คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวการเงิน

เปิดประเทศระบบบำนาญดีที่สุดในโลก 2025 ‘ไทย’ รั้งช่วงท้ายแม้คะแนนดีขึ้น

17/10/2025

  •  'เนเธอร์แลนด์' ครองอันดับ 1 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในโลกประจำปี 2025 ตามการจัดอันดับของ Mercer  •  'ประเทศไทย' ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 41 จาก 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยอยู่ในกลุ่ม C หรือกลุ่มรองจากท้ายตาราง  •  แม้คะแนนรวมของไทยจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และมีคะแนนด้านความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณลดลง  •  เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ระบบบำนาญของไทยยังคงตามหลังสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซียบริษัทที่ปรึกษา Mercer เปิดเผยรายงานดัชนีบำนาญโลก “Mercer CFA Institute Global Pension Index 2025” พบว่าปีนี้ “เนเธอร์แลนด์” ยังคงครองอันดับ 1 ได้เช่นเดิม ด้าน “สิงคโปร์” ก้าวเข้าสู่กลุ่มชั้นแนวหน้าของดัชนีบำนาญโลกได้เป็นครั้งแรก โดยขึ้นสู่อันดับที่ 4 จากการเสริมความแข็งแกร่งของระบบอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี และรัฐบาลเพิ่มความโปร่งใสให้ประชาชนเข้าใจได้มากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณขณะที่ระบบบำนาญของ “มาเลเซีย” อยู่ในอันดับที่ 3 ของเอเชียแปซิฟิก โดยมีคะแนน 60.6 คะแนน เพิ่มขึ้นจาก 56.3 เมื่อปีที่แล้ว ขยับขึ้นมาอยู่ในเกรดC+ จากเดิมที่เกรด Cรายงานฉบับนี้ประเมินระบบบำนาญของ 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยใช้เกณฑ์ 3 ด้าน คือ1. ความเพียงพอ (Adequacy) ของรายได้/เงินบำนาญหลังเกษียณ2. ความยั่งยืน (Sustainability) ของระบบบำนาญ3. ความมีธรรมาภิบาลของระบบ” (Integrity)เมื่อปี 2009 “สิงคโปร์” เคยได้เพียงเกรด C ในดัชนีนี้ แต่ภายในเวลาเพียงสิบกว่าปี คะแนนของสิงคโปร์ได้พุ่งขึ้นเป็น B+ ในปีที่แล้ว และในปี 2025 ก็ทะยานขึ้นถึงระดับ Aทิม เจนกินส์ หุ้นส่วนจากบริษัทเมอร์เซอร์ในซิดนีย์และหัวหน้าทีมจัดทำรายงาน กล่าวว่า สิงคโปร์เสริมความแข็งแกร่งของระบบบำนาญอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้แรงก์กิ้งของประเทศดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงหลังรัฐบาลให้ความสำคัญมากขึ้นกับการเพิ่มความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณระบบบำนาญของสิงคโปร์ตั้งอยู่บนโครงสร้างของ Central Provident Fund (CPF) ซึ่งครอบคลุมแรงงานชาวสิงคโปร์และผู้พำนักถาวรทุกคน โดยเป็นระบบที่บังคับให้ลูกจ้างและนายจ้างสมทบเงินเข้ากองทุนร่วมกัน“สิงคโปร์ไต่ขึ้นมาจากเกรด C จนถึงเกรด A ได้เต็มตัว” เจนกินส์กล่าว “เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ก็มีส่วนช่วยด้วย เพราะดัชนีในด้านความยั่งยืนจะคำนึงถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย”  •  ‘ไทย’ รั้งช่วงท้ายแม้มีคะแนนดีขึ้นสำหรับ “ประเทศไทย” อยู่ในอันดับกลุ่มประเทศ C หรือกลุ่มรองจากท้ายสุด (กลุ่ม D) โดยอยู่ร่วมกับอีกหลายประเทศอาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนามแต่หากวัดในแง่คะแนนรวมนั้น ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 41 จากทั้งหมด 52 อันดับ โดยอยู่ในอันดับที่ 11 จากท้ายตารางในปีนี้ระบบบำนาญของประเทศไทยได้คะแนนดีขึ้นเป็น 50.6 จากเดิม 50.0 ในปีที่แล้ว ทว่าก็ยังคง “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก” ที่ 64.5 คะแนน โดยในการประเมินเกณฑ์ชี้วัด 3 ด้านนั้น ประเทศไทยทำคะแนนดีขึ้นมากที่สุดในแง่ความโปร่งใสธรรมาภิบาล รองลงมาคือเรื่องความยั่งยืนของระบบ แต่เรื่องความเพียงพอของรายได้หรือเงินบำนาญหลังเกษียณมีคะแนนลดลงเมื่อเทียบกับประเทศใน “อาเซียน” สิงคโปร์ครองอันดับสูงสุดของภูมิภาคด้วยคะแนน 80.8 (เกรด A) ขณะที่มาเลเซียได้ 60.6 (เกรด C+) เวียดนาม 53.7, อินโดนีเซีย 51.0, ไทย 50.6 (เกรด C) และฟิลิปปินส์ 47.1 (เกรด D) ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งในด้าน “ความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณ” แม้มีความก้าวหน้าในด้านธรรมาภิบาลของระบบมากขึ้นก็ตามรายงานส่วนที่วิเคราะห์เฉพาะประเทศไทยระบุว่า ระบบรายได้หลังเกษียณของประเทศไทย ประกอบไปด้วย 1.เงินบำนาญชราภาพ, 2. กองทุนประกันสังคมสำหรับลูกจ้างภาคเอกชน, 3. แผนบำนาญแบบกำหนดเงินสมทบโดยสมัครใจที่นายจ้างจัดตั้งให้ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ 4. ผลิตภัณฑ์เงินออมส่วนบุคคลรายงานยังแนะนำอีกว่า ค่าดัชนีโดยรวมของระบบบำนาญไทย อาจเพิ่มขึ้นได้หากมีการดำเนินการดังต่อไปนี้ ได้แก่  •  เพิ่มการคุ้มครองลูกจ้างในระบบบำนาญภาคอาชีพให้ครอบคลุมขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับเงินสมทบและสินทรัพย์  •  เพิ่มระดับการสนับสนุนขั้นต่ำสำหรับผู้สูงอายุที่ยากจนที่สุด  •  ลดระดับหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับสัดส่วนจีดีพี  •  ยกระดับข้อกำหนดการกำกับดูแลระบบบำนาญภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง  •  รัฐล้วงเงินกองทุนไปหนุนนโยบายผู้จัดทำรายงานยังเตือนด้วยว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศเริ่มพยายามนำเงินลงทุนของกองทุนบำนาญไปสนับสนุนนโยบายภายในประเทศมากขึ้น“กฎระเบียบและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่เรื่องภาษีไปจนถึงข้อบังคับด้านการลงทุน ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่กองทุนบำนาญจัดสรรเงินลงทุนของตน” มาร์กาเร็ต แฟรงคลิน ประธานและซีอีโอของสถาบัน CFA Institute กล่าว“ในบางประเทศ รัฐบาลกำลังหันมาใช้กองทุนบำนาญเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ระดับชาติ แต่ในมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เราจำเป็นต้องระมัดระวังผลกระทบที่ไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อข้อบังคับหรือข้อจำกัดเหล่านี้บิดเบือนระบบโดยรวม”ด้านคริสติน มาโฮนีย์ ผู้บริหารด้านบำนาญแบบกำหนดสิทธิประโยชน์/กำหนดเงินสมทบของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า เมื่อผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลง รัฐบาลต่างๆ กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ปรับเปลี่ยนระบบบำนาญ“อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปบำนาญไม่ใช่เรื่องง่าย การประเมินผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนายจ้าง รัฐบาล และผู้ให้บริการบำนาญควรมีส่วนร่วมในการกำหนดระบบบำนาญที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/world/1203326

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

ระบาดหนัก! “ตัวแทนนายหน้าเถื่อนต่างชาติ” คปภ.ร่วมมือ Apple และ Google เร่งปราบปรามภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่

17/10/2025

15 ตุลาคม 2568 : ปัจจุบัน สำนักงาน คปภ. พบกรณี นิติบุคคลต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยตามพระราชบัญญัติประกันชีวิตและพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอ้างการสร้างแอปพลิเคชันหลอกลวงว่าเป็นบริษัทประกันภัยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกให้ประชาชน เข้าทำสัญญาประกันภัย ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเสียหายสำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. นำโดย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และนายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี จึงเดินหน้าปราบปรามภัยไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ โดยเข้าร่วม ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple และ Google รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO) และธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)ในการประชุมดังกล่าว นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ เน้นย้ำว่าธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยสำนักงาน คปภ. และผู้ที่จะประกอบธุรกิจประกันภัยจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อรับประกันภัยได้ สำหรับตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยก็จะต้องได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยจากนายทะเบียน จึงจะสามารถเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ประชาชนได้ จึงได้มีการหารือถึงแนวทางการใช้เทคโนโลยีของ Apple Store และ Google Play Store เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงที่เกิดขึ้นโดยสำนักงาน คปภ. จะร่วมมือกับทั้ง 2 บริษัท ในการตรวจสอบและลบแอปพลิเคชันของ บริษัทประกันภัยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงดังกล่าว เนื่องจากแอปพลิเคชันเถื่อนหรือบริษัทประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเหล่านี้ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. หากเกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือจ่ายเงินไม่ครบตามกรมธรรม์หรือบริษัทเลิก ประกอบธุรกิจ และเคลมไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับเบี้ยประกันภัยไปแล้ว โดยบริษัทต่างชาติเหล่านี้ไม่มีทรัพย์สินในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถบังคับคดีตามคำพิพากษาได้อีกด้วย จึงยากที่จะหาตัวผู้รับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมายได้สำนักงาน คปภ. ขอเตือนประชาชนว่าก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ให้ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทประกันภัย ตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือ นายหน้าประกันภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ ของสำนักงาน คปภ. ทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) บัญชีทางการชื่อ “คปภ. รอบรู้” และสายด่วน คปภ. 1186แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=192161

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“PADO MEDIA ART SPACE” พัทยา สุดตื่นตางานศิลป์ แสง สี เสียง มุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ

17/10/2025

“พัทยา” จังหวัดชลบุรี นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีหาดทรายชายทะเลสวยงามโด่งดังในระดับโลก และเมืองแห่งสถานบันเทิงแสงสียามราตรีที่ยากจะหลับใหลแล้ว พัทยายังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวประเภทแมนเมดอีกเป็นจำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือ “PADO MEDIA ART SPACE” หรือที่ใครหลาย ๆ คนเรียกสั้น ๆ ว่า “PADO” แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวให้เข้าชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาสีสันลีลาวดี ห้อง HarmonyPADO MEDIA ART SPACE ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสาย 3 (ใกล้ ๆ กับ เวิลด์เฮาสต์ พัทยา) โซนพัทยากลาง ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีที่นี่เป็นศูนย์จัดแสดงงานศิลปะสื่อผสมแบบ Immersive Art Interactive ผ่านนิทรรศการสื่อเสมือนจริงและสื่อโต้ตอบแห่งแรกของพัทยา ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากเกาหลี บนเนื้อที่จัดแสดงกว่า 4,300 ตารางเมตรPADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง คลื่น (ห้อง PADO)ชื่อ PADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง “คลื่น” เปรียบดังคลื่นลูกใหม่จากมหาสมุทรที่พัดเข้าสู่แผ่นดิน ถือเป็นการส่งต่อเทคโนโลยีศิลปะสื่อผสมจากเกาหลีสู่เมืองพัทยา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของเมืองไทยภายใน PADO มีทั้งหมด 12 ห้อง (Hall) แบ่งส่วนจัดแสดงเป็น 14 ธีมหลัก ครอบคลุมทั้งภาพ เสียง สีแสง กลิ่น สื่อผสม และแสงเคลื่อนไหว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาลอวกาศ ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย รวมถึงจินตนาการอันชวนทึ่งสีสันดอกราชพฤกษ์ ห้อง Harmonyผู้ที่มาเที่ยวชมใน PADO สามารถถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่มีการจำกัดเวลาการถ่ายรูปในห้องต่าง ๆ พวกสายคอนเท้นต์หากมีเวลาจะอยู่ถ่ายรูปกันหลายชั่วโมงหรือทั้งวันก็สามารถทำได้ แต่ทางศูนย์มีข้อห้ามสำหรับการถ่ายรูปคือ ห้ามใช้แฟลช รวมถึงห้ามใช้ขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นส่วนการเดินชมต้องระวังผนังกระจกที่เป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการจัดแสดง ที่มีอยู่เกือบทั่วทุกห้องชมให้ดี อย่ามัวแต่ชมแสงสีกันเพลินจนเดินไปชมกระจกเด็ดขาดห้อง Universeสำหรับการจัดแสดงทั้ง 14 ธีมใน PADO MEDIA ART SPACE นั้นมีอะไรบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้เริ่มจาก Universe : สื่อถึงการกำเนิดชีวิตและเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ผ่านจักรวาลด้วยลำแสงสีขาวจำนวนมาก ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด ร่วมด้วยลำแสงสีฟ้าและแสงสีเคลื่อนไหวส่องเป็นจังหวะบนพื้นที่เราก้าวเดินห้อง Harmonyจากนั้นต่อกันด้วย Harmony และ Secret : 2 ห้องที่ให้อารมณ์เชื่อมต่อกันของธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจนำโดยสวนดอกไม้ดิจิทัล แห่งความงดงามและกลิ่นหอม กับมนต์เสน่ห์ของ 2 ดอกไม้งามคู่เมืองไทยคือ “ราชพฤกษ์” หรือ “ดอกคูน” และ “ลีลาวดี” หรือ “ลั่นทม” กับแสงสี บรรยากาศ ขนาดและลีลาที่แปรเปลี่ยนไป ดูสายงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งห้อง Harmonyนอกจากนี้ก็ยังมีบรรยากาศของป่าใต้หมอกแห่งไฟและผีเสื้อแห่งนิทานที่ดูแฝงความลึกลับในห้อง Secretถัดมาเป็นห้องที่ 4 คือ PADO หรือ Wave : อีกหนึ่งห้องไฮไลต์ของที่นี่ จัดแสดงเรื่องราวของ PADO หรือ “คลื่น” ในช่วงเวลาและฤดูกาลต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปชวนให้อารมณ์ของเราเปลี่ยนแปรตาม ไม่ว่าจะเป็น ยามเช้า ค่ำคืน ฝนตก ฟ้าร้องฟ้าผ่า หรือยามราตรีที่แสงเหนือสาดส่องอย่างสวยงามห้อง PADOห้องนี้เราสามารถไปยืนบนพื้นใกล้ผนังที่แสดงแสงสีศิลปะของคลื่นซัดสาด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นที่กำลังสาดซัดเข้าหาฝั่ง ดุจดังเรากำลังเดินอยู่บนคลื่นและหาดทรายแบบเสมือนจริงได้อย่างน่าตื่นเต้นห้อง PADOนอกจากนี้ห้อง PADO ยังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ ของคลื่นในหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น สงบ สดใส เกี้ยวกราด ดุดัน ซึ่งทางศูนย์ต้องการสื่อให้เราสัมผัสกับอารมณ์ของคลื่นและอารมณ์ของธรรมชาติ อันนำไปสู่การหลอมรวมความเงียบสงบของจิตใจตนโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ ห้อง Time Spaceต่อกันด้วยห้องที่ 5 Time Space : พาไปสัมผัสกับโลกแฟนตาซีเหนือจินตนาการใน 3 บรรยากาศ ได้แก่โลกใต้ทะเลลึก เป็นดังเมืองใต้สมุทร ที่มีฝูงปลา และสัตว์ทะเลน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปะการัง และรอบตัวเราโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ สายฟ้าฟาดกระหน่ำ โดยมี “นกฟีนิกซ์” ในตำนานบินโฉบเฉี่ยวไปมา ช่วงนี้ชวนให้นึกถึงโลกที่กำลังถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญไม่น้อยเลยล่ะค่ะและโลกยุคน้ำแข็งที่ให้อารมณ์หนาวยะเยือก มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่าน มีฝูงปลาและสัตว์ทะเลแหวกว่ายห้อง Highlightจากนั้นเป็นห้อง Highlight : กับโชว์แสงเลเซอร์เริงระบำหลากดีไซน์หลายรูปแบบ ที่ต้องการสื่อว่าในความมืดมิด แสงไม่เพียงส่องนำทางเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนเราให้เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้อีกด้วยห้อง Auroraต่อมาเป็นห้อง Aurora : จำลองบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดูมีแสงออโรร่าฉาบทอ ท่ามกลางหมู่ดาวดารดาษ รวมถึงมีวาฬตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่บนฟากฟ้าห้อง Wishถัดมาเป็นห้อง Wish : ที่เต็มไปด้วยโคมลอยที่เปลี่ยนสีสันไปตามจังหวะแสงที่ย้อม ซึ่งสื่อถึงความฝันและความหวัง ถือเป็นห้องแห่งสีสันคัลเลอร์ฟูลที่ถ่ายรูปได้สนุกมากต่อด้วย Aqua : ที่จำลองสายน้ำตก และการไหลของสายน้ำในหลากหลายรูปแบบ มิติ ลีลา อารมณ์ มาให้ชมกันธีม Playground ห้องสุดท้ายแล้วก็มาถึงห้องสุดท้าย ห้องที่ 12 ที่รวม 3 ธีมเข้าไว้ในห้องเดียวกัน ได้แก่ Playground, Travel และ InsightPlayground : เป็นพื้นที่ที่ให้เราวาดสิ่งที่จินตนาการลงไป แล้วภาพจะไปปรากฏบนผนังจักรวาลจำลองที่ด้านข้างธีม Travel ห้องสุดท้ายTravel: นำเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ประเพณี วัฒนธรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรม งานโคมลอยยี่เป็ง พระปรางค์วัดอรุณ และพระพุทธรูปองค์โตส่วน Insight: จุดปิดท้ายเป็นวงกลมแห่งแสง มีบันไดให้เราเดินขึ้นไปถ่ายรูปคู่ด้วย ตามแนวคิด พื้นที่แห่งการตระหนักรู้ตนเองในสีสันหลากหลายและคลื่นแสงและนี่ก็คือเสน่ห์สีสันของ PADO MEDIA ART SPACE แห่งเมืองพัทยา จังหสัดชลบุรี ที่เป็นสถานที่ที่จัดเต็มประสบการณ์แห่งแสง สี เสียง และศิลป์ อันน่าตื่นตาตื่นใจมาให้ผู้สนได้ชมกันธีม Insight ห้องสุดท้ายPADO MEDIA ART SPACE เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา : 10.00-21.00 น. เปิดขายตั๋วรอบสุดท้าย 20:00 น. สอบถาม รายละเอียดการเข้าชมได้ที่ โทร. 095 120 9955 หรือดูที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ PADO MEDIA ART SPACEแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000089036

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี ต้นโพธิ์เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย

17/10/2025

กิ่งก้านที่แผ่กว้างไปรอบๆ มอบความรู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามอยู่ประดิษฐานอยู่ใต้ร่มเงา ก็ดูเข้มขลังชวนให้นึกจินตนาการไปถึงภาพพระศาสดาแห่งพุทธศาสนาเมื่อครั้งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิต้นไม้ที่ว่านี้ คือ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ต้นโพธิ์ที่นับได้ว่าเป็นต้นที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย“ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ต้นนี้ อยู่ในเขต “วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นโดยรอบประมาณ 20 เมตร และมีความสูงประมาณ 30 เมตรเรื่องเล่าตำนานศรีมหาโพธิตามคติพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เชื่อว่า ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียนั้นตายไปแล้ว แต่หน่อเนื้อเชื้อไขของต้นโพธิ์ตรัสรู้ยังอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งอัญเชิญมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานที่มาของต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ยังมีการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า “ในอดีตเมื่อครั้ง พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ในสมัยขอมเรืองอำนาจทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้จากเจ้าผู้ครองนครปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย เพื่อนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ”นอกจากนี้ ความเชื่อเรื่องการอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิในประเทศไทยก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ จะต้องอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ไม่ได้อัญเชิญมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ปกครองอินเดียจึงได้มีการอัญเชิญพระศรีมหาโพธิจากพุทธคยาไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิจากอินเดียมาปลูกที่พระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชังในประเทศไทยมีต้นพระศรีมหาโพธิที่มีหน่อเนื้อเชื้อไขจากต้นโพธิตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมาย ทั้งที่นำมาจากศรีลังกาและอินเดีย โดยเชื่อว่าต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพระศรีมหาโพธิที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อัญเชิญมาจากลังกาทวีปในสมัยวัฒนธรรมทวารวดีเมื่อประมาณ 1,000 กว่าปีมาแล้วส่วนการเรียกชื่อต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมโหสถว่า “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” เป็นการแสดงให้เห็นว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขต้นโพธิตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าต้นโพธิ์ ต้นไม้แห่งปัญญาต้นโพธิ์ ถือเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวพุทธมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลมากกว่า 2,000 ปี คำว่า “โพธิ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้นๆ และได้ตรัสรู้ต้นโพธิ์จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย ได้รับการกราบไหว้บูชาเคารพเรื่อยมาอย่างไรก็ตาม มีความเชื่อด้วยว่า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เหมาะสมที่จะปลูกในบริเวณที่พักอาศัย เพราะหากเจ้าของดูแลได้ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมแล้วก็อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่ดีตามมาแก่คนในครอบครัว แต่อาจเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบรากของต้นโพธิ์สามารถชอนไชไปได้ไกลเพื่อที่จะหาอาหารถ้าปลูกใกล้พื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยจะทำให้โครงสร้างบ้านหรืออาคารที่อยู่ใกล้เคียงนั้นเกิดความเสียหายได้ลักษณะทั่วไปของต้นโพธิ์ คือ เป็นไม้ต้นใหญ่ สูง 20-30 เมตร ผลัดใบระยะสั้น เรือนยอดแผ่กว้าง ลำต้นใหญ่สั้นและเป็นพูพอน กิ่งก้านแผ่ขยาย มีรากอากาศไม่มากเปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กว้างหรือสามเหลี่ยม ปลายใบยาวแหลม โคนใบรูปหัวใจ ดอกเป็นสีเขียวอ่อนออกรวมเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่งมีดอกตลอดปี ผลสดแบบมะเดื่อ ทรงกลมสีม่วงดำ ออกผลตลอดปีต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ มองจากซุ้มประตูวัดฝั่งตรงข้ามหนึ่งในรุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมีสำหรับ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ปราจีนบุรี นับเป็นต้นไม้ 1 ใน 65 ต้น ที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือทรงคุณค่า “รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ผู้เปรียบดัง "ร่มโพธิ์ไทร" ของประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2560วิหารพระคันธารราช วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิปัจจุบัน ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยด้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานจากกรมศิลปากร พร้อมทั้งปรากฏอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000096551

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

จากมนุษย์เงินเดือนสู่นักลงทุนที่ฉลาด : 9 เครื่องมือการเงินที่คุณต้องรู้

15/10/2025

คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FSAT, FRMนักลงทุนที่ดี หมายถึง ผู้ที่สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ดีได้โดยการแสวงหาการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถเสริมสร้างรายได้ให้งอกงามอย่างยั่งยืน (Sustainable) ในโลกปัจจุบันนี้จึงมีการพัฒนาตลาดการเงินขึ้นมาในรูปแบบใหม่ เพื่อให้นักลงทุนที่ไม่มีกำลังเงินที่เพียงพอในการลงทุนในธุรกิจของตัวเอง ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการโดยทางอ้อมถ้าจะกล่าวอย่างง่าย ๆ คือ ตลาดการเงินทำตัวเป็นตัวเชื่อมให้คนที่มีเงินออม ได้เอาเงินไปลงทุน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการจ้างให้คนมาทำงานแทนเรา เวลาจะลงทุนก็ควรดูที่พื้นฐาน ไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงในตลาดเพียงอย่างเดียวนักลงทุนอีกแบบนี้เองที่เราเรียกว่า นักลงทุนที่เป็นเจ้าของกิจการทางอ้อม โดยการเอาเงินไปลงทุนในตลาดการเงิน“นักลงทุนในตลาดการเงิน” การเป็นนักลงทุนในตลาดการเงินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยหลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายแล้ว ควรเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์ที่จะงอกเงยเพื่อเป็นรายได้ต่อไปเรื่อย ๆเครื่องมือทางการเงินในตลาดที่แนะนำให้ใช้กันอยู่บ่อย ๆ ทั่วไป คือ1. ลงทุนในหุ้นราคาถูก : โดยคาดหวังว่าจะได้กำไรก้อนงามจากผลต่างราคาที่สูงขึ้นไป (ภาษานักการเงินจะเรียกว่า Capital Gain) ซึ่งผลกำไรนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ลงทุนในการศึกษาข้อมูลหุ้น หรือข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (Initial Public Offering) ก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างที่ฮ่องกง คนจะเอาเงินไปลงหุ้นของบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (IPO) อยู่บ่อย ๆ แต่ละครั้งนั้นมีแต่คนแห่ซื้อ แล้วถ้าได้มาก็เหมือนกับถูกเลขท้ายสองตัว เพราะโอกาสที่จะได้นั้นเป็นหนึ่งต่อแปด2. ลงทุนในกองทุนรวม : กองทุนรวม จริง ๆ แล้วคือการระดมเงินทุนเข้ามากองไว้เพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการ โดยจะมีมืออาชีพบริหารตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นักลงทุนจึงไม่ต้องเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์เองโดยตรง แต่คาดหวังกำไรจากราคากองทุนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งจะมีสำนักงาน ก.ล.ต. คอยกำหนดกฎเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนเข้าถึง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากการลงทุน3. ซื้อหุ้นของบริษัทที่โตเต็มที่แล้ว (Blue Chip) : หุ้นของบริษัทประเภทนี้จะให้เงินปันผลที่เป็นผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ โดยคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากราคาตอนที่ซื้อเอาไว้มาเป็นของแถม แต่ก็แน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัว เนื่องจากการซื้อหุ้นคือการร่วมหัวจมท้ายกับบริษัท ซึ่งทำให้นักลงทุนเสมือนกับเป็นเจ้าของกิจการ ข้อเสียของการลงทุนหุ้นประเภทนี้ก็คือการเสียภาษีส่วนบุคคลในเงินปันผลที่รับมา เพราะเงินปันผลถือเป็นรายได้และต้องนำไปรวมภาษีส่วนบุคคล ขณะที่ผลต่างของราคาหุ้นไม่ต้องเสียภาษี4. ซื้อเงินตราต่างประเทศเมื่อคาดว่าเงินท้องถิ่นจะมีมูลค่าลดลง : นักลงทุนจะคาดหวังว่าดอกเบี้ยและมูลค่าเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้โดยเฉพาะกับคนที่ได้รายได้จากต่างประเทศ เช่น มีสมัยหนึ่งที่เงินหนึ่งเหรียญฮ่องกงสามารถแลกได้ 5.5 บาท แต่มาถึงช่วงหนึ่งตกลงมาเหลือแค่ประมาณ 4 บาทต่อหนึ่งเหรียญฮ่องกงเท่านั้น การเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นเงินนิวซีแลนด์ในสมัยนั้นเป็นการตัดสินใจถูกต้องเพราะสามารถให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำถึงปีละ 8 เปอร์เซ็นต์5. ซื้อทองคำเพื่อป้องกันค่าเงินที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อ : ผลตอบแทนที่ได้รับคือมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้น เช่น การซื้อทองในฮ่องกงที่ไม่ต้องเอาทองกลับไปกลับมา แค่มีแผ่นกระดาษจากธนาคารแทน ซึ่งราคาของแผ่นกระดาษจะเปลี่ยนไปตามราคาทองในตลาด การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อแนะนำคร่าว ๆ คือ 1) ซื้อตอนมีภาวะเงินเฟ้อ เช่น ราคาน้ำมันขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย 2) ซื้อก่อนเทศกาล และ 3) ซื้อตอนที่เครื่องมือการลงทุนไม่น่าสนใจ6. ซื้อพันธบัตร : นักลงทุนสามารถเลือกซื้อพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นและถือจนถึงวันครบอายุ หรืออาจลงทุนในตราสารทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น Structure Note, Credit Link Note โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ จนถึงวันครบอายุ7. ซื้อ Hedge Fund : Hedge Fund นั้นจะสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนตลาดขาขึ้นและขาลง (Long and Short Position) โดยคาดหวังว่าราคา Hedge Fund ที่เพิ่มขึ้นจะคือผลตอบแทนการลงทุน ส่วนใหญ่ต้องลงทุนมากกว่าล้านบาทขึ้นไปถึงจะลงทุนได้ แต่แบบประกันชีวิตก็จัดได้ว่าเป็น Hedge Fund เหมือนกัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นยังมีรูปแบบที่จำกัดอยู่8. ซื้ออสังหาริมทรัพย์ : ถ้าไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งก้อน นักลงทุนก็สามารถหันไปหาซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทดแทนค่าเช่าที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หรือทดแทนมูลค่าเงินของเราที่ลดลง9. ถือเงินสด : สุดท้ายก็ควรถือเงินสดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อรอโอกาสเข้าซื้อกรณีตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรวย ก็คือ สุขภาพ ความสุข และคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ ความรวยในมุมมองของผม จึงหมายถึงการมีอิสรภาพทางการเงิน เพื่อใช้ชีวิตและเวลาไปกับสิ่งที่เรารักและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์สิน การเดินทางสายกลางจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับการสร้างสินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคล “การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน” ก็เปรียบเสมือนการสร้างสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท หากองค์กรใดต้องการความเชี่ยวชาญด้านนี้ บริษัท ABS ก็พร้อมให้บริการ โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897231

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

สมาคมศิลป์ภูเก็จ เปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” เชื่อมโยงวิถีและจินตนาการ

15/10/2025

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมาคมศิลป์ภูเก็จ เปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) รวมผลงานศิลปินภูเก็ต เชื่อมโยงวิถีและจินตนาการ พร้อมเปิดตัวชิ้นงานจำลอง “ดีวีนา” หนึ่งในไฮไลท์ Thailand Biennale Phuket 2025วันนี้ (2 ตุลาคม 2568) เวลา 16.00 น. ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต จัดพิธีเปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) โดยมีอาจารย์อารีย์ คงพล และ อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง นำผลงานมาจัดแสดง ร่วมกับเครือข่ายศิลปินรับเชิญสำหรับการจัดนิทรรศการครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงบทบาทของศิลปะ และ วัฒนธรรม ที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้ภูเก็ตก้าวสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับสากลได้อย่างยั่งยืน โดยอาจารย์อารีย์ คงพล ได้นำเสนอผลงานในชุด “จินตนาการงานสร้าง” ที่สะท้อนพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ หนึ่งในนั้นคือ ประติมากรรม “ดีวีนา” (Dheveena) ซึ่งจะได้รับการจัดแสดงในเวทีศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Phuket 2025 ขณะที่อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง ถ่ายทอดผลงานชุด “วิถี” ที่หยั่งรากจากชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในภาคใต้ ถ่ายทอดผ่านงานจิตรกรรมที่เรียบง่าย อบอุ่น แต่ทรงพลังอย่างไรก็ตาม นิทรรศการ “สองประสบการณ์” ถ่ายทอดผลงานที่สะท้อนทั้งจินตนาการและวิถีชีวิต ผ่านสายตาของสองศิลปินผู้มากด้วยประสบการณ์ ร่วมด้วยผลงานจากกัลยาณมิตรศิลปินหลากหลายสาขา โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณชั้นหนึ่ง โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้โดยการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็ต เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสิทธิ์ ผลเจริญ กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารโรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้, น.ส.เชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน, นายชลำ อรรถธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายธรรมวัฒน์ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต และนายพุทธา มากหลาย นายกสมาคมผู้บริหารงานช่างและพัฒนาฝีมือช่างภาคใต้ ในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งศิลปิน ภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/south/detail/9680000094371

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ททท.แม่ฮ่องสอน ชวนเที่ยว “เทศกาลทุ่งดอกบัวตอง” เริ่ม 11 พ.ย. 68

15/10/2025

ททท.แม่ฮ่องสอน ชวนนักท่องเที่ยวเตรียมเก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้ามาชมความงาม “ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ” นับถอยหลังฤดูกาลชมดอกไม้สวยชื่อดังระดับประเทศภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนททท.แม่ฮ่องสอน เตรียมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ข้อมูลว่า ที่นี่คือหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในช่วงปลายปี เมื่อทั้งดอยถูกย้อมไปด้วยสีเหลืองทองของ “ดอกบัวตอง” ที่บานสะพรั่งเต็มท้องเขา มองไปทางไหนก็สดใสไปหมด เหมือนภาพวาดจากธรรมชาติจริง ๆช่วงเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม คือ ฤดูกาลแห่งความงามแบบเต็มพิกัด อากาศเย็นสบาย ลมพัดหอมกลิ่นหญ้า และท้องฟ้าใสเหมาะกับการถ่ายรูป ไม่ว่าจะยืนตรงมุมชมวิว หรือเดินลงไปกลางทุ่งดอกไม้ ทุกภาพที่ได้คือ “ความทรงจำสีเหลืองทอง” ที่ยากจะลืมภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนนอกจากทุ่งดอกบัวตองแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมี จุดกางเต็นท์ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก คาเฟ่วิวภูเขา และชุมชนท้องถิ่นให้แวะสัมผัสวิถีชีวิตแบบแม่ฮ่องสอนแท้ ๆปีนี้…อย่าปล่อยให้ภาพความงามนี้ผ่านไปเฉยๆ ปักหมุดที่ “ดอยแม่อูคอ” แล้วมาสัมผัสความเหลืองทองด้วยตาคุณเองภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000098065

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด คว้ารางวัล Thailand

15/10/2025

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)”) นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายผดุง ทรงอธิกมาศ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และกองทุน Asset Allocation รับรางวัล Thailand Product Experience of the Year - Financial Services จากเวที Asian Experience Awards 2025 ซึ่งมาจากความสำเร็จในการพัฒนากองทุนรวมผสมสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ โดยสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แตกต่างอย่างมีคุณค่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งรางวัลนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมิติด้านการลงทุน การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเน้นความยืดหยุ่น การกระจายความเสี่ยง และการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน พร้อมตอกย้ำบทบาทของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการกองทุนสำหรับผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ในประเทศไทย โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ Marina Bay Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้สำหรับ Asian Experience Awards เป็นเวทีที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า โดยการพิจารณาอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและคุณประโยชน์ที่แท้จริง พร้อมส่งมอบคุณค่าได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน สะท้อนถึงความเข้าใจในมิติของการลงทุนและการสร้างผลลัพธ์ที่มีความหมายในระยะยาวรางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของกระบวนการทำงาน และทีมงานที่มากประสบการณ์ ด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) รวมถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มการลงทุนภายใต้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นในการบริหารกองทุนรวมผสมให้มีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละกองทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อส่งมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ ยูนิต ลิงค์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

5 ข้อคิด วางแผนการเงินสำหรับคนวัย 45+

11/10/2025

หลายคนเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิต ไม่ใช่แค่การทำงานหาเงิน แต่คือการ “วางแผนอนาคต” ให้มั่นใจว่าในวันที่เกษียณ เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เป็นภาระใคร และยังได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขช่วงวัย 45+ ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่เราควรหันมาใส่ใจการวางแผนการเงินอย่างจริงจัง ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรืออยากปรับปรุงแผนเดิม นี่คือ 5 ข้อคิดสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณจัดระเบียบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมรับทุกสถานการณ์ในชีวิต1. ประเมินสถานะทางการเงินปัจจุบันให้ชัดเจนก่อนจะเริ่มต้นวางแผนใดๆ คุณต้องรู้ก่อนว่า วันนี้คุณยืนอยู่ตรงไหนทางการเงิน- รวบรวมข้อมูล สินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ รายจ่าย ทั้งหมด- เช็กว่าคุณมีเงินสำรองฉุกเฉินพอหรือยัง- มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของการเงินตัวเองสิ่งเหล่านี้คือ “กระจกสะท้อนความจริง” ที่ช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องจัดการและปรับปรุงตรงไหนก่อน2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและเป็นจริงได้เมื่อรู้สถานะปัจจุบันแล้ว ขั้นต่อไปคือ กำหนดเป้าหมาย ที่จับต้องได้ เช่น- เกษียณอย่างสบาย มีรายได้พอใช้ทุกเดือน- ส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือต่างประเทศ- มีบ้านหรือคอนโดที่สร้างรายได้เสริมการตั้งเป้าหมายที่ “ชัดเจนและวัดผลได้” จะทำให้คุณมีทิศทาง และมีแรงจูงใจที่จะเดินตามแผนการเงินอย่างต่อเนื่อง3. จัดการหนี้สินอย่างชาญฉลาดวัย 45+ ไม่ควรแบกหนี้ที่ดอกเบี้ยสูง เพราะมันคือตัวกินอนาคตของคุณ- เริ่มจากชำระหนี้ บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน- ลดการสร้างหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น- เมื่อหนี้ลดลง คุณจะมีเงินเหลือสำหรับการออมและลงทุนมากขึ้นการปลดหนี้ให้เร็วที่สุดคือ “การลงทุนที่ดีที่สุด” สำหรับวัยนี้4. ทบทวนและกระจายความเสี่ยงการลงทุนหากคุณเริ่มลงทุนมาตั้งแต่วัยทำงาน ตอนนี้คือเวลาที่ต้อง ทบทวนพอร์ตการลงทุน- วัย 45+ มักมีความสามารถรับความเสี่ยงได้น้อยกว่าวัยหนุ่มสาว- การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาฯ ตราสารหนี้ จะช่วยลดความผันผวน- คิดในมุม “สร้างรายได้ระยะยาวและมั่นคง” มากกว่าการเก็งกำไรอย่าลืมว่าเป้าหมายไม่ใช่การรวยเร็ว แต่คือการมี ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพื่อใช้หลังเกษียณ5. วางแผนการเกษียณอย่างจริงจังหัวใจของการวางแผนการเงินวัย 45+ คือ การเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังเกษียณ- คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ต่อเดือนหลังเกษียณ- วางแผนว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะเพียงพอ- เลือกเครื่องมือออมและลงทุนที่เหมาะ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำนาญ ประกันชีวิตแบบบำนาญ หรืออสังหาฯ ที่สร้างกระแสเงินสดยิ่งคุณวางแผนเร็วเท่าไร โอกาสที่จะเกษียณอย่างมีความสุขก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นการวางแผนการเงินสำหรับคนวัย 45+ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันคือการสร้าง รากฐานชีวิตที่มั่นคง เพื่อให้คุณและครอบครัวมีอนาคตที่ไม่ต้องกังวลจำไว้ว่า “การเงินที่ดี” ไม่ได้หมายถึงการมีรายได้สูงที่สุดเสมอไป แต่คือการรู้จัก จัดการ วางแผน และเลือกใช้เงินอย่างชาญฉลาดเริ่มวันนี้ เพื่ออนาคตที่คุณอยากเห็นในวันข้างหน้า แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองที่ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/contents/100927

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

คุยกับบิ๊กประกัน BKI ภัยธรรมชาติ จุดเปราะบางธุรกิจ ปี’68-69

11/10/2025

คอลัมน์ : สัมภาษณ์“เศรษฐกิจปี 2568 จะถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุด หากเทียบอีก 3 ปีข้างหน้า”“ธุรกิจประกันภัยปีนี้ถือว่าเจอศึกหนักพอสมควร นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลต่อความเสียหายบ้านเรือนประชาชน เหตุการณ์ถนนทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ยังไม่รวมถึงอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง กระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชน ค่าเงินบาทแข็งค่าและนโยบายภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ ล้วนแต่กระทบต่อธุรกิจประกันภัย” ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนล่าสุดเศรษฐกิจไม่ดีกดเบี้ยประกันโตต่ำดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า มองแล้วอีก 3 ปีข้างหน้าแนวโน้มเศรษฐกิจจะแย่ลง เพราะยังเผชิญหนี้ครัวเรือนระดับสูง การบริโภคชะลอตัว การส่งออกมีปัญหาจากค่าเงินบาทแข็งค่า และนโยบายภาษีสหรัฐ แม้ว่าไทยจะโดนอัตราภาษีเพียง 19% แต่ผู้ผลิตในประเทศไทยจะเจอภาวะ “China Shock” ที่จะมีผลกับไทยค่อนข้างมาก เพราะเอสเอ็มอีไม่สามารถแข่งขันได้ และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย“หากต้องการให้เศรษฐกิจโต เงินเฟ้อจะต้องอยู่เฉลี่ย 2% แต่ปัจจุบันไม่ถึง”ซึ่งจากภาพเศรษฐกิจดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อธุรกิจประกันภัยอยู่แล้ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ธุรกิจประกันวินาศภัยภาพรวมมีเบี้ยรับรวมเติบโต 3% แต่คาดว่าทั้งปีเบี้ยรับรวมจะขยายตัวได้ในกรอบ 1.5-2.5% หรือเฉลี่ยประมาณ 2% อย่างไรก็ดี การเติบโตขึ้นกับนโยบายภาครัฐด้วย เช่น มาตรการคนละครึ่ง พลัส ที่จะส่งผลให้คนมีการใช้จ่ายมากขึ้นประกันรถอีวีแข่งตัดราคาเดือดดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า เบี้ยประกันในภาพรวมที่โต 3% มาจากยอดขายรถยนต์ที่เติบโต 4.7-5% โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มียอดขายเติบโตสูง 40% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ 6 แสนคัน หรือเติบโต 5% จะมาจากรถอีวีราว 1-1.2 แสนคัน หนุนการเติบโตของธุรกิจประกันภัยอย่างไรก็ดี BKI ไม่ได้เข้าไปแข่งในส่วนอีวีมากนัก เพราะมองว่ามีความเสี่ยงสูง และทุนประกันลดลงเร็ว ซึ่งกระทบพอร์ตประกันรถยนต์ในครึ่งปีแรกของ BKI หดตัว -5% โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนประกันรถอีวีราว 3.7% ซึ่งคาดทั้งปียอดขายรถอีวีจะอยู่ที่ 2.4 แสนคัน ในส่วน BKI จะมี 9,000-10,000 คัน สัดส่วน 8-9% ของรถยนต์ทั้งหมด“เบี้ยรถยนต์ไม่เติบโตเลย ซึ่งพอร์ตประกันรถยนต์มีสัดส่วนถึง 41% ของพอร์ตรวม ในส่วนของรถอีวีเราไม่ได้เข้าไปแข่ง เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง มีการตัดราคามาก โดย BKI ไม่ได้มีนโยบายเข้าไปแข่งขันตัดราคาเบี้ย ไม่ใช่วิถีปฏิบัติของเรา ลูกค้าเลยอาจไม่ได้มาหาเราแม้ว่าเราจะโตต่ำ แต่เรายังสามารถรักษาผลกำไรได้ และคาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน หากไม่มีเหตุการณ์อะไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เราจะเห็นค่าความเสี่ยงพอร์ตรถยนต์ลดลง (Loss Ratio) ลงมาอยู่ 56-57% จาก 60% จะได้ภาพบวกจากรถยนต์ได้”ขณะที่งานประกันอัคคีภัยเติบโตได้ 1% ในครึ่งปีแรก ไม่สามารถเติบโตมากได้ เพราะต้องพึ่งพาการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งปัจจุบันธนาคารค่อนข้างเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ขณะที่ประกันภัยนาข้าวหายไปอีก 160 ล้านบาทและจากค่าเงินบาทแข็งค่า บริษัทมีการประกันภัยในรูปเงินดอลลาร์ให้กับ บมจ.การบินไทย หากแลกเงินเป็นบาท ส่งผลให้เงินหายไปเกือบ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทมีเบี้ยประกันภัยเหมืองโพแทสเซียม และ Data Center เข้ามารวม 200-300 ล้านบาทเล็งประมูลงานประกันโปรเจ็กต์รัฐดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า ภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง คาดว่าปิดปี 2568 บริษัทจะมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท เติบโตราว 2.6-3% ต่ำกว่าเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ที่ 8% โดยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2569 จะมาจากการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะอยู่ระยะสั้นเพียง 4 เดือน และรักษาการก่อนเลือกตั้งอีก 4 เดือน รวมประมาณ 8 เดือนแต่คาดว่าจะหนุนโครงการขนาดใหญ่เมกะโปรเจ็กต์ทยอยออกมาได้ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท หรือโครงการรถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการ Data Center เป็นต้น“พวกเมกะโปรเจ็กต์ถ้าออกมา บริษัทให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจำเป็นต้องหาพันธมิตรโบรกเกอร์ เข้าไปร่วมประมูลงานด้วย เนื่องจากบริษัทจะเข้าไปรับประกันภัยและส่งต่อความเสี่ยงไปยังบริษัทประกันภัยต่อ (Reinsurance) ขณะที่ประกันภัยรถยนต์อาจจำเป็นต้องแข่งขันเพื่อให้ได้งานใหม่เข้ามา แต่การเข้าไปแข่งขันจะอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและความเสี่ยงที่รับได้“Governance Spending จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในปี 2569 เพราะส่งออกและท่องเที่ยวก็ชะลอตัวลง และโครงการเมกะโปรเจ็กต์น่าเกิดได้ ซึ่งเราสามารถรองรับงานเมกะโปรเจ็กต์ได้ เพราะบางส่วนส่งต่อไปยังประกันภัยต่อ พวกนี้เป็นโครงการระยะยาว หลังสร้างเสร็จก็เป็นเบี้ยปีต่อปี โดยเฉลี่ยโครงการเมกะโปรเจ็กต์จะอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท หรือมีเบี้ยเฉลี่ย 40-50 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นแชร์ประมาณ 20% ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าเบี้ยรับรวมในปี 2569 คาดว่าจะเติบโตได้ 5-6%”แบกความคุ้มครองภัยธรรมชาติพุ่งดร.อภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การคำนวณเบี้ยอาจจะปรับสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับประกันภัยต่อต่างประเทศที่จะเห็นเบี้ยปรับลดลง เนื่องจากบริษัทประกันภัยต่อมีกำไรต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปี ทำให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้น เบี้ยถูกลง เพราะมีศักยภาพในการรับงาน (Capacity) เพิ่มขึ้น แต่ไทยเบี้ยไม่ได้ปรับลดลงตามต่างประเทศอย่างไรก็ดี สัญญาประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss Treaty Reinsurance หรือเรียก (Excess of Loss หรือ XOL) เป็นการประกันภัยต่อตามสัญญาแบบไม่เป็นสัดส่วน จะแยกตัวภัยธรรมชาติไม่อยู่ในความคุ้มครอง โดยเพดานความคุ้มครองของประกันภัยต่อ หรือ Total Capacity Limit อยู่ที่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ภายหลังจากเกิดแผ่นดินไหว บริษัทได้ซื้อ Top up เพิ่ม ขยายความคุ้มครองเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยแห่งเดียวและแห่งแรกของไทยที่สามารถซื้อได้สูงที่สุดปี’69 ความเสี่ยงภัยธรรมชาติ“Total Capacity Limit ความคุ้มครองเพดานอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หากเกินกว่านี้เราจะต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งหลังจากเกิดแผ่นดินไหวเราขอซื้อ Top up เพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท เราคำนวณจากความเสียหายแผ่นดินไหวที่เรารับประกันคอนโดมิเนียมไว้ 4,100 ล้านบาท หากเกิดขึ้นอีกครั้งจึงคำนวณความเสียหายเพิ่ม 1 เท่าตัว และเราไม่ได้ซื้อ Top up อย่างเดียว แต่เราซื้อแบบ Back up ด้วย เช่น หากแผ่นดินไหวไปแล้ว 1 ครั้ง เราซื้อเพิ่ม และสามารถเคลมได้อีก 1 ครั้ง แต่หากครั้งที่ 3 เราจะไม่ได้เคลม จึงเป็นที่มาของการซื้อ Back up เพิ่ม อย่างไรก็ดี บริษัทรีอินชัวเรอร์ไม่ได้ขายให้ทุกคน เขาจะพิจารณาว่าเราบริหารความเสี่ยงอย่างไร”ดร.อภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การซื้อประกันภัยต่อ Top up และ Back up เป็นเหตุผลให้กำไรของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 หายไป 400 ล้านบาท ซึ่งมาจากซื้อประกันภัยต่อ 300 ล้านบาท และแผ่นดินไหวอีก 100 ล้านบาท ดังนั้น แนวโน้มในปี 2569 จุดเปราะบางยังอยู่ที่ภัยธรรมชาติเป็นสำคัญแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897803

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X