ประกันภัย

ผู้ประกอบการไทยมองหา “ประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริก” รับมือมรสุมปี 2025


ฤดูฝนเมื่อปี 2024 กลายเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่หลายพื้นที่สำคัญของประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชียงราย เชียงใหม่ รวมถึงฐานการผลิตตลอดลุ่มเจ้าพระยา ต้องเผชิญฝนตกหนักทำลายสถิติ ส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยจำนวนมากตั้งคำถามว่า น้ำท่วมอีกครั้งนี้ในปี 2025 จะมีเงินสดพอประคองกิจการหรือไม่ เมื่อประเทศไทยต้องเผชิญลานีญารอบใหม่ช่วงปลายปี 2025 ซึ่งตามสถิติแล้วจะทำให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นมากอย่างผิดปกติ ประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริกจึงเป็นที่จับตามอง


ความกังวลยิ่งทวีคูณขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนนี้ ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นักวิชาการด้านอุทกวิทยาประเมินว่าเป็นฝนหนักที่สุดในรอบ 300 ปี เพียง 24 ชั่วโมง เมืองหาดใหญ่ต้องรับปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 600-700 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งเดือนของภาคใต้ตอนล่างหลายเท่า ทำให้ระดับน้ำในเขตเทศบาลพุ่งสูงกว่า 2.5 เมตร ในบางจุด ถนนหลายสายกลายเป็นแม่น้ำ โรงพยาบาลต้องเร่งอพยพผู้ป่วยกว่า 450 ราย อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันมีรายงานบ้านเรือนและธุรกิจนับหมื่นหลังคาเรือน ได้รับผลกระทบโดยตรงและต้องหยุดกิจการกะทันหัน


คลองระบายน้ำสายหลัก เช่น คลองอู่ตะเภา และคลองระบายน้ำ ร.1 รับน้ำไม่ทัน จนเกิดภาวะ น้ำขังนิ่งยาวนานหลายวัน ส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่น ระบบขนส่ง การท่องเที่ยว และห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจที่มีฐานผลิตในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ชายแดนใต้ ภาคธุรกิจไทยจำเป็นต้องมีเครื่องมือด้านสภาพคล่องฉุกเฉินให้ทันต่อเหตุการณ์สุดวิสัยมากกว่าที่เคย


แม้ประกันทรัพย์สินและประกันหยุดชะงักทางธุรกิจแบบดั้งเดิมยังคงจำเป็น แต่กระบวนการประเมินความเสียหายและการเคลมมักลากยาวหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ทำให้ธุรกิจจำนวนมากเริ่มมองหาตัวเลือกใหม่ที่เข้าถึงเงินได้รวดเร็วกว่า นั่นคือ ประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริก (Parametric Flood Insurance) ซึ่งกำลังกลายเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย


หัวใจหลักของประกันพาราเมตริกคือ ความเร็วและความแน่นอน การจ่ายค่าสินไหมขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดที่ตกลงไว้ เช่น ปริมาณน้ำฝนสะสม 150 มิลลิเมตรที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือระดับน้ำที่สถานีตรวจวัดในพระนครศรีอยุธยาสูงเกิน 2.5 เมตร เมื่อค่าทริกเกอร์เกิดขึ้น บริษัทประกันจะปล่อยเงินทันทีโดยไม่ต้องรอประเมินหน้างาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านฟื้นฟูกิจการ ค่าจ้างแรงงาน หรือจัดการระบบซัพพลายเชนภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน


แนวคิดนี้ไม่ได้ใหม่บนเวทีโลก ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Lockton (บริษัทนายหน้าและที่ปรึกษาด้านประกันภัยอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก) เคยออกแบบประกันรูปแบบนี้ให้รองรับภัยใหญ่ต่าง ๆ ตั้งแต่พายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว ไปจนถึงเหตุระบบ IT ล่ม และกำลังนำเทคโนโลยีเดียวกัน ทั้งข้อมูลดาวเทียม การวิเคราะห์สภาพอากาศ และแบบจำลองขั้นสูง มาประยุกต์กับบริบทน้ำท่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


แรงสนับสนุนจากรัฐก็มีส่วนสำคัญ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 สำนักงาน คปภ. (OIC) และสำนักงานสภาพัฒน์ประกาศความคืบหน้าของโครงการแซนด์บอกซ์ประกันภัยสภาพอากาศ นำข้อมูล IOT และ GIS พัฒนากรมธรรม์ดัชนีสำหรับเกษตรกร โดยเริ่มทดสอบกับสวนทุเรียนภาคตะวันออก ซึ่งสื่อถึงท่าทีเปิดกว้างของภาครัฐต่อประกันดัชนี และอาจขยายไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้


ประกันพาราเมตริกให้ความยืดหยุ่นสูง ผู้ประกอบการสามารถเลือกตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำแม่น้ำ หรือสัญญาณเตือนจากสถานีสูบน้ำของกรุงเทพฯ รวมถึงกำหนดโครงสร้างจ่ายเงินแบบขั้นบันไดเพื่อรองรับเหตุรบกวนขนาดเล็ก ไปจนถึงเหตุรุนแรงระดับมหันตภัย นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับประกันแบบดั้งเดิมเพื่อปิดช่องว่างค่าหักลดหย่อนและความสูญเสียที่ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการไทยเผชิญอยู่เป็นประจำ


ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเตรียมการล่วงหน้าไม่เพียงช่วยลดภาระการกู้เงินฉุกเฉิน แต่ยังช่วยเสริมความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่อง ลดความเสี่ยงข้อพิพาทการเคลม และเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตานักลงทุน คู่ค้า และองค์กรทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เกณฑ์ ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการประเมินกิจการมากขึ้นเรื่อย ๆ


Lockton Wattana Thailand ชี้ว่า การผสานการวิเคราะห์ข้อมูลพาราเมตริกระดับโลกกับประสบการณ์ในตลาดประกันไทยกว่า 40 ปี ทำให้บริษัทสามารถพัฒนากรมธรรม์ที่สอดคล้องกับกฎระเบียบไทยและพฤติกรรมการเคลมของท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่กำลังเตรียมรับมือมรสุมปี 2025 ว่าประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริกสามารถเป็น “กำแพงป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง” และช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แม้ต้องเผชิญฝนฟ้ากระหน่ำเพียงใดก็ตาม


แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1926262
X