คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันภัย

งานงอก!คปภ.พบทุจริตฉ้อฉลฆาตกรรมเอาประกัน มีกรมธรรม์ซ้ำซ้อนขยายผลจากเดิม28 เป็น 34 ฉบับ ซ้ำร้ายบางฉบับทำขึ้นในวันเกิดเหตุ ไม่มีการแจ้งเหตุไปยังบริษัททั้ง 15 แห่ง

09/05/2025

สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เดินหน้าป้องปรามการฉ้อฉลประกันภัย หลังพบการจัดฉากเคลมค่าสินไหมทดแทนรวมกว่า 14 ล้านบาทเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานงานแถลงข่าว ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยนายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กรณีพบว่ามีกลุ่มบุคคลวางแผนจัดทำประกันภัยรถยนต์หลายฉบับ และสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อนำไปสู่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ นั้นจากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะ 3 คันที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีกรมธรรม์ประกันภัยซ้ำซ้อนรวม 34 ฉบับ จากบริษัทประกันภัย 15 แห่ง โดยกรมธรรม์ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นภายใน 10 วัน ก่อนเกิดเหตุ และบางฉบับทำขึ้นในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ ไม่มีการแจ้งเหตุไปยังบริษัทประกันภัยทั้ง 15 แห่งในวันเกิดเหตุ และไม่พบรายงานการเข้าตรวจสอบจากหน่วยกู้ชีพ ขณะที่ลักษณะบาดแผลของผู้เสียชีวิตไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น อีกทั้งญาติของผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและปฏิเสธการ ชันสูตรพลิกศพ ความร้ายแรงที่เกิดขึ้นจึงอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลประกันภัย เพราะถือเป็นกรณีที่ไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติการณ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยมีเจตนาทุจริตจากการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจหลายฉบับซ้ำซ้อนกันดังเช่นกรณีนี้มาก่อน โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้หารือร่วมกับบริษัทประกันภัย ที่เกี่ยวข้อง และมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ในข้อหาฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญาเลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย โดยได้พัฒนาและจัดทำระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัยด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย อาทิ การทำประกันภัยซ้ำซ้อนในระยะเวลาสั้น ๆ หรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยด้วยรถยนต์ทะเบียนเดียวกันสูงผิดปกติ ภายในระยะเวลา 90 วัน หรือตรวจพบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนบ่อยครั้งในช่วงระยะเวลา 90 วัน เป็นต้น ซึ่งเมื่อระบบดังกล่าวตรวจพบความผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบทันที และจะมีการเรียกบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือก่อนดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกับกรณีนี้ โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถปรับเงื่อนไขการตรวจจับการฉ้อฉลประกันภัยได้ตลอดเวลา เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยสำนักงาน คปภ. จะส่งสำนวนให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ การกำกับของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้ดำเนินคดี หรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจที่มีเขตอำนาจ โดยดำเนินคดี ฉ้อฉลประกันภัยไปแล้วกว่า 46 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท และเตรียมดำเนินการเพิ่มเติมอีก 21 คดี“สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย โดยจะมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัย ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ตรวจจับกรณีที่มีความผิดปกติให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วได้แบบ Real Time แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการคุ้มครองประชาชนที่มีการเรียกสินไหมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้ายแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/607837

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

คนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน "KAWS:HOLIDAY THAILAND" พ.ค.นี้

09/05/2025

เตรียมเช็กอิน! กทม.ผนึกพันธมิตร จัดแสดง “KAWS:HOLIDAY THAILAND” อาร์ตทัวร์ขนาดใหญ่ผลงานของ ไบรอัน ดอนเนลลีย์ พ.ค.นี้สิ้นสุดการรอคอย!ใครที่เป็นแฟนคลับของ KAWS ล่าสุดกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ออลไรท์รีเซิร์ฟ และพันธมิตร ร่วมนำเสนอบทใหม่ของการเดินทาง เชิญชวนผู้ชมให้หยุดพัก ไตร่ตรอง และสัมผัสศิลปะในมุมมองใหม่ ของการจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก “KAWS:HOLIDAY THAILAND” อาร์ตทัวร์ประติมากรรม COMPANION ขนาดมหึมา ของ ไบรอัน ดอนเนลลีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “KAWS” ที่เดินทางจัดแสดงมาแล้วทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2018คนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”สำหรับ 'KAWS:HOLIDAY' ได้เดินทางข้ามทวีปและฝากร่องรอยไว้ตามสถานที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โซล ไทเป ฮ่องกง โตเกียว บริสตอล สิงคโปร์ เมลเบิร์น ยอกยาการ์ตา ทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา ฉางไป่ซาน หรือแม้แต่ห้วงอวกาศ ล่าสุดจากเซี่ยงไฮ้ สู่เลอ บราซูส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และครั้งนี้เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างศิลปะ สภาพแวดล้อม และมรดกทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องคนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”เตรียมพบกับประติมากรรม COMPANION ขนาดมหึมาในเดือนพฤษภาคมนี้ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางศิลปะระดับโลก ในงาน “KAWS:HOLIDAY THAILAND” ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี ระหว่างวันที่ 13 – 25 พ.ค.68 ทั้งนี้จะมีการเปิดเผยสถานที่จัดแสดงประติมากรรมในเร็ว ๆ นี้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่ KAWS:HOLIDAY THAILAND จะมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ ขอบคุณพันธมิตร เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ KAWS ศิลปินชื่อดังระดับโลก ที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น เพราะเชื่อว่าเมืองที่ดีไม่ใช่เมืองที่มีแต่ตึกรามบ้านช่อง แต่เป็นเมืองที่มีพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนมาใช้ประโยชน์ได้ มีงานศิลปะที่ประชาชนมาชื่นชมได้ หัวใจคือการพัฒนาเรื่อง Art scene ในกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"หลายคนบอกว่าช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ศิลปะในกรุงเทพฯ ดีขึ้น ซึ่งประโยชนที่ได้มีหลายมิติ สำคัญที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะจะมีแฟนคลับของศิลปินเดินทางมาจากทั้งในและนอกประเทศมาชมผลงานที่จัดแสดงในกรุงเทพฯ ทำให้เม็ดเงินหลั่งไหลไปสู่ธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ถึงระดับรากหญ้า นอกจากนี้ชาวกรุงเทพฯ ยังได้ชมผลงานศิลปะระดับโลก ที่ กทม. เองก็สนับสนุนศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศมาตลอด เพราะหัวใจของศิลปะคือความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต การที่ผู้คนได้เห็นผลงานดี ๆ จะทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ที่จะผลักดันให้เมืองสร้างสรรค์และพัฒนาไปข้างหน้า"คนกรุงเตรียมปักหมุดเช็กอิน “KAWS:HOLIDAY THAILAND”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/lifes.../travel-shopping/622266

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เกาะ Socotra เต็มไปด้วยต้นไม้ประหลาด เหมือนอยู่นอกโลก

09/05/2025

ถ้าพูดถึงสถานที่ที่ดูเหมือนมาจากต่างดาว "เกาะโซโคตรา" (Socotra Island) แห่งประเทศเยเมน หลายคนต่างจะบอกว่าเกาะ Socotra เต็มไปด้วยต้นไม้ประหลาด เหมือนอยู่นอกโลก แท้จริงแล้วเกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น หนึ่งในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สุดในโลก เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น โดยเฉพาะ "ต้นเลือดมังกร" (Dragon’s Blood Tree) ที่ดูเหมือนร่มกลับหัว พร้อมน้ำยางสีแดงเข้มราวกับเลือด มาทำความรู้จักเกาะ Socatra กันเพิ่ม ต้นไม้ประหลาดนี้คือต้นอะไร ที่นี่มีคนอาศัยอยู่ไหมมีคนอาศัยอยู่ไหมเกาะโซโคตรามีประชากรประมาณ 60,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองที่ใช้ภาษาถิ่นของตัวเองชื่อว่า ภาษาโซโคตรี (Soqotri) ซึ่งเป็นภาษาหายากที่สืบทอดมาหลายพันปี คนที่นี่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เน้นการทำประมง ปศุสัตว์ และเกษตรกรรมความโดดเด่นของเกาะเนื่องจากเกาะโซโคตราแยกตัวจากแผ่นดินใหญ่มานานกว่า 20 ล้านปี พืชและสัตว์ที่นี่จึงวิวัฒนาการเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่า "กาลาปากอสแห่งมหาสมุทรอินเดีย"ต้นไม้ประหลาดบนเกาะแห่งนี้ต้นไม้ที่พบได้เฉพาะที่นี่ไม่เพียงแต่ต้นเลือดมังกรเท่านั้น แต่ยังมี ต้นแตงกวายักษ์ทะเลทราย (Desert Rose) ที่ลำต้นอวบอ้วนเหมือนขวด และออกดอกสีชมพูสวยงาม ทำให้ทิวทัศน์ของเกาะโซโคตราดูเหมือนโลกแฟนตาซีที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากนี้ ยังมีสัตว์เฉพาะถิ่น เช่น นกหายากและกิ้งก่าพันธุ์พิเศษ ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอันโดดเดี่ยวของเกาะชายหาดสุดอันซีนไม่เพียงแต่ป่าไม้แปลกตา แต่เกาะโซโคตรายังมี ชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการสำรวจแนวปะการังหรือชมฝูงโลมา อีกทั้งยังมี ถ้ำหินปูนและภูเขาหินขรุขระ ที่ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งอย่างแท้จริงเกาะแห่งมรดกโลกเกาะโซโคตราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก แต่ด้วยความที่การเดินทางมายังเกาะนี้ค่อนข้างยาก ทำให้ยังคงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางสายผจญภัยที่ต้องการสำรวจสถานที่แปลกใหม่เกาะโซโคตราอาจจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม แต่สำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร และชื่นชอบการเดินทางแบบอันซีน นี่คือสถานที่ที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้ง!แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1452003/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

"Extra Chromosome" ศิลปะไร้ขีดจำกัดโดยศิลปินดาวน์ซินโดรมเปิดชมฟรี 21-23 มี.ค.นี้

08/05/2025

สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย เชิญชวนผู้สนใจชมนิทรรศการ Extra Chromosome เนื่องในวันดาวน์ซินโดรมโลก 21 มีนาคม ซึ่งนอกจากจะนำเสนอผลงานศิลปะที่สวยงามจากฝีมือของศิลปินที่มีภาวะดาวน์ซินโดรมแล้ว นิทรรศการนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคมที่มีต่อผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม และทำให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่แตกต่างจากศิลปินทั่วไป พร้อมส่งต่อแนวคิดสำคัญว่า “ความสามารถไม่ได้ถูกกำหนดด้วยจำนวนโครโมโซม”Extra Chromosome จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Just like you แค่โครโมโซมหนึ่งที่เกินมา นอกนั้นไม่แตกต่าง เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 21-23 มีนาคม 2568 ที่ชั้น 5 เซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณ Craft Studio Zoneโดยในวันเปิดงาน 21 มีนาคม 2568 นอกจากจะมีขบวนพาเหรดของน้อง ๆ ที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม ออกไปประชาสัมพันธ์การจัดงานแล้ว ในเวลา 15.00 น.ยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้ร่วมงานได้มารับรู้เรื่องราว แลกเปลี่ยนมุมมอง และสัมผัสศักยภาพที่เต็มไปด้วยพลังบวกของพวกเขา โดยมี คุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคู่รักนักแสดงชื่อดัง โตโน่ ภาคิน  คำวิลัยศักดิ์ และ ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ มาร่วมพูดคุย แบ่งปันมุมมอง และรณรงค์ผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กชอปให้ผู้สนใจได้มาร่วมวาดภาพพร้อมกับศิลปินเจ้าของผลงานที่นำมาจัดแสดงด้วยนิทรรศการ Extra Chromosome ได้รวบรวมผลงานภาพวาดสีอะคริลิกบนผืนผ้าใบรวม 40 ชิ้น มีทั้งภาพ Portrait ภาพ Abstract รวมไปถึงภาพสิ่งของที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองพิเศษของศิลปินเอ็กซ์ตร้าโครโมโซม ซึ่งน้อง ๆ กลุ่มนี้มีมุมมองที่แตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสามารถพิเศษที่น่าทึ่ง ผลงานที่ถ่ายทอดออกมานับเป็นเพียวอาร์ต มีความบริสุทธิ์ เป็นอิสระ ไม่ติดกรอบ ไม่ผ่านกระบวนการเลียนแบบใด ๆ ซึ่งศิลปินเจ้าของผลงานทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจที่จะไปแสดงงาน และอยากให้มีคนเข้ามาชมงานของพวกเขามาก ๆแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451947/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ตื่นตา “ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์” ม.เกษตรฯ กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 คาดบานชุดสุดท้ายของปีนี้

08/05/2025

ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน บานชมพูสะพรั่งอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 คาดบานเป็นชุดสุดท้ายของปีนี้ (2568) และน่าจะทยอยร่วงโรยตั้งแต่ราววันที่ 18 มี.ค.68 เป็นต้นไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชวนเที่ยวชมความสวยงามของ “ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์” ที่กำลังออกดอกบานสวยงามชมพูสะพรั่งอีกครั้ง ถือเป็นการบานในรอบที่ 3 ของปี และคาดว่าน่าจะบานเป็นชุดสุดท้ายของปีนี้ (2568) โดยช่วงเวลาที่ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานเต็มที่ในรอบที่ 3 อยู่ในช่วงวันที่ 16-18 มีนาคม 2568 หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ทยอยร่วงโรยไปดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)สำหรับจุดที่ดอกชมพูพันธ์ทิพย์ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน บานรอบที่ 3 เยอะเป็นพิเศษ คือบริเวณ ถนนหน้าโรงเรียนสาธิต ม.เกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาถ่ายรูปดอกชมพูพันธ์ทิพย์คือ ช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.30-ถึงไม่เกิน 10.30 น. และช่วงเย็น เวลาประมาณ 16.30-ไม่เกิน18.30 น. ซึ่งจะได้ภาพที่มีแสงสวย และไม่ร้อนจนเกินไปนอกจากนี้ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ยังขอความกรุณานักท่องเที่ยวที่จะไปชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานรอบที่ 3 ของปี ให้จอดรถในที่ที่กำหนดไว้ให้, ไม่โน้มดึงหักกิ่งเพราะกิ่งเปราะบางและหักง่าย และทิ้งขยะในจุดที่กำหนดไว้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)“ชมพูพันธุ์ทิพย์” เป็นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีชมพูอ่อน ชมพูสด และขาว มีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา ตาเบบูยาในเมืองไทยชมพูพันธุ์ทิพย์จะออกดอกในช่วงกลางเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยใช้ระยะเวลาบานประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่ดอกจะร่วงโรยไป ความงดงามของพรรณไม้ชนิดนี้อยู่ตรงที่เมื่อผลัดใบทั้งหมด จะเหลือแต่กิ่งก้าน ให้ดอกสีชมพูได้ชูช่อเป็นจำนวนมากอยู่บริเวณปลายกิ่งดูอ่อนหวานงดงามยิ่งนักดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นแหล่งชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานแหล่งใหญ่ ซึ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือ ตาเบบูยานี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ปลูกขึ้นมากว่า 30 ปี และมีจำนวนมากกว่า 200 ต้น โดยปลูกอยู่ทั้งสองข้างทางเป็นฝั่งแนวยาว บริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์(ถนนหลังมอ) เมื่อถึงเวลาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคมของทุกปี ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์จะผลัดใบและออกดอกสีชมพูเป็นทางยาวดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ม.เกษตร กำแพงแสน บานสะพรั่งรอบ 3 ของปี 2568 (ภาพ : เพจ กองบริการกลาง สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน)และนอกจากที่ริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ แล้ว บริเวณถนนหน้าโรงเรียนสาธิต ม.เกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) บริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ซึ่งก็มีความงดงามไม่แพ้กัน ผู้ที่สัญจรไปมาและนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาถ่ายรูปได้ กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของนครปฐมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000025533

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กลุ่มบริษัทเอไอเอ แถลงผลประกอบการอันดีเยี่ยมประจำปี 2567

08/05/2025

มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18; กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี เพิ่มขึ้นร้อยละ 12; ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10; ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9; เงินปันผลประจำปีต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10; โครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฮ่องกง, 14 มีนาคม 2568 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: ผลประกอบการของธุรกิจใหม่  •  มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ  •  ทุกภาคส่วนธุรกิจ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก  •  เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 8,606 ล้านเหรียญสหรัฐ   •  กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 1.9 จุด เป็นร้อยละ 54.5 มูลค่าพื้นฐานของกิจการ  •  ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 71.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ต่อหุ้น  •  กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 10,025 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ต่อหุ้น  •  อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย อยู่ที่ร้อยละ 14.9 โดยเพิ่มขึ้น 200 จุด จากร้อยละ 12.9 ในปี 2566รายงานทางการเงิน (IFRS)  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,605 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อหุ้น  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569  •  อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ร้อยละ 14.8 เพิ่มขึ้นมา 130 จุด จากร้อยละ 13.5 ในปี 2566เงินกองทุนส่วนเกิน  •  มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,327 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้น  •  เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG)(3) อยู่ที่ 4,020 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่  •  อัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้น(4) อยู่ที่ร้อยละ 236 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน  •  เงินปันผลประจำปีเเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น  •  โครงการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ(5) เป็นไปตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา  •  ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 ผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า: “เอไอเอมีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมมากในปี 2567 จากผลกำไรของธุรกิจใหม่ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และเงินกองทุนส่วนเกิน เรายังคงมุ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจากการดำเนินงานและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเราได้คืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เป็นมูลค่ากว่า 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทุกภาคส่วนธุรกิจมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของธุรกิจของเรา ธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรต่อเนื่องส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัยต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หลังจากการจ่ายคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน“ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ คณะกรรมการได้แนะนำให้เพิ่มเงินปันผลประจำปีร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดเงินปันผลรวมต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในปี 2567 นอกจากนี้ ตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา คณะกรรมการได้ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงินจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายปันผลร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิประจำปี (Net FSG) และเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามการตรวจสอบสถานะเงินทุนของกลุ่มบริษัทเป็นประจำ เมื่อรวมกันแล้ว การจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนรวม(6) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 สำหรับผู้ถือหุ้น“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ดีและแตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในตลาดที่มีความน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายอันแน่วแน่ของเรา ผมมั่นใจว่าโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอยังคงยอดเยี่ยม เราจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเราได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเรา”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

อลิซาเบธ รอมฮิลด์ จากคนชอบวาดรูปสลัม สู่ศิลปินและนักออกแบบระดับนานาชาติ

08/05/2025

ทำความรู้จักกับ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ ศิลปินเชื้อสายเดนมาร์ก-อาร์เมเนียน ผ่านการผจญภัยบนเส้นทางสายศิลปะ 40 ปี ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสีสันของกรุงเทพฯ เมืองที่เธอพำนักอยู่นานกว่า 37 ปี ในหนังสือ Elizabeth Romhild's Odysseyเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ แปซิฟิค ซิตี้คลับ สำหรับหนังสือรวบรวมผลงานตลอดระยะเวลา 40 ปี ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ของ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ (Elizabeth Romhild) ศิลปินเชื้อสายเดนมาร์ก-อาร์เมเนียนที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอลิซาเบธ รอมฮิลด์ กับผลงานจิตรกรรม Untold Stories และประติมากรรม Freedomก่อนงานเลี้ยงค็อกเทลในช่วงค่ำ ซึ่งจะมีการจัดประมูลผลงานจิตรกรรม Untold Stories และประติมากรรม Freedom เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนให้แก่ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม (QSCBC) เรามีโอกาสได้สนทนากับคุณอลิซาเบธพอสังเขปคุณอลิซาเบธเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเองว่าเธอเกิดที่เดนมาร์ก แต่ชีวิตศิลปินนั้นเริ่มต้นที่อินโดนีเซียในขณะที่มีอายุ 26 ปี ( พ.ศ.2528) ความสนใจในการวาดรูปสีน้ำสะท้อนบ้านเรือนของชุมชนแออัดที่ดึงดูดเธอด้วยสีของสนิมและไม้ในเฉดต่าง ๆ ทำให้เธอได้รับการเรียกขานว่าเป็น Slum Painterภาพเขียนสีน้ำชิ้นแรกในชีวิตที่ขายได้ ขณะจัดแสดงในแกลลอรีที่อินโดนีเซีย (ภาพจากหนังสือ Elizabeth Romhild's Odyssey)วาดสีน้ำอยู่ได้ราว 3 ปี คุณอลิซาเบธมีอันต้องย้ายตามคุณปีเตอร์สามีผู้ทำงานให้กับบริษัท อีสต์ เอเชียติก มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2531 และพำนักอยู่จนถึงปัจจุบัน“กรุงเทพฯเป็นมากกว่าบ้าน และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะ ลูกของฉันเกิดที่นี่ และการค้นพบสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฉันก็เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน”ผู้คนและวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยสีสันของกรุงเทพฯ ทำให้คุณอลิซาเบธเปลี่ยนเทคนิคจากสีน้ำมาเป็นสีน้ำมันที่สามารถสะท้อนความสดใสของเมืองได้อย่างตรงใจ ประกอบกับความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกซึ้งหลังจากการได้เป็น “แม่” เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการค้นหาตัวตนบนเส้นทางศิลปะกรุงเทพฯจากผลส้มในชามแก้วสีน้ำเงินที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสไตล์ของตนเอง“วันหนึ่งไปโรงแรมโอเรียนเต็ลไปเห็นผลส้มวางอยู่ในชามแก้วสีน้ำเงิน  ไม่น่าเชื่อว่ารูปทรงกลมธรรมดากับสีน้ำเงินจะจุดประกายสร้างสรรค์ทำให้เราได้ค้นพบสไตล์การทำงานที่เป็นของตัวเองได้ในที่สุด”ผลส้มทรงกลม นำไปสู่รูปทรงที่สื่อความหมายถึงความเป็นผู้หญิง และความรักอันเป็นนิรันดร์ ในขณะที่สีน้ำเงินของชามแก้วบรรจุผลส้มได้เข้ามาอยู่ในจานสี กลายเป็นสีที่ขาดไม่ได้บนผืนผ้าใบในงานศิลปะของเธอFEAST ผลงานที่นำรูปทรงของหน้ากากและเครื่องดนตรีเข้ามาในการสื่อสารอารมณ์หลังจากชัดเจนในสไตล์แล้ว คุณอลิซาเบธเริ่มนำเอารูปทรงของเปียโนเข้ามาสร้างความเคลื่อนไหวด้วยเส้นและสีที่มีความพลิ้วไหวราวกับบทเพลง ร่วมด้วยหน้ากากเพิ่มความหลากหลายของสีสันและความเป็นปริศนาที่ชวนให้รู้สึกถึงความน่าค้นหาจากผลงานจิตรกรรมสู่งานออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องถ้วยชามกระเบื้อง รูปทรงเปียโนในภาพเขียนพัฒนาสู่งานเครื่องประดับนอกจากงานจิตรกรรมสีน้ำมันแล้ว อลิซาเบธยังได้สร้างสรรค์งานประติมากรรม และงานออกแบบควบคู่กันไปด้วย เช่น งานออกแบบเครื่องประดับ จานกระเบื้อง ถ้วยกาแฟ กระเบื้องโมเซกประดับผนัง ล่าสุดร่วมมือกับ Skiniplay นำเสนองานศิลปะฝาครอบลำโพง Helix บนลำโพง Bang & Olufsen อีกด้วยงานออกแบบศิลปะให้กับลำโพง Bang & Olufsen40 ปีบนถนนสายศิลปะที่เรียนรู้ศิลปะด้วยตนเอง กว่าจะมาถึงวันที่ผลงานได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมในทวีปยุโรป อเมริกา และ เอเชีย คุณอลิซาเบธ กล่าวว่า“ฝึกฝน ฝึกฝน อย่ายอมแพ้ แม้ว่าจะเหงาบ้างในบางตอน แต่เชื่อเถอะเมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง เราจะพบประตูบานใหม่ที่เปิดอยู่เสมอสุดท้ายนี้ฉันหวังว่าหนังสือของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจ สร้างความท้าทาย สร้างความประทับใจในหัวใจของผู้อ่านทุกท่าน เช่นเดียวกับที่การสร้างสรรค์มันได้ประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจของฉัน”ขอบคุณศิลปินที่ทำให้บ่ายวันธรรมดาของฉันกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำหนังสือ Elizabeth Romhild's Odyssey มีจำหน่ายที่ร้านเอเชียบุ๊คส์และร้านคิโนะคุนิยะติดตามชมผลงานของ อลิซาเบธ รอมฮิลด์ ได้ทาง  •  https://elizabethromhild.com/  •  เฟซบุ๊ก Elizabeth Romhildแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1169922

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

หอคอยแห่งเมืองโบราณคดี “ซามาร์รา” มรดกโลกในดินแดน “อิรัก”

08/05/2025

ชมความงามเป็นเอกลักษณ์ของหอคอยสูง ขดเป็นเกลียวดังก้นหอยโดดเด่น บริเวณมัสยิดอาบู ดูลาฟ ย่านชานเมืองโบราณคดีซามาร์รา (Samarra) ในจังหวัดซาลาห์แอดดินของอิรักเมืองโบราณคดีซามาร์รา ตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือราว 130 กิโลเมตร ประกอบด้วยซากเมืองอิสลามที่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอับบาสิดในศตวรรษที่ 9เมืองโบราณแห่งซามาร์รา(Samarra Archaeological City) มีอายุระหว่างปี ค.ศ. 836-892 เป็นหลักฐานอันโดดเด่นของอาณาจักรอิสลามที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ครอบคลุมพื้นที่ยาวจากตูนิเซียไปจนถึงเอเชียกลาง นับเป็นเมืองหลวงอิสลามแห่งเดียวที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรม และศิลปะดั้งเดิม เช่น โมเสกและงานแกะสลักไว้ได้ภาพ: สำนักข่าวซินหัวซามาร์รา นับเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากถูกทิ้งร้างตั้งแต่เริ่มแรก จึงหลีกเลี่ยงการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นภาพ: สำนักข่าวซินหัวเมืองโบราณแห่งนี้ยังคงรักษามัสยิดที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่ง (อัลมาลวียาและอาบูดูลาฟ) และหออะซานที่แปลกตาที่สุดไว้ นั่นคือ หอคอยสูง 52 เมตร ขดเป็นเกลียวดังก้นหอย รวมถึงพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม (พระราชวังคาลิฟาล คัสร์ อัล-คาลิฟา อัล-จาฟารี อัล-มาชูก และอื่นๆ)หอคอยได้รับความเสียหายในปี ค.ศ. 2005 เมื่อยอดหอคอยถูกทำลายจากการระเบิด จากกลุ่มกบฏในอิรัก หลังจากนั้นรัฐบาลอิรักจึงมีโครงการฟื้นฟู และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายขององค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2007ภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000023282

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

นับถอยหลัง ประกันสุขภาพ เพิ่มเงื่อนไข Copayment

08/05/2025

Prachachat BITE SIZEโดย พฤฒินันท์ สุดประเสริฐประกันสุขภาพ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตใครหลาย ๆ คน ที่อาจจะกังวลว่าความป่วยจะเข้ามาเยือนในชีวิตเมื่อไหร่ รวมถึงเป็นหลักประกันที่ทำให้สบายใจ เมื่อต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนแต่หลังจากวันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ประกันสุขภาพฉบับใหม่ เพิ่มเงื่อนไขร่วมจ่าย หรือ Copayment หวังลดการเคลมค่ารักษาที่จุกจิก เกินจำเป็นPrachachat BITE SIZE รวบรวมรายละเอียดการเพิ่มเงื่อนไข Copayment ในประกันสุขภาพฉบับใหม่ ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร แล้วเคลมแบบไหนถึงต้องร่วมจ่ายด้วยมองสถานการณ์ “ค่ารักษา-ประกันสุขภาพ”ช่วงหลายปีมานี้ ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ผลการสำรวจแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลทั่วโลกจาก วิลลิส ทาวเวอร์ส วัตสัน ซึ่งเปิดเผยเมื่อพฤศจิกายน 2567 ระบุว่า ค่ารักษาพยาบาลในไทยและเอเชีย ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ต้ังแต่ปี 2563 และคาดการณ์ว่าค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 14.2% ในปี 2568 ลดลงเล็กน้อยจาก 15.2% ในปี 2567 แต่ยังคงสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 1.2%ปัจจัยหลัก ๆ ที่ดันค่ารักษาพยาบาลให้สูงขึ้นต่อเนื่อง มีทั้งการเพิ่มสูงขึ้นของการเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่ถูกเลื่อนออกมาในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจทำให้แพทย์ต้องใช้เทคนิคการรักษาโรคที่เข้มข้น และการพัฒนาและนวัตกรรมการรักษาพยาบาลล้ำสมัยขึ้นเรื่องนี้กระทบทุกส่วนทั้งคนไข้ ผู้ให้บริการ และบริษัทประกัน ที่ต้องปรับเบี้ยประกันใหม่ให้สะท้อนภาพความเป็นจริงในการเคลมสินไหมในจำนวนนี้ เป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 1.78 แสนคน และไม่เคยทำงานมาก่อน 1.80 แสนคน แต่ในช่วงที่ผ่านมา เบี้ยประกันภัยสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยประมาณ 3-5% ต่อปี เนื่องมาจากหลายปัจจัย อาทิ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการรับประกันภัยที่สูงขึ้น หรือแม้แต่การเคลม การเก็บรวบรวมสถิติคนที่มีการเคลมสูงเกินความจำเป็นทางการแพทย์นั้น พบว่ามีอยู่ไม่เกิน 5% แต่สถิติ Loss Ratio เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องทั้ง 2 ประเด็นหลักนี้ กระทบหลายส่วน บริษัทประกันแบกรับค่าใช้จ่าย แบกรับการเคลมเกินความจำเป็น คนอยากทำประกันก็เข้าถึงประกันได้ยากอีก เพราะค่าเบี้ยที่สูงขึ้นจนเกินเอื้อมอีก คนที่มีประกันอยู่แล้วก็อาจต้องถอย จากเบี้ยประกันที่สูงเกินไปนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทประกัน ตัดสินใจร่วมกัน เพิ่มเงื่อนไข Copayment ในประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือกำหนดให้ผู้ป่วย ผู้ทำประกัน ร่วมรับผิดชอบค่ารักษาด้วยส่วนหนึ่ง โดยจะมีผลกับกรมธรรม์ใหม่ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไปเคลมค่ารักษาแบบไหน เข้าข่ายต้อง Copayment ?สำหรับเงื่อนไข Copayment ที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้ ไม่ได้มีผลในทันที และมีผลเฉพาะประกันฉบับใหม่ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ 20 มีนาคมนี้เงื่อนไขที่เข้าข่ายต้องร่วมจ่าย จะมี 3 เงื่อนไขเงื่อนไขที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมเข้ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) มากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจาก IPD มากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปการเจ็บป่วยที่เข้าข่ายเป็น Simple Diseases คือ  •  อาการไม่รุนแรง อาการมักไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว  •  รักษาง่าย การรักษาไม่ซับซ้อน เช่น การใช้ยาสามัญประจำบ้าน หรือวิธีการธรรมชาติ  •  หายได้เอง ในบางกรณีร่างกายสามารถฟื้นตัวเองได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษา  •  พบได้บ่อย เป็นโรคหรืออาการที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัยเงื่อนไขที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไป (ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง) โดยเบิกเคลมเข้ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) มากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจาก IPD มากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปเงื่อนไขที่ 3 หากเข้าเงื่อนไข ทั้งกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปถ้าทำประกันแล้ว ปีแรกมีการเคลมจนเข้าเกณฑ์ต้องร่วมจ่าย จะมีผลในปีที่ 2 หรือปีต่ออายุถัดไป ถ้าปีต่ออายุ เข้าเงื่อนไขอีก ก็ต้องร่วมจ่ายต่อไปทุกค่ารักษา แต่ถ้าปีต่ออายุ เคลมน้อยลง เคลมน้อยกว่าเงื่อนไขกำหนด ก็กลับมาคุ้มครองเต็ม และจะพิจารณาปีต่อปีโดยกรณี Copayment จะเกิดขึ้นกับกรณีเคลม IPD เท่านั้น ครอบคลุมทั้งประกันแบบมีความรับผิดส่วนแรก (Deductible) และประกันเหมาจ่าย และถ้ากรณีเข้าเงื่อนไขต้อง Copayment ด้วย ไม่ว่าจะเหมาจ่ายหรือ Deductible ต้องจ่ายเบี้ยเต็มเท่าเดิม ไม่มีการลดเบี้ยทั้งนี้ กรณีมีประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรก (Deductible) และเข้าเงื่อนไขต้องร่วมจ่าย (Copayment) นั้น จะคำนวณค่ารักษาส่วนที่ต้องร่วมจ่าย คือ ผู้เอาประกัน จ่ายส่วน Deductible ก่อน แล้วนำค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เหลือ หลัง Deductible แล้ว มาคำนวณส่วนที่ต้อง Copayment ตามเงื่อนไขส่วนการเคลมแบบ OPD ไม่รวมในเงื่อนไขนี้ เพราะประกันสุขภาพที่มีวงเงิน OPD ส่วนใหญ่จะระบุ วงเงินเคลมและจำนวนครั้งการเคลมต่อปี และกรณีมีประกันสุขภาพเล่มเดิม ที่มีผลคุ้มครองก่อน 20 มีนาคม 2568 และยังไม่ขาดอายุ จะยังไม่มีเงื่อนไข Copayment เพิ่มเติมแต่อย่างใจส่วนวิธีการแจ้งว่าประกันที่มี เข้าเงื่อนไข Copayment นั้น บริษัทประกันภัยจะมีหนังสือแจ้งล่วงหน้าก่อนครบชำระเบี้ยประกันภัยไม่น้อยกว่า 15 วัน หากเกิดการเคลมภายหลังจากที่บริษัทได้ออกหนังสือแจ้งชำระเบี้ยประกันภัย และเข้าเงื่อนไข Copayment บริษัทจะออกเอกสาร บันทึกสลักหลัง (Endorsement) เพื่อแจ้งรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงและเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้เอาประกันภัยทราบหวังลด ‘เคลมไม่จำเป็น’อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่า เงินเฟ้อทางการแพทย์ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น และมีผลกระทบต่อเนื่องถึงการรับประกันภัยที่อาจทำให้กระทบต่อการเงินของบริษัทประกันนางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ระบุว่า การพิจารณา Copayment เพื่อให้บริษัทประกันสามารถอยู่ได้ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูง โดยไม่ปรับเบี้ยประกันมากเกินไป และเชื่อว่า Copayment จะทำให้คนเกิดความตระหนักมากขึ้น และไม่เคลมโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันอยู่ได้แบบยั่งยืนแต่การปรับเบี้ยตามอายุ ตามปัจจัยต่าง ๆ เงินเฟ้อเอย โรคอุบัติใหม่เอย หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ ยังคงมีอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องผ่านการเห็นชอบจาก คปภ. ก่อนนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ระบุเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้คงต้องมอนิเตอร์การใช้มาตรการดังกล่าวราว 2-3 ปี ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน ส่วนตัวเชื่อว่าพอร์ตประกันสุขภาพกลุ่ม ก็คงจะใช้แนวทางนี้ในการจัดการปัญหาด้วย เพราะหลายบริษัทเจอปัญหาการบริหารค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ให้สวัสดิการพนักงานเช่นเดียวกันแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1764072

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เจ้าหนี้ 300 ราย ถูกหลอก! คนอ้างช่วยเร่งรัดเบิกเงินกองทุนประกัน

08/05/2025

เจ้าหนี้ประกัน 300 ราย ถูกหลอก! คนอ้างช่วยเร่งรัดเบิกเงินกองทุนประกัน กปว. ยันไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าหลงเชื่อ ดำเนินการตามกระบวนการโปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้นนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ในฐานะผู้ชำระบัญชีให้กับบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย เปิดเผยว่า กองทุนประกันวินาศภัยขอชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหนี้กว่า 300 ราย รวมตัวที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หลังถูกหลอกให้จ่ายเงินรวมกว่า 2 ล้านบาท โดยอ้างว่าสามารถช่วยเร่งรัดการจ่ายเงินจากกองทุนประกันวินาศภัยได้ซึ่งทางกองทุนประกันวินาศภัยขอยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับเงินจากประชาชน และไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าว การดำเนินการจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายที่กำหนดไว้ชัดเจนโดยประชาชนสามารถดำเนินการเองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้กองทุนประกันวินาศภัยยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสามารถแทรกแซงกระบวนการ หรือเรียกรับเงินเพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้เร็วขึ้นได้“ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างว่ารู้จัก หรือมีช่องทางพิเศษในการช่วยเหลือเรื่องการจ่ายเงินจากกองทุนประกันวินาศภัย เพราะกองทุนประกันวินาศภัยดำเนินการตามกระบวนการที่โปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น”ปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัย ดำเนินการจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ตามระยะเวลาที่กองทุนประกันวินาศภัยได้รับเงินนำส่งจากบริษัทประกันวินาศภัย ตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย มาตรา 80/3 โดยมีรอบการนำส่งเงินปีละ 2 ครั้ง ดังนี้  •  ครั้งที่หนึ่ง ให้บริษัทนำส่งเงินภายในเดือนมกราคม ในอัตราร้อยละ 0.5 ของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนประกันวินาศภัย จะนำเงินที่ได้รับมาจ่ายให้กับเจ้าหนี้ในเดือนกุมภาพันธ์  •  ครั้งที่สอง ให้บริษัทนำส่งเงินภายในเดือนกรกฎาคม ในอัตราร้อยละ 0.5 ของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนของปีนั้น ดังนั้น เจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนตามกระบวนการที่กำหนดไว้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้บุคคลใดเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานกองทุนประกันวินาศภัยย้ำเตือนประชาชนว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพบางรายอาศัยช่องโหว่ทางข้อมูล หลอกลวงประชาชนโดยอ้างว่าสามารถช่วยเร่งรัดการจ่ายเงินจากกองทุนประกันวินาศภัยได้ ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนดำเนินการใด ๆทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย หรือได้รับการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องเงินจากกองทุนประกันวินาศภัยได้ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองทุนประกันวินาศภัยโดยตรงขอย้ำว่าประชาชนสามารถดำเนินการขอรับเงินคืนได้เองฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่จำเป็นต้องผ่านบุคคลใดทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือสงสัยว่าอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแจ้งเบาะแสโดยเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1766826

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X