ข่าวการเงิน
                    คอลัมน์ : เช้านี้ที่ซอยอารีย์
ผู้เขียน : ดร.พงศ์นคร โภชากรณ์์ (pongnakornp@fpo.go.th)
ผมตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า “กำลังซื้อ กำลังแย่” 
วันนี้เรามาวิเคราะห์เรื่องนี้กันว่า จริงอย่างที่ผมว่าไหม ? 
และเราจะใช้ข้อมูลอะไรมาชี้วัดว่ามันกำลังแย่ ?
จริงอยู่ว่าในปี 2566 พระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ การบริโภคภาคเอกชน
 ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 59 ใน GDP ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 7.1 ต่อปี 
สูงสุดในรอบ 11 ปี 
แต่ก็เป็นผลจากการขยายตัวของการบริโภคในหมวดร้านอาหารและโรงแรมสูงถึงร้อยละ
 46.5 ต่อปี หากการท่องเที่ยวกลับเข้าสู่การขยายตัวในระดับปกติ
การบริโภคย่อมชะลอตัวลง ประกอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ออกมา 2 
เดือนแรกของปี 2567 ยิ่งทำให้เห็นว่า การบริโภคกำลังอ่อนแรงลงแล้ว 
เรามาวิเคราะห์เครื่องชี้เศรษฐกิจแต่ละตัวกันครับ
1. รายได้เกษตรกรที่ขจัดเงินเฟ้อออก ครอบคลุมประชากรประมาณ 20 ล้านคน 
พบว่าหดตัวในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ -0.6 และ -1.7 ต่อปี 
ปีที่แล้วทั้งปีก็หดตัวร้อยละ -2.1 ต่อปี 
ดังนั้นกำลังซื้อของเกษตรกรยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง 
ช่วงที่เหลือยังต้องเผชิญกับภัยแล้งน้ำท่วมอีก
2. จำนวนนักท่องเที่ยวชะลอตัว ต่างประเทศเที่ยวไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 
ถึง 24 มีนาคม มีจำนวนกว่า 8 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 44 ต่อปี ชะลอลงมากจากปี
 2566 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 154 ต่อปี ส่วนไทยเที่ยวไทยเดือนมกราคม 2567 
ขยายตัวร้อยละ 6.8 ต่อปี ชะลอลงมากจากปี 2566 ที่ขยายตัวร้อยละ 23 ต่อปี 
ดังนั้น รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ผันไปเป็นเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้าน ร้านค้า
 โรงแรม ร้านอาหาร สองแถวรับจ้าง ย่อมมีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย
3. ยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ปี 2566 ขยายตัวได้ร้อยละ 4.6 ต่อปี 
แต่เดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2567 หดตัวร้อยละ -1.8 และ -10.0 ต่อปี 
ตามลำดับ สะท้อนว่ากำลังซื้อของประชาชนรายได้น้อยก็อ่อนแอเช่นกัน
4. ยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 3.6 ต่อปี 
เดือนมกราคม 2567 ยังขยายตัวได้ที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี แต่เดือนกุมภาพันธ์ 
2567 กลับมาหดตัวที่ร้อยละ 27.1 ต่อปี ก็บ่งชี้ว่า 
ประชาชนที่มีรายได้ปานกลางก็ยังมีกำลังซื้อที่เปราะบาง 
แล้วจะหายเปราะบางเมื่อใด
5. ยอดรถปิกอัพจดทะเบียนใหม่ ปี 2566 หดตัวร้อยละ -27.2 ต่อปี 
ต่อมาในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 หดตัวร้อยละ -31.5 และ -36.4 ต่อปี 
ตามลำดับ สะท้อนว่า ประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดเล็ก 
กิจการขนาดเล็กที่ต้องลงทุนซื้อรถปิกอัพไว้ขนส่ง ก็มีกำลังซื้อที่ลดลง
6. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ปี 2566 หดตัวร้อยละ -3.8 ต่อปี 
เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 หดตัวร้อยละ -2.9 และ -2.8 ต่อปี ตามลำดับ 
ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 หมายความว่า โรงงานผลิตของน้อยลง
 ซึ่งเป็นไปได้ว่ากำลังซื้อของเศรษฐกิจโดยรวมของโรงงาน บริษัท ห้างร้าน 
ครัวเรือน ยังมีแนวโน้มหดตัว
7. ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 
ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่สะท้อนกิจกรรมของเศรษฐกิจในเดือนมกราคม 
2567 ซึ่งเป็นเดือนที่มีมาตรการ Easy e-Receipt 
จะทำให้มูลค่าการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 
แต่ก็เป็นกำลังซื้อของผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น
8. หนี้ครัวเรือน ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 91 ของ GDP และมีโอกาสจะเพิ่มขึ้น 
หนี้เสียจะเพิ่มขึ้น หนี้ที่กำลังจะเสียก็จะเพิ่มเร็วกว่า 
ทำให้การบริโภคภาคเอกชนจะถูกบั่นทอนด้วยหนี้ครัวเรือน 
กำลังซื้อก็จะลดลงในระยะยาว
ดังนั้น หากมีคนมาถามผมว่า เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัวแล้วใช่ไหม ? ผมจะตอบว่า “ตอนนี้ ยังครับ”
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มิได้ผูกพันเป็นความเห็นขององค์กรที่สังกัด
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1532870
                                    28/03/2024
                                    30/04/2024
                                    30/04/2024
                                    30/04/2024
                                    07/06/2024