ข่าวการเงิน
                    ลงทุนเริ่มไม่ยาก แต่เมื่อลงทุนแล้ว ควรทำอย่างไรต่อ?
                    
                 
                
                    
                        
                     
                    
                    
                                                
ปัจจุบันการลงทุนในตราสารทางการเงินมีทางเลือกที่หลากหลาย
 ซึ่งแต่ละประเภทจะมีรูปแบบของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ต่างกันออกไป 
แต่สิ่งที่ผู้ลงทุนต้องใส่ใจและให้ความสำคัญอยู่เสมอ 
ไม่ว่าจะเป็นตราสารประเภทใด นั่นคือ การติดตามข้อมูลข่าวสารรวมถึงความคืบหน้าการดำเนินการของผู้ออกตราสารนั้นใกล้ชิด
 มาทบทวนเช็กลิสต์กัน  สักนิดไหมว่า 
หลังจากลงทุนกันไปแล้วควรติดตามอะไรบ้าง 
เพื่อไม่ให้พลาดประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของตนเอง
1. การลงทุนในหุ้น –ตราสารที่ออกโดยบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผู้ลงทุนจะถือเป็น “เจ้าของกิจการ”
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
    •  เมื่อบริษัทไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถมีข้อมูลผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทไปประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
    •  เมื่อเกิดปัญหาบางประการเกี่ยวกับงบการเงิน จนส่งผลสู่การถูกสั่งทำ “การตรวจสอบ
    แบบพิเศษ”(Special Audit) เพื่อหาข้อเท็จจริงกับประเด็นที่เกิดขึ้น
    •  เมื่อสถานประกอบการของบริษัทอยู่ในพื้นที่ที่เกิดวิกฤตด้านการเมือง หรืออื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้การดำเนินการของบริษัทขัดข้องและส่งผลต่อราคาหุ้นได้
ผู้ถือหุ้นควร…
    •  เตรียมรับมือกับผลกระทบจากเหตุการณ์เช่น อาจขาดทุนจากราคาหุ้นที่ตก หรือได้รับเงินปันผลน้อยลงจากปัจจัยลบที่มากระทบ
    •  หมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางที่เป็นทางการ รวมถึงการขึ้นเครื่องหมายต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    •  เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อร่วมซักถามในประเด็นต่าง ๆ ตามที่มีข้อสงสัย
2. การลงทุนในหุ้นกู้– ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผู้ลงทุนจะถือเป็น “เจ้าหนี้”
 รวมถึงหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเสนอขายผ่าน Funding 
portal โดยผู้ระดมทุนส่วนใหญ่ 
ผ่านช่องทางนี้จะเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ถือหุ้นกู้ควรติดตามอย่างใกล้ชิด
    •  เมื่อหุ้นกู้ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
    •  
เมื่อผู้ออกหุ้นกู้มีผลการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถ
 ในการชำระหนี้ 
(มีโอกาสที่จะจ่ายดอกเบี้ยไม่ครบจำนวนหรือมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้)
ผู้ถือหุ้นกู้ควร…
    •  หมั่นตรวจสอบว่าตนเองถือหุ้นกู้ชนิดใดและได้รับผลกระทบจากการถูกปรับลดอันดับ 
  ความน่าเชื่อถือหรือไม่ ทั้งนี้ 
ผู้ถือหุ้นกู้อาจไม่สามารถขายหุ้นกู้ได้ในทันที รวมถึงอาจ
ไม่สามารถขายหุ้นกู้ได้ในราคาที่พึงพอใจ เนื่องจากขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย
    •  ติดตามข่าวสารในกรณีที่มีข้อสงสัยว่ามีการกระทำผิดตาม 
พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535ทั้งนี้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ 
ไม่ได้ให้อำนาจกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการสั่งการให้บริษัทคืนเงิน
    •  ติดตามแผนการแก้ไขเหตุผิดนัดจากผู้ออกหุ้นกู้หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เมื่อเกิดเหตุผิดนัด
ชำระหนี้รวมถึงศึกษารายละเอียดก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 
โดยเฉพาะในกรณีที่มีการประชุมเพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้ 
หรือขอผ่อนผันการชำระ
    •  ประสานผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งจะเป็นบุคคลช่วยติดตามการชำระหนี้
 รวมถึงดำเนินการ 
ตามกฎหมายในการบังคับหลักประกันและการฟ้องร้องดำเนินคดีกรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้
มีมติให้ชำระคืนหุ้นกู้โดยพลัน (call default)
3. การลงทุนในกองทุนรวม– 
บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) จะนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินต่าง ๆ    
ตามนโยบายการลงทุนที่ระบุในโครงการจัดการกองทุนรวมตามสัดส่วน เช่น หุ้น 
หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น 
เพื่อกระจายความเสี่ยงและบริหารเงินลงทุนให้เกิดผลตอบแทนจากการลงทุนมาสู่ผู้ถือหน่วยลงทุน
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
    •  เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในราคาสินทรัพย์ที่กองทุนนำเงินไปลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
    •  เมื่อเกิดความผิดปกติกับผู้ออกตราสารหรือตลาดตราสารที่กองทุนรวมลงทุน
ผู้ถือหน่วยลงทุนควร…
    •  เตรียมรับมือกับความผันผวนของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมที่ถือ
    •  ศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อจำกัดจากการใช้ Liquidity 
Management Tools (LMTs) โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 
กลุ่มส่งผ่านต้นทุนการซื้อขายสินทรัพย์ของกองทุนและกลุ่มที่เป็นข้อจำกัดต่อการไถ่ถอนหน่วยลงทุน
 ทั้งนี้ บลจ. จะพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ LMTs 
เพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ลงทุนโดยรวมและใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น 
เกิดความ
ผันผวนของตลาดสินทรัพย์ที่ลงทุน เกิดต้นทุนที่มีนัยสำคัญต่อการซื้อขายสินทรัพย์
ของกองทุน หรือเกิดความผิดปกติกับผู้ออกตราสารและกรณีอื่น ๆ ที่จำเป็น เป็นต้น
ด้วยเหตุที่การลงทุนมักมาคู่กับความเสี่ยงเสมอ 
ผู้ลงทุนควรฝึกฝนให้ตนเองหูตากว้างไกล 
หมั่นอ่านข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ 
รู้จักเฉลียวใจสอบถามข้อมูลที่ควรได้รับเพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม
 และใช้สิทธิของตนเองเพื่อช่วยลดการสูญเสีย ทั้งนี้ 
ผู้สนใจสามารถศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนได้ที่
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
 
                     
                 
             
            
         
     
        
X