คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

ทำไมต้องปรับพนักพิงบนเครื่องบินให้ตั้งตรงระหว่างการขึ้นลง

29/04/2024

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมลูกเรือบนเครื่องบินถึงขอให้เราปรับพนักเก้าอี้ให้ตั้งตรงทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้นลง จริงๆ แล้วมีเหตุผลหลักๆ ด้านความปลอดภัยอยู่ 3 ประการ ดังนี้1. เพื่อความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น เครื่องบินตกหรือเบรกกระทันหัน การปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ คอ และกระดูกสันหลัง ท่าทางการนั่งตัวตรงช่วยกระจายแรงกระแทกไปทั่วร่างกาย แทนที่จะรับแรงทั้งหมดที่ศีรษะและคอ เมื่อพนักเก้าอี้ตั้งตรง เก้าอี้จะถูกล็อคอยู่กับที่ สามารถรับแรงกระแทกได้มั่นคงที่สุด หากเกิดเหตุฉุกเฉินและมีแรงกระแทก จู่ๆ เก้าอี้ที่เอนอาจดีดตัวไปข้างหน้า ทำให้ผู้โดยสารกระเด็นไปด้วย ในทางกลับกัน ขณะเครื่องบินเร่งความเร็ว เก้าอี้ที่เอนอาจกระแทกไปข้างหลัง ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังได้รับอันตรายถึงเข่าได้"2. เพื่อการอพยพฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและจำเป็นต้องอพยพผู้โดยสาร การปรับเบาะตั้งตรงยังช่วยให้ทางเดินโล่งสะดวกที่สุด ซึ่งสำคัญมากในการอพยพฉุกเฉิน นั่นเป็นเหตุผลที่เบาะรอบทางออกฉุกเฉินมักจะเอนได้น้อยหรือเอนไม่ได้เลย เพราะในกรณีฉุกเฉิน ผู้โดยสารอาจลืมหรือไม่สามารถปรับเบาะกลับมาตั้งได้ทัน ถ้าเบาะเอนอยู่ มันอาจทำให้คนที่นั่งด้านหลังออกจากเครื่องช้าลงในกรณีฉุกเฉิน3. เพื่อความปลอดภัยของลูกเรือลูกเรือจำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปมาในห้องโดยสารเพื่อดูแลผู้โดยสารและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงช่วยให้ลูกเรือมีพื้นที่ทำงานมากขึ้น และสามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกการปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงในระหว่างการขึ้นลงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ ถึงแม้ว่าอาจจะรู้สึกไม่สบายสบาย แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกเรือจะช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากการปรับเบาะให้ตั้งตรงระหว่างขึ้น-ลงแล้ว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังแนะนำให้เก็บโต๊ะอาหาร ปิดล็อค เก็บสัมภาระใต้เบาะหน้าหรือช่องเก็บของด้านบน รวมถึงเก็บจอภาพบันเทิงภายในเครื่อง (แบบดึงออกจากที่วางแขนหรือติดกับเบาะแถวฉุกเฉิน) เหตุผลสำคัญก็เพื่อความปลอดภัยอีกเช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446763/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

แบงก์ปิดสาขาทั่วประเทศ 196 แห่ง ลดต้นทุน-ลุยดิจิทัลเต็มสูบ

29/04/2024

แบงก์เดินหน้าลดสาขา-จุดให้บริการต่อเนื่องในปี 2567 หวังบริหารจัดการต้นทุน-ลุยช่องทางโมบายแบงกิ้งเต็มสูบ เปิดข้อมูลปี’66 ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม ทั้งระบบกว่า 1.24 แสนคน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้สัญญาณแบงก์ลดสาขาต่อแต่ไม่รุนแรง ตอบโจทย์ลดต้นทุน-พฤติกรรมเปลี่ยน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯปิดมากสุด “ทีทีบี” ปรับรูปแบบ-ไซซ์เล็กลง จ่อเพิ่มในพื้นที่ EEC หลังปริมาณธุรกรรมพุ่ง “CIMBT” ส่อง 3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา “ลดต้นทุน-เทรนด์ดิจิทัลโต-โรดแมป ธปท.” ปี’66 ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานสรุปจำนวนสาขาและจุดให้บริการของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ณ เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,489 แห่ง ลดลง 196 แห่ง จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีจำนวน 5,685 แห่ง โดยกลุ่ม 6 ธนาคารใหญ่ ณ สิ้นปี 2566 พบว่า ธนาคารกรุงไทย มีสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดจำนวน 966 แห่ง มีการปรับลดลง 29 แห่ง จากปีก่อนหน้า, ตามมาด้วยธนาคารกรุงเทพ มีจำนวน 882 แห่ง ปรับลดลง 9 แห่ง, ธนาคารกสิกรไทย มีจำนวน 814 แห่ง ปรับลดลงไป 16 แห่ง, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 729 แห่ง ปี 2566 ที่ผ่านมามีการปรับลดสาขาและจุดให้บริการ 72 แห่ง อันดับ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 604 แห่ง ปรับลดลง 28 สาขา และธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี มีจำนวน 532 แห่ง ปรับลดลง 37 แห่ง อย่างไรก็ดี ในส่วนของธนาคารไทยเครดิต ที่เป็นธนาคารน้องใหม่ เป็นแห่งเดียวที่มีสาขาและจุดให้บริการเพิ่มขึ้น โดย ณ เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 525 แห่ง เพิ่มขึ้น 3 แห่ง จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอยู่ 523 แห่ง ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม สำหรับข้อมูลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ของไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 39,843 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 39,536 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3/2565 ที่อยู่ 39,671 ล้านบาท ขณะที่จำนวนพนักงาน ณ ไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 124,271 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 124,033 คน แต่ลดลงจากไตรมาสที่ 3/2565 อยู่ที่ 125,242 คน ลดสาขาตอบโจทย์ลดต้นทุน นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสาขาธนาคารพาณิชย์ในระบบของปี 2567 มองว่า นโยบายยังคงทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและความคุ้นชินในการทำธุรกรรม Digital Payment อย่างไรก็ดี อัตราการลดลงของสาขาจะชะลอลงเมื่อเทียบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารได้ปิดและปรับรูปแบบไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากแล้ว ภาพการปรับลดลงจะเห็นทั้งในส่วนของสาขาและจุดให้บริการ จากเดิมจะเห็นการลดเฉพาะสาขา และเพิ่มจุดให้บริการแทน ทั้งนี้ เป็นการลดลงในทุกภาคของประเทศ แต่จุดที่มีการปรับสาขาลงเยอะสุด คือ กรุงเทพฯ สอดคล้องกับพฤติกรรมและปริมาณการทำธุรกรรมในการใช้บริการด้านออนไลน์มากขึ้น โจทย์เรื่องสาขาของธนาคารยังเป็นภาพเดิมของการบริหารต้นทุน ซึ่งแนวโน้มอาจเห็นการพิจารณายุบสาขาในห้างมากขึ้น เนื่องจาก 1 ธนาคาร อาจจะไม่ได้มีอยู่ในทุกห้างสรรพสินค้า หากพื้นที่อยู่บริเวณใกล้กัน โดยรูปแบบอาจมีการปิดสาขา ควบรวม หรือย้ายพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนให้คนใช้ช่องทางบริการอื่น เช่น โมบายแบงกิ้ง และทำให้ช่องทางการขายที่มีอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้น “ภายใต้แนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เรื่อง Open Data คือการเปิดให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าระหว่างธนาคารได้ ซึ่งจะทำให้บริบทของสาขาและจุดให้บริการของธนาคารแตกต่างไปจากเดิม ทำให้การทำธุรกรรมง่ายขึ้น ทำให้ความจำเป็นของสาขาและจุดให้บริการจะลดลง จะเหลือแต่สาขาที่ไว้ทำธุรกรรมซับซ้อน และที่เหลือจะถูกโอนไปบนแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้ง” ttb ปรับรูปแบบ-ลดไซซ์ ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางสาขาของธนาคารยังคงปรับลดลง แต่อัตราการปรับลดลงคงไม่ได้เร่งมากเมื่อเทียบกับในอดีต เพราะมีการปรับลดลงไปพอสมควรแล้ว ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณธุรกรรมสาขามีน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ หรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน อาจจะใช้วิธีการควบรวมสาขา หรือย้ายไปในพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน เป็นต้น ขณะดียวกันรูปแบบสาขาอาจจะเห็นการปรับเปลี่ยนไป โดยมีการปรับลดขนาดพื้นที่สาขาให้เล็กลง ลดจำนวนพนักงานเฉลี่ยต่อสาขาลง เนื่องจากไม่เน้นพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยจะปรับการทำธุรกรรมที่ไม่ซับซ้อนประมาณ 90% โยกไปอยู่บนโมบายแอปพลิเคชั่น “ttb touch” หรือออนไลน์ทั้งหมด รวมถึงเรื่องการขอ Statement เพื่อทำวีซ่า แม้กระทั่งการขอหนังสือค้ำประกัน (L/G) หรือการนำเช็คเข้าบัญชี เป็นต้น เพิ่มสาขาพื้นที่ EEC ธุรกรรมพุ่ง อย่างไรก็ดี นายฐากรกล่าวว่า ธนาคารยังมีแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง พบมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างดี เห็นสัญญาณของปริมาณธุรกรรมการเงินที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องตามการเติบโตของสังคมเมือง จึงอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่และการเปิดสาขาเพิ่มเติม เพราะเป็นโอกาสขยายธุรกิจของธนาคาร คาดว่าภายใน 6 เดือนน่าจะสามารถสรุปได้ อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2567 ทีทีบีจะมีการปรับลดสาขาลงราว 10 แห่ง “สาขาคงปรับลดลงอีก แต่อัตราลดลงคงไม่เยอะ เพราะถือว่าช่วงก่อนหน้านี้ก็ปรับลดลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งปีนี้เราคาดว่าจะลดลงอีก 10 แห่ง แต่ก็มีเปิดเพิ่มด้วย ซึ่งเรากำลังศึกษาในพื้นที่ EEC เราเห็นธุรกรรมเยอะขึ้น ซึ่งสาขาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ เพราะมีการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้ บ้านและชุมชน จึงเป็นโอกาสที่จะเปิดสาขารองรับ” กรุงศรีฯสาขาเริ่ม “จุดสมดุล” นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลดสาขาในปี 2567 ทิศทางน่าจะเห็นการปิดสาขาเริ่มลดลงและเข้าจุดสมดุลมากขึ้น เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธนาคารปรับลดจำนวนสาขากันเยอะพอสมควรแล้ว รวมถึงมีการปรับรูปแบบสาขาให้สอดคล้องตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น สาขา Smart Branch ที่เน้นเครื่องอัตโนมัติ และสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการทำธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายแบงกิ้ง ทำให้เทรนด์การปิดสาขาเริ่มชะลอลง 3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์และธนาคารดิจิทัล และรักษาการผู้บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสาขาของธนาคารยังคงเห็นการลดลงต่อเนื่อง แต่จะเห็นการปรับลดลงจำนวนไม่มากเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีการปรับลดทั้งสาขา และเครื่องเอทีเอ็มลงค่อนข้างมาก โดยมาจาก 2-3 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ 1.ธนาคารต้องการบริหารจัดการต้นทุน เนื่องจากสาขามีต้นทุนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่องทางบริการอื่น ๆ เช่น ดิจิทัล เนื่องจากสาขามีต้นทุนทั้งในส่วนของคน ค่าเช่าพื้นที่ ทำให้ธนาคารลดจำนวนสาขาลง โดยเฉพาะในส่วนของสาขา Stand Alone ที่มีปริมาณธุรกรรมน้อยลง ไม่คุ้มกับต้นทุนบริหารจัดการ อาจจะมีการควบรวมในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงหันไปเปิดบนศูนย์การค้ามากขึ้น 2.ทิศทางดิจิทัล ปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่มีระบบยืนยันตัวตน (e-KYC) และสามารถเปิดบัญชีออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องไปสาขา หรือการทำธุรกรรมพื้นฐานผ่านแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้งได้เช่นกัน ทำให้ความจำเป็นของสาขาธนาคารลดลงตามพฤติกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และ 3.สอดคล้องกับแผนการผลักดันของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องของภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการใช้ Digital Payment เป็น 2.5 เท่าภายใน 3 ปี และลดการใช้เงินสดด้วยอัตราเร่งเป็น 2 เท่า ภายใน 3 ปี (2565-2567) จะเห็นว่า ธปท.พยายามผลักดันเรื่องการชำระเงินระหว่างประเทศ (QR Cross Border) หลังจากพร้อมเพย์ในประเทศประสบความสำเร็จ รวมถึงแผนการอนุมัติจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) เพื่อให้เจาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Under Bank) และยังมีอีกหลายแผน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนคนไทยใช้ดิจิทัลมากขึ้น “จาก 3-4 ปัจจัยเป็นเหตุผลที่ทำให้สาขาธนาคารลดลง เพราะแบงก์ต้องการลดต้นทุนเรื่องสาขา พฤติกรรมและเทรนด์ดิจิทัล และโรดแมปของ ธปท. ดังนั้นภาพเรายังคงเห็นสาขาและตู้เอทีเอ็มลดลงอยู่ ซึ่งโดยปกติทั้งระบบจะลดลงเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่ภาพการลดลงคงไม่ได้ลดรุนแรงเหมือนในอดีต” แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1496196

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

รวมเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ปลอดภัยสบายกระเป๋า

29/04/2024

ถึงแม้ว่าคุณจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเลย เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่เกิดขึ้นจากตัวเราเองก็เกิดขึ้นกับผู้ขับรถคันอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้คนเลือกจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีความคุ้มครองมากที่สุด ซึ่งการเคลมประกันบ่อย ๆ จะส่งผลทำให้ประวัติเสียและเบี้ยแพงขึ้นหรือไม่ หาคำตอบได้ในบทความนี้ปัจจัยที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นโดยหน้าที่หลักของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ คือการกระจายความเสี่ยง ซึ่งการเคลมประกันรถยนต์จะสามารถตอบความเสี่ยงที่กล่าวไปได้เป็นอย่างดี แต่บริษัทประกันภัยก็ต่างมีเหตุผลในการเพิ่มค่าเบี้ยประกันรถยนต์ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทประกันรถยนต์เพิ่มค่าเบี้ยประกัน ได้แก่   •  ประวัติการขับขี่ไม่ดี การขับรถไม่ดี เป็นฝ่ายผิดอยู่ทุกครั้งเมื่อมีการเคลมประกันรถยนต์    •  เคลมบ่อยเกินขีดจำกัดของวงเงิน การเคลมบ่อยจนทำให้เกินขีดจำกัดของวงเงินสูงสุดที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อไม่ให้ขาดทุน บริษัทมักจะเพิ่มค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์หลายคนอาจเกิดความกังวลว่าในระหว่างที่ใช้รถอยู่ก็กลัวที่จะโดนเก็บค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น หรือจะโดนยกเลิกกรมธรรม์กลางคันตอนไหน และที่หนักไปกว่านั้นคือการติดแบล็กลิสต์จากบริษัทประกันภัย ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้สร้างประวัติการขับขี่ที่ดีถ้าประวัติการขับขี่รถของคุณไม่ดี รถชนบ่อย เคลมบ่อย  ก็จะยิ่งทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าไม่อยากให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น การขับขี่ด้วยความระมัดระวัง สร้างประวัติการขับขี่ที่ดี พยายามเคลมให้น้อยที่สุด เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันการขับขี่ที่ดีในครั้งถัดไปเปลี่ยนแผนประกันที่เหมาะกับการขับขี่ถ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าคุณเป็นคนที่ไม่ระมัดระวังสักเท่าไรในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง การเปลี่ยนแผนประกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกับคุณ โดยอาจเปลี่ยนจากประเภทกรมธรรม์ที่ใช้อยู่ให้จ่ายค่าเบี้ยประกันถูกลง เช่น เปลี่ยนจากประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นต้นศึกษาเงื่อนไขการลดค่าเบี้ยให้ดีสำหรับวิธีลดค่าเบี้ยประกันประกอบไปด้วยหลากหลายวิธีด้วยกัน แต่วิธีที่อยากแนะนำคือการติดกล้องรถยนต์ เพราะจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันไปได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ ซึ่งมาตรการนี้หากบริษัทประกันภัยไม่ยอมลดค่าเบี้ยให้จะมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาทสรุปเทคนิคการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์สำหรับเทคนิคการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถึงแม้ว่าจะมีหลายวิธีด้วยกันที่จะช่วยลดค่าเบี้ยให้คุณได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการขับรถด้วยความระมัดระวังและไม่ประมาท เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียได้เป็นอย่างดีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/510437

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“ณ สัทธา อุทยานไทย” อลังการ งานไฟใกล้กรุงฯ ในสวนป่าเนรมิต

29/04/2024

ณ สัทธา อุทยานไทย จ.ราชบุรี ชวนชมงานแสดงไฟใกล้กรุงฯ “Nasatta Light Festival Winter Illumination” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ 28 เม.ย. 67 ภายในงานตื่นตาตื่นใจไปกับไฟประดับในบรรยากาศสวนป่าเนรมิตอันอลังการ“ณ สัทธา อุทยานไทย” ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี" และพันธมิตร จัดงานแสดงไฟประจำปี "Nasatta “Light Festival Winter Illumination 2024” ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 – 28 เมษายน 2567Nasatta Light Festival Winter Illumination 2024 เป็นงานแสดงไฟประจำปีครั้งที่ 6 ภายในงานตื่นตื่นใจไปกับการประดับตกแต่งไฟในบรรยากาศสวนป่าเนรมิตหลากสีสันผสานความเป็นไทย ที่สร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคการออกแบบแสงไฟ ผสมผสานกับศิลปสถาปัตยกรรมไทย โดยทีมงานไลท์ติ้งดีไซน์เนอร์, วิศวกร, โปรแกรมเมอร์, สถาปนิกและศิลปินมืออาชีพที่รังสรรค์งานแสดงไฟแต่ละจุดให้ดูสวยงามตระการตา และมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกภายในงานมีการแบ่งเป็น 20 โซน รวมถึงมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ มากมาย เริ่มจากโซนแรก (ยุคทอง) ที่เมื่อเดินเข้ามา จะพบกับพระบรมรูปสามกษัตริย์ จากนั้นเดินเข้ามาในส่วนข้างในนี้ก็จะเป็นโซน Season Change ที่จะมีประดับไฟ ทั้งต้นไม้และสีของไฟด้านล่างก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆถัดไปเป็นโซน Milky Way หรือสีสันแห่งดอกไม้ แล้วต่อด้วยโซน “จิตวิญญาณแห่งสยาม” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีคลื่นศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณแห่งสยามอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงานที่คนนิยมมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ก็ยังมีโซนต่าง ๆ ให้ถ่ายรูปกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แสงเกสร, ถ้ำเวทมนต์และต้นไม้เรืองแสง, ลานแสงแห่งความสุข, ระบำแสงไฟ, ภูติแห่งป่า และภูติแห่งแสง เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและเลือกจุดถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบ รวมถึงมีโซนให้เล่นกิจกรรมกรรมและซื้อหากินภายในงานอีกมากมายณ สัทธา อุทยานไทย อ.บางแพ จ.ราชบุรี เปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 18:00-22:00 น. โดยมีค่าบริการดังนี้-ราคาบัตรทั้งวัน : ผู้ใหญ่ 350 เด็ก 250 (9:00 -22:00 น.), ราคาบัตรงานไฟ : ผู้ใหญ่ 300 เด็ก 200 (18:00-22:00 น.)-บริการเช่าชุดไทยราคาเริ่มต้นที่ 400 บ. สามารถมาเลือกเช่าได้ที่หน้างาน รวมถึงมีบริการช่างภาพ ในราคา 1,605บ. สามารถถ่ายได้ 1-4 คน/1 ชม. โดยถ่ายได้ไม่จำกัดภาพผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.032 383 333, 081 527 2782 หรือที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ณ สัทธา อุทยานไทย06แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000011421

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ส่อง 8 พิกัด ที่เที่ยวเทศกาลตรุษจีน จัดยิ่งใหญ่รับปีมังกร

29/04/2024

ส่องพิกัด ที่เที่ยวตรุษจีน 2567 วางแผนต้อนรับวันเที่ยวในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันนี้ได้คัดสรรที่จัดงานมาชวนทุกคนออกไปท่องเที่ยว กับ 8 สถานที่ ทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดอื่น ๆ จะมีที่ไหน จัดงานอะไรบ้าง หลังจากอ่านข้อมูลแล้ว เตรียมวางแผนและออกเดินทางกันได้เลยถนนเยาวราช กรุงเทพฯถนนเยาวราช กำหนดจัดงานเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันนี้ - 29 กุมภาพันธ์ 2567 ภายในงานมีกิจกรรมและการแสดงต่าง ๆ ได้แก่ พิธีกล่าวสารอวยพรระหว่างตัวแทนจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องในเทศกาลตรุษจีน พร้อมแลกเปลี่ยนของที่ระลึก และการแสดงชุดพิเศษจากฉวนโจว และเขตการปกครองตนเองซีจ้าง รวมถึงศิลปินชาวไทยเชื้อสายจีน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567และ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จเป็นองค์ประธานงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช และทอดพระเนตรการแสดงพิเศษของนักแสดงไทยและจากสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ททท. ยังได้สร้างอุโมงค์มังกรทองที่ประดับและตกแต่งไฟฟ้าอย่างสวยงาม ภายใต้แนวคิด “เฉลิมฉลอง ปีทองแห่งความรุ่งเรือง” บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเยาวราช วันนี้ 1-29 กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมจัดการแสดง Projection Mapping ภายใต้เรื่องราวแห่งความเชื่อ ความศรัทธา ของคนไทยเชื้อสายจีน ชื่อชุดการแสดง “เทพเจ้าราชันย์มังกร” บริเวณถนนเยาวราช วันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2567และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักแสดงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนจัดทำบูธในงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช นำเสนอศาสตร์พยากรณ์หลากหลายรูปแบบ อาทิ อักษรมงคลพยากรณ์ ศาสตร์โหงวเฮ้ง เป็นต้น รวมถึงจัดกิจกรรมเสริมมงคลชีวิตรับปีมังกรทอง กับ 5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นำโดยซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ซินแสชื่อดัง ของเมืองไทย วันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2567ภาพ : ททท.สำนักงานนครสวรรค์-พิจิตรนครสวรรค์พบกับงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปของจังหวัดนครสวรรค์ “เทศกาลตรุษจีน หรืองานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ” งานประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ปีนี้เป็นที่ 108 ภายใต้แนวคิด “108 ปี มหัศจรรย์สีสันแห่งศรัทธา” วันนี้ - 14 กุมภาพันธ์ 2567 บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และบริเวณถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์พลาดไม่ได้กับการจัดอุโมงค์มังกรปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย มังกรน้ำเต้าเรียกทรัพย์ รอต้อนรับอยู่บริเวณหอนาฬิกา ด้วยความยาวตัวมังกร คือ 108 เมตร และส่วนหัว มีความสูงถึง 8 เมตร การแสดงมังกรทองประกอบเลเซอร์ ในโอกาสครบรอบ 60 ปี มังกรทอง และ มีขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งกลางวันและกลางคืน การแสดงขบวนนางฟ้าจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การแสดงสิงโต 5 ชาติพันธุ์ 5 คณะ สิงโตปักกิ่ง สิงโตกว๋องสิว สิงโตไหหนำ สิงโตฮกเกี๊ยน สิงโตฮากกา ดนตรีจีนล่อโก้ว รำถ้วยไหหนำ เอ็งกอ - พะบู๊ องค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม และลูกศิษย์ กิมท้ง - เง็กนึ่ง และอื่น ๆ อีกมากมายภาพ : ททท.สำนักงานนครสวรรค์-พิจิตรสำหรับไฮไลต์ของประเพณีแห่เจ้าพ่อ - เจ้าแม่ปากน้ำโพ ฉลองเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ ในคอนเซปงาน "108 ปี มหัศจรรย์สีสันแห่งศรัทธา" ได้แก่ ที่สุดของความเฮง ปัง ดัง โป๊ะ กับลานบุญสีสันแห่งศรัทธา ขนาดที่กว่า 1,000 ตรม. พร้อมเสริมดวงเฮง ๆ ปัง ๆ รับปีมังกรทอง, ที่สุดของขบวน ประเพณีแห่เจ้าพ่อ - เจ้าแม่ปากน้ำโพทั้ง ขบวนแห่กลางคืน และ ขบวนแห่กลางวันที่ยาวที่สุดในประเทศภาพ : เพจศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานีอุดรธานีททท.สำนักงานอุดรธานี ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองปีมังกรทอง กับ 4 พิกัด เฉลิมฉลอง “มหัศจรรย์ปีมังกรทอง 2567” @อุดรธานี สุดยิ่งใหญ่ Amazing Year of Dragon Udon Thani 2024 ตั้งแต่ 5 - 12 ก.พ. 67 ได้ทั้งกินอาหารมงคล อยู่ดีมีสุขเที่ยวงานเฉลิมฉลอง และกิจกรรมดี ๆ ตลอดทั้งเดือน ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมมงคงรับปีมังกรทองภาพ : เพจศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานีภาพ : เพจศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานีโดยสถานที่การจัดงานทั้ง 4 แห่งได้แก่ วันที่ 5-9 ก.พ. 67 งานเทศกาลตรุษจีน’ 67 ณ ศาลเจ้าปู่ย่า อุดรธานี, วันที่ 10-12 ก.พ. 67 เทศกาลตรุษจีน ถนนอาหารอุดรธานี 2567 ณ บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา อุดรธานี, วันที่ 10-11 ก.พ. 67 Best of Luck Year of Dragon ณ ศูนย์การค้า UD Town, วันที่ 6-11 ก.พ. 67 The Great Chinese New Year 2024 ศูนย์การค้า Central Udonภาพ : ททท. สำนักงานสุพรรณบุรีสุพรรณบุรีงานมหัศจรรย์ 16 ปี มังกรสวรรค์ ประจำปี 2567 วันที่ 10 - 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี โดยกิจกรรมภายในงาน ได้แก่ สักการะเจ้าพ่อหลักเมือง, จำหน่ายสินค้าและอาหารในราคาประหยัด, การแสดงชุด ลูกหลานพันธุ์มังกร ประกอบด้วย สิงโตวูซู กลองศึก มังกร 9 เซียน กังฟู เอ็งกอบู๊ กวนอิมพันมือ งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก การแสดงจากศิลปินชื่อดังททท. สำนักงานหาดใหญ่หาดใหญ่ สงขลาพบกับเทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่สุดยิ่งใหญ่อลังการรับปีมังกรทอง วันที่ 9 - 13 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงเรียนศรีนครมูลนิธิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เตรียมพบกับกิจกรรมที่จะมามอบความปังต้อนรับปีมังกรทอง ได้แก่ สักการะขอพรพระโพธิสัตว์กวนอิม, มังกรทองพ่นไฟ สิงโตเล่นจานดอกเหมย, ประติมากรรมหุ่นโคมไฟ, โชว์คาบาเร่ต์สุดอลังการ, การประกวด Miss Chinese Hatyai 2024 และลุ้นรางวัลจากกิจกรรมไข่มังกรนำโชคภาพ : ททท.สำนักงานลำปางลำปางเทศบาลนครลำปาง ชวนเที่ยวเทศกาลตรุษจีนในงาน "มังกรทองนครลำปาง"Chinatown@Lampang 2024 ระหว่างวันที่ 10 - 11 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณถนนประสานไมตรี อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยมีการจัดกิจกรรมทั้ง 2 วัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป พบกับ 2 กิจกรรมรับโชคภายในงาน ณ บูธ ททท.มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ ถ่ายภาพเช็คอินสีสันโคมจีนมังกรทองนครลำปาง Chinatown@Lampang, ชมนิทรรศการองค์ความรู้ศิลปวัฒนธรรมจีน, กิจกรรม DIY สไตล์จีน, การจำหน่ายสินค้าและอาหารสไตล์วัฒนธรรมจีนวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 มีกิจกรรม ได้แก่ พิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2567, การประกวดหนูน้อย Chinese Nakhon Lampang 2024, การแสดงดนตรีจีน จากโรงเรียนประชาวิทย์ลำปาง, การแสดงจากโรงเรียนมัธยมวิทยา, การแสดง “งิ้วเปลี่ยนชุด”วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 มีกิจกรรม ดังนี้ การแสดงชุด “มังกรทองนครลำปาง Chinatown@Lampang” และการแสดงต้อนรับตรุษจีนอีกมากมายภาพ : เพจตรุษจีน เล่งเกียฉู่ สืบสานตำนานมังกร 2567สมุทรสาครตรุษจีน “เล่ง เกีย ฉู่” สืบสานตำนานมังกร 2567 ขอเชิญชวนทุกท่านลงทะเบียนเข้าร่วมทริปท่องเที่ยวนั่งรถรางยลวิถีชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ชมถนนหวาย ถ่ายภาพ Street Art ไหว้เจ้าขอพรรับปีมังกรทอง และกิจกรรมอีกมากมายตลอดเส้นทาง "ย่านชุมชนเก่าตำบลท่าฉลอม" และเข้าร่วมงานตรุษจีน “เล่ง เกีย ฉู่” สืบสานตำนานมังกร 2567 จังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 7 – 11 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครภายในงานพบกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง, ร้านค้าและกิจกรรมสาธิตมากถึง 50 ร้านค้า, การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย-จีน แสง สี - เสียง พลุไฟตระการตา, การประกวดเชิดสิงโต, นิศรรศการ Intractive, กิจกรรมทำนายอนาคต เสริมสิริมงคล ไหว้ขอพนเทพเจ้าไช้ซิ่งเอี๊ยะ รับปีมังกรทอง, ช้อปจุใจกับกิจกรรมช้อปลุ้นโชค และกิจกรรมสอยดาวต้นไม้มงคลภาพ : ททท.สำนักงานราชบุรีราชบุรีเทศกาลตรุษจีน “ราชบุรี” ดินแดนมังกร ร่ำรวย เสริมบารมี ปีมังกรทอง วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 16.00 – 22.00 น. ณ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา-ตลาดโคยกี่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ภายในงานจะพบกับความสวยงามอลังการตระการตากับนำเสนอเอกลักษณ์ของเมืองมังกร ในการจำลองบรรยากาศแบบจีนของปีมังกรทอง อุโมงค์มังกร ที่ชาวจีนเชื่อกันว่ามังกรจะนำมาซึ่งอายุยืนยาว ความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภวาสนา และการเดินผ่านลอดท้องมังกรนั่นเชื่อว่าจะเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ที่จะให้โชคลาภตลอดทั้งปี อุโมงค์โคมจีน สัญลักษณ์มงคล ที่ช่วยเสริมสิริมงคลให้แสงสว่างแก่มนุษย์ ประติมากรรมกับจุดถ่ายรูปต่างๆ เช่น จุดถ่ายรูปมังกรทอง, โคมไฟ 8 เซียน, โคมไฟกิเลน และการตกแต่งประดับไฟทั่วบริเวณงานและพบกับ “การแสดงฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง”แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000010279

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

วงการคริปโต เฮ! คลัง ไฟเขียว ยกเว้น VAT ซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล ดันไทยสู่ฮับ

07/02/2024

วงการคริปโต เฮ! “เผ่าภูมิ” เผย ก.คลัง ประกาศยกเว้น VAT ซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมดันไทยสู่ Digital Asset Hub มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องการยกระดับการระดมทุนของประเทศผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล คู่ขนานกับเครื่องมือระดมทุนเดิม เดินหน้าพัฒนาและสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อส่งเสริมการระดมทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) ของภูมิภาค โดยกระทรวงการคลังออกมาตรการใหม่ ดังนี้ 1. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการโอน (ขาย) สินทรัพย์ดิจิทัล คือ คริปโตเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility token) ที่ซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไปแบบไม่กำหนดเวลาสิ้นสุด รวมถึงโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment token) ให้ได้รับยกเว้น VAT ตามเดิม 2. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ซื้อขายผ่านทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker) และ ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จากเดิมที่ได้ยกเว้นเฉพาะ Exchange และ 3. กระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.ล.ต. กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการกำหนดให้โทเคนดิจิทัลบางลักษณะเป็นหลักทรัพย์ “ท่านนายกฯ ได้กำหนดแนวทางในภาพใหญ่ว่า รัฐบาลนี้สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และการระดมทุนของประเทศ โดยต้องคำนึงเสถียรภาพของระบบการเงิน แต่ต้องไม่สูญเสียศักยภาพการพัฒนา” นายเผ่าภูมิ กล่าว แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับข่าวสดออนไลน์https://www.khaosod.co.th/economics/news_8084450

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

หญิงปวดหัว 1 เดือน ก่อนเจอมะเร็งปอดลามขึ้นสมอง บุหรี่ไม่สูบ รู้ต้นเหตุใกล้ตัว

29/04/2024

หมอเล่าเคสคนไข้ปวดหัว 1 เดือน ก่อนพบเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายลามขึ้นสมอง ไม่ได้สูบบุหรี่แต่รับควันจากคนใกล้ชิด พิษบุหรี่มือสองภาพจาก TikTok  @doctor.pracha_neuro_surgวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 หมอประชาผ่าตัดสมอง หรือ นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ โพสต์คลิปผ่าน TikTok  @doctor.pracha_neuro_surg เล่าอุทาหรณ์เตือนภัยใกล้ตัว หลังเจอเคส หญิงวัย 42 ปี เดินทางมารับการรักษาด้วยอาการปวดหัวนาน 1 เดือน ก่อนจะตรวจพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในสมอง จึงเร่งทำการผ่าตัดออก พร้อมกับนำชิ้นเนื้อดังกล่าวไปตรวจ ผลออกมาพบว่าเป็นชิ้นเนื้อที่เกิดจากการลามของมะเร็งปอดเมื่อให้คนไข้เข้ารับการสแกนอย่างละเอียดพบว่าเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย แต่ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ได้ลุกลามไปยัง ตับ ไต และม้าม มีเพียงแค่สมองที่มะเร็งกระจายไป เบื้องต้นได้ทำการซักประวัติคนไข้จนทราบว่า พ่อสูบบุหรี่จัด พอแต่งงานอยู่กับสามีก็สูบบุหรี่จัดเช่นกัน จึงได้รับบุหรี่มือสองไปเต็ม ๆ ทั้งชีวิตภาพจาก TikTok  @doctor.pracha_neuro_surgหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยรายนี้ยังต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสงและเคมีบำบัด แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเพราะเซลล์มะเร็งดังกล่าวตอบสนองต่อการรักษาได้ดี หลังเข้าสู่ขั้นตอนรักษาก้อนเนื้อที่ปอดก็หาย ส่วนที่สมองนั้นไม่ได้เป็นในส่วนที่มีความพิการตามมา มีเพียงรางสายตาข้างขวาที่หายไปเล็กน้อย ได้ให้เคมีบำบัดสุดท้ายนี้ หมอประชา ฝากว่าหากรักใครสักคนแล้วเขาสูบบุหรี่ อยากให้ช่วยบอกให้เขาเลิกสูบ เพราะมันเป็นพิษกับคนรอบข้าง คุณไม่ได้เป็นมะเร็งคนเดียว แต่คนรอบข้างได้รับกับคุณด้วย แม้บุหรี่ช่วยคลายเครียดได้ก็จริง แต่สิ่งที่ทิ้งไว้เสี่ยงมะเร็ง เส้นเลือดสมองเสียสภาพ ตีบ ตัน แตกง่าย เสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต พร้อมแนะนำว่าหากมีความเครียดควรเลือกออกกำลังกายแทนการสูบบุหรี่จะดีกว่าแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/239012

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

1 โบสถ์ 2 วิหาร 3 สไตล์ จิตรกรรมฝาผนังที่วัดโพธิ์คอย สุพรรณบุรี

29/04/2024

ไปวัดเดียวเหมือนได้ชมนิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยถึง 3 งาน สร้างสรรค์โดย ‘ศิลปิน’กลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน ผู้น้อมนำงานศิลปะถวายเป็นพุทธบูชาเร็วกว่านี้มีอีกไหม งานอาสาวาดจิตรกรรมฝาผนัง 1 โบสถ์ 2 วิหาร 3 วันเสร็จ ที่ วัดโพธิ์คอย จ.สุพรรณบุรีอีกหนึ่งสถิติที่น่าจดจำของ ศิลปินกลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน หลังจากฝากฝีมือไว้ในโบสถ์วัดท้ายเกาะใหญ่ จ.ปทุมธานี ที่ใช้เวลาวาด 3 วันเสร็จ มาถึง วัดโพธิ์คอย จ.สุพรรณบุรี ครั้งนี้ใช้เวลาเท่าเดิม แต่เพิ่มจาก 1 โบสถ์ คือ 2 วิหาร ผลลัพธ์เป็นที่น่าติดตามภาพจิตรกรรมภายในวิหารพระนอน วัดโพธิ์คอยศิลปินกลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน เป็นการรวมตัวของรุ่นพี่รุ่นน้องคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร นำโดย อลงกรณ์ หล่อวัฒนา, ห่มสวรรค์ อู่ม่านทรัพย์  และ ธีรวัฒน์ นุชเจริญผล แต่ละคนก็ชักชวนเพื่อนๆ ที่มีจิตศรัทธาในการทำงานศิลปะเป็นพุทธบูชามาร่วมงานกันโดยมีผลงานฝากไว้ที่วัดท้ายเกาะใหญ่ จ.ปทุมธานี  วัดพิกุลโสคัณธ์ วัดบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ วัดโพธิ์คอย จ.สุพรรณบุรีศิลปินกลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน กับผลงานจิตรกรรมในโบสถ์วัดท้ายเกาะใหญ่ จ.ปทุมธานีจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพิกุลโสคัณธ์ จ.พระนครศรีอยุธยาจิตรกรรมฝาผนังที่วัดบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาความน่าสนใจ คือ พวกเขาจะใช้เวลาทำงานแต่ละวัดให้แล้วเสร็จภายในเวลา 3 วัน โดย 3 วัดได้แก่ วัดท้ายเกาะใหญ่ วัดพิกุลโสคัณธ์ วัดบางบาล จะวาดเพียงโบสถ์ หรือ วิหาร แห่งเดียว ยกเว้นวัดโพธิ์คอยนับว่ามีความพิเศษ เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ลงมือวาดโบสถ์ และวิหาร 2 หลัง ในคราวเดียวกันศิลปินกลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน นำโดย อลงกรณ์ หล่อวัฒนา ห่มสวรรค์ อู่ม่านทรัพย์  และ ธีรวัฒน์ นุชเจริญผลจากเดิมที่มี อลงกรณ์ หล่อวัฒนา เป็นแกนหลักในการวางโครงเรื่องและภาพ  ตลอดจนวางแผนแบ่งงานว่าใครมีหน้าที่วาดเส้น ลงสีอะไร ตรงไหนอย่างเป็นระบบ ครั้งนี้ใช้ระบบการทำงานเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมศิลปินหลักขึ้นมา โดยมี ห่มสวรรค์ อู่ม่านทรัพย์ รับผิดชอบในการออกแบบสร้างสรรค์วิหารพุทธบำเพ็ญธีรวัฒน์ นุชเจริญผล ดูแลวิหารพระนอน ส่วนอลงกรณ์รับหน้าที่วาดภาพจิตรกรรมบริเวณหน้าบันและโบสถ์ โดยทั้งหมดมีทีมจิตรกรอาสาที่มากันด้วยใจร่วมสนับสนุนและเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทำให้งานแล้วเสร็จได้ภายใน 3 วันสมดังความตั้งใจ“สาเหตุหลักที่ทำให้งานเสร็จไวเป็นเพราะพี่อลงกรณ์กับพี่ห่มสวรรค์เป็นคนที่มีความลึกซึ้งในพุทธศิลป์ ผลงานของแต่ละคนก็เกี่ยวกับพุทธศาสนา ปริศนาธรรมอยู่แล้ว งานจิตรกรรมฝาผนังจึงเหมือนเป็นงานที่เขาทำอยู่เป็นประจำมีความเชี่ยวชาญทำให้งานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว” ธีรวัฒน์ นุชเจริญผล บอกกับเราพร้อมเล่าถึงการทำงานในวิหารพระนอนหลังได้รับการซ่อมแซมอาคารแล้วเสร็จว่าภาพเทวดา บุคคลและสรรพสัตว์ มาร่วมส่งเสด็จพระพุทธเจ้าสู่นิพพาน“วิหารเดิมไม่เคยมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีเพียงพระนอนปางปรินิพพาน ผมจึงใช้สีน้ำเงินเป็นสื่อถึงความเงียบสงบ ขณะเดียวกันก็มีต้นโพธิ์ที่โน้มกิ่งลงมาเพื่อเป็นร่มเงาให้แก่พระพุทธองค์ขณะดับขันธ์ปรินิพพานในภาพจะมีทั้งบุคคลและสัตว์ทั้งหลายที่พากันมาส่งเสด็จสู่นิพพาน โดยผนังตรงข้ามของพระนอนจะวาดภาพพระศรีอารยเมตไตรยพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปมารออยู่”จิตรกรรมสีสันสดใสภายในวิหารพุทธบำเพ็ญ แสดงภาพ 'โพธิ์ไหว' หลังพระประธานจากวิหารพระนอนขนาดเล็กที่ถ่ายทอดความรู้สึกสงบ มาสู่ วิหารพุทธบำเพ็ญ ที่มีความสูง 10 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ที่แต่งแต้มด้วยสีสันสุดสดใส สีสะท้อนแสงเหล่านี้มีความหมายที่ ห่มสวรรค์ อู่ม่านทรัพย์ ต้องการปรับเปลี่ยนความมืด ความรู้สึกหดหู่ของวิหารหลังเดิมให้กลายเป็นความสดใส พระอินทร์เล่นพิณ 3 สายในขณะเดียวกันก็ใช้ศิลปะร่วมสมัยถ่ายทอดเรื่องราวพุทธประวัติขณะพระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา โดยวาดรูปพระอินทร์ขณะเล่นพิณ 3 สายไว้ที่ผนังฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูป เพื่อเตือนสติในการเลือกเดินสายกลาง ดั่งสายพิณที่ตึงหรือหย่อนเกินไปก็ไม่ดี ส่วนผนังด้านข้างเป็นภาพเทพชุมนุมที่เปรียบเสมือนกำลังใจที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นโดยเบื้องหลังพระประธานมีภาพวาด “โพธิ์ไหว” ซึ่งศิลปินต้องการสื่อถึงความรู้สึกอ่อนไหวของพระพุทธองค์กระทั่งมาพบปริศนาธรรมจากการบรรเลงพิณ 3 สายของพระอินทร์ นับเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยรูปทรงของสีและเส้นที่น่าตื่นตาไม่น้อยเลยทีเดียวภาพปริศนาธรรมภายในโบสถ์ปฏิจจสมุปบาทส่วนพระอุโบสถ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา ยังคงใช้เส้นและสี ดำกับขาว เป็นสื่อที่นำเสนอปริศนาธรรมว่าด้วยเรื่องของ ปฏิจจสมุปบาท อันเกี่ยวเนื่องจากโมหะ โลภะ โทสะ “ลายเส้นจะมีทั้งรูปบุคคลแขนขายาว เท้าใหญ่ มือใหญ่ เราต้องการสื่อถึงกายสังขาร เท้าใหญ่ หมายถึงการเดินทาง มือใหญ่สื่อถึงการกระทำ บางคนเดินทางเยอะ ทำงานเยอะ แต่ไม่พบความสำเร็จ อาจเป็นเพราะขาดความคิด พิจารณา เราจึงวาดรูปดวงตาไว้ในมือแทนความหมายว่า การที่เราลงมือทำนั้น เกิดจากการดูและสังเกต สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเข้าใจธรรมะมากยิ่งขึ้น” ศิลปินเจ้าของผลงานแนวจิตวิญญาณเชิงสัญลักษณ์กล่าวจิตรกรรมฝาผนังที่โบสถ์มีการแทรกลายเส้นของศิลปินรุ่นใหม่ Soul Crazy หนึ่งใน 'กลุ่มศิลปินจิตอาสาฟ้าประทาน' ที่เข้ามาร่วมสร้างสรรค์งานบุญในครั้งนี้วัดโพธิ์คอย เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2363 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง หากมีการผูกเรื่องให้เข้ากับนิทานพื้นบ้านเรื่องขุนช้างขุนแผน โดยนำตอนที่นางพิมพิลาไลยปลูกต้นโพธิ์เสี่ยงทายคอยการกลับมาของขุนแผนในคราวที่ยกทัพไปตีเมืองเชียงทอง ต้นโพธิ์ที่ปลูกไว้จึงได้ชื่อว่า “โพธิ์คอย”ในปี 2565 กลุ่มจิตศรัทธา นำโดย มิตรชัย ภักตร์เจริญ นักธุรกิจเจ้าของร้านอาหารและที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้อาสามาซ่อมแซมโบสถ์และวิหารที่ทรุดโทรมให้กลับมาใช้งานได้อย่างมั่นคงปลอดภัย พร้อมกับได้ชักชวนเพื่อนร่วมรุ่น ม.ศิลปากร อลงกรณ์ หล่อวัฒนา ศิลปินร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของไทย และศิลปินรุ่นน้องมาร่วมกันสร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมฝาผนังเพื่อน้อมเป็นพุทธบูชา“งานนี้ไม่มีค่าตัวใดๆ ทุกคนมาทำกันด้วยใจศรัทธา ระหว่างทำงานไปก็อิ่มใจกลับถึงบ้านก็สบายใจ บุญเกิดแล้วตรงนั้น เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันยิ่งใหญ่ มันมีประโยชน์ต่อคนในยุคถัดไป ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยเก่าเปรียบเสมือนครูที่สอนให้เราได้เรียนรู้ จนในวันที่เรามีฝีมือพอที่จะถ่ายทอดให้คนรุ่นต่อไปได้  เราจึงสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมฝาผนังที่วัดแห่งนี้ด้วยพลังแห่งความศรัทธา”ธีรวัฒน์ นุชเจริญผล กล่าวทิ้งท้ายพร้อมฝากเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย 1 โบสถ์ 2 วิหาร 3 สไตล์ ที่บ่งบอกความเป็นศิลปินในพ.ศ.ปัจจุบันวัดโพธิ์คอย   •  ที่ตั้ง : ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี    •  โทร : 0 3552 2959แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1110468

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“Beyond Skywalk Nangshi” รีสอร์ทใหม่แห่งเสม็ดนางชี จุดชมวิวพื้นกระจกสูงและยาวที่สุดในไทย

29/04/2024

กะตะกรุ๊ปฯ เปิดตัว รีสอร์ทไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ พร้อมจุดชมวิวพื้นกระจกสูงและยาวที่สุดในไทย ชมทิวทัศน์หลักล้านของ “เสม็ดนางชี” แลนด์มาร์กดังระดับโลกของพังงา“กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย” (Kata Group Resorts Thailand) พลิกโฉมแบรนด์ “บียอนด์” (Beyond) ภายใต้แนวคิด “Colors of Beyond” สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” (Beyond Skywalk Nangshi) ที่มาพร้อม ‘บียอนด์ สกายวอล์ค’ (Beyond Skywalk) ทางเดินพื้นกระจกลอยฟ้าที่สูงและยาวที่สุดในประเทศไทย แลนมาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของทะเลอันดามันและภูเขาเสม็ดนางชีอันตระการตา“บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” รีสอร์ทขนาด 57 ห้อง ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา จุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์อันน่าจดจำ ที่เหมาะกับทุกงบประมาณและทุกไลฟ์สไตล์ห้องพักแต่ละห้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายและมีสไตล์ท่ามกลางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ มีให้เลือกทั้ง เต็นท์วิวทะเล (Seaview Tent) เต็นท์กลางป่า (Forest Tent) ขนาด 23 ตารางเมตร ที่สามารถตื่นขึ้นมาแล้วพบกับวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลแบบพาโนราม่าหรือขุนเขาเขียวขจี พาวิลเลี่ยนวิวทะเล (Seaview Pavilion) ห้องพักขนาด 30-31 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในอาคาร 2 ชั้น สัมผัสประสบการณ์ความหรูหราเหนือระดับที่มองเห็นความงามของวิวเสม็ดนางชีอย่างชัดเจนค้นพบการพักผ่อนสุดพิเศษที่นำเสนอการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของตัวเลือกที่พักแบบ วิลล่า (Villa) และ พูลวิลล่า (Pool Villa) ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวหรือจากุชชี่ มีขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 2 ห้องนอน แต่ละหลังมีลักษณะโดดเด่น มาพร้อมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและวิวเสม็ดนางชีที่สวยงามแบบอันซีนนอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร “Horizon” เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน เสิร์ฟอาหารเลิศรสพร้อมทิวทัศน์อันตระการตา “Skywalk Café” คาเฟ่บรรยากาศสบายๆ สำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับกาแฟหรือชาสักแก้ว ต่อด้วยการแหวกว่ายรับความสดชื่นใน “สระว่ายน้ำ” ที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของอาคาร Upper Lobby สูดอากาศบริสุทธิ์และดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามขณะว่ายน้ำ หรือสนุกกับการพายเรือแคนู สำรวจป่าชายเลน นั่งเรือหางยาวไปยังเกาะใกล้เคียง อาทิ เกาะเจมส์บอนด์ เกาะห้อง เกาะพนัก เกาะปันหยี หรือหมู่บ้านยิปซีไฮไลท์คือ ‘บียอนด์ สกายวอล์ค’ (Beyond Skywalk) ทางเดินพื้นกระจกลอยฟ้าที่สูงและยาวที่สุดในประเทศไทย ที่เชื้อเชิญนักเดินทางให้มาดื่มด่ำไปกับความมหัศจรรย์ของวิวหลักล้านสุดอันซีนที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความยาว 180 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 80 เมตร กระจกสามชั้นหนา 30 มิลลิเมตร สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 500 กิโลกรัมต่อตารางเมตร จิบเครื่องดื่มและเพลิดเพลินไปกับวิวหลักล้านสุดอันซีน ตั้งแต่โมงยามของพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และแสงเรืองรองของทางช้างเผือกเหนือทะเลอันดามันราคาเข้าชมพร้อมเครดิตอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท นักเรียน/เด็ก ราคา 300 บาท และเด็กเล็กเข้าชมฟรี (ราคานี้เป็นช่วงเปิดตัว หมดเขต 29 กุมภาพันธ์นี้)ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://facebook.com/BeyondSkywalkNangshiแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000010224

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

“ไม่มีแฟน ไม่มีลูก ไม่แต่งงาน”

29/04/2024

พ่อแม่หลายคนบ่นให้ผมฟังว่า ลูกชายหรือลูกสาวไม่คิดจะแต่งงาน และลูกที่แต่งงานแล้ว ก็ไม่คิดจะมีลูก ซึ่งคนรุ่นใหม่ของเราที่คิดแบบนี้ ดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆครับ ผมก็เลยไปดูแนวโน้มที่ประเทศอื่นๆ ว่าเป็นเช่นใด เริ่มจากประเทศญี่ปุ่น ผมได้อ่านรายงานล่าสุดที่ออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2567 นี้เองว่า ในบรรดาหนุ่มสาวโสดที่นั่น วัย 20-40 ปี ซึ่งเป็นวัยที่น่าจะมีคู่ครองแล้ว แต่กลับมี มากถึง 34.1% ที่ตอบว่า “ไม่เคยมีแฟนเลย”  แต่คนที่ไม่เคยมีแฟนเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าอายุเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีโอกาสแต่งงานนะครับ เพราะเวลากามเทพแผลงศร มักไม่ดูวัยหรือเหตุผลใดๆซะด้วย  ก็เลยต้องถามหนุ่มสาวญี่ปุ่น ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งคนที่มีแฟนหรือยังไม่มีแฟน ว่า “ในอนาคตเขาหรือเธอ จะแต่งงานไหม”  ปรากฏว่า 1 ใน 4 คน หรือ 25.6% ตอบว่า “ไม่เคยคิดจะแต่งงาน”  ทำให้ภาพยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ว่าแนวโน้มจะเป็นเช่นใด ส่วนเหตุผลที่ไม่คิดจะแต่งงานนั้น ชายหนุ่มที่ปฏิเสธการแต่งงาน มีถึง 42.5% ที่ให้เหตุผลว่า ”มันจะเป็นภาระทางการเงิน“ ในขณะที่ หญิงสาวที่ไม่คิดจะแต่งงาน มีมากถึง 40.5% ที่ตอบว่า ”มันจะทำให้เสียอิสรภาพในการใช้ชีวิต“  สรุปว่าคนเกิดก็น้อยลง คนไม่เคยมีแฟนก็มากขึ้น และคนที่ไม่คิดจะแต่งงานก็มีถึง 1 ใน 4 คน แล้วอย่างนี้ อนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า จะเป็นเช่นใดหนอ เป็นภาพที่ท้าทาย ต่อนโยบายของรัฐอย่างแน่นอน จากญี่ปุ่น ผมมองไปที่เกาหลี และพบว่าเมื่อ 15 ปีก่อน สตรีเกาหลีวัย 20-30 ปี มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง คือ 52.9% ที่มองว่า “การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดี” แต่ขณะนี้คนที่ตอบอย่างนี้ เหลือเพียง 27.5% เท่านั้นเอง ส่วนทำไมจึงไม่เห็นว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีนั้น ไม่ปรากฏในรายงานครับ แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่ยืนยันว่า ทำไมพวกเขาจึงไม่คิดที่จะแต่งงาน แต่ ชายและหญิงเกาหลี ที่อายุเกิน 60 ปี กลับมองว่า “การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดี” และมีจำนวนมากถึง 74.9% และ 68.7% ตามลำดับ แสดงว่าโลกทัศน์และวิธีคิดของคนต่างวัยในเรื่องนี้ แตกต่างกันมากจริงๆ ผมไปดูที่จีนบ้าง ประเทศที่เคยใช้นโยบายห้ามมีลูกเกิน 1 คน และควบคุมแบบนี้อย่างเคร่งครัด มานานหลายทศวรรษแล้ว แต่กลับ เปลี่ยนนโยบายให้มีลูกได้ 2 คน เมื่อปี  2016 และในปี 2021 ก็เพิ่มให้เป็น 3 คน ถือว่าเป็นการเปลี่ยนนโยบายรวดเร็วมาก รวมทั้งยังส่งเสริมด้วยการให้สิทธิพิเศษต่างๆอีกด้วย เรามาดูซิว่าได้ผลเพียงใด คำตอบสั้นๆคือไม่ได้ผลครับ อัตราการมีบุตรของผู้หญิงจีนหนึ่งคน ในปี 2020 อยู่ที่ 1.28 คน แล้วลงลงเหลือ 1.08 คนในปี 2022 และปัจจุบันเหลือเพียง 1.0 คน เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าจีนจะรักษาระดับประชากรไว้ได้ ตัวเลขนี้จะต้องเป็น 2.1 คน พอไปดูเรื่องการแต่งงานที่จีน ก็พบว่าสัดส่วน “จำนวนคู่แต่งงาน ต่อประชากร 1,000 คน” ของจีนนั้น เคยต่ำสุดเพียง 6.1 คู่ต่อประชากร 1,000 คน เมื่อปี 2002 แล้วกลับสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี จนถึง 9.9 คู่ เมื่อปี  2013 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ที่ดี แต่ที่ไหนได้  10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขคู่แต่งงานของจีนต่อประชากร 1,000 คน กลับลดลงทุกปี จาก 9.9 คู่ เหลือ 9 คู่ 8, 7, 6 และ 5 คู่ ตามลำดับ จนเมื่อปี 2022 เหลือเพียง 4.8 คู่เท่านั้นเอง สรุปว่าจีนก็พบปัญหาเดียวกับหลายๆประเทศ  ส่วนของไทยเรานั้น เท่าที่ผมหาสถิติมาได้ พบว่า ปี 2016-2018 มีการจดทะเบียนสมรส ใกล้เคียงกัน คือปีละประมาณ 300,000 คู่ แต่ปี 2019-2021 กลับลดลงมาต่อเนื่อง ต่ำสุดที่ 240,000 คู่ แล้วก็ตีกลับเป็น 300,000 คู่อีกครั้งเมื่อปี 2022 แปลว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา อัตราการแต่งงานของไทยเรา ยังทรงๆ แต่อาจมีแนวโน้มทรุดลงก็เป็นได้ เพราะคนรุ่นใหม่ของเรา คงมีแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปคล้ายกับประเทศอื่นๆ ข้อมูลทั้งหมด ทำให้เห็นว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และน่าเป็นห่วงยิ่ง เมื่อคนวัยทำงานในวันนี้ ต้องแบกภาระทางการเงิน เพื่อดูแลคนวัยเบบี้บูมและรุ่นอื่นๆที่ตามมา และอีก 20-30 ปี ข้างหน้า เมื่อคนทำงานวันนี้เข้าสู่วัยเกษียณ และคนรุ่นต่อไปที่จะเข้ามารับภาระต่อ ก็ลดน้อยลงไปอีก  จะเป็นปัญหาใหญ่โตสำหรับรัฐบาลในวันข้างหน้า แต่เรารอช้าไม่ได้เพราะต้องทำอะไรตั้งแต่รัฐบาลวันนี้ครับ  ส่วนค่านิยมที่เปลี่ยนไปในเรื่องการแต่งงานนั้น ผมว่าเราลองดูกันอีกสักปี เพราะนี่ก็จะถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อยู่แล้ว ไปลุ้นกันวันนั้น ที่เขตบางรัก ดีไหมครับ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/finance/investment/1111271

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X