ข่าวการเงิน
                    แบ่งเงินออมไว้ปีหน้า-คาดดอกเบี้ยเงินฝากขยับแรง
                    
                 
                
                    
                        
                     
                    
                    
                                                
แนวโน้มโปรโมชันเงินฝากมีมากขึ้นหลัง 
กนง.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยไปต่อ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ประเมินดอกเบี้ยไตรมาสแรกปี 
2566 อาจขยับมากกว่า 0.5% เหตุแบงก์ส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่ม 
แนะคนออมแบ่งเงินเลือกโปรโมชันที่เหมาะกับตัวเอง เตือนเงินฝากไม่เสียภาษี 
สรรพากรให้สิทธิแค่ไม่เกิน 2 หมื่น ถ้าเลือกออมหลายรายการมีโอกาสที่จะเกิน 
ต้องเสียภาษี 15%
ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 
คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 
1.00% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง 
โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
 และช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก 
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 
มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานในประเทศเป็นสำคัญ 
แต่จะยังคงโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566
คณะกรรมการฯ 
เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ
 จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี 
ในการประชุมครั้งนี้
เป็นอันว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยในไทยยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นต่อได้อีก 
นั่นหมายถึงจากนี้ไปโอกาสที่จะมีโปรโมชันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ออกมาช่วงชิงเงินออมอาจจะเริ่มขึ้น
 หลังจากช่วงที่ผ่านมา 
ธนาคารรัฐออกโปรโมชันเงินฝากมาช่วงชิงเงินออมแล้วหลายตัว
คาดปีหน้าดอกเบี้ยแรง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิจัย การแข่งขันราคาเงินฝากทยอยชัดเจนขึ้น 
หนึ่งในจุดที่น่าสนใจทางศูนย์วิจัยฯ 
มองว่าแม้เงินฝากจะไม่ได้เติบโตในอัตราเร่ง 
แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากน่าจะปรับสูงขึ้นในลักษณะที่ชันขึ้นอีก 
โดยมาจากแรงส่งทั้งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์
 (ก่อนกำหนดการปรับเพิ่มอัตรานำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ อีก 0.23% 
ในช่วงต้นปี 2566) 
ทำให้มีโอกาสที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้นมากกว่า 0.50% 
ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566
สำหรับผู้มีเงินออม ราคาหรืออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น 
รวมถึงแคมเปญเงินฝากที่ทยอยออกมามากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 
คงทำให้ผู้มีเงินออมที่รับความเสี่ยงได้น้อยมีทางเลือกในการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนดีขึ้น
 หรือมีผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนถี่ขึ้นกว่ารายครึ่งปี 
อันอาจช่วยตอบโจทย์การนำดอกผลไปใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นกว่าเดิม
 กระนั้นก็ดี ด้วยเงินเฟ้อที่คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 2.5% 
ในปีหน้ายังทำให้การออมในรูปของเงินฝาก 
โดยเฉพาะเงินฝากระยะสั้นยังให้ผลตอบแทนที่ติดลบ
โอกาสคนมีเงินออม
การขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2565 
ก่อนที่ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.5% เป็น 0.75% เมื่อ 10 สิงหาคม 2565 
หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น เมื่อ กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.75% 
เป็น 1% เมื่อ 28 กันยายน 2565 
ธนาคารพาณิชย์จึงเริ่มปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น 
ทั้งฝั่งออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากประจำ
แต่ไม่มีการออกโปรโมชันเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ออกมา 
มีเพียงธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่ออกเงินฝากเกิน 12 เดือน ให้ดอกเบี้ยเกือบ 
2% ส่วนใหญ่เป็นฝากประจำต้องเสียภาษีอีก 15% แต่โปรฯ เงินฝากที่ออกมามากคือ
 ธนาคารรัฐส่วนใหญ่เป็นเงินฝากเพื่อการเกษียณ อย่างธนาคารออมสิน 
ออกโปรเงินฝากเพื่อการเกษียณออกมาแล้ว 3 รุ่น 10 ปี 7 ปี และล่าสุด 12 ปี
คนที่ออมเงินจำนวนหนึ่งเลือกที่จะออมผ่านเงินฝากของสถาบันการเงิน 
แน่นอนว่ากลุ่มคนที่เน้นเงินฝากนั้นเป็นกลุ่มที่ต้องการความมั่นคง 
เงินต้นต้องไม่สูญ มีทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ 
วัยกลางคนหรือคนที่ไม่นิยมความเสี่ยง 
แม้ต้องแลกด้วยผลตอบแทนที่อาจน้อยกว่าการออมเงิน หรือลงทุนผ่านช่องทางอื่น
 
สำรวจตัวเองก่อนเลือกโปรฯ
ตอนนี้เริ่มมีผลิตภัณฑ์เงินฝากออกมามากขึ้น หนึ่งในผู้ออมเงินแนะนำว่า 
อันดับแรกคุณต้องทราบว่าวันนี้อายุเท่าไหร่ 
ถ้าอายุการทำงานยังเหลืออีกนานและไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนที่จะนำไปหาผลตอบแทน
 โปรฯ เงินฝากยาวๆ คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าอยู่ในวัยใกล้เกษียณ 
อีกไม่กี่ปีต้องใช้เงินออมที่มี ไม่ควรเลือกเงินฝากที่ต้องฝากนาน 
แน่นอนว่าถ้าเลือกฝากไม่นานก็ต้องแลกด้วยดอกเบี้ยที่น้อยกว่า
เรื่องแบบนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ทุกอย่างอยู่ที่ความจำเป็นของผู้มีเงินออม 
หากเงินออมบางก้อนยังไม่รีบใช้ก็นำไปหาผลตอบแทนที่นานขึ้นได้ 
หรือยอมรับได้ว่าเงินฝากอาจครบกำหนดเมื่อตัวเองพ้นวัยทำงานไปราว 2-3 ปี 
ขึ้นอยู่กับว่าท่านใช้เงินออมในการดำรงชีพช่วงพ้นวัยทำงานมากน้อยเพียงใด 
เรื่องนี้เป็นการบริหารจัดการชีวิตของตนเองให้เหมาะสมกับสถานะความเป็นอยู่
ประการต่อมา 
หากสนใจโปรโมชันเงินฝากของสถาบันการเงินใดควรอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน 
เพื่อการตัดสินใจที่เกิดประโยชน์สูงสุดของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น 
ถ้าไม่สามารถฝากได้ตามเงื่อนไขตามที่กำหนด หรือถอนก่อนกำหนด 
ธนาคารบางแห่งอาจให้แค่ดอกเบี้ยตามช่วงเวลานั้น 
หรือปรับดอกเบี้ยลงมาเหลือแค่ออมทรัพย์ แต่บางธนาคารอาจมีค่าปรับ เช่น 
คิดค่าธรรมเนียม 1% หรือขั้นต่ำ 500 บาท ตรงนี้ต้องพิจารณาให้ดี
ออมทรัพย์ไม่เสียภาษีอย่าเกิน 2 หมื่น
อีกประการหนึ่งคำว่าเงินฝากไม่เสียภาษีนั้น 
ท่านควรทราบข้อยกเว้นของกรมสรรพากรที่ยกเว้นการเก็บภาษีสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไม่เกิน
 2 หมื่นบาท คือขณะนี้ธนาคารรัฐออกบัญชีออมทรัพย์ (เผื่อเรียก) 
ไม่เสียภาษีออกมาหลายรอบ หากท่านใช้สิทธิฝากบัญชีลักษณะนี้หลายๆ โปรโมชัน 
พึงคำนึงถึงข้อยกเว้นดังกล่าวให้ดี แม้ว่ารายการฝาก 1 
รายการดอกเบี้ยรับอาจไม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่หากรวมกับหลายๆ 
บัญชีออมทรัพย์ที่เปิดไว้ดอกเบี้ยรวมมีโอกาสที่จะเกิน 2 หมื่นบาทได้ 
ตรงนี้จะทำให้ท่านต้องเสียภาษี 15%
เดิมดอกเบี้ยออมทรัพย์ หรือเผื่อเรียกของแต่ละแบงก์จะต่ำมาก เช่น 0.25% 
ท่านต้องมีเงินฝากหลายล้านจึงจะเข้าข่ายดอกเบี้ยเกิน 
แต่ตอนนี้ดอกเบี้ยตามโปรโมชันขยับขึ้นไปเกินกว่า 3.5% ในบางโปรโมชัน 
ทำให้โอกาสที่ท่านจะได้รับดอกเบี้ยเกินกว่า 2 
หมื่นบาทก็มีความเป็นไปได้หากท่านเปิดบัญชีตามโปรฯ ใหม่ๆ ที่แบงก์ออกมา
ดีที่สุดเพื่อป้องการการเสียโอกาส ท่านควรทำบันทึกเงินฝากไว้ทุกรายการ 
รายการที่ได้สิทธิยกเว้นภาษีก็ควรรักษาไว้เพื่อไม่ให้เสียสิทธิดังกล่าว 
หากคำนวณแล้วดอกเบี้ยรับจากบัญชีฝากออมทรัพย์ใกล้เคียงหรือเกิน 2 หมื่นบาท 
ก็ควรเปลี่ยนไปออมไปช่องทางอื่น อาจต้องยอมเสียภาษี 15% บ้าง เช่น 
ซื้อพันธบัตรรัฐบาล 
หรือบางคนอาจขยับขึ้นไปซื้อหุ้นกู้ที่มีความเสียงมากกว่าการฝากเงินกับธนาคาร
ดูเงื่อนไขดอกเบี้ย
ยังมีรายการปลีกย่อยอีกที่ผู้ออมควรต้องทราบ เช่น 
ดูเรื่องการจ่ายอัตราดอกเบี้ยด้วย 
บางธนาคารมีข้อเสนอให้ผู้ฝากเงินจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน 
อย่างเช่นพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่ผ่านมา ได้ปรับการจ่ายดอกเบี้ยจาก 6 
เดือนครั้ง มาเป็น 3 เดือนครั้ง 
เงินฝากบางรุ่นก็มีเงื่อนไขจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดฝาก 
แบบนี้ผู้ฝากต้องรอดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด บางค่ายอาจใช้เวลาเป็นปี
นอกจากนี้ ต้องดูด้วยว่าเงินฝากบางประเภทฝากครั้งเดียว 
หรือต้องฝากต่อเนื่อง เช่น 24 เดือน หรือ 36 เดือน ท่านสามารถทำได้หรือไม่ 
ตัวดอกเบี้ยที่เห็นอาจดูสูง แต่ต้องอ่านรายละเอียดดีๆ เช่น ดอกเบี้ยสูงสุด 
หรือเงินฝากบางประเภทให้ดอกเบี้ยสูงเฉพาะช่วงเงินฝากที่กำหนดเท่านั้น 
หรือเป็นดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดที่ต้องมาหาค่าเฉลี่ย
รักสลากเปลี่ยนบ้างก็ได้
อย่างไรก็ตาม หลายท่านอาจลืมเรื่องการคุ้มครองเงินฝากไปเลยอยากย้ำว่า 
ทางสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะให้ความคุ้มครองเงินฝากของผู้ฝากเงินไม่เกิน 1 
ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน มีผลมาตั้งแต่ 11 สิงหาคม 2564
ช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างนี้ควรแบ่งเงินออมที่มีกระจายหาผลตอบแทน 
เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าดอกเบี้ยของค่ายใดจะเป็นดอกเบี้ยที่สูงที่สุด 
ออมแบบสั้นบ้าง ยาวบ้างสลับกัน น่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่งในยามดอกเบี้ยขาขึ้น
สำหรับผู้ที่ออมผ่านสลากของรัฐบาลทั้ง 3 แห่ง 
ซึ่งเคยเป็นที่พึ่งในช่วงที่ดอกเบี้ยในประเทศต่ำ 
อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด 
ตอนนี้น่าจะทำให้ท่านมีทางเลือกในการพิจารณามากขึ้นกว่าเดิม 
หากเงินที่ซื้อสลากครบอายุท่านอาจเลือกที่จะออมต่อผ่านสลากหรือถ้าเห็นว่าผลตอบแทนได้น้อยเกินไปก็อาจเปลี่ยนมาเป็นออมแบบเงินฝากรูปแบบอื่นๆ
 ได้ตามความพอใจ
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopMan
agerOnline/?locale2=th_TH
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.m
gronline?utm_medium=copy_link
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/specialscoop/detail/9650000115292  
                     
                 
             
            
         
     
        
X