• UNHCR ร่วมกับ MOCA Bangkok จัดนิทรรศการ "ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3" โดยรวบรวมผลงานจากศิลปินไทย 31 ท่าน
  • เป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดหลักคือ "ความหวัง" (Hope) เพื่อส่งต่อกำลังใจและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัย
  • มีเป้าหมายเพื่อระดมทุนจากการจำหน่ายผลงานศิลปะ สนับสนุนแคมเปญ Aiming Higher ของ UNHCR มอบเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ลี้ภัย
  • นิทรรศการจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok) ให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568
แทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ลี้ภัยทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 123 ล้านคน ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นเพราะความขัดแย้ง การประหัตประหาร ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยเฉพาะ ‘เด็กและเยาวชนผู้ลี้ภัย’ การศึกษา เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย ช่วยให้พวกเขาได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมอย่างมีความหมายต่อชุมชนของตนเอง

แทมมี่ ชาร์ป กล่าวเปิดงาน
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR : Office of the United Nations High Commissioner for Refugees), พระเมธีวชิโรดม ผู้อุปถัมภ์ด้านสันติภาพและเมตตาธรรมของ UNHCR และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (The Museum of Contemporary Art - MOCA Bangkok) จึงได้ร่วมกันจัด นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 (The 3rd Art for Refugees) ภายใต้แนวคิด “ความหวัง ใช้ชีวิตให้ดี ทำโลกให้งาม”
จัดแสดงผลงานศิลปะของ ศิลปินไทย จำนวน 31 ท่าน สร้างสรรค์ผลงานภายใต้คอนเซปต์ Hope พร้อมเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลปะและนักสะสมมีโอกาสเป็นเจ้าของ โดยมีเป้าหมายในการระดมทุนสนับสนุน แคมเปญ Aiming Higher ของ UNHCR ที่จัดขึ้นทั่วโลก
เพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้เยาวชนผู้ลี้ภัยที่มีความรู้ความสามารถได้สานต่อความหวังและความฝันสำหรับการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาและฝึกทักษะวิชาชีพเฉพาะด้าน

บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOCA Bangkok และ 21 ศิลปินจิตสาธารณะ
สุริยา นามวงษ์ ศิลปินไทยและภัณฑารักษ์ MOCA Bangkok ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 ว่า เป็นโครงการศิลปะเพื่อสาธารณประโยชน์ที่เน้นให้ ‘ศิลปะ’ เป็นตัวนำ โดยคัดสรร ศิลปินที่มีความสามารถและมีจิตสาธารณะ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานอย่างอิสระ
แม้ว่าศิลปินทั้ง 31 ท่านจะได้รับอิสระในการสร้างสรรค์ แต่ก็ใช้คำว่า Hope (ความหวัง) เป็นแกนกลางในการตีความผลงาน ซึ่ง ‘ความหวัง’ ที่แสดงออกมานั้นสามารถเป็นไปได้หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงประเด็นผู้ลี้ภัยเท่านั้น
โครงการนี้แตกต่างจากกิจกรรมการกุศลทั่วไปตรงที่เน้นให้ผลงานมีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้คนมีโอกาสสะสมงานศิลปะดีๆ ทั้งยังตั้งใจให้กิจกรรมนี้เป็นไปเพื่อการทำบุญตามจุดมุ่งหมายหลักของการจัดงาน คือระดมทุนเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์
“ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของผลงานศิลปะได้ทุกชิ้น รายได้ส่วนหนึ่งนำไปช่วยเยาวชนผู้ลี้ภัยให้เขามีโอกาสเรียนในระดับอุดมศึกษา เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย ในขณะที่เราเดือดร้อนยังมีคนที่เดือดร้อนมากกว่า ขาดโอกาสทางการศึกษา อยู่บ้านเล็กๆ เบียดเสียดกัน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนมนุษย์ ทำอะไรได้ก็อยากจะทำ สมัยก่อนเรามองว่าสงครามอยู่ไกลตัว แต่จริงๆ สงครามอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น” สุริยา กล่าว

สุริยา นามวงษ์ กับผลงาน ‘หนุมานแห่งยุคโฮโลซีน’
ในนิทรรศการนี้ ภัณฑารักษ์สุริยาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชื่อ หนุมานแห่งยุคโฮโลซีน (Hanuman: Spirit of the Holocene) ประติมากรรมบรอนซ์ ขนาด 90 x 65 x 90 เซนติเมตร
“โฮโลซีนเป็นยุคทางธรณีวิทยาที่โลกมีอุณหภูมิสมดุลและคงที่ จึงเกิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ เกิดวัฒนธรรมมนุษย์ แต่ตอนนี้โลกเดินทางมาถึงจุดที่อุณหภูมิโลกเริ่มแปรปรวน สิ่งแวดล้อมเริ่มแย่ลง
ผมก็เลยมองว่าอะไรที่จะสามารถทำให้โลกเยียวยาได้ เพราะทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดจากมนุษย์ ผมนึกถึงวรรณกรรมเก่าเกี่ยวกับหนุมานซึ่งปกป้องพระราม
แต่พระรามสำหรับผม หมายถึง ‘สมดุลของจักรวาล’ หนุมานเป็นทหารเอกมีอาวุธทรงพลังเพื่อปกป้องจักรวาล เหมือนกับเราทุกคนล้วนมีอาวุธมีพลัง นำพลังนั้นไปฆ่าคนไปทำสงครามก็ได้ ในทางตรงข้ามก็สามารถนำอาวุธไปช่วยคนก็ได้ เช่นช่วยคนน้ำท่วม เหมือนทหารที่นำยุทโธปกรณ์ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ” ศิลปินและภัณฑารักษ์อธิบายผลงาน

คณชัย เบญจรงคกุล กับผลงาน Hope และ Fear จัดแสดงพร้อมจดหมายจากเยาวชนในค่ายผู้ลี้ภัย
คณชัย เบญจรงคกุล ช่างภาพและผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในนิทรรศการชุดนี้จำนวน 2 ชิ้น คือ Hope (ความหวัง) และ Fear (ความกลัว) สื่อสารผ่านภาพถ่ายและจัดแสดงร่วมกับ ‘จดหมายจากเด็กในค่ายผู้ลี้ภัย’ ที่เขียนถึงความหวังในอนาคต
“ผมขออนุญาตไปทางค่ายผู้ลี้ภัย อยากจะให้น้องๆ ในค่ายฯ เขียนจดหมายให้หน่อยว่าความหวังเขาคืออะไร และมีความหวังในอนาคตอะไรบ้าง บางคนอยากโตไปเป็นหมอ เป็นอาชีพอื่นๆ มีจดหมายหลายฉบับที่สะเทือนใจ แต่มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ติดอยู่ในใจผม เขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ประมาณว่า
‘คุณจะต้องมีความหวัง ถึงจะเขียนแล้วก็วาดมันออกมาได้ แต่เขาไม่มี(ความหวัง) ก็เลยไม่สามารถเขียนออกมาได้’
ผมก็เลยเอาตรงนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงาน ก็คือภาพถ่ายชื่อ Hope กับ Fear

ภาพ Hope ผมใช้เศษแก้วที่แตกแล้วมาเรียงเป็นคำว่า Hope หมายถึงความหวังของเขาจริงๆ มันเปราะบางมาก พร้อมจะแตกทุกเมื่อ หรือจริงๆ มันสลายไปแล้วด้วยซ้ำ เราในฐานะเพื่อนมนุษย์ต้องช่วยประสานความหวังให้กับเขาหรือไม่
ส่วนภาพ Fear ผมใช้ดอกเดซี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ความหวัง’ มาเรียงเป็นคำว่า Fear สะท้อนความกลัวที่มีอยู่ในตัวผู้ลี้ภัยทุกคน แต่การใช้ดอกเดซี่ที่มีความหมายและความสวยงาม ก็เพื่อแสดงความสวยงามจากเรื่องที่มันน่ากลัว มีความทับซ้อนกันอยู่ ระหว่างความหวังกับความกลัวครับ” คณชัย กล่าว

แทน โฆษิตพิพัฒน์ กับผลงาน Homeland and The Journey
แทน โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินไทยผู้มีผลงานโดดเด่นด้านจิตรกรรมและศิลปะดิจิทัล ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพวาดชื่อ Homeland and The Journey จำนวน 2 ภาพ คือภาพภูเขาและภาพทะเล โดยใช้สีถ่านวาดบนบล็อคดิน ซึ่งเปรียบเสมือนการวาดภาพบนแผ่นดิน
“ดินที่ผมนำมาอัดเป็นบล็อค ผมนำมาจากพื้นที่จริงที่มีปัญหาเรื่องการลี้ภัยเยอะมากๆ แต่ผมไม่อยากระบุว่าเป็นประเทศไหน เอาเป็นว่าอยู่ในโซนเอเชียนี่แหละ จริงๆ ไกลบ้านเรามาก แต่ปัญหานั้นอยู่ใกล้ประเทศเรา
ผลงานนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องการเมือง แต่เป็นเหมือนการบันทึกและอยากให้ระลึกถึงผลของการที่ผู้คนต้องหนีออกไปจากพื้นที่ของเขาเพื่อที่จะไปพื้นที่ใหม่ที่อาจจะปลอดภัย แต่ความจริงแล้วเขาถูกบังคับด้วยซ้ำให้เดินทางออกมาจากบ้านเขา” แทน กล่าวถึงภาพวาดรูปภูเขาซึ่งเป็นภาพสถานที่ที่เขานำดินมาทำบล็อค ซึ่งก็คือแผ่นดินที่ผู้ลี้ภัยถูกบังคับให้ออกมาจากพื้นที่ที่เขาอยู่มาเป็นร้อยปี
สำหรับภาพวาดรูปทะเล เป็นการวาดลงบนบล็อคดินที่เป็นดินของประเทศไทย รูปนี้สื่อถึงการเดินทาง การติดต่อกับทั่วโลก"
ภาพวาดภูเขาเปรียบเสมือน Homeland หรือ ‘บ้านเกิด’ ส่วนภาพวาดทะเลเปรียบเสมือน Journey หรือ ‘การเดินทาง’ แทนจึงตั้งชื่อผลงานทั้งสองชิ้นนี้ของเขาว่า Homeland and The Journey

ผลงาน ‘สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ 03’ โดย เญอรินดา แก้วสุวรรณ 
เญอรินดา แก้วสุวรรณ ศิลปินจิตรกรรมและศิลปะประดิษฐ์ที่มีผลงานโดดเด่นในด้านการใช้เทคนิคเย็บปักถักร้อย เพื่อสะท้อนประเด็นสิ่งแวดล้อมและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ในนิทรรศการนี้ เญอรินดาสร้างสรรค์ผลงานชื่อ สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ 03 ขนาด 130 x 180 เซนติเมตร โดยใช้เทคนิคเย็บปักถักร้อยจากจุดเล็กๆ สร้างเป็นผลงานชิ้นใหญ่ อิงจากแนวคิดการประสานจุดเล็กๆ หรือการร่วมมือกันของคนกลุ่มเล็กๆ จะทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น
“งานชิ้นนี้พยายามสื่อสารเกี่ยวกับสิ่งเล็กๆ ที่มีชีวิตอยู่รอบโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาพร้อมสายโยงเชื่อมความสัมพันธ์และมิตรภาพซึ่งกันและกัน เห็นคุณค่าความงามของกันและกัน ให้คุณค่ากับสิ่งรอบข้าง เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก
แต่เราอยู่กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ดอกไม้ ใบไม้ ล้วนแต่เป็นเพื่อนมนุษย์กับเรา เราควรพยายามเห็นคุณค่าของกันและกัน เห็นความสำคัญและเคารพซึ่งกันและกัน สร้างโลกให้น่าอยู่” เญอรินดา กล่าว

ผลงาน ‘สันติภาพ’ โดย เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์
เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์  ศิลปินเจ้าของฉายา LINECENSOR มีชื่อเสียงด้านงานประติมากรรมและภาพพิมพ์ รวมทั้งเป็นผู้บุกเบิกศิลปะ NFT ในไทย ครั้งนี้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชื่อ สันติภาพ (Peace, 2025) ภาพวาดสีอะคริลิคบนลินิน ขนาด 100 x 100 เซนติเมตร
ศิลปินให้สัมภาษณ์ว่า ‘สันติภาพ’ เป็นผลงานศิลปะชิ้นล่าสุดสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญหน้ากับปัญหาชายแดน และความรู้สึกรักชาติ
“งานชิ้นนี้ผมพยายามบันทึกสังคมและอารมณ์ในปัจจุบัน รวมถึงประเด็นความคลุมเครือของข้อมูล ข่าวปลอมและประวัติศาสตร์”
ในผลงาน ศิลปินใช้ ‘สัญลักษณ์’ มากมายแทนบุคคล เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ และบริบทแวดล้อมต่างๆ เพื่อสะท้อนความซับซ้อนของชีวิตและการแสวงหาความจริงในขณะที่ต้องยืนหยัดอย่างมีสติ และหลีกเลี่ยงอคติทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความเกลียดชัง
พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ ‘ทำความดี’ และ ‘ความบริสุทธิ์ใจ’ ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์

ศ. เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง กับผลงานศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย จำนวน 2 ชิ้นของท่าน

รักษา ชีวิต จิตวิญญาณ : อนันต์ยศ จันทร์นวล

My hope is a flowers : เอกชัย ลวดสูงเนิน
นิทรรศการ ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3 ยังมีผลงานศิลปะของศิลปินท่านอื่นอีก ดังนี้ พระเมธีวชิโรดม, ศ. เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง, ปัญญา วิจินธนสาร, กิตติศักดิ์ เทพเกาะ, จักรพงษ์ เทพเกาะ, จักรี คงแก้ว, ชัชวาล รอดคลองตัน
ชัชวาลย์ วรรณโพธิ์, ชัยรัตน์ แสงทอง, ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ, ธณกฤษภ์ ทิพย์วารี, ธนชัย อุชชิน, ธีร์พาทิศ บุญวิจิตรนิธิธร, นที อนันทะประดิษฐ์, ปรีชา ชัยสร, พลวัฒน์ สามิดี
ภาราดา วิรัสวีร์, ลำพู กันเสนาะ, วรสันต์ สุภาพ, วิษณุพงษ์ หนูนันท์, สุรสิทธิ์ เสาว์คง, สุวัฒน์ชัย ทับทิม, เสงี่ยม ยารังษี, อนันต์ยศ จันทร์นวล, เอกชัย ลวดสูงเนิน, โอม รัชเวทย์
“ศิลปกรรมเพื่อผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 3” เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น G พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย โดยไม่มีค่าเข้าชม

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok)
  • เลขที่ 499 ถนนกำแพงเพชร 6, แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
  • เปิดบริการวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.
  • โทร.0 2016 5666
  • ประมาณ 90 เมตรจากรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สถานีบางเขน