Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
19/02/2024
กรุงเทพฯ, 19 กุมภาพันธ์ 2567 – เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Be Together Infinite 789 ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การวางแผนทางการเงินของลูกค้าให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่สามารถสร้าง Passive Income ที่มั่นคงได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลถึงภาวะดอกเบี้ยในตลาด หรือความผันผวนด้านการลงทุน ด้วยการได้รับเงินคืนอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม ๆ กับการสร้างความคุ้มครองชีวิต เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับการลงทุนที่มีความท้าทายมากขึ้น รวมถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน และแผนการเงินของลูกค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ลูกค้ามองหาเครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อมาช่วยต่อยอดความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคง รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว ซึ่ง Be Together Infinite 789 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางเอไอเอกับธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า แบบประกันนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยลูกค้าของเราวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ตัวเอง หรือส่งต่อความมั่งคั่งให้แก่ลูกหลาน นอกจากนี้ แบบประกันนี้ยังมีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ • ชำระค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 7 ปี รับความคุ้มครองชีวิตจนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยอายุครบ 89 ปี • รับเงินคืนรายงวดทุกสิ้นปีกรมธรรม์ 9% หรือ 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เลือกซื้อ[1] • รับเงินคืน 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เมื่อครบกำหนดสัญญา • รับผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญา จำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และเพิ่มขึ้น 100% ทุกปีกรมธรรม์ สูงสุด 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 7 เป็นต้นไป • รับผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 1 เท่า ของความคุ้มครองชีวิต กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ (ADB) • สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ มีความตั้งใจที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิด” กับลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า รวมถึงพัฒนาช่องทางขายที่ครอบคลุมมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ล่าสุดธนาคารได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรหลักด้านประกันชีวิต เปิดตัว “ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789” (Be Together Infinite 789) ที่สามารถตอบ 3 โจทย์ด้านการบริหารเงินให้ลูกค้าได้ในผลิตภัณฑ์เดียว 1.) ช่วยต่อยอด/ส่งต่อความมั่งคั่ง ด้วยความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวสูงสุดถึง 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่าอีกด้วย 2.) รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ต่อเนื่องทุกปี 9-10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีแรกจนถึงอายุ 88 ปี และรับเงินก้อนใหญ่เมื่ออายุ 89 ปี 3.) ค่าเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากประกันชีวิตยังได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี จึงตอบโจทย์ในด้านการวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ในช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนอยู่ตลอด จึงเป็นความท้าทายสำหรับการดูแลลูกค้าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรเงินมาไว้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลประโยชน์ที่ดีสม่ำเสมอ คล้ายกับการมี Passive Income ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยหรือแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนในตลาด ด้วยความเข้าใจลูกค้าเชิงลึก บวกกับความร่วมมือที่แนบแน่นกับ เอไอเอ ประเทศไทย จึงนำมาสู่ผลิตภัณฑ์ “ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789” ที่เหมาะสำหรับซื้อให้ตนเองหรือคนที่รักเพื่อช่วยต่อยอดความมั่งคั่ง หรือจะใช้วางแผนมรดกเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปให้ลูกหลานก็ได้เช่นกัน ออกแบบให้ซื้อได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งธนาคารเริ่มรุกตลาดตั้งแต่ต้นปี และมั่นใจว่าแบบประกันนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่ช่วยลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมให้สามารถวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในระยะยาว สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ทุกเรื่องการเงินให้แก่ลูกค้า” นางสาวพรพิมล กล่าว ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Be Together Infinite 789 สามารถปรึกษาและวางแผนประกันชีวิตได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน 1333 หรือติดต่อเอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ 02-353-8855 ทุกวัน เวลา 8.00-22.00 น. หมายเหตุ: [1] เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย - ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง - ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
29/04/2024
ความเป็นผู้นำมีความสำคัญในการทำธุรกิจ สิ่งที่สังเกตเห็นจากพวกเขาได้อย่างชัดเจน คือการมีสติ และมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในอุตสาหกรรม เปลี่ยนแปลงจากการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ เป็นการทำอะไรใหม่ ๆ ที่มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม บริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปคนเป็น “ผู้นำ” จำเป็นต้องพัฒนาตัวเอง มีกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับองค์กร หรือธุรกิจที่ทำอยู่ ผ่าน 4 กลยุทธ์ ดังต่อไปนี้ 1. แก้ปัญหาอย่างแท้จริงโดยคำนึงถึงความยั่งยืน การทำธุรกิจ สิ่งที่ต้องเจออย่างแน่นอนคือ “ปัญหา” ที่ไม่อาจหนีพ้นได้ เมื่อ “ปัญหา”เกิดขึ้นแล้วคนเป็นผู้นำก็ไม่ควรบ่ายเบี่ยงที่จะเผชิญ แต่ควรแก้ปัญหานั้นแบบทันท่วงทีอย่างแท้จริง และควรวางแนวทางไว้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต เช่น หากปัญหานี้เกิดจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ข้อดีของวิธีนี้จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลากับปัญหาเดิม ๆ เพราะมีแนวทางที่จะแก้ไขอยู่แล้วนั่นเอง 2. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแก้ปัญหาที่มีมายาวนาน เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปข้างหน้า และมีประสิทธิภาพทำได้หลายอย่าง บางธุรกิจนำเทคโนโลยีมาสร้างผลกระทบเชิงบวก ตลอดจนการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ หากผู้นำมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการทำงานก็จะช่วยแบ่งเบาภาระ เพิ่มศักยภาพของการทำงานให้ดียิ่งขึ้น 3. มีเป้าหมาย แม้ว่าจะมีความท้าทาย การตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่บางครั้งการตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทาย แม้ว่าจะพบกับความล้มเหลว แต่ก็เป็นประสบการณ์ชั้นดีเพื่อเช็กตัวเองหรือสิ่งที่ทำอยู่ว่ามีความผิดพลาด และครั้งต่อไปจะต้องปรับปรุงตรงไหน จะได้ดีขึ้นกว่าเดิม บางทีการเป็นผู้นำองค์กรหรือธุรกิจในเวอร์ชันที่ดีที่สุดอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปให้ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ผู้บริโภค และคู่แข่ง ที่ธุรกิจจะโดดเด่นกว่าบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน 4. ใช้นวัตกรรม เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้วัตถุประสงค์ของการดำเนินธุรกิจ หลังจากนั้นนวัตกรรมจะตามมา โดยเป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่ได้เห็นผู้นำในอุตสาหกรรมหน้าใหม่กำลังขับเคลื่อนธุรกิจของตนไปข้างหน้า พร้อมกับแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ซึ่งรูปแบบโมเดลนี้เป็นเทรนด์เติบโตในปี 2024 คนที่มีฐานะเป็น “ผู้นำ” ย่อมเป็นหัวหอกสำคัญกับภาระหน้าที่ที่จะนำพาองค์กร หรือธุรกิจก้าวไปข้างหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น การตัดสินใจต่าง ๆ หรือการวางแนวทางจึงต้องโฟกัสให้ดี และมีวิธีการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่มา: forbes แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ smartsmehttps://www.smartsme.co.th/content/251833
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
มิติใหม่ของการถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของธุรกิจผ่านงานศิลป์ เมื่อ ห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จัดแสดง Installation สุดอาร์ตแห่งปีในชื่อ “THE BOX กล่องแห่งกาลเวลา” ในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 “Bangkok Design Week 2024” (BKKDW2024) ภายใต้ธีม “Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี” ที่บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของห้างเซ็นทรัลตลอด 77 ปี ณ ลานไปรษณีย์กลาง บางรัก กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล, ณัฐธีรา บุญศรี และจุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ ร่วมชื่นชม “THE BOX กล่องแห่งกาลเวลา”รวิศรา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นของ Installation นี้ คือการถ่ายทอดความผูกพันของห้างเซ็นทรัลชิดลมที่ให้บริการและมุ่งเน้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ แก่คนไทยในทุกยุคทุกสมัยตลอด 5 ทศวรรษ ผ่านเทคนิคการนำเสนอที่จะทำให้ผู้เข้าชมได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตและวิวัฒนาการของห้างเซ็นทรัลชิดลม รวมทั้งบ่งบอกถึงวิสัยทัศน์สำคัญของห้างเซ็นทรัลชิดลมกับการปรับตัวด้วยการผสมผสานอดีตที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนานให้เข้ากับความก้าวหน้าทางดิจิทัลสอดคล้องกับเป้าหมายของงาน Bangkok Design Week 2024 ที่ต้องการเป็นแพลตฟอร์มทางความคิด และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆผ่านเมือง ด้วยการชวนทุกภาคส่วนมาลงมือสร้าง Livable Scape โดยหยิบยกดีเอ็นเอประจำย่านมาต่อยอดผ่านความคิดสร้างสรรค์ในมิติต่างๆ “THE BOX กล่องแห่งกาลเวลา” นี้ จึงเป็นตัวแทนที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของการทรานส์ฟอร์มห้างเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งเป็นดีเอ็นเอสำคัญของย่านเพลินจิตเพื่อช่วยขับเคลื่อนและยกระดับกรุงเทพฯ ในด้านภาพลักษณ์ทั้งการค้าและวัฒนธรรมที่จะผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า และการมองสู่โลกอนาคตอย่างไม่หยุดนิ่งสำหรับ ‘THE BOX กล่องแห่งกาลเวลา’ นั้น เป็นงาน Installation ขนาด 4×4 ตารางเมตร เสมือนไทม์แมชชีนพาทุกคนย้อนรำลึกไปถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของห้างเซ็นทรัลชิดลมที่เชื่อมไปสู่ปัจจุบันและอนาคต ภายนอก ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีชมพูพาสเทล ซึ่งเป็นสีใหม่ประจำห้างเซ็นทรัลชิดลมที่พร้อมมอบแรงบันดาลใจและความสุขให้กับทุกคน ส่วนภายในอาคารตื่นตาตื่นใจไปกับตำนาน 50 ปีอันน่าทึ่งที่สะท้อนอัตลักษณ์พิเศษของ Flagship Store อย่าง “ห้างเซ็นทรัลชิดลม” ผ่านสุดยอดนวัตกรรมจอภาพที่เหนือระดับของซัมซุงด้วยดิสเพลย์โซลูชันสุดล้ำ ณ ลานไปรษณีย์กลาง บางรัก กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ห้างเซ็นทรัล ยังได้ร่วมกับ Ctrl+R Collective จัด Pop-up Exhibition นิทรรศการขนาดเล็กในชื่อ “Future of Shop ping Bags” นำถุงช็อปปิ้งแบบต่างๆของเซ็นทรัล ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมาดัดแปลงสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ในนิทรรศการครั้งแรกของ Ctrl+R Collective ภายใต้ธีม “Regenerative Com moditie : Exhibition and Experience” วันนี้ถึง 25 ก.พ.67 ณ สโลว์คอมโบ สามย่าน อีกด้วย.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2760600
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นอีกหนึ่งฤดูท่องเที่ยวสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ ที่ผู้มาเยือนจะได้ซึมซับธรรมชาติอันสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่แต่งแต้มทั่วทั้งเกาะท่ามกลางอากาศแสนเย็นสบายปกคลุมไปด้วยใบไม้สีสดที่ร่วงโรย พร้อมเพลิดเพลินไปกับผลผลิตสดใหม่ประจำฤดูกาล รวมทั้งกิจกรรมและเทศกาลสุดพิเศษอีกมากมายชวนมาเติมข้อมูลหลากหลายที่น่ารู้สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงในแดนกีวีPhoto: https://www.arrowtown.comสภาพอากาศฤดูใบไม้ร่วงในประเทศนิวซีแลนด์เริ่มต้นในช่วงเดือนมีนาคม จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งในตอนเหนือของเกาะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 - 20 องศาเซลเซียส ในขณะที่ทางตอนใต้ มีอุณหภูมิต่ำกว่าอยู่ที่ประมาณ 5 - 15 องศาเซลเซียส สิ่งที่ควรเตรียมไปสำหรับการท่องเที่ยวในสภาพอากาศเย็นสบายของนิวซีแลนด์ ได้แก่Photo: https://www.arrowtown.comเสื้อผ้าที่สามารถสวมทับได้หลายชั้น : เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศนิวซีแลนด์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค แนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และสามารถสวมทับกันได้ เช่น เสื้อแขนยาว เสื้อสเวตเตอร์ และคาร์ดิแกน เพื่อเลือกสวมใส่ได้ตามสภาพอากาศที่อาจเย็นลงหรือร้อนขึ้นตลอดทั้งวันอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง : ถ้าคุณวางแผนจะลุยไปกับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า แล้วละก็ เราขอแนะนำให้เตรียมรองเท้าหรือรองเท้าบูทกันน้ำ กระเป๋าเป้สำหรับเดินป่า และเสื้อผ้าที่สบายคล่องตัว สำหรับการเดินทางไกลหรือเดินป่าเยี่ยมชมธรรมชาติอุปกรณ์กันแดด : แม้อากาศจะเย็นสบายแต่ก็อาจมีแดดแรงได้ในช่วงกลางวัน อย่าลืมพกแว่นกันแดด ครีมกันแดด และหมวกไปเพื่อปกป้องผิวของคุณจากรังสียูวีระหว่างการท่องเที่ยวPhoto: https://www.arrowtown.comสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะใต้ เพื่อสัมผัสความงามของใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ควรพลาดในฤดูใบไม้ร่วง ได้แก่แอร์โรว์ทาวน์ (Arrowtown), เซ็นทรัล โอทาโก (Central Otago)เมืองแห่งเหมืองแร่ทองคำเก่าแก่ ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของเขตโอทาโกตอนกลาง พร้อมให้คุณได้เยี่ยมชมทั้งความสวยงามของเหล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง เสน่ห์ของอาคารเก่าแก่ประจำเมืองแอร์โรว์ทาวน์ ไปพร้อมกับเข้าร่วมเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วง ท่ามกลางมนต์ขลังของประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งเมืองทองคำ นอกจากสีสันอันน่าค้นหาแล้ว เมืองแอร์โรว์ทาวน์ยังแฝงไปด้วยความสงบสุขที่รอให้คุณได้มาสัมผัสด้วยตนเอง เพียงได้เดินปล่อยใจดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลสาบ พร้อมรับชมทิวทัศน์สวยสะกดจากใบไม้เปลี่ยนสีรอบตัวเมือง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามของเมืองเก่า ผสานกับเสน่ห์ของธรรมชาติแสนเงียบสงบได้อย่างลงตัววานากา (Wānaka), โอทาโก (Otago)เมืองอันแสนเงียบสงบนี้ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบวานากา (Lake Wānaka) โอบล้อมด้วยภูเขาสวยสูงตระหง่าน ที่เติมเต็มด้วยสีสันอบอุ่น สะดุดตาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินปล่อยใจ ปั่นจักรยานชมวิว หรือเดินป่าเพื่อดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์สุดงดงาม โดยในช่วงโลว์ซีซั่นอย่างฤดูใบไม้ร่วง คุณจะสามารถสัมผัสกับทั้งทิวทัศน์สวยสะกด น้ำใสราวกับกระจก และเทศกาลต่างๆ ภายในท้องถิ่น พร้อมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติของเมืองริมทะเลสาบนี้ได้อย่างเต็มที่ทะเลสาบเทคาโป/เทคาโป, แคนเทอร์เบอรีเชื่อว่าเพียงแค่ก้าวเข้าสู่ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้รับชมการบรรเลงของสีสันจากใบไม้เปลี่ยนสี ตัดกับฉากหลังของธรรมชาติสุดตระการตา พร้อมทั้งทิวทัศน์ของผืนน้ำใสระยิบระยับราวกับกระจกสะท้อนสีสันของฤดูใบไม้ร่วงและเทือกเขาแอลป์ที่ทอดยาวสุดสายตา ที่ได้ฝากความประทับใจให้ผู้ที่ได้รับชมแบบไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเดินป่ารับชม และสัมผัสธรรมชาติด้วยตนเอง หรือเก็บภาพความทรงจำผ่านเลนส์กล้องแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000013677
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
16/02/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ นางสาวชลิดา นครชัย ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล เอ็กซ์ และนายพีร พนิตพล ผู้อำนวยการฝ่ายยูนิต ลิงค์ ได้ให้การต้อนรับทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี นำโดย บิ๊กจี คุณจิระศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และสื่อในฐานะตัวแทนของ ฉลามชล สโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งได้เดินทางมายังอาคารเอไอเอ ทาวเวอร์ เพื่อมอบกระเช้าปีใหม่ พร้อมขอบคุณเอไอเอ ประเทศไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรชลบุรี เอฟซี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุน สโมสร ชลบุรี เอฟซี เป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานและปลูกฝังให้ผู้คนและเยาวชนไทยหันมาใส่ใจ ดูแล และรักสุขภาพ โดยกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และเป็นความฝันของเยาวชนไทยมากมาย อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่จะพัฒนาทักษะจนต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้ ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
ทำงานมาหลายปี แต่ทำไมแทบไม่มีเงินเหลือเก็บ ทั้งที่รายได้ก็มีทุกเดือน เงินเดือนก็ขึ้นทุกปี บทความนี้จะมาบอก 3 สิ่งที่ควรทำในการบริหารรายจ่าย เพื่อให้มี “เงินเหลือเก็บ” แถมได้ดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่าการจัดการแบบเดิม ๆ 1) จ่ายให้กับเงินเก็บ เป็นอันดับแรก เมื่อมีรายรับหรือเงินเดือนเข้าบัญชี สิ่งแรกที่ต้องทำคือการกันเงินอย่างน้อย 10 - 20% ของเงินที่ได้รับ ไปแยกเก็บไว้อีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งการเก็บเงินที่ว่าควรเป็นการตั้งใจเก็บระยะยาว ทางเลือกการเก็บเงินจึงควรเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนระยะยาว เช่น - กรณีรับความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ได้ อาจเลือกหักบัญชีอัตโนมัติทุกเดือนไปเก็บเงินในเงินฝากประจำปลอดภาษี ที่ให้ดอกเบี้ยสูง หากฝากมียอดเงินที่เท่ากันทุกเดือน ได้อย่างน้อย 24 เดือนขึ้นไป (ระยะเวลาขึ้นกับเงื่อนไขแต่ละบัญชีหรือธนาคาร) - กรณีรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้และมีภาระภาษีเงินได้ อาจเลือกตัดเงินลงทุนอัตโนมัติไปลงทุนกองทุน SSF หรือกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น เพื่อเป็นทั้งเงินเก็บ เพิ่มผลตอบแทนระยะยาว และช่วยลดหย่อนภาษี “แต่หากไม่ได้มีภาระภาษีหรือปีนี้ลงทุนกองทุน SSF/RMF เต็มสิทธิแล้ว อาจเลือกลงทุนในกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้นทั่วไปได้ หรือหากรู้สึกว่าตนเองยังมีเงินเก็บน้อยอยู่ โดยเฉพาะยังมีเงินสำรองฉุกเฉินไม่ถึง 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ควรเลือกเก็บในเงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings เงินฝากประจำปลอดภาษี หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำและสภาพคล่องสูงรอรับเงินค่าขายคืน 1 วันทำการ ก่อน”2) แยกงบรายจ่าย ให้ชัดเจน หลังจากกันเงินเก็บ 10 - 20% ของรายได้แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าเงินส่วนที่เหลือ 80 - 90% จะเพียงพอกับรายจ่ายทั้งเดือน ควรตั้งงบรายจ่ายในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน และแยกจัดสรรไว้ต่างบัญชีกัน เช่น - รายจ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายแน่นอน ขึ้นกับว่าต้องจ่ายช่วงไหนของเดือน จำเป็นต้องกันเงินเพื่อรอจ่ายส่วนนี้ไว้ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนบ้าน/รถ เบี้ยประกัน ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน/คอนโด ฯลฯ ห้ามนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น - รายจ่ายผันแปร ที่แต่ละเดือนอาจมียอดเงินและช่วงเวลาในการจ่ายที่แตกต่างกัน เช่น ค่าอาหาร ค่าสังสรรค์ ท่องเที่ยว เลี้ยงดูบุตร/บิดา/มารดา ค่าซื้อของใช้ส่วนตัว ฯลฯ “การแยกงบรายจ่าย นอกจากกำหนดงบ จดบันทึกรายจ่ายเพื่อคุมรายจ่ายแต่เรื่องให้อยู่ภายในงบที่กำหนดไว้แล้ว การแยกบัญชีไว้กันเงินหรือสำรองเงินไว้สำหรับแต่ละงบรายจ่าย ก็เป็นอีกวิธีการในการคุมรายจ่ายไม่ให้เกินตัว และช่วยให้การจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือนเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น” 3) เลือกที่พักเงินรอจ่าย ที่ช่วยให้งอกเงย การแยกบัญชีเพื่อรองรับรายจ่าย เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายในปัจจุบัน เนื่องจากแทบทุกธนาคารสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ได้ผ่าน Mobile Banking สำหรับใครที่มีงบรายจ่ายหลายเรื่อง และธนาคารหลักที่ใช้อยู่มีจำกัดจำนวนบัญชีสูงสุดในการเปิดบัญชีออนไลน์ ก็ยังสามารถสมัคร Mobile Banking และเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารอื่นที่ตนเองไม่เคยมีบัญชีมาก่อนได้บนมือถือที่มี ด้วยบริการ NDID (บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล) อีกทั้งการโอนเงินข้ามธนาคาร หลายๆ ธนาคารมักไม่เก็บค่าธรรมเนียมการโอน ทำให้การแยกบัญชีเงินฝากเพื่อรองรับงบรายจ่ายต่างๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย “อีกทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings ที่เปิดบัญชีด้วย Mobile Banking ธนาคารส่วนใหญ่มักให้อ้ตราดอกเบี้ยสูง โดยปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ที่ 1.5% ต่อปี คิดเป็น 5 เท่า ของอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ทั่วไปที่ 0.3% ต่อปี ดังนั้นการใช้เงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings ถือเป็นเครื่องมือในการแยกงบรายง่าย ที่นอกจากใช้คุมรายจ่ายไม่ให้เกินงบที่ตั้งใจจนไปดึงเงินเก็บออกมาแล้ว ยังเป็นตัวช่วยให้เงินที่พักไว้ระหว่างรอใช้จ่ายในแต่ละเดือน ได้เติบโตเร็วขึ้นถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับเงินฝากแบบเดิม” ตัวอย่าง: หากมีงบรายจ่ายต่างๆ รวมกันเดือนละ 20,000 บาท (ไม่รวมเงินเก็บ 10 - 20% ของรายได้) ซึ่งหากเงินก้อนนี้ถูกนำไปกันไว้ในเงินฝาก e-Savings ทุกต้นเดือนและถูกทยอยใช้จนหมดตอนสิ้นเดือน จะเสมือนว่าเรามีเงินฝากไว้ใน e-Savings ประมาณ 10,000 บาท ตลอดเดือนหรือตลอดปี (= [เงินต้นเดือน 20,000 บาท + เงินปลายเดือน 0 บาท] ÷ 2 ) ดอกเบี้ยรวมที่ได้รับจาก e-Savings ส่วนนี้ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 150 บาท (สูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอยู่ที่ปีละ 30 บาท) “แม้อาจดูไม่ได้มากมาย แต่อย่างน้อยก็เหมือนได้ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดฟรี 1 มื้อ โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อีกทั้ง สำหรับคนที่มีรายได้หรืองบรายจ่ายสูงกว่านี้ หรือมีการเทคนิคบริหารรายแบบอื่นมาเสริม เช่น การใช้ประโยชน์จากระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 45 - 55 วัน ของบัตรเครดิต ฯลฯ ดอกเบี้ยรับก็จะสูงขึ้น จากการแค่เพียงรู้จักเลือกที่พักเงินเท่านั้นเอง” “อยากมีเงินเก็บ” ไม่ได้ขึ้นกับว่ามีรายได้แค่ไหนหรือมีภาระรายจ่ายเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับ “บริหารรายจ่ายอย่างไร” ให้สอดคล้องกับรายรับที่เข้ามา การกันเงินเก็บตั้งแต่วันที่เงินเข้าและคุมงบรายจ่ายให้เหมาะสม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ช่วยให้สามารถเก็บเงินได้และเงินเก็บนั้นจะยังอยู่กับเราไปอีกนาน แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับwealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22095
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
ชมความสวยงามของป่าเปลี่ยนสีที่ "จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง" ภายในอุทยานแห่งชาติคลองลาน จ.กำแพงเพชร ที่ช่วงนี้กำลังอวดสีสันสวยงาม แนะนำให้รีบมา เพราะมีให้ชมราว 10-15 วันเท่านั้น(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)เพจ "อุทยานแห่งชาติคลองลาน" โพสภาพสวยของป่าเปลี่ยนสี ณ "จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง" ภายในอุทยานแห่งชาติคลองลาน จ.กำแพงเพชร โดยภาพดังกล่าวถ่ายในช่วงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 และได้ให้ข้อมููลไว้ว่า"รายละเอียดการเดินขึ้นไปชม ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือช่วงเช้า ตั้งแต่ 7 โมงเช้า - 10.00 น. แสงจะสวยมากและแดดไม่ร้อน หากนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัดไกลๆ สามารถมานอนค้างคืนเพื่อรอเดินขึ้นไปชมความสวยงามยามเช้าได้ โดยในชุมชนใกล้เคียงมีที่พักหลากหลายรูปแบบให้เลือกพักค้างแรมทั้งในรูปแบบบ้านพักและกางเต็นท์ หรือจะพักค้างแรมในอุทยานฯ ก็ได้เช่นกันสำหรับขั้นตอนการเดินขึ้นไปชมป่าเปลี่ยนสี บนจุดชมวิวกิ่วงวงช้าง จุดเริ่มเดินจะอยู่ตรงด้านหน้าอุทยานฯ ตรงข้ามป้อมยามรักษาการณ์ โดยลงทะเบียนในสมุดลงทะเบียนตรงป้อมยามก่อนเดินขึ้นไป ระยะทางเดินขึ้น 750 เมตร ไป-กลับทางเดิม ทางค่อนข้างชัน ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีอย่าลืมเตรียมน้ำดื่มไปด้วยนะครับ.....สำหรับป่าเปลี่ยนสีที่จุดชมวิวกิ่วงวงช้างปีนี้เป็นปีที่แดงพร้อมกันเกือบทั้งหมด แต่ความสวยงามนี้จะมีให้ชมเพียงช่วงสั้นๆ ประมาณ 10-15 วัน จากนั้นใบก็จะเริ่มร่วงหล่น และถ้าหากมีฝนตกก็ยิ่งจะร่วงหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นๆ รีบๆมาชมกันนะครับ โดยเฉพาะช่วงนี้มีพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตกด้วยครับ"(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)สำหรับ "ป่าเปลี่ยนสี" จะเป็นการผลัดใบของใบไม้ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ผืนป่ามีความสดใส โดยป่าเบญจพรรณหรือป่าเต็งรังนี้จะผลัดใบในช่วงต้นฤดูแล้งเพื่อลดการคายน้ำ เกิดเป็นความสวยงามตามธรรมชาติ โดยป่าเปลี่ยนสีที่ อุทยานแห่งชาติคลองลาน จะสามารถมาชมได้ที่บริเวณเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วงวงช้าง ที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินป่าเขาหัวช้าง บริเวณจุดชมวิวกิ่วงวงช้างเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในบริเวณเดียวกัน และยังเป็นจุดชมความสวยงามของน้ำตกคลองลานได้อีกด้วยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อุทยานแห่งชาติคลองลาน โทร. 08-8407-9915 Facebook : อุทยานแห่งชาติคลองลาน - Khlong Lan National Park(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)(ภาพ : อุทยานแห่งชาติคลองลาน)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000012429
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ถ้าคุณเคยอกหัก ต้องมีสักครั้งที่คุณคิดออกเดินทาง หาสถานที่สำหรับปล่อยวางและทำใจให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย และตัวเลือกยอดฮิตติดลมบนก็คือ “ทะเล” หาดทรายและเกลียวคลื่นเหมาะกับชาวหัวใจช้ำรักเป็นที่สุด แล้วเป็นเพราะอะไรกันนะ ...ทำไมทะเลจึงเหมาะกับคนอกหัก? นี่คือ 5 เหตุผลที่ตอบได้ว่า ... ทำไมคนอกหักต้องไปเที่ยวทะเล ความผิดหวังจากความรัก เป็นสาเหตุสำคัญของความเครียดอันเป็นเรื่องยากที่ใครจะสามารถทำใจได้ในเวลาอันสั้น เหล่านี้อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ตอบได้ว่า ทำไมคนอกหักต้องไปเที่ยวทะเล 1. จุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ทะเลมักเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของคู่รัก มีคู่รักมากมายที่มีความทรงจำดี ๆ ในยามรักหวาน ออกเดินทางเที่ยวทะเลด้วยกัน เมื่อถึงปลายทาง การกลับมาทะเลอีกครั้งในสถานะโสด จึงเป็นการประกาศให้ตัวเองยอมรับแต่โดยดีว่า ไม่มีอีกฝ่ายแล้ว บางคนหักดิบด้วยการไปสถานที่เดิมเพื่อปลุกให้ตัวเองยอมรับความจริงและฟื้นตัวโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากที่ไม่สนใจเรื่องความทรงจำ แต่เลือกให้ทะเล เป็นสถานที่ตั้งต้นที่จะกลับมารักตัวเอง! 2. ให้ธรรมชาติเยียวยา มีผลวิจัยออกมายืนยันชัดเจนว่า บรรยากาศทะเลช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริง มีงานวิจัยด้านจิตวิทยาสิ่งแวดล้อมยืนยันผลชัดเจนว่า การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างทะเล ส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าไปยิมหรือเดินเที่ยวชมเมืองอย่างมาก หากไปทะเลในวันที่อากาศดี แสงแดดอุ่น คลื่นลมไม่แรง จะรู้สึกได้รับการฟื้นฟูมากกว่าคนไปทะเลในวันที่สภาพอากาศไม่ดีถึง 30% ซึ่งเมื่อร่างกายได้ผ่อนคลาย ฮอร์โมนแห่งความสุขเซโรโทนินจะถูกหลั่งออกมาทันทีที่ถึงชายหาด เมื่อประกอบกับภาพ วัมผัสแรงลมและเสียงของเกลียวคลื่นจะยิ่งส่งผลให้รู้สึกสงบมากขึ้น 3. สีฟ้าที่ส่งผลต่อจิตวิทยา ความผ่อนคลายจากลีลาของธรรมชาติช่วยพาให้เราลืมความทุกข์ ความเศร้าโศกจากการอกหักอาจสลายไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ยังมีจิตวิทยาด้าน “สี” ที่ช่วยเยียวยาหัวใจโดยไม่รู้ตัว สีฟ้าของท้องฟ้าและน้ำท้องทะเล เป็นสีที่ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสบายใจ การมองท้องทะเลสีฟ้าจึงช่วยเยียวยาจิตใจและบรรเทาความเจ็บปวดจากการอกหักได้อย่างดี เช่นเดียวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าหรือตกเย็น คือแสงของ “ความหวัง” ที่เราสัมผัสได้ใกล้ชิดมากขึ้นเมื่อไปทะเล 4. เปลี่ยนโฟกัสด้วยความเพลิดเพลิน หนึ่งในวิธีสลัดความทุกข์ที่ดีที่สุด คือ “การเปลี่ยนโฟกัส” ดึงความคิดออกจากการจมปลักในหลุมดำแห่งความเจ็บปวด ซึ่งทะเล คือผู้ช่วยชั้นดี ความเคลื่อนไหวของสายลมและเกลียวคลื่นที่ไม่หยุดนิ่ง กลายคุณหมอนักสะกดจิต ไม่มีกรอบเกณฑ์ให้คุณละเลยการเล่นน้ำทะเลใส ๆ ดำผุดดำว่ายชมปะการัง หรือแม้แต่แฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อนที่พร้อมสเเตนบายอยู่ข้างคุณ หรือแม้แต่การได้พบปะกับกลุ่มเพื่อนใหม่ ๆ เมื่อได้ทำกิจกรรมอื่น ๆ หัวใจบอบช้ำจึงฟื้นตัวได้เร็ว 5. กระตุ้นจิตสำนึกในการรักตัวเอง หลายคนหลงจมกับความคิดในช่วงเวลาอกหักว่า ตนรู้สึกไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ แต่ท้องฟ้าและผืนน้ำทะเลสวย ๆ ที่อยู่ตรงหน้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้ว่า “มันไม่จริง!” แค่ลองจับความรู้สึกลงตรงฝ่าเท้าที่กำลังสัมผัสผืนทรายนุ่ม ๆ แต่และก้าวที่สัมผัสเม็ดทรายนับล้าน...ความรู้สึกนั้นล่ะคือการตระหนักรู้ว่าคุณมีตัวตน คุณกำลังก้าวเดินด้วยตนเอง มีร่างกายเป็นของตนเอง และมีหัวใจเป็นของตนเอง แล้วเมื่อถึงเวลาหนึ่ง คุณจะลุกขึ้นมาถ่ายภาพตนเองกับบรรยากาศดีๆ ด้วยความรู้สึกใหม่...ความรู้สึกที่ทำให้คนที่เคยพ่ายแพ้จากความรักคนที่ไม่คู่ควร หันกลับมารักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1446799/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
15/02/2024
กรุงเทพฯ 15 กุมภาพันธ์ 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ รับรางวัล EASE 2.0 Awards 2023 จากกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยเอไอเอ ประเทศไทย กวาดรางวัลมาได้มากที่สุดถึง 8 รางวัล นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นรางวัลเกียรติยศซึ่งจัดการแข่งขันในกลุ่มบริษัทเอไอเอทั้งสิ้น 16 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยพิจารณาจากความสำเร็จของฝ่ายปฎิบัติการที่เน้นหลักการทำงาน 4 ประการ ได้แก่ การเข้าใจลูกค้า การทำงานแบบอัตโนมัติ การทำได้ง่าย และการมีส่วนร่วม สำหรับเอไอเอ ประเทศไทยในปีนี้ ได้แสดงผลงานด้านการบริการที่โดดเด่น โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งสามารถสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย ซึ่งรางวัลที่ได้รับในหมวดต่าง ๆ มีดังนี้ • 3 Clicks Award: พัฒนาระบบพิจารณารับประกันภัยอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าเดิมสามารถซื้อกรมธรรม์ใหม่ได้สะดวกรวดเร็วที่สุด • Call to Click Award: นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณสายที่ติดต่อเข้ามายังเจ้าหน้าที่ Call Center ลดลงสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา • Quick Pass Auto-UW Award: พัฒนาให้ระบบสามารถพิจารณารับประกันภัยแบบอัตโนมัติได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยมีอัตราการพิจารณางานแบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นสูงสุด • Straight-to-ToP Buy Award: เพิ่มความสามารถในการพิจารณารับประกันภัยแบบอัตโนมัติทั้งกระบวนการ โดยมีอัตราการพิจารณาอนุมัติกรมธรรม์แบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นสูงสุด • Straight-to-ToP Overall Award: พัฒนาระบบและปรับปรุงกระบวนการบริหารกรมธรรม์ตั้งแต่การรับประกันภัย การบริการ จนถึงกระบวนการจ่ายสินไหม โดยมีอัตราการดำเนินงานแบบอัตโนมัติ (Straight Through Processing) เพิ่มขึ้นสูงสุด และเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มบริษัท เอไอเอ • Persistency Pioneers Award: คิดค้นและพัฒนากระบวนการเพื่อเพิ่มอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ได้สูงที่สุด • Mountain Mover Award - Best Business Unit: ประเทศที่ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานอย่างโดดเด่นที่สุด และได้รับรางวัลในหลายมาตรวัดมากที่สุดของกลุ่มบริษัทเอไอเอ นอกจากนี้ นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Best Chief Life Officer Award ซึ่งแสดงถึงความยอดเยี่ยมในฐานะผู้นำฝ่ายปฎิบัติการของเอไอเอ ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล เปิดรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พร้อมกับไม่หยุดนิ่งที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการดำเนินงานให้สอดรับกับสังคม สิ่งแวดล้อม และความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เพื่อมุ่งสนับสนุนให้สังคมและคนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติ ภาวะเศรษฐกิจไทยมีหลายเรื่องให้หวั่นใจ ตั้งแต่ต้นปีกันเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประกาศหั่นตัวเลข GDP ปี 2566 ลงเหลือโตแค่ 1.8% และคาดการณ์ปี 2567 ว่าจะโต 2.8% ต่อมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ขยายตัวชะลอลงกว่าคาด จากการส่งออกสินค้าและการผลิตที่ฟื้นตัวช้าตามภาวะการค้าโลกและสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง การเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำให้รายรับต่อคนน้อยกว่าในอดีต และการลงทุนภาครัฐที่ลดลงในช่วงที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้า ซึ่งแรงส่งทางเศรษฐกิจที่ลดลงในช่วงปลายปี 2566 ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ธปท.ยังคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.5-3% ได้ ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี แม้ว่าจะเริ่มเสียงแตก มีกรรมการ 2 ท่านเห็นว่า ควรลดดอกเบี้ยลง 0.25% ก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องดอกเบี้ย ฟังหลาย ๆ ท่านสะท้อน ก็มีหลากหลายมุมมอง อย่างมุมมองของหน่วยงานคุมนโยบาย ก็ทราบกันดีว่า มุ่งรักษาเสถียรภาพเป็นสำคัญ ล่าสุด เพิ่งได้ฟัง “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) สะท้อนตัวเลขหนี้ของคนไทยให้ฟัง ก็ยิ่งตกใจ “คุณสุรพล” บอกว่า หนี้ครัวเรือนที่ปัจจุบัน (ณ สิ้นไตรมาส 3/2566) อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 91% ของ GDP ในจำนวนดังกล่าว เป็นหนี้ที่เก็บข้อมูลอยู่ในฐานข้อมูลของ “เครดิตบูโร” ราว 13.6 ล้านล้านบาท สิ่งที่น่ากังวล เรื่องแรกจากที่ฟังก็คือ “หนี้” ดังกล่าวโต 3.7% ต่อปี ในขณะที่ GDP โตอยู่แค่ไม่เกิน 2% ซึ่ง สศค.ประเมินว่า ปีที่ผ่านมา GDP จะโตแค่ 1.8% ดังนั้นการจะทำให้หนี้ลดลง ไม่ง่ายแน่นอน เพราะหนี้จะลดลง GDP ต้องโตกว่าหนี้ ความน่ากังวลต่อมาก็คือ “หนี้เสีย” หรือหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท ยังคงเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า ในจำนวนดังกล่าวเป็นหนี้เสีย “สินเชื่อรถยนต์” กว่า 2.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เป็นหนี้เสีย “สินเชื่อส่วนบุคคล” กว่า 2.6 แสนล้านบาท ด้าน “สินเชื่อบ้าน” ปัจจุบันเป็นหนี้เสียกว่า 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% แต่ที่ต้องจับตาก็คือ หนี้กำลังจะเสีย หรือต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ที่มีการค้างชำระแล้ว แต่ยังไม่เกิน 90 วัน ซึ่งสินเชื่อบ้านมีการค้างชำระเพิ่มขึ้นถึง 31% เลยทีเดียว แปลว่าคนเริ่มมีปัญหาผ่อนบ้านกันมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ หลายท่านเห็นสอดคล้องกันว่า หากลดดอกเบี้ย น่าจะช่วยสกัดปัญหาหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นได้ อย่าง “คุณวิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. มีการนำร่องปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้รายย่อยไป โดยลดดอกเบี้ย MRR (Minimum Retail Rate) จากเดิม 6.995% เหลือ 6.845% ต่ำสุดในระบบธนาคาร “คุณวิทัย” บอกว่า “ถ้าลดดอกเบี้ย จะช่วยตัดเงินต้นเพิ่มขึ้นทันที หนี้ครัวเรือนก็จะลดลง คนก็จะลืมตาอ้าปากได้” ต้องบอกว่า เรื่องนี้ขึ้นกับมุมมองจริง ๆ ว่ามองผ่าน “แว่น” ของใคร ส่วนการตัดสินใจจะถูก หรือผิดนั้น คงต้องติดตามจากผลกระทบที่จะตามมา แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1498529
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
07/11/2024
22/11/2024
27/05/2024
15/05/2024
05/03/2024