Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
31/10/2025
ฮ่องกง, 31 ตุลาคม 2568 –กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 25 รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่: • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 25 คิดเป็น 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำสถิติสำหรับไตรมาสที่สาม • อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) ร้อยละ 58.2 เพิ่มขึ้น 5.7 จุด • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตแบบเลขสองหลักในวงกว้าง ทั้งในฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ อาเซียน และอินเดีย • การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ผ่านช่องทางตัวแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากการสรรหาตัวแทนที่แข็งแกร่งมาก เพิ่มขึ้นร้อยละ 18นายหลี่ หยวน ซยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอ ยังคงดำเนินกลยุทธ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ไตรมาสนี้ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ขณะที่เราคว้าโอกาสอันดีในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพทั่วเอเชีย ในไตรมาสที่สามของปี 2568 นี้ เราสามารถเพิ่มมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีการเติบโตแบบเลขสองหลักใน 11 ประเทศ“ช่องทางการขายของเรานับเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ครอบคลุมถึงทั้งช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ และช่องทางพันธมิตรซึ่งสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งมากในไตรมาสนี้ ผมมั่นใจว่าการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยขยายพอร์ตธุรกิจที่มีอยู่ และผลักดันให้รายได้และการสร้างกระแสเงินสดเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว“และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเซอร์ มาร์ค ทักเกอร์ กลับสู่เอไอเอในตำแหน่งประธานกรรมการอิสระตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ด้วยประสบการณ์ด้านการนำเชิงกลยุทธ์ที่โดดเด่น ความเข้าใจลึกซึ้งในภูมิภาคเอเชีย และชื่อเสียงระดับโลกของเซอร์ มาร์ค ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถต่อยอดจากรากฐานแห่งความสำเร็จที่นิยาม เอไอเอในวันนี้ และเดินหน้าสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเราต่อไป”สรุปไตรมาสที่สามเอไอเอ สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 25 เป็นจำนวน 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐใน ไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ด้วยตัวเลขการเติบโตสองหลักใน 11 จากทั้งหมด 18 ประเทศ จากช่องทางการขายหลักของเอไอเอ ธุรกิจ พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราอยู่ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม โดยมีส่วนสร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถึงร้อยละ 19 คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าธุรกิจใหม่จากทั้งกลุ่มบริษัท ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทน การสรรหาตัวแทนใหม่ที่เติบโตขึ้นร้อยละ 18 ช่วยสนับสนุนให้จำนวนตัวแทนที่ปฏิบัติงานอยู่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ช่องทางพันธมิตรได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 46 โดยได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) และ โบรกเกอร์ในฮ่องกง รวมถึงช่องทางการขายผ่านธนาคารเอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 40 โดยมีการเติบโตที่โดดเด่นจากทั้งกลุ่มลูกค้าภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ซึ่งเป็นช่องทางหลักในฮ่องกง มีการเติบโตขึ้นร้อยละ 20 จากจำนวนตัวแทนที่ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นแบบเลขสองหลัก และประสิทธิภาพการขายที่สูงขึ้น นอกจากนี้เรายังเห็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมของมูลค่าธุรกิจใหม่ของช่องทางการขายผ่านธนาคารพันธมิตร ขณะที่ช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) และช่องทางโบรกเกอร์เติบโตมากกว่าสองเท่าจากปีที่ผ่านมาเอไอเอ ประเทศจีน มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมถึงร้อยละ 27 ที่รายงานหลังจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานทางเศรษฐกิจ ทั้งความร่วมมือกับโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่โดดเด่นและความร่วมมือกับธนาคารชั้นนำของเราต่างเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดจนผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 การกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่สาม ทำให้ผลประกอบการเก้าเดือนของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยการผสมผสานตัวแทนมืออาชีพที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ซึ่งตอบสนองความต้องการทางการเงินของกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางและลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราเติบโตขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) มากกว่าร้อยละ 60 การสรรหาตัวแทนใหม่เติบโตแข็งแกร่ง โดยจำนวนผู้สมัครใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ส่งผลให้จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 การขยายตัวทางภูมิศาสตร์ของเรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่จากพื้นที่ใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ของ เอไอเอ ประเทศจีนในประเทศไทย เรายังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างชัดเจนและมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ร้อยละ 20 ในไตรมาสที่สามของปี 2568 ความต้องการผลิตภัณฑ์คุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเราที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่รายงานในช่วงครึ่งปีแรกการมุ่งมั่นสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพของเราส่งผลให้จำนวนผู้สมัครตัวแทนใหม่และผู้นำหน่วยงานเพิ่มขึ้นเอไอเอ สิงคโปร์ ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตรของเรา ตัวแทนที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเป็นมืออาชีพของเรายังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในด้านการสรรหาบุคลากรใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรของเรานั้นเกิดจากการขายที่แข็งแกร่งของข้อเสนอด้านความมั่งคั่งของเราให้กับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างประเทศเอไอเอ มาเลเซีย กลับมามีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในเชิงบวกอีกครั้งในไตรมาสที่สาม ของปี 2568 เนื่องจากการลดลงของจำนวนตัวแทนมีสัดส่วนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของช่องทางการขายผ่านพันธมิตรที่ยังคงเติบโตในระดับสองหลักในช่องทางตัวแทน เราประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวแทนและมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2568 ช่องทางการขายผ่านธนาคารของเรามีการเติบโตในเชิงบวก ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงโดยรวม ตลาดอาเซียนมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สูงขึ้นร้อยละ 15 โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก การเติบโตสองหลักจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตรกลุ่มตลาดอื่นของเรามีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว การเติบโตแบบเลขสองหลักจากเกาหลีใต้ เวียดนาม และอินเดีย ที่ช่วยชดเชยการลดลงในออสเตรเลียและไต้หวัน (จีน) สำหรับ Tata AIA Life ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย ยังคงสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกช่องทางการขาย และยังคงรักษาอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมด้านประกันชีวิตประเภทคุ้มครองรายย่อยในไตรมาสที่สามของปี 2568(13)โดยรวมแล้ว มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็น 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 2,550 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้น 5.7 จุด เป็นร้อยละ 58.2 จากการปรับสัดส่วนในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 11,910 ล้านเหรียญสหรัฐกำไรจากการให้บริการตามสัญญาของธุรกิจใหม่ (NB CSM) สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2568 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 ธุรกิจใหม่ที่มีกำไรอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มเข้ามาเสริมรายได้ที่เกิดขึ้นประจำจากธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในการบรรลุเป้าหมายของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นที่ร้อยละ 9 ถึง11 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569ภาพรวมเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจมากที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ โดยมีปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้าง เช่น ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ระดับการเข้าถึงประกันที่ยังต่ำ และความครอบคลุมของสวัสดิการสังคมที่จำกัด ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาคในระยะสั้นก็ตาม เอไอเออยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการคว้าโอกาสสำคัญเหล่านี้ ด้วยข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่งและความหลากหลายของตลาดที่เราดำเนินงานผลงานที่ยอดเยี่ยมของเราแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเติบโต และความสามารถในการดำเนินงานอย่างมีวินัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องรายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นของเอไอเอเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างและข้อได้ เปรียบในการแข่งขันโดยมีพื้นฐานจากการบริหารพอร์ตที่มีอยู่และแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับภาระผูกพันณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยของพอร์ตตราสารหนี้ที่ถือเพื่อรองรับทั้งผู้ถือกรมธรรม์และ ผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับ A เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 พอร์ตตราสารหนี้ภาคเอกชนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี ครอบคลุมผู้ออกตราสารกว่า 1,700 ราย โดยมีมูลค่าการถือครองเฉลี่ยประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อรายณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สัดส่วนตราสารหนี้ที่มีอันดับต่ำกว่าระดับลงทุนหรือไม่มีการจัดอันดับอยู่ที่ 2% ของพอร์ตทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในไตรมาสที่สาม ของปี 2568 มีตราสารหนี้ถูกปรับลดอันดับลงต่ำกว่าระดับลงทุนประมาณ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือน้อยกว่า 0.01% ของพอร์ตตราสารหนี้ทั้งหมดการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ของพอร์ตตราสารหนี้ลดลง 118 ล้านเหรียญสหรัฐใน ไตรมาสที่สามของปี 2568 โดยยอดตั้งสำรอง ECL อยู่ที่ 196 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.2% ของพอร์ตตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนของเอไอเอที่มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงณ วันที่ 30 กันยายน 2568 การลงทุนของกลุ่มบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้น ประกอบด้วยตราสารของหน่วยงานจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่น (LGFVs) มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงตราสารหนี้และหุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ (ไม่รวม LGFVs) มูลค่า 0.9 พันล้านเหรียญสหรัฐณ วันที่ 30 กันยายน 2568 พอร์ตการลงทุนของเอไอเอ ประเทศจีน ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ถึงร้อยละ 80 โดยในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 90 เป็นพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรหน่วยงานของรัฐ อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยในระดับสากลของพอร์ตตราสารหนี้ดังกล่าวยังคงอยู่ที่ระดับ A เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเอไอเอ รับเบี้ยประกันส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และมีการจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เมื่อรายงานผลประกอบการรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลจากการแปลงค่าเงิน เนื่องจากรายงานเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นจึงให้ข้อมูลอัตราการเติบโตและคำอธิบายโดยอ้างอิง CER (COnstant Exchange Rates) เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อสะท้อนภาพรวมผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
24/10/2025
เติมความรู้เรื่องเงิน อยากเป็นอิสระทางการเงิน และมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ลงทุนอย่างไรให้พอดีและดีพอในเศรษฐกิจยุคใหม่ เกษียณแล้วไม่ลำบาก สามารถส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่นผ่านการทำประกันชีวิตและการออมที่ให้ผลตอบแทนสูงและคงที่คุณภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SE Life ขึ้นเวที SX Talk Stage ภายในงาน Sustainability Exp0 2025 หรือ SX2025 ในหัวข้อ Wealth Wisdom for Modern Economy แนะแนวทางการลงทุนอย่างไรให้พอดีและดีพอในเศรษฐกิจยุคใหม่คุณภฤตนา เผยว่า เมื่อพูดถึง Wealth หลายคนมักจะนึกถึงเรื่องเงิน แต่ในนิยามส่วนตัวคือ ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนและส่งต่อให้กับผู้อื่นได้ โดยไม่ได้เป็นเรื่องของเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคุณค่าและสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา ซึ่งสามารถส่งต่ออย่างมีคุณค่าให้กับคนข้างหลังและสังคมได้4 ต้นทุนสำคัญ รากฐานแห่งความมั่งคั่งที่ยั่งยืนความมั่งคั่งในชีวิตเกิดจากปัจจัย 4 ประการ ที่เป็นรากฐานแห่งความมั่งคั่งที่ยั่งยืน ได้แก่ ทุนทางการเงิน (Financial) คือ สินทรัพย์ที่เป็นตัวเงิน เช่น เงินสด, การลงทุน, หุ้น ทุนด้านสุขภาพ (Health) คือการมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งกายและใจ ทุนด้านสังคม (Social) ครอบครัว เพื่อนพ้องที่อยู่อาศัย การเป็นพลังของกันและกัน การเกื้อกูลกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อาจจะทำให้เรามีความมั่งคั่งในชีวิตได้มากกว่ามีเงินเพียงอย่างเดียว และ ทุนด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Natural) การสร้างความมั่งคั่งและการเงินก็คือในเรื่องของธรรมชาติรอบตัว เราสร้างความมั่งคั่งสร้างเงินขึ้นมาเพื่อไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ในบ้านหลังที่ดีที่สุดและอบอุ่นที่สุด ในบรรยากาศการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและดีที่สุด ทั้ง 4 ทุนของความมั่งคั่ง เป็นทุนที่สำคัญมากในการที่เราจะสร้างสถานะแล้วก็สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งทางการเงิน จะขาดสิ่งใดไปไม่ได้ต้องทำให้ครบทั้ง 4 ด้านทุกคนเข้าใจว่าสุขภาพนั้นสำคัญเพื่อสร้างความมั่งคั่ง มนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ล้วนมีความกลัว กลัวเจ็บ กลัวจน กลัวจากไปก่อนวัยอันควร กลัวจะอยู่นานเกินไป เพราะว่าเราเข้าสู่ยุคที่มีอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้น การแพทย์ที่พัฒนามากขึ้น ทำให้เราสามารถที่จะอยู่ยืนยาวมากกว่าเมื่อในอดีต ผู้หญิงนี้ 78-80 ปี ผู้ชายก็ประมาณ 70 ปี บางคนอยู่ถึง 100 ปี แล้วจะอยู่อย่างไรในวันที่เราไม่ทำงานแล้ว ไม่มีรายได้ ไม่มี passive income ที่ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต เราออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Beyond Protection 989 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่กรมธรรม์ประกันชีวิต แต่เป็นของขวัญที่ส่งต่อถึง 3 เจเนอเรชั่นBeyond Protection 989 มากกว่ากรมธรรม์ชีวิตBeyond Protection 989 ออกแบบมาให้สามารถคุ้มครองครอบคลุมทั้ง 3 เจเนอเรชั่น แล้วปิดความกลัวทั้ง 4 ด้านของมนุษย์ได้ในหนึ่งเดียว คุ้มค่ามากสำหรับการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน ไม่ต้องเป็นภาระของใคร และสามารถส่งต่อคุณค่าให้กับรุ่นสู่รุ่นได้ด้วยGenX คือคนที่เป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่ สามารถที่จะเริ่มสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงในชีวิตด้วย Passive Income ตั้งแต่วัยที่ยังทำงาน เมื่ออายุครบ 60 ปีก็สามารถมีรายได้หลังเกษียณ 15% ของทุน ทุนล้าน 1 ล้านบาท ก็จะได้ 150,000 ทุกปีGenY คนวัยทำงาน จะมีรายได้จากทุน 10% ตั้งแต่ปีแรกที่ออมเงินกับ Beyond Protection 989 ซึ่งคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานจะมีความเสี่ยงสูงเพราะชีวิตกำลังสนุกสนาน กำลังเอ็นจอยกับไลฟ์สไตล์ในมิติต่าง ๆ เราเพิ่มความคุ้มครองให้ถึง 1800% ในกรณีที่จากไปก่อนวัยอันสมควรด้วยอุบัติเหตุGenZ เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตทุกวันนี้เข้าถึงเรื่องของการสร้างความมั่งคั่งช้าไป เพราะอาจจะมองว่าชีวิตมันง่าย ไม่น่าจะมีอะไร แต่ในแง่มุมของธุรกิจประกันชีวิต การออมตั้งแต่เดือนแรกที่ได้รับเงินเดือนหลังเรียนจบเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มที่สุด สามารถที่จะสร้าง Peace of Mind ไปจนถึงอายุ 89 ปี เริ่มออมตั้งแต่อายุ 25 ไปจนถึงอายุ 60 ก็มีเงิน 10% เป็นเงิน Emergency Fund เล็กๆ สำหรับ GenZ หลังอายุ 60 ไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องพึ่งพาอาศัยใคร และยังมีอีก 15% ไว้ดูแลตัวเองจนเกษียณอายุอย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน และความเสี่ยงก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน ทุกวันนี้มันมีทางในการช่องทางในการลงทุนมากมาย แต่ถ้าอยากจะลงทุนให้มีความมั่นคงและมั่นใจจริง ๆ ไม่เสียภาษี แล้วเงินนั้นได้รับการรับรองจากรัฐบาลก็คือการลงทุนแล้วก็การออมในรูปแบบของการประกันชีวิต ทั้งให้กับตัวเอง แล้วก็ให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งเป็นเรื่องของความสะดวกใจและความพอใจของแต่ละคนการออมคือวินัย ทุก Gen ยึดกฎ "เก็บก่อนใช้"สำหรับเรื่องการออม การออมเป็นวินัยเล็กๆ น้อยๆ ขออนุญาตยกตัวอย่างตัวเองซึ่งเป็นคนที่ออมเงินตั้งแต่วัยเด็ก โดยออมเงินจากค่าขนมที่คุณพ่อคุณพ่อให้ เอาไว้ซื้อหนังสือที่เราอยากอ่าน เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ได้เงินมาเท่าไหร่ก็จะเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้สิ้นเดือนก็จะเอาไปซื้อหนังสือสักเล่ม 1 เพื่อมาอ่านนั่ นเป็นวินัยที่ฝึกตั้งแต่เล็กๆ พอเริ่มทำงานก็ออมให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10-15% ของเงินได้ ตอนที่อายุยังน้อยๆ ก็ออมแค่ 10% พออายุมากๆ ก็เปลี่ยนเป็น 20% ทุกเดือน ทำแบบนี้มา 20 กว่าปีแล้ว เราต้องใช้กฎ “เก็บก่อนใช้” ใส่เข้าไปเงินฝากประจำและเข้าไปในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต กองทุนต่างๆ เพื่อการลดหย่อนภาษี ทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เก็บก่อนใช้เป็นสิ่งที่ต้องทำและทำเป็นวินัยตั้งแต่วัยเยาว์คน GenXอย่าง GenX หากออมเงินผ่าน Beyond Protection 989 จะได้ผลตอบแทนเหมือนเป็นเงินเกษียณอายุปีละ 15% ถ้าทุน 1 ล้านก็คือจะได้ 1.5 แสนในทุกๆ ปี ตั้งแต่อายุ 60 ปีจนถึงอายุ 89 ปี และเมื่ออายุครบ 89 ปี เราจ่ายให้อีก 989% ใครที่เป็นเจนเอ็กซ์ในตอนนี้แล้วอยากจะเริ่มเก็บเงินยังไม่สายเกินไป เป็น Passive Income ที่เราสามารถสร้างได้ตั้งแต่วันนี้ อายุ 60 ก็สบาย และอย่าลืมประกันสุขภาพเอาไว้ด้วยอีกหนึ่งตัว เพราะมีเงินและสุขภาพไม่ดี เดี๋ยวต้องเอาเงินตรงนี้ไปรักษาสุขภาพหมด ต้องซื้อประกันสุขภาพอีกหนึ่งตัว แล้วประกันสุขภาพมีให้เลือกมากมายนะคะ สามารถซื้อหาได้จากตัวแทนที่เราคิดว่าเราไว้วางใจ และเรามั่นใจ แล้วก็รวมถึงตัวแทนของ เอสซีไลฟ์ อาคเนย์ประกันชีวิต ก็สามารถให้บริการในเรื่องของการประกันสุขภาพได้คน GenYส่วนคน GenY กรมธรรม์ Beyond Protection 989 ให้ผลตอบแทนปีละ 10% ตั้งแต่วันเข้าสู่โครงการ เป็นเงินเลี้ยงดูตัวเองในยามเกษียณอายุ เป็นสิ่งที่ต้องวางแผน GenY คือชีวิตกำลังเริ่มต้น กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว สร้างบ้าน บ้านหลังแรก รถคันแรก ลูกคนแรก เป็นช่วงของการเริ่มต้นชีวิต เพราะฉะนั้นการใช้เงินก็จะเยอะ แต่ต้องเก็บก่อนใช้ ต้องไม่ประมาทในชีวิต ต้องรู้จักระมัดระวังและเก็บออมเพื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เราเรียกว่า Emergency Fund บีซึ่งควรต้องเก็บอย่างน้อยอย่างน้อย 6 เดือนของรายได้ทั้งปี เอาไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีงานทำ หรือว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น บวกกับอีก 10% ของ Beyond Protection 989 ถ้าหากว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร ชีวิตสวยสดงดงาม เงินก้อนนี้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อีกระดับหนึ่ง อยากท่องเที่ยว อยากใช้อะไรก็ได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับ GenYนอกจากนี้ การออมเงินด้วยผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้คือดูแลคุ้มครองชีวิต เพราะเราเข้าใจความเสี่ยงของคนกลุ่มนี้ที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าจากไปด้วยโรคร้ายแรงหรือว่าการจากไปแบบปกติก็ 900% แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุก็จะได้รับ 1800% เพราะว่าเป็นช่วงของการสร้างเนื้อสร้างตัว มีภาระหนี้สิน มีครอบครัว มีคนที่เขาจะต้องดูแล ถ้าหากว่าวันหนึ่งที่เขาจากไปเท่ากับว่าช่องทางในการหาเงินที่มาหล่อเลี้ยงครอบครัวมันสิ้นสุดลง เพราะฉะนั้นการเพิ่มความคุ้มครองที่เกิดอุบัติเหตุแบบฉับพลันทันทีให้กับลูกและครอบครัวของเขา จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากเลยสำหรับ GenY ถ้าคุณวางแผนไว้แล้วมันสามารถคุ้มครองจ่ายหนี้สินที่มีอยู่ แล้วก็สามารถส่งต่อลูกหรือคนข้างหลังของเราให้สามารถเรียนต่อหรือมีชีวิตต่อได้อย่างมั่นคงและก็ยั่งยืน นั่นคือคุณค่าที่แท้จริงของคำว่า Wealth สำหรับคน GenYคน GenZส่วนคน GenZ บางคนอาจจะเข้าใจว่าระยะเวลาการส่งประกันนั้นยาวนาน ต้องส่งเบี้ยไปตลอดชีวิตเลย คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ แต่กรมธรรม์ตัวนี้ส่งแค่ 9 ปี ทำงานหนักหน่อย เหนื่อยแค่ 9 ปี แล้วก็สามารถฝากชีวิต ความมั่นคง ความมั่นใจ ลดความกังวลและความกลัวไว้กับ Beyond Protection 989 แล้วใช้ชีวิตที่เหลือจนถึงอายุ 89 ปีอย่างสบายได้เลย เพราะได้ตั้งแต่ปีแรก เราจ่าย 10% จนถึงอายุ 60 พอหลังจากนั้นจนถึงอายุ 89 ปี จะได้ 15% GenZ คือได้ประโยชน์สูงสุดเลยการทำประกันชีวิตเนี่ย หรือการวางแผนการออม ยิ่งทำตอนอายุน้อยน้อยยิ่งกำไร ยิ่งทำตอนอายุน้อย เบี้ยยิ่งถูก ความคุ้มครองยิ่งสูง คนที่วางแผนเพื่อการเกษียณแล้วซื้อประกันชีวิตฉบับแรกกับเงินเดือนแรก คนนั้นจะมีโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งได้สูงกว่าคนอื่นขออนุญาตยกตัวอย่าง CFO ของบริษัทเราชื่อ “คุณนพ” เขาเริ่มออมตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน เขาเรียนจบคณิตศาสตร์ประกันภัย จึงรู้จักเรื่องของประกันชีวิตและประกันภัยเป็นอย่างดี ในวันที่สัมภาษณ์งานคุณนพบอกว่าผมจะมาทำงานให้จนถึงอายุ 45 ปี เขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ต้องทำงานแล้วก็ได้ แต่จะอยู่บ้านเฉยๆ 5 ปีก็รู้สึกน่าเบื่อ เลยกลับมาทำงาน แต่ขอทำงานแค่ 5 ปี เพราะมีอิสระทางการเงินแล้ว เริ่มออมตั้งแต่เงินเดือนแรกของชีวิต แล้ววันนี้สามารถมีชีวิตอยู่ไปได้จนถึงเกษียณ นี่เป็นการวางแผนของคนคนหนึ่งที่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจออะไร เป็นเรื่องราวของคนที่เข้าใจวิธีการสร้างกระแสเงินสดในอนาคต แล้วรู้ว่าตัวเองจะเกษียณเมื่ออายุเท่าไหร่ ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างคนที่รู้จักและมีวินัยในการออมและการใช้ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือในการสร้างเงินออมหลังเกษียณต้นไม้ของชีวิต ต้นไม้ของความมั่งคั่งที่ยั่งยืนอยากให้ทุกคนคิดว่าความมั่งคั่งคือ ต้นไม้ของเรา เริ่มจาก Wisdom คือ ราก ความรู้และอุปนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสั่งสมมาแล้วเราทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น เก็บก่อนใช้ ออมเงินทีละเล็กทีละน้อย ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มันจะเป็นปัญญาญาณที่เราสามารถกำหนดรู้ได้ตั้งแต่วันแรกของชีวิต ถ้ารากมันแข็งแรง รากมันไม่เน่า ไม่ผุพัง มันก็จะหล่อเลี้ยงลำต้นให้แข็งแรงส่วนลำต้นเสมือน Wealth ก็คือความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งนี้สร้างอย่างไร นอกจากมีทัศนคติ มีวิธีคิด และมีละเอียดอ่อนแล้วเข้าใจแล้ว จึงรู้จักออม รู้จักใช้ รู้จักหาเพื่อนดี ๆ รู้จักสร้างความมั่งคั่งผ่านการประกันชีวิต ผ่านการลงทุน ผ่านการออมและอื่น ๆ จนเราสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นเมื่อมีรากที่ดี มีลำต้นที่แข็งแรง ก็จะสามารถพาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงใบไม้ แล้วก็ผลของต้นไม้นั้นได้ เราเรียกว่า Well-being เราสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราสร้างมาได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน ผลไม้หรือว่าผลผลิตที่เราได้มา เราสามารถส่งต่อให้กับคนอื่นได้ ไม่ใช่เพียงแค่เราเพียงผู้เดียวเท่านั้น นี่คือ Welath Wisdom อย่างแท้จริง ทุกอย่างเริ่มจากราก รากแข็งแรง ส่งถึงลำต้น ลำต้นที่แข็งแรง หล่อเลี้ยงกิ่งก้านใบและผลของต้นไม้นั้น อยากให้ทุกคนจำภาพนี้ง่าย ๆ แล้วให้เป็นภาพของต้นไม้ของชีวิตในการสร้างความมั่งคั่ง แล้วก็ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ amarintvhttps://www.amarintv.com/spotlight/sustainability/526862
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
24/10/2025
• UNHCR ร่วมกับ MOCA Bangkok จัดนิทรรศการ "ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3" โดยรวบรวมผลงานจากศิลปินไทย 31 ท่าน • เป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดหลักคือ "ความหวัง" (Hope) เพื่อส่งต่อกำลังใจและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัย • มีเป้าหมายเพื่อระดมทุนจากการจำหน่ายผลงานศิลปะ สนับสนุนแคมเปญ Aiming Higher ของ UNHCR มอบเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ลี้ภัย • นิทรรศการจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok) ให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568แทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ลี้ภัยทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 123 ล้านคน ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นเพราะความขัดแย้ง การประหัตประหาร ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะ ‘เด็กและเยาวชนผู้ลี้ภัย’ การศึกษา เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย ช่วยให้พวกเขาได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมอย่างมีความหมายต่อชุมชนของตนเองแทมมี่ ชาร์ป กล่าวเปิดงานสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR : Office of the United Nations High Commissioner for Refugees), พระเมธีวชิโรดม ผู้อุปถัมภ์ด้านสันติภาพและเมตตาธรรมของ UNHCR และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (The Museum of Contemporary Art - MOCA Bangkok) จึงได้ร่วมกันจัด นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 (The 3rd Art for Refugees) ภายใต้แนวคิด “ความหวัง ใช้ชีวิตให้ดี ทำโลกให้งาม”จัดแสดงผลงานศิลปะของ ศิลปินไทย จำนวน 31 ท่าน สร้างสรรค์ผลงานภายใต้คอนเซปต์ Hope พร้อมเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลปะและนักสะสมมีโอกาสเป็นเจ้าของ โดยมีเป้าหมายในการระดมทุนสนับสนุน แคมเปญ Aiming Higher ของ UNHCR ที่จัดขึ้นทั่วโลกเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้เยาวชนผู้ลี้ภัยที่มีความรู้ความสามารถได้สานต่อความหวังและความฝันสำหรับการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาและฝึกทักษะวิชาชีพเฉพาะด้านบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOCA Bangkok และ 21 ศิลปินจิตสาธารณะสุริยา นามวงษ์ ศิลปินไทยและภัณฑารักษ์ MOCA Bangkok ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 ว่า เป็นโครงการศิลปะเพื่อสาธารณประโยชน์ที่เน้นให้ ‘ศิลปะ’ เป็นตัวนำ โดยคัดสรร ศิลปินที่มีความสามารถและมีจิตสาธารณะ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานอย่างอิสระแม้ว่าศิลปินทั้ง 31 ท่านจะได้รับอิสระในการสร้างสรรค์ แต่ก็ใช้คำว่า Hope (ความหวัง) เป็นแกนกลางในการตีความผลงาน ซึ่ง ‘ความหวัง’ ที่แสดงออกมานั้นสามารถเป็นไปได้หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงประเด็นผู้ลี้ภัยเท่านั้นโครงการนี้แตกต่างจากกิจกรรมการกุศลทั่วไปตรงที่เน้นให้ผลงานมีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้คนมีโอกาสสะสมงานศิลปะดีๆ ทั้งยังตั้งใจให้กิจกรรมนี้เป็นไปเพื่อการทำบุญตามจุดมุ่งหมายหลักของการจัดงาน คือระดมทุนเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์“ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของผลงานศิลปะได้ทุกชิ้น รายได้ส่วนหนึ่งนำไปช่วยเยาวชนผู้ลี้ภัยให้เขามีโอกาสเรียนในระดับอุดมศึกษา เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย ในขณะที่เราเดือดร้อนยังมีคนที่เดือดร้อนมากกว่า ขาดโอกาสทางการศึกษา อยู่บ้านเล็กๆ เบียดเสียดกัน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนมนุษย์ ทำอะไรได้ก็อยากจะทำ สมัยก่อนเรามองว่าสงครามอยู่ไกลตัว แต่จริงๆ สงครามอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น” สุริยา กล่าวสุริยา นามวงษ์ กับผลงาน ‘หนุมานแห่งยุคโฮโลซีน’ในนิทรรศการนี้ ภัณฑารักษ์สุริยาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชื่อ หนุมานแห่งยุคโฮโลซีน (Hanuman: Spirit of the Holocene) ประติมากรรมบรอนซ์ ขนาด 90 x 65 x 90 เซนติเมตร“โฮโลซีนเป็นยุคทางธรณีวิทยาที่โลกมีอุณหภูมิสมดุลและคงที่ จึงเกิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ เกิดวัฒนธรรมมนุษย์ แต่ตอนนี้โลกเดินทางมาถึงจุดที่อุณหภูมิโลกเริ่มแปรปรวน สิ่งแวดล้อมเริ่มแย่ลงผมก็เลยมองว่าอะไรที่จะสามารถทำให้โลกเยียวยาได้ เพราะทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดจากมนุษย์ ผมนึกถึงวรรณกรรมเก่าเกี่ยวกับหนุมานซึ่งปกป้องพระรามแต่พระรามสำหรับผม หมายถึง ‘สมดุลของจักรวาล’ หนุมานเป็นทหารเอกมีอาวุธทรงพลังเพื่อปกป้องจักรวาล เหมือนกับเราทุกคนล้วนมีอาวุธมีพลัง นำพลังนั้นไปฆ่าคนไปทำสงครามก็ได้ ในทางตรงข้ามก็สามารถนำอาวุธไปช่วยคนก็ได้ เช่นช่วยคนน้ำท่วม เหมือนทหารที่นำยุทโธปกรณ์ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ” ศิลปินและภัณฑารักษ์อธิบายผลงานคณชัย เบญจรงคกุล กับผลงาน Hope และ Fear จัดแสดงพร้อมจดหมายจากเยาวชนในค่ายผู้ลี้ภัยคณชัย เบญจรงคกุล ช่างภาพและผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในนิทรรศการชุดนี้จำนวน 2 ชิ้น คือ Hope (ความหวัง) และ Fear (ความกลัว) สื่อสารผ่านภาพถ่ายและจัดแสดงร่วมกับ ‘จดหมายจากเด็กในค่ายผู้ลี้ภัย’ ที่เขียนถึงความหวังในอนาคต“ผมขออนุญาตไปทางค่ายผู้ลี้ภัย อยากจะให้น้องๆ ในค่ายฯ เขียนจดหมายให้หน่อยว่าความหวังเขาคืออะไร และมีความหวังในอนาคตอะไรบ้าง บางคนอยากโตไปเป็นหมอ เป็นอาชีพอื่นๆ มีจดหมายหลายฉบับที่สะเทือนใจ แต่มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ติดอยู่ในใจผม เขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ประมาณว่า‘คุณจะต้องมีความหวัง ถึงจะเขียนแล้วก็วาดมันออกมาได้ แต่เขาไม่มี(ความหวัง) ก็เลยไม่สามารถเขียนออกมาได้’ผมก็เลยเอาตรงนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงาน ก็คือภาพถ่ายชื่อ Hope กับ Fearภาพ Hope ผมใช้เศษแก้วที่แตกแล้วมาเรียงเป็นคำว่า Hope หมายถึงความหวังของเขาจริงๆ มันเปราะบางมาก พร้อมจะแตกทุกเมื่อ หรือจริงๆ มันสลายไปแล้วด้วยซ้ำ เราในฐานะเพื่อนมนุษย์ต้องช่วยประสานความหวังให้กับเขาหรือไม่ส่วนภาพ Fear ผมใช้ดอกเดซี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ความหวัง’ มาเรียงเป็นคำว่า Fear สะท้อนความกลัวที่มีอยู่ในตัวผู้ลี้ภัยทุกคน แต่การใช้ดอกเดซี่ที่มีความหมายและความสวยงาม ก็เพื่อแสดงความสวยงามจากเรื่องที่มันน่ากลัว มีความทับซ้อนกันอยู่ ระหว่างความหวังกับความกลัวครับ” คณชัย กล่าวแทน โฆษิตพิพัฒน์ กับผลงาน Homeland and The Journeyแทน โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินไทยผู้มีผลงานโดดเด่นด้านจิตรกรรมและศิลปะดิจิทัล ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพวาดชื่อ Homeland and The Journey จำนวน 2 ภาพ คือภาพภูเขาและภาพทะเล โดยใช้สีถ่านวาดบนบล็อคดิน ซึ่งเปรียบเสมือนการวาดภาพบนแผ่นดิน“ดินที่ผมนำมาอัดเป็นบล็อค ผมนำมาจากพื้นที่จริงที่มีปัญหาเรื่องการลี้ภัยเยอะมากๆ แต่ผมไม่อยากระบุว่าเป็นประเทศไหน เอาเป็นว่าอยู่ในโซนเอเชียนี่แหละ จริงๆ ไกลบ้านเรามาก แต่ปัญหานั้นอยู่ใกล้ประเทศเราผลงานนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องการเมือง แต่เป็นเหมือนการบันทึกและอยากให้ระลึกถึงผลของการที่ผู้คนต้องหนีออกไปจากพื้นที่ของเขาเพื่อที่จะไปพื้นที่ใหม่ที่อาจจะปลอดภัย แต่ความจริงแล้วเขาถูกบังคับด้วยซ้ำให้เดินทางออกมาจากบ้านเขา” แทน กล่าวถึงภาพวาดรูปภูเขาซึ่งเป็นภาพสถานที่ที่เขานำดินมาทำบล็อค ซึ่งก็คือแผ่นดินที่ผู้ลี้ภัยถูกบังคับให้ออกมาจากพื้นที่ที่เขาอยู่มาเป็นร้อยปีสำหรับภาพวาดรูปทะเล เป็นการวาดลงบนบล็อคดินที่เป็นดินของประเทศไทย รูปนี้สื่อถึงการเดินทาง การติดต่อกับทั่วโลก"ภาพวาดภูเขาเปรียบเสมือน Homeland หรือ ‘บ้านเกิด’ ส่วนภาพวาดทะเลเปรียบเสมือน Journey หรือ ‘การเดินทาง’ แทนจึงตั้งชื่อผลงานทั้งสองชิ้นนี้ของเขาว่า Homeland and The Journeyผลงาน ‘สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ 03’ โดย เญอรินดา แก้วสุวรรณ เญอรินดา แก้วสุวรรณ ศิลปินจิตรกรรมและศิลปะประดิษฐ์ที่มีผลงานโดดเด่นในด้านการใช้เทคนิคเย็บปักถักร้อย เพื่อสะท้อนประเด็นสิ่งแวดล้อมและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติในนิทรรศการนี้ เญอรินดาสร้างสรรค์ผลงานชื่อ สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ 03 ขนาด 130 x 180 เซนติเมตร โดยใช้เทคนิคเย็บปักถักร้อยจากจุดเล็กๆ สร้างเป็นผลงานชิ้นใหญ่ อิงจากแนวคิดการประสานจุดเล็กๆ หรือการร่วมมือกันของคนกลุ่มเล็กๆ จะทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น“งานชิ้นนี้พยายามสื่อสารเกี่ยวกับสิ่งเล็กๆ ที่มีชีวิตอยู่รอบโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาพร้อมสายโยงเชื่อมความสัมพันธ์และมิตรภาพซึ่งกันและกัน เห็นคุณค่าความงามของกันและกัน ให้คุณค่ากับสิ่งรอบข้าง เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกแต่เราอยู่กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ดอกไม้ ใบไม้ ล้วนแต่เป็นเพื่อนมนุษย์กับเรา เราควรพยายามเห็นคุณค่าของกันและกัน เห็นความสำคัญและเคารพซึ่งกันและกัน สร้างโลกให้น่าอยู่” เญอรินดา กล่าวผลงาน ‘สันติภาพ’ โดย เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ ศิลปินเจ้าของฉายา LINECENSOR มีชื่อเสียงด้านงานประติมากรรมและภาพพิมพ์ รวมทั้งเป็นผู้บุกเบิกศิลปะ NFT ในไทย ครั้งนี้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชื่อ สันติภาพ (Peace, 2025) ภาพวาดสีอะคริลิคบนลินิน ขนาด 100 x 100 เซนติเมตรศิลปินให้สัมภาษณ์ว่า ‘สันติภาพ’ เป็นผลงานศิลปะชิ้นล่าสุดสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญหน้ากับปัญหาชายแดน และความรู้สึกรักชาติ“งานชิ้นนี้ผมพยายามบันทึกสังคมและอารมณ์ในปัจจุบัน รวมถึงประเด็นความคลุมเครือของข้อมูล ข่าวปลอมและประวัติศาสตร์”ในผลงาน ศิลปินใช้ ‘สัญลักษณ์’ มากมายแทนบุคคล เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ และบริบทแวดล้อมต่างๆ เพื่อสะท้อนความซับซ้อนของชีวิตและการแสวงหาความจริงในขณะที่ต้องยืนหยัดอย่างมีสติ และหลีกเลี่ยงอคติทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความเกลียดชังพร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ ‘ทำความดี’ และ ‘ความบริสุทธิ์ใจ’ ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ศ. เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง กับผลงานศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย จำนวน 2 ชิ้นของท่านรักษา ชีวิต จิตวิญญาณ : อนันต์ยศ จันทร์นวลMy hope is a flowers : เอกชัย ลวดสูงเนินนิทรรศการ ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 ยังมีผลงานศิลปะของศิลปินท่านอื่นอีก ดังนี้ พระเมธีวชิโรดม, ศ. เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง, ปัญญา วิจินธนสาร, กิตติศักดิ์ เทพเกาะ, จักรพงษ์ เทพเกาะ, จักรี คงแก้ว, ชัชวาล รอดคลองตันชัชวาลย์ วรรณโพธิ์, ชัยรัตน์ แสงทอง, ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ, ธณกฤษภ์ ทิพย์วารี, ธนชัย อุชชิน, ธีร์พาทิศ บุญวิจิตรนิธิธร, นที อนันทะประดิษฐ์, ปรีชา ชัยสร, พลวัฒน์ สามิดีภาราดา วิรัสวีร์, ลำพู กันเสนาะ, วรสันต์ สุภาพ, วิษณุพงษ์ หนูนันท์, สุรสิทธิ์ เสาว์คง, สุวัฒน์ชัย ทับทิม, เสงี่ยม ยารังษี, อนันต์ยศ จันทร์นวล, เอกชัย ลวดสูงเนิน, โอม รัชเวทย์“ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3” เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น G พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย โดยไม่มีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok) • เลขที่ 499 ถนนกำแพงเพชร 6, แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ • เปิดบริการวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น. • โทร.0 2016 5666 • ประมาณ 90 เมตรจากรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สถานีบางเขนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1202802
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
24/10/2025
แลนด์มาร์กสำคัญแห่ง สปป.ลาว ที่ใครมาเยือนนครหลวงเวียงจันทน์ก็ต้องแวะมาถ่ายภาพเช็กอิน ต้องยกให้ “ประตูชัย” อนุสรณ์สถานที่สร้างมาจากปูนของอเมริกาหวังจะนำไปสร้างสนามบิน“อนุสาวรีย์ประตูชัยแห่งนครเวียงจันทน์” ซึ่งคนนิยมเรียกสั้นๆว่า “ประตูชัย” หรือ ปะตูไซ (Patuxai) สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาลราชอาณาจักร ที่มีพระเจ้าสีสะหว่างวงเป็นองค์พระประมุข เพื่อรำลึกถึงทหารลาว ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ทหารลาวที่เสียชีวิตหลังจากนั้น ในช่วงปีแห่งการต่อสู้ให้ประเทศพ้นจากการเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ.2492ประตูแห่งนี้ก่อสร้างด้วยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยใช้ปูนซีเมนต์ ซึ่งความตั้งใจแรกเตรียมไว้เพื่อก่อสร้างสนามบิน ทำให้มีเรื่องเล่าเรียกกันขำๆ ว่า “รันเวย์แนวตั้ง” เพราะการก่อสร้างประตูชัยได้ใช้ปูนซิเมนต์ที่สหรัฐอเมริกาซื้อมาเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ระหว่างสงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันสร้างอเมริกาก็แพ้เวียดนามเสียก่อน จึงนำปูนเหล่านั้นมาสร้างประตูชัยแทนประวัติการก่อสร้าง มีการระบุชื่อ “นายทำ ไซยะสิดเสนา” สถาปนิกชาวลาวเป็นผู้ออกแบบ โดยชนะในการแข่งขันที่กรมโยธาจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2500 ซึ่งการก่อสร้างอนุสาวรีย์เริ่มขึ้นในปีนั้น รวมมูลค่าก่อสร้างราว 63 ล้านกีบ"ประตูชัย" ที่ว่านี้ เป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถานลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่มีรายละเอียดที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะแบบล้านช้าง ไม่ว่าจะเป็นยอดปราสาทบนประตู ลวดลายปูนปั้น เทพพนม และภาพจิตรกรรมบนเพดาน เป็นต้น และบนประตูชัยยังเดินขึ้นไปได้ ความสูงเท่ากับตึก 7 ชั้น เป็นจุดชมวิวเมืองเวียงจันทน์มุมสูงได้แบบ 360 องศา ส่วนบริเวณรอบๆมีการจัดภูมิทัศน์เป็นสวนสวยงาม และมีแสดงน้ำพุประกอบดนตรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000099996
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
24/10/2025
น้องวิน ภาสวิน นักวางแผนการเงินวัย 14 ปี จากไปอย่างสงบ หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งและโรคหัวใจ กับเรื่องราวที่แรงบันดาลใจให้ผู้คนภาพจาก Instagram win_phassawinวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก Win Phassawin เพจของ น้องวิน ภาสวิน นักวางแผนการเงินอายุน้อย วัย 14 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่ 3 ขวบ โพสต์แจ้งข่าวเศร้าเกี่ยวกับการจากไปของ น้องวิน ระบุว่า "นักสู้ตัวน้อยของแม่ ได้ออกเดินทางแล้วนะคะ เช้านี้ 5.18 รักสุดใจ"สำหรับน้องวิน เป็นที่รู้จักจากการเปิดใจผ่านรายการ มนุษย์ต่างวัย Talk เมื่อตอนอายุ 3 ขวบ ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง ต้องรับการคีโมจนหายดี จากนั้นเมื่อ 5 ขวบ ยังป่วยเป็นโรคหัวใจและมีภาวะปอดข้างเดียว ซึ่งการรักษาส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกาย แต่น้องยังคงมีเป้าหมายชีวิตคือการสนใจเรื่องของการวางแผนการเงินและการลงทุน ช่วงหนึ่งในรายการ น้องวินเผยว่า "ผมมีโรคตั้งแต่เด็ก เรามีระเบิดเวลาในตัว ที่ไม่เหมือนคนอื่น วันนี้เราไม่สามารถจะมองสุขภาพ เป็นต้นทุนได้แล้ว เราก็เลยมองเรื่องเวลาที่เราเริ่มเร็วกว่าเป็นต้นทุน"น้องวิน ตั้งใจเก็บเงินไว้ให้กับตัวเองในอนาคต แต่ก็มองในเรื่องของเงินเฟ้อที่จะทำให้มูลค่าของเงินลดลง ทำให้น้องสนใจนำเงินไปสะสมซื้อทองคำ โดยตั้งเป้าหมายเก็บเงินซื้อทองให้ได้ปีละ 1 บาท ค่อย ๆ หาเงินจากการนำของไปขายที่โรงเรียน และรับงานรีวิวผ่านช่องทางโซเชียล จนทำให้เมื่อไม่นานนี้ น้องวิน สามารถเก็บทองได้ถึง 2 บาท กับอีก 2 สลึงแล้วด้วยวัย 14 ปีภาพจาก Instagram win_phassawinอย่างไรก็ดี ด้วยสภาพร่างกายที่ต้องเจอกับอาการป่วย ทำให้หลาย ๆ คลิป น้องวิน ออกมาอัปเดตและเล่าเรื่องราวพูดคุยกับผู้ติดตามขณะที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยช่วงต้นเดือนตุลาคม 2568 น้องวิน โพสต์แจ้งหยุดลงคลิปสักพักเพราะต้องเข้ารักษาตัว ก่อนจะลงภาพเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศการอัดรายการหนึ่ง ซึ่งได้เป็นแขกรับเชิญร่วมพูดคุย และเตรียมจะออกอากาศในช่วงเดือนพฤศจิกายน นี้แต่ล่าสุด (23 ตุลาคม) ทางครอบครัวได้เผยข่าวเศร้าว่า น้องวิน ได้จากไปแล้วป๊อป ศิวาภัทรพ์ ไว้อาลัยเศร้าถึงการจากไปของ น้องวินภาพจาก Instagram win_phassawinป๊อป ศิวาภัทรพ์ นักเขียนและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ก่อตั้ง White Road Academy โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Pop Siwapat ระบุว่า ถึงน้องวินที่รัก พี่ป๊อบมาส่งในการเดินทางไกลนะครับ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน วินคือสัญลักษณ์ของความตั้งใจและความมุ่งมั่น วินมาคนแรก ๆ ของคลาสเรียน วินนั่งหน้าสุด จดทุกอย่างอย่างตั้งใจ พี่ป๊อบจำประโยคที่เราคุยกันได้เลยว่า ทำไมผมถึงร้องไห้วินถามพี่ป๊อบหลังจากทำเวิร์กชอป และพี่ป๊อบบอกว่า รู้สึกถึงมันไปนะ ยอมรับอารมณ์ตัวเอง แล้วเราจะได้ใช้ชีวิต หลังจากนั้นเราก็เจอกันทุกคลาสเรียน วินตั้งใจมากจนผู้ใหญ่ทุกคนชื่นชม วินคือผลลัพธ์ที่งดงามมาก ๆ ทั้งกับพี่ป๊อบและพี่แน๊ค Nack Siwakorn เวลาใครท้อใจหรือถอดใจ พวกเขาจะหันมามองวิน เพื่อเห็นว่าวินตั้งใจเรียนขนาดไหน หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าเด็กตัวแค่นี้ยังตั้งใจเรียนขนาดนี้ ฉันแก่ขนาดนั้นยังถอดใจ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงหลายครั้งที่พี่ป๊อบเองก็ถอดใจกับการใช้ชีวิต แม่ก็จะบอกพี่ป๊อบว่า ดูสิ ขนาดเด็กน้อยยังสู้เลย วินเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ป๊อบกลับมาหลาย ๆ ครั้งนะครับ เราสองคนไม่ใช่แค่อาจารย์กับนักเรียน แต่เรารู้สึกถึงกันในความเป็นเพื่อนและพี่น้อง เป็นครอบครัวที่ห่วงใยกันเสมอ ตอนวินเข้าโรงพยาบาล พี่ป๊อบไปเยี่ยมตอนพี่ป๊อบเข้าโรงพยาบาล วินก็ส่งข้อความมาเยี่ยมมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้วครับ วิน มันไม่เคยง่ายเลยที่จะต้องทำใจกับเรื่องนี้วันที่วินเสี่ยงจะไปหลายครั้ง พี่ป๊อบอยู่ตรงนั้น วินบอกว่าพี่ป๊อบคือครูที่ดีที่สุดในชีวิต พี่แน๊คก็ด้วย วินถามพี่ป๊อบว่า เมื่อไหร่ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิต พี่ป๊อบก็ตอบอย่างล้ม ๆ แล้ง ๆ ว่า เมื่อร่างกายวินพร้อม วินจะได้ใช้ชีวิตเต็มที่เลย เพราะขนาดวินป่วย วินยังอัปคลิป ถ่ายทอดความรู้ให้กำลังใจผู้คนมากมายจิตใจและความคิดของวินคือมรดกของโลกเสมอมันเยียวยา มันเป็นต้นแบบ มันเป็นพลังใจภาพจาก Instagram win_phassawinหลายครั้งวินชอบบ่นว่าทำไม่เต็มที่ พี่ป๊อบบอกวินทั้งต่อหน้า และขอบอกอีกครั้งในนี้ว่าวิน เต็มที่มากแล้วจริง ๆ นะ มากจนบางทีพี่ป๊อบยังทำสู้วินไม่ได้เลย วินหาเงินใช้เองตั้งแต่เด็ก วินรู้วิธีเก็บออมเงิน ออมทอง วินมีความตั้งใจแรงกล้าที่จะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ วินเต็มที่จนเกินคำว่าเต็มที่ไปแล้วนะครับวินคือสัญลักษณ์ของการ ทลายขีดจำกัดอย่างไร้ข้ออ้าง วิน อยู่เหนือต้นทุนชีวิตทางร่างกายไปมาก วินมีแต่ทำ ทำให้เต็มที่ ทำเสมอ เรียนรู้ไปจากร้อยวิวมาเป็นล้านวิว จากคนไม่รู้จักกลายเป็นคนที่ทั้งโลกได้รู้จักวินไม่ต้องติดค้างคาใจอะไรทั้งนั้น วินวางใจได้เลยครับเมื่อวาน วันสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกันวินยังเรียกหาพี่ป๊อบ เราได้ชื่นชมกัน บอกลากัน ยิ้มให้กัน สัมผัสกันวินยังฟังคลิปความรู้รอบตัวเกี่ยวกับโลกอยู่เลยวินบอกว่า อยากไปเที่ยวทุกประเทศเลยเสาร์นี้พวกเราทำได้แค่ยิ้มเอ็นดู และหดหู่ในใจ วินขอหมอกลับมาที่บ้าน เพราะวินรู้ตัวว่าอยากจะจากไปในอ้อมอกพ่อแม่และญาติ ๆภาพจาก Instagram win_phassawinท้ายที่สุดวินคงได้เห็นแล้วนะครับว่า ทุกคนรักวินมาก ๆ เลยนะครับมีญาติ ๆ เดินทางมาจากไกล ๆ เพื่อวินพี่ป๊อบ พี่แน๊ค ก็อยู่ด้วยเสมออยู่นานพอที่จะได้บอกลากันอย่างงดงามวินสอนให้พี่ป๊อบเห็นสัจธรรมของชีวิตว่าท้ายที่สุด ก็มีแต่เรากับร่างกายและเรากับครอบครัวใกล้ชิดไม่กี่คนเมื่อวานบ้านวินอบอุ่นมากนะครับแม้ว่าทุกคนจะเศร้าเสียใจแต่ทุกคนพร้อมจะอยู่กับวินอย่างถึงที่สุดจริง ๆแม่กับพ่อรักวินมากนะไม่ต้องห่วงนะ พี่ป๊อบเชื่อว่าพวกเขาอยู่ได้ วินเกิดมามีพ่อแม่ที่งดงามจริง ๆขอบคุณแม่โอ๊ตด้วยนะครับ ที่คอยรายงานข่าวและมีส่วนให้ผมได้เห็นความงดงามในชีวิตของวินจากนี้ขอให้วินได้เดินทางไปยังที่ที่วินฝันใฝ่นะครับทุกสิ่งที่วินบันทึกไว้ใน สมุดเบาใจพี่ป๊อบเชื่อเหลือเกินว่าพ่อแม่จะสานต่ออย่างดี วันหนึ่งถ้า ไวท์โรด ก่อตั้งเสร็จ จะมีห้องชื่อ ภาสวินเพื่อรำลึกถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความกตัญญู และการใฝ่รู้ของวิน วินไม่ต้องห่วงว่าใครจะลืมวินไหมนะครับ แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเรื่องส่วนตัวให้ต้องคิดและจัดการแต่พี่ป๊อบเชื่อว่า ในหลาย ๆ แว่บ วินจะปรากฏในใจของพวกเขาทั้งคำพูด ความรู้ รอยยิ้ม ความน่ารัก และการสู้เพื่อใช้ชีวิตต่อไปพี่ป๊อบจะจดจำทุกอ้อมกอด ทุกขณะที่เราคุยกันทุกคลิปที่วินส่งมาให้ จะไม่มีวันลบมันไปเด็ดขาด กะว่าจะไม่ร้องไห้เมื่อเขียนโพสต์นี้ แต่ก็ร้องเดี๋ยวพี่ป๊อบจะไปหา ไปบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ วินวินคือผู้ชนะในใจของพ่อแม่ ครอบครัว พี่ป๊อบ พี่แน๊ค และเพื่อนร่วมโลกนะวินคือสัญลักษณ์ของการก้าวผ่านขีดจำกัดวินมหัศจรรย์เหลือเกินครับพี่ป๊อบเคยพูดต่อหน้าวินไปแล้ววันนี้ขออวดให้โลกรู้นะครับหลับให้สบายนะครับน้องชาย สักวันเราคงได้พบกันอีกครับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/250046
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
22/10/2025
เอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ฉลองครบรอบ 10 ปีในประเทศไทย เปิดตัวกิจกรรมวิ่งสุดคิวท์แห่งปี กับ “My Melody & Kuromi Celebration Fun Run” ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษครบรอบ 50 ปีของ My Melody และครบรอบ 20 ปีของ Kuromi ซึ่งนับเป็นคาร์แรคเตอร์ขวัญใจคนไทยหลาย ๆ คน โดยระยะทางวิ่งมีให้เลือกทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่ • ระยะ 1.5 km ที่ทุกคนสามารถวิ่งเพลินไปกับน้องหมาแสนรัก หรือชวนคุณหนู ๆ ที่รักมาวิ่งกับคาร์แรคเตอร์ในดวงใจ • ระยะ 3 km ที่ทุกคนจะได้วิ่งแบบชิล ๆ กินบรรยากาศสุดคิวท์ และ • ระยะ 7.5 km ที่ทุกคนจะได้เรียกเหงื่อและสนุกไปกับความน่ารักของ My Melody & Kuromi ตลอดเส้นทางยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมในครั้งนี้ยังมาพร้อมโปรโมชันสุดเอ็กคลูซีฟ อาทิ กิจกรรม Prepare for the Party ที่จะให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปสวย ๆ และพบกับเซอร์ไพรซ์มากมาย กิจกรรม Workshop ทำขนมสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษมอบให้สำหรับสมาชิก AIA Vitality โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.thai.run และติดตามรายละเอียดได้ทาง www.aiaonebillionday.comสำหรับงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “RUN FUN SHARE” งานเดียวที่รวมกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีในสไตล์ของตัวเอง ทั้งงานวิ่งเทรล (AOB Trail) และ Fun Run กิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมายภายใน AOB Park (AOB Park) ที่รวบรวมร้านอาหารรสเด็ดและเกมมันส์ ๆ ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาสนุกร่วมกัน ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต (AOB Concert) กับศิลปินสุดฮอต อย่าง เจ-เจตริน โอ๊ต-ป๊อป-อาร์ต และส้ม-มารี นอกจากกิจกรรมสนุก ๆ แล้ว ทุกคนยังได้มีโอกาสร่วมทำบุญด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียน ภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย และพิเศษสำหรับผู้ที่บริจาคตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปจะได้รับกระเป๋า AOB DAY 2025 Limited Edition อีกด้วย พบกัน วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ งานเดียวที่ไม่อยากให้ใครพลาด!
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การทำงาน
20/10/2025
เคยรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในทะเลงานไหม ภาพของผู้จัดการที่หัวหมุนกับการประชุมแบบไม่พัก อีเมลที่ไหลเข้ามาไม่หยุด และลูกทีมที่รอการอนุมัติทุกฝีก้าว คือ ภาพที่เราคุ้นเคยกันดี แต่เครื่องหมายของความขยันก็คือ ความยุ่ง และภาระงานที่เยอะมากมาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาเสียเลยทางกลับกัน ลองจินตนาการถึงผู้นำอีกแบบหนึ่ง พวกเขาประชุมน้อยลง มอบหมายงานอย่างสบายใจ และมีตารางเวลาที่โล่งโปร่ง แต่ทีมกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ คือ ความขี้เกียจ หรือการวางแผนให้ประสบผลสำเร็จ คนเหล่านี้มีความคิดอย่างไรบ้างคำตอบคือ "ศิลปะแห่งความเกียจคร้านโดยเจตนา หรือ Intentional Laziness” ไม่ใช่การไม่ทำงาน แต่คือการเลือกที่จะไม่ทำทุกอย่าง แล้วมุ่งใช้พลังงานไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ นี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้แนวทางสุดยูนีคนี้เวิร์คแบบสุดๆ1. วัดกันที่ "ผลลัพธ์" ไม่ใช่ "ความยุ่ง"ผู้นำสายชิลล์ไม่สนใจว่าตัวเองจะดูยุ่งแค่ไหน แต่แคร์ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ในขณะที่บางคนพยายามพิสูจน์ความทุ่มเทด้วยการอัดตารางประชุมที่แน่นเอี๊ยด หรือส่งอีเมลตอนเที่ยงคืน ผู้นำที่ฉลาดจะถามตัวเองเสมอว่า "อะไรคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนทีมไปสู่ความสำเร็จได้จริงๆ"พวกเขากล้าที่จะปฏิเสธวัฒนธรรม "ทำงานโชว์" (Performance Theater) อย่างการประชุมรายงานสถานะที่ไม่จำเป็น หรืองานเอกสารที่ไม่มีใครอ่าน โดยผลวิจัยจาก Visier ชี้ว่า พนักงานกว่า 83% ใช้เวลาไปกับงานที่ทำให้ดูยุ่ง โดยเกือบครึ่งหนึ่งใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับมัน2. สร้างทีมให้แกร่ง จนคุณ "ไม่จำเป็น"ภาวะผู้นำที่แท้จริงคือการทำให้ตัวเองมีความสำคัญน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น ผู้นำที่เก่งจะไม่ทำตัวเป็นคอขวด แต่จะมอบหมาย "ความเป็นเจ้าของ" ไม่ใช่แค่ "งาน" ซึ่งแตกต่างกัน โดยการมอบหมายงาน คือการสั่งให้คนอื่นทำงานตามที่คุณคิด ส่วนการมอบความเป็นเจ้าของ คือการให้อำนาจและความรับผิดชอบในการตัดสินใจไปพร้อมกันเมื่อคุณให้เวลาฝึกฝนทีมในช่วงแรก แล้วถอยออกมาปล่อยให้พวกเขาได้โชว์ฝีมือ จะพบว่าทีมของคุณทำงานได้เร็วขึ้นและสำเร็จมากขึ้นโดยไม่ต้องรอคุณ3. กล้าที่จะ "ตัด" สิ่งที่ไม่สำคัญทิ้งไปเมื่อคุณตั้งใจจะทำงานให้น้อยลง คุณจะเฉียบคมในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่จำเป็น ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะถามตัวเองเสมอว่า "ถ้าเราเลิกทำสิ่งนี้...จะมีอะไรพังไหม?" ปัจจุบันลองมองและสังเกตรอบตัว อาจจะมีอะไรมากมายที่สามารถตัดออกไปได้ เช่น รายงานประจำสัปดาห์ที่ไม่มีใครเคยเปิดอ่าน ขั้นตอนการอนุมัติที่ซ้ำซ้อนและเสียเวลา หรือโปรเจกต์ที่กินทรัพยากรแต่ไม่สร้างคุณค่าแนวคิด Disagree and Commit ของ Jeff Bezos ที่ Amazon คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ความเร็วในการลงมือทำ สำคัญกว่าการรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ 100%4. จอง "เวลาว่าง" ให้สมองได้สร้างสรรค์ไอเดียที่ดีที่สุดมักจะผุดขึ้นมาในช่วงเวลาที่เราไม่ได้ "ทำงาน" ผู้นำที่ฉลาดจะปกป้องช่วงเวลาว่างในปฏิทินของพวกเขาอย่างเข้มงวด เพื่อให้มีเวลาสำหรับคิดกลยุทธ์ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนJeff Weiner อดีตซีอีโอของ LinkedIn มีชื่อเสียงจากการบล็อก "เวลาว่าง" (Doing Nothing) ในตารางงานของเขา ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีประชุม ไม่มีโทรศัพท์ เขาให้เครดิตว่าช่วงเวลานี้คือที่มาของการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่ดีที่สุดหลายๆ ครั้ง5. เชื่อใจทีม แล้วปล่อยให้พวกเขาเฉิดฉายการบริหารแบบจุกจิก คือตัวทำลายความเชื่อมั่นที่ร้ายกาจที่สุด เมื่อคุณเข้าไปก้าวก่ายทุกการตัดสินใจ มันคือการส่งสัญญาณว่า "ฉันไม่เชื่อใจเธอ" และในไม่ช้า ทีมของคุณก็จะหยุดคิดริเริ่มแล้วรอคำสั่งจากคุณเพียงอย่างเดียวผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จัดหาเครื่องมือที่จำเป็น แล้ว "หลีกทางให้" นี่ไม่ใช่การสละอำนาจ แต่คือการเสริมพลัง งานวิจัยจาก Deloitte พบว่าพนักงานที่รู้สึกได้รับความไว้วางใจ จะมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นถึง 260%!ในโลกที่ยกย่องความ "ยุ่ง" การรู้จักยับยั้งชั่งใจอย่างมีกลยุทธ์คือข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุด ในขณะที่คนอื่นหมดแรงไปกับการพยายามทำทุกอย่าง ผู้นำที่ฉลาดจะเก็บพลังงานไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆดังนั้น ครั้งหน้าที่ใครมองว่าความนิ่งของคุณคือความขี้เกียจ อาจเป็นคำตอบว่าคุณกำลังมาถูกทาง เพราะกุญแจสำคัญของการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า อาจเริ่มต้นจากการ "ทำให้น้อยลง" อย่างชาญฉลาดข้อมูล : forbesแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2889617
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
20/10/2025
‘อลงกรณ์ หล่อวัฒนา’ ศิลปินอิสระฉลอง 60 ปี 60 รูป ใน 'นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า ข้างหน้า' ที่ หอศิลป์เจ้าฟ้า 3-29 ตุลาคม 2568เป็นศิลปินอิสระไม่มีวันเกษียณอายุ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา จัดแสดง ผลงานจิตรกรรม ที่สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาสะท้อนภาพความเป็นไปของสังคมและชีวิตศิลปินที่ยังคงทำงานศิลปะเป็นกิจวัตร ใน นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าครบรอบวันเกิดปีที่ 60 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อลงศิลปินเจ้าของผลงานแนวจิตวิญญาณเชิงสัญลักษณ์ บอกกับเราว่า 'เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วนะ' เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เกี๊ยว - อลงกรณ์ เล่าต่อว่าก่อนถึงวันเกิดไม่นานมีอาการป่วยเป็นไข้สูงจนหนาวสั่น เนื่องจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะทำให้ภรรยาต้องรีบส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนประสบการณ์ในห้องฉุกเฉิน และห้องผู้ป่วยวิกฤต ทำให้เขาบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พบกับความจริงของชีวิตจนเมื่อวันที่ได้กลับมาเป็นปกติ จึงได้บอกว่าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันที่มีอายุครบ 60 ปี พร้อมกับการจัดแสดงผลงานศิลปะชุดล่าสุดที่นำเสนอสัจธรรมของชีวิตที่ว่า ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีส่วนหนึ่งของผลงานทั้งหมด 60 ชิ้นในนิทรรศการ“สำหรับคนส่วนใหญ่อายุ 60 ถือเป็นวัยเกษียณแล้ว แต่เราเป็น ศิลปินอิสระ การทำงานสร้างสรรค์จึงไม่มีวันปลดเกษียณ ผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้มีด้วยกัน 60 ชิ้น เล่าเรื่องของสังคมที่เราได้พบเห็นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เราอยากจะบอก คือ เรื่องของปัจจุบันขณะ คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย แต่เรายังไม่ตาย จึงตั้งคำถามว่าถ้าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ก่อนตายเราได้ทำสิ่งดี ๆทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้บ้างหรือเปล่า”เรื่องราวของสังคมและครอบครัวที่ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะศิลปิน กล่าวถึง ผลงานจิตรกรรม ที่จัดแสดงเรียงกันเป็นแนวที่ชวนให้คิดถึงจิตรกรรมฝาผนังว่าเป็นภาพเขียนที่ขึ้นรูปด้วย สีอะคริลิก แล้วถม สีน้ำมัน ลงไป ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาสร้างพื้นผิวที่มีลักษณะคล้ายกับใบไม้แห้งที่ถูกแมลงกัดกิน“ส่วนเนื้อหาหลักของภาพจะเล่าถึงเรื่องราวชีวิตประจำวันในครอบครัวของเรา มีภาพของภรรยาและน้องหมาที่เลี้ยงไว้เพราะเราไม่มีลูกสรุปเรื่องราวข่าวสารในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เช่นเรื่องของ LGBTQ สมรสเท่าเทียม ปัญหาครอบครัว ผู้ชายเจ้าชู้ ทำให้ผู้หญิงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น ผ่านการนำเสนออย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ ที่เปิดให้ผู้ชมตีความได้ตามมุมมองของแต่ละคน”ศิลปิน ขยายความต่อว่า “เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านยุคสมัย ไม่ว่าในสังคมจะเป็นอย่างไร ตัวเราต้องมีหมุดหมายในใจ มีเจตนาที่ดีต่อตัวเราเอง ไม่ต้องไปแคร์สังคมว่าเขาคิดยังไง แต่จงแคร์ตัวเองว่าเราดีพอแล้วหรือยังยกตัวอย่างเรื่องที่เราทำจิตอาสา (กลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับวัดต่าง ๆโดยไม่คิดมูลค่า) ไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน ไม่ต้องมีใครมามอบรางวัลให้ เพราะเราได้รับความสุขนั้นแล้วทันทีที่เราลงมือทำ นั่นคือ ใจความที่เราอยากจะสื่อสารออกไป”Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า เป็นนิทรรศการที่ชวนให้ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในหนึ่งปีที่ผ่านไป ในขณะเดียวกันก็ชวนให้มองไปถึงวันข้างหน้า ผ่านความจริงอันเรียบง่าย ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีเกี่ยวกับศิลปิน : อลงกรณ์ หล่อวัฒนาจบชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน แล้วไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเจ็ดยอดระหว่างเรียนอยู่ส่งผลงานศิลปะเข้าประกวดจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ 9 (พ.ศ.2528) ได้รับรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรมไทยประเพณีจากนั้นเข้ากรุงเทพฯมาศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตามด้วย Post-Diploma (จิตรกรรม) กาลาบาวันนา วิศวบราราตรี สันตินิเกตัน ประเทศอินเดียนิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าเปิดให้เข้าชม 3-29 ตุลาคม 2568 วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น.ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (หอศิลป์เจ้าฟ้า)ติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินได้ทาง https://www.facebook.com/xlngkrn.hlx.wat.hnaแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1203657
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
20/10/2025
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ก่อตั้งขึ้นโดย National Park Service ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 (พ.ศ.2415) และองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1978Photo: Karla Ann Cote/NurPhoto via Getty Imagesเยลโลว์สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีเนื้อที่มากกว่า 5.6 ล้านไร่ ครอบคลุมอาณาเขต 3 รัฐ ได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิงPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesโดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1872 เยลโลว์สโตน ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ทั้งความร้อนใต้พิภพและธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์Photo: Jonathan Newton/Getty Imagesชื่นชมสัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหมีกริซลี หมาป่า กระทิง ควายไบซัน และกวางเอลก์เส้นทางสำรวจพื้นที่พลังความร้อนใต้พิภพซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อน (geyser) ที่ยังคงพ่นน้ำปะทุอยู่ และเพลิดเพลินไปกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีอย่าง แกรนด์แคนยอนแห่งแม่น้ำเยลโลว์สโตน ที่ยิ่งใหญ่Photo: Johnathan Walkerหนึ่งในธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของอุทยานฯแห่งนี้ คือ ปรากฏการณ์ไฮโดรเทอร์มอล (Hydrothermal) หรือ ปรากฏการณ์ความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำใต้ดินถูกความร้อนจากหินหนืด (แมกมา) ใต้พื้นโลกจนเกิดเป็นน้ำพุร้อน ไกเซอร์ บ่อโคลนเดือด และปล่องไอน้ำ เกิดจากระบบน้ำใต้ดินที่ซับซ้อนซึ่งได้รับความร้อนจากแผ่นดินไหวและความร้อนใต้ผิวโลกPhoto: Porphura HwangPhoto: Titus Pettmanซึ่งกว่า 50% ของปรากฏการณ์นี้ทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ที่นี่ สร้างทิวทัศน์ราวกับพื้นดินที่กำลังลุกไหม้ และในบรรดาไกเซอร์นับร้อยแห่ง ไกเซอร์ “Old Faithful” ก็ถือเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ผู้คนรู้จักมากที่สุดของสหรัฐอเมริกาPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesในฐานะมรดกโลกทางธรรมชาติ องค์การยูเนสโก ระบุว่า “อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน” เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่สะท้อนปรากฏการณ์และกระบวนการทางธรณีวิทยาอันสำคัญ อีกทั้งยังเป็นภาพสะท้อนอันโดดเด่นของพลังงานความร้อนใต้พิภพ ความงดงามทางธรรมชาติ และระบบนิเวศป่าที่หายาก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิดถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ยังคงสมบูรณ์หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของเขตอบอุ่นตอนเหนือบนโลก และเป็นความยิ่งใหญ่ของกระบวนการทางธรรมชาติในระดับระบบนิเวศป่าอย่างแท้จริงPhoto: Zac Bowingค่าธรรมเนียมชมอุทยานฯ ตั๋วมาตรฐาน เริ่มต้นที่ 20$ - 35$ (ประมาณ 634 - 1,100 บาท)Photo: Ming Chenแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000088856
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
20/10/2025
เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรีแก่เยาวชนและครูพี่เลี้ยงที่เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 5 จำนวน 470 กรมธรรม์ ประกอบด้วยเยาวชน 440 คน และครูพี่เลี้ยง 30 คน โดยโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเยาวชนที่ด้อยโอกาส และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา) มาร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม รวมทั้งการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 9 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 320 คน และพื้นที่จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน จำนวน 120 คนซึ่งกรมธรรม์ที่สนับสนุนมีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน โดยให้วงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ในการส่งเสริมความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยในพื้นที่เปราะบาง พร้อมร่วมสร้างสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและยอมรับในความหลากหลาย อีกทั้งยังตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) ของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว จัดขึ้น ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี เมื่อเร็ว ๆ นี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/04/2024
19/11/2024
14/05/2024
01/08/2024