ข่าวการเงิน
                    6 เรื่องควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม
                    
                 
                
                    
                        
                     
                    
                    
                                                
เปิด 6 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ก่อนลงทุนในกองทุนรวม
สำหรับมือใหม่ หรือ มนุษย์เงินเดือน เมื่อเลือกที่จะเริ่มต้นลงทุนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะสินทรัพย์ลงทุนบนโลกใบนี้มีหลากหลายประเภท ดังนั้นแล้ว กองทุนรวม จึงเป็นตัวหนึ่งทำให้ชีวิตการลงทุนง่ายขึ้น
รู้จัก “กองทุนรวม (Mutual Fund)” คือ การระดมเงินลงทุนจากคนจำนวนมาก แล้วให้ “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพ และมีความเชี่ยวชาญในการลงทุน นำเงินของเราไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน และแบ่ง ผลตอบแทน กลับมาให้เรา
 เมื่อสามารถทำกำไรได้ ทำให้การลงทุนนั้นง่ายขึ้นมากในช่วงเริ่มต้น 
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม 6 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ 
ได้แก่
สำรวจตนเอง
ก่อนจะลงทุนสิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือ การสำรวจตนเอง 
คือดูว่ารับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากหรือน้อยเพียงใด 
โดยการสำรวจความเสี่ยงนั้นสามารถทำได้โดยตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงจากธนาคาร
 บลจ. หรือตัวแทนจำหน่ายที่ท่านเปิดบัญชีซื้อ-ขายกองทุนรวม อย่างไรก็ตาม 
บางท่านอาจรับความเสี่ยงได้ไม่ตรงกับแบบประเมินที่ทำก็เป็นได้ 
หากยังไม่เคยลงทุนจริง
โดยในช่วงตอบแบบสอบถามสามารถรับความเสี่ยงได้สูง 
แต่เมื่อลงทุนกลับไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ 
เนื่องจากจริตการลงทุนของแต่ลงคนแตกต่างกันไป ดังนั้นสำหรับมือใหม่แล้ว 
การลงทุนในครั้งแรกอาจใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มากเพื่อทดสอบความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
 และสามารถเลือกลงทุนให้ตรงกับความเสี่ยงที่รับได้ในครั้งถัด ๆ ไป
ดูนโยบายการลงทุน
นโยบาย การลงทุน ในกองทุนรวมหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 5 ประเภท
1. กองทุนรวมตลาดเงิน  : ลงทุนในเงินฝากธนาคาร 
ตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐและเอกชน 
ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจะต่ำที่สุดถ้าเทียบกับกองทุนในประเภทอื่น ๆ
2. กองทุนรวมตราสารหนี้ : ลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล 
และหุ้นกู้บริษัทเอกชน มีความผันผวนมากขึ้น 
และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน 
ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
3. กองทุนรวมตราสารทุน  : ลงทุนในตราสารทุน 
หรือหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งในและนอกประเทศ 
ความเสี่ยงปานกลางถึงสูง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น 
แต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูงขึ้นเช่นเดียวกับพอร์ตการลงทุน
4. กองทุนรวมทางเลือก แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
    •  กองทุนที่ลงทุนกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ให้เช่า: 
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 
โดยนำเงินค่าเช่ามาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน ความเสี่ยงปานกลาง 
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ
    •  ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมัน ทองคำ ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนผันผวนตามราคาโภคภัณฑ์
5. กองทุนรวมผสม : ลงทุนในสินทรัพย์ตั้งแต่ข้อ 1-ข้อ 4 ผสมกัน 
สัดส่วนการลงทุนระหว่างสินทรัพย์ต่าง ๆ 
จะเป็นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน 
และการบริหารของผู้จัดการกองทุนนั้น ๆ 
ผลตอบแทนและความเสี่ยงขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนของกองทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต
ผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่นักลงทุนทั้งหน้าใหม่หน้าเก่านิยมดูก่อนการตัดสินใจลงทุนในกองทุนนั้น
 ๆ ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบกองทุนกับดัชนีมาตรฐานได้ดังนี้ เช่น
    •  กองทุนหุ้นไทย เปรียบเทียบกับดัชนี SET Index TRI
    •  กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก เปรียบเทียบกับดัชนี MSCI World Index
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมกองทุนก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก 
ซึ่งอาจเป็นตัวที่ทำให้ผลตอบแทนน้อยลงไปกว่าที่ควรจะเป็น 
เพราะต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาจ่ายค่าธรรมเนียม 
โดยค่าธรรมเนียมกองทุนนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
1. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุุน : 
เป็นค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บทันทีเมื่อเกิดธุรกรรมซื้อ 
หรือขายกองทุนรวม โดยมีค่าธรรมเนียมที่เราควรรู้จักดังนี้
a. ค่าธรรมเนียมขาย : จะถูกเรียกเก็บเมื่อซื้อหน่วยลงทุน
b. ค่าธรรมเนียมซื้อ : จะถูกเรียกเก็บเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน
c. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ : จะถูกเก็บเมื่อทำรายการซื้อและขายหน่วยลงทุน
2. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม : ค่าธรรมเนียมนี้จะคิดเป็น % ของ
 NAV ต่อปี โดยจะคิดรวมในหน่วยลงทุน ดังนั้นแล้ว 
อัตราผลตอบแทนที่เห็นนั้นจะเป็นผลตอบแทนที่รวมค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนไว้แล้ว
 ไม่ต้องนำมาคำนวณแยกอีกครั้งหนึ่ง
เงื่อนไขการซื้อ-ขาย
กองทุนรวมแต่ละกองมีเงื่อนไขการลงทุนไม่เหมือนกัน จึงต้องศึกษาในรายละเอียด
1. เงื่อนไขการซื้อ
a. จำนวนเงินซื้อขั้นต่ำในครั้งแรก และครั้งถัดไป
b. ระยะเวลาในการรับคำสั่งซื้อ : เช่น 08.30-15.00 น. 
หรือบางกองทุนอาจไม่สามารถทำรายการซื้อได้ทุกวันทำการ 
จะมีตารางการขายที่เป็นการเฉพาะเจาะจงวันที่
c. วิธีการซื้อ : เช่น ตัด บัตรเครดิต ตัดบัญชี สับเปลี่ยนกองทุน จ่ายเช็ค เป็นต้น
d. ช่องทางการซื้อ : เช่น ออนไลน์ สาขาของธนาคาร บลจ. ตัวแทนจำหน่าย
2. เงื่อนไขการขาย
a. จำนวนเงินขั้นต่ำในการขายคืน
b. ระยะเวลาในการรับคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุน : เช่น 08.30-15.00 น. 
หรือบางกองทุนอาจไม่สามารถทำรายการขายคืนได้ทุกวันทำการ 
จะมีตารางการขายที่เป็นการเฉพาะเจาะจงวันที่
c. ระยะเวลารับเงินค่าขายคืนกองทุนรวม เช่น การชำระเงินค่าขายคืน T+4 
จะได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนใน 4 วันทำการนับจากวันที่ขายคืน 
อย่างขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคือ วันศุกร์ หากไม่ติดวันหยุดใด ๆ
d. ช่องทางการซื้อ : เช่น ออนไลน์ สาขาของธนาคาร บลจ. ตัวแทนจำหน่าย
ตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนที่คอยปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ให้อย่างต่อเนื่อง
 อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรละเลยการติดตามการลงทุนอย่างน้อยทุก 6 เดือน หรือ 1 
ปี ก็กลับมาทบทวนพอร์ตการลงทุนซักครั้ง 
เพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนที่ลงทุนอยู่ยังให้ผลตอบแทนอย่างที่คาดไว้ 
และหากสถานการณ์ตลาดหรือเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปก็สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันเวลา
ก่อนที่เราจะไปลงทุนนั้น เราต้องรู้จักตัวเองให้ดีซะก่อน
ดังนั้น ตอบคำถามตัวเองว่า วันนี้เราลงทุนเพื่ออะไร 
เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน 
บางคนอาจจะบอกว่า กองทุนกองนี้ดี น่าลงทุน ให้ผลตอบแทนสูง 
แต่มีความเสี่ยงที่สูงกว่าระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ 
และเกินความเข้าใจของเรา 
เราก็ไม่ควรจะไปลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาหรือศึกษาเพิ่มเติมให้ดีก่อน 
เพราะดีสำหรับเขา แต่อาจจะไม่ดีสำหรับเรา 
และไม่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การลงทุนของเราก็ได้ 
และที่สำคัญที่สุดในโลกของการลงทุนก็คือ ประโยคที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง
 ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูล : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
 
                     
                 
             
            
         
     
        
X