ข่าวการเงิน
                    เงินหาใหม่ได้..ตอนนี้ขอใช้จ่ายให้มีความสุขก่อน? 
ใครกำลังคิดแบบนี้อาจต้องคิดใหม่! เพราะถ้าไม่ระวัง อาจจะไม่มี "เงินเก็บ" 
ไว้ใช้หลัง "เกษียณ"
    •  ไม่ใช่แค่หาเงินเก่ง แต่ต้องฝึกวินัยการ “เก็บเงิน” 
และรู้จักบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลให้เหมาะสม 
เพื่อเป้าหมายการมีอิสรภาพทางการเงินหลัง “เกษียณอายุ”
    •  กลุ่มคนอาชีพอิสระก็สามารถ “ออมเงิน” เพื่อการเกษียณได้ 
โดยในประเทศไทยมี “กองทุนการออมแห่งชาติ” 
เพื่อให้กลุ่มอาชีพอิสระมีเงินก้อนไว้ใช้หลังเกษียณ 
ได้เหมือนกับกลุ่มข้าราชการ (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) 
และพนักงานบริษัท (มีกองทุนประกันสังคม)
    •  ผู้คนยุคดิจิทัลมักหลงทางไปกับ “ภาวะเงินเฟ้อจากไลฟ์สไตล์ฟุ่มเฟือย”
 ซึ่งถูกกระตุ้นด้วยสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ลืมคิดไปว่า ค่าเช่าที่พัก 
ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า/เครื่องประดับ ฯลฯ ที่มากเกินจำเป็น 
ก็ทำให้แผนการเก็บเงินสำหรับเกษียณผิดพลาดได้
ใครๆ ก็อยากมีอิสรภาพทางการเงินหลังเกษียณ 
แต่ใช่ว่าทุกคนจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้อย่างราบรื่น 
เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยด้านรายได้ รายจ่าย ค่าครองชีพ 
และภาระหนี้สินที่แตกต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป 
หากคุณรู้จัก “ออมเงิน” ให้เหมาะสม และมีการบริหารจัดการเงินที่ดี
ที่สำคัญ.. ต้องไม่ติดกับดัก 5 ความผิดพลาดด้านการเงิน ที่สุ่มเสี่ยงทำให้ 
“ไม่มีเงินเก็บ” จนนำไปสู่การ “ขาดอิสรภาพทางการเงินหลังเกษียณ” 
โดยเราสรุปมาให้รู้กันดังนี้
ความผิดพลาดที่ 1 : ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่รีบเก็บเงินตั้งแต่อายุยังน้อย
บางคนอาจยังมัวแต่รีๆ รอๆ อยู่นานเกินไปกว่าจะเริ่มออมเงิน 
สุดท้ายก็เก็บเงินไม่ทันใช้หลังเกษียณ รู้หรือไม่? 
ยิ่งออมเงินเร็วก็ยิ่งได้ดอกเบี้ยทบต้นสูงขึ้น 
ทั้งนี้ต้องออมเงินในสถาบันการเงินที่ให้อัตราผลตอบแทน 5% ต่อปีขึ้นไป 
ดังนั้น ไม่ควรมองข้ามเรื่องการออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย 
แนะนำว่าให้เริ่มออมไม่เกินช่วงวัย 25 ปี

ความผิดพลาดที่ 2 : ไม่มีความรู้เรื่องกองทุนการออมเพื่อเกษียณ หรือมองว่าเป็นการออมระยะยาวเกินไปจึงไม่สนใจ
ในรัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศ 
จะมีมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินเพื่อการเกษียณ 
โดยตั้งขึ้นมาเป็นกองทุนต่างๆ อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีมาตรการ 
“แผนการลงทุนเพื่อการเกษียณ 401(k)” 
โดยผู้ลงทุนสามารถหักเงินเดือนเพื่อสะสมเข้ากองทุนนี้ได้ 
อีกทั้งยังสามารถเลือกแผนการลงทุนที่สนใจได้เอง 
โดยต้องหักเงินสะสมไปเรื่อยๆ จนถึงอายุ 59 ปี จึงจะสามารถถอนเงินออกมาได้
ส่วนในประเทศไทย ใครที่เป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 33, 39 
รัฐก็มีข้อบังคับให้หักเงินสะสมเข้ากองทุนประกันสังคมอยู่แล้ว 
(ส่วนข้าราชการก็มีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) 
และสำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระรัฐบาลไทยก็มีระบบการออมภาคสมัครใจรองรับเช่นกัน
 โดยสามารถส่งเงินออมผ่าน “กองทุนการออมแห่งชาติ” 
หรือกองทุนประกันสังคมตามมาตรา 40
โดยเงินดังกล่าวก็จะเป็นการสะสมไว้เพื่อใช้หลังเกษียณ ทั้งนี้ 
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของวัยทำงานหนุ่มสาวที่ทำอาชีพอิสระบางคน คือ 
อาจไม่มีความรู้เรื่องนี้ หรือไม่ใส่ใจที่จะสมัครเข้าร่วมกองทุนการออมฯ 
จึงทำให้พลาดโอกาสในการมีเงินเก็บก้อนใหญ่ไว้ใช้หลังเกษียณ

ความผิดพลาดที่ 3 : ตกเป็นเหยื่อภาวะเงินเฟ้อจากไลฟ์ไตล์ฟุ่มเฟือย
“ภาวะเงินเฟ้อจากไลฟ์สไตล์ฟุ่มเฟือย (Lifestyle Inflation)” 
มักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มมองว่า 
การใช้ชีวิตที่หรูหราในอดีตที่ผ่านมาเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีต่อไปในปัจจุบันและอนาคต
 ซึ่งมักถูกกระตุ้นด้วยสื่อสังคมออนไลน์ 
ยิ่งหนุ่มสาววัยทำงานเล่นโซเชียลมีเดียมากเท่าไร 
ก็จะยิ่งมีความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตตามคนอื่นๆ บนโลกออนไลน์ 
(ที่มักโพสต์ไลฟสไตล์การใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย) มากเท่านั้น
พวกเขามักจะชะล่าใจเกินไปว่า 
สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบกับเงินออมหลังเกษียณ 
ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาด! และบางคนอาจไม่เคยรู้ว่า 
การจ่ายค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า/เครื่องประดับ ฯลฯ 
ที่มากเกินจำเป็น ก็มีส่วนทำให้แผนการเงินอื่นๆ หยุดชะงักได้ 
ในความเป็นจริงแล้ว คุณควรจ่ายค่าเช่าที่พักในอัตราไม่เกิน 25% 
ของเงินเดือน และควรจ่ายค่าอาหารไม่เกิน 15% ของเงินเดือน 
เพื่อให้สะสมเงินออมได้มากขึ้น
