คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ใจกลางย่านรัชดาภิเษก “เอไอเอ คอนเน็คท์ (AIA CONNECT)”

21/10/2024

เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องเป็นแห่งที่ 4 ภายใต้ชื่อโครงการ “เอไอเอ คอนเน็คท์ (AIA Connect) โดยได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ สถานที่ตั้งโครงการ ใจกลางย่านรัชดาภิเษก ซึ่งมี นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พันธมิตร และพนักงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี โดยในพิธีได้รับพระมหากรุณาจาก พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ผู้นำสูงสุดแห่งลัทธิพราหมณ์ในประเทศไทย และผู้ดำรงตำแหน่งประธานพระครูพราหมณ์คนปัจจุบัน เป็นผู้นำดำเนินพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการเอไอเอ คอนเน็คท์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาโครงการเอไอเอ คอนเน็คท์ (AIA Connect) เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดพรีเมียม มีความสูง 33 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 110,400 ตารางเมตร มาพร้อมพื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพของผู้เช่า อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกด้วยพื้นที่จอดรถกว่า 708 คัน เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก และยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม เพื่อการคมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังอาคาร เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตลอดจนสามารถเดินทางต่อไปยังอาคาร เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ และอาคาร เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ย่านบางนา-ตราด ได้อย่างสะดวกง่ายดาย อาคาร เอไอเอ คอนเน็คท์ ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สอยอาคาร ตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์ สอดคล้องตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ“Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งโครงการดังกล่าว ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนภาคธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจองค์รวมของประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

รู้จัก Charles Ponzi “บอสคนแรก” ของแชร์ลูกโซ่

21/10/2024

ขณะที่ประเทศไทยและสังคมไทยกำลังตื่นตัวและติดตามกับกรณีฉ้อโกงประชาชนของ “ดิไอคอนกรุ๊ป’ความฝันที่จะรวยทางลัดนั้นมีมานานตั้งแต่ก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเสียอีก คำพูดหวานหูอย่าง “อยากเป็นเศรษฐี ฟังทางนี้” หรือ “วิธีสร้างเงินล้าน แบบไม่ต้องทำงาน” ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนให้หลงใหลและคล้อยตามไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อแม้ว่าเรื่องราวการหลอกลวงทางการเงินจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ดูเหมือนมนุษย์เราก็ยังคงหลงกลกับมันได้เสมอ ความโลภและความต้องการที่จะรวยเร็ว ทำให้หลายคนอาจละเลยที่จะพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนบทความจากเว็บไซต์ด้านการลงทุนของ Finnomena ได้พาไปทำความรู้จัก “ชาร์ลส์ พอนซี่” (Charles Ponzi) ผู้เป็นต้นกำเนิดของ “แชร์ลูกโซ่” (Ponzi Scheme) กลโกงที่ทำให้ผู้คนสูญเสียเงินทองจำนวนมหาศาล และยังคงเป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนใจมนุษย์ถึงภัยอันตรายของความโลภCharles Ponzi บิดาแห่งแชร์ลูกโซ่Charles Ponzi เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 1882 ในเมืองลูโก ประเทศอิตาลี ชื่อเต็มคือ Carlo Pietro Giovanni Guglielmo Tebaldo Ponzi เขาเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางและได้รับการศึกษาที่ดี แต่ด้วยความทะเยอทะยานและความฝันที่จะร่ำรวย เขาตัดสินใจย้ายไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1903 เมื่ออายุได้ 21 ปี Ponzi มาถึงบอสตันด้วยเงินติดตัวเพียง 2.5 ดอลลาร์หลังจากที่เขาใช้เงินเกือบหมดระหว่างการเดินทาง เขาทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ เริ่มแรกเขาทำงานล้างจานในร้านอาหาร และได้ก้าวขึ้นมาเป็นพนักงานบริการ แต่สุดท้ายก็ถูกไล่ออกเพราะโกงเงินทอนลูกค้าในเวลาต่อมา Ponzi ได้ย้ายไปแคนาดาและได้มีโอกาสทำงานเป็นผู้ช่วยในธนาคารชื่อว่า Banco Zarossi ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเขาได้พบว่าธนาคารของเขาให้ดอกเบี้ยลูกค้าสูงถึง 6% ซึ่งสูงกว่าตลาดในเวลานั้นถึง 2 เท่าแต่จริง ๆ แล้ว มันคือการนำเงินฝากของลูกค้ารายใหม่ มาจ่ายให้กับผู้ฝากรายเก่า ซึ่งสุดท้ายธนาคารต้องปิดกิจการไป และเจ้าของหนีไปต่างประเทศพร้อมกับเงินของเหยื่อจำนวนมหาศาล ประสบการณ์นี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดแผนการฉ้อโกงของตัวเองในภายหลังจุดเริ่มต้นการฉ้อโกงครั้งใหญ่ในปี 1919 Ponzi กลับมาที่บอสตันและเริ่มธุรกิจที่เรียกว่า “Securities Exchange Company” โดยอ้างว่าสามารถทำกำไรมหาศาลจากการซื้อขาย International Reply Coupons (IRCs) ซึ่งเป็นคูปองที่ใช้แลกเป็นแสตมป์เพื่อส่งจดหมายระหว่างประเทศPonzi อ้างว่าเขาสามารถซื้อ IRCs ในประเทศที่มีค่าเงินอ่อนแอ และขายในประเทศที่มีค่าเงินแข็งกว่า ทำให้เข้าทำกำไรสูงถึง 400% ภายในเวลาเพียง 90 วัน โดยเขาสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทน 50% แก่นักลงทุนภายใน 45 วัน หรือ 100% ภายใน 3 เดือนแต่ความจริงแล้ว แผนการของ Ponzi เป็นเพียงการนำเงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า โดยไม่มีการลงทุนจริง วิธีการนี้กลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมาว่า “แชร์ลูกโซ่” หรือ “Ponzi Scheme”เมื่อความโลภนำพาไปสู่หายนะแผนการของ Ponzi ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยสัญญาผลตอบแทนที่สูงลิ่ว นักลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาลงทุนกับเขา ทั้งคนธรรมดา นักธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้พิทักษ์กฎหมายอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังหลงเชื่อในช่วงรุ่งเรืองที่สุด เขาสามารถระดมทุนได้มากถึง 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลในสมัยนั้น เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อคฤหาสน์ รถยนต์ราคาแพง และเครื่องประดับมีค่าอย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ Ponzi เริ่มดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนและทางการ นักข่าวเริ่มสงสัยในความเป็นไปได้ของผลกำไรที่เขาอ้าง และเริ่มสืบสวนธุรกิจของเขาในเดือนกรกฎาคม 1920 หนังสือพิมพ์ Boston Post เริ่มตีพิมพ์บทความวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจของ Ponzi อย่างหนัก ทำให้นักลงทุนเริ่มตื่นตระหนกและพากันมาไถ่ถอนเงินลงทุนคืนจุดจบของ Charles Ponzi กับแชร์ลูกโซ่ที่เพิ่งเริ่มวันที่ 10 สิงหาคม 1920 เป็นวันที่แผนการของ Ponzi พังทลาย เมื่อทางการเข้าตรวจสอบบัญชีของเขาและพบว่าเขามีหนี้สินมากกว่า 7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 230 ล้านบาท) นำไปสู่การจับกุม Charles Ponzi ในข้อหาฉ้อโกงทางไปรษณีย์ผลกระทบจากการล่มสลายของแชร์ลูกโซ่ของ Ponzi ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของบอสตัน โดยธนาคารหลายแห่งถึงกับล้มละลาย นักลงทุนสูญเสียเงินออมทั้งชีวิต และความเชื่อมั่นในระบบการเงินถูกทำลายลงอย่างหนักPonzi ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี แต่ได้รับการปล่อยตัวหลังจากรับโทษไปเพียง 3 ปีครึ่ง หลังจากนั้นเขาพยายามหนีไปยังฟลอริดาและฉ้อโกงอีกครั้ง แต่ก็ถูกจับได้อีก สุดท้าย Ponzi ถูกเนรเทศกลับอิตาลีในปี 1934Charles Ponzi เสียชีวิตในปี 1949 ด้วยวัย 66 ปี ในสภาพยากจนและถูกลืมเลือน แต่ชื่อของเขากลับกลายเป็นคำที่ใช้เรียกการฉ้อโกงประเภทนี้ เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้ “แชร์ลูกโซ่” โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์เรื่องราวของ Charles Ponzi เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความโลภและความเสี่ยงของการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง ซึ่งยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงปัจจุบันเทคนิคที่แชร์ลูกโซ่มักใช้เพื่อล่อลวงคนใช้เรื่องเล่าที่น่าสนใจ เช่น จากสถานะไม่ดีกลับกลายเป็นร่ำรวยได้ภายในเวลาสั้น ๆใช้คำเยินยอจากคนอื่น เช่น ใช้วิธีนี้แล้วได้ผลจริง ได้เงินจำนวนมากทำให้รู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจ เช่น คอร์สนี้เปิดรับแค่ 10 คนเท่านั้นใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน เช่น ช่วงที่ซื้ออะไรก็ราคาขึ้น ช่วงที่แต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลง คนจะไม่ค่อยสงสัยอะไรย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง”ดูยังไงว่าแบบไหนคือแชร์ลูกโซ่อ้างว่ารับประกันผลตอบแทน การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง การรับประกันผลตอบแทนสูงเกินจริง หรือการยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงเป็นสัญญาณอันตรายผลตอบแทนสูงเกินจริง : ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เช่น 10% ต่อเดือน หรือ 2-3% ต่อวัน เป็นไปได้ยากและไม่น่าเชื่อถือ หรือถ้าคิดรวม ๆ แล้วผลตอบแทนเกิน 10% ต่อปี ให้สงสัยไว้ก่อนเลยรูปแบบการลงทุนไม่ชัดเจน ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการลงทุนและการสร้างผลกำไรไม่ชัดเจน ตรวจสอบไม่ได้ หรือไม่มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชวนคนอื่นมาลงทุน การที่โครงการลงทุนใด ๆ ชักชวนให้ชวนเพื่อนมาลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติม (เพื่อนมาก ยิ่งโบนัสมาก) เป็นลักษณะเด่นของแชร์ลูกโซ่เร่งให้ตัดสินใจ การเร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุนอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นการหลอกลวงที่มา : Finnomenaภาพ : วิกิพีเดียแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1677870

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

พี่ (ว่า) ดี...คู่ซี้ “ประกันชีวิต” !!!

21/10/2024

“โห  โชคดีมากเลยนะพี่ ที่รอดมาได้” “คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะพี่” “ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะครับ” ฯลฯหลากหลายประโยคที่ให้กำลังใจผู้ป่วย ผู้ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นวิกฤติรุนแรงในชีวิต ไม่ว่าจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย แม้โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ แต่อาจโชคร้ายที่ต้องกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ และใช้ชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  ลองจินตนาการดูว่า หากต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะรับมืออย่างไร เช่น การจัดสรรผู้ที่มาดูแลผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งประเด็นเหล่านี้หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัว“หลายท่านที่ทำ ‘ประกันชีวิต’ จดจำได้แต่เพียงว่ามีทุนประกันชีวิตเท่าไหร่ แต่ไม่คุ้นกับสัญญาเพิ่มเติมประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ดังนั้น หากเปิดกรมธรรม์ แล้วพบสัญญาแนบท้ายกรมธรรม์นี้ อาจจะเป็นความหวังดีของตัวแทนขาย ที่แนบสัญญานี้เพิ่มเข้าไป เนื่องจากเบี้ยประกันไม่สูงมากนักหรือบางแบบประกัน แถมสัญญาเพิ่มเติมนี้ฟรีด้วย โดยสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ ที่แนบกับประกันชีวิต จะเป็นสัญญาปีต่อปี สามารถแจ้งยกเลิกสัญญาเพิ่มเติมในภายหลังได้” “ทุพพลภาพ” อ่านว่า ทุบ-พน-ละ-พาบ ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554  หมายถึง หย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานได้ตามปรกติ“ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” คือ ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปรกติอย่างสิ้นเชิง“ประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” หรือ “TPD” (Total Permanent Disability) เป็นสัญญาประกันภัยเพิ่มเติม (Rider) ที่สามารถซื้อแนบกับสัญญาประกันชีวิต  ซึ่งผู้เอาประกันจะซื้อเพิ่มเติม หรือไม่ก็ได้โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันของสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง  ให้แก่ผู้เอาประกันภัย แยกเป็น 2 กรณี คือ1. กรณีผู้เอาประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย ซึ่งการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น ทำให้ผู้เอาประกันภัย ไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานในอาชีพใดๆ ได้โดยสิ้นเชิง และการทุพพลภาพนั้นต้องเป็นต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 180 วัน นับตั้งแต่วันที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลทุพพลภาพ และการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติและทำให้ผู้เอาประกันภัย ไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานในอาชีพใดๆ ได้โดยสิ้นเชิงตลอดไป2. กรณีผู้เอาประกันภัยสูญเสียอวัยวะ ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้1. สูญเสียสายตาทั้งสองข้าง และไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้2. สูญเสียมือ สองข้าง หรือ เท้าสองข้าง หรือ มือหนึ่งข้างและ เท้าหนึ่งข้าง โดยการตัดออกตั้งแต่ข้อมือหรือข้อเท้า3. สูญเสียสายตา หนึ่งข้าง และไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ และสูญเสียมือหรือเท้า ข้างหนึ่ง โดยการตัดออกตั้งแต่ข้อมือหรือข้อเท้า (ที่มา: บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต)ตัวอย่าง นายเอ  ทำประกันชีวิตด้วยทุนประกัน  2 ล้านบาท และซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ด้วยทุนประกัน 2 ล้านบาท ต่อมานายเอ ประสบอุบัติเหตุ จนต้องสูญเสียมือทั้งสองข้างตั้งแต่ข้อมือ สามารถเคลมสินไหม ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงได้ 2 ล้านบาทนาย บี  ทำประกันชีวิตด้วยทุนประกัน 1 ล้านบาท ซื้อประกันภัยโรคร้ายแรง 2 ล้านบาท ซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 1 ล้านบาท ต่อมานายบีตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่สมอง ระยะรุนแรง และได้ทำการผ่าตัดแล้ว แต่ผลจากการผ่าตัด ทำให้ต้องเป็น อัมพาต นอนติดเตียง เป็นระยะเวลาเกิน 180 วัน    “กรณีของนายบี เคลมสินไหมโรคร้ายแรงได้ 2 ล้านบาท และต่อมา เคลมสินไหมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงได้อีก 1 ล้านบาทสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรงและ สัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทั้งสองสัญญาเป็นอันยุติความคุ้มครอง ไม่ต้องชำระเบี้ยต่ออายุประกันอีกต่อไป เหลือเพียงเบี้ยประกันชีวิต ที่คนในครอบครัว ชำระเบี้ยต่ออายุประกันชีวิต หากนายบีเสียชีวิตในเวลาต่อมา สามารถเคลมสินไหมเสียชีวิตได้ 1 ล้านบาท”(หากซื้อสัญญาเพิ่มเติม ยกเว้นเบี้ยประกันชีวิต (WP; wave premium) ก็ไม่ต้องชำระเบี้ยประกันชีวิต)จะเห็นได้ว่า กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ถ้าโชคดีที่ไม่เสียชีวิต แต่หากโชคร้าย ที่ต้องกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ต้องพึ่งพาบุคคลในครอบครัวช่วยเหลือดูแล หรือบางครอบครัว ต้องจ้างบุคคลภายนอกมาดูแล มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะเสียชีวิตกันเลยทีเดียว หากมีโอกาสได้ตัดสินใจทำประกันชีวิตแล้ว แนะนำว่า ควรซื้อสัญญาเพิ่มเติมทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงแนบเข้าไปด้วย ซึ่งเบี้ยประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (TPD) นั้นไม่ได้สูงมากนัก (ที่มา: บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต)ดังตัวอย่างต่อไปนี้เพศชาย อายุ 25 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =960 บาทต่อปีเพศชาย อายุ 35 ปี  เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท = 960 บาทต่อปีเพศชาย อายุ 45 ปี  เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =1,280 บาทต่อปีเพศชาย อายุ 55 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน  2 ล้านบาท =2,400 บาทต่อปีเพศหญิง อายุ 25 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =260 บาทต่อปีเพศหญิง อายุ 35 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน  2 ล้านบาท = 360 บาทต่อปีเพศหญิง อายุ 45 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน  2 ล้านบาท =640 บาทต่อปีเพศหญิง อายุ 55 ปี เบี้ยประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกัน 2 ล้านบาท =1,540 บาทต่อปีสำหรับ “ความคุ้มครอง” และ “ข้อยกเว้นความคุ้มครอง” ของแต่ละบริษัทประกันก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดก่อนทำประกัน กับ “นักวางแผนประกันชีวิต” ได้ ดังนั้น หากมีโอกาส “วางแผนทำประกันชีวิต” อย่าลืมเพิ่มสัญญาเพิ่มเติม “ประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” (TPD) ด้วยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/23469

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เปิดประสบการณ์จักรวาลผีท้องถิ่นไปกับนิทรรศการ “The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า”

21/10/2024

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดนิทรรศการ ‘The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า’ หยิบตำนานเรื่องผีท้องถิ่น ที่ไม่เคยถูกเล่ามาตีความใหม่ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ จากมุมมองศิลปินของไทยที่มาร่วมส่งต่อจินตนาการ และแรงบันดาลใจใหม่ ๆ สู่ต้นแบบคาแรกเตอร์ผีไทยพลิกทุนทางวัฒนธรรมสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศให้มากขึ้น โดยสามารถเยี่ยมชมนิทรรศการได้ฟรีตั้งแต่วันนี้จนถึง 22 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 19.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์) ณ ห้อง Gallery ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯนิทรรศการ ‘The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า’ แบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ‘ปลุกตำนานผีท้องถิ่น’ ส่วนนิทรรศการที่บอกเล่าถึงแนวคิดเริ่มต้นที่นำเอาเรื่องผี ที่แม้จะถูกหยิบนำไปต่อยอด และสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมบันเทิงในฐานะทุนทางวัฒนธรรม แต่ก็ยังมีผีท้องถิ่นตามคำบอกเล่าที่มีคาแรกเตอร์น่าสนใจ และยังเป็นต้นทุนที่สามารถนำไปต่อยอด ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่อไปโซนที่ 2 ‘สวัสดีผีใหม่’ เป็นส่วนนิทรรศการที่จัดแสดงคาแรกเตอร์ผีท้องถิ่นที่ถูกตีความ ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์โดย 6 ศิลปินชาวไทย ได้แก่ Linghokkalom, Ployjaploen, Autumnberry, MarkSuttipong, Tiicha และ Twofeetcat สู่คาแรกเตอร์ร่วมสมัยกว่า 90 แบบ โดยการตีความของศิลปินทั้ง 6 คน ที่ไม่ได้ถูกตีกรอบจินตนการเรื่องผีให้อยู่ในมุมที่น่ากลัว แต่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวผีพื้นถิ่นในมุมมองใหม่ ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นโซนที่ 3 ‘เตรียมเดบิวต์’ เป็นส่วนนิทรรศการที่จะพาไปสำรวจข้อมูลถิ่นที่อยู่ของผีพื้นถิ่นในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแนวทางที่จะยกระดับเรื่องเล่า หรือมรดกทางวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่นับเป็นขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์แขนงต่างๆ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจได้มากขึ้นครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์คาแรคเตอร์ในนิทรรศการตัวแทนผู้จัดนิทรรศการ The Untold Storyเลอชาติ ธรรมธีรเสถียร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEAแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000094389

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

15 กิจกรรมที่คุณต้องลองทำ เมื่อออกเดินทางตามลำพัง

21/10/2024

“การเที่ยวคนเดียว” กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการก้าวข้ามความไม่คุ้นเคยของตัวเองที่จะต้องเดินทางตามลำพัง ในด้านหนึ่ง มันคือการเดินทา่งที่คุณจะได้พบกับความอิสระที่แท้จริง คิดเองตัดสินใจเองไม่มีใครขัดใครค้าน แต่ในอีกด้านหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือมันก็แอบโดดเดี่ยวอยู่เหมือนกัน สถานการณ์ที่คุณเจอตรงหน้า ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ ยิ้มกว้างหรือร้องไห้ คุณจะต้องผ่านประสบการณ์พวกนั้นไปโดยลำพัง ไม่มีใครที่คุณจะร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ จนกว่าคุณจะเล่าให้เพื่อนฟังภายหลังถึงอย่างนั้น ประสบการณ์การเดินทางคนเดียวก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร หากคุณไปถามใครต่อใครที่เขาเคยเป็นนักเดินทางที่ชอบเดินทางไปไหนมาไหนตัวคนเดียว คุณจะได้คำตอบกลับมาคล้าย ๆ กันว่าเหมือนประสบความสำเร็จไปอีกขั้นในการท้าทายตัวเอง และช่วงเวลานั้นก็รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเลยทีเดียวเชียว มีข้อดีมากมายที่รอคุณอยู่สำหรับการเดินทางคนเดียว ส่วนข้อเสียมักจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยเสียมากกว่า ซึ่งถ้าคุณทำการบ้านก่อนเดินทาง วางแผนเป็นอย่างดีและไม่ประมาท คุณก็จะไม่เสี่ยงอันตรายใด ๆบางครั้งอิสระอย่างเต็มที่ในการเดินทางคนเดียวอาจฟังดูน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและการแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่มีแผนล่วงหน้า อย่างไรก็ดี คุณไม่ควรพลาดที่จะลองทำ 15 กิจกรรมนี้ด้วยตัวคนเดียวระหว่างที่คุณเดินทางตามลำพัง กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นจุดประสงค์ของการเดินทางคนเดียว เพื่อยกระดับประสบการณ์การเที่ยวของคุณ และเพื่อค้นพบอะไรบางอย่างที่มีแค่ตัวคุณเองเท่านั้นที่รู้ว่าคืออะไร เราบอกได้แต่เพียงว่า ทุก ๆ ที่ที่คุณไป ทุกกิจกรรมที่คุณทำ หากมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นการเสียเวลาเปล่า1. ไปนั่งกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารอุตส่าห์ไปเที่ยวต่างที่ต่างถิ่นทั้งที อย่าเอาแต่กินอาหารสำเร็จรูปหรือซื้ออาหารปรุงสำเร็จจากข้างนอกเข้ามานั่งกินเงียบ ๆ เหงา ๆ คนเดียวในที่พักเลย มันไม่สนุกหรอก ทำอะไรที่มันท้าทายกว่านั้นดีกว่า การออกไปนั่งร้านอาหารคนเดียวไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องเขินอาย มีคนอีกครึ่งค่อนโลกที่นั่งกินข้าวที่ร้านอาหารคนเดียวแบบที่คุณกำลังจะทำ หลาย ๆ ร้านมีที่นั่งประเภทบาร์สำหรับต้อนรับลูกค้าที่มาคนเดียวด้วย ฉะนั้น จงให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเพลิดเพลินกับมื้อค่ำเลิศรส ณ ร้านอาหารที่คุณปักหมุดทำการบ้านมาล่วงหน้าแล้ว โดยไม่ต้องสนใจสายตาใคร2. ออกไปนั่งมองวิถีชีวิตของผู้คนนานทีปีหนที่คุณจะได้ลางานยาว ๆ มาเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ที่คุณไม่คุ้นเคย อย่าพลาดกิจกรรมออกไปนั่งมองวิถีชีวิตของผู้คนว่าคนท้องถิ่นเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร มันอาจจะไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่แปลกประหลาด แต่เชื่อเถอะว่าคุณไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้หรอกทั้งที่กิจวัตรของตัวคุณเองก็เป็นแบบนั้น ดังนั้น การนั่งในร้านอาหารที่โต๊ะอยู่ริมหน้าต่างหรือทางเท้า การไปนั่งเล่นตามม้านั่งในสวนสาธารณะ หรือไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง คุณจะได้พบกับความบันเทิงชั้นยอด เฝ้ามองการแต่งตัวของผู้คนที่เดินผ่านไป การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน คุณจะได้อะไรมากกว่าที่คิดนะ!3. เข้าไปกลมกลืนกับคนท้องถิ่นแม้ว่าการพูดคุยกับคนแปลกหน้าอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวเมื่อคุณเดินทางคนเดียว แต่ก็ไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสนี้สักเท่าไร เพราะมันคุ้มค่ามากกว่าที่คุณคิดนะ การเที่ยวแบบที่ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวน่ะ มันจะทำให้คุณสัมผัสถึงพลังแห่งการเยียวยามากที่สุด รู้สึกสบายกายสบายใจมากที่สุด บางเรื่อง เมื่อได้พูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก หรือคนที่คิดว่าน่าเจอกันเพียงครั้งเดียว จะช่วยให้คุณสบายใจมากกว่าอยู่กับคนสนิทเสียอีก หรือบางทีคุณอาจจะพยายามทำตัวกลมกลืนหรือตีซี้ไปคนท้องถิ่น เพื่อหวังซึมซับชีวิตความเป็นอยู่และบรรยากาศแบบท้องถิ่นนั้น ๆ ก็ดีไม่น้อย4. ลองสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นนั้น ๆหลายคนที่มีแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศ มักตอบสนองความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว ด้วยการไปเรียนภาษาที่ประชากรของประเทศที่คุณจะเดินทางไปใช้สื่อสารกัน เพื่อเตรียมความพร้อมเบื้องต้นสำหรับการไปเที่ยว มันเป็นความคิดที่ดีมาก ๆ เลยนะที่คุณพยายามทำความคุ้นเคยกับการสนทนาพื้นฐานของภาษาอื่น ๆ ภาษาที่ใช้กันในประเทศที่คุณจะเดินทางไปเที่ยว มันเป็นเรื่องที่นักเดินทาง (คนเดียว) ควรจะรู้ไว้ พวกวลีหรือประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การขอความช่วยเหลือ ฯลฯ แม้ว่าคุณจะออกเสียงไม่ถูกต้องเป๊ะ ๆ แต่ก็น่าชื่นชมในความพยายาม5. ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติได้เดินทางทั้งที อย่าเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องพัก หรือเดินเที่ยวอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวในร่มที่คนสร้างขึ้น แต่จงออกไปสัมผัสกับของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้โลกใบนี้บ้าง ก่อนเดินทาง คุณสามารถหาข้อมูลได้ว่าจุดหมายปลายทางที่คุณจะไปนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจอะไรบ้าง จากนั้นก็เลือกระดับการผจญภัยที่คุณสนใจได้เลย เที่ยวคนเดียว พักผ่อนอยู่ตามลำพังแบบนี้ คุณไม่จำเป็นต้องโลดโผนอะไรนักหรอก แค่เดินคดเคี้ยวไปตามเส้นทางเดินป่า ขี่จักรยานผ่านเส้นทางสวนสาธารณะ หรือนั่งเล่นริมชายหาด ก็เติมพลังได้เหมือนกัน6. ทำกิจกรรมร่วมกับฝูงชนบางทีการอยู่ในที่สงบ ๆ หรืออยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีอาจไม่ใช่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะคุณอยากที่ดื่มด่ำกับกิจกรรมสนุก ๆ ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงและสีสันที่สนุกสนานมากกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลองค้นหากิจกรรมในท้องถิ่นหรืองานอีเวนต์ที่จัดขึ้นในที่ชุมนุมชน อย่างตลาด การแข่งขันกีฬา เทศกาล ขบวนพาเหรด หรืออะไรอื่น ๆ ที่คุณสนใจ เป็นอีกหนทางที่ดีในการเข้าถึงจุดหมายปลายทางอย่างดื่มด่ำ7. การเดินทางแบบชาญฉลาดและปลอดภัยไว้ก่อนการออกเดินทางด้วยทัศนคติที่ว่า “อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้” ไม่ได้ทำให้คุณดูเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายแต่อย่างใด แต่มันทำให้คุณได้เตรียมตัวให้พร้อมต่างหาก ใช้มาตรการการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดทุกอย่างที่คุณจะสามารถนึกออก หรือทำการบ้านจากการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ จากเว็บไซต์กระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศนั้น ๆ หรือแม้แต่อ่านรีวิวของคนอื่น ๆ รวมถึงบอกแผนการเดินทางของคุณกับคนที่คุณรักอย่างน้อย 2-3 คนก่อนจะเดินทางก็ดี8. ทำในสิ่งที่คุณไม่คุ้นเคยยกระดับการเดินทางของคุณให้ท้าทายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการจัดตารางทำกิจกรรมที่คุณไม่เคยทำมาก่อนหรืออะไรก็ตามที่คุณไม่คุ้นเคย เพียงแต่คุณคิดว่ามันน่าสนุก มันจะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางของคุณให้น่าประทับใจได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด9. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นแบบง่าย ๆ ที่พิพิธภัณฑ์มันคงจะเป็นการเดินทางที่ตราตรึงใจไม่น้อยเลยนะ ที่คุณได้มีโอกาสเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นที่คุณเดินทางไปเยือน บางคนชอบเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นแบบเจาะลึก หรือแบบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเท่าที่มัคคุเทศก์จะมอบให้ได้ แต่สำหรับการเข้าไปเดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ การไปคนเดียวจะทำให้คุณมีอิสระในการเดินเล่น และใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่คุณสนใจได้นานเท่าที่คุณต้องการ10. บันทึกการเดินทางหลายคนชอบบันทึกภาพหรือวิดีโอในสถานที่ที่คุณไป แน่นอนว่าภาพถ่ายและวิดีโอจะทำให้คุณจดจำสถานที่ที่คุณเคยไปได้ แต่สมุดบันทึกและการเขียน วิธีสุดเบสิก จะทำให้คุณได้บันทึก “ความรู้สึก” ระหว่างที่คุณอยู่ ณ สถานที่นั้น การบันทึกการเดินทาง รวมถึงบันทึกความคิด ความรู้สึกของคุณในขณะนั้น คุณสามารถทำได้มากมายหลายวิธี คุณจะเขียนเป็นตัวหนังสือ ร่างเป็นภาพ ติดเทปลงบนตั๋วหรือใบเสร็จร้านค้าต่าง ๆ เก็บดอกไม้แห้ง หรือจะวาดภาพทิวทัศน์อันงดงามวิจิตรตระการตาก็ได้ ไม่ได้มีกฎตายตัวเสียหน่อย11. ส่งโปสการ์ดเป็นเรื่องจริงที่โปสการ์ดกำลังจะหายไปเพราะโซเชียลมีเดีย ถึงมันจะเป็นวิธีที่ล้าสมัยไปหน่อย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการไปเที่ยว แล้วคุณยังแวะส่งโปสการ์ดกลับมาหาตัวเองและส่งให้เพื่อน ๆ ด้วยนั้น มันมีเสน่ห์แค่ไหน ข้อความที่คุณพยายามกลั่นกรองแล้วเขียนลงบนแผ่นกระดาษที่มีที่ให้เขียนไม่มากนัก มันช่วยให้คุณได้เรียนรู้ว่าใจความสำคัญคืออะไร ที่สำคัญ มันเป็นวิธีคลาสสิกที่ใช้สื่อสารกับตัวคุณเองและเพื่อน ๆ ของคุณได้ลึกซึ้งกว่า12. พกหนังสือดี ๆ ไปนั่งอ่าน หรือฟังเพลงดี ๆคนเราไม่ได้กระหายความตื่นเต้นกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลาหรอกนะ บางทีคุณอาจจะอยากได้มุมสงบ ๆ มุมใหม่ แล้วใช้เวลาอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็เป็นได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองสูญเสียความสงบอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์ การพกหนังสือดี ๆ ไปนั่งอ่าน หรือสวมหูฟัง เปิดเพลงเพราะ ๆ แล้วหลับตาลงสักครู่ มันช่างจรรโลงได้ดีเชียวล่ะ13. ลองเที่ยวแบบอาสาสมัครอัปเกรดการเดินทางเที่ยวธรรมดา ๆ ให้เหมือนกับการออกค่ายฤดูร้อนในสมัยเรียน ด้วยการเที่ยวแบบอาสาสมัคร เดินทางไกลอย่างมีจิตสาธารณะ ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นการออกค่ายแบบเวอร์ชันของคุณก็เป็นได้ ค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ที่รับสมัครอาสาสมัครไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในต่างแดน แล้วสมัครเข้าร่วมเดินทางดูสักตั้ง!14. เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่คุณน่ะไว้ใจสัญชาตญาณของตัวเองได้มากกว่าที่คิดนะ โดยเฉพาะในยามออกเดินทาง ก่อนจะตัดสินใจก้าวขาไปทิศทางไหน ลองตั้งใจฟังความรู้สึกลึก ๆ ในใจตัวเองที่เกี่ยวกับผู้คน สถานที่ หรือสิ่งของต่าง ๆ ต่อให้รู้สึกแปลกแค่ไหน ก็ลองมั่นใจกับความรู้สึกนั้นดู อย่าเพิ่งเพิกเฉยกับมัน เพราะสัญชาตญาณ หากมีอะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย มันก็มักจะเป็นเช่นนั้น คุณจึงต้องพยายามปกป้องตัวเอง แล้วคุณจะได้รู้ว่าคุณเพิ่งหลีกเลี่ยงวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยตัวคุณเอง จากความรู้สึกแปลก ๆ นั่นล่ะ!15. ทำความรู้จักตัวเองเมื่อได้ออกเดินทางตามลำพัง อย่าพลาดที่จะใช้เวลาพูดคุยกับ “ตัวของคุณเอง” การเดินทางอาจทำให้คุณได้ค้นพบจุดหมายปลายทาง แต่มันกลับไม่ใช่หนทางที่จะพัฒนาตนเอง แม้ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองมีอิสระอยู่ตลอดเวลา ทว่าคนเรามักจะมีกรอบของ comfort zone ล้อมรอบไว้อยู่เสมอนั่นแหละ ในการเดินทางคนเดียว คุณสามารถวางสิ่งเหล่านี้ไว้เบื้องหลังในชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นลองสำรวจความคิดและทำความรู้จักตัวเองดูอีกสักทีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1449479/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

เพราะอะไรคนรวยถึงไม่พึ่งหวย นี่คือ 3 ข้อแตกต่างของเศรษฐีที่ทำไม่เหมือนคนทั่วไป

18/10/2024

ในโลกนี้ ผู้คนล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน ตลอดจนการใช้เงินที่ไม่เหมือนกัน แต่เราเคยสงสัยพร้อมกับตั้งคำถามว่า บุคคลที่ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ พวกเขามีวิธีการใช้จ่ายอย่างไรในแต่ละวันTrey Lockerbie ซีอีโอและเจ้าของรายการพอดแคสต์ “We Study Billionaires” ได้สัมภาษณ์มหาเศรษฐี 25 คน และมากกว่า 100 คนที่สร้างฐานะขึ้นมาจนเป็นเศรษฐี รวมถึงนักลงทุนที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น Howard Marks และ Cathie Woodsสิ่งที่เรียนรู้จากการศึกษา นั่นคือคนรวยพวกเขาไม่มีความคิดเรื่องลอตเตอรี่ หรือความเชื่อที่ว่าทางลัดนำไปสู่ความมั่งคั่งต้องอาศัยการเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง และนี่คือนิสัย 3 ข้อ ที่มหาเศรษฐีเป็นกัน และใคร ๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้1. คนรวยจะไม่ทำอะไรด้วยความกลัว หรือมีแรงกระตุ้นคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมากที่สุด จะมีความหลงใหลในการไขปริศนา และพวกเขาก็จะปฏิบัติกับตลาดหุ้นในลักษณะเดียวกันการสัมภาษณ์ Howard Marks มหาเศรษฐี ผู้ร่วมก่อตั้ง Oaktree Capital Management กล่าวว่ามีการพูดคุยถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสภาวะถดถอย และการแพร่ระบาด แทนที่จะตัดสินใจด้วยความกลัว แต่เขาโฟกัสไปที่ข้อมูล และโอกาสที่เป็นไปได้ มากกว่าที่จะคำนึงถึงความเสี่ยง และข้อเสียแนวทางนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จเดิมพันหนี้ของบริษัทที่มีปัญหาในช่วงวิกฤตการเงินในปี 2008 สู่ผลกำไรราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่นักลงทุนได้รับหากคุณต้องพบว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับความไม่แน่นอน Marks แนะนำว่าควรดึงอารมณ์ออกจากสมการ และมองหาวิธีที่คุณสามารถทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เป็นไปตามผลลัพธ์ที่คุณต้องการ2. คนรวยมีความอดทน และคิดระยะยาวหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ Warren Buffett คือการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต สร้างมูลค่าในอนาคต ไม่ว่าช่วงนั้นราคาหุ้นจะตกมากแค่ไหนก็ตามเศรษฐีหลายคนชื่นชมแนวทางของ Buffett และใช้ความอดทนที่จะทำตาม โดย Brian Chesky ผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb เผยช่วงเวลาที่ได้รับประทานอาหารร่วมกับ Jeff Bezos และ Buffett ว่า Bezos เล่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับ Buffett พร้อมกับคำถามที่ว่า “วิทยานิพนธ์การลงทุนของคุณนั้นง่ายมาก ทำไมทุกคนถึงไม่เลียนแบบคุณล่ะ”Buffett ตอบกลับมาว่า “เพราะว่าไม่มีใครต้องการรวยแบบช้า ๆไง”3. คนรวยจะพูด “ไม่” มากกว่า “ใช่”การสัมภาษณ์ David Rubenstein เศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Carlyle Group โดยเขาคือคนใจบุญ และยังเป็นผู้เขียนหนังสืออีกด้วยเมื่อถูกถามว่าเขาทำสิ่งต่าง ๆ สำเร็จได้อย่างไร เขาจดบันทึกทุกสิ่งที่ไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็น ไม่เล่นกอล์ฟ, ไม่ดื่มแอลกอฮอล์, ไม่ดู Netflix เขาหลีกเลี่ยงกับสิ่งที่ทำให้เวลาหมดไป เช่นเดียวกับ Jesse Itzler มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Marquis Jet ที่เห็นด้วยกับพลังของการพูดคำว่า “ไม่” โดยเขาบอกว่า ช่วงอายุระหว่าง 20-30 ปี เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับการพูดคำว่า “ใช่” เพราะคุณต้องการเครือข่าย, ต้องการเปิดเผย และสร้างตัวตน แต่ถ้าคุณอายุ 40 ปีปลาย ๆ แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะพูดคำว่า “ไม่” และควบคุมเวลาของคุณอย่างเต็มที่ที่มา: CNBCแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252032/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

คำศัพท์ที่ควรทราบด้านประกันภัย

18/10/2024

คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : Actuarial Business Solutions [ABS]ในยุคที่การประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปกป้องทรัพย์สินและชีวิต เรามาทำความรู้จักกับคำศัพท์สำคัญในวงการประกันภัยกันเถอะ เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้น และเลือกประกันที่เหมาะสมได้อย่างมั่นใจ ปลดล็อกความซับซ้อนและเตรียมพร้อมสู่การตัดสินใจที่ดี1. Life Annuitiesเงินรายปี คือการรับประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเงินรายปีเป็นระยะเวลาที่ตกลงกัน โดยทั่วไปจะจ่ายจนกว่าผู้เอาประกันชีวิตจะเสียชีวิต หรืออาจจะจ่ายในระยะเวลาที่กำหนดก็ได้ ซึ่งเงินนี้อาจจะจ่ายเป็นรายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือนก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์โดยเงินที่บริษัทประกันชีวิตจ่ายให้แก่ผู้รับเงินรายปี ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบเงินรายปี ซึ่งผู้รับประกันภัยสัญญาว่าตราบใดที่ผู้เอาประกันชีวิตยังอยู่ บริษัทจะจ่ายเงินให้ตลอดไปจนกว่าจะเสียชีวิต หรือจะจ่ายให้ระยะเวลาหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ เงินรายปีนี้อาจจะจ่ายเป็นงวด รายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือนก็ได้ จำนวนเงินที่จ่ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้- ผู้รับเงินรายปี คือบุคคลที่ได้รับเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งอาจมีการกำหนดให้จ่ายเงินเป็นงวด ๆ ได้- เบี้ยประกันแบบชำระครั้งเดียว คือการจ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว ณ เวลาที่เริ่มต้นสัญญาตัวอย่างของประกันชีวิตแบบจ่ายเงินรายปี ได้แก่- เงินรายปีชั่วคราว จ่ายเงินเป็นงวดตามระยะเวลาที่กำหนด หรือจนกว่าผู้เอาประกันชีวิตจะเสียชีวิต- เงินรายปีตลอดชีพ จ่ายเงินรายปีจนกว่าผู้เอาประกันชีวิตจะถึงแก่ความตาย- เงินรายปีแบบเลื่อนการรับ ผู้เอาประกันชีวิตเลือกที่จะไม่รับเงินในทันที แต่จะรอรับในเวลาที่ตกลงกัน- เงินรายปีแบบรับรอง จ่ายเงินเป็นประจำไม่ต่ำกว่าระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่คำนึงว่าผู้รับเงินจะมีชีวิตอยู่หรือไม่2. Joint Insuranceประกันภัยร่วม หมายถึงกรมธรรม์ที่มีผู้เอาประกันภัยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตัวอย่างเช่น- ประกันชีวิตร่วมของสามีและภรรยา จ่ายผลประโยชน์เมื่อคนใดคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่- ประกันชีวิตร่วมสำหรับคู่ธุรกิจ จ่ายผลประโยชน์เมื่อมีการเสียชีวิตของบุคคลใดบุคคลหนึ่งข้อกำหนดของผู้เอาประกันภัยร่วม คือข้อกำหนดในกรมธรรม์ที่กำหนดให้มีการร่วมกันเป็นผู้เอาประกันภัยของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป- เงินรายปีร่วมชีวิต จ่ายเงินแก่ผู้เอาประกันภัยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จนกระทั่งผู้เอาประกันภัยคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต- การประกันชีวิตร่วม เป็นกรมธรรม์ที่มีผู้เอาประกันชีวิตหลายคน โดยสามารถเป็นแบบตลอดชีพ หรือแบบสะสมทรัพย์ได้การรู้จักคำศัพท์ในวงการประกันภัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้ เพื่อให้คุณสามารถทำความเข้าใจในเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น มั่นใจในทุกการตัดสินใจ และสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย หรือคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจอย่าลืมสอบถามตัวแทนประกันภัย หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1670090

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ไม่ธรรมดา “นิทรรศการ 30 ปี โคนัน” เจาะลึกหลากมิติ ยอดนักสืบจิ๋วกับความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

18/10/2024

“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”ประโยคเด็ดประจำตัวในการไขคดีของ “เอโดงาวะ โคนัน” หรือ “คุโด้ ชินอิจิ” จากการ์ตูน “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” (Detective Conan) ซึ่งวันนี้เดินทางผ่านการไขคดี กระชากหน้ากากฆาตรกรมากมายมาได้ 30 ปี แล้วยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เป็นการ์ตูน ( มังงะ) แนวสืบสวนไขคดีเรื่องยาวของ “อาจารย์โกโช อาโอยามะ” เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกใน “นิตยสารรายสัปดาห์โชเน็งซันเดย์” (Weekly Shonen Sunday) เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2537 (ค.ศ.1994)หน้าปกการ์ตูนโคนันที่ตีพิมพ์เล่มแรกหลังจากนั้นยอดนักสืบจิ๋วโคนันก็ได้รับความนิยมเรื่อยมา ซึ่งวันนี้มีมากกว่า 900 บท สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 270 ล้านเล่มทั่วโลก ทั้งยังมีการตีพิมพ์ในหลายภาษาตามประเทศต่าง ๆ รวมประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการนำมาทำเป็นการ์ตูนซีรีส์โทรทัศน์ และเอนิเมชันฉบับภาพยนตร์ (โคนันเดอะมูฟวี่) ที่มีแฟน ๆ ตามติดและร่วมลุ้นกันทั่วโลกนิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีและเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 30 ปี ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน จึงได้มีการจัด “นิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีการตีพิมพ์ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” (Detective Conan 30th Anniversary Exhibition in Bangkok) ขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่มีการจัดนิทรรศการครบรอบ 30 ปี โคนันขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม - 16 พฤศจิกายน 2567 ที่ RCB Galleria 1-2 ชั้น 2 “ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” (River City Bangkok)ภายในงานนิทรรศการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 10 โซน 6 บท มีการนำเสนอเรื่องราวของยอดนักสืบจิ๋วโคนันแบบเจาะลึกในหลากหลายมิติ ดังนีสารทักทายจาก อ.โกโช อาโอยามะ1. บทนำ : ต้อนรับผู้ชมงานด้วยสารทักทายเป็นภาพวาดลายเส้นรูปโคนัน และคำทักทาย “สวัสดีครับ” จาก อ.โกโช จากนั้นได้ปูพื้นคร่าว ๆ ถึงปูมหลังของคุโด้ ชินอิจิ นักสืบ ม.ปลาย ที่ถูกองค์กรชุดดำกระทำจนกลายร่างเป็นเด็กประถม อันเป็นที่มาในการสืบไขคดีมากมายของยอดนักสืบจิ๋วโคนันไทม์ไลน์มังงะโคนันในโซนนี้ยังมีไทม์ไลน์มังงะโคนัน เริ่มตั้งแต่ฉบับแรก ที่ตีพิมพ์เมื่อ 5 ม.ค. 2537 หน้าปกรูปโคนันกับการแต่งกายสไตล์ “เชอร์ล็อคโฮล์มส์” ไอดอลคนสำคัญของคุโด้ ชินอิจิ และเหตุการณ์สำคัญ ๆ ต่าง ที่ถือเป็นไฮไลต์การันตีความยิ่งใหญ่ของการ์ตูนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีโซน CONAN’s Words2. บทที่ 1 CONAN’s Words : คัดสรรคำพูด ประโยค วลีเด็ด ๆ สะท้อนตัวตนจากตัวละครเด่นในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน นำโดย โคนัน-คุโด้ ชินอิจิ ร่วมด้วย โมริ รัน, ไฮบาระ ไอ, ฮัตโตริ เฮจิ, จอมโจรคิด คู่ปรับตลอดกาลของโคนัน และ ฯลฯCONAN’s Love3. บทที่ 2 CONAN’s Love : นำเสนอความโรแมนติกในเรื่องราวความรักของตัวละครเด่น ๆ ในโคนัน กับรูปแบบความรักที่หลากหลาย ทั้งในแบบคู่รัก มิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูง ความรักแบบครอบครัว ความรักแฟนคลับ รวมถึงเจาะเรื่องรักแรกของ ดร.อากาสะ มาให้แฟน ๆ ได้ประทับใจไปตาม ๆ กันCONAN’s Mystery เจาะองค์กรชุดดำ4. บทที่ 3 CONAN’s Mystery : เปิดเบื้องหลังเบาะแสการไขปริศนาคดีสำคัญ ๆ ถอดรหัสลับ ข้อความก่อนตาย-Dying Message ของคดีเด็ดในตำนาน นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องราวขององค์กรชุดดำแบบเจาะลึก ทั้งข้อมูลบุคคลสำคัญขององค์กร และผังวิเคราะห์อย่างละเอียดCONAN’s HANNIN5. บทที่ 4 CONAN’s HANNIN : รวบรวมบรรดาฆาตกรและตัวร้ายตั้งแต่คดีแรกถึงปัจจุบัน พร้อมคดีของตัวร้ายในความทรงจำ และมุมอมยิ้มในการไขคดีอันสับสนของเหล่านักสืบมือใหม่เข็มจากปืนยาสลบรวมถึงมีอาวุธในคดีต่าง ๆ แบบของจริงมาจัดแสดงให้ชม พร้อมสิ่งประดิษฐ์ที่มีส่วนสำคัญในการไขคดีนำโดย “เข็มจากปืนยาสลบ” ที่ถึงวันนี้โคนันยิงไปแล้ว 88 เข็ม ซึ่งผู้ที่โดนยิงจนพรุนมาเป็นเบอร์หนึ่งด้วยจำนวน 55 เข็ม ก็คือ “นักสืบโมริ โคโกโร่” พ่อของรันกับอาการนั่งหลับไขคดีที่แฟนโคนันคงคุ้นตากันเป็นอย่างดีCONAN’s Justice6. บทที่ 5 CONAN’s Justice : เป็นโซนที่แฝงความเศร้า เพราะพูดถึงบรรดาตัวละครสำคัญที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก นำโดยเรื่องราวน่าเศร้าของไฮบาระ ไอ และนักสิบฟุรุยะ เรย์จอมโจรคิด ขวัญใจสาว ๆ7. บทที่ 6 CONAN’s Magic : โซนนี้จัดเต็มเรื่องราวของ “จอมโจรคิด” ผู้ลึกลับ คู่ปรับตลอดกาลของโคนัน และขวัญใจสาว ๆ ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง8. Ending Theater : โซนพิเศษ ที่ฉายภาพยนตร์เรื่องราวความประทับใจของการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนันที่ครองใจแฟน ๆ มากว่า 30 ปีนิทรรศการพิเศษ อ.อาโอยามะ9. บทส่งท้าย นิทรรศการพิเศษของ อ.อาโอยามะ : จัดแสดงภาพร่าง (จริง) ของบรรดาตัวละครต่าง ๆ และวิธีการทำงาน ห้องทำงาน และอุปกรณ์ในการวาดการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ของ อ.อาโอยามะ ร่วมด้วยมุมถ่ายรูปกับตัวละครเด่น ๆ ในการ์ตูนโคนัน10. โซนของที่ระลึก : ปิดท้ายก่อนออกจากนิทรรศการกับบรรดาของที่ระลึกหลากหลายจากการ์ตูนเรื่องยอดนับสืบจิ๋วโคนันรวมตัวละครเด่น ๆ จากการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนันและนี่ก็คือข้อมูลเบื้องต้นของ “นิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีการตีพิมพ์ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “นิทรรศการ 30 ปี โคนัน” ที่เจาะลึกเรื่องราวเบื้องลึก เบื้องหลัง ของการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนันกันในหลากหลายมิติงานนี้แฟนพันธุ์แท้โคนันไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงงานนิทรรศการครบรอบ 30 ปีโคนัน จำหน่ายบัตรเข้าชมใน 2 รูปแบบผู้สนใจสามารถเลือกซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการครบรอบ 30 ปีโคนัน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และการซื้อบัตรเข้าชมทางออนไลน์ (บัตรล่วงหน้า) ได้ที่ Ticketmelon (ticketmelon.com/rivercitybangkok/conan) หรือซื้อบัตรได้ที่หน้างาน ซึ่งมีทั้งบัตรชมงานทั่วไป และบัตรชมงานแบบพิเศษ (ได้รับของที่ระลึก)นิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีการตีพิมพ์ ยอดนักสืบจิ๋วโคนันแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการข่าวออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000098354

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“อี๋หลาน” (Yilan) ดินแดนธรรมชาติตระการตา แห่งไต้หวันตอนเหนือ

18/10/2024

คลื่นลูกใหญ่กระทบโขดหินสีดำริมฝั่งเข้าอย่างจัง ละอองคลื่นขาวแตกเป็นสายกระเซ็นดูสวยงามและน่าตื่นเต้นไปในคราวเดียวกัน ขณะที่ฉากหลังของผืนน้ำสีครามเข้มกว้างใหญ่นั้นมีเกาะขนาดมหึมาตระหง่านงามกลางทะเลช่างน่าตื่นตาตื่นใจภูมิศาสตร์พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน พร้อมเสิร์ฟภูมิทัศน์อันงดงามของธรรมชาติที่ผู้มาเยือนตื่นตะลึง เป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมไม่ว่าจะเป็นคนเมืองหลวงอย่างไทเป หรือนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ล้วนได้สัมผัสดินแดนธรรมชาติตระการตายังจุดหมายปลายทางที่เรียกว่า “อี๋หลาน” (Yilan)แหลมปี๋โถวเจี่ยว“อี๋หลาน” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของที่ราบหลานหยาง ใช้เวลาเดินทางออกจากกรุงไทเป ประมาณชั่วโมงเศษ ก็ได้พบกับเมืองริมทะเลแปซิฟิกที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์แห่งภูมิทัศน์ธรรมชาติอันงดงามผสมผสานระหว่างผืนน้ำสีครามสุดสายตาขนานไปกับขุนเขาเขียวขจีที่โอบล้อมอยู่บนฝั่งหากมีโอกาสไปเยือนเมืองสุดชิลริมทะเลแห่งนี้แล้ว อยากชวนคุณไปทำความรู้จักกับ 6 แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดตระการตาที่ไม่ควรพลาดในเมืองอี๋หลานแหลมปี๋โถวเจี่ยว (Bitou Cape)เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเลียบฝั่งทะเล และเป็นจุดหมายที่ติด 1 ใน 3 ของแหลมชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของไต้หวัน เส้นทางเดินชมวิวของ “แหลมปี๋โถวเจี่ยว” ออกแบบให้เหมาะสำหรับนักเดินมือใหม่ที่ไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงอะไรมากมาย มีบันไดไม่ชันสลับกับทางราบที่ด้านหนึ่งเป็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยผืนหญ้ากับอีกด้านเป็นท้องทะเลสีเทอร์คอยส์ที่เกลียวคลื่นกระทบโขดหินสีดำสวยงามระหว่างเส้นทางมีจุดแวะพักให้ถ่ายภาพ มีห้องน้ำบริการ ระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบอิ่มตา โดยอาจปักหมุดจุดหมายปลายทางไว้ที่ประภาคารที่สร้างขึ้นแทนประภาคารหลังเดิมที่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาศาลาจุดพักถ่ายรูป ที่แหลมปี๋โถวเจี่ยวนอกจากนี้ ก่อนไปถึงแหลมปี๋โถวเจี่ยว มีจุดชมทิวทัศน์บริเวณ “ชายหาดทะเลหยินหยาง” ริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2 ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงยาว ที่มีจุดถ่ายภาพริมถนน แวะชมคลื่นยักษ์ถาโถมกระทบแนวบล็อกคอนกรีตริมฝั่งเป็นภาพที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจชายหาดทะเลหยินหยางชายหาดไว่อ้าว (Wai’ao)หาดทรายกว้างเป็นทรายสีเทาละเอียดมีทัศนียภาพสุดตื่นตาด้วยเกาะขนาดมหึมาตระหง่านอยู่เบื้องหน้า นั่นคือ “เกาะกุยซาน” (Guishan) หรือเกาะเต่า เกาะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอี๋หลาน ด้วยลักษณะที่คล้ายกับเต่าทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ธรรมชาติสุดยิ่งใหญ่คู่เมืองชายหาดไว่อ้าว“ชายหาดไว่อ้าว” มีจุดเด่นของการเป็นสถานที่ชมความงามช่วงเช้าหรือเย็น เมื่อแสงสีทองของพระอาทิตย์บนผืนฟ้าตัดกับความครามเข้มของน้ำทะเล พร้อมทั้งการเป็นแหล่งที่มีคลื่นลมแรงเพียงพอสำหรับการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหล่านักเซิร์ฟใช้เป็นจุดหมายในการทดสอบความท้าทายบริเวณชายหาดยังมี “ศูนย์บริการ Wai’ao Service Area” อาคารสีเหลืองสดใส ที่ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดังอย่าง Yao Renxi สามารถนั่งจิบกาแฟ กินขนมที่ร้านภายในศูนย์บริการฯ พร้อมมองเห็นทิวทัศน์ของชายหาดชายหาดไว่อ้าว เห็นเกาะกุยซานอยู่ลิบๆอุโมงค์เก่าเฉาหลิ่ง (Old Caoling Tunnel)สัมผัสเส้นทางที่ได้อรรถรสราวกับทะลุมิติที่ “อุโมงค์เก่าเฉาหลิ่ง” อุโมงค์รถไฟเก่าที่มีความยาวประมาณ 2.1 กิโลเมตร สร้างขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน วัตถุประสงค์การสร้างเพื่อลดความหนาแน่นของจราจร ในเขตอี๋หลานและเมืองไทเป เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 แต่ด้วยความที่อุโมงค์มีขนาดเล็กเกินไป ในปี ค.ศ.1986 จึงมีการสร้างอุโมงค์เฉ่าหลิงแห่งใหม่ใช้การแทน ทำให้อุโมงค์เก่าถูกทิ้งร้างอยู่เกือบ 20 ปีอุโมงค์เก่าเฉาหลิ่งต่อมามีหน่วยงานพัฒนาพื้นที่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เปิดให้เที่ยวชมในปี ค.ศ.2008 และกลายเป็นเส้นทางจักรยานยอดนิยมในไต้หวันตอนเหนือ โดยความน่าตื่นเต้นนั้น คือ บรรยากาศก่อนลอดอุโมงค์ เป็นแนวเขา เขียวขจีร่มรื่น ขณะลอดอุโมงค์ ก็เป็นเส้นทางแสงไฟทอดยาวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทะลุออกไปอีกฟากจะได้เจอกับทัศนียภาพของริมชายหาดกับท้องทะเลสีคราม มองเห็นเกาะกุยซานอยู่ลิบๆ และยังมีเส้นทางรถไฟสายใหม่ที่อยู่เคียงข้างกัน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานไฟฟ้าได้จากร้านค้าก่อนเข้าอุโมงค์อุโมงค์เก่าเฉาหลิ่งทิวทัศน์เมื่อออกจากอุโมงค์น้ำพุร้อนเจียวซี (Jiaoxi Hot Springs)เขตเจียวซีในอี๋หลาน เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียงเรื่องบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อนที่นี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย เช่น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม และคาร์บอเนตไอออน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ระบบไหลเวียนของเลือดหมุนเวียนดี จนได้รับการขนานนามว่า “Beauty Soup” หรือ ซุปแห่งความงาม ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาอาบน้ำแร่เพื่อบำรุงสุขภาพ หรือสปาทรีตเมนต์สวนสาธารณะ Tangweigouหนึ่งในบ่อน้ำร้อนที่สะดวกสบาย สามารถเข้าได้ฟรี คือ สวนสาธารณะ “Tangweigou” ซึ่งเป็นสวนเล็กๆ ร่มรื่นสามารถไปนั่งแช่เท้าให้ผ่อนคลายได้ แต่ด้วยอุณหภูมิของน้ำที่ร้อนมาก ต้องค่อยๆหย่อนเท้าเพื่อให้ร่างกายปรับตัวแช่เท้าสบายๆที่ สวนสาธารณะ Tangweigouฟาร์มพักผ่อนโถวเฉิง (Toucheng Leisure Farm)พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติรับพลังจากขุนเขาอันร่มรื่นที่ “ฟาร์มพักผ่อนโถวเฉิง” (Toucheng Leisure Farm) ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่ได้รับความนิยมของชาวอี๋หลาน มีความผสมระหว่างภูเขาธรรมชาติ ฟาร์มเกษตรกรรม และฟาร์มปศุสัตว์ รวมทั้งยังมีเวิร์กชอป DIY ให้ติดมือกลับไปเป็นของที่ระลึกฟาร์มพักผ่อนโถวเฉิงทิวทัศน์ของฟาร์มพักผ่อนโถวเฉิง มีฉากหลังเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ลำธารน้ำไหลผ่าน ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำผิงซี (Pingxi) แม่น้ำเถาจื่อ (Taozi) และแม่น้ำหลินซี ( linxi) หรือที่ชาวท้องถิ่นรู้จักในชื่อ “Daxi” นับเป็นระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติฟาร์มพักผ่อนโถวเฉิงจุดชมวิวท่าเรือหนานฟางอ้าว (Nanfang’ao)“ท่าเรือหนานฟาง" เป็นจุดตกปลา และเป็นแหล่งทำการประมงขนาดใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเมืองการประมงที่สำคัญในไต้หวัน บริเวณท่าเรือจึงเป็นแหล่งชิมอาหารทะเลสดๆ มีท่าเรือประมงและตลาดทะเลมากถึง 3 แห่งในหนานฟาง รวมทั้งมีร้านอาหารทะเลชื่อดังมากมายสำหรับการชมท่าเรือให้น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุด ต้องนั่งรถขึ้นไปสู่ “จุดชมวิวท่าเรือหนานฟางอ้าว” ซึ่งสร้างอยู่บนภูเขา ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของท่าเรือ ชายหาดเบื้องล่าง เกาะแก่งกลางทะเล และธรรมชาติรอบๆแบบ 180 องศา ได้อย่างน่าตื่นเต้นที่สุดทิวทัศน์จากจุดชมวิวท่าเรือหนานฟางอ้าวติดตามข่าวสารการท่องเที่ยวไต้หวันได้ที่แฟนเพจสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันhttps://www.facebook.com/itstimefortaiwanthท่าเรือหนานฟางอ้าวแหล่งที่มาข่าวและภาพ ผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000096926

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ชีวิตหนี้...

17/10/2024

คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิดผู้เขียน : ศณัฐชยา น้อยหุ่น, ดร. กิ่งกาญจน์ เกษศิริ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี ในหัวข้อ “หนี้ : The Economics of Balancing Today and Tomorrow” โดยมีการพูดคุยเรื่องหนี้ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่หนี้ครัวเรือน หนี้สิ่งแวดล้อม หนี้การลงทุน ตลอดจนหนี้สาธารณะ ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.กล่าวไว้ว่า หนี้เหล่านี้มีจุดร่วมที่สำคัญ คือ การคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเป็นหลัก และไม่ได้ให้ความสำคัญกับต้นทุนที่เกิดขึ้นในอนาคตเท่าที่ควรผู้เขียนอยากชวนทุกท่านมาสำรวจหนี้ที่ใกล้ตัวเราที่สุด ในช่วงเสวนา “คน กับ หนี้ครัวเรือน” เพื่อตระหนักรู้ถึงต้นตอของปัญหา หนทางแก้ไข และร่วมกันผลักดันให้คนไทยมีหนี้อย่างสมดุลเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในวันนี้และวันหน้าโดยการเสวนาเริ่มต้นจาก ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเปิดเผย 3 สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ของคนไทยไว้ว่า1) คนจำนวนมากก่อหนี้ ปัจจุบัน 38% ของคนไทยมีหนี้ในระบบ โดยเฉลี่ยคนละ 540,000 บาท และส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่ออุปโภคบริโภค ในขณะที่มีเพียง 16% ที่มีการออมเพื่อเกษียณอายุ2) ลูกหนี้จำนวน 3 ใน 4 ของทั้งหมดกำลังมีปัญหาหนี้ เมื่อศึกษาพฤติกรรมการก่อหนี้ จากข้อมูลเครดิตบูโรพบว่า คนไทยจำนวนมากมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงเป็นหนี้เรื้อรังและเริ่มมีหนี้เกินศักยภาพ3) คนที่มีปัญหาหนี้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอายุน้อย และรายได้น้อยต้นตอของหนี้เกิดจากตัวบุคคล และในหลายครั้งสภาพแวดล้อมก็เป็นตัวเอื้อให้ผู้บริโภคก่อหนี้ ปัจจัยที่เกิดจากพฤติกรรมบุคคล เช่น Present Bias หรือการให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากเกินไป การประเมินอนาคตดีเกินไป และเข้าถึงข้อมูลไม่เพียงพอ ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจก่อหนี้ส่วนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ค่านิยมจากสังคมรอบข้าง โลกออนไลน์ หรือเหล่า Influencers อาจส่งผลให้คนอยากได้อยากมี ภาคธุรกิจอย่างผู้ขายหรือผู้ให้บริการทางการเงินทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภค อาทิ ช็อปก่อนจ่ายทีหลัง ดาวน์ 0% หรือบัตรประชาชนใบเดียวก็ผ่อนได้ตลอดจน Social Safety Net ของไทย เช่น ในกรณีการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตที่ยังน้อย ส่งผลให้ครัวเรือนมีความจำเป็นต้องใช้เงินซ่อมแซมบ้านจากภัยธรรมชาติ ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวล้วนมีส่วนทำให้เกิดปัญหาหนี้ผู้ร่วมเสวนา 2 ท่าน ได้แก่ คุณสฤณี อาชวานันทกุล จากแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย และคุณสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ จาก ธปท. เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ดังนี้คุณสฤณีเห็นว่าควรแก้ปัญหาเชิงระบบเพื่อสร้างกลไกในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยแบบเบ็ดเสร็จ เช่น แก้กฎหมายล้มละลายเพื่อเปิดช่องให้มีการฟื้นฟูหนี้สินบุคคลธรรมดา ยกระดับกลไกไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้เจ้าหนี้ทุกรายมีส่วนร่วมไกล่เกลี่ยหนี้ และมีกฎหมายกำกับดูแลหนี้ที่ไม่เป็นธรรมนอกจากนี้ ควรสนับสนุนการแข่งขันของผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น เช่น ลดหรือยกเลิกเพดานดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่แท้จริง สถาบันการเงิน (สง.) สามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยได้ตามความเสี่ยงของลูกหนี้อย่างไรก็ตาม การแก้กฎหมายหรือเกณฑ์ปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะอาจเกิดเป็น Moral Hazard (สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม) ได้คุณสุวรรณีให้มุมมองว่า การแก้หนี้ควรมองลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง ต้องครบวงจร ครอบคลุม และไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อีกทั้งยังได้กล่าวถึงข้อจำกัดของมาตรการช่วยเหลือของ ธปท. และแนวทางที่ ธปท.ทำเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ผ่านมามาตรการช่วยเหลือจะครอบคลุมเฉพาะเจ้าหนี้ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.เท่านั้น และยังครอบคลุมเพียงสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการสื่อสารที่อาจเข้าใจยาก ทำให้ยังเข้าถึงลูกหนี้ได้ไม่มากนักอย่างไรก็ดี ธปท.ร่วมกับหลายหน่วยงานจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่พยายามแก้ปัญหาหนี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาทิ คลินิกแก้หนี้ โครงการหมอหนี้ การสอดแทรกความรู้ทางการเงินการลงทุนในหลักสูตรการศึกษา และโครงการ Open Data เชื่อมข้อมูลจากหลายองค์กร เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ การกดบัตร เพื่อในอนาคตจะช่วยเพิ่มโอกาสของครัวเรือนในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้นสุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอชวนผู้อ่านฟังคลิปงานสัมมนาตาม QR Code เพราะมีหนี้ในอีกหลายแง่มุมที่ไม่ได้กล่าวถึง เนื่องด้วยพื้นที่อันจำกัด และอยากให้ผู้อ่านกลับมาสำรวจ “ชีวิตหนี้” ของท่านว่าเป็นแบบไหน เพราะสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ ต้องเริ่มจากการตระหนักรู้ถึงปัญหา แล้วปรับพฤติกรรม เพื่อสร้างวินัยทางการเงิน เช่น ชำระหนี้เต็มจำนวน ตั้งโอนเงินออกเพื่อไปออมอัตโนมัติ 1% ของทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย เป็นต้นหากท่านสำรวจแล้วคิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายของผู้มีปัญหาหนี้ สามารถหาคู่มือแก้หนี้ หรือปรึกษาหมอหนี้ Line : @doctordebt เพื่อให้ท่านใช้ชีวิตร่วมกับหนี้ได้อย่างราบรื่น และบรรลุเป้าหมาย
ที่ตั้งใจไว้บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล อาจไม่สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1672549

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X