ข่าวการเงิน
                    ความเสี่ยงในวัยเกษียณ 5 ข้อสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ?
                    
                 
                
                    
                        
                     
                    
                    
                                                
บทความโดย พิชญาภัฐฐ์ ทองศรีเกตุ 
นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
เมื่อคุณลงมือเริ่มต้นวางแผนเกษียณ คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงต่าง ๆ 
ที่มีผลทำให้เงินเกษียณอาจหมดเร็วกว่าที่คาดไว้ และเตรียมแผนป้องกัน 
โอนย้าย หรือ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเท่าที่จะทำได้
ความเสี่ยงวัยเกษียณ 5 ข้อไม่ควรมองข้าม
ความเสี่ยงในวัยเกษียณ มี 5 ข้อสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม 
เพราะจะทำให้คุณเตรียมเงินไว้น้อยเกินไป หรือ 
คุณอาจถอนเงินวัยเกษียณในช่วงต้นมากเกินไปแบบไม่รู้ตัว 
จนทำให้เงินเกษียณหมดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นตามแผนที่คาดไว้
1. ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Risk) 
เป็นความเสี่ยงข้อแรกที่ต้องคำนึงถึงในการคำนวณกองทุนเกษียณให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
 เพราะภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจการใช้จ่ายลดลง 
ทำให้ต้องถอนเงินต่อปีออกมาใช้มากขึ้น 
ถึงแม้จะมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเท่าเดิม แต่ราคาของกินของใช้จะแพงขึ้น 
วิธีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อคือนำเงินไปบริหารสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าอัตราเงินเฟ้อ
 ในความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้
2. ความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายพิเศษด้านสุขภาพ (Long Term Care Risk) 
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพพื้นฐาน 
ค่าใช้จ่ายพิเศษในวัยเกษียณที่คนส่วนใหญ่กังวล คือ 
ค่ารักษาพยาบาลหากตกเป็นผู้ป่วยติดเตียง หรืออยู่ในภาวะพึ่งพิง 
คุณภาพชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณจะเป็นอย่างไร 
จะแปรตามภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวที่คุณสามารถรับผิดชอบได้
แนวทางในการเตรียมตัวกับเรื่องนี้ คือ การทำประกันสุขภาพไว้ให้เพียงพอ 
ตั้งแต่ในวัยทำงาน เพราะการสมัครประกันสุขภาพเมื่อถึงวัยเกษียณจริงๆ 
อาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่คาด เนื่องจากตรวจพบโรคประจำตัวต่าง ๆ
สินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ คือประกันสุขภาพกลุ่มเหมาจ่าย 
เพราะจะรองรับเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลในอนาคตได้ และควรเป็นเหมาจ่ายแบบ 
Deductible คือ มีจ่ายร่วม จะทำให้เบี้ยประกันในวัยเกษียณราคาไม่สูงมากนัก 
และในปัจจุบันส่วน Deductible สามารถนำมาใช้ร่วมกับสวัสดิการที่มีอยู่ได้ 
เป็นการขยายความคุ้มครองสวัสดิการวัยทำงานที่มีอยู่เดิมของคุณ 
โดยไม่ต้องชำระเบี้ยเพิ่มสูงเกินไปนัก
3. ความเสี่ยงจากความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุน 
เงินกองทุนเกษียณมักถูกแนะนำให้วางไว้ในที่ความเสี่ยงต่ำ 
ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมฝากธนาคาร 
โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต่ำมากในเวลานี้ 
และจะต่ำลงไปอีกเรื่อย ตามภาวะของสังคมผู้สูงวัย 
ผลของการนำเงินไปไว้ในที่ผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ 
ทำให้มูลค่าเงินหดหาย และทำให้เงินไม่พอใช้ตลอดช่วงวัยเกษียณ
ในส่วนของการลงทุน หากจะแบ่งเงินไว้ในหุ้น หรือ กองทุนรวม 
ผู้ลงทุนก็ควรมีความรู้ 
ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ในเรื่องของผลตอบแทนและการจัดการความเสี่ยง 
แต่ต้องมีความรู้เรื่องการถอนเงินด้วยว่า 
ต่อปีไม่ควรถอนออกมาใช้เกินเท่าไหร่ ทางที่ดีควรวางแผนการถอนเงินให้ต่ำกว่า
 สภาวะผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับในปีนั้น ๆ 
และต้องทราบว่าช่วงเวลาไหนที่ไม่ควรถอนเงินออกมาใช้ เพราะจะพบกับ Sequence 
of Returns Risk ความเสี่ยงในการถอนเงินช่วงตลาดขาลง 
ทำให้กองทุนเกษียณหมดลงอย่างรวดเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม 
คุณอาจหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการถอนเงินมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Excess 
Withdrawal Risk) ไม่ได้ 
หากไม่มีเงินส่วนอื่นที่เป็นเงินได้ประจำสำหรับใช้จ่ายในปีที่อัตราผลตอบแทนการลงทุนต่ำไว้เลย
 การเลือกเครื่องมือทางการเงินในการวางแผนเกษียณจึงมีความสำคัญมาก 
และต้องจัดการตั้งแต่ในวัยทำงาน
เช่น การทำประกันบำนาญเพื่อสร้างรายได้ประจำหลังเกษียณเตรียมไว้ 
ประกันบำนาญต้องเริ่มตั้งแต่วัยทำงาน การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ 
ก็ควรเลือกตั้งแต่วัยทำงาน เพราะคุณยังสามารถรับความเสี่ยงได้ เรียนรู้ได้ 
ปรับพอร์ตเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงได้
4. ความเสี่ยงในความเสื่อมของร่างกาย (Frailty Risk) 
ทำให้การตัดสินใจในเรื่องการจัดการการเงิน การดูแลที่อยู่อาศัย 
ลดประสิทธิภาพลง การลืมจ่ายบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ 
ความสามารถในการประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลก็จะถดถอยลง ทั้งหมดนี้ 
จะนำมาซึ่งความเสียหาย ทำให้เสียผลประโยชน์ได้ ดังนั้น 
การเตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณจึงต้องปรับรูปแบบชีวิตให้เรียบง่ายที่สุด 
ลดการบริหารจัดการเรื่องต่างๆลงให้น้อยที่สุด 
เพราะคุณคงไม่สามารถอ่านเอกสาร หรือ 
วิเคราะห์ตัดสินใจเรื่องที่ซับซ้อนไปได้ตลอด
5. ความเสี่ยงจากการที่คุณมีอายุยืนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Longevity Risk) การมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน จะรับทุกความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าคุณอายุสั้นความเสี่ยง 4 ข้อด้านบน ก็จะไม่มีผล
ถึงคุณจะได้ยินข่าวจากคนใกล้ชิดหรือข่าวในสื่อว่าชีวิตคนเรามีความไม่แน่นอน
 อาจจากไปกะทันหันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย 
แต่ค่าเฉลี่ยสถิติอายุขัยประชากรทั่วโลกบอกว่า 
คนเราจะมีแนวโน้มจะอายุยืนขึ้น อาจจะมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 100 
ปีก็เป็นได้
เรื่องนี้หากเกิดขึ้นกับตัวคุณ คุณจะเตรียมรับมือไว้อย่างไร 
เตรียมเผื่อเอาไว้แบบที่ไม่เบียดเบียนชีวิตในปัจจุบัน คือ 
อายุสั้นก็ใช้ชีวิตมีความสุขดีแล้ว อายุยืนก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว 
นี่คือ หัวใจของการวางแผน
เตรียมพร้อมทรัพย์สินทางการเงินเติมเต็มความสุขชีวิต
ชีวิตที่มีความสุขในวัยเกษียณน่าจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกคน 
บทความนี้ขอแนะนำสินทรัพย์ (Asset) 3 
อย่างที่คุณต้องเตรียมไปพร้อมกับการเตรียมทรัพย์สินทางการเงิน 
เพื่อเติมเต็มให้การใช้ชีวิตวัยเกษียณมีความสบายใจ 
และรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่
1. Productive Asset สินทรัพย์ที่เพิ่มความเจริญก้าวหน้าให้กับคุณ เช่น การศึกษา (education) ความรู้ความชำนาญ (skill) ในการประกอบอาชีพ
มีคำกล่าวว่า ทุกๆ 10 ปี คุณควรเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อสร้างอาชีพใหม่ๆ 
ให้กับตัวเอง สิ่งที่คุณได้เรียนมาตอนจบมหาวิทยาลัย 
ไม่สามารถใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวคุณไปได้ตลอดชีวิต 
หากคุณมีทักษะวิชาชีพที่สามารถพัฒนาได้หลากหลายติดตัว 
โอกาสที่คุณจะสร้างรายได้ไม่มีวันเกษียณ ก็จะยาวนานมากยิ่งขึ้น
ความรู้ความสามารถจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่ามิได้เลยทีเดียว และ 
ทักษะใหม่ ที่คุณได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น 
เป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ค้นพบศักยภาพแบบไร้ขีดจำกัดของตัวเองได้
 ลองคิดดูสิคะว่า มันจะสนุกแค่ไหน 
ที่เราได้ทำเรื่องท้าทายความสามารถอยู่ตลอดเวลา 
ได้รับรู้ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง Productive Asset 
ถือเป็นสินทรัพย์เพิ่มพลังชีวิตข้อแรกเลยทีเดียว
2. Vital Asset สินทรัพย์เพื่อสร้างพลังชีวิตข้อต่อไป คือ 
รูปแบบการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ การมีสุขภาพที่แข็งแรง 
การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง การมีครอบครัวที่ดี การมีเพื่อนที่ดี 
ที่สามารถยื่นมือมาช่วยเหลือ ประคับประคองกันได้ในช่วงต่าง ๆ ของชีวิต 
ใครที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่กับตัว ควรมองเห็นคุณค่า และ รักษามันไว้ให้ดี 
เพราะมันคือหนึ่งในสินทรัพย์อันมีค่าของคุณ
ถ้ามองในแง่วางแผนการเงิน จากผลสำรวจพบว่า การใช้ชีวิตร่วมกัน 2 คน 
ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 2 เท่า เทียบกับคนใช้ชีวิตคนเดียว 
ดังนั้นการมีคู่ชีวิต หรือมีเพื่อน ญาติ พักอาศัยอยู่ด้วย 
แชร์ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ร่วมกัน ถ้าหารค่าใช้จ่ายต่อคนแล้ว 
จะถูกกว่าค่าใช้จ่ายของการใช้ชีวิตคนเดียวอีกค่ะ
3. Transformative Learning Asset 
ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเรื่องใหม่ๆ 
ที่เกิดขึ้นโดยผ่านการเปิดใจเรียนรู้ได้ตลอดเวลา คุณจะต้องรู้จักตัวเอง 
(know yourself) เป็นอย่างดีก่อน 
จึงจะสามารถเข้าใจและรับมือกับเรื่องใหม่จากภายนอกได้
เพราะหากคุณอายุยืนอีกยาวนาน 
แน่นอนคุณจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอีกหลายยุคสมัย 
ความสามารถในการปรับตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็น 
เสมือนสินทรัพย์สำคัญอย่างหนึ่งของคุณ
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ท่านได้กล่าวไว้ในงานประชุมวิชาการประจำปี “ระพีเสวนา” 
ครั้งที่ 10 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
เกี่ยวกับการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) ว่า 
“ปัจจุบันทักษะการร่วมมือนั้นสำคัญกว่าการแข่งขัน” จะเห็นได้ว่าองค์กรใหญ่ ๆ
 หลายองค์กร แทนที่จะแข่งกัน กลับหันหน้ามาเจรจา 
หาความร่วมมือที่จะก้าวหน้า เติบโตไปด้วยกัน
กับคนรอบข้างที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยก็เช่นกัน ทั้งเพื่อนที่ทำงาน 
และคนในครอบครัว แทนที่จะเอาชนะ โต้เถียงกัน หรือแข่งขันกัน หากสามารถเจรจา
 นำจุดแข็งมาพัฒนาร่วมกันเพื่อส่งเสริมกันได้ 
ก็น่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการทำเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
Assets ทั้ง 3 ข้อนี้ถ้าคุณสามารถสร้างขึ้นได้ รักษาได้ 
และเพิ่มพูนให้มากขึ้นได้ ก็เชื่อว่าหากคุณเป็นคนที่โชคดี (หรือโชคร้าย) 
มีอายุยืนถึง 100 ปี คุณก็จะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข
คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ กล่าวไว้ว่า “ถ้าเลือกได้ไม่อยากอยู่ถึง 100 
ปี เพลงที่ยาวเกินไปก็ฟังไม่เพราะ หนังที่ยาวเกินไปก็น่าเบื่อ 
ชีวิตก็เช่นกัน เพราะมันเหนื่อย 
แต่ถ้าต้องอยู่ก็พยายามปรับตัวเตรียมใจให้ทุกข์ให้น้อย สุขให้มาก”
ดังนั้นอายุ 100 ปี จะเป็นของขวัญ หรือ คำสาป อยู่ที่การเตรียมพร้อมและปรับตัวนั่นเอง
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
  
                     
                 
             
            
         
     
        
X