได้รับเกียรติจาก นายณรงค์ จีนอ่ำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายปริญ ภัทรธนชินวัณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น กองส่งเสริมและ พัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น นายณพล ชยานนท์ภักดี ท่านนายกเทศมนตรีเมืองตาก และท่านปลัดเทศบาลเมืองตาก ร่วมเป็นประธานและวิทยากรพิเศษในงานสัมมนา ร่วมด้วยคณะผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ รวมทั้ง นายสัพพัญญู อวิหิงสานนท์ อดีตนักกีฬาแบดมินตัน ทีมชาติไทย วิทยากรซึ่งมาให้ความรู้ในเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อปลูกฝังให้เด็กมีสุขภาพที่ดีทั้งด้านร่างกายและอารมณ์นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานมอบรางวัลโครงการ ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ในปีที่ 2  ณ จังหวัดตากในครั้งนี้ เอไอเอมุ่งมั่นเดินตามพันธกิจ AIA One Billion ที่เราต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573 และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันโครงการ ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ขึ้นมา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมเชิงบวกให้กับเยาวชนทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มต้นจากโรงเรียนซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเด็ก ๆ โดยทางโรงเรียนเทศบาล 1  กิตติขจร และ โรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย จังหวัดตาก ได้เข้าร่วมประกวดโครงการกับเรา และได้รับรางวัลชนะเลิศในระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคอีกด้วย นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เรายังได้เห็นทั้งสองโรงเรียนนำเงินรางวัลที่ได้ไปพัฒนาโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและสุขลักษณะด้านโภชนาการที่ดีให้กับนักเรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเราในจัดโครงการนี้ และเรายังคงส่งเสริมโครงการดี ๆ อย่าง AIA Healthiest Schools อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกไปพร้อมกับการสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเยาวชนไทยซึ่งเป็นอนาคตของชาติ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives”ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ขอเชิญชวนโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาที่สนใจ สมัครเข้าร่วมโครงการ ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ปีที่ 3 ได้แล้วที่เว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 มีนาคม 2568 เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่าถึง 3.5 ล้านบาท และได้เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X