เปิดกระบวนการฟอกเงินสีเทาให้เป็นสีขาว 
ทั้งกลุ่มยาเสพติด พนันออนไลน์ ค้ามนุษย์ คอร์รัปชัน 
ล้วนแต่ใช้วิธีเดียวกัน ‘ผศ.ดร.สุพัตรา แผนวิชิต’ อาจารย์นิติศาสตร์ มสธ. 
แจง ‘15 รูปแบบ’ การฟอกขาว บางอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน 
รวมทั้งมีการแสวงหาผู้ถูกรางวัลที่ 1 เพื่อใช้เงินสีเทาซื้อสลากฯ 
กลายเป็นเงินถูกกฎหมายได้ทันที ขณะเดียวกัน การใช้บ่อนกาสิโนฟอกเงิน 
ทำได้ง่ายๆ ระบุเทคโนโลยีทำให้แก๊งมิจฉาชีพพัฒนารูปแบบ 
ส่งผลให้หน่วยงานรัฐยากต่อการตรวจสอบ ทั้งบัญชีม้า สกุลดิจิทัล 
มั่นใจกฎหมายไทยตามไล่หลัง แต่เอาผิดได้แน่!
กระบวนการฟอกเงินสีเทาๆ ให้กลายเป็นเม็ดเงินสีขาวได้โดยง่าย 
ซึ่งส่วนใหญ่เงินดังกล่าวมีที่มาจากการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ 
การพนันออนไลน์ การคอร์รัปชัน และการประกอบธุรกิจสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ 
ปัจจุบันกระบวนการฟอกเงินได้มีการเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการฟอกเงินไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
 จนทำให้เกิดความซับซ้อนยากต่อการตรวจสอบและติดตามร่องรอยทางการเงิน 
เนื่องจากมีขบวนการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติไปแล้ว
อย่างไรก็ดี หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ปปง. ป.ป.ช. 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ 
ก็ได้ผนึกกำลังความร่วมมือเพื่อปราบปราม จับกุม 
ยึดทรัพย์บรรดาผู้กระทำผิดดังกล่าว ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญเงินสีเทาๆ เหล่านี้ บางรูปแบบก็ผ่านกระบวนการฟอกเงินที่เราอาจคาดไม่ถึง!
ผศ.ดร.สุพัตรา แผนวิชิต อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ระบุว่า 
การฟอกเงินคือการนำเงินที่ผิดกฎหมายมาผ่านกระบวนการแปรสภาพทรัพย์สิน 
ซึ่งส่วนใหญ่จะพบเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การฉ้อโกงประชาชน 
แชร์ลูกโซ่ การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ เป็นต้น 
โดยกระบวนการฟอกเงินจะมีวัตถุประสงค์เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงิน 
เพื่อซุกซ่อนทรัพย์สิน ปกปิดความเป็นเจ้าของที่แท้จริง 
ปกปิดแหล่งที่มาที่ผิดกฎหมาย 
และเป็นกระบวนการที่ทำให้ดูเสมือนว่าเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
 โดยจะดำเนินการผ่าน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย
1. การนำทรัพย์เข้าสู่ระบบ 
เป็นกระบวนการขั้นแรกในวงจรการซักฟอกเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด
 โดยมีการจัดการเงินสดจำนวนมหาศาลที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย 
โดยเคลื่อนเงินสดจากสถานที่สามารถถูกตรวจสอบได้ 
เพื่อจะหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าพนักงาน 
และจะเปลี่ยนสถานะจากเงินเป็นทรัพย์สิน หรือสินทรัพย์ เช่น 
การนำเงินสดฝากเข้าธนาคารหรือสถาบันการเงิน 
โดยอาจผสมกันกับเงินหรือผลกำไรที่ได้จากธุรกิจถูกกฎหมาย 
การนำเงินสดออกนอกประเทศ การใช้เงินสดซื้อสินค้าที่มีราคาสูง 
ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจ 
หรือในบางกรณีตามที่สังคมจะได้ยินข่าวว่ามีคนที่เกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าว 
เอาเงินสดไปซุกซ่อนไว้ในบ้าน หรือแอบซ่อนใส่ตู้เซฟ 
สำหรับวิธีการเอาเงินสดเก็บไว้ในบ้านคือการฟอกเงินประเภทหนึ่งแม้ว่าจะไม่ได้แปรสภาพจากเงินตัวเดิมก็ตาม
2. การทับซ้อนธุรกรรม 
เป็นขั้นตอนที่อาชญากรพยายามที่จะซ่อนเร้นหรือเปลี่ยนแปลงที่มาของความเป็นเจ้าของเงินสกปรก
 จะกระทำโดยการคิดขั้นตอนที่ซับซ้อนในการกระทำธุรกรรมทางการเงิน 
โดยที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบและไม่ถูกบ่งชี้ตัวบุคคล 
เพื่อที่จะตัดความสัมพันธ์ของเงินสกปรกจากแหล่งที่มาอันผิดกฎหมาย 
โดยเจตนาทำธุรกรรมที่ซับซ้อนเพื่อมิให้ถูกตรวจสอบที่มาและเจ้าของเงิน 
วิธีการเช่น การโอนเงินไปบริษัทในต่างประเทศ 
หรือบริษัทบังหน้าที่ก่อตั้งอย่างถูกกฎหมายแต่ก่อตั้งมาจากทุนที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย
 การนำทรัพย์สิน 
หรืออสังหาริมทรัพย์ที่นำเงินสกปรกไปซื้อมาขายเลหลังหรือขายต่ออีกทอดหรือหลายๆ
 ทอด เช่น นำเงินที่ผิดกฎหมายไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ นำเงินไปซื้อทองคำ 
จากนั้นนำทองคำไปขาย เมื่อขายทองคำเสร็จนำเงินไปซื้อรถหรู ซื้อรถหรูเสร็จ 
นำไปซื้อหุ้นในตลาดหรือทำอย่างอื่นต่อ 
เพื่อให้มีความซับซ้อนในการทำธุรกรรมหลายๆ ชั้น 
เพื่อจะทำให้การติดตามเส้นทางการเงินได้ลำบาก
3. การปนทรัพย์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการ 
เป็นขั้นตอนที่เงินถูกทำให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินอย่างถูกกฎหมาย
 รวมไปถึงทรัพย์สินต่างๆ 
ที่ได้จากการกระทำความผิดก็เข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมายด้วย เช่น 
การโอนเงินผ่านระบบที่ซับซ้อน (ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ) 
ซึ่งทำให้การแกะรอยทางการเงินไม่สามารถกระทำได้ หรือกระทำได้อย่างยากยิ่ง 
การแสดงรายได้ที่ถูกฎหมาย ซึ่งมาจากการขายธุรกิจ 
หรือสินทรัพย์ของธุรกิจที่ใช้เงินสกปรกซื้อ
 
‘ผศ.ดร.สุพัตรา แผนวิชิต’ อาจารย์นิติศาสตร์ มสธ.
ผศ.ดร.สุพัตรา บอกว่า จากการศึกษาและติดตาม พบว่า 
รูปแบบการฟอกเงินจากในอดีตที่ผ่านมากับปัจจุบันมีความแตกต่างกันตรงที่ในยุคนี้จะมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง
 ทั้งการใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำธุรกรรม เช่น ระบบการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์
 และการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน 
เช่น การใช้เงินสกุลดิจิทัล 
โดยนำเงินที่ได้จากการทำความผิดไปซื้อเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ พวก 
Cryptocurrency แล้วก็ไปแลกเปลี่ยนกันใน ตลาด Crypto 
ซึ่งจะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการโอนเงินไปที่ไหน อย่างไร 
เพราะว่าไม่สามารถตรวจสอบที่มาของเงิน 
รวมทั้งไม่สามารถระบุตัวตนความเป็นเจ้าของเงินสกุลดิจิทัลได้
“การซื้อขายยาเสพติดอาจจะเป็นการใช้ตัว Cryptocurrency ในการซื้อขาย 
ทำให้เกิดความยากในการตรวจสอบ เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทลายแก๊งยาเสพติด 
แก๊งพนันออนไลน์ แก๊งค้ามนุษย์ สุดท้ายเราจะได้เงินสด รถหรู บ้าน 
แต่พวกเงินดิจิทัลจะไม่ปรากฏ เพราะไม่สามารถเข้าดูได้ มันจะมีรหัส private 
key ซึ่งจริงๆ แล้วมันอาจมีอยู่จำนวนมากๆ ก็ได้”
“ที่สำคัญมิจฉาชีพอาจใช้บัญชีกระเป๋า Crypto Cryptocurrency 
ซึ่งไม่ได้เปิดใช้บริการผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
 ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 
ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. 
แต่ใช้ตัวกลางในต่างประเทศเป็นช่องทางในการซื้อขาย 
เมื่อไม่ได้ผ่านตัวกลางที่ถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายไทย 
จึงเป็นการยากในการตรวจสอบและติดตาม สืบสวนสอบสวนผู้กระทำความผิด”
 
ส่วนรูปแบบการฟอกเงินที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังดำเนินการอยู่มีทั้งหมด 15 รูปแบบ
1. จะมีการนำเงินดังกล่าวไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินต่างๆ รวมไปถึงสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ ที่มีการตั้งขึ้นมา
2. การนำเงินไปซื้อทรัพย์สินที่มีราคาสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถหรู ทองคำ
 เพชรพลอย เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้ยังดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
3. การฟอกเงินผ่านการลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตร
4. การแลกเปลี่ยนหรือซื้อเป็นเงินตราต่างประเทศ หรือเอาเงินสดติดตัวออกนอกประเทศ
5. การขนเงินสดผ่านแดน/ทางเรือ/ทางบก
6. การนำเงินไปฟอกผ่านการประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 
โดยการเอาเงินสีเทาไปจ่ายเบี้ยประกัน 
สุดท้ายจะได้เงินปันผลซึ่งเป็นผลประโยชน์กลับมา 
และถ้าจ่ายครบตามสัญญาก็จะได้เงินก้อนกลับมา เงินที่มาจากกรมธรรม์ 
จะดูเหมือนว่าเป็นเงินที่ถูกกฎหมาย
7. การนำเงินไปฟอกผ่านการถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล 
โดยไปขอซื้อรางวัลที่ 1 หรือรางวัลอื่นจำนวนมากๆ จากคนที่ถูกรางวัล 
จากนั้นนำไปขึ้นเงินจากสำนักงานสลากฯ โดยอาจจะให้คนอื่นมาขึ้นแทนก็ได้ 
และเงินที่ได้รับมานั้นย่อมจะมีที่ไปที่มาชัดเจน 
ส่วนจะหาคนที่ถูกรางวัลได้ที่ไหนเพื่อจะไปซื้อรางวัลจากเขานั้น 
ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะจะเห็นมีการตั้งโต๊ะรับซื้อรางวัลตามสถานที่ต่างๆ 
ซึ่งคนที่ฟอกเงินจะรู้และเสาะแสวงหาได้
8. การนำเงินไปฟอกเงินผ่านการประกันวินาศภัย โดยประกันทรัพย์สินที่มีราคาสูงแล้วทำลายทรัพย์สินที่ทำประกัน
9. การฟอกเงินผ่านบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศ 
เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกาสิโนที่ถูกกฎหมาย 
แต่ในต่างประเทศมีกาสิโนถูกกฎหมาย 
จึงมีการนำเงินไปฟอกด้วยการเอาเงินไปเล่นในกาสิโน 
และการที่เราได้เงินมาจากกาสิโนที่ถูกกฎหมายจากต่างประเทศจะเป็นที่มาอันหนึ่งว่า
 เงินนี้ได้มาจากกาสิโนที่ไปเล่นมา
“วิธีการไม่มีอะไรซับซ้อน คือ การนำเงินที่ผิดกฎหมายไปเล่น 
ได้เงินมาเท่าไหร่ก็จะมีที่มาว่าได้เงินมาจากการเล่นในกาสิโนที่ถูกกฎหมาย 
คือการนำเงินสดที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมายไปแลกชิปกาสิโน 
พอเข้าไปเล่นการพนันแล้ว ได้เท่าไหร่ก็จะมีหลักฐานการจ่ายเงินจากกาสิโน 
และพอโดนอายัดทรัพย์สิน 
เวลาที่แจ้งจะบอกว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีที่มาจากการเล่นกาสิโน 
โดยใช้ประกอบกับหลักฐานในหนังสือเดินทาง ก็บอกว่าไปเล่นที่นี่มา 
ที่เป็นกาสิโน มีที่แลกเงินตรงนี้ 
ในกรณีดังกล่าวจะต้องมีการพิสูจน์ตั้งแต่ต้นทางว่าเงินที่ไปแลกมาเป็นเงินที่มีที่มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่”
10. การฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล bitcoin cryptocurrency เพื่อซื้อสินค้าและบริการ
11. การนำเงินไปฟอกเงินโดยผ่านการซื้อบัตรเงินสด (e-money) 
คือการเอาเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปซื้อบัตรเงินสดในรูปแบบต่างๆ เช่น 
บัตรทางด่วน บัตรกำนัลซื้อของ บัตรที่มีมูลค่าในตัวเอง 
และใช้เงินไปตามมูลค่าบัตรนั้น ก็เป็นการฟอกเงินไปเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน
12. การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) เพื่อปกปิดร่องรอย 
ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการ e-payment จะต้องรายงานธุรกรรมต่างๆ 
ไปที่สำนักงาน ปปง.
13. การนำเงินไปฟอกผ่านบัญชีม้า ซึ่งถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่างๆ 
ทั้งความผิดเกี่ยวกับการพนัน ฉ้อโกง ยาเสพติด 
ในอดีตพบว่ากลุ่มที่มีการนำบัญชีม้าไปใช้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด
 กลุ่มวงการพนัน 
รวมทั้งกลุ่มนอมินีที่ใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินแทนผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง
 
ปัจจุบันการติดตามทรัพย์สินมีปัญหาเรื่องบัญชีม้าซึ่งสร้างความยากลำบากมากในการติดตามทรัพย์สิน
 และดำเนินคดี
14. การจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินกิจการบังหน้า แต่เบื้องหลังคือการฟอกเงิน
15. การใช้ระบบโพยก๊วนหรือธนาคารใต้ดิน เพื่อให้ยากแก่การตรวจสอบ 
โดยจะทำผ่านร้านการแลกเปลี่ยนเงิน ผ่านวิธีการเครดิต เดบิตเงิน 
โดยไม่มีการนำเงินออกมา ไม่มีการนำเงินข้ามประเทศจริงๆ 
อย่างบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเรา 
คือจะมีการถือคำสั่งโอนเงินให้สาขาประเทศนั้นปล่อยเงินไปให้คนในบัญชีที่ระบุไว้
 ซึ่งสาเหตุที่เราต้องมีโพยก๊วน เพราะว่าไม่ต้องการแสดงตัวตนในการโอนเงิน 
และหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการโอนเงิน
 
 
ผศ.ดร.สุพัตรา กล่าวทิ้งทายว่า 
การฟอกเงินผ่านสถาบันการเงิน หรือทำธุรกรรมต่างๆ 
ระบบของหน่วยงานรัฐจะสามารถเชื่อมโยง ทำให้สามารถตรวจสอบและดำเนินคดีได้ 
แต่สิ่งที่ตรวจสอบยากจะเกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีม้า การโอนเงินใต้ดิน 
การแลกเปลี่ยนเงิน และพวกเงินดิจิทัลทั้งหลาย ซึ่ง ปปง.และหน่วยงานรัฐต่างๆ
 ได้มีการแก้กฎหมายที่จะสามารถดำเนินคดีต่อคนที่เกี่ยวข้องได้ 
แม้ว่าจะทำงานไล่ตามหลังพวกแก๊งมิจฉาชีพก็ตาม!
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/specialscoop/detail/9660000015549