ข่าวการเงิน
                    “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เริ่มพ่นพิษ นักช็อปอเมริกันเสี่ยงจ่ายหนี้ไม่ทัน
                    
                 
                
                    
                        
                     
                    
                    
                                                
บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังเริ่มพ่นพิษช่วงปลายเดือน
 ม.ค.นี้ นักช็อปอเมริกันเสี่ยงหาเงินมาชำระหนี้ไม่ทันกำหนด 
ด้านนักเศรษฐศาสตร์กุมขมับหวั่นเป็นระเบิดเวลา
การซื้อสินค้าแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง หรือ Buy Now, Pay Later 
ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายให้วงการค้าปลีกสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมากำลังกลายเป็นปัญหา
 เมื่อเหล่านักช็อปอาจไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าสินค้าได้
นักช็อปเริ่มชอร์ต
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า 
ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยกำลังประสบปัญหากับการหาเงินมาจ่ายค่าของขวัญคริสต์มาส-ปีใหม่ที่ตนซื้อมาด้วยวิธีซื้อก่อนจ่ายทีหลัง
 ในช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่ต้องจ่ายทั้งค่าสินค้า 
ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่าบ้าน ค่าสตรีมมิ่ง ฯลฯ พร้อม ๆ กัน
โดยสำนักข่าวสหรัฐเดินสายสัมภาษณ์ผู้บริโภคหลายราย 
ถึงสถานการณ์การจ่ายเงินค่าสินค้าที่ซื้อมาแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง 
หนึ่งในนั้นคือ เคลลี่ แอนเดอร์เซ่น นักเขียนโฆษณาอิสระ อายุ 31 ปี 
จากลอสแองเจลิส 
ที่ยอมรับว่าเริ่มไม่มั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินงวดปลายเดือนมกราคมนี้ได้หรือไม่
เคลลี่ แอนเดอร์เซ่น อธิบายว่า 
ช่วงสิ้นปีที่แล้วตนใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังช็อปสินค้าหลายรายการ 
โดยเลือกแบ่งชำระแบบรายสัปดาห์ เพื่อให้ยอดจ่ายครั้งแรกเหลือประมาณ 1 ใน 4 
ของราคาเต็ม ซึ่งการชำระในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีปัญหา แต่งวดที่ 4 
ซึ่งตรงกับปลายเดือนนั้น มีรายจ่ายประจำอื่น ๆ 
เข้ามาเพิ่มกับยอดหนี้ที่มีกว่า 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60,000 
หมื่นบาท
“หนี้ก้อนนี้เป็นเรื่องน่ากังวล 
ซึ่งการหาเงินมาจ่ายอาจจำเป็นจะต้องยอมขายของที่มีอยู่อย่างเสื้อผ้า 
กระเป๋า หรือรองเท้า ออกไป” เคลลี่กล่าว
สถานการณ์นี้สอดคล้องกับความเห็นของ อไลนา ฟินกัล 
ที่ปรึกษาทางการเงินในเมืองนิวออร์ลีนส์ 
ซึ่งระบุว่าช่วงต้นเดือนมกราคมมีอีเมล์ขอคำปรึกษาเรื่องหนี้จากการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง
 เข้ามา 20-25 ฉบับ โดยตัวเลขนี้มากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ๆ ถึง 4-5 เท่า
อไลนา ฟินกัล กล่าวว่า ลูกค้าเหล่านี้มีปัญหาคล้ายกัน 
คือมักใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน 
แล้วจึงหันมาพึ่งการซื้อก่อนจ่ายทีหลังเพื่อซื้อสินค้าเพิ่มอีก 
ทำให้เกิดปัญหาเมื่อหนี้เหล่านี้ถึงกำหนดชำระพร้อม ๆ กัน
นักเศรษฐศาสตร์กุมขมับ
การผิดนัดชำระหนี้จากการซื้อก่อนผ่อนทีหลัง อาจไม่หยุดเพียงปัญหารายบุคคล 
แต่อาจลามไปยังภาพร่วม เนื่องจากปลายปี 2023 
การใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังในสหรัฐเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด 
โดยจากสถิติการจับจ่ายช่วง 1 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2023 นั้น 
การใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังมีผู้ใช้งานเยอะเป็นประวัติการณ์ 
ด้วยการเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 
คิดเป็นมูลค่าการช็อปออนไลน์ถึง 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 
การเพิ่มนี้ต่อเนื่องจากช่วงไซเบอร์มันเดย์ ที่การใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 
43%
ความนิยมบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังยังเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่หนี้บัตรเครดิตของสหรัฐกำลังพุ่งสูง
 และจำนวนการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า 
โดยตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐขณะนี้ 
ผู้ที่ผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตนานเกิน 30 วัน 
สูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้ว
นอกจากนี้ 
ซื้อก่อนจ่ายทีหลังยังมีลักษณ์พิเศษที่ไม่มีหน่วยงานกลางมาเก็บข้อมูล 
และไม่ต้องรายงานข้อมูลกับบริษัทเครดิตรายหลัก ๆ ในวงการการเงิน 
ทำให้ไม่มีการเปิดเผยอัตราการผิดนัดชำระหนี้ นำไปสู่ปัญหา Phantom Debt 
หรือการที่ครัวเรือนในสหรัฐมีหนี้แฝงสูงกว่าตัวเลขที่หน่วยงานรัฐรายงานออกมา
 
ส่งผลให้ทั้งนักเศรษฐศาสตร์และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินและเศรษฐกิจต้องกุมขมับ
 
เพราะไม่สามารถประเมินผลกระทบที่แท้จริงจากการใช้งานบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
 
 
 
                     
                 
             
            
         
     
        
X