คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

พาวเวอร์แบงค์แบบไหน ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน อัปเดตล่าสุด 2568

11/08/2025

การเดินทางด้วยเครื่องบินในปัจจุบันสะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็มีข้อกำหนดบางอย่างที่เราต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง พาวเวอร์แบงค์ หรือแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หลายคนพกติดตัวตลอดเวลา แต่รู้หรือไม่ว่าพาวเวอร์แบงค์บางชนิดก็ ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน Sanook จะมาอัปเดตข้อมูลล่าสุดปี 2568 เพื่อให้ทุกคนเดินทางได้อย่างสบายใจและปลอดภัยทำไมพาวเวอร์แบงค์ถึงมีข้อจำกัดบนเครื่องบิน?พาวเวอร์แบงค์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งอาจเกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้ได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขณะอยู่บนเครื่องบิน การแก้ไขสถานการณ์อาจทำได้ยาก ดังนั้นจึงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารทุกคนพาวเวอร์แบงค์แบบไหนที่ "ห้าม" นำขึ้นเครื่องบินเด็ดขาด?เพื่อให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น เราได้สรุปประเภทของพาวเวอร์แบงค์ที่ ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน ดังนี้1. ห้ามโหลดใต้ท้องเครื่องทุกกรณี!นี่คือกฎเหล็กที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจ! พาวเวอร์แบงค์ทุกก้อนจะต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบินเท่านั้น ไม่ว่าจะใส่ในกระเป๋าสัมภาระพกพา (Carry-on) หรือกระเป๋าสะพายข้างตัว ก็ต้องนำขึ้นห้องโดยสารเสมอ ห้ามนำใส่กระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องบินเด็ดขาด หากฝ่าฝืนอาจถูกยึดหรือต้องทิ้งไป2. พาวเวอร์แบงค์ที่มีความจุเกิน 160 Wh (วัตต์-ชั่วโมง)ความจุของพาวเวอร์แบงค์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาว่านำขึ้นเครื่องได้หรือไม่ โดยสายการบินส่วนใหญ่จะใช้หน่วย Wh (วัตต์-ชั่วโมง) ในการกำหนด หากพาวเวอร์แบงค์ของคุณมีหน่วยเป็น mAh (มิลลิแอมป์-ชั่วโมง) สามารถแปลงค่าโดยประมาณได้ดังนี้ (โดยประมาณ 100 Wh = 20,000 mAh และ 160 Wh = 32,000 mAh ที่แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 5V):  •  พาวเวอร์แบงค์ความจุไม่เกิน 100 Wh (ประมาณ 20,000 mAh): สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ไม่จำกัดจำนวน (แต่บางสายการบินอาจมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนสูงสุด เช่น เที่ยวบินภายในประเทศจีนอาจจำกัด 20 ชิ้นต่อคน)  •  พาวเวอร์แบงค์ความจุเกิน 100 Wh แต่ไม่เกิน 160 Wh (ประมาณ 20,000 – 32,000 mAh): สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ไม่เกิน 2 ชิ้นต่อคน และบางสายการบินอาจต้องแจ้งเจ้าหน้าที่หรือขออนุญาตก่อนเดินทาง  •  พาวเวอร์แบงค์ความจุเกิน 160 Wh (ประมาณ 32,000 mAh ขึ้นไป): ห้ามนำขึ้นเครื่องบินในทุกกรณี! ไม่ว่าจะพกติดตัวหรือโหลดใต้ท้องเครื่องก็ไม่ได้รับอนุญาตวิธีดูค่า Wh บนพาวเวอร์แบงค์: มักจะระบุไว้บนฉลากของพาวเวอร์แบงค์ หากไม่พบ ให้ดูค่า mAh และค่า Voltage (V) แล้วนำมาคำนวณ: Wh = (mAh x V) / 10003. สำหรับเที่ยวบินไปจีน: พาวเวอร์แบงค์ที่ไม่มีเครื่องหมาย “CCC”ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับ เที่ยวบินภายในประเทศจีน และ เที่ยวบินที่เดินทางเข้า-ออกประเทศจีน พาวเวอร์แบงค์ทุกก้อนที่นำขึ้นเครื่องจะต้อง มีเครื่องหมาย “CCC” (China Compulsory Certification) ที่มองเห็นชัดเจน ไม่ซีดจาง หรือหลุดลอก หากไม่มีเครื่องหมายดังกล่าว อาจถูกยึดที่สนามบินทันที4. พาวเวอร์แบงค์ที่ชำรุดเสียหายพาวเวอร์แบงค์ที่มีร่องรอยความเสียหาย แตก บวม บุบ หรือมีกลิ่นผิดปกติ รวมถึงรอยไหม้ต่างๆ ห้ามนำขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายและเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ ควรทิ้งและซื้อใหม่เพื่อความปลอดภัยข้อควรรู้อื่นๆ เพื่อการเดินทางที่ราบรื่น  •  ห้ามชาร์จหรือใช้งานพาวเวอร์แบงค์บนเครื่องบิน: สายการบินหลายแห่งมีข้อกำหนดห้ามใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์ขณะอยู่บนเครื่องบิน ควรปิดการทำงานและถอดสายชาร์จออกตลอดการเดินทาง  •  ตรวจสอบกฎสายการบินของคุณ: กฎระเบียบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสายการบินและประเทศปลายทาง ดังนั้น ควรตรวจสอบข้อกำหนดของสายการบินที่คุณจะเดินทางด้วย ก่อนวันเดินทางเสมอ  •  เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบ: เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ ควรเก็บใบเสร็จหรือกล่องบรรจุภัณฑ์ของพาวเวอร์แบงค์ไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบข้อมูลความจุการปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างราบรื่น แต่ยังช่วยให้ผู้โดยสารท่านอื่นๆ ปลอดภัยด้วย ขอให้คุณสนุกกับการเดินทางนะคะแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1452483/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วม 2 โครงการใหญ่ของคปภ. เตรียมความพร้อมสู่วัยทำงานด้วยการประกันภัย

06/08/2025

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมออกบูธจัดนิทรรศการในโครงการเตรียมความพร้อมสู่วัยทำงานด้วยการประกันภัย OIC : Be Smart First Jobber ปีที่ 4 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งจัดขึ้น 2 แห่ง ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยในงานได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และ นายธานี ทรงธนเจริญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน  เอไอเอ ประเทศไทย ในนามประธานคณะอนุกรรมการระบบบัญชีและภาษี สมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และหน่วยงานของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “เส้นทางสายอาชีพด้านการประกันภัย” ถ่ายทอดประสบการณ์การก้าวเข้าสู่เส้นทางสายอาชีพด้านการประกันภัยให้แก่กลุ่มนิสิต นักศึกษา ในระดับอุดมศึกษาของคณะวิทยาการจัดการและคณะอื่น ๆ  รวมถึงผู้เริ่มต้นทำงาน (First Jobber) เพื่อทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนของระบบประกันภัยในฐานะเป็นเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดยงานจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นอกจากนี้ นพ. โสภณ นันทาภรณ์ศักดิ์ ผู้จัดการภาค ทริปเปิ้ล เอ และ Top District Manager Up of the Year 2024 ยังได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ Be Inspired บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางสายอาชีพตัวแทนประกันชีวิตที่น่าสนใจ พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจประกันภัยเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งโอกาส และเป็นตลาดแรงงานที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเข้าสู่สายอาชีพ (First Jobber) ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยภายในงานทั้ง 2 แห่งมีนิสิตนักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่าพันคน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

คปภ.ชี้เหตุระเบิดชายแดนไม่ใช่ภัยสงคราม บริษัทประกันต้องจ่ายค่าสินไหมเจ้าของปั๊ม

05/08/2025

พลังงาน-คปภ. เร่งช่วยเจ้าของปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด BM21พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์และขอความเป็นธรรม จากนางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ตำบลบ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยิงลูกระเบิด BM21 ที่ถูกยิงจากฝั่งกัมพูชา เป็นผลให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากโดย พ.อ.เฟื่องวิชชุ์กล่าวว่า แม้กระทรวงพลังงานจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กระทรวงพลังงาน โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ดูแลและเป็นตัวกลางในการประสานงานและหารือกับทาง คปภ. และผู้บริหารของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) ในการหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือเจ้าของสถานีบริการน้ำมันผมขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของสถานีบริการน้ำมันและผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด หลังจากที่ได้ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งผมก็ได้รับมอบหมายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ติดตามช่วยเหลือประชาชน ซึ่งในส่วนของสถานีบริการน้ำมันที่ได้รับผลกระทบนั้น ผมได้หารือกับทาง คปภ.“เบื้องต้นทาง คปภ.ได้ยืนยันว่า บริษัทประกันต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปะทะ ไม่ใช่ภัยสงคราม รวมทั้งจะประสานกับทางบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) ในการหาแนวทางการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว” พ.อ. เฟื่องวิชชุ์กล่าวด้านนายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ. กล่าวว่า จากการตรวจสอบกรมธรรม์ที่ทางเจ้าของสถานีบริการได้ทำไว้กับบริษัทประกันนั้น แม้ในกรมธรรม์จะระบุว่าไม่คุ้มครองภัยจากภัยสงครามหรือการรุกราน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่ใช่ภัยจากสงคราม เป็นเพียงการปะทะเท่านั้น จึงถือว่ากรมธรรม์ยังต้องคุ้มครองและจ่ายค่าสินไหมให้กับผู้ได้รับความเสียหายนางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ แต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อของตนได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องปิดสถานีบริการมากกว่า 3 เดือน มูลค่าความเสียหายกว่า 21 ล้านบาท ซึ่งสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1858525

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“Who Wears Whom: The Masks of Southeast Asia” นิทรรศการหน้ากากในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมและแรงบันดาลใจทางศิลปะร่วมสมัย

05/08/2025

นิทรรศการที่ชวนสำรวจความหมายของ “หน้ากาก” ที่เป็นมากกว่าวัตถุที่ใช้พรางใบหน้า แต่ยังเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงศิลปะ ความเชื่อ จิตวิญญาณ และอัตลักษณ์ของผู้คนเข้าไว้ด้วยกันจากวัตถุที่ใช้ในพิธีกรรม.. สู่สัญลักษณ์แห่งการแสดงออกทางวัฒนธรรม หน้ากากในภูมิภาคเอเชียอุษาคเนย์ไม่เพียงแต่สะท้อนความหลากหลายทางชาติพันธุ์ แต่ยังเผยให้เห็นรากเหง้าทางความคิด ความศรัทธา และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติกระทรวง อว. โดย สำนักงานปลัดกระทรวง อว.ฯ ร่วมกับสมาคมเพื่อการพัฒนาศิลปะและหัตถศิลป์ไทย และมหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเชิญร่วมชมงานนิทรรศการ“Who Wears Whom: The Masks of Southeast Asia” ที่ชวนมุ่งศึกษาความหมาย บทบาท และคุณค่าของ “หน้ากาก” ในบริบทวัฒนธรรมร่วมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และภูมิภาค อันสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการถ่ายทอดองค์ความรู้ การสืบทอดรูปแบบเชิงพิธีกรรม และการตีความหน้ากากใหม่ในบริบทสังคมร่วมสมัยภายในนิทรรศการประกอบด้วย• การจัดแสดงหน้ากากจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนมีเรื่องราวเฉพาะถิ่น• ผลงานศิลปะร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหน้ากาก โดยศิลปินจากทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งตีความหน้ากากในบริบทใหม่ในสังคมร่วมสมัยขอเชิญร่วมชม “Who Wears Whom: The Masks of Southeast Asia” ระหว่างวันที่ 5 – 17 สิงหาคม 2568เวลา 10:00 – 20:00 น. ณ ผนังโค้ง ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) โดยพิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 17:00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000073928

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“บ้านท่าฤทธิ์” ถ่ายรูปน้องแพะ- น้องแกะ ณ จุดชมวิวหลักล้าน ท้ายเขื่อนป่าสักฯ

05/08/2025

เมื่อพูดถึง “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ภาพจำของนักท่องเที่ยวมักนึกถึงการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดลพบุรี เป็นเขื่อนสำคัญที่เสมือนเส้นเลือดสำคัญของระบบชลประทานในพื้นที่ภาคกลาง บ้างก็นึกถึงเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟลอยน้ำที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงที่น้ำเต็มเขื่อนช่วงปลายปี-ต้นปีแต่พื้นที่กว้างใหญ่ของเขื่อนสำคัญแห่งนี้ ครอบคลุมทั้งจังหวัดลพบุรี (อำเภอพัฒนานิคม) และจังหวัดสระบุรี (อำเภอวังม่วง) ซึ่งพื้นที่ท้ายเขื่อนในเขตอำเภอวังม่วงนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งที่ได้รับความนิยมเหตุผลมาจากในช่วงน้ำลด “บ้านท่าฤทธิ์" อ.วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้เผยให้เห็น ผืนหญ้าเขียวขจีกว้างไกลสุดสายตาขนานไปกับผืนน้ำในเขื่อนป่าสักฯ และมีวิวภูเขาลูกใหญ่อยู่ไกลลิบๆ ดึงดูดให้เป็นจุดเช็กอินยอดนิยม ด้วยบรรยากาศสุดชิลมอบทัศนียภาพน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้มาเยือนเพลิดเพลินกับให้อาหารแพะ-แกะสีสันอีกด้าน ก็เสริมด้วยจุดขายอย่าง “ฝูงแพะ-แกะ” ที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงแบบปล่อยไปตามธรรมชาติ ถูกต้อนมาเล็มหญ้าหลายสิบตัว วันละสองรอบ (รอบเช้า ประมาณ 9.00 -12.00 น. กับ รอบบ่าย ประมาณ 15.00 - 18.00 น.) กลายเป็นภาพน่าประทับใจ จนนักท่องเที่ยวบางคนขนานนามว่า “นิวซีแลนด์เมืองไทย”ใบกระถิน ของโปรดของน้องๆแม้ฝูงแพะกับแกะ จะเล็มหญ้าไปอย่างอิสระ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถให้อาหารได้ โดยคนเลี้ยงจัดเตรียม “ใบกระถิน” กับ “นม” (สำหรับลูกแพะ) จำหน่ายในราคาย่อมเยา 20-50 บาท ส่วนใครอยากแวะไปถ่ายรูปด้วยเฉยๆ ก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด โดยเฉพาะบรรดาลูกแพะตัวขนาดกำลังน่ารัก ก็มักเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวที่อดไม่ได้ต้องขออุ้มมาถ่ายภาพด้วยใบกระถิน ของโปรดของน้องๆความพิเศษของทิวทัศน์ในแต่ละช่วงเวลาก็แตกต่างกัน โดยในช่วงเช้า บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย นักท่องเที่ยวน้อยกว่า (และน้อยมากถ้าไม่ตรงกับวันหยุด) ส่วนช่วงเย็นนั้นหากตรงกับวันหยุดหรือหยุดยาว ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะภาพที่ปรากฏ คือ รถยนต์และผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวกันพักผ่อนหย่อนใจคึกคักราวกับงานเฟสติวัลแต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ก็ไม่ถึงกับแออัดอะไรมากนัก โดยแลกกับช่วงเวลาสุดประทับใจที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขารวมกลุ่มชาวแกะนอกจากกิจกรรมเล่นกับแพะ-แกะ แล้ว ที่นี่ในช่วงเย็นยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเล่นว่าว นั่งปิกนิก รวมทั้งบรรดาสายแคมปิ้ง หรือรถบ้าน - รถสไตล์แคมปิ้ง ก็นิยมเดินทางมาพักแรม โดยมีร้านค้าและห้องน้ำให้บริการอยู่บริเวณถนนด้านบนบรรยากาศยามเย็นได้เวลากลับบ้านแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000072406

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ปิดแผน (ไม่) ลับ… ลายแทงแห่งความรวย

04/08/2025

คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่)สินทรัพย์ที่ดีคือสินทรัพย์ที่สามารถเสริมสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และให้งอกงามขึ้นต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็มีสองทางเลือกง่าย ๆ ที่จะสร้างสินทรัพย์แบบนี้ได้ นั่นก็คือไป “ทำงาน” เป็นลูกจ้างพนักงานบริษัท หรือไม่ก็ไป “ทำธุรกิจ” เสียเอง ซึ่งแต่ละอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวมันเองทางที่ดีสำหรับการ “ทำงาน” คือการ “ทำธุรกิจ” ไปด้วยการทำธุรกิจจะบังคับให้เราพยายามเพิ่มสินทรัพย์ไปเองอย่างไม่รู้ตัวอยู่แล้ว โดยการทำธุรกิจนี้ก็คือการลงทุน ไม่ว่าจะไปเป็นเจ้าของกิจการโดยตรง หรือจะไปลงทุนในตลาดการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการในทางอ้อม โดยหลักการสำคัญในเรื่องการลงทุนก็คือ “ทัศนคติ” ของการ “ทำธุรกิจ”แรงเหวี่ยงที่ทำให้ก่อเกิดรายได้เราจะเคยได้ยินคำพูดกรอกหูอยู่เสมอ ว่าการลงทุนที่ดีนั้นควรจะต้องกระจายความเสี่ยง เช่น การใส่ไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบ เพื่อที่ไข่จะได้ไม่ตกแตกหมดทุกใบตอนตะกร้าใบใดใบหนึ่งตกแต่การกระจายความเสี่ยงแบบนี้ก็มีข้อเสียตรงที่ว่า คนเหล่านี้จะไม่สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ใหญ่พอจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงที่จะไปก่อให้เกิดรายได้อย่างเพียงพอ ซึ่งก็ไม่สามารถนำรายได้เหล่านี้กลับไปสร้างให้เกิดเป็นสินทรัพย์ใหม่ได้ เพราะโดนค่าใช้จ่ายดูดไปหมดทางเลือกอีกทางหนึ่งที่แก้ปัญหาเหล่านี้คือ การนำเงินไปลงทุนในบริษัทเล็ก ๆ หรือทำธุรกิจเสียเอง ซึ่งก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน และคิดให้ได้ว่านั่นคือการได้เป็นเจ้าของบริษัทนั้นโดยกลาย ๆแม้ว่าการลงทุนวิธีการนี้จะทำให้เรารวยได้อย่างรวดเร็วก็ตาม แต่อย่างที่รู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จนั้นก็มีไม่มาก เหมือนกับคำฮิตติดปากที่ว่า “ถ้าหวังผลตอบแทนสูงก็ต้องยอมรับความเสี่ยงสูงเช่นกัน” ฉะนั้น เราควรจะเข้าใจการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่ผลตอบแทนการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ผู้ชนะคือผู้ที่กล้าที่จะผิดหวัง แต่มีกำลังใจ และคิดหาวิธีที่จะทำให้ความผิดหวังนั้นกลับกลายเป็นผู้ชนะในการลงทุนครั้งต่อไปทำอย่างไรจึงมีเงินไปลงทุนรายได้หลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้ว ควรเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์ที่จะงอกเงย เพื่อให้ผลออกมาเป็นรายได้ต่อไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ การที่เราจะรักษาสินทรัพย์เหล่านี้ให้นำไปก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการออม หรือการพึ่งพารายได้จากการ “ทำงาน” ให้น้อยลง (เป็นอิสระทางการเงิน และเป็นอิสระจากงานประจำให้มากขึ้น) เป็นต้น“การจัดการค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นการออมอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”ลดภาระหนี้สินที่มีก่อน หนี้สินส่วนใหญ่จะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดภาระดอกเบี้ยมากชนิดที่เข็มขัดสั้น (จนคาดไม่ถึง) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ1. หนี้สินจากบัตรเครดิต ซึ่งแนะนำให้จัดการเป็นลำดับแรก จะพบว่าทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่เป็นหนี้จากบัตรเครดิตมาก ยกเว้นถ้าคิดว่าเป็นการกู้มาเพื่อการลงทุน2. การดาวน์รถคันใหม่ราคาแพง ไม่ว่าจะเอาไว้เพื่ออวดสาว หรือเพื่อความโก้เก๋ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับหนทางสู่ความรวยงดอะไรก็ตามที่ซื้อด้วยอารมณ์ ไม่ได้ซื้อด้วยเหตุผล เพราะคงใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้ม เวลาขายต่อก็ราคาตกแน่ เห็นว่าขาดทุนตั้งแต่ตอนซื้ออย่างเห็น ๆ ยกตัวอย่างเช่น การลดค่าใช้จ่ายจากการทำให้ตัวเองทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าอยากตามทันแบบกระชั้นชิดก็ต้องถมเงินจ่ายให้มากหน่อยการจัดการและการลดหย่อนภาษี เช่น การซื้อกองทุนรวม LTF, กองทุนรวม RMF, ประกันชีวิต, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามบริษัท, การบริจาค, การมีบุตรบุญธรรม, ดอกเบี้ยจากการกู้เพื่อซื้อบ้าน หรือแม้กระทั่งการจดทะเบียนบริษัทในบางรูปแบบที่สามารถจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพบทสรุปสินทรัพย์ที่ดีสามารถสร้างได้โดยการ “ทำงาน” เป็นลูกจ้างพนักงานบริษัท หรือไม่ก็ไป “ทำธุรกิจ” เสียเอง โดยลักษณะของการทำงานนั้นจะต้องระวังเรื่องทัศนคติให้มาก เพราะจะมัวไปยึดติดอยู่กับรายได้ประจำจนลืมหลักการสำคัญในการสร้างสินทรัพย์ข้างต้นไปการ “ทำธุรกิจ” นั้นจะบังคับให้เราพยายามเพิ่มสินทรัพย์ไปเองอย่างไม่รู้ตัวอยู่แล้ว โดยการทำธุรกิจนี้ก็คือการลงทุนไปเป็นเจ้าของกิจการโดยตรง หรือจะไปลงทุนในตลาดการเงินก็ถือว่าเป็นเจ้าของกิจการในทางอ้อม โดยหลักการสำคัญคือ ทัศนคติของการทำธุรกิจและการสร้างสินทรัพย์ที่ใหญ่พอจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงที่จะไปก่อให้เกิดรายได้อย่างเพียงพอ จนเอาชนะค่าใช้จ่ายและสามารถนำกลับไปสร้างให้เกิดเป็นสินทรัพย์ที่ดีและงอกเงยขึ้นมาได้ส่วนประเด็นสำคัญในการทำธุรกิจก็หนีไม่พ้นเรื่องการลงทุน การลงทุนที่ดีจะต้องรู้ว่าสินทรัพย์ที่กำลังจะลงเงินไปต้องสามารถทำกำไรได้ โดยต้องมั่นใจตั้งแต่ตอนที่ลงทุน โดยไม่ใช่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าลงทุนไปแล้วก็คงจะมีกำไรได้ในอนาคตขึ้นเองแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1855685

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย "Part of, Not Apart From"

04/08/2025

333Artlink ภูมิใจนำเสนอนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย "Part of, Not Apart From" ที่จะเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2568 ณ noble PLAY เพลินจิต กรุงเทพฯมนุษย์กับธรรมชาติ แยกกันไม่ได้ คือแนวคิดหลักของ Part of, Not Apart From นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่ชวนทุกคนมาทบทวนบทบาทของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมุมมองของศิลปินทั้ง 4 ได้แก่ อมรเทพ มหามาตร, ชัชชัยวัชร ชังชู, ปรัชญา เจริญสุข และวริศรา จิรัฐิติเจริญนิทรรศการนี้นำเสนอผ่านผลงานศิลปะที่หลากหลาย ทั้งประติมากรรม วัตถุจัดวาง และการทดลองเชิงสร้างสรรค์ ที่พูดถึงร่องรอยของมนุษย์ที่ทิ้งไว้บนโลก ไม่ว่าจะเป็นในดิน ในน้ำ หรือแม้แต่ในอากาศ พร้อมตั้งคำถามถึง “ยุคแอนโทรพอซีน” (Anthropocene) หรือยุคที่มนุษย์มีอิทธิพลต่อระบบนิเวศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ธรรมชาติ ไม่ได้ยอมจำนนง่าย ๆ นิทรรศการนี้ไม่ได้มองแค่บทบาทของมนุษย์ แต่ยังชวนจินตนาการถึงเสียงของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่กำลังพยายามอยู่ร่วมกับเรา ทั้งต้นไม้ พืชพันธุ์ สัตว์ หรือแม้แต่วัสดุธรรมชาติที่แฝงตัวอยู่ในวัตถุจำลองต่าง ๆ ภายในงานผู้ชมจะได้เห็นทั้งท่อส่งน้ำที่กลายเป็นประติมากรรม ภาชนะที่ดูเหมือนธรรมดาแต่เต็มไปด้วยนัยยะ ไปจนถึงการทดลองดัดแปลงพันธุกรรมพืชจากจินตนาการของ AI ที่ทำให้เราตั้งคำถามถึงอนาคตของสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งความพิเศษของนิทรรศการ คือการออกแบบพื้นที่จัดแสดงโดย Elemental Living ร่วมกับนักออกแบบพืชศิลป์ สาธิต พุทธวรารักษ์ ที่จะเปลี่ยนพื้นที่กลางเมืองให้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อของธรรมชาติ และศิลปะอย่างลงตัวพื้นที่แห่งคำถามและการค้นหา - นอกจากจะได้ชมผลงานศิลปะ นิทรรศการนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ตั้งคำถาม สังเกต ทดลอง และทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองกับสิ่งรอบตัวอีกครั้ง เพราะไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกัน ทั้งสิ่งเล็กน้อย เปราะบาง หรือดูไม่มีความสำคัญ ต่างมีผลต่อโลกใบนี้ทั้งสิ้นนิทรรศการนี้เหมาะกับใคร ? - สำหรับทุกคนที่อยากเข้าใจธรรมชาติ ผ่านมุมมองใหม่ของศิลปะ ทั้งคนรักศิลปะ นักออกแบบ นักคิด นักเรียน หรือคนที่แค่สงสัยว่ามนุษย์กับธรรมชาติยังอยู่ร่วมกันได้แค่ไหนในโลกปัจจุบันชมงานศิลปะและธรรมชาติในยามค่ำคืน – เฉพาะคืนวันศุกร์เท่านั้นนิทรรศการ “Part of, Not Apart From” จะขยายเวลาเปิดให้เข้าชมในวันศุกร์ จากเวลา 8:00 – 17:00 น. เป็น 8:00 – 21:00 น.ในช่วงเย็นของวันศุกร์ (17:00 – 21:00 น.) ผู้ชมจะได้สัมผัสบรรยากาศพิเศษยามค่ำคืนที่ไม่เหมือนใคร แสงไฟที่เปลี่ยนไปจะเผยให้เห็นมิติใหม่ของงานศิลปะและธรรมชาติในมุมมองที่แตกต่างวันศุกร์ที่เปิดให้เข้าชมพิเศษ:25 กรกฎาคม | 1, 8, 15, 22, 29 สิงหาคม | 5, 12, 19, 26 กันยายน 2568แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9680000068699

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ มอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ถุง เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือแก่ประชาชนและทหารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

04/08/2025

เอไอเอ ประเทศไทย ส่งความห่วงใยถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่กองทัพไทยทุกท่าน ให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างลุล่วง ปลอดภัย โดยมีผู้บริหารและพลังตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย เข้าเยี่ยมประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ  พร้อมมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภคให้แก่ประชาชนและกองทัพไทยจำนวนทั้งสิ้น 2,000 ชุด เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือใน 4 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ และสุรินทร์  ผ่าน 2 จุดบริจาค ณ ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ และที่ว่าการอำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยมีท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายธาตรี สิริรุ่งวนิช และ นางทรัพย์สิน  โพธิ์ขาว พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมด้วยนายปรีดา อุ่นอุดม นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี เป็นตัวแทนรับมอบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“อุทยานแห่งชาติไทรทอง” ธรรมชาติตระการตา เดิน “ผาหำหด” ชม “ดอกกระเจียว” ราชินีแห่งป่าฝน

04/08/2025

ดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงตัดกับผืนหญ้าเพ็กเขียวขจี มีหมอกจางยามเช้าเสมือนม่านบางๆที่ห่มคลุมความงามของผืนป่า “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” ซึ่งในฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำกลางปี กลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชัยภูมิทุ่งดอกกระเจียวในม่านหมอกอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 77อุทยานแห่งชาติไทรทอง นับเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเป็นลำดับต้นๆของจังหวัดชัยภูมิ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอภักดีชุมพล และอำเภอหนองบัวแดง มีเนื้อที่ประมาณ 199,375 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นผืนป่าบนเทือกเขาพังเหย ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงต่ำหลายลูกเรียงรายสลับซับซ้อน มีระดับความสูงตั้งแต่ 300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถึงสูงสุดที่ยอดเขาพังเหย 1,008 เมตรประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2535 “ อุทยานแห่งชาติไทรทอง “ นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 77 ของประเทศไทยทะเลหมอกยามเช้าบริเวณเนินผาพืชพรรณระหว่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติแหล่งชมทุ่งดอกกระเจียว “ราชินีแห่งป่าฝน”อุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็น 1 ใน 2 แหล่งชมทุ่งดอกกระเจียวที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ (อีกแห่ง คือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต ในจังหวัดชัยภูมิเช่นกัน)เมื่อถึงฤดูกาลอันชุ่มฉ่ำกลางปี นอกจากผืนป่าไทรทองจะเขียวชอุ่มชุ่มชื้นไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่แล้ว ซึ่งจุดขายอันดับหนึ่ง ต้องยกให้ความงดงามโดดเด่นของดอกกระเจียวที่ผลิบานอยู่เต็มท้องทุ่ง จนได้รับการขนานนามว่า “ทุ่งบัวสวรรค์”ทุ่งบัวสวรรค์“ดอกกระเจียว” หรือบางคนเรียกว่า “บัวสวรรค์” เป็นพืชวงศ์เดียวกับขิง และเป็นไม้ล้มลุกซึ่งมีเหง้าอยู่ใต้ดิน ในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนเหง้าดอกกระเจียวฝังอยู่ใต้ดิน จนกระทั่งความชุ่มชื้นแห่งฤดูฝนมาปลุกให้เหง้าดอกกระเจียวแทงหน่อต่อยอดเติบโต และค่อยๆ ผลิดอกบานออกมาอวดโฉมทีละน้อยๆ ตั้งแต่ต้นฤดูฝนจนกระทั่งสะพรั่งบานชมพูงดงามไปเต็มท้องทุ่งในช่วงกลางปี สมเป็นดอกไม้ที่ใครๆยกให้เป็นราชินีแห่งป่าฝนสำหรับ ดอกกระเจียวป่าในอุทยานฯ เป็นสายพันธุ์ที่รับประทานไม่ได้เหมือนที่เกิดทั่วไป จุดเด่นมีสีชมพูอมม่วง ผุดขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าเพ็กสีเขียว มีต้นไม้แคระปกคลุมประปรายบนเทือกเขาพังเหย ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีดอกกระเจียวป่าสีสันสดใสในทุ่งบัวสวรรค์ความสวยงามของการชมดอกกระเจียวในฤดูฝนยังมีช่วงเวลาแตกต่างกัน ในเวลาเช้าที่มีสายหมอกปกคลุมทั่วท้องทุ่ง จะมีความงามแบบมีม่านหมอกปกคลุม สวยงามแบบมัวๆฟุ้งๆคล้ายใส่ฟิลเตอร์ซอฟต์ มีเอกลักษณ์ไปอีกแบบ หรือหากเป็นช่วงกลางวันที่มีแดดดี ก็ช่วยขับเน้นสีสันชมพูตัดเขียวชัดเจน และช่วงเวลาฝนพรำ ก็เป็นความชุ่มฉ่ำแบบป่าฝนที่หยดน้ำเกาะบนดอกเต็มไปด้วยความสดชื่นดอกกระเจียวป่าสีสันสดใสนอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติไทรทอง ยังมี “ดอกกระเจียวสีขาว” หรือเทพอัปสร ที่มีดอกเล็กกว่ากระเจียวสีชมพูปรากฏให้ชมอยู่ด้วย โดยกระจัดกระจายแซมอยู่ระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอกกระเจียวสีขาวเส้นทางชมดอกไม้ ท้าทาย “ผาหำหด”การเที่ยวอุทยานแห่งชาติไทรทอง มีทางเข้าสองจุด ได้แก่ จุดแรก ทางเข้าด่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรทอง กับจุดที่สอง ทางเข้าด่านซับมงคลทางเข้าสองจุดนี้ มีลักษณะวนลูปเป็นวงกลม หากมีเวลาจำกัด และต้องการเจอทุ่งดอกกระเจียวตั้งแต่แรก ก็แนะนำทางเข้าด่านซับมงคล ซึ่งเดินเท้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเจอกับ “ทุ่งบัวสวรรค์ 3” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดอกกระเจียวสะพรั่งบานมากที่สุดทุ่งบัวสวรรค์แต่หากอยากเดินสำรวจเนินผาชมวิวอันเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของอุทยานฯ ก่อนจะเดินไปเจอทุ่งดอกไม้ รวมทั้งกลุ่มนักกางเต็นท์พักแรม ก็แนะนำทางเข้าด่านที่ทำการฯ ซึ่งเส้นทางเดินเที่ยวต้องผ่านเนินผาต่างๆก่อนและในบรรดาเนินผาที่มีชื่อเสียง ต้องยกให้ “ผาหำหด” หรือชื่อเดิม "ผาน้ำผึ้ง" เนื่องจากใต้หน้าผาเคยมีผึ้งมาทำรัง เป็นสันเขาตรงจุดสูงของเทือกเขาพังเหย มีลักษณะเป็นชะง่อนผาที่ยืนออกไปด้านนอก สูงจากระดับน้ำทะเล 864 เมตร มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าที่มีทะเลหมอกสุดตื่นตาตื่นใจผาหำหดส่วนที่มาของชื่อนั้น มาจากผาหินที่ยื่นออกไปกลางอากาศ เมื่อขึ้นไปยืนแล้วมองลงไปด้านล่างจะรู้สึกถึงความหวาดกลัว หวาดเสียว จนเกิดอาการประหม่า ขาสั่น และสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นจุดนี้ได้ ส่วนคำว่า "หำ" เป็นคำนิยามภาษาอีสาน โดยถือว่าไม่มีความหมายในเชิงหยาบคายแต่อย่างใด คนอีสานถือว่าเป็นคำพูดแบบคนเฒ่าคนแก่ หรือผู้มีอายุมากที่เรียกเด็กผู้ชายที่มีบุคลิกหน้าตาน่ารัก น่าชัง เช่น พูดว่า “บักหำ" นั่นเองนอกจากนี้ แนวเขาพังเหย ยังมีจุดชมวิวเนินผาอีกหลายจุด เช่น ผาฮักก่อ ผาเพลินใจ ผาอาทิตย์อัสดง ฯลฯ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเท้าที่เชื่อมต่อกับทุ่งบัวสวรรค์สำหรับชมดอกกระเจียวได้ทะเลหมอกยามเช้าบริเวณเนินผาข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิโทร. 08-9282-3437facebook.com/SaithongOfficialเส้นทางศึกษาธรรมชาติแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000070446

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

อสังหาริมทรัพย์

วิธีเลือกซื้อบ้านมือสองอย่างไรให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิต ลงทุนทำกำไร

15/07/2025

วิธีเลือกซื้อบ้านมือสองอย่างไรให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิต ไม่ยากเช็กที่นี่ K Property มีคำตอบ สภาพดี ราคาประหยัด อยู่อาศัยดีลงทุนได้การเลือกซื้อบ้านมือสอง ควรพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ต่างการจากซื้อบ้านมือหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อบ้าน คือ การเลือกซื้อบ้านอย่างไรให้ตอบโจทย์กับความต้องการตนเอง เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่มากกว่าการตัดสินใจซื้อบ้านมือสองต้องเลือกอย่างไรดี?  •  ประเมินราคา ราคาบ้านไม่แพงกว่าที่ตนเองสามารถผ่อนไหว  •  ทำเลที่ตั้งของบ้าน ให้พิจารณาก่อนว่าทำเลที่ตั้งของบ้านสะดวกกับการเดินทางไปทำงานหรือไม่ บริเวณรอบ ๆ บ้านนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากหรือไม่ ในบางจุดที่ไม่มีรถโดยสารสาธารณะผ่าน จะไม่สะดวกสำหรับคนที่ไม่มีรถโดยสารส่วนตัว  •  ประเภทของบ้านที่ต้องการจะซื้อ โดยปกติที่อยู่อาศัยจะมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งคอนโดมิเนียมจะไม่ค่อยสะดวกสบายมากนักสำหรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด และยากต่อการปรับขยายขนาดของพื้นที่  •  จำนวนสมาชิกในบ้าน จำนวนสมาชิกที่อยู่อาศัยร่วมกันในบ้านจะเป็นตัวกำหนดพื้นที่ และปริมาณห้องนอนที่ต้องการ เช่น สมาชิกในบ้านมี พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว ตา และยาย ควรที่จะมีห้องนอนอย่างน้อย 4 ห้องขั้นตอนซื้อบ้านมือสองคล้ายกับการซื้อบ้านมือหนึ่ง แต่จะลงรายละเอียดที่การตรวจบ้านเป็นพิเศษขั้นตอนการซื้อบ้านมือสองที่ควรรู้แบบครบจบในที่เดียวขั้นตอนการซื้อบ้านมือสองที่ควรรู้มีอะไรบ้าง? สำหรับมือใหม่ที่อยากมีบ้าน ต้องบอกก่อนเลยว่าในการซื้อบ้านมือสอง จะมีขั้นตอนที่คล้ายกับการซื้อบ้านมือหนึ่ง แต่จะต้องลงรายละเอียดในเรื่องของการตรวจบ้านมากกว่า โดยมีขั้นตอนในการซื้อบ้านมือสองทั้งหมด 7 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่1. เลือกโครงการบ้านที่สนใจสามารถลองค้นหาบ้านที่ใช่ จากเว็บไซต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หรือโครงการบ้านมือสองจากทางธนาคาร ซึ่งสามารถค้นหาบ้านจากทำเลที่สนใจ หรือลองค้นหาจากการกำหนดราคาบ้านที่ต้องการ เพื่อคุมงบประมาณค่าใช้จ่าย2. ติดต่อสถาบันการเงินสามารถลองติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการขอกู้ซื้อบ้านมือสอง พร้อมทั้งสอบถามข้อมูล รายละเอียดบ้านให้ชัดเจน3. เตรียมยื่นเอกสารเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการซื้อบ้าน ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รายการเดินบัญชีย้อนหลัง สำเนาสมุดบัญชี ใบรับรองเงินเดือน หรือใบจดทะเบียนการค้า (ถ้ามี)1. ทำสัญญาซื้อขายบ้านสัญญาซื้อขายบ้านจะต้องระบุวันที่ วันชำระเงิน ราคาของบ้านอย่างชัดเจน รวมถึงระบุข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย2. วางเงินประกันการเสนอซื้อบ้านตามที่ตกลงในการซื้อบ้านมือสองจะต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อบ้านทันที ไม่มีการยื่นขอผ่อนเงินประกันการเสนอซื้อ (ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อประมาณ 5-20% ของราคาบ้าน)3. ตรวจบ้านก่อนโอนในการซื้อบ้านมือสองจะต้องมีการตรวจบ้านให้ละเอียดก่อนการเซ็นรับโอน เนื่องจากตัวบ้านมือสอง อาจมีรอยแตก รอยร้าว หรือแม้แต่โครงสร้างบ้านทรุดก็เป็นได้ จึงต้องตรวจสอบให้ดีก่อน4. นัดวันโอนบ้านเพื่อรับโฉนดที่ดิน ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการซื้อบ้านมือสอง ซึ่งคู่สัญญาจะต้องไปลงชื่อในเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาขั้นตอนการซื้อบ้านมือสองอย่างละเอียด ก็สามารถศึกษาขั้นตอนเพิ่มเติมได้ เพื่อให้สามารถเลือกซื้อบ้านได้ตอบโจทย์และสามารถอยู่อาศัยได้ในระยะยาว ซึ่งทางธนาคารกสิกรไทยก็ได้รวบรวมขั้นตอนวิธีซื้อสินทรัพย์มือสองของธนาคารง่าย ๆ ไว้ให้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้เลย ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสองควรตรวจสอบว่าตัวเองมีความพร้อมด้านการเงินมากน้อยแค่ไหนข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อบ้านมือสองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านมือสองนั้น ควรตรวจสอบว่าตนเองมีความพร้อมทางด้านการเงินมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากการตัดสินใจซื้อบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านมือหนึ่ง หรือบ้านมือสอง จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้น จึงควรคำนวณค่าผ่อนบ้านให้มีความเหมาะสมกับรายรับในแต่ละเดือนสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การซื้อบ้านมือสองจะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อน ทั้งวิธีการยื่นขอซื้อ การเซ็นสัญญาซื้อขาย ไปจนถึงขั้นตอนการตรวจสอบสภาพบ้าน จึงควรศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจสำรวจสภาพการเงินตัวเองให้ดีอย่างแรกสุด คือการประเมินศักยภาพทางการเงินของตนเองว่ามีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านมือสองในช่วงราคาประมาณไหน โดยให้วางแผนในการใช้จ่ายให้ดีก่อน ทั้งการแบ่งรายรับแต่ละเดือน และคำนวณค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อีกทั้งควรศึกษาค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านมือสองให้ถี่ถ้วน หากไม่มีการวางแผนในการใช้เงินให้ดี อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือร้ายแรงที่สุด คือ ไม่สามารถผ่อนบ้านต่อไปได้ ทำให้ธนาคารต้องยึดทรัพย์คืน ดังนั้นขอแนะนำให้ลองแบ่งสัดส่วนการใช้เงินของตนเองคร่าว ๆ ก่อน เช่น  •  สำรวจเงินเก็บออมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในการซื้อบ้านมือสองนั้น จำเป็นต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อบ้านอย่างน้อย 10% ของราคาบ้าน ดังนั้นเงินเก็บในปัจจุบันควรจะมากกว่าจำนวนนเงินประกันการเสนอซื้อ รวมกับเงินเก็บเผื่อในยามฉุกเฉินด้วย  •  สำรวจค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตนเอง แน่นอนอยู่แล้วว่าการเดินทางไปทำงาน หรือแม้แต่ผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าประกันชีวิตต่าง ๆ ให้ลองคำนวณคร่าว ๆ แล้วสรุปเป็นรายเดือนออกมาก่อนว่าค่าใช้จ่ายส่วนตัวเฉลี่ยอยู่ที่กี่บาท  •  รายจ่ายและหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน รายจ่ายและหนี้สินของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนต้องแบกรับภาระครอบครัว หนี้บัตรเครดิต หรือต้องผ่อนบ้านหลาย ๆ หลังไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นให้นำหนี้สินที่จำเป็นต้องจ่ายในแต่ละเดือน มาคำนวณร่วมด้วยว่าจะสามารถกู้ซื้อบ้านมือสองเพิ่มอีกได้หรือไม่  •  ค่าใช้จ่ายในอนาคตที่สนใจ เช่น มีการวางแผนจะซื้อรถ หรือซื้อคอนโดต่อเลย ก็จะต้องคำนวณถึงจำนวนปีที่จะต้องผ่อน รวมถึงความสามารถทางการเงินของตนเองว่าสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ทั้งหมดหรือไม่ตรวจสอบโครงการบ้านที่จะซื้อให้ดูตั้งแต่รายละเอียดของโครงการ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางว่าจะต้องมีการชำระอะไรเพิ่มบ้างอีกเท่าไหร่ ประวัติของตัวบ้าน รวมทั้งสำรวจที่ดินในบริเวณใกล้เคียงว่าเสี่ยงต่อการโดนเวนคืนที่ดินหรือไม่? เป็นบ้านติดจำนองหรือไม่? และที่สำคัญที่สุดในวิธีเลือกซื้อบ้านมือสอง คือ ทำเลที่ตั้งของบ้านจะต้องไม่ใช่บ้านที่ตั้งในที่ดินสาธารณะหรือที่ดินเอกชนที่บริจาคให้เป็นสาธารณะ เพราะมีสิทธิ์ถูกเพิกถอนภายหลังได้รู้ข้อกฎหมายที่สำคัญศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการซื้อบ้านมือสองให้ละเอียด โดยปกติแล้วจะต้องมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายอย่างถูกต้องเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ซึ่งในสัญญาจะต้องระบุราคาซื้อขาย การจ่ายเงินมัดจำ และเงินส่วนที่เหลือจะชำระต่อไป หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ในเวลาที่กำหนด ผู้ขายมีสิทธิ์ที่จะยึดเงินมัดจำได้ เมื่อดำเนินการยื่นขอสินเชื่อเสร็จสิ้น และได้รับอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำสัญญาซื้อขายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินเท่านั้นถึงมีผลผูกกันตามกฎหมาย และยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ภาษีธุรกิจเฉพาะ ฯลฯตรวจรับบ้านก่อนโอนให้เรียบร้อยตรวจบ้านก่อนโอนให้เรียบร้อยในการซื้อบ้านมือสอง ควรมีการตรวจสอบสภาพบ้านมือสองอย่างละเอียดก่อนการโอนร้บบ้าน โดยตรวจสอบตามบริเวณรอบ ๆ บ้าน ดังนี้  •  โครงสร้างบ้าน ผนังบ้าน กำแพงบ้าน พื้นบ้าน ระเบียงบ้าน บันได และคานบ้าน ควรอยู่ในสภาพที่แข็งแรง ไม่มีส่วนไหนที่ผุพัง หรือแตกหักจนเห็นเหล็กโครงสร้างภายใน  •  ทางเดินภายในบ้าน เริ่มตั้งแต่ประตู หน้าต่าง จะต้องอยู่ในสภาพดี สามารถใช้งานได้ ในทางที่ดีประตูหรือหน้าต่างไม่ควรเปิดแล้วชนกัน และไม่มีจุดไหนที่น้ำสามารถรั่วซึมเข้ามาได้  •  สภาพบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเพดาน พื้นบ้าน ผนังบ้าน จะต้องไม่มีรอยรั่ว หรือแตก  •  ระบบไฟฟ้า มีสภาพดี ไม่มีสายไฟหรือปลั๊กตัวไหนเสียหาย  •  ระบบประปาและช่องทางการระบายน้ำ จะต้องไม่มีจุดรั่วซึม หรือแตกหัก ปั๊มน้ำสามารถทำงานได้ตามปกติ รางน้ำฝนไม่มีจุดแตกหัก สุขภัณฑ์ไม่มีจุดเสียหาย  •  ภายนอกของตัวบ้าน และพื้นที่รอบตัวบ้าน ให้สังเกตตั้งแต่บริเวณรั้วบ้านว่าจะต้องมีสภาพดี ตัวบ้านไม่ควรทรุดจากบริเวณโดยรอบมากนัก อยากได้บ้านมือสองดี ๆ จะหาซื้อได้จากที่ไหนหลังจากที่ได้รู้วิธีการเลือกซื้อบ้านมือสอง พร้อมกับสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก่อนซื้อบ้านมือสองไปแล้วนั้น ขั้นตอนต่อไป คือ การหาบ้านมือสองที่ใช่ ทำเลที่ชอบ แต่จะหาจากที่ไหนได้บ้าง? เพราะในปัจจุบันการหาบ้านมือสองที่ราคาดี ตั้งอยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์ในการใช้งาน ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ๆ เลยก็ว่าได้ทั้งนี้การซื้อบ้านมือสองในปัจจุบันมีข้อดีมากกว่าที่คิด เนื่องจากผู้ซื้อสามารถเลือกดูบ้านที่สนใจ ราคาที่ใช่ อีกทั้งยังเลือกทำเลที่ชอบได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าการซื้อบ้านมือสองจะต้องดูเรื่องสภาพบ้านให้ละเอียดกว่าบ้านมือหนึ่งค่อนข้างมาก แต่การซื้อบ้านมือสองก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากมีบ้านเป็นของตนเอง เพราะตัวบ้านมือสองมักเป็นบ้านที่พร้อมอยู่เรียบร้อยแล้ว หากอยากเปลี่ยนสภาพบ้านให้น่าอยู่มากขึ้น เพียงแค่นำมาต่อเติม หรือตกแต่งใหม่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ก็สามารถเนรมิตจากบ้านมือสองธรรมดาให้ดูสวยเหมือนบ้านมือหนึ่งได้เลยที่มา:K-Property เว็บไซต์สำหรับการค้นหาบ้านมือสองที่ดำเนินการโดยธนาคารกสิกรไทยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/real-estate/632043

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X