Everyday knowledge for you
ประกันสุขภาพ
09/08/2024
ที่ผ่านมา ธุรกิจประกันภัยค่อนข้างจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการเคลม “ประกันสุขภาพ” ที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น จนภาคธุรกิจหนักใจ และพยายามหาทางแก้ปัญหามาตลอด3 ปมสำคัญดันเคลมพุ่งนางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สมาคมให้ความสำคัญกับเบี้ยประกันสุขภาพและเคลมที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้มีความท้าทายอยู่มากโดยช่วงที่ผ่านมาสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันทำงานเพื่อหาทางควบคุมไม่ให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวขึ้นเร็ว เพราะมีผลต่ออัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) จากการประกันสุขภาพที่สูง แต่ในที่สุดก็ดูเหมือนทำได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล (Medical Inflation) ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ไม่สามารถควบคุมได้“ต้องยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปีระดับ 7-17% บางประเทศอาเซียนวิ่งขึ้นไปสูงถึง 25% ซึ่งถือเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศและควบคุมได้ยากมาก ประกอบกับภาคธุรกิจประกันชีวิตเจอปัญหาการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ที่สูงจนน่ากังวล รวมทั้งยังมีปัญหาการฉ้อฉลประกันภัย หรือ Moral Hazard เพราะฉะนั้น ถ้าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ในที่สุดคงจะไม่ต่างจากประเทศสิงคโปร์ ที่อาจจะต้องมีการบังคับใช้กรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment)”นางนุสรากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สมาคมพยายามพูดคุยกับทาง คปภ. ในการกำหนดหลักเกณฑ์แต่ละระดับของอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของการประกันสุขภาพที่เกิดขึ้นว่าควรจะมีการปรับเบี้ยประกันสุขภาพได้เป็นรายบุคคล เพื่อลดผลกระทบต่อการปรับเบี้ยประกันสุขภาพโดยรวมเร่งหาข้อสรุป “Copayment”นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ในฐานะอุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า เบื้องต้นแนวทางที่สมาคมพยายามดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือการให้องค์ความรู้กับประชาชนว่าการเบิกเคลมประกันสุขภาพต้องไม่ใช้มากเกินไป (Overused) ควรยึดความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ซึ่งสิ่งที่เคลมกันหนักสุดช่วงที่ผ่านมาคือ โรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป เช่น ไอ, เป็นหวัด, ไข้, ท้องเสีย, ปวดท้อง ซึ่งอาจจะดูลักษณะเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) คือไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ส่วนใหญ่ใช้สิทธิในลักษณะเป็นผู้ป่วยใน (IPD) คือนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอัตราการเบิกเคลมประกันสุขภาพที่สูงมากนอกจากนี้ สมาคมกำลังหารือ คปภ. ว่าเป็นไปได้หรือไม่ภายใต้กฎหมายมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ (New Health Standard) ที่กำหนดไว้ว่า หากผู้เอาประกันมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป เกินระดับ 200% ขึ้นไป และเบิกเคลม 3 ครั้งติดต่อกันในปีกรมธรรม์ จะให้มีการบังคับใช้ให้ผู้เอาประกันมีส่วนร่วมจ่าย กับตัวบุคคลนั้น ๆ ได้สูงถึงระดับ 30%ซึ่งเป็นทางออกที่ดี เพราะไม่เช่นนั้นทั้งพอร์ตประกันสุขภาพจะโดนผลกระทบในการถูกปรับเบี้ย หรือนอกจากมาตรการ Copayment เป็นไปได้หรือไม่ในการเพิ่มเบี้ยเป็นรายบุคคลที่เบิกเคลมประกันด้วยโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไปมากเกินไป (Overclaim)“ปัจจุบันสมาคมโดยอนุคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์มีการศึกษาเรื่องนี้อยู่ว่าอะไรคือหลักการที่เหมาะสมที่สุด ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสำนักงาน คปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ซึ่งขอเน้นย้ำว่าต้องหาความสมดุลให้กับผู้เอาประกันด้วย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้”นายสาระกล่าวว่า กรณีของมาตรการ Copayment ในปัจจุบัน หากบริษัทประกันชีวิตรายใดมีความประสงค์จะดำเนินการก็สามารถยื่นขอ คปภ.ได้เลย แต่ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบยังไม่มีบริษัทรายใดขอใช้ และมาตรการ Copayment ที่นำมาใช้จะไม่ใช่บังคับใช้ได้ตลอดไป หากผู้เอาประกันรายนั้นมีอัตราส่วนของการเคลมดีขึ้น ก็จะค่อย ๆ ยกเลิกบังคับใช้ออกไปต้องจัดการปัญหา “ฉ้อฉล”นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรูเด็นเชียลประกันชีวิต ในฐานะอุปนายกฝ่ายบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เคลมประกันสุขภาพสูง คือการฉ้อฉลประกันภัยที่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่ใช่แค่ต่อตัวบริษัทประกัน แต่ส่งผลต่อผู้เอาประกันทุกคนต้องจ่ายเบี้ยแพงขึ้นด้วย โดยตอนนี้สมาคมกำลังยกระดับตรวจสอบในระดับลูกค้าจนถึงตัวกลางในการนำเสนอขายประกันสุขภาพในทุกช่องทาง ทั้งแบบรายบุคคลและประกันกลุ่ม ทั้งนี้ หากจัดการปัญหาได้ก็จะลดความกังวลเรื่องการขึ้นเบี้ยไปได้“ขณะนี้สมาคมและบริษัทประกันชีวิตยังไม่สามารถแชร์ข้อมูลให้กันได้ ตามกฎหมาย PDPA จึงไม่สามารถทราบได้ว่าลูกค้าแต่ละคนมีประกันเท่าไหร่ แม้ในแบบฟอร์มมีระบุให้ลูกค้าต้องกรอกข้อมูล แต่ลูกค้าจำนวนหนึ่งอาจจะปกปิดได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้พยายามพูดคุยกับ คปภ. ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลในระบบฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Insurance Bureau) หาก คปภ.มีการแชร์ข้อมูลเบื้องต้น อาทิ นาย ก. ที่จะทำประกันกับบริษัท มีทุนประกันโดยรวมเท่าไร ทางบริษัทประกันก็อาจจะดูในแง่ของความเหมาะสมกับเรื่องของรายได้ เพื่อลดการเกิด Moral Hazard”ตั้งไข่ “Insurance Bureau”นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2567 บริษัทประกันชีวิตได้มีการเริ่มนำส่งข้อมูลลูกค้ารายใหม่ให้กับ คปภ. เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในระบบฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Insurance Bureau) ไปแล้วและทาง คปภ.ตั้งเป้าว่า ประมาณช่วงกลางปี 2568 ควรจะต้องส่งข้อมูลลูกค้ารายเก่าหรือลูกค้าที่มีการต่ออายุกรมธรรม์เข้าไปด้วย เพื่อรวบรวมข้อมูลและแชร์ข้อมูลบางประเภทกลับมาให้ภาคธุรกิจเพื่อเห็นภาพเทรนด์ต่าง ๆ แต่คงจะต้องประเมินกรอบภายใต้กฎหมาย PDPA ต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1624136
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
09/08/2024
เซ็นทรัล : ดิ ออริ จินัล สโตร์ (Central: The Original Store) ศูนย์รวมวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นต้นกำเนิดร้านค้าปลีกแห่งแรกของกลุ่มเซ็นทรัล จัดนิทรรศการจิตรกรรมภาพสีน้ำมัน “เทวี ลีลา มาลี” งานแสดงผลงานเดี่ยวของ รศ.(พิเศษ) ระพี ลีละสิริ หรือที่รู้จักในนาม “ระพี ลีลา” ศิลปินมากฝีมือ ผู้นำความงามตามธรรมชาติของดอกไม้นานาพรรณมาเนรมิตให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทานพรและความปีติยินดี ที่จะพาคุณท่องโลกแห่งดอกไม้ สัมผัสความงามอันบริสุทธิ์และนิรันดร์ไฮไลต์ของนิทรรศการพบกับผลงานชิ้นเอก “เทวีเจ็ดพระองค์” ที่ทรงโปรยดอกไม้มงคลนานาชนิดเพื่อประทานพรแก่ผู้ชม อาทิ ดอกโบตั๋น ดอกทานตะวัน ดอกบัวหลวง ดอกบัวจงกลนี ดอกปีบ ดอกผักตบชวา ดอกทับทิม ดอกมณฑา ดอกพวงคราม ดอกพวงชมพู ดอกจำปา ดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ ดอกกล้วยไม้แคทลียา ดอกกล้วยไม้รองเท้านารี ดอกกล้วยไม้กระโปรงแหม่ม ดอกซากุระ ดอกค้างคาว ดอกหน้าวัว ดอกเสาวรส ดอกเข็ม ดอกป๊อปปี้ และดอกไม้อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งศิลปิน ระพี ลีลา ใช้เทคนิคการใช้เกรียงวาดภาพสีน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความบริสุทธิ์ ความสง่างาม และพรจากสรวงสวรรค์ ด้วยสีสันสดใสและรายละเอียดที่ประณีต รูปหมู่มวลดอกไม้ในผลงานแต่ละชิ้นแสดงถึงการผสมผสานจินตนาการและการแสดงออกทางศิลปะอย่างลงตัวสัมผัสความงามของภาพวาดดอกไม้นานาพรรณ กว่า 45 ชิ้น ที่ศิลปินได้บรรจงเก็บรายละเอียดอันซับซ้อนไว้ครบถ้วน ทั้งส่วนดอกและใบ ผลงานบางชิ้นนำเสนอภาพดอกไม้หายากและแปลกตา ในนิทรรศการแสดงผลงานเดี่ยว “เทวี ลีลา มาลี” ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 ก.ย. 67 นี้ ณ เซ็นทรัล สเปซ ชั้น 3 ที่เซ็นทรัล ดิ ออริจินัล สโตร์ วันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/2802969
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
09/08/2024
ดินแดนทะเลทรายขาวเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ครอบคลุมกว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร บนชายฝั่งตะวันออกของ Maranhão ในเขตเปลี่ยนผ่านระหว่างชีวนิเวศบราซิล 3 แห่ง ได้แก่ Cerrado, Caatinga และ Amazon ซึ่งเป็นพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งประกอบด้วยเนินทรายชายฝั่งสีขาวที่มีทะเลสาบสีครามอันงดงามPhoto: Adri Felden / Argosfotoนอกเหนือจากบทบาทสำคัญของการเป็นพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว อุทยานแห่งนี้ยังมีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์และธรณีวิทยาที่มีความสำคัญระดับโลก ตามแนวชายฝั่งยาว 80 กิโลเมตร โดยมีชายหาดตามมาด้วยที่ราบ สายลมที่พัดผ่านทำให้เกิดเนินทรายเป็นแนวยาวซึ่งเต็มไปด้วยในฤดูฝนเพื่อสร้างทะเลสาบหลากหลายสีสัน รูปร่าง ขนาด และความลึก ที่แตกต่างกันไปPhoto: Adri Felden / Argosfotoทัศนียภาพที่ดีที่สุดจะปรากฏขึ้น เมื่อทะเลสาบมีปริมาณน้ำสูงทำให้เกิดความงามที่หาชมได้ยาก เนินทรายทั้งที่มั่นคงและเนินทรายที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ถือเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ นำเสนอหลักฐานอันน่าทึ่งเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเนินทรายชายฝั่งตลอดยุคควอเทอร์นารีPhoto: Adri Felden / Argosfotoอุทยานฯ แลงคอยส์ มารานฮานส์ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่าแสนคนต่อปี และเพิ่งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก ในเดือนกรกฎาคม 2024Photo: Adri Felden / ArgosfotoPhoto: Marcos Issa/Argosfotoแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000064282
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
08/08/2024
กรุงเทพฯ 8 สิงหาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวหนังโฆษณาใหม่ล่าสุด ในชื่อชุด “อาตี๋จอมห่วย ปะทะวันรวมญาติ” มุ่งเจาะกลุ่มวัย Generation Z (Gen Z) ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2541 - 2565 โดยวัยรุ่นกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็น “อนาคตของชาติ” ที่กำลังเติบโตมากับบริบทสังคมยุคใหม่ที่เปลี่ยนผันเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว และยังเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มที่จะมีอายุขัยยืนยาวขึ้นอีกด้วย ซึ่งจากสถิติตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.4 เดือนต่อปี และคาดการณ์ว่าคนไทยที่เกิดในปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา มีโอกาสที่จะมีอายุเฉลี่ยถึง 90 ปี หรือบางคนอาจมีอายุยืนยาวไปถึง 100 ปี ดังนั้น เอไอเอ ประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ จึงต้องการมีส่วนสนับสนุนให้วัยรุ่น Gen Z มีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ พร้อมกับมีความสุขทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives”นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “กลุ่มคน Gen Z เป็นกลุ่มที่รักอิสรภาพในตัวเอง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก และต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจากผลวิจัย กลุ่มวัย Gen Z จะมองภาพอนาคตในระยะสั้น ๆ หรือโฟกัสแต่ปัจจุบัน ทำให้ขาดการวางแผนเพื่ออนาคตในระยะยาว ซึ่งเอไอเอ เข้าใจ และเดินตามพันธกิจที่ตั้งไว้ โดยมุ่งสนับสนุนให้คนไทยและคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านหนังโฆษณาที่จะชวนให้เหล่า Gen Z มาวางแผนชีวิตและการเงินเพื่อความสุขและอนาคตที่มั่นคง “สำหรับการออกหนังโฆษณาชุดนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการเปิดให้กลุ่มวัย Gen Z ได้เข้าถึงการประกันชีวิตและสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพราะประกันชีวิตและสุขภาพถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่นคงได้ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด เพื่อให้วัย Gen Z ได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยมีประกันชีวิตและสุขภาพคอยดูแล” นายเอกรัตน์ กล่าวเสริมนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “หนังโฆษณาชุดนี้ถือได้ว่าฉีกแนวจากที่เอไอเอเคยทำมาก่อน เพราะเราใช้ Insights และ Creative idea จากคนวัย Gen Z จริง ๆ มาสร้างสรรค์เป็นโฆษณาชุดนี้ออกมา โดยเนื้อหาของหนังโฆษณาเป็นการเล่าถึง “อาตี๋” วัยใกล้ 30 ปีที่ยังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ไม่ได้คิดถึงอนาคต แต่เมื่อต้องมางานรวมญาติ ซึ่งเหมือนเป็นฝันร้ายของอาตี๋ เพราะจะต้องถูกอาม่าและญาติ ๆ ตั้งคำถามถึงความสำเร็จในชีวิต หนังโฆษณาชุดนี้จึงจะสะท้อนให้เห็นว่า การที่อาตี๋ยังไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้ แต่ก็ไม่ช้าเกินไปที่อาตี๋จะเริ่มต้นวางแผนเพื่ออนาคต ซึ่งเอไอเอ อยากมีส่วนช่วยดูแลและสนับสนุนให้วัย Gen Z ที่เป็นอนาคตของชาติ ได้เริ่มวางแผนชีวิต สุขภาพ และการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร้ความกังวลได้อีกยาวนาน” ติดตามชมหนังโฆษณาชุด “อาตี๋จอมห่วย ปะทะวันรวมญาติ” ได้แล้ววันนี้ผ่านสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page, AIA Thailand YouTube Channel และ Line Official Account ซึ่งสามารถคลิกลิงก์ https://youtu.be/tL4WrW_FNco?si=J2sRG_tzSwfEMtrP หรือสแกน QR Code เพื่อรับชมหนังโฆษณานอกจากนี้ เอไอเอ ยังอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม Interactive Game บนเว็บไซต์ https://www.livingto100.io ที่จะให้ทุกคนได้ลองคิดดูสิว่า “ความสุขของคุณคือการใช้ชีวิตที่เหลืออีกยาวนานไปกับอะไร?” พร้อมกิจกรรมเพื่อลุ้นรับรางวัลอีกมายมาย ติดตามรายละเอียดได้ทาง AIA Official Facebook Pageหมายเหตุ:*ข้อมูลจากงานวิจัยทัศนคติของกลุ่มเจนเนอเรชัน Z ต่อการประสบความสำเร็จ โดยวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์**ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
07/08/2024
เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าแคมเปญ “AIA+ Go Green” ปักหมุดภารกิจ ESG ครั้งสำคัญ ตั้งเป้าเปลี่ยน 100,000 กรมธรรม์ ให้เป็นต้นไม้ 10,000 ต้น ภายในปี 2567พร้อมต่อยอดแคมเปญ ภายใต้สโลแกน “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” ชวนลูกค้าลดใช้กระดาษ หันมาใช้ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+AIA+ (เอไอเอ พลัส) แอปพลิเคชันที่รวมทุกบริการจาก เอไอเอ เพื่อความสะดวกในการจัดการกรมธรรม์แบบครบวงจรตามสโลแกน "แอปเดียวจบ ครบทุกบริการ" เปิดตัวแคมเปญ ESG ครั้งใหญ่ "AIA+ Go Green" ภายใต้สโลแกน "ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+" เชิญชวนผู้ถือกรมธรรม์หันมาดำเนินธุรกรรมไร้กระดาษบนแอปพลิเคชัน AIA+ กับบริการ e-Document และ e-Receipt โดยตั้งเป้าหมาย 100,000 กรมธรรม์ ภายในสิ้นปี 2567 โดยทุกๆ 10 กรมธรรม์ เอไอเอ จะช่วยปลูกต้นไม้ 1 ต้น เพื่อนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย ด้วยการปลูกต้นไม้รวม10,000 ต้นแคมเปญ AIA+ Go Green เป็นการเดินหน้าตามนโยบาย ESG ของ เอไอเอ ประเทศไทย ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนมากมายในสังคมไทยตลอดระยะเวลากว่า 86 ปี โดยเอไอเอตระหนักถึงความสำคัญของการยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance - ESG) ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพและยกระดับชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทั้งยังตระหนักถึงผลกระทบของภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรับมือและแก้ไขAIA+ จึงริเริ่มแคมเปญ “AIA+ Go Green” ขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอทุกราย ได้มีส่วนร่วมในการลดการใช้ทรัพยากรและหันมาดำเนินธุรกรรมไร้กระดาษ (Paperless Transactions) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ และใช้บริการ e-Document (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบเสร็จรับเงินชำระเบี้ยฯ รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ที่สะดวก ใช้งานง่าย และสามารถช่วยจัดเก็บทุกเอกสารสำคัญได้อย่างปลอดภัยพร้อมใช้งานตลอดเวลา ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “อีกหนึ่งการขับเคลื่อนสำคัญของแนวปฏิบัติ ESG ของ เอไอเอ คือการนำเทคโนโลยียุคดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และลดการใช้ทรัพยากรในทุกกระบวนการดำเนินงานของบริษัท นอกจากแคมเปญ AIA+ Go Green จะทำให้ลูกค้าได้ร่วมลดการใช้กระดาษกับเราได้ง่าย ๆ แล้ว เรายังอยากให้ลูกค้าได้รับความสะดวกจากการใช้แอป AIA+ ซึ่งมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเอกสารสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์ ใบแจ้งยอดชำระเงิน ใบเสร็จรับเงิน ไปจนถึงเอกสารเกี่ยวกับสินไหม จะอยู่ในแอปอย่างปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ช่วยตัดปัญหาการค้นหาเอกสารสำคัญไม่เจอ เรามั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับความสะดวกสบายทุกครั้งที่ใช้แอป AIA+”สำหรับแคมเปญ AIA+ Go Green เริ่มขึ้นตั้งแต่ 1 สิงหาคม- 31 ธันวาคม 2567 ซึ่ง เอไอเอ ประเทศไทย เชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเชิญชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้าเปลี่ยน 100,000 กรมธรรม์ สู่การปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและร่วมต่อสู้กับภาวะโลกเดือด (Global Boiling) โดยจะขยายความสำเร็จของโครงการ นำทีมโดย คุณพลับ จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ และทีมผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพนักงานอาสาสมัครที่จะมาร่วมปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น ในต้นปี 2568คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย เสริมว่า “แคมเปญ AIA+ Go Green เป็นการตอกย้ำว่าพวกเราทุกคนต่างมีบทบาทในการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนร่วมกัน ปัจจุบันที่ เอไอเอ ประเทศไทย เราใช้กระดาษมากกว่า 60,000,000 แผ่นต่อปี เพื่อส่งเอกสารถึงผู้ถือกรมธรรม์ทุกท่าน หากผู้ถือกรมธรรม์เปลี่ยนมารับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง e-Document และ e-Receipt ผ่านแอป AIA+ และบรรลุเป้าหมายของแคมเปญ 100,000 กรมธรรม์ภายในสิ้นปี เราจะประหยัดกระดาษได้ถึง 400,000 แผ่น“เรามั่นใจว่าผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ จะดาวน์โหลดแอป AIA+ และรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญ AIA+ Go Green เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สนับสนุนพันธกิจ AIA One Billion ที่ต้องการให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้มีส่วนร่วมเพื่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573”ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ AIA+ Go Green เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ลดภาระให้สิ่งแวดล้อม เปลี่ยนสู่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสะดวกและปลอดภัย ด้วยการดาวน์โหลดแอป AIA+ พร้อมสมัครรับบริการ e-Document และ e-Receipt เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยรักษ์โลกไปกับ เอไอเอ ประเทศไทย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
02/08/2024
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติปัญหาหนี้ครัวเรือน นี่ต้องบอกว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ และเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมากโดยตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่สูงถึงระดับแถว ๆ 90% ในจำนวนนี้มีกลายเป็นหนี้เสียแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้ที่เริ่มค้างชำระและอาจจะกลายเป็นหนี้เสียในระยะต่อไปก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีการปรับโครงสร้างหนี้กันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ความเข้มข้นเป็นระดับไหน อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะบางคนปรับแล้วก็รอด บางคนก็ยังไม่รอดฟังจากบริษัทบริหารหนี้ ก็บอกว่าปีนี้แค่ครึ่งปีแบงก์มีการเปิดประมูลหนี้เสียเกือบเท่ากับปีที่แล้วทั้งปีแล้ว คาดว่าปีนี้ทั้งปีจะสูงกว่าปีที่แล้วแบบ “ดับเบิล”แต่ถึงแม้จะเปิดประมูลเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะขายได้หมดนะ เพราะแบงก์ก็ต้องการขายได้ในราคาสูง ส่วนบริษัทบริหารหนี้ก็ต้องการซื้อในราคาไม่แพง เพื่อจะไปทำกำไรต่อได้ อันนี้เป็นเรื่องมุมทางธุรกิจ เข้าใจได้ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวจากฝั่งลานประมูลรถ บอกว่าปีนี้ยอดรถยึดเข้าสู่ลานประมูลมากเป็นประวัติการณ์ แถมการระบายรถมือสองออกก็ทำได้ยากเหล่านี้คือปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ผูกโยงกันไปหมด สะท้อนว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนน่าเป็นห่วงอย่างมาก ในขณะที่เศรษฐกิจก็โตแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดรายได้เข้าใจดีว่าทุกฝ่ายเห็นปัญหา และพยายามหาวิธีแก้ในแบบของตัวเองล่าสุดรัฐบาลก็บอกว่ากำลังหาทางแก้ไขหนี้รถกระบะและหนี้รถจักรยานยนต์ เพราะถือว่ากลุ่มนี้ใช้รถเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตรงนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะแก้อย่างไรโดยในเชิงนโยบาย ใครมีเครื่องมืออะไรก็หยิบมาใช้ อย่างเช่น คนที่มีหน้าที่คุมการก่อหนี้ ก็เพิ่มความเข้มข้นในการคุม หรือหน่วยงานไหนที่สามารถผ่อนปรนเงื่อนไขอะไรได้ ก็พยายามผ่อนปรนให้ได้มากที่สุดแต่สิ่งที่อยากฝากให้คิดก็คือ จะบาลานซ์ระหว่างการคุมกำเนิดหนี้ครัวเรือน กับการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไรถ้าจะคุม คุมแค่ไหนที่จะพอดี ไม่ให้มีเอฟเฟ็กต์ที่ทำให้เศรษฐกิจไม่โตไปด้วย หรือถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นระดับใดจะพอเหมาะพอควร และช่วยให้หนี้ลดลงได้ด้วยเป็นโจทย์ที่ยากนะ คงต้องฝากให้ผู้เกี่ยวข้องไปคิดหาวิธีกันต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1617022
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
02/08/2024
มาแล้วกับ ทัวร์นิทรรศการ “100% DORAEMON & FRIENDS” (ฮ่องกง) ที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ทางผู้จัดงานซึ่งเป็นแบรนด์ครีเอทีฟอย่าง AllRightsReserved ได้คราฟต์ประสบการณ์ในธีมโดราเอมอนให้ทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจไว้ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นการแปลงโฉมรถไฟ MTR และกระเช้านองปิงให้สะท้อนความสนุกสนานของการเดินทางในธีมโดราเอมอน ตลอดจนยกการแสดงโดรนโดราเอมอนมาให้ชมเป็นครั้งแรกของโลก ทำให้กระแส “โดราเอมอน” ถูกปลุกขึ้นจากการปรากฏตัวสุดเซอร์ไพรส์ดังกล่าว ภายในงานจัดแสดงนั้นมีทั้งโซนที่สามารถเข้าชมได้ฟรี ซึ่งจัดแสดง ณ สถานที่ที่รู้จักกันดี อย่าง Avenue of Stars และบริเวณท่าเรือจิมซาจุ่ยตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. ไปจนถึง 11 ส.ค. และโซนที่ต้องเสียค่าเข้าชม ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ชั้น 6 ของ K11 MUSEA ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. ไปจนถึง 18 ส.ค. ทั้งนี้ บัตรเข้าชมได้จำหน่ายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วผู้จัดงาน อย่าง AllRightsReserved ร่วมมือกับ Fujiko Pro ส่งมอบผลงานชิ้นโบว์แดงอย่าง ทัวร์นิทรรศการ “100% DORAEMON & FRIENDS” (ฮ่องกง) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในนิทรรศการโดราเอมอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปีของผู้ให้กำเนิดตัวละครโดราเอมอนอย่าง ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ งานนี้ได้ยกโลกแห่งการ์ตูนและภาพยนตร์โดราเอมอนมาให้ได้ดื่มด่ำและเต็มอิ่ม พร้อมด้วยประติมากรรมหุ่นโดราเอมอนสีสันโดดเด่นที่จะมาแจกจ่ายความน่ารักให้กับทุกคนทั่วฮ่องกง งานนี้ยกทัพคอลเลกชันหุ่นโดราเอมอนขนาดเท่าตัวจริงมาจำนวน 135 ชุด ซึ่งคอลเลกชันส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ยังไม่เคยนำไปจัดแสดงที่ไหนมาก่อน นอกจากนี้ ท่านจะได้พบกับของวิเศษโดราเอมอนที่จะเผยโฉมเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ “100% Friends-Calling Bell” ของวิเศษที่เพียงแค่สั่นกระดิ่ง เพื่อน ๆ ก็จะมาหา เข้ากันได้ดีกับธีมของงานที่เชื่อว่า “เพื่อนแท้จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ” เรียกเพื่อนๆ จากทั่วโลกมาพบกับโดราเอมอนที่ Avenue of Stars ในฮ่องกงกัน!ร่วมสนุกได้ฟรีทั่วฮ่องกง! กับประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอน “100% DORAEMON & FRIENDS” ที่จะพาทุกคนวาร์ปไปสู่ 10 สถานที่สุดไอคอนิกทั่วเมืองAllRightsReserved ได้จับมือกับผู้สนับสนุนอย่าง การท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board) นำเสนอประตูไปที่ไหนก็ได้ “100% DORAEMON & FRIENDS” Anywhere Door ทั่วฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม ซึ่งท่านจะได้พบกับการปรากฏตัวสุดเซอร์ไพรซ์ของโดราเอมอนตามที่ต่างๆ พร้อมยก “Anywhere Door” ขนาดเท่าของจริง ซึ่งใหญ่กว่าประตูปกติจำนวน 10 บาน มาตั้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง โดยประตูแต่ละบานจะฉายภาพสถานที่สำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง เสมือนเป็นการเชื้อเชิญให้ผู้คนได้ออกเดินทางดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ แฟน ๆ สามารถเสิร์ชหาบานประตูสีชมพูที่แสนโดดเด่นเหล่านี้ ถ่ายภาพ หรือแม้แต่แลกของที่ระลึกแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วยการแชร์ประสบการณ์ของพวกเขาบนโซเชียลมีเดียนิทรรศการ “100% DORAEMON & FRIENDS” กับ 3 กิจกรรมหลัก: 1. พื้นที่แบบจำหน่ายบัตรเข้าชมที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว 2. โซนเข้าฟรี พร้อมโบนัสโชว์โดรนโดราเอมอนสุดตระการตาสองพื้นที่เข้าชมฟรี:พื้นที่ (1): “100% Doraemon Outdoor Exhibited Area” (สำหรับผู้ที่สำรองการเข้าชมมาล่วงหน้าเท่านั้น)พื้นที่ (2): “100% Avenue of Stars” (ไม่ต้องสำรองการเข้าชมล่วงหน้า)พื้นที่นิทรรศการ "100% Doraemon Outdoor Exhibited Area" ขนาดยักษ์ (เข้าชมฟรี) ซึ่งจัดแสดงตลอดเส้นทางริมอ่าวของ Avenue of Stars และบริเวณท่าเรือจิมซาจุ่ย โดดเด่นด้วยตุ๊กตาโดราเอมอนเป่าลมขนาดยักษ์ที่มีความสูงกว่า 12 เมตร ล้อมรอบด้วยหุ่นโดราเอมอนขนาดเท่าตัวจริง (1:1) จำนวน 34 ตัว ที่มาจากทั้งมังงะและซีรีส์แอนิเมชัน พร้อมด้วยหุ่นตัวละครผองเพื่อนและครอบครัวอีก 10 ตัว ที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในการเดินทางครั้งนี้ ชิ้นงานประติมากรรมและพาเนลลายการ์ตูนขนาดมหึมาช่วยรังสรรค์ประสบการณ์อันน่าประทับใจ โดยมีฉากหลังเป็นฟ้าสวยจากมุมของอ่าววิคตอเรียส่วนพื้นที่นิทรรศการ "100% Avenue of Stars" ได้จัดขึ้นเพื่อยกย่องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง โดราเอมอนและเพื่อน ๆ รวมถึงโนบิตะต่างแต่งกายในชุดหรูหราและเป็นทางการ ยืนสง่าตลอดเส้น Avenue of Stars พร้อมกับสแตนดีสไตล์คอมิกของผู้ครองวงการภาพยนตร์ชาวฮ่องกง 13 ท่าน ที่ยืนยิ้มแย้มทักทายตลอด “พรมฟ้า” ตามธีมโดราเอมอนนี้และเพื่อเป็นการจัดระเบียบผู้เข้าชมพื้นที่นิทรรศการ "100% Doraemon Outdoor Exhibited Area" ที่มาพร้อมกับหุ่นโดราเอมอนพองลมขนาดยักษ์สูง 12 เมตร จะไม่เปิดให้เข้าชมแบบวอล์กอิน (Walk-in) โดยจะต้องสำรองรอบเข้าชมล่วงหน้าบนช่องทางออนไลน์ ผ่าน Klook ซึ่งจะเปิดให้สำรองการเข้าชมทุกวันอังคาร เวลา 12.00 น. โดยสามารถตรวจสอบตารางการสำรองการเข้าชมได้ทาง https://s.klook.com/100_doraemon_gf_enหมายเหตุ: เพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ผู้ที่สำรองการเข้าชมพื้นที่ฟรี และผู้ที่มีบัตรเข้าชมควรเดินทางมาถึงก่อนเวลาเข้าชมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อทำการคัดกรองก่อนเข้าชมสองพื้นที่สำหรับผู้ที่มีบัตรเข้าชมเท่านั้น (บัตรเข้าชมจำหน่ายหมดแล้ว):พื้นที่ (1): “100% Doraemon Manga Art Exhibition Hall”พื้นที่ (2): “100% Doraemon Sculpture Park”พื้นที่นิทรรศการแรก "100% Doraemon Manga Art Exhibition Hall” จัดขึ้นบนชั้น 6 ของ K11 MUSEA ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 10,000 ตารางฟุต ใน Victoria Dockside ของย่านศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งจะพาแฟนตัวยงหลุดเข้าไปสู่โลกของโดราเอมอนที่จัดเต็มแบบครบครัน โดยท่านจะได้รับชมแอนิเมชันเรื่องสั้นสุดพิเศษจากทุนการสร้างของ AllRightsReserved ผ่านฝีมือของทีมแอนิเมชันญี่ปุ่น "Shin-Ei Animation" ในเวอร์ชันพิเศษสำหรับฮ่องกงโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีห้องอิมเมอร์ซีฟ (Immersive Room) จัดแสดงมังงะ ชิ้นงานจำลองผลงานศิลปะคุณภาพสูง ฉากต่าง ๆ จากในเรื่องโดราเอมอนและภาพยนตร์สุดพิเศษ ตลอดจนคอลเลกชันหุ่นโชว์จำนวน 17 คอลเลกชันส่วนพื้นที่นิทรรศการ "100% Doraemon Sculpture Park" ยกทัพงานประติมากรรมหุ่นโดราเอมอน 36 ชิ้น ประกอบไปด้วยหุ่นจำลองโดราเอมอนจากภาพยนตร์ 13 ชิ้น และประติมากรรมพิเศษ 23 ชิ้น ทั้งยังมีร่างแปลงของโดราเอมอน ในรูปแบบโดราเอมอนมันหวาน โดราเอมอนหมาป่า ร่างผสมระหว่างโดราเอมอนกับโนบิตะ ตลอดจนโดราเอมอนในเครื่องแต่งกายอื่น ๆ มาจัดแสดง ทั้งนี้ บัตรเข้าชมได้จำหน่ายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วการแสดงโดรนโดราเอมอนครั้งแรกของโลกกลับมาเรียกเสียงฮือฮา!การเปิดตัวการแสดงโดรนโดราเอมอนครั้งแรกของโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จึงทำให้ผู้จัดงานอย่าง AllRightsReserved นำโชว์นี้กลับมาแสดงเหนืออ่าววิคตอเรียอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม ด้วยเรื่องราวที่ปรับใหม่ ถ่ายทอดโดยโดรน 1,000 ลำ ที่มาโลดแล่น รังสรรค์ฉากและภาพสุดคลาสสิกของโดราเอมอนที่มีความหลากหลาย พร้อมด้วยเสียงจากนักพากย์โดราเอมอนที่มาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมพบกับการปรากฏตัวสุดเซอไพรส์ทั่วฮ่องกง ที่แฟนโดราเอมอนห้ามพลาดร้านป๊อปอัพโดราเอมอน ของสะสม & 100% ID ZONEเพื่อฉลองให้กับฮ่องกง จุดพักแรกของการจัดทัวร์นิทรรศการ "100% DORAEMON & FRIENDS" นิทรรศการครั้งนี้จึงเปิดตัวชุดของสะสมธีมพิเศษ ที่วางจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน DDT มาพร้อมกับภาพพิมพ์คุณภาพสูง หุ่นไม้ของจริงแบบลิมิเต็ดอิดิชันจำนวน 500 ชิ้นทั่วโลก และตุ๊กตาของเล่น โดยคอลเลกชันดังกล่าวประกอบไปด้วยสินค้าพรีเมียมที่หลากหลายกว่า 50 รายการ แต่ละชิ้นมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวและเหมาะเป็นของสะสมสำหรับทุกช่วงวัย ท่านสามารถเลือกซื้อของสะสมนี้ได้ที่ชั้น 6 และชั้น G (G33) ที่ K11 MUSEA ทั้งนี้ โปรดทราบว่า ร้านป๊อปอัพบนชั้น 6 เปิดให้เฉพาะสำหรับผู้ที่มีบัตรเข้าชมงานเท่านั้น แต่ทุกท่านสามารถไปเลือกซื้อสินค้าได้ที่ร้านป๊อปอัพ G33 ซึ่งมีถังป๊อปคอร์นธีมโดราเอมอนที่ดูทั้งสนุกและเข้ากับบรรยากาศ ตลอดจนไอศกรีมที่มาในถ้วยสุดแสนน่ารัก ซึ่งจะมอบ “ความอร่อยหอมหวาน” ให้กับแฟน ๆนอกจากนี้ ท่านยังจะได้พบกับรหัสประจำตัวดิจิทัล DORAEMON ID แบบพิเศษ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและมีผู้ลงทะเบียนไปแล้วกว่า 400,000 คน ท่านสามารถสร้างตัวละครมังงะในแบบของตัวเองผ่านการปรับแต่งรูปร่างหน้าตา สีผิว ทรงผม และเครื่องแต่งกาย เพื่อมาเป็นแก๊งเพื่อนของโดราเอมอนได้อย่างกลมกลืน และที่ "100% ID Zone" นั้น ท่านที่มีบัตรเข้าชมจะสามารถสั่งทำสแตนดีสุดพิเศษได้ที่หน้างาน ซึ่งมีจำนวนจำกัดและเปิดจำหน่ายตามลำดับก่อนหลังและยังมี 100% Digital Stamp พร้อมแจกให้ท่านได้ร่วมสนุก แค่เพียงล็อกอินเข้าสู่ DORAEMON ID และสะสม “100% Digital Stamp” บนหน้าแอปก็เป็นอันสำเร็จ!เข้าชมได้ฟรีโดยไม่ต้องสำรองการเข้าชมเวลา: 10.00 - 22.00 น.สถานที่: G33 ชั้น G/F Muse Edition, K11 MUSEAติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://doraemon100.com/แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000067592
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
02/08/2024
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าผลักดันให้จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจุดหมายปลายทางของการพาย SUP ระดับเวิลด์คลาส ร่วมสนับสนุนงานแข่งขันกีฬาเชิงท่องเที่ยวทางน้ำระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของไทย และมีระยะทางไกลที่สุดในเอเชีย “THE ROUTE 97”ภาพ: กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บริษัท 306 สตูดิโอ ดีไซน์ จำกัด หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา การแข่งขันกระดานยืนพาย รายการ “THE ROUTE 97” ขึ้นเป็นปีที่ 3 ในระหว่างวันที่ 26 - 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันกีฬากระดานยืนพายระยะทางไกลที่สุดในเอเชีย โดยมีระยะทางตลอดการแข่งขัน 106 กิโลเมตร บนแม่น้ำแควน้อยของจังหวัดกาญจนบุรีไฮไลท์เส้นทางการพายในปีนี้จะมีการผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญ อันได้แก่ บ่อน้ำร้อนลิ่นถิ่น น้ำตก 3 แห่ง สะพานแขวนใน เขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค และถ้ำกระแซ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ภาพของสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของกาญจนบุรี ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำทั่วโลกภาพ: กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท.นอกจากนี้ ในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่จัดสรรให้มีการเดินทางมายังกาญจนบุรีโดยรถไฟจากหัวลำโพงเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟอีกด้วยนางสาวสรียา บุญมาก ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานกาญจนบุรี กล่าวว่า ททท. เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นจังหวัดต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) รวมถึงผลักดันให้กิจกรรมกีฬากระดานยืนพาย (Stand Up Paddle Board) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ต้องมาสัมผัสในการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะที่เป็นจังหวัดจุดหมายปลายทางของการพาย SUP ที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ แต่ยังมีศักยภาพเป็นจุดหมายของนักพายระดับโลกได้อีกด้วยภาพ: กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท.โดยมั่นใจว่า การจัดการแข่งขันกีฬากระดานยืนพาย “ THE ROUTE 97” ครั้งที่ 3 นี้จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวหรือนักกีฬาได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ดึงดูดและกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Tourism) ซึ่งสามารถสร้างความตระหนักรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานกาญจนบุรี https://web.facebook.com/tatkanภาพ: กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000063860
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ธุรกิจ
02/08/2024
CMMU เปิดสูตรลับ 7 กลยุทธ์ สู้แบบคนตัวเล็ก สร้างจุดเด่น เน้นจุดขาย หาความแตกต่าง เมื่อต้องชนกับเจ้ายักษ์ใหญ่ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจขนาดเล็กก็มีโอกาสแจ้งเกิดได้ไม่แพ้ปลาใหญ่ เพียงมีกลยุทธ์ที่เฉียบคม เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ชอบลองของใหม่ และเบื่อง่าย โดยเราสามารถลืมภาพปลาใหญ่กินปลาเล็กไปได้เลย เพราะธุรกิจขนาดเล็กมีความคล่องตัว ปรับตัวง่าย เข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว ผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย จงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจ สร้างจุดขายที่แตกต่างแค่นี้ธุรกิจของคุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ ยืนหยัดในตลาดได้อย่างมั่นคงผศ.ดร.สุเทพ นิ่มสาย หัวหน้าสาขาการจัดการและกลยุทธ์ (Management and Strategy) และหัวหน้าหลักสูตรปริญญาตรีควบปริญญาโทแบบเร่งรัด กูรูด้านบริหารธุรกิจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า หากธุรกิจขนาดเล็กจะสู้กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มี Economy of Scale ได้ ต้องสู้อย่างมีกลยุทธ์ และมีชั้นเชิง7 กลยุทธ์ที่ธุรกิจขนาดเล็ก ควรนำไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มีดังต่อไปนี้1. หาช่องว่างทางการตลาด : ต้องหาให้เจอก่อนว่าอะไรที่ธุรกิจขนาดใหญ่ยังไม่ได้ให้บริการหรือยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมหรือดีพอ โดยอาจเจาะไปที่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เสนอบริการแบบ Personalized ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า หรือจำหน่ายสินค้าเฉพาะกลุ่ม เฉพาะทาง2. สร้างจุดเด่น เน้นจุดขาย : จุดอ่อนของธุรกิจที่มี Economy of Scale คือ เน้น “ปริมาณ” เป็นหลักทำให้สินค้าหรือบริการมักขาด “จุดเด่น” และ “ความแตกต่าง” ที่ชัดเจน ซึ่งหากธุรกิจขนาดเล็กรู้จักสร้างนวัตกรรมหรือนำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาสินค้าและบริการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ สร้าง “จุดขาย” ที่โดดเด่นและแตกต่าง ก็จะได้เปรียบเหนือคู่แข่ง3. ใช้ประโยชน์จากความคล่องตัว : ธุรกิจขนาดเล็กจะมีโครงสร้างองค์กรเรียบง่าย มีความคล่องตัวสูง การตัดสินใจหรือจะทำอะไรทำได้รวดเร็วกว่า ซึ่งสามารถใช้จุดแข็งนี้ลองผิดลองถูกได้มากกว่า สามารถริเริ่มนวัตกรรมหรือกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ได้ง่ายกว่า4. เน้นเข้าถึง เข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้า : ธุรกิจขนาดเล็กจะมีความใกล้ชิดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า ซึ่งสามารถใช้โอกาสนี้ นำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า สามารถมอบบริการที่สร้างความประทับใจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากกว่า 5. ใช้พลังโซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ : ธุรกิจขนาดเล็กควรใช้พลังของโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, TikTok, YouTube ฯลฯ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนไม่ว่าจะใช้เป็นแหล่งศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างช่องทางการขายใหม่ๆ เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและการทำการตลาด ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ6. สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ : ธุรกิจขนาดเล็กควรสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อเพิ่มคอนเน็กชัน เพิ่มความร่วมมือ โดยเฉพาะหากเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ยิ่งควรสร้างความร่วมมือกับธุรกิจที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ตลาดใหม่ หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ยากจะเข้าถึงได้ สร้างโอกาสในการขายสินค้าและบริการใหม่ๆ7. ถึงตัวเล็ก แต่ใจต้องใหญ่ : กล้าที่จะเสี่ยงพร้อมที่จะสู้ สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ธุรกิจขนาดเล็กต้องคิดบวกและเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ธุรกิจคนตัวเล็กสามารถประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลได้ โดยอาศัยกลยุทธ์ที่เฉียบคม เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ เน้นความคล่องตัว สร้างจุดเด่น เข้าถึงลูกค้าอย่างใกล้ชิด ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และที่สำคัญคือมีความมุ่งมั่น กล้าที่จะเสี่ยง และพร้อมที่จะสู้ กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจคนตัวเล็กสามารถเอาชนะข้อจำกัดด้านขนาด แข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ และยืนหยัดในตลาดได้อย่างมั่นคงแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/business/marketing/600984
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
02/08/2024
กรุงเทพฯ 25 กรกฎาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต และนางสาวกันยา กันตถาวร (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารตัวแทน เป็นตัวแทนรับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2023 ในสาขา Social Empowerment ประเภท Health Promotion จากความสำเร็จของงาน AIA One Billion Trail 2023 ซึ่งเป็นงานเดิน - วิ่งเทรลประเภททีม 4 คน ครั้งแรกของประเทศไทย บนเส้นทางธรรมชาติจากดอยอินทนนท์ถึงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อระดมทุนสนับสนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมามีนักวิ่งเทรลเข้าร่วมพิชิตเป้าหมายจำนวนมากถึง 400 ทีม พร้อมได้รับยอดเงินบริจาคสูงกว่า 4 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งและยังเป็นความภาคภูมิใจของเหล่านักวิ่งเทรลที่มีส่วนร่วมในงานนี้อีกด้วยสำหรับงาน AIA One Billion Trail นอกจากจะจัดขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวแล้ว ยังตอกย้ำถึงพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ภายในปี 2030 ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยในปีนี้ งาน AIA One Billion Trail 2024 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน นี้ ณ จังหวัดเชียงใหม่ทั้งนี้ รางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2023 จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติแก่องค์กรที่มีการดำเนินงานและผลงานโดดเด่นด้านการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รางวัลดังกล่าวยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ประเทศไทย ในการดำเนินธุรกิจด้วยเป้าหมายสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้คนและชุมชนเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้าน ESG (ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
29/04/2024
24/10/2024
21/05/2024
30/04/2024