คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ธุรกิจ

ลองทำสิ่งที่คู่แข่ง “ยังไม่ได้ทำ หรือ ไม่คิดจะทำ” !?

18/05/2024

ถ้า คู่แข่ง คิดและทำ ในสิ่งที่ท่าน ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำ …..สิ่งที่ท่านจะทำได้ คงเหลือแต่เพียง ทำใจ….ดูลูกค้าของท่าน จากไปอยู่กับธุรกิจของคู่แข่งของท่าน !Part.1. เมื่อแต่ละธุรกิจทำเหมือนๆกัน !?ธุรกิจทุกขนาด ที่ทำเหมือนๆหรือคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น สินค้า-บริการ คล้ายกันหรือแทบไม่เห็นความแตกต่าง ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่าย ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเองนอกจากจะต้องแข่งกับคู่แข่งแล้ว ยังต้องแข่งกับตัวแทนจัดจำหน่ายด้วยกันเอง ยังไม่รวมสินค้าจากจีน ที่ทะลุทะลวงจนทำให้หลายธุรกิจของไทยในปัจจุบัน วงแตก ทยอยล้มหายตายจาก!ไม่ใช่แค่ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายเท่านั้น ธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำเหมือนๆคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งปัจจุบันและคู่แข่งใหม่ๆที่กำลังเข้ามาทุกวัน ถ้าสายป่านเงินทุนไม่ยาว รอดยาก แต่ถึงแม้สายป่านยาว กำไรก็น้อยลงทุกวัน!Part.2. เพราะ Full Force Strategy ที่เหมือนกัน….?ธุรกิจที่ไม่มีอะไรแตกต่าง ที่ใช้ Full Force Strategy ที่เหมือนกัน และส่วนมากเป็นกลยุทธ์ที่ไม่แตกต่างกันก็คือ การลดราคา การจัดPromotionตลอดทั้งปี บางธุรกิจยิ่งขายยิ่งขาดทุน!Full Force คือการทุ่มสรรพกำลังทั้งหมด แต่เมื่อการทุ่มทั้งหมดไปที่กลยุทธ์ ราคา เป็นหลัก ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะ การใช้กลยุทธ์ราคา เช่น ลด แลก แจก แถม เป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุดในการคิดและทำ แต่เป็นกลยุทธ์ที่เจ็บตัวมากที่สุดเช่นกัน!ลองปรับเปลี่ยน จาก Full Force Strategy ที่เน้นไปที่การลดราคาอย่างเดียว เป็นกลยุทธ์อื่นๆ อย่างน้อย จะไม่เจ็บตัวเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมก็คือ อาจค้นพบโอกาสใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ที่สร้างผลกำไรได้ดีกว่าวิธีเดิมๆที่กับคู่แข่งใช้เหมือนกันPart.3. ลองเปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการในเรื่อง กลยุทธ์ !เป็นเรื่องยากมาก ที่เราจะชนะด้วยวิธีคิด วิธีการที่ไม่แตกต่างจากคู่แข่ง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป ถ้าจะลอง ลองเปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการในเรื่อง กลยุทธ์ ลองทำสิ่งที่คู่แข่ง “ยังไม่ได้ทำ หรือ ไม่คิดจะทำ” !?โดยเลิกคิดเลิกทำตามคู่แข่ง แต่ให้คิดใน “มุมของลูกค้า”!Part.4. ธุรกิจเรา จะช่วยแก้ปัญหา Pain Point ในเรื่องใดของลูกค้าได้บ้าง!?ลูกค้าของทุกธุรกิจ ทุกคนต่างก็มี Pain Point ที่เรามักจะมองไม่เห็น หรือ มองข้าม มีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่สามารถ ตอบสนองความต้องการ และ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ที่ผ่านมาหลายธุรกิจ มักจะคิดแต่ ขายในสิ่งที่อยากขาย แต่อาจไม่ตรงความต้องการของลูกค้า แล้วจะรู้ปัญหา และ ความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร?เริ่มต้นที่ วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า และ ลองคุยกับลูกค้าแต่ละประเภทอย่างจริงจัง เพื่อหาCustomer Insight (ข้อมูลเชิงลึก ของลูกค้า)ท่านจะค่อยๆ ค้นพบ Pain Point ที่ลูกค้าพบเจอในปัจจุบัน จากสินค้า บริการของคู่แข่งและของท่าน ข้อมูลตรงส่วนนี้มีค่ามหาศาลมาก เพราะท่านจะมองเห็นโอกาส ที่คู่แข่งมองไม่เห็น และท่านก็ไม่เคยมองเห็นเช่นกันPart5. ถึงเวลาลองทำสิ่งที่คู่แข่ง “ยังไม่ได้ทำ หรือ ไม่คิดจะทำ”เมื่อมาถึงตรงนี้ ก็เป็นเรื่องไม่ยาก ที่ท่านจะนำ ปัญหาและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน มาเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ใหม่ของท่าน ที่เป็นกลยุทธ์ วิธีการที่คู่แข่ง และท่าน ยังไม่ได้ทำ หรือไม่เคยคิดจะทำKey Point ก็คือ สิ่งที่ท่านคิดจะทำนี้ “ต้องแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน”!ตัวอย่างเช่น Pain Point ของลูกค้าในยุคปัจจุบันคือ สินค้า/บริการ ที่ลูกค้าเคยซื้อจากคู่แข่งหรือเคยซื้อจากท่าน ใช้แล้วพบปัญหาบางอย่าง เพราะขาดการแนะนำที่ดีก่อนการใช้“โอกาสที่ท่านค้นพบ” ก็คือ การเพิ่ม ยกระดับความสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากสินค้า/บริการของท่าน ภักดีกับบริษัทของท่าน ด้วยการ ให้คำแนะนำก่อนใช้-ระหว่างใช้-และช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าหลังการใช้ เป็นต้นหรือ ลองใช้กลยุทธ์ใหม่ที่คู่แข่งและท่านไม่เคยทำ เช่น คู่แข่งเน้นลดราคา (และมักจะแอบลดคุณภาพ หรือ ปริมาณลงแบบเนียนๆ โดยที่ลูกค้าอาจไม่รู้) แต่ท่าน ไม่ลดราคา แต่ยกระดับคุณภาพสินค้า และยกระดับคุณภาพ การให้บริการเชิงรุก (ในระยะสั้น ต้นทุนเหมือนอาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ในระยะกลางและระยะยาว ท่านจะได้ครองใจลูกค้า และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มจากคู่แข่ง)Part6.บทสรุปไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะคิดจะทำ ในการลองคิด ลองทำ สิ่งที่คู่แข่ง ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำเพราะถ้า คู่แข่ง คิดและทำ ในสิ่งที่ท่าน ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำ …..สิ่งที่ท่านจะทำได้ คงเหลือแต่เพียง ทำใจ….ดูลูกค้าของท่าน จากไปอยู่กับธุรกิจของคู่แข่งของท่าน!แหล่งที่มาข่าวต้นกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/business/biz-bizweek/1114681

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

สมาคมประกันวินาศภัยไทย เร่งตรวจสอบ บริษัทสมาชิก หลังพบว่ามีบางบริษัทนำเงินเซฟวิ่งจากการจ่ายสมทบบริษัทกลางฯ ลดลง..มาแข่งขันจ่ายค่าคอมฯ ประกันพ.ร.บ.

18/05/2024

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยถึงกรณี การลดเงินสมทบของบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จากเดิมที่บริษัทประกันภัยต้องจ่าย 12.25% เหลือ 6% หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 จนถึงกันยายน 2569 ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยต้องเผชิญกับวิบากกรรมในเรื่องของการรับประกันภัยโควิด ทำให้บริษัทประกันภัยหลายแห่งถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนความคุ้มครองที่ยังเหลืออยู่นั้นถูกโอนไปที่ “กองทุนประกันวินาศภัย”ซึ่งทางสมาคมเองก็ได้มีการหารือกับทางบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เมื่อมีการลดเงินสมทบลงมา 50% เขาสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้ประมาณ 3 ปี ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบฐานะการเงินของบริษัทกลางฯ จนกระทั่งทำให้บริษัทกลางฯ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ แต่ถ้าครบ 3 ปีแล้วเงินสมทบก็จะกลับมาจ่ายเช่นเดิม หรือ 12.25% เพื่อมาชดเชยความขาดทุนในช่วง 3 ปีนั้นได้"สำหรับ บริษัทกลางนั้นใน 3 ปีที่กำลังจะผ่านไปก็สามารถ recover สถานการณ์ได้ในขณะเดียวกันบ.กลางฯ จะได้มีการปรับโครงสร้างภายในของบริษัทกลางฯ ทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสิ่งเหล่านี้ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบในระยะยาว" ดร.สมพรกล่าวเมื่อย้อนมาพิจารณาทางด้าน  "กองทุนประกันวินาศภัย" ที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาต หรือปิดกิจการ ซึ่งประกันภัยมีหน้าที่จ่ายเงินสมทบเข้าไปให้กองทุนฯ จำนวน 0.25% ของเบี้ยประกันภัยในแต่ละปี เพราะฉะนั้น เมื่อมีบริษัทประกันภัยปิดกิจการ กองทุนก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการจ่ายชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ และในกรณีนี้มีบริษัทประกันภัยถูกปิดกิจการผลจากการประกันโควิด 4 บริษัท ทำให้มีมูลหนี้ปัจจุบันสูงกว่า 51,000 ล้านบาท ซึ่งเงินกองทุนฯ มีเงินทุนไม่เพียงพอในการชำระให้แก่เจ้าหนี้"อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายพยายามเร่งหาทางออกต่อเรื่องดังกล่าว กระทั่งในปีที่ 2566 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จึงมีการปรับเพิ่มเงินสมทบของกองทุนฯ จากเดิมที่บ.ประกันภัยค้องจ่ายอยู่ที่ 0.25% กลายเป็น 0.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเท่าตัว อันที่จริงแล้วนับได้ว่าเป็นภาระของธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นช่วงที่หลังจากเกิดวิกฤตการณ์โควิดที่หลายบริษัทฯ ก็ประสบปัญหาการจ่ายสินไหมทดแทนประกันโควิดเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางบริษัทฯ สมาชิกจึงได้มีการหันกลับไปร้องขอให้ลดเงินสมทบของบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เพื่อมาชดเชยสิ่งที่เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจประกันภัย" ดร.สมพรกล่าวทั้งนี้ ในส่วนทิศทางการเพิ่มขึ้นของเงินสมทบกองทุนประกันวินาศภัยนั้น เพื่อแก้ปัญหาและภาระของกองทุนประกันวินาศภัยซึ่งขณะนี้มีหนี้ที่ถูกรับโอนมาจาก 4 บริษัทที่ปิดกิจการอยู่ในกองทุนประมาณ 51,000 ล้านบาท และสมมุติว่ามีบางบริษัทต้องหยุดดำเนินกิจการไปด้วยและโอนหนี้นั้นมาก็จะเป็นภาระของกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลหนี้ 80,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ก้อนโตเลยทีเดียวดังนั้น จึงมีแนวคิดในหลากหลายวิธีเพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ยกตัวอย่างแนวทางแรก คือ การเพิ่มเงินสมทบจากปัจจุบันเป็น 0.5 ก็อาจจะกลายเป็น 1% หรือ 2% แต่ในมุมนี้ หากมีการเพิ่มเงินส่งสมทบ สุดท้ายแล้วก็จะกลับมาเป็นภาระของประชาชน เพราะถ้าบริษัทประกันภัยมีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ก็จำเป็นจะต้องไปกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่เป็นการไปเพิ่มเบี้ยให้กับประชาชนกลายเป็นภาระของประชาชนในภาพรวมแนวทางที่สอง พูดคุยเจรจากันกับเจ้าหนี้ เพื่อขอลดหนี้ลง เหลือ 30-50% ก็จะทำให้กองทุนมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ยกตัวอย่าง ถ้าลดลงมาเหลือครึ่งนึง 50% จากมูลหนี้ 80,000 ล้านบาท ก็จะเหลือ 40,000 ล้านบาท ก็สามารถนำเงินที่บริษัทประกันภัยจ่ายเงินสมทบอยู่แล้วในขณะนี้ในอัตราปัจจุบันนี้ต่อปี 1,300 ล้านบาท โดยในอนาคตบริษัทประกันภัยก็จะเติบโตมีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เงินสมทบดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 หรือ 1,600 ล้านบาท/ปีในขณะเดียวกันถ้าสามารถออกพันธบัตร หรือ หุ้นกู้ และเชิญชวนให้บริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิต เข้ามาซื้อโดยมีดอกเบี้ยพอสมควร กองทุนฯ ก็สามารถที่จะนำเงินที่ซื้อหุ้นกู้หรือพันธบัตร ไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน 100-150% ได้ ตนก็เชื่อว่าบริษัทประกันภัยและประกันชีวิตจำนวนไม่น้อยจะให้การสนับสนุน กองทุนก็จะสามารถมีวงเงินกลับมา 2-3 หมื่นล้าน มาบริหารกองทุนได้ แต่เรื่องดังกล่าวต้องหารือร่วมและขออนุมัติจากกระทรวงการคลังดร.สมพร กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นอันตรายในตอนนี้ คือ เมื่อมีการปรับลดเงินสมทบของบริษัทกลางฯ ลงไป ก็จะมีบริษัทประกันภัยบางบริษัทนั้นแทนที่จะเอาเงินที่ saving มาได้ไปชดเชยในเรื่องของเงินสมทบจากกองทุน แต่กลับเริ่มเห็นแนวโน้มของบริษัทประกันภัยบางบริษัทนั้นไปจ่ายค่าตอบแทนทางด้านประกันภัยพ.ร.บ.เพิ่มมากขึ้นก็จะกลายเป็นปัญหาอีกด้านหนึ่งของธุรกิจ ซึ่งขณะนี้สมาคมประกันวินาศภัยได้เชิญบริษัทประกันภัยต่างๆ มานั่งพูดคุยกันว่า ควรที่จะดำเนินการให้อยู่ในกฎ กติการ่วมกันอย่างไร เพราะว่าการแก้ปัญหาให้กับธุรกิจประกันภัยนั้นไม่ควรจะสร้างปัญหาอีกแบบหนึ่งให้เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่งแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=164351

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ICONSIAM ART & CULTURE หมุดหมายเพื่อคนรักศิลปะ ชวนดื่มด่ำงานศิลป์ กับ 3 งานอาร์ต ชมความงดงามที่หลากหลาย

18/05/2024

ไอคอนสยาม ชวนทุกท่านดื่มด่ำไปกับงานศิลปะประจำเดือนพฤษภาคม 2567 เริ่มจากงานศิลปะจากฝีมือของนักศึกษามหาวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ สาขาวิชาจิตรกรรมไทย สาขาวิชาประติมากรรมไทย และสาขาวิชาหัตถศิลป์ ภูมิใจนำเสนอนิทรรศการศิลปนิพนธ์ “ทัย ไท ไทย” ที่รวบรวมผลงานอันเป็นรากฐานของศิลปะประจำชาติ ทั้ง ๓ สาขาวิชา คือ จิตรกรรมไทย ประติมากรรมไทย และหัตถศิลป์ ที่ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์การค้นคว้า ตีความ และสร้างสรรค์ผ่านรูปแบบและแนวคิดงานอย่างไทย“ทัย” คำแรกนี้ สื่อความหมายถึง “หทัย” คือ ใจที่รักงานการสร้างสรรค์งานศิลปกรรม หรือ “อุทัย” คือ ความเริ่มต้นในการคิดสร้างสรรค์งาน อันเป็นก้าวของนักศึกษาที่จะก้าวเดินออกไปสู่โลกก้าวต่อไป“ไท” คำที่สอง สื่อความหมายถึง “ความเป็นอิสระ เสรี” ที่เป็นรากฐานสำคัญของคนไทย ที่ล้วนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และสะท้อนความงดงามผ่านงานศิลปกรรมได้อย่างปัจเจก“ไทย” คำที่สาม สื่อความหมายถึง “คนไทย และชาติไทย” ที่มีความงดงามทางศิลปกรรมอย่างเป็นอัตลักษณ์ จนเป็นที่ประทับใจของผู้คนที่เคยพบเห็นความงดงามทางวัฒนธรรมของชาตินิทรรศการ “ทัย ไท ไทย” จึงแสดงงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของสาขาวิชาจิตรกรรมไทย สาขาวิชาประติมากรรมไทย และสาขาวิชาหัตถศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง ผ่านการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมจากกระบวนการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบ รังสรรค์ถ่ายทอดเป็นชิ้นงานที่สืบทอดรูปแบบ และแนวคิดทางศิลปกรรมอย่างไทย ผสมผสานกับจินตนาการการสร้างสรรค์ของนักศึกษา เพื่อสืบทอดรักษาอัตลักษณ์ความงานของไทยสืบไป โดยสามารถชมงานได้ที่ ICON ART & CULTURE SPACE ชั้น 8 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 19 พฤษภาคม 2567RELEASE สถานะของผู้เฝ้ามอง โดยศิลปินเอกพงษ์ ใจบุญนิทรรศการที่สร้างสรรค์ขึ้นแนวคิดในฐานะผู้เฝ้ามองธรรมชาติ และการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เมื่อมีสิ่งหนึ่งกำเนิดขึ้นมาก็จะต้องเสียอีกสิ่งหนึ่งเป็นการทดแทนกันไป ไม่มีมากไปหรือไม่มีน้อยไป เมื่อเรารู้จักปล่อยวาง ปรับตัว และเข้าใจ เราก็จะสามารถใช้แนวทางของการใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อยู่รอบตัวเราได้อยู่เสมอดั่งเช่นผีเสื้อแสนสวยที่บินมาเกาะที่ต้นไม้ ต้นหนึ่งออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งทั้งต้น ความงามที่เกิดขึ้นชั่วขณะนั้นจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ยากยิ่งหากสิ่งที่เห็นอาจจะมิได้เป็นความจริงและสวยงามเสียทั้งหมด เหตุจากผีเสื้อนั้นได้เกิดจากแม่ที่มาวางไข่ลงไปในเปลือกของต้นไม้นั้น และเกิดเป็นหนอนผีเสื้อที่จะเข้าไปกัดกินแก่นไม้เพื่อเติบโตเป็นดักแด้ ก่อนจะลอกคราบออกมาเป็นผีเสื้อตัวนั้น หากหนอนผีเสื้อมีจำนวนมากพอก็จะกัดกินแก่นไม้จนต้นไม้นั้นยืนต้นตาย ความงามของดอกไม้นั้นเราก็มิอาจจะได้เจออีกในปีถัดไป และเราจะไม่ได้เจอผีเสื้ออีกเช่นกัน แต่แท้จริงแล้ว เราจะต้องโกรธผีเสื้อตัวนั้นไหมที่กัดกินต้นไม้ต้นนั้น แต่เมื่อเราพิจารณาความจริงแล้วผีเสื้อก็กัดกินแก่นไม้เพื่อความอยู่รอดและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองต่อไป ส่วนต้นไม้หากมีหนอนกัดกินไม่มากต้นไม้ก็จะรักษาตัวเองให้อยู่รอดต่อไปเช่นกัน หรือถึงแม้จะถูกกัดกินจนต้นไม้นั้นตายจากไป แต่ก็ยังมีเมล็ดพรรณที่จะให้กำเนิดงอกงามเป็นต้นไม้ ต้นต่อไปอีกมากมาย เป็นวัฏจักรอยู่เช่นนี้ ชมนิทรรศการและเฝ้ามองธรรมชาติได้ ณ ICONLUXE Pop up Space ชั้น 1นิทรรศการ มหาเทพแห่งความมั่งคั่งตั้งแต่ครั้งโบราณนานมามนุษย์มีความเชื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเรื่องของการ "ขอพร" ให้แก่ชีวิตตนเองเกิดความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าในชีวิต ความเป็นอยู่ ที่ดีมีความสุขสบายยิ่งขึ้นหรือเรียกอีกอย่างว่าความ "มั่งคั่งร่ำรวย" ตามความเชื่อในแต่ละพื้นที่ทั่วโลกมีการขอพรให้โชคดีกับเทพแต่ละองค์แตกต่างกันไป แต่ในไทยและแถบเอเชียเราจะมีเทพอยู่ ๔ องค์ ที่จะไม่นึกถึงไม่ได้นั้นก็คือ“4มหาเทพแห่งความมั่งคั่ง” ผู้ที่ถือครองทรัพย์สมบัติเป็นอเนกอนันต์ที่คนทั่วโลกต่างเชื่อว่า ที่สุดแห่งการประทานความร่ำรวย ความสำเร็จให้แก่ผู้ที่บูชา เพราะต่างมีความเชื่อและศรัทธา ว่าช่วยจะดลบันดาลพรต่างๆให้สำเร็จดั่งใจหวัง “4มหาเทพแห่งความมั่งคั่ง”เป็นที่เล่าขานต่อกันมา ได้แก่ พระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ พญานาค พญาครุฑ ซึ่งคนทั่วทั้งโลกต่างเชื่อว่า ที่สุดแห่งการประทานความร่ำรวยให้แก่ผู้ที่บูชาเทพที่เชื่อกันว่าช่วยดลบันดาลพรต่างๆให้สำเร็จดังใจหวัง ชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2567 ณ พื้นที่ Arts Way ชั้น Mขอเชิญชวนผู้มีความสนใจร่วมกันชมนิทรรศการทั้ง 3 งานพร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ และดื่มด่ำกับงานศิลปะที่น่าหลงใหลในพื้นที่ต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1338 หรือ Facebook: ICONSIAMแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000042117

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

"หาดทรายรี" เกาะเต่า จุดชมพระอาทิตย์ตกทะเลแสนงามแห่งอ่าวไทย

18/05/2024

"เกาะเต่า" เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดังของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก เกาะเต่า ตั้งอยู่ในอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากเกาะพะงันไปทางทิศเหนือประมาณ 45 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 21 ตารางกิโลเมตรปัจจุบันเกาะเต่าได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในฝั่งอ่าวไทย ทั้งยังเป็นหนึ่งในโรงเรียนสอนดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีแหล่งเรียนดำน้ำที่สามาถฝึกได้ทั้งการดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และดำน้ำแบบฟรีไดฟ์ โดยมีจุดดำน้ำกว่า 20 จุดรอบเกาะเต่า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาดำน้ำที่เกาะเต่าได้เกือบทุกฤดูกาล ยกเว้นช่วงมรสุมระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ส่วนช่วงที่องค์ประกอบเหมาะสมที่สุดคือ ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนนอกจากนี้บนเกาะเต่ายังมีหาดทรายชายทะเลที่สวยงามชวนท่องเที่ยวอยู่หลายจุดด้วยกัน นำโดย "หาดทรายรี" ซึ่งเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดบนเกาะเต่า มีหาดทรายขาวสะอาด มีทั้งที่พัก ร้านอาหารริมทะเล ร้านขายของ คาเฟ่ ไปจนถึงร้านทัวร์ดำน้ำและโรงเรียนสอนดำน้ำบริเวณหาดทรายรียังมี "ลานหิน จปร." อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ขององค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่เสด็จมาเกาะเต่าเมื่อปี รศ.118 และทรงสลักพระปรมาภิไทยย่อ จปร. ไว้ที่ก้อนหินใหญ่แห่งนี้ปัจจุบันลานหิน จปร. นอกจากจะเป็นสถานที่เคารพสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ของประชาชนชาวเกาะเต่า และนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวพักผ่อน ในช่วงเวลาเย็น เพื่อรอชมพระอาทิตย์ และแสงชมสุดท้ายของวันที่สวยงามด้วยแสงสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลที่สวยงามแห่งหนึ่งของเมืองไทยส่วนหาดทรายชายทะเลที่น่าสนใจอื่น ๆ บนเกาะเต่า ก็มี อ่าวโฉลกบ้านเก่า อ่าวลึก อ่าวไลท์เฮ้าส์ อ่าวม่วง อ่าวหินวง อ่าวเทียน และ “อ่าวโตนด” ที่เคยติดอันดับที่ 44 ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ World Beach Guide ในปี พ.ศ.2566ทุก ๆ ปี ที่เกาะเต่าจะมีการจัดงาน Spotlight Koh Tao ขึ้น เพื่อเปิดเทศกาลท่องเที่ยวและเชิญชวนให้คนมาเที่ยวเกาะเต่า โดยปีนี้ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลเกาะเต่า และเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ได้ร่วมกันจัดงาน "Spotlight Koh Tao 2024" ขึ้นเมื่อวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ คือมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการยกระดับเกาะเต่าจากการเป็นแหล่งเรียนดำน้ำระดับโลก สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเพื่อการเรียนรู้โลกใต้ทะเลและวิถีเกาะ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบ เพื่อก้าวสู่การเป็น Sustainable Island Tourism Destination ต่อไปในอนาคตภาพ : อโนทัย งานดีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000042496

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ส่องคนเจนไหน แบก “หนี้เสีย-ค้างชำระ” บ้านเยอะสุด

16/05/2024

เยอะสุด หลังไตรมาส 1/2567 มีจำนวนบัญชีบ้านใหม่ 5.9 หมื่นบัญชี ชี้ Gen Y มียอดบัญชีหนี้เสีย 8.3 หมื่นสัญญา คิดเป็นเงิน 1.24 แสนล้านบาท และ SM อยู่ 7.6 หมื่นสัญญา คิดเป็นเงิน 1.18 แสนล้านบาท เทียบ Gen X มีหนี้เสีย 4.9 หมื่นสัญญา มูลหนี้ 6.1 หมื่นล้านบาทวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายงานสินเชื่อบ้านในไตรมาส 1/2567 จากข้อมูลสถิติของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร พบว่าในไตรมาส 1/67 มียอดเปิดบัญชีบ้านอยู่ที่ 59,848 บัญชี จากปี 2566 มียอดเปิดบัญชีบ้านใหม่ทั้งสิ้น 329,382 บัญชี สอดคล้องกับภาพโดยรวมที่สถาบันการเงินให้ความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อทั้งนี้ หากดูไส้ในสินเชื่อบ้าน พบว่ายอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโต 18% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) หรือคิดเป็นประมาณ 20% ของหนี้เสียทั้งหมดที่อยู่ 1.09 ล้านล้านบาท และสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) มียอดค้างชำระแต่ไม่เกิน 90 วัน ปัจจุบันอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 15% YOYอย่างไรก็ดี หากแยกดูว่ากลุ่มไหนมีหนี้เสีย และกำลังจะเสีย (SM) เยอะที่สุด พบว่า Gen Y มีสัญญาสินเชื่อบ้านที่เป็น NPLs อยู่ที่ 83,281 สัญญา คิดเป็นเงิน 1.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/66 ที่มีจำนวนบัญชีอยู่ที่ 76,196 บัญชี คิดเป็นเงิน 109,445 ล้านบาทในกรณีของ SM บ้านที่อยู่ในมือคน Gen Y ช่วงเวลาเดียวกันนี้มีจำนวน 76,276 สัญญา คิดเป็นเงิน 1.18 แสนล้านบาท จากไตรมาส 4/66 จำนวนบัญชีอยู่ที่ 73,704 บัญชี คิดเป็นเงิน 113,321 ล้านบาท สะท้อนว่า Gen Y สัดส่วนการเป็นหนี้เสีย และหนี้กำลังจะเสีย SM มากกว่า 50% ของจำนวนทั้งหมดส่วน Gen X สัญญาสินเชื่อบ้านที่เป็น NPLs อยู่ที่ 49,980 สัญญา คิดเป็นเงิน 61,831 ล้านบาท จากไตรมาส 4/66 มีจำนวนบัญชีหนี้เสียอยู่ที่ 49,670 บัญชี คิดเป็นมูลหนี้ 59,289 ล้านบาท และมีจำนวนบัญชี SM อยู่ที่ 46,258 บัญชี และคิดเป็นมูลค่า 54,049 ล้านบาท เมื่อเทียบไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 45,049 บัญชี คิดเป็นมูลค่า 51,608 ล้านบาทแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1565605#google_vignette

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ชลบุรี สุดชิล วิวสวยปัง

16/05/2024

ได้พิกัดสวยๆ ให้ทุกคนมาเช็กอินตามกันแล้ว ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เลยค่า เพียงแค่ไม่กี่ชม.เท่านั้น เพราะอยู่แค่ ชลบุรี นี่เอง นั่นก็คือ อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร เป็นพิกัดที่มีธรรมชาติสวยๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนสุดๆ งานนี้ใครอยากชิล ตามมาเลยจ้าที่เที่ยวชลบุรี พิกัดสุดชิล ใกล้กรุงเทพอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทรไฮไลท์ ของ อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทรอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาน 44,000 ไร่ ซึ่งเป็นโครงการหลวงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ค่ะ โดยทรงพระราชดำริให้ดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ในปี พ.ศ.2508 แล้ว จนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ในปีพ.ศ.2559 ซึ่งสาเหตุในการสร้างคือหากเกิดปัญหาน้ำท่วม หรือน้ำแล้งจะได้มีพื้นที่ไว้กักเก็บน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอนั่นเองค่ะโดยที่นี่จะเป็นเขื่อนดินสูง 21.85 เมตร กว้าง 8 เมตร สันเขื่อนยาว 3,829 เมตร รวมเก็บกักน้ำได้กว่า 98 ล้านลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว ส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทานได้ครอบคลุมมากถึง 11 ตำบลใน อำเภอเกาะจันทร์และอำเภอพนัสนิคม นอกจากนี้ยังป็น แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ อีกด้วย ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ มากมายแน่นอนว่าวิวสวยๆ ของที่ อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ก็งดงามไปด้วยธรรมชาติอย่างที่สุด เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างมาก ยิ่งถ้าใครได้มาในช่วงเย็นๆ วิวจะสวยที่สุด แดดไม่แรงมาก เที่ยวเพลินสบายๆ สุดๆ เห็นได้จากที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในบริเวณนี้ มาปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย นั่งเล่น กันค่ะk_non78 / Shutterstock.comไปจ้าาา ใครอยากแชะภาพธรรมชาติสวยๆ วิวปังๆ ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แวะมาที่ อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ของ ชลบุรี แห่งนี้กันได้เลยค่า อย่าให้สุดสัปดาห์นี้ เงียบเหงาอยู่บ้านกันแบบเศร้าๆ น้า ออกมาเที่ยวกันดีกว่าค่ะ วิวสวยๆ รอเราอยู่น้าข้อมูล อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ชลบุรี  •  ที่อยู่ : บ้านคลอง ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี  •  พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Z6fsGpRepwbaoXmVA   •  เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน  •  เว็บไซต์ : https://web.facebook.com/ratchalothonแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ trueidhttps://travel.trueid.net/detail/VJRgP3N0gpe6

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กองทุนเปิด เอไอเอ อินคัม ฟันด์ (AIA-IC) บริหารจัดการโดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar THAILAND ประเภทกองทุน Mid/Long Term Bond

16/05/2024

กรุงเทพฯ 16 พฤษภาคม 2567 - กองทุนเปิด เอไอเอ อินคัม ฟันด์ (AIA-IC) ซึ่งบริหารจัดการโดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar Thailand  ประเภทกองทุน Mid/Long Term Bond ทั้งในส่วนของผลตอบแทนโดยรวม (Performance Overall) และ ผลตอบแทน 3 ปี (3-Y Performance) แสดงให้เห็นถึงความสามารถของทีมผู้จัดการกองทุน บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ สามารถไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ โดยสำหรับกองทุนเปิด เอไอเอ อินคัม ฟันด์ มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ที่ออกโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และ/หรือ ภาคเอกชน ทั้งใน และ/หรือต่างประเทศ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารที่อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)  โดยกองทุนจะลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้รวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่า 80% ของ NAVทั้งนี้ สำหรับกองทุนเปิด เอไอเอ อินคัม ฟันด์ (AIA-IC) เป็นหนึ่งในกองทุนที่ผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ให้ความนิยมและมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการกองทุนเพื่อให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีสุขภาพชีวิตและการเงินที่มั่นคง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

เปิด 10 อันดับทำเลที่ดินกรุงเทพฯและปริมณฑล แพงสุด-ถูกสุด

15/05/2024

10 อันดับทำเลที่ดินถูกสุด-แพงสุด ในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2567วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศในรอบปี 2566-2569 พบว่ากรุงเทพฯยังคงราคาแพงสุด โดยทำเลที่คว้าแชมป์ได้แก่ “สยาม-เพลินจิต-ชิดลม” เหตุผลเพราะเป็นแหล่งค้าปลีกสำคัญของกรุงเทพฯ และธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้สูงสุด เมื่อเทียบกับการสร้างเป็นอาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงาน หรือโรงแรม ซึ่งได้ค่าเช่าต่ำกว่า10 อันดับที่ดินราคาแพงสุด1. สยาม-ชิดลม-เพลินจิต : 3,750,000 บาท/ตารางวา2. วิทยุ : 3,100,000 บาท/ตารางวา3. สุขุมวิท-ไทม์สแควร์ : 2,940,000 บาท/ตารางวา4. สุขุมวิท 21 อโศก : 2,730,000 บาท/ตารางวา5. สีลม : 2,700,000 บาท/ตารางวา6. สาทร : 2,400,000 บาท/ตารางวา7. สุขุมวิท เอกมัย : 1,950,000 บาท/ตารางวา8. เยาวราช : 1,900,000 บาท/ตารางวา9. พญาไท : 1,850,000 บาท/ตารางวา10. พหลโยธินตอนต้น : 1,800,000 บาท/ตารางวา10 อันดับที่ดินราคาถูกสุด1. เลียบคลอง 13 กม. : 4,200 บาท/ตารางวา2. ตรงข้ามศูนย์ศิลปาชีพบางไทร : 8,000 บาท/ตารางวา3. กาญจนาภิเษก กม.34 : 9,000 บาท/ตารางวา4. กาญจนาภิเษก กม.8 บางปะอิน : 9,400 บาท/ตารางวา5. เลียบคลองรพีพัฒน์ : 9,800 บาท/ตารางวา6. สุขุมวิท กม.46 บางบ่อ : 9,800 บาท/ตารางวา7. รังสิต-วังน้อย : 10,500 บาท/ตารางวา8. ลำต้อยติ่ง : 11,000 บาท/ตารางวา9. ประชาสำราญ : 12,000 บาท/ตารางวา10. กาญจนาภิเษก กม.23 หลวงแพ่ง : 13,500 บาท/ตารางวาแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจhttps://www.prachachat.net/general/news-1563817

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

มิตรแท้ ผุดไอเดีย ศึกษาออกกรมธรรม์ประกันภัย “ดารา-นักร้อง-นางงาม

15/05/2024

มิตรแท้ประกันภัยผุดไอเดีย ศึกษาออกกรมธรรม์ประกันภัย “ดารา-นักร้อง-นางงาม” ยุคเปิดเสรี หลัง คปภ.หนุนผลักดันภาคธุรกิจกำกับดูแลด้วยตนเองได้วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย ในฐานะอุปนายกและกรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ถือว่า คปภ.ได้มีความเห็นตรงกันในเรื่องการผลักดันให้ภาคธุรกิจประกันวินาศภัยกำกับดูแลด้วยตนเอง ในเรื่องการเปิดเสรีในหลาย ๆ มิติโดยเฉพาะเรื่องของผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ที่ต่อไปภาคธุรกิจสามารถที่จะออกกรมธรรม์ประกันภัยแบบอัตโนมัติ (file & use) ได้ ซึ่งตอนนี้สำนักงาน คปภ.กำลังดำเนินการอยู่ โดย คปภ.จะดูแค่เรื่องคำพูด (Wording) เอกสารที่เกี่ยวกับกฎหมายให้มีความถูกต้อง ขณะที่ภาคธุรกิจจะต้องให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยพิจารณาร่วมลงนาม เพื่อระมัดระวังการออกกรมธรรม์ที่ไม่ได้มีการวิเคราะห์ ป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเหมือนประกันภัยโควิดส่วนเรื่องของเบี้ยประกันภัย คปภ.จะพิจารณาโดยรวม จะไม่แบ่งแยกว่าต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเท่าไร เพราะฉะนั้นภาคธุรกิจก็สามารถที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือคำนวณเบี้ยออกมาได้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ เรื่องของผลประโยชน์ผู้เอาประกันภัย ค่าใช้จ่าย กำไร ควรจะเป็นเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง“ผมเชื่อว่าทางผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัยคงจะระมัดระวังขึ้นในการจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ เพราะที่ผ่านมาเราได้รับการอนุมัติจาก คปภ. ผลิตภัณฑ์ทุกคนเหมือนกันหมด ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ จะมี Fix Cost ต่ำกว่าบริษัทเล็ก ทำให้บริษัทเล็กอาจจะไปจ่ายผลประโยชน์เกินกว่าที่จะจ่าย และมี Fix Cost ที่สูง ดังนั้น ต่อไปมองว่าทุกบริษัทจะสามารถบริหารด้วยตัวเองได้ ซึ่งก็แฟร์กับการที่จะทำ อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ในขั้นตอน คปภ.กำลังดำเนินการอยู่ คิดว่าคงไม่นาน เพราะ คปภ.ยุคนี้ทำงานเร็ว”ต่อไปในอนาคตอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ในต่างประเทศมีมานานแล้ว แต่ในประเทศไทยยังไม่มี ดังนั้น น่าจะทำให้คนไทยสามารถที่จะเลือกประกันที่เหมาะสมและคุ้มครองความเสี่ยงในสิ่งที่ต้องการของแต่ละคนได้ดีมากยิ่งขึ้นนายสุขเทพกล่าวต่อว่า สำหรับบริษัทมิตรแท้ประกันภัย สิ่งที่กำลังศึกษาในการออกกรมธรรม์ประกันภัยใหม่ ๆ อาทิ การประกันภัย “ดารา-นักแสดง” คุ้มครองกรณีป่วยไม่สามารถไปกองถ่ายได้, การประกันภัย “นักร้อง” คุ้มครองกรณีกล่องเสียงมีปัญหาไม่สามารถขึ้นแสดงโชว์ได้ และการประกันภัย “นางงาม” คุ้มครองกรณีน่องได้รับอุบัติเหตุ“การออกกรมธรรม์ใหม่ ๆ ต่อไปจะง่ายขึ้น เพราะว่าเราสามารถที่จะเอาข้อมูลจากทั่วโลกที่มี และก็นำเสนอให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยคำนวณเรื่องความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกัน และส่งให้ คปภ. เพื่อนำไปพิจารณาเรื่องเงื่อนไข ข้อกฎหมายว่าการเขียนถูกต้องหรือไม่ ถ้าผ่านหมดก็สามารถจะออกขายได้เลย และหากผ่านไป 6 เดือนก็สามารถจะรีวิวกรมธรรม์ได้” นายสุขเทพกล่าวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1561977

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สกู๊ปพืช

11 ต้นบอนไซ ไม้กระถางไซซ์มินิ จากศิลปะของญี่ปุ่น

15/05/2024

บอนไซ ต้นไม้ขนาดเล็กน่ารักปลูกในกระถาง สามารถตัดแต่งกิ่งก้านให้สวยงาม เหมาะตกแต่งภายในบ้านหรือโต๊ะทำงาน ว่าแต่มีบอนไซอะไรที่น่าสนใจบ้างตามมาส่องกันการจัดสวนภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องทำงาน หรือห้องนอน ต้องเลือกต้นไม้ขนาดเล็กและอยู่ในกระถาง วันนี้ขอแนะนำ บอนไซ พร้อมลักษณะและการดูแลมาฝากกัน บอนไซ มีอะไรบ้างไปดูกันเลยบอนไซ คือบอนไซ (Bonsai) เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มาจากการผสมระหว่างคำว่า บอน (Bon) ที่แปลว่า กระถาง และคำว่า ไซ (Sai) ที่แปลว่า การเพาะปลูก เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันจึงหมายถึง การปลูกต้นไม้ในกระถาง มีจุดประสงค์เพื่อเป็นงานอดิเรกและช่วยสร้างสมาธิ รวมทั้งยังสามารถนำมาขายเพิ่มมูลค่าได้อีกด้วยโดยต้นไม้ที่นำมาปลูกนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทั้งไม้ใบ ไม้ดอก ไม้ผล และเป็นต้นที่มีกิ่งก้านสวยงาม เช่น ต้นสน ต้นไทร เฟื่องฟ้า ทับทิม เป็นต้นต้นไม้บอนไซ1. ว่านหางจระเข้แคระว่านหางจระเข้แคระ เป็นพืชอวบน้ำ ไม่มีลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงซ้อนกันเป็นกอ ลักษณะใบและสีจะแตกต่างตามสายพันธุ์ บางพันธุ์มีหนามตรงขอบใบ บางพันธุ์มีใบสีเขียว บางพันธุ์มีใบสีแดง ควรปลูกในที่ที่มีแสงรำไร ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี รดน้ำเมื่อดินแห้ง ไม่ต้องรดบ่อย เพราะรากอาจเน่าได้2. ลิ้นมังกรแคระลิ้นมังกรแคระ เป็นไม้ฟอกอากาศ ลักษณะเป็นใบเดี่ยว สีและลายต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่มีความเด่นตรงที่ใบเรียวยาวคล้ายหอก มีทั้งชนิดใบสั้นและใบยาว ส่วนปลายใบมีทั้งแบบปลายใบแหลมมีหนาม ปลายใบแหลมไม่มีหนาม และปลายใบมน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อและปักชำ ปลูกในที่ที่มีแดดจัดหรือในบ้านก็ได้ แต่ควรได้รับแสงแดดรำไร ชอบดินร่วนปนทราย รดน้ำแค่พอให้ดินชุ่ม3. แก้วแคระต้นแก้วแคระ ต้นไม้มงคลส่งเสริมด้านโชคลาภ มีลักษณะเป็นพุ่มขนาดเล็ก ใบสีเขียวเป็นใบประกอบแบบขนนก ทรงรี ปลายมน ขอบเรียบ ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบสีขาว มีกลิ่นหอม ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและปักชำ ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแดด ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ไม่ควรรดน้ำมากเพราะจะทำให้รากเน่า4. ไทรใบสักแคระไทรใบสักแคระ เป็นต้นไม้ฟอกอากาศและไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภและความรัก ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบหยักพลิ้วสีเขียวเข้มหนาเป็นมัน มองเห็นเส้นกลางใบและเส้นใบย่อยชัดเจน ควรใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าเช็ดใบเพื่อความสวยงาม เปลือกลำต้นสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งและตอนกิ่ง ปลูกในดินร่วนหรือดินขุยไผ่ ผสมดินมูลไส้เดือน ชอบแดดรำไร อากาศถ่ายเท ปลูกในดินร่วนระบายน้ำ ควรรดน้ำทุก 2-3 วัน หรือรดเมื่อดินแห้ง5. พรมออสเตรเลียพรมออสเตรเลีย หรือลายเงิน ไม้มงคลเสริมความมั่งคั่ง และเป็นไม้ฟอกอากาศ ลักษณะเป็นพืชคลุมดิน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปรีปลายแหลม ใบสีเขียวเข้ม เส้นใบสีขาว ดอกออกเป็นช่อกระจุกตามปลายยอดและซอกใบ ดอกย่อยสีขาวหรือสีเหลือง ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ชอบดินร่วนปนทราย รดน้ำวันละ 1 ครั้ง ชอบแดดรำไรถึงแดดปานกลาง6. ซากุระแคระซากุระแคระ หรือข้าวตอกพระร่วง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กแตกกิ่งก้าน ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนาดเล็กสีเขียว รูปไข่ปลายแหลม ดอกสีขาวออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีกลิ่นหอม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ชอบดินร่วน ต้องการน้ำมาก และชอบแดดจัด7. สนแคระสนแคระ สนบอนไซ หรือสนดำญี่ปุ่น ใบสีเขียวเป็นเส้นเรียวเล็กคล้ายเข็ม เนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หรือเมื่อดินแห้ง ดินปลูกระบายน้ำดี ชอบแดดรำไรถึงแดดจัด8. สนเลื้อยสนเลื้อย เป็นไม้พุ่มเตี้ยที่เลื้อยเอน ใบเป็นรูปเข็ม ปลายใบเรียวแหลมสีเขียวอ่อน แผ่นใบโค้งนูน ใบออกเป็นกระจุกสั้นและแน่น ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและตอนกิ่ง ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ชอบแสงแดดรำไรถึงเต็มวัน ทนแล้ง รดน้ำเมื่อดินแห้ง9. สายรุ้งด่างสายรุ้งด่าง เป็นไม้อวบน้ำ และไม้เนื้ออ่อน ลำต้นสีเขียวอ่อนทอดยาว ใบเป็นใบเดี่ยวทรงกลม ปลายมน โคนสอบ มีลายด่างสีเหลือง ดอกออกเป็นช่อกระจุกสีขาวอมชมพู ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำต้น รดน้ำวันเว้นวัน ชอบดินร่วนปนทราย ชอบแดดจัด ทนแล้ง10. บ็อกซ์วูดบ็อกซ์วูด เป็นไม้พุ่ม ลำต้นแตกกิ่งก้าน เปลือกสีน้ำตาลเทามีลาย ใบรูปไข่สีเขียวเข้ม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือปักชำ ชอบแสงแดด ดินร่วนระบายน้ำ รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หรือรดน้ำเมื่อดินแห้ง ทนแล้ง11. เอมจีนเอมจีน หรือเอมแคระญี่ปุ่น เป็นไม้ยืนต้น ใบสีเขียวรูปไข่ ขอบใบหยักปลายแหลม ดอกออกเป็นกระจุกตามก้านใบ ดอกสีขาวขนาดเล็ก พอแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ปลูกในดินร่วน ชอบแสงแดด ทนแล้งใครอยากปลูกบอนไซจัดสวน ลองเลือกต้นไม้ที่ชอบมาทำบอนไซในกระถางน่ารัก ๆ ได้เลย แล้วมองหามุมเพื่อจัดวางตกแต่งในบ้านเพิ่มความสดชื่นกันขอบคุณข้อมูลจาก : jnto.or.th, directgardening.com, nparks.gov.sg, data.addrun.org (1), (2), (3) และ thespruce.comแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://home.kapook.com/view271649.html

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X