คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

ทำไมผ้าปูที่นอนห้องพักโรงแรมจึงเป็นสีขาว ทั้งๆ ที่สกปรกได้ง่ายกว่า

29/04/2024

ไม่ว่าคุณจะเคยพักโรงแรมหรูกลางเมือง หรือบ้านพักตากอากาศสุดหรูหรา สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างแน่นอนคือ "ผ้าปูที่นอนสีขาว" ️เคยสังเกตมั้ย ตอนนี้คุณคงนึกถึงโรงแรมที่เคยพักแล้วนึกภาพผ้าปูที่นอนสีขาวไม่ออกซะแล้ว แถมยังเผลอสังเกตสีขาวสะอาดตาของผ้าปูทุกครั้งที่เข้าห้องพักอีกต่างหาก แต่อย่าเพิ่งสงสัยไปว่าทำไมโรงแรมถึงชอบใช้ผ้าปูสีขาว เรามีคำตอบมาไขข้อสงสัยให้ทำไมโรงแรมถึงใช้ผ้าปูที่นอนสีขาวหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมโรงแรมถึงนิยมใช้ผ้าปูที่นอนสีขาว ทั้งๆ ที่สีขาวเป็นสีที่เลอะเทอะได้ง่าย1. สื่อถึงความสะอาดสีขาวเป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด และปราศจากคราบเปื้อน เมื่อแขกเห็นผ้าปูที่นอนสีขาว จะรู้สึกมั่นใจได้ว่าเตียงที่พวกเขาจะนอนนั้นสะอาด สดใหม่ และไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน2. สร้างบรรยากาศหรูหราผ้าปูที่นอนสีขาวให้ความรู้สึกเรียบง่าย โปร่ง สว่าง และสะอาดตา ช่วยสร้างบรรยากาศหรูหรา น่าพักผ่อน แม้ว่าจะเป็นห้องพักราคาประหยัดก็ตาม3. สื่อถึงการนอนหลับอย่างสบายสีขาวเป็นสีที่สื่อถึงความสงบ ผ่อนคลาย ช่วยให้รู้สึกสบายตาและสบายใจ ส่งผลต่อการนอนหลับที่ดีนอกจากนี้สีขาวยังทำให้เห็นคราบสกปรก รอยฉีกขาด หรือรอยยับได้ง่าย จึงช่วยให้สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นผ้าปูที่นอนสีขาวยังทำให้มั่นใจได้ว่าผ้าปูที่นอนทุกชุดมีมาตรฐานสูงสุด ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีตำหนิจะถูกนำไปใช้บนเตียงในห้องพักของโรงแรม อีกทั้งยังซักออกได้ง่าย สีไม่ตก ไม่ซีดจาง และหาซื้อง่ายราคาไม่แพง เข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทุกสไตล์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446819/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

สมาคมประกันชีวิตไทย คาดการณ์ ปี 67 เติบโต 2 – 4 % เผยเบี้ยประกันภัยรับรวม ปี 66 เติบโต 3.61 %

29/04/2024

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึงทิศทางในปี 2567 สมาคมประกันชีวิตไทยได้ประมาณการอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตอยู่ที่ในช่วงร้อยละ 2.0 – 4.0 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2567 ที่สำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.2 – 3.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสคนรักสุขภาพ อันเนื่องมาจากการที่ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของการเกิดโรคอุบัติใหม่ เช่น โควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่ และมลภาวะจากฝุ่น PM 2.5 มากขึ้น รวมถึงแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งส่งผลให้ประชาชนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ และ มีการทำประกันสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aged Society) นโยบายสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีของภาคธุรกิจ เช่น AI และ Data Analytics เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนในทุกกระบวนการในธุรกิจประกันชีวิต ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ การเสนอขาย การพิจารณารับประกันภัย การพิจารณาสินไหม ไปจนถึงการส่งมอบบริการและธุรกรรมหลังการขายที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ เพื่อยกระดับความพึงพอใจของผู้เอาประกันภัยให้เพิ่มสูงขึ้น"ด้านประกันสุขภาพมีอัตราการเติบโตตัวเลข 2 หลักมาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 ที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาด 17.33% ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพมาจากธุรกิจประกันชีวิตถึงกว่า 80% เมื่อคนไทยเริ่มตอบสนองการทำประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งคาดหวังว่าจะเห็นภาพการเติบโต 2 หลักต่อไป ซึ่งยังมีช่องทางที่จะขยับรับประกันสำหรับกลุ่มคนตัวเล็กที่ยังเข้าไม่ถึงอีกจำนวนมาก เช่นประกันโรคร้ายแรง ขณะนี้หลายบริษัทก็มีเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มลูกค้านี้เพิ่มมากขึ้นด้วยในทางตรงกันข้ามด้านค่าสินไหมประกันสุขภาพที่มียอดสูงขึ้นสมาคมฯ เริ่มมีความกังวล ดังนั้นคงต้องหารือกับทางสำนักงานคปภ. ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพต้องยอมรับว่าไม่ได้มีการการันตี โดยปัจจัยที่เข้ามาประกอบคือ เรื่องอายุ เช่น เด็กแรกเกิดมีความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษา ตามธรรมชาติ เช่นเดียวกันเมื่ออายุมากๆ ขึ้นก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้เช่นเดียวกัน แต่จะต้องทำอย่างไรให้เบี้ยประกันเหมาะสมและต้องมีการพิจารณารับประกัน เพื่อสอบถามด้านการเจ็บป่วยก่อนเข้าทำประกันร่วมด้วย เป็นต้น" นายสาระกล่าว พร้อมกันนี้ นายบันฑิต เจียมอนุกูลกิจ อุปนายกฝ่ายบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเสริมถึง สำนักงานคปภ.ลงโทษกรณีมีตัวแทนบางคนฉ้อฉลประกันภัย รับเงินผู้เอาประกันภัยแล้วไม่ส่งบริษัท ว่า ขณะนี้ทุกบริษัทประกันชีวิตไม่มีนโยบายให้โอนเงินฝ่ายตัวแทนหรือตัวกลางการประกันภัย ดังนั้นผู้เอาประกันจะต้องโอนเงินค่าเบี้ยประกันภัยเข้าบริษัทโดยตรง เมื่อเงินถึงบริษัทฯ อะไรก็ไม่หายถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่ทำประกันก็ต้องคืนเงินลูกค้า แต่หากไปโอนผ่านตัวกลางโดยที่ไม่มีใบเสร็จรับเงิน นั่นจะเป็นปัญหาของการฉ้อฉลตามมาทั้งนี้ ในมุมของผู้ประกอบการเองก็มีการทำความเข้าใจกับตัวแทนของเราเองด้วยว่า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ติดต่อโดยตรงกับบริษัท โดยเฉพาะเรื่องการเงิน เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญนายสาระ กล่าวต่อไปว่า ในขณะเดียวกันในปีนี้ ธุรกิจประกันชีวิตยังคงต้องติดตามแนวโน้ม และความผันผวน ของสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์เงินเฟ้อ และตลาดหุ้นไทย ที่ส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการใช้จ่ายของภาคประชาชน รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์สงครามการค้าหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเกิดโรคอุบัติใหม่ เพราะส่งผลต่อความต้องการและความเชื่อมั่นของภาคประชาชนที่มีต่อธุรกิจประกันชีวิตโดยตรงดังนั้น สมาคมประกันชีวิตไทยจึงมีแผนดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อปัจจัยท้าทายรอบด้าน โดยนำแนวคิดการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) มาประยุกต์ใช้ในการประกอบการพิจารณาลงทุนและดำเนินงานที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ ESG ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการกำกับดูแล (Governance) เพื่อให้ธุรกิจประกันชีวิตมีความยั่งยืนมากขึ้นนอกจากนี้สมาคม ฯ มีนโยบายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ และสนับสนุนในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้พัฒนากระบวนการต่าง ๆ ของธุรกิจประกันชีวิต เพื่อยกระดับความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของผู้เอาประกันภัยให้มากขึ้น มีการส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชน เช่น เรื่องการรู้เท่าทันของเทคโนโลยีและภัยไซเบอร์ เพื่อช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย รวมถึงมีนโยบายเชิงรุกในการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบันโดยทางสมาคม ฯ จะเป็นแกนกลางในการประสานพันธกิจทั้งในรูปแบบประชุมหารือรับฟังความคิดเห็นระหว่างบริษัทประกันชีวิต กับ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยที่มีคณะกรรมการบริหารสมาคมเป็นประธานเพื่อติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งผลักดันระบบการจัดสอบและอบรมความรู้ ระบบออกใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิตในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทั้งบริษัทสมาชิก และ บุคคลทั่วไปที่สนใจสมัตรสอบเข้าสู่เส้นทางอาชีพตัวแทนประกันชีวิตที่สำคัญสมาคมประกันชีวิตไทยมีนโยบายที่มุ่งให้แต่ละบริษัทประกันชีวิต มีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการบริหารและจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ทั้งก่อนและหลังการรับประกันภัย และมีฐานะทางการเงินที่มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามความเสี่ยง (CAR Ratio) สูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่กำหนด (Supervisory CAR) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยมั่นใจว่า บริษัทประกันชีวิตสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันของกรมธรรม์ประกันภัยได้ทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย และพร้อมที่จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยจนกว่าจะครบกำหนดสัญญาดังจะเห็นได้จาก ในไตรมาสที่ 3/2566 จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ภาคธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนตามความเสี่ยง อยู่ที่ร้อยละ 350 ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ใช้ในการกำกับ (Supervisory CAR) จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยทุกท่านเชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคง แข็งแกร่ง และยึดมั่นคำสัญญาตามข้อผูกพันในกรมธรรม์ประกันชีวิตทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวในตอนท้ายเผยภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตของปี 2566 ระหว่าง มกราคม – ธันวาคม มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 633,445 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.61 เมื่อเทียบกับปี 2565 จำแนกเป็น เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) 178,470 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.06 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) 454,975 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.06สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย1.) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) 112,377 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.83 2.) เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) 66,093 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.18 จำแนกเบี้ยประกันภัยรับรวมแยกตามช่องทางการจำหน่าย ดังนี้1. การขายผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิต (Agency) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 338,920 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.21 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.502. การขายผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 239,112 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.753. การขายผ่านช่องทางนายหน้าประกันชีวิต (Broker) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,808 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.19 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.864. การขายผ่านช่องทางดิจิทัล( Digital) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,930 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.07 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.305. การขายผ่านช่องทางอื่น (Others) เช่น การขาย Worksite , Walkin การขายผ่านการออกบูธการขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ Direct Mail , Tele Marketing เป็นต้น เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 22,676 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.58 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.58สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตมากขึ้น ในปี 2566 คือ สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพและคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 109,786 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.93 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.33 ซึ่งหลัก ๆ มาจากการที่ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพและเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันสุขภาพมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงและรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (Medical Inflation)ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว รวมถึงมีการเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินช่วงวัยเกษียณกันมากขึ้น เพราะนอกจากเป็นรูปแบบการออมประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่ำแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองชีวิต และ สิทธิการลดหย่อนภาษีที่ทางภาครัฐให้การสนับสนุนมาตรการลดหย่อนภาษี จึงส่งผลให้ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) ในปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 17,986 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.26 หรือ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.84แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=160340

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

เตรียมเกษียณ เมื่อไหร่ดี ?

29/04/2024

บทความโดย “สุทธสินี สุวรรณาพิสิทธิ์” ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 “เตรียมเกษียณ” เป็นเรื่องที่สังคมไทยในปัจจุบันให้ความสำคัญมากขึ้น เหตุเพราะสังคมไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้วในปี 2564 ประชากรมากกว่า 20% มีอายุมากกว่า 60 ปี แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ คนวัยเกษียณมีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเกษียณได้อย่างแท้จริง เพราะเงินออมเกษียณที่เตรียมไว้มีไม่มากพอ อีกทั้งหลายคนหวังพึ่งพาลูกหลานหรือคนในครอบครัว ซึ่งในสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมการใช้ชีวิต คือเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้การหวังพึ่งพิงยามเกษียณอาจเป็นปัญหาทางการเงินของหลาย ๆ ครอบครัวในอนาคต เงินออมเกษียณเป็นเงินออมก้อนใหญ่ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมเงิน โดยใช้ช่วงชีวิตการทำงานหารายได้ เพื่อรายจ่ายในการดำรงชีวิตแล้ว เงินออมคือส่วนสำคัญที่ต้องมีวินัยในการเก็บให้มีความต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยปัจจัยสำคัญ 4 ประการในการออมเงินเพื่อเกษียณ ได้แก่ 1. ระยะเวลาในการออม ออมก่อนรวยกว่า พูดง่าย ๆ เริ่มต้นเร็วย่อมดีกว่าเริ่มต้นช้า 2. เงินออมแต่ละงวด จำนวนมากเท่าไรยิ่งดี แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับรายได้และรายจ่ายของแต่ละบุคคล 3. อัตราผลตอบแทน ยิ่งมากยิ่งเป็นที่ต้องการ แต่ High Risk High Return ยิ่งผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงของเงินต้นก็สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้น การจะนำเงินไปสะสมที่แหล่งออม หรือลงทุนใด ๆ ต้องมีความรู้ในสิ่งนั้น และยิ่งเป็นเงินออมเกษียณยิ่งต้องมั่นใจว่าเงินต้นจะไม่สูญหาย เพราะเงินเกษียณคือเงินรับรองคุณภาพชีวิตของตัวเรายามเกษียณ 4. เงินเฟ้อ เป็นปัจจัยที่คาดคะเนไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าเงินที่แท้จริง และทำให้อำนาจการใช้จ่ายลดน้อยลง โดยเงินเฟ้อทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นซื้อสินค้าและบริการได้เท่าเดิม เช่น ค่าโดยสารรถเมล์จากเดิม 2.50 บาท เพิ่มเป็น 8.50 บาท หรือหมูปิ้งจากไม้ละ 3 บาท เป็น 10 บาท เงินเฟ้อคือศัตรูสำคัญของเงินออมเกษียณอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะเงินออมที่ตั้งใจเตรียมไว้ใช้ยามเกษียณ แปลว่ากว่าจะถึงวันเกษียณ เงินที่ตั้งใจสะสมไว้ใช้เกษียณจะมีมูลค่าลดลง จึงต้องคิดวางแผนเก็บออมเงินเกษียณเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดไว้ ณ ปัจจุบัน ด้วยการปรับมูลค่าเงินเฟ้อไว้ด้วยจะเป็นการดีหมายเหตุ : ตัวคูณเงินเฟ้อเป็นตัวเลขที่อ้างอิงจากหนังสือ Money101 : เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข ที่คิดจากฐานการเพิ่มของค่าเงินเฟ้อในอดีตของประเทศไทยในช่วงหลังปี 2540 ตัวอย่าง นายเอ อายุ 35 ปี ตั้งใจเกษียณอายุ 60 ปี เหลือเวลาทำงาน 25 ปี ตัวคูณเงินเฟ้อของนายเอคือ 1.80 หากนายเอต้องการเก็บเงินเกษียณ 5,000,000 บาท นายเอต้องเก็บเงินด้วยตัวเลข 5,000,000 *1.80 เท่ากับ 9,000,000 บาท เมื่อนายเอเห็นตัวเลขนี้แล้ว ย่อมทำให้นายเอตระหนักถึงความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการออมเงินเกษียณ ว่าต้องวางแผนการเก็บออมและเริ่มออมอย่างจริงจัง เพื่อเป้าหมายในการเกษียณอย่างที่ตนเองต้องการ เงินเฟ้ออาจทำให้คุณภาพชีวิตหลังเกษียณต้องลดน้อยลง หากเงินออมเกษียณไม่เพียงพอต่อระยะเวลาในการดำรงชีพ เพื่อการเกษียณในปลายทางของชีวิต การเกษียณไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนเพื่อให้เกษียณอย่างมีความสุข คุณพร้อมออมเงินเกษียณกันเมื่อไรดี ? แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1504594

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

tokidoki ตัวอิตาเลียนหัวใจญี่ปุ่น ไอคอนสตรีทอาร์ตระดับโลก ครั้้งแรกในไทย

29/04/2024

tokidoki ครั้งแรกในไทยกับนิทรรศการเต็มรูปแบบของคาแรคเตอร์ขวัญใจระดับโลก ผลงานศิลปะสไตล์อะนิเมะญี่ปุ่นจากคาแรคเตอร์ยอดนิยมของ ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ (Simone Legno) ศิลปินชื่อดังชาวอิตาเลียนผู้หลงใหล Pop Culture ญี่ปุ่นนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปีพ.ศ.2548 tokidoki (โทกิโดกิ) ก็ได้กลายเป็นงานศิลปะและคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม รวบรวมผู้ติดตาม ‘ตัวละคร’ หรือคาแรคเตอร์ที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมหาศาล จนกระทั่งกลายเป็นคาแรคเตอร์ที่ลักชัวรีแบรนด์และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหญ่ๆ ระดับโลกต้องการคอลลาบอเรตหรือร่วมออกแบบสินค้าด้วยซิโมเน่ เล็กจ์โน่ (Simone Legno) กับหลากหลายคาแรคเตอร์ของ tokidokitokidoki เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า "บางครั้ง" สร้างสรรค์ขึ้นโดย ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ (Simone Legno) ศิลปินชาวอิตาเลียนซึ่งชื่นชอบและหลงใหลในวัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่นตั้งแต่วัยเด็กคาแรคเตอร์ของ tokidoki จึงเป็นส่วนผสมกันระหว่างการ์ตูนวัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่น อะนิเมะและมังงะ ไลฟ์สไตล์แบบคนอิตาเลียน และสตรีทอาร์ตแบบอเมริกาจากลายเส้นสู่อาร์ตทอยของ tokidoki“โทกิโดกิคือการสะท้อนประสบการณ์ชีวิตและเปรียบเสมือนสมุดบันทึกการใช้ชีวิตของผม ผมเป็นคนอิตาเลียน รักความเป็นญี่ปุ่น ผมอาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิสมา 18 ปี ดังนั้นผมจึงผสมผสานความรักที่มีต่อญี่ปุ่นและวัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่น ชีวิตส่วนตัว เข้ากับงานสตรีทอาร์ต”ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ในงาน tokidoki ICONIC Bangkok Experience ถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ tokidoki ที่มีคนติดตามทั่วโลกคาแรคเตอร์ Tiger Nationงาน tokidoki ICONIC Bangkok Experience เป็นนิทรรศการเต็มรูปแบบของคาแรคเตอร์ขวัญใจระดับโลก tokidoki ครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงในธีม Follow the Rainbow Journey หรือ ตามรอยเส้นทางแห่งสายรุ้งภายในงานน่าตื่นตาตื่นใจด้วยฟิกเกอร์ขนาดใหญ่ที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อนำมาจัดแสดงในไทยโดยเฉพาะ ต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมด้วยเหล่าคาแรคเตอร์จาก tokidoki ไม่ว่าจะเป็น Moofia, Cactus Friends, Unicorno, Donutella, Tiger Nation ให้เก็บเป็นภาพแห่งความประทับใจฟิกเกอร์ Karl Lagerfeld สไตล์ tokidokiหนังสือ The Art of Simone Legnotokidoki ยังนำคอลเลคชั่นสะสมที่เคยมีผลงานคอลแล็บส์กับแบรนด์ชื่อดังต่างๆ มากมายมาจัดแสดงให้ชมด้วย อาทิ   •  Collection : BE@RBRICK Adios   •  Karl Lagerfeld   •  Strangeco 6” Circus Punks Airlines Adios ปี 2006   •  LeSportsac Collection   •  MyStamp Collection   •  หนังสือ The Art of Simone LegnoMini Playground Zone พื้นที่สำหรับคุณหนูๆผู้สนใจสามารถเดินถ่ายภาพคู่กับบรรดาคาแรคเตอร์ขวัญใจระดับโลกจาก tokidoki สัมผัสเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ บริเวณโดยรอบของงาน รวมถึง Mini Playground Zone สวนสนุกขนาดย่อมที่จัดเตรียมไว้ให้คุณหนูๆอุโมงค์กระจก เทคนิค Immersive Mirror& Projectionพิเศษสุดกับ Immersive Projection Zone ในรูปแบบอุโมงค์กระจก ให้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศโลกแห่ง tokidoki ด้วยเทคนิค Immersive Mirror& Projection ราวล่องลอยอยู่ในโลกของโทกิโดกิหากสวมเสื้อสีขาว กราฟิกโทกิโดกิจะปรากฏบนตัวชัดเจนขึ้น จะเก็บเป็นภาพนิ่งหรือคลิปวิดีโอก็สวยงามแปลกตาSimone Legno ร่วมระบายสีกับเด็กๆภายในงานเปิดนิทรรศการฯ ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ เชิญเด็กๆ ร่วมระบายสีกันอย่างสนุกสนานบนคาแรคเตอร์โทกิโดกิที่เขาวาดเป็นลายเส้นสีดำไว้บนผนังรวมทั้งยังเปิดโอกาสให้กับนักสะสมที่นำโทกิโดกิสะสมส่วนตัวมาขอลายเซ็นและถ่ายรูปอย่างเป็นกันเองเล็กจ์โน่ไม่ได้เซ็นชื่อเล่นๆ แต่เขาตั้งใจเซ็นมากๆ เพราะลายเซ็นของเขาคือภาพกราฟิกคาแรคเตอร์ก็อดซิลลา เขาวาดลายเส้นก็อดซิลลาลงบนของสะสมที่สาวกนำมา บางครั้งก็ระบายสีให้ด้วยกล่องสุ่มคาแรคเตอร์ unicorno ของ tokidokiสติ๊กเกอร์คริสตัลตกแต่งใบหน้าของ tokidokiสีเปลี่ยนสีผมด้วยการหวีเป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษมากๆ ที่ภายในงานยังมีผลิตภัณฑ์โทกิโดกิจำหน่ายหลายอย่าง อาทิ เครื่องสำอางสำหรับเด็กๆ แทตทูตกแต่งใบหน้าและร่างกาย กระเป๋า ตุ๊กตาผ้ากำมะหยี่ กล่องฟิกเกอร์ปริศนา สีสำหรับระบายที่มีความปลอดภัยกับผู้ใช้“ผลงานส่วนใหญ่ของผมมีน้ำหนักความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าความเป็นอิตาเลียนและอเมริกัน” เล็กจ์โน่ กล่าวและว่า “ผมเดินทางไปญี่ปุ่น 62 ครั้ง ห้าปีที่ผ่านมาเพิ่งย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวก็ที่ญี่ปุ่น”ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ เกิดเดือนมิถุนายน พ.ศ.2520 ในกรุงโรม การเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว 62 ครั้ง ในช่วงอายุ 46 ปี เป็นคำตอบได้ดีว่าเขาหลงรักญี่ปุ่นเพียงใดซิโมเน่ เล็กจ์โน่ กับภาพพิเศษสร้างสรรค์เพื่อมาแสดงงานครั้งแรกในไทยสำหรับการเดินทางมาแสดงผลงานในประเทศไทยครั้งแรกนี้ ซิโมเน่ เล็กจ์โน่ ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษ 1 ชิ้น สื่อถึง วัฒนธรรมไทยและความเป็นประเทศไทย ที่เขาสัมผัสได้“ผมเคยเดินทางมาประเทศไทยราวๆ  30-32 ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆ ภาพนี้บอกความรู้สึกที่ผมเห็นประเทศไทยมาโดยตลอด เห็นวัฒนธรรม มีวัดมากมาย มีความเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม ความสุข ผู้คนใจดี สีสันของดอกไม้ ผมนำความรู้สึกเหล่านั้นมาถ่ายทอดเป็นคาแรคเตอร์ที่มีความร่วมสมัยในสไตล์ของโทกิโดกิ” เล็กจ์โน่ กล่าวถึงภาพวาดที่มีสตรีสวมชฎาในท่ายกมือขึ้นไหว้ราวจะทักทายว่า “สวัสดี”วันเปิดนิทรรศการ tokidoki ICONIC Bangkok Experienceนิทรรศการ tokidoki ICONIC Bangkok Experience จัดแสดง ณ ICON Art & Culture Space ชั้น 8 ไอคอนสยาม ร่วมกันจัดโดย ไอคอนสยาม และ บริษัท อาส์คมี จำกัด วันนี้-31 มีนาคม 2567แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1108353

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“สะพานข้ามกาลเวลา” ย้อนอดีตสู่ยุคดึกดำบรรพ์ ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

29/04/2024

การได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็น “อุทยานธรณีโลกสตูล” (Satun UNESCO Global Geopark) ในปี พ.ศ. 2561 ช่วยย้ำความสำคัญและความหลากหลายด้านธรณีวิทยาของจังหวัดสตูลได้เป็นอย่างดี โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเข้าไปเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างสะดวกสบายใกล้ชิด คือ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา”อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบมะละกาทะเลอันดามัน ในคาบมหาสมุทรอินเดียทางฝั่งตะวันตกของไทย ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดตลอดแนวฝั่งทะเลในท้องที่ อ.ละงู อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล และ อ.ปะเหลียน จ.ตรังบริเวณที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา อยู่ในอำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นพื้นที่ติดริมทะเล มีทัศนียภาพของอ่าวนุ่น หรืออ่าวปอ ซึ่งมีภูมิทัศน์ของเวิ้งอ่าวสวยงามเป็นวงโค้ง มีภูเขาสูงร่มรื่นด้วยแมกไม้เป็นฉากหลัง มองไปในทะเลเห็นหมู่เกาะต่างๆอยู่ไกลลิบๆ พร้อมทั้งเรือประมงท้องถิ่นจอดเรียงรายอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีเขียวมรกตจุดขายของอุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุด โดยเฉพาะเกาะจำนวน 22 เกาะ ที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ เช่น เกาะเภตรา เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะลิดี เกาะบุโหลน เกาะเหลาเหลียง และเกาะเปรามะ ฯลฯ ซึ่งมีรูปร่างแปลกตาเป็นโพรง ถ้ำ หลุมยุบ หน้าผาสูงชันแต่มีจุดขายสำคัญอีกแห่งในอุทยานฯ ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาชมได้ตลอดทั้งปีแบบเดย์ทริป โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพคลื่นลมฤดูมรสุม รวมทั้งไม่ต้องล่องเรือไปไกล เที่ยวได้ทุกวัย สถานที่นั้น คือ “สะพานข้ามกาลเวลา” ในพื้นที่เขาโต๊ะหงาย“สะพานข้ามกาลเวลา” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นทางเดินริมทะเลเพื่อศึกษาธรณีวิทยากับธรรมชาติเลียบชายฝั่ง เป็นส่วนหนึ่งของเขาโต๊ะหงายหน้าผาริมทะเลที่สูงชัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ธรรมชาติปรากฏอยู่ในบริเวณช่วงหนึ่งของหน้าผากับการชนกันหรือรอยสัมผัสของหิน 2 ยุคอุทยานฯ ได้สร้างสะพานคอนกรีตแข็งแรง เป็นทางเดินเลียบชายฝั่ง เรียกว่า สะพานข้ามกาลเวลา เพื่อเป็นแหล่งธรณีวิทยาประเภทแหล่งธรณี โครงสร้างประเภทรอยเลื่อนที่เป็นรอยต่อระหว่างหินในยุคแคมเบรียน (542-488 ล้านปี) กับยุคออร์โดวิเชียน (488-444 ล้านปี)โดยข้อมูลจากสำนักงานการศึกษานอกโรงเรียนสตูล ระบุว่า ลักษณะของแหล่งธรณีวิทยาจุดนี้ เสมือนเป็นรอยต่อของช่วงเวลามีความสำคัญทางด้านธรณีวิทยา เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนของหินในยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง ในบริเวณนี้นอกจากเห็นรอยต่อแล้ว ยังพบการเกิดของหินย้อยที่มีลักษณะเป็นหินปูนฉาบ (flow stone) ที่สวยงามเป็นประกายระยิบระยับ ซึ่งเกิดจากการสะท้อนของแสงไฟที่กระทบหน้าผลึกแร่แคลไซต์ลักษณะธรณีวิทยา เป็นรอยต่อของหินทรายและหินดินดานสีแดงในกลุ่มหินตะรุเตายุคแคมเบรียน กับหินปูนสีเทาดำในกลุ่มหินทุ่งสง ยุคออร์โดวิเชียน โดยเป็นรอยต่อแบบรอยเลื่อน (fault contact) โดยแนวของรอยเลื่อนมีทิศทางใกล้เคียงกับทิศทางการวางตัวของชั้นหินดังนั้น การเดินไปตามสะพานชมธรรมชาติแห่งนี้ จะได้สัมผัสประสบการณ์การเดินเท้าที่เสมือนนำตัวเราก้าวเข้าไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์เมื่อหลายล้านปีก่อน โดยมีจุดถ่ายภาพของเนินผา ชั้นหินต่างๆ ขนานไปกับสีมรกตของผืนน้ำทะเลจังหวัดสตูลแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000014677

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

สำนักงาน คปภ.เชือด! ฉ้อฉลประกันภัย ส่งดำเนินคดี 49 คดี มีทั้ง จัดฉากรถชน -เก็บเบี้ยประกันไม่ส่งบริษัท

29/04/2024

นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (รองเลขาธิการ คปภ. ด้านกฎหมายฯ) เปิดเผยถึงการดำเนินการของสำนักงาน คปภ. เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยว่า ตามที่พระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ได้กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย และสำนักงาน คปภ. ในฐานะเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ได้ออกประกาศ คปภ. เรื่อง ให้บริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย ยื่นรายงานเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย พ.ศ. 2563ซึ่งกำหนดให้บริษัทรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยและรายงานพฤติกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัย เพื่อให้สำนักงาน คปภ. มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบ พฤติกรรม และลักษณะของการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลประกันภัย และสามารถกำหนดแนวทางในการยับยั้ง ป้องกัน ตรวจสอบ รายงาน และบรรเทาความเสียหายจากการฉ้อฉลประกันภัย ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในการบังคับใช้ประกาศ คปภ. ทั้ง 2 ฉบับ สำนักงาน คปภ. ได้มีการออกประกาศนายทะเบียน เรื่อง กำหนดแบบรายงาน พฤติกรรมที่อาจมีลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัย และช่องทางการรายงานการฉ้อฉลประกันภัย สำหรับบริษัทประกันชีวิตและ/หรือประกันวินาศภัย พ.ศ. 2564 ซึ่งกำหนดให้บริษัทประกันภัยนำส่งรายงานดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. ภายใน 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาสสำหรับประเภทกรมธรรม์ของบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการฉ้อฉลประกันภัยและมีพฤติกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัยมากที่สุดคือ กรมธรรม์รถยนต์และเบ็ดเตล็ด ส่วนประเภทกรมธรรม์ของบริษัทประกันชีวิตที่มีการฉ้อฉลประกันภัยและมีพฤติกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัยมากที่สุดคือ กรมธรรม์ประกันชีวิตรองเลขาธิการ ด้านกฎหมายฯ กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคดีฉ้อฉลประกันภัย ในปี 2566 เพื่อพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยในลักษณะต่าง ๆ ก่อนที่จะเสนอเลขาธิการพิจารณา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ จำนวน 49 คดี โดยแบ่งเป็น 5 กรณีที่สำคัญๆ ดังนี้1. กรณีเก็บเบี้ยไม่นำส่งบริษัทประกันภัย จำนวน 6 คดี 2. กรณีคดีปลอมใบรับรองผลตรวจโควิด-19 จำนวน 21 คดี 3. กรณีจัดฉากชน (Bigbike) จำนวน 12 คดี 4. กรณีขายประกันภัยโดยไม่มีใบอนุญาต (โบรกเกอร์เถื่อน) จำนวน 3 คดี และ 5. กรณีหลอกขายประกันภัย จำนวน 7 คดีในขณะเดียวกันสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฉ้อฉลประกันภัยแบบคู่ขนานไปพร้อม ๆ กัน เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัยด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยพัฒนาจากระบบเดิม ซึ่งเป็นเพียงการที่ให้บริษัทรายงานข้อมูลพฤติกรรมการฉ้อฉลประกันภัยเข้ามาเพียงอย่างเดียว มาเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI และโครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยหรืออาจจะฉ้อฉลประกันภัยกับภาคธุรกิจ ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยจัดให้มีการวางระบบในการจัดทำฐานข้อมูลการกระทำความผิดของตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย ออกระเบียบ/ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมของตัวแทนและนายหน้าประกันภัย เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการของบริษัทให้อยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง รวมถึงการจัดการเรื่องความรับผิดต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน กรณีบริษัทประกันภัยได้พิจารณาตกลงรับ ตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยที่มีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย หรือมีประวัติอาชญากรรมในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เข้ามาเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในสังกัดของบริษัทประกันภัยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=160321

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ชมของสะสมของ 'บิดาแห่ง BE@RBRICK' ที่ 'AKASHIC RECORDS in Bangkok' พร้อมส่วนลด

29/04/2024

ชวนเที่ยวงานนิทรรศการ "AKASHIC RECORDS in Bangkok" งานเดียวในประเทศไทยที่รวบรวมของเล่นของสะสมสุดปังของ "ทัทสึฮิโกะ อากาชิ" ผู้ให้กำเนิด "BE@RBRICK" ซึ่ง "เคทีซี" เอาใจสมาชิกนักสะสม ตอบรับกระแสนิยมอาร์ตทอยส์ มอบส่วนลดบัตรเข้าชมนิทรรศการนี้ ณ คิง เพาเวอร์ มหานครAKASHIC RECORDS in Bangkok คืองานนิทรรศการเดียวในประเทศไทยที่รวบรวมผลงานทางศิลปะในโลกแห่งของเล่นของ ทัทสึฮิโกะ อากาชิ ประธานบริษัท MEDICOM TOY ผู้ที่มีความหลงไหลในการครอบครองของเล่นในสมัยเด็ก จนสะสมสู่งานอดิเรกในวัยผู้ใหญ่ และรู้จักกันดีในนามของผู้คิดค้น BE@RBRICK ฟิกเกอร์ตุ๊กตาหมีที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกภายในงาน “AKASHIC RECORDS in Bangkok” มี BE@RBRICK จากศิลปินและนักออกแบบมากมาย โดยมีไฮไลท์พิเศษเอ็กซ์คลูซีพสำหรับงานที่ประเทศไทยเท่านั้น อาทิ BE@RBRICK FLOR@ Golden Shower Flowers (แบร์บริค ฟลอร่า ดอกราชพฤกษ์) BE@RBRICK MY FIRST B@BY (แบร์บริค มาย เฟิร์ส เบบี้) BE@RBRICK เบญจรงค์ BE@RMUG แก้วมัคเบญจรงค์ และ BE@RBRICK คิง เพาเวอร์ มหานครนอกจากนี้ยังมีของเล่นของสะสมในคอลเลกชันอื่นๆ ที่ ทัทสึฮิโกะ อากาชิ เก็บสะสมไว้ โดยแต่ละชิ้นมีทั้งสตอรี่และคุณค่ามากมาย เป็นแรร์ไอเทมที่น้อยคนจะได้มีไว้ครอบครองและไม่ได้มีแค่ของสะสมที่จัดแสดงในนิทรรศการ “AKASHIC RECORDS in Bangkok” สำหรับผู้ที่สนใจจะประมูลหรือซื้อของที่เปิดจำหน่ายภายในงาน ก็มีโซนสำหรับการซื้อขายรองรับ นี่จึงเป็นโอกาสของคนที่ต้องการมีสุดยอดของสะสมไว้ในคอลเลกชันส่วนตัววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิตเคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เคทีซีเดินหน้าทำการตลาดเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และเพื่อเอาใจสมาชิกนักสะสมของเล่น และตอบรับกระแสนิยมอาร์ตทอยส์ (Art Toys) จึงได้ร่วมมือกับ คิง เพาเวอร์ มหานคร มอบส่วนลดสิทธิพิเศษส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบัตรเข้าชม “AKASHIC RECORDS in Bangkok” เมื่อซื้อบัตรเข้าชมงานเวลา 10.00 น. – 16.00 น. จากราคาปกติ 880 บาท และบัตรเข้าชมงานเวลา 16.00 น. – 19.00 น. จากราคาปกติ 1,080 บาทซื้อบัตรเข้าชมงานได้ที่ https://kingpowermahanakhon.co.th โดยงานมีไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ชั้น 74 คิง เพาเวอร์ มหานครสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทร. 0 2123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.thแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1112565

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบอกเอง 5 จุดสุดสกปรกที่สุด แต่มักถูกมองข้าม

29/04/2024

การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ผู้โดยสารหลายล้านคนเดินทางด้วยเครื่องบินทุกวัน แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าบนเครื่องบินมีจุดไหนบ้างที่สกปรกที่สุด และนี่คือ 5 จุดสกปรกที่สุดบนเครื่องบิน5 จุดสกปรกที่สุดบนเครื่องบิน1. แผ่นแนะนำความปลอดภัย (Instruction Cards) ในช่องเก็บของเบาะโดยสาร แผ่นแนะนำความปลอดภัยเป็นจุดที่สกปรกที่สุดบนเครื่องบิน ถาดพับมักได้รับการทำความสะอาด แต่แผ่นนี้ไม่ได้ทำความสะอาดบ่อย แนะนำให้ใช้เจลล้างมือหรือเช็ดแผ่นนี้ด้วยทิชชู่เปียกหลังสัมผัส เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวเองและผู้โดยสารคนอื่น2. ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เพราะว่าช่องเก็บสัมภาระเหล่านี้ถูก "สัมผัสโดยผู้คนจำนวนมาก" และ " rarely cleaned" แม้จะยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่หลังจากโหลดกระเป๋า carry-on ของคุณแล้ว ให้ใช้เจลล้างมืออีกครั้ง เช็ดหรือใช้ผ้าเปิดช่องเก็บสัมภาระ หรือใช้เจลล้างมือหลังจากสัมผัสช่องเก็บสัมภาระ3. ถาดพับวางอาหาร พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน Sue Fogwell ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี กล่าวว่า "ผู้โดยสารส่วนใหญ่มักรู้ว่าเครื่องบินเต็มไปด้วยเชื้อโรค แต่ถาดพับวางอาหารนั้นสกปรกกว่าแค่เชื้อโรคทั่วไป" นั่นหมายความว่า การเช็ดถาดพับวางอาหารให้สะอาดก่อนใช้งาน ถือเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร Fogwell ไม่ใช่คนเดียวที่แนะนำเช่นนี้ ผลการศึกษาโดย Travelmath ในปี 2015 ชี้ให้เห็นว่า ถาดพับวางอาหารมีแบคทีเรียมากกว่าจุดที่สกปรกเป็นอันดับสอง (ปุ่มกดลมเหนือศีรษะ) เกือบแปดเท่าต่อตารางนิ้ว4. เบาะนั่ง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน Sue Fogwell เสริมว่า "เบาะนั่ง ไม่ได้ ถูกเปลี่ยนหรือทำความสะอาดตลอดเวลา" โดยจะดำเนินการเปลี่ยนหรือทำความสะอาดก็ต่อเมื่อมีผู้แจ้งปัญหาเท่านั้น เธอยังบอกอีกว่า "แม้แจ้งไป ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการเปลี่ยน" เนื่องจาก "ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์ที่น่ารังเกียจจะได้รับการรายงาน เพราะอาจทำให้เที่ยวบินล่าช้า"5. ลูกบิดประตูห้องน้ำ Josephine Remo พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอธิบายว่า "ห้องน้ำบนเครื่องบินได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ แต่ลูกบิดและมือจับประตูไม่ได้" ด้วยเหตุผลนี้ Remo จึงแนะนำว่า "ควรให้ผู้โดยสารใช้เจลล้างมือหลังจากเก็บกระเป๋า สัมผัสสิ่งของในช่องเก็บของเบาะที่นั่งด้านหน้า และเข้าห้องน้ำ"เพื่อสุขอนามัยที่ดี:  •  ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์  •  หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น  •  เช็ดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ด้วยทิชชู่เปียกฆ่าเชื้อ  •  พกผ้าเช็ดมือและเจลแอลกอฮอล์ติดตัว  •  ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อชะล้างเชื้อโรคในร่างกายแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446767/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย มอบเงิน 1 ล้านบาท สนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ ภายใต้โครงการ “เอไอเอ เพื่อก้าวใหม่ ชีวิตใหม่” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16

22/02/2024

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท แก่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายใต้โครงการ "เอไอเอ เพื่อก้าวใหม่ ชีวิตใหม่ – AIA New Leg New Life" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยมี ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ฯ (ที่ 3 จากขวา) นายเกรียงฤทธิ์ สุขเจริญสิน กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ (ที่ 2 จากขวา) และรองศาสตราจารย์โรม จิรานุกรม รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ (ขวาสุด) เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อร่วมสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิขาเทียมฯ เพื่อมอบขาเทียมให้ผู้พิการไปแล้วกว่า 5,100 ข้าง นับเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชนผู้พิการทางขาได้มีโอกาสกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ รวมถึงสามารถกลับมาประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและตอบแทนสังคมไทย และสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

พ.ต.ต. รุ่งคุณ เสียชีวิตจากมะเร็งปอด โพสต์สุดท้ายเขียนไม่จบ เล่าย้อนเจอมะเร็งได้อย่างไร

29/04/2024

พ.ต.ต. รุ่งคุณ จันทโชติ สารวัตรไฟแรงอายุน้อย เสียชีวิตจากมะเร็งปอดในวัย 33 ปี เปิดโพสต์สุดท้ายที่ยังเขียนไม่เสร็จ พร้อมย้อนบทเรียนที่ตกผลึกหลังต่อสู่โรคร้ายภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติจากกรณี พ.ต.ต. รุ่งคุณ จันทโชติ ตำรวจหนุ่มเล่าประสบการณ์ต่อสู้กับโรคมะเร็งปอด ระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง เมื่อปลายปี 2565 ก่อนตัดสินใจเล่าประสบการณ์การต่อสู้โรคร้าย เล่าการใช้ชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนนั้นล่าสุด (20 กุมภาพันธ์ 2567 ) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า มีการเปิดเผยว่า พ.ต.ต. รุ่งคุณ เสียชีวิตอย่างสงบแล้ว โดยเฟซบุ๊กของ พ.ต.ต. รุ่งคุณ ได้โพสต์บทความสุดท้าย ตั้งชื่อว่า เดอะ ซิกเซ้นส์ ตอน : โลกคัดคนดี (ออก) เป็นบทความที่ตั้งใจจะเขียนมาลงเพจแต่โชคร้ายที่ไม่มีโอกาสได้เขียนจนเสร็จภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติบทความสุดท้ายของ พ.ต.ต. รุ่งคุณ ตำรวจหนุ่มต่อสู้มะเร็ง"ตั้งแต่ผมเริ่มป่วย จนถึงตอนนี้ก็ 1 ปีครึ่งแล้ว มันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าน้อยคนนักในวัยเดียวกัน จะได้ประสบพบเจอเรื่องราวอะไรแบบนี้มันเหมือนผมกำลังจะมีชีวิตที่สวยงาม มีอนาคตที่สดใส แต่ก็เหมือนมีรถม้าขบวนใหญ่ ได้วิ่งชนผมอย่างจัง ทำให้ผมกระเด็นไปไกลแสนไกล จนมาตื่นขึ้นในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งมันเหมือนกับเป็นอีกมิติหนึ่งเลย มันเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่วิ่งคู่ขนานไปกับโลก ผมได้เห็นภาพจากท็อปวิว ภาพอันเกิดจากการสวดมนต์ นั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ มันเกิดเป็นการหยุดนิ่งชั่วขณะ ผมรู้สึกว่า "จิตของผมมันละเอียดขึ้น" ทำให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นองค์ความรู้อะไรหลาย ๆ อย่างใช่ครับ ผมคือคนที่ถูกเลือก จริง ๆ แล้วคนอื่นที่ประสบพบเจอแบบผมก็ถูกเลือกเช่นกัน แต่น้อยคนนักที่จะออกมาสื่อสารได้ เพราะลำพังที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ก็ปางตายกันแล้ว มาครับ มาฟังนิทานที่อิงเรื่องจริงเป็นหลักกัน ว่าเขาฝากผมมาสื่อสารว่าอะไรตั้งแต่ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ในป่าแห่งนั้นในยุคดึกดำบรรพ์ มีสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์นั้นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ นั่นคือบรรดาสัตว์ที่ถูกฟ้าผ่า กลับส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อันเกิดจากการเนื้อสัตว์ไหม้เกรียม มนุษย์ได้ลิ้มลองเนื้อเหล่าเนื้อ กินกันอย่างอร็ดอร่อย และนั่นก็นำมาสู่.."บทความที่ยังเขียนไม่เสร็จรุ่งคุณ จันทโชติภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติย้อนเรื่องราว พ.ต.ต. รุ่งคุณ กับการเล่าเรื่องราวต่อสู้มะเร็งพ.ต.ต. รุ่งคุณ จันทโชติ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2533 อายุ 33 ปี จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 67 เป็นเพื่อนรัก และเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ ที่เสียชีวิตหลังจากถูกกำนันนกยิงต่อมา พ.ต.ต. รุ่งคุณ ตัดสินใจโพสต์แชร์ประสบการณ์หลังต่อสู้กับการรักษาโรคมะเร็งปอดระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ในปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ผู้คนเริ่มตื่นตัวถึงภัยใกล้ตัวจากมะเร็งปอด จากกรณี คุณหมอกฤตไท เจ้าของเพจสู้ดิวะ ที่เล่าเรื่องราวป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่มีสุขภาพที่แข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ เช่นเดียวกันก่อนหน้านี้ พ.ต.ต. รุ่งคุณ เล่าย้อนชีวิตว่า ตนเป็นตำรวจทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เป็นเรื่องธรรมดา แต่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจเลย กินเหล้าสังสรรค์บ้าง ตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่สูบบุหรี่ ที่บ้านก็ไม่มีใครสูบช่วงวันสงกรานต์ ปี 2565 จู่ ๆ ตนเองมีอาการปวดแขนขวา แข็ง ๆ ตึง ๆ งอลำบาก สีเริ่มเปลี่ยน ไปหาหมอตั้งหลายที่ก็ไม่หาย ตนจึงตัดสินใจเจาะชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจ ผลปรากฏว่าเป็นมะเร็งปอด ระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ทำให้ตนต้องทำการรักษาด้วยเคมีบำบัด และฉายรังสี จึงอยากฝากถึงทุกคน ทุกอย่างในชีวิตไม่แน่ไม่นอนจริงๆ แต่หากเกิดขึ้นแล้ว ต้องตั้งสติ เตรียมรับมือ ยาจะดีแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่ได้ ยาก็ไม่ได้ผลหลังจากนั้น พ.ต.ต. รุ่งคุณ ได้อัปเดตอาการป่วยผ่านเพจอย่างสม่ำเสมอ มีการทำคลิปรีวิวชีวิตตัวเอง ตลอด 1 ปี ที่สู้กับโรคร้ายนี้มาอย่างเต็มที่เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน รวมทั้งไปออกรายการเจาะใจ ของช่อง 9 ซึ่งมี สัญญา คุณากร เป็นพิธีกร บอกเล่า 5 ข้อ ที่ตกผลึกมาจากการเจ็บป่วยในครั้งนี้1. ใช้ชีวิตต้องหลากหลายทุกเรื่อง เช่น การกิน บางครั้งคนชอบกินจำเจ ร่างกายมันไม่ได้ชอบเหมือนคุณ2. ต้องใช้ชีวิตให้เหมือนชาวฮันซา (Hunza) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอยู่บริเวณเทือกเขาปากีสถาน ซึ่งมีข้อมูลว่าชาวเมืองนี้เป็นมะเร็งน้อยมาก เพราะเขาอยู่กันแบบเรียบง่าย กินเนื้อสัตว์น้อยมาก กินแต่ผลไม้ กินน้ำจากธารน้ำแข็ง ถึงเราจะทำไม่ได้อย่างเขาทุกข้อ แต่ก็ทำให้ได้มากที่สุดแล้วกัน3. ต้องมีความสุขในทุกธรรมชาติ จังหวะที่เราสุขสุด ๆ ในนั้นอาจมีอันตราย หรือความประมาทแฝงอยู่ หรือจังหวะที่เราคิดว่าตกต่ำสุดในชีวิต มันก็มีความสุขแฝงอยู่ เราต้องหามันให้เจอ อย่าไปคิดว่าสุขก็สุขเต็มที่ ทุกข์ก็จมปลักอยู่แบบนั้น มันไม่ใช่ ในสุขมันมีทุกข์ ในทุกข์มันมีสุขอยู่แล้ว4. ผูกพันได้แต่อย่าผูกมัด พอเราตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ เราผูกพันได้กับพ่อแม่ คนรัก สัตว์เลี้ยง แต่ต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถเป็นเจ้าชีวิต เขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว เราต้องเข้าใจว่ามันคือธรรมชาติ5. ร้อยในล้าน ยกตัวอย่างเช่น ขา ในนักวิ่ง เราวิ่งได้ 10 หรือ 100 กิโลเมตร คุณต้องคิดไว้เสมอว่า เนื้อเยื่อข้อเข่า มันยังมีขา ข้อต่อ การที่คุณใช้มันทุกวันอย่างหนักหน่วง บางครั้งมันงอเข้า-ออก ได้ล้านครั้งในชีวิตเรา ควรบาลานซ์ให้พอดี ไม่ใช่ว่าไม่วิ่งเลย อย่าให้น้อยไปกว่าร้อย อย่าให้มันเกินล้าน ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติสารวัตรรุ่งคุณ กับการรักษาโรค จากคนหนุ่มเป็นคนแก่ แค่ถูสบู่ยังเหนื่อยการรักษาของสารวัตรรุ่งคุณ ในระยะแรกเป็นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 เขาเริ่มรู้สึกถึงร่างกายที่เปลี่ยนไป ไปที่เชียงรายแล้วเดินขึ้นเขาจนหอบและไอ เมื่อกลับมา กทม. ก็รู้สึกว่ากลั้นลมหายใจไม่ไหว อาบน้ำแล้วเหนื่อย แค่ถูสบู่ยังต้องหยุดพัก อาบน้ำเสร็จเช็ดตัวยังไม่ได้ต้องมานั่งพัก ตอนนอนก็นอนราบลำบาก เหมือนมีใครมานั่งทับที่อก หายใจไม่ออก ต้องนอนหนุนหมอนหลาย ๆ ชั้น ระหว่างขับรถก็ตาพร่ามัว วัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วได้ 87-91 เท่านั้นสารวัตรรุ่งคุณได้ไปที่ห้องฉุกเฉิน และผลจากซีทีสแกนก็พบว่าขั้วปอดขยาย มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอดโตขึ้น ปอดอาจจะมีการติดเชื้อ ปอดข้างขวามีก้อนขึ้นมาขนาด 1.6 ซม. มีน้ำในปอดเยอะ กระดูกหน้าอกเริ่มมีการกระจายตัวของเชื้อ จนต้องเจาะน้ำในปอดออกไปตรวจ"ตอนนี้ผมออกจาก รพ. แล้ว มาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน แต่กิจกรรมหลาย ๆ อย่างได้เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร แต่ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่เคยท้อ จิตใจเกิน 100% รู้สึกว่า ได้ใช้ชีวิตแบบชราภาพ ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีเหมือนกัน ยังดีที่ยังกินได้ปกติ นอนจะลำบากหน่อย หาท่าที่มันเข้าที่ยากหน่อย ในคืนคืนหนึ่ง อาบน้ำนี่ลุ้นตลอด ว่ามื้อนี้จะรอดมั้ย จะต้องวิ่งหาเครื่องช่วยหายใจเมื่อไร มีเพื่อนเถาวัลย์พันหน้าตัวใหม่ ที่เขาจะอยู่กับเราไม่ห่าง ได้เห็นคุณค่าของอากาศที่เราหายใจ (หนังเรื่อง อาร์มาเกดอน มันแว้บเข้ามาทุกที ที่เราหายใจไม่ทัน) และทุกอย่างที่ผมเจอ ก็จะต้องมีหลาย ๆ คนที่มาเจอในจุดที่ผมเจอเหมือนกัน การที่ผมได้ถ่ายทอดเป็นวิทยาทาน มันก็เป็นความสุขของผมอย่างหนึ่ง"ภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติภาพจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/239328

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X