คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัววิดีโอโฆษณา “AIA Financial Advisor” รุกปั้นคนรุ่นใหม่สู่โอกาสในอาชีพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

19/09/2025

กรุงเทพฯ 1 กันยายน 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัววิดีโอโฆษณา “AIA Financial Advisor” ชุดใหม่ล่าสุด มุ่งขับเคลื่อนเป้าหมายในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาอาชีพที่ให้อิสระด้านเวลา รายได้ และการเติบโต พร้อมกับการมอบโอกาสและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับอาชีพ “ที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ หรือ AIA Financial Advisor (AIA FA)” ให้แก่คนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันนับเป็นอาชีพที่อยู่ในความสนใจของหลายคน ผ่านวิดีโอโฆษณาทั้ง 4 เวอร์ชั่น ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซปท์ “เปลี่ยนความโป๊ะให้เป็นความเป๊ะ” ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองชีวิตจริงของคนยุคดิจิทัล ที่ชอบแชร์หรือโพสต์ Lifestyle บนโลกโซเชียล และอยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ชีวิตจริงกลับตรงกันข้าม ด้วยความเข้าใจในความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เอไอเอ จึงอยากชวนทุกคนมาสร้างอนาคตที่มั่นคงกับอาชีพ AIA FA เพื่อเปลี่ยนให้ความฝันเป็นความจริง ซึ่งยังเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของเอไอเอ ด้วยความพร้อมยกระดับตัวแทนสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ (AIA FA) มืออาชีพ เพื่อส่งมอบความคุ้มครองและช่วยคนไทยวางแผนชีวิต สุขภาพ และการเงินให้มั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ AIA FA ไม่ได้เป็นเพียงอาชีพที่ให้รายได้ แต่เป็นอาชีพที่ให้โอกาสในการสร้างชีวิตที่เลือกได้ด้วยตัวเอง ด้วยโครงสร้างผลประโยชน์รายได้ที่ชัดเจน มีแผนรับรองรายได้ 12 เดือน มีโบนัส CAB ทำงาน 5 ปี 5 ล้านบาท* ไม่มีเพดานรายได้ และมีรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ทำให้สามารถจัดสรรเวลาตัวเองได้ พร้อมกับมีเครื่องมือดิจิทัลเฉพาะของเอไอเอที่รองรับการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้คุณค่าในเรื่องการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับอิสระด้านรายได้และความมั่นคงในชีวิต อีกทั้งอาชีพนี้ยังตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จเร็ว หรืออยากมีธุรกิจของตัวเอง โดยสามาถเติบโตเป็นผู้บริหารหน่วยได้เร็วตามความสามารถ หรือเป็นเจ้าของสำนักงานตัวแทนซึ่งเปรียบเสมือนการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง”นางอลิสา เสริมถึงความพร้อมในการพัฒนาตัวแทนว่า “เอไอเอ เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาที่ปรึกษามืออาชีพ โดยเริ่มจัดตั้งโครงการ AIA FA ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรก ๆ ในตลาดประเทศไทย อีกทั้งยังมีการเปิดศูนย์ฝึกอบรม AIA FA Center กว่า 15 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพร้อมในการรองรับและพัฒนา AIA FA ให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมมานานกว่า 16 ปีของเอไอเอ โดยมีทั้งหลักสูตรที่ได้รับรองโดยสถาบันชั้นนำระดับโลก หรือการร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการพัฒนาหลักสูตรพิเศษด้านการเงิน (สำหรับ FA Prime) หลักสูตรฝึกอบรมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาและเสริมทักษะให้ AIA FA เป็นที่ปรึกษามืออาชีพ มีความรู้ครอบคลุมทั้งมิติด้านการวางแผนประกันชีวิตและด้านการเงิน ยิ่งไปกว่านั้น เรามีการนำเทคโลยีทันสมัยอย่าง AI เข้ามาใช้ในการคัดกรอง วิเคราะจุดอ่อนจุดแข็ง และพัฒนาศักยภาพตัวแทนด้วยวิธี Role Play เป็นลูกค้าเสมือนเพื่อให้ตัวแทนได้ฝึกสนทนากับลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและยกระดับตัวแทนคุณภาพที่สามารถส่งมอบความคุ้มครองให้คนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต”สำหรับโครงการ AIA FA เปิดรับคนรุ่นใหม่ที่มี วุฒิปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ และมองหาอาชีพที่ให้อิสระในการบริหารจัดการเวลาได้ด้วยตัวเอง สามารถสร้างรายได้แบบไร้เพดาน พร้อมโอกาสเติบโตอย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังได้ทำงานพร้อมสร้างสมดุลให้กับชีวิต และมีเวลาสำหรับครอบครัว หรือ Passion ของตัวเอง ที่สำคัญโครงการ AIA FA ยังให้ผลตอบแทนพิเศษกับแคมเปญ “โบนัส 5 ปี 5 ล้าน” เพื่อเป็นเป้าหมายความสำเร็จของผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยเอไอเอ อยากเชิญชวนคนรุ่นใหม่ที่สนใจ รับชมวิดีโอโฆษณาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของเอไอเอ ทั้ง Facebook, Instagram, YouTube, TikTok และสื่อประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ หรือคลิกลิงก์ https://youtu.be/Ky66staK19Q ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครเข้าร่วมโครงการ AIA FA ได้ทางเว็บไซต์ www.aia.co.th/FA

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าสนับสนุนทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี พร้อมร่วมงานเปิดฤดูกาลใหม่ 2025/2026

19/09/2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวญดา วงศ์ทองคำ รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสิทธิพิเศษและกิจกรรมลูกค้า ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรชลบุรี เอฟซี  สู้ศึกฤดูกาล 2025-2026 ภายใต้แคมเปญ “Racing Sharks : ท้าชิง ท้าชน!” โดยมี น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ผู้สนับสนุนหลักคู่ใจที่ร่วมเคียงข้างสโมสรมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี ร่วมสนับสนุนการกลับมาของ “ฉลามชล” บนเวทีลีกสูงสุดอย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อเป้าหมายในการมุ่งส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนไทยได้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ผ่านกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย และนอกเหนือจากงานแถลงข่าวดังกล่าว ทางสโมสรฯ ยังได้จัดงานเลี้ยง เพื่อขอบคุณแฟนบอล ในงาน ”ฉลามชล คนกันเอง” ท่ามกลางแฟนบอล และพี่น้องประชาชนชาว จ.ชลบุรี ที่ให้ความสนใจ เดินทางเข้ามาร่วมงานอย่างล้นหลาม ภายในงานมีการแถลงข่าวเปิดตัวผู้สนับสนุนประจำฤดูกาลใหม่ การเปิดตัวทีมสตาฟฟ์โค้ช นำโดยผู้จัดการทีม ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น และนักเตะขุมกำลังใหม่ที่ประกอบด้วยแข้งชั้นนำทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ ได้แก่ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, อดิศักดิ์ ไกรษร, กิตติพงษ์ แสนสนิท, เควิน เรย์ เมนโดซา และ อูเคอร์ ฟาน ลิงเก้น ทั้งนี้คุณวิทยา คุณปลื้ม หรือ "บิ๊กป็อก" ประธานสโมสร กล่าวอย่างมั่นใจว่า ชลบุรี เอฟซี พร้อมชนทุกทีมในลีกสูงสุด ด้วยความมุ่งมั่นของนักเตะ และแรงสนับสนุนจากแฟนบอลสายเลือดน้ำเงินที่เหนียวแน่น อีกหนึ่งไฮไลต์ประจำทุกปี คือการเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ โดยปีนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด “Racing Sharks : ท้าชิง ท้าชน!” ที่สะท้อนลำแสงแห่งความทะเยอทะยาน ไม่เกรงกลัวต่อความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความคึกคักจากแฟนบอลที่ และปิดท้ายค่ำคืนอย่างประทับใจด้วยคอนเสิร์ตริมทะเลจากศิลปินชื่อดัง ได้แก่ Big Ass, พรรณรายพลอยพรายไพลิน และ CandyMan ที่ร่วมสร้างสีสันและพลังให้กับค่ำคืนแห่งศรัทธา ก่อนที่ ชลบุรี เอฟซี จะมุ่งหน้าสู่ฤดูกาลใหม่อย่างยิ่งใหญ่ โดยจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ลานกิจกรรมริมทะเล เทศบาลตำบลบางทราย จ.ชลบุรี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย เปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ จังหวัดระยอง (AIA FA Center Rayong)

19/09/2025

เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้าเปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ จังหวัดระยอง (AIA FA Center Rayong) เป็นแห่งที่ 15 ของประเทศไทย เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของลูกค้าในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงการเติบโตของจำนวน AIA FA ที่มีมากถึง 37% จากจำนวนตัวแทนทั้งหมดในพื้นที่ ซึ่งจากศักยภาพในการเติบโตที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เอไอเอ ประเทศไทย จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ฝึกอบรมที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ จังหวัดระยองขึ้น เพื่อมุ่งผลักดันตัวแทนคุณภาพตามเป้าหมาย ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้ในการสนับสนุนการฝึกอบรมตัวแทนทั้งรูปแบบการเรียนในห้องเรียน (F2F) และรูปแบบออนไลน์ เพื่อช่วยพัฒนาและยกระดับตัวแทนให้ก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ (AIA FA) อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมคอร์สฝึกอบรมที่เข้มข้นและสอดคล้องกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน เพื่อช่วยตัวแทนในการนำเสนอแผนประกันที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้า สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถวางแผนด้านประกันชีวิต สุขภาพ และการเงิน ได้อย่างครบวงจร พร้อมมุ่งส่งเสริมให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมขับเคลื่อน SDGs บนเวที “Forward SDGs Faster Together” แลกเปลี่ยนแนวคิดสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืนในที่ทำงาน

19/09/2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางศรัณยา เทียนถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ได้รับเกียรติร่วมเป็น Speaker ขึ้นแชร์มุมมองที่น่าสนใจภายใต้หัวข้อ “Mental Ecosystem: สร้างระบบนิเวศทางใจรับมือความท้าทายในโลกที่เปลี่ยนแปลง” ภายในงาน “GCNT Expo 2025 Forward Sustainable Development Goals (SDGs) Faster Together - รวมพลังเร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน” ร่วมกับนักจัดรายการวิทยุชื่อดังจากรายการคลับฟรายเดย์ - พี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล โดยได้แบ่งปันเรื่องราวของสุขภาพใจ ในสังคมปัจจุบันไว้อย่างน่าสนใจนางศรัณยา ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ด้านสุขภาพใจว่า “ในช่วงระยะเวลา 5 - 10 ปีที่ผ่านมาสังคมไทยมีความตระหนักรู้ด้านสุขภาพใจมากขึ้น เราเห็นคอนเทนต์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพใจในโซเชียลมีเดียมากมาย เราได้เห็นเพื่อนรอบตัวถามไถ่ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น และเราได้เห็นองค์กรให้ความสำคัญกับสุขภาพใจของพนักงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วในทุกมิติ แต่เป็นที่น่าประหลาดใจว่า แม้ว่าเราจะตระหนักรู้ในประเด็นสุขภาพใจมากขึ้น แต่กลับพบสถิติคนไทยมีความเครียดสะสมมากขึ้นถึง 10 ล้านคนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังพบว่ามีผู้ป่วยซึมเศร้า วิตกกังวล รวมถึงภาวะ Burnout ที่สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของโลก จากขอบเขตการทำงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงานโดยตรงในฐานะฝ่ายทรัพยากรบุคคล เราพบว่าหนึ่งในปัญหาหลักที่คนทำงานเผชิญคือภาวะ Burnout ซึ่งไม่ได้เกิดจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความรู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่ ความรู้สึกว่างานที่ทำไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย หรือรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นภาวะเจ็บป่วยภายในที่อาจไม่แสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ได้มีเสียงบ่นหรือคำพูดใด ๆ แต่แค่ “เงียบ” เท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง พนักงานบางคนอาจกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้า หรือเก็บความรู้สึกไว้ลึก ๆ และค่อย ๆ หายไปจากพื้นที่การทำงานอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นที่เอไอเอ เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับปัญหาเหล่านี้ จึงได้จัดทำโครงการ “อาสาเพื่อนรับฟัง (Listen 2 Me)” โดยมีอาสาสมัครจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งผ่านการอบรมด้านจิตวิทยาเบื้องต้น ทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังอย่างเข้าใจและไม่ตัดสิน อาสาสมัครกลุ่มนี้พร้อมให้คำปรึกษาและเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเพื่อนพนักงานที่ต้องการระบายความรู้สึกหรือขอคำแนะนำ เพราะบางครั้งแค่มีคนรับฟังอย่างตั้งใจ สามารถช่วยให้ความรู้สึกหนักใจเบาลงได้ นอกจากโครงการ “อาสาเพื่อนรับฟัง” แล้ว เอไอเอยังมีโปรแกรม WorkWell with AIA ที่มุ่งส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของพนักงานอย่างรอบด้าน ครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ 1) LiveWell – สุขภาพกาย 2) ThinkWell – สุขภาพใจ 3) PlanWell – สุขภาพทางการเงิน และ 4) FeelWell – สุขภาวะทางสังคมและการมีส่วนร่วมโดยเฉพาะในด้าน ThinkWell เอไอเอมีโปรแกรม “Own Your Mental Health Journey” ที่ผสมผสานการให้ความรู้ เครื่องมือและกิจกรรมหลากหลาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพใจของพนักงาน ผ่านการอบรม กิจกรรมสร้างสรรค์ และสวัสดิการที่ครอบคลุมการปรึกษาด้านสุขภาพจิตกับผู้เชี่ยวชาญ ทีมงาน WorkWell ซึ่งประกอบด้วยพนักงานจากหลากหลายแผนก ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสันทนาการให้กับพนักงานเป็นประจำทุกเดือน เช่น “AIA Health Market” ตลาดนัดสุขภาพ และล่าสุดกับกิจกรรมใหญ่ประจำปี “AIA Mental Health Day” ที่มุ่งสร้างสังคมแห่งการสนับสนุนทางใจ หรือที่เราเรียกว่า Mental Ecosystem”ล่าสุดเอไอเอ ประเทศไทย ยังได้คว้ารางวัล “Thai Mind Awards 2025 สุดยอดองค์กรส่งเสริมสุขภาวะทางจิต” ซึ่งตอกย้ำถึงความตั้งใจจริงของเอไอเอ ในการดูแลพนักงานด้วยความเข้าใจเพื่อให้ทำงานอย่างมีความสุข โดยเอไอเอเชื่อมั่นว่า พนักงานที่มีสุขภาพที่ดีทั้งทางร่ายกายและจิตใจ จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ และร่วมกันขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบการบริการและส่งเสริมให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” สำหรับงาน GCNT Expo 2025 "Forward SDGs Faster Together รวมพลังเร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน" นี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ให้เกิดขึ้นจริงอย่างรวดเร็ว ผ่านการเสวนาที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่น่าสนใจมากมาย เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดย UN Global Compact Network Thailand ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เมื่อไม่นานมานี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

สุดตระการตา Vijit@อุดรธานี ยลเสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน

19/09/2025

ททท. เติมไฟเมืองอุดรธานี ชวนเช็กอินงาน Vijit @อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” วันนี้ – 31 ส.ค. นี้ ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติมหาราชินี วังมัจฉาหนองบัว จังหวัดอุดรธานีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดอุดรธานีและพันธมิตรทุกภาคส่วน สร้างปรากฏการณ์แสงสีสุดยิ่งใหญ่กับงาน Vijit @อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ปรากฏการณ์แสงสีที่เนรมิตยามค่ำคืนของเมืองอุดรธานีให้เปล่งประกาย กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22-31 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติมหาราชินี วังมัจฉาหนองบัว จังหวัดอุดรธานี นำเสนอภายใต้แนวคิด “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ถ่ายทอดเส้นทางการเดินทางจาก “แสงแห่งศรัทธา” สู่ “ศิลป์แห่งถิ่นอีสาน” ที่หลอมรวมความศรัทธา มรดกศิลป์ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตพื้นถิ่น ผ่านการจัดแสดงแสงสีและงานออกแบบร่วมสมัย โดยใช้เทคนิคใหม่ ๆ ผสานเข้ากับบรรยากาศยามค่ำคืน แปรโฉมสวนสาธารณะให้กลายเป็นพื้นที่แห่งมนต์เสน่ห์ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ของอุดรธานีในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราว นักท่องเที่ยวจะได้ท่องไปในดินแดนแห่งจินตนาการผ่าน 11 จุดแสดงแสงสี แต่ละจุดสะท้อนเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ดังนี้1. ถือกำเนิดเอ็งกอ ณ ดินแดนอุดรเมื่อชาวจีนโพ้นทะเลได้เดินทางมายังลุ่มน้ำอุดร พวกเขา ได้นำศิลปะ วัฒนธรรม และพิธีกรรม มาผสมผสานกับถิ่นใหม่ อย่างกลมกลืน จุดเริ่มต้นแห่งการตั้งถิ่นฐานนี้ จึงเต็มไปด้วย ศรัทธา และการเคารพบูชาธรรมชาติ และการถือกำเนิดการแสดง “เอ็งกอ” ที่ถูกขนานนามว่า “เหล่านักรบแห่งเขาเหลียงซาน” แสงสะท้อนผืนน้ำในจุดนี้จึงเป็นดั่งภาพจำลองจากกาลก่อน บอกเล่าการเริ่มต้นของวัฒนธรรมร่วมถิ่นที่งดงาม2. สะพานแห่งกาลเวลาสะพานคือทางเดินของกายและวิญญาณ กลุ่มเอ็งกอเชื่อว่าอดีตยังคงเดินเคียงข้างปัจจุบัน หากเรารู้จักเคารพ รากเหง้าแห่งวัฒนธรรมจุดนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยง ระหว่างบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ กับ ความศรัทธาของผู้คนในยุคปัจจุบัน แสงที่สลับเคลื่อนไหว สื่อถึงการเคลื่อนไหวของศิลปะ ศรัทธา และกาลเวลาที่ยังไม่เคยหยุดนิ่ง3. บทเพลงวิถีเอ็งกอจากตำนานแห่งนักรบเอ็งกอ ดนตรีไม่ใช่เพื่อความบันเทิง แต่คือภาษาแห่งวิญญาณ และจังหวะจากธรรมชาติ ถูกใช้ในการ ประกอบพิธีกรรม และส่งผ่านเรื่องราวของบรรพชน พื้นที่นี้จึงจําลองลานวัฒนธรรมที่มีทั้ง แสงสีจังหวะดนตรี และ โชว์การเทิดทูนบทเพลงวิถีเอ็งกอ ที่สะท้อนหัวใจของเผ่า นี้อย่างแท้จริง4. ค่ำคืนแห่งการบูชาเมื่อแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้า ความเงียบสงบที เปิดทางให้พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นขึ้น ชาวอุดรธานีเชื่อว่า แสงจากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อมโยงมนุษย์กับพลังจักรวาล นำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และสิริมงคล แสงสีที่เปล่งประกายในพื้นที่นี้ จึงเป็นดั่งภาษาศรัทธา ที่เล่าขาน ความเชื่อผ่านการเคลื่อนไหวและเฉดสีของแสง ชวนให้ผู้ชม ดำดิ่งสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ5. พญานาคาล่องทะเลบัวแดงในตำนานลุ่มน้ำโขง “พญานาค” คือผู้พิทักษ์แห่งสายนํ้า และเป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิตที่หลั่งไหลไม่สิ้นสุด พื้นที่ทะเลบัวแดงแห่งหนองหานในอุดรธานี ถือเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่พญานาคเฝ้าดูแล การออกแบบพื้นที่ด้วยเส้นไฟ พญานาคและเสาดอกบัวเรืองแสง คือการชวนผู้คนออกเดิน บนเส้นทางแห่งศรัทธา ที่ยังคงมีชีวิตจนถึงปัจจุบัน6. แสงสนุกแห่งอนาคตแม้ผู้คนจะสืบทอดอดีต แต่อนาคตต้องเริ่มจากเด็ก สีสันความสนุก จึงเปรียบได้ดั่งอนาคตอันสดใสของชาว อุดรธานี พื้นที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนสนามพลังงานของเยาวชน ผู้สืบทอดวัฒนธรรมต่อไปในวันหน้า เสียงหัวเราะ การเล่นสนุก และแสงไฟที่วิ่งพลิ้วไปมา จึงเป็นตัวแทนของ “อนาคตอุดร” ที่ลดใลและไม่หยุดเคลื่อนไหว7. คืนแห่งแสงกลางหนองบัวทะเลบัวแดงที่ “หนองหานกุมภวาปี” คือปาฏิหาริย์จาก ธรรมชาติที่ทำให้ผู้มาเยือนได้เห็นศิลปะที่สร้างขึ้นโดยไม่ต้อง เติมแต่งแต้มสีใดๆ เมื่อแสงได้ตกกระทบดอกบัวในยามค่ำ จึงราวกับภาพวาด เคลื่อนไหวที่มีชีวิต การประดับไฟในจุดนี้เป็นการจำลองคืน มหัศจรรย์ที่บัวกลางน้ำเรืองแสงได้ราวต้องมนต์8. ลายเส้นศิลป์แห่งการเวลาเมื่อศิลปะและความเชื่อหลอมรวมกันทําให้ความงามจึง ไม่แยกจากศรัทธา ลวดลายความพริ้วไหวนั้นสื่อถึงความ สวยงามและลวดลายแห่งเส้นศิลป์ เส้นสายแห่งศิลป์นี้เชื่อมโยงอดีตสู่ปัจจุบันพร้อมสอดคล้องกับ ความเชื่อเรื่องพญานาคที่ฝังรากในจิตวิญญาณของผู้คนและ ในทุกการเคลื่อนไหวของแสงยังคงมีจังหวะของศรัทธาที่ไม่เคย เลือนหายไป9. ลมหายใจใหม่ของชนเผ่าศิลปะและวัฒนธรรมไหลเวียนดั่งสายน้ำสอดผสาน จากรุ่นสู่รุ่น แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ที่เลอค่าจากบรรพชน พร้อมเปิดรับความสร้างสรรค์ของยุคสมัยใหม่นําเสนอเรื่องราวของบ้านเชียง วัฒนธรรมไทย-จีน และ มรดกของเมืองอุดรธานี และมรดกโลก พร้อมการแสดง ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่จะทำให้ค่ำคืนนี้อบอวลไปด้วย กลิ่นอายแห่งรากเหง้าและชีวิตใหม่10. สรวงสวรรค์บันดาลพรตำนานพื้นถิ่นเล่าว่า แสงจากฟากฟ้าเคยหยดลงกลาง หนองหาน ราวกับเป็นพรจากสวรรค์ที่หล่อเลี้ยงจิตใจของ ชาวอุดรให้เติบโตอย่างมั่นคง แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่า จึงถ่ายทอดออกมาเป็น “แสงจากฟากฟ้า” รายล้อมด้วยวงแสงสื่อถึงพรอันประเสริฐ ที่หล่อเลี้ยงจิตใจและความหวังของผู้คนเมืองอุดร11. ศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณอุดรใจกลางของดินแดนแห่งนี้ คือศูนย์รวมของความเชื่อวัฒนธรรม และศิลปะอันลึกซึ้ง ดอกบัวขนาดใหญ่เปรียบเสมือน ดั่งหัวใจของอุดร ที่เต้นอยู่เหนือกาลเวลาดอกบัวนี้ไม่ใช่เพียงงานศิลปะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของศรัทธา วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของอุดร เป็นจุดรวมพลังที่ หลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Vijit @อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ตั้งแต่ – 31 สิงหาคม 2568 ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติมหาราชินี วังมัจฉาหนองบัว จังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่เวลา 18.00–23.00 น. เข้าชมงานฟรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000080430

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

รู้จัก “ตึกแฝดปิโตรนาส” (Petronas Twin Towers) แลนด์มาร์กระดับโลกแห่งมาเลเซีย

19/09/2025

ชวนมารู้จัก “ตึกแฝดปิโตรนาส” อาคารที่เคยครองสถิติสูงที่สุดในโลก ที่ออกแบบงานสร้างโดยสถาปนิกชาวอาร์เจนตินา-อเมริกัน ซึ่งทุกวันนี้เปรียบเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของประเทศมาเลเซีย“ตึกแฝดปิโตรนาส” (Petronas Twin Towers) เริ่มสร้างขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) และด้วยความสูงถึง 452 เมตร (1,483 ฟุต) จำนวน 88 ชั้น ทำให้เคยครองตำแหน่งอาคารที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 - 2004ตึกสูงระฟ้าแห่งนี้ ออกแบบโดย "เซซาร์ เปลลี” (Cesar Pelli) สถาปนิกชาวอาร์เจนตินา-อเมริกัน มีแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมอิสลาม โครงสร้างเป็นรูปดาวแปดแฉกที่เกิดจากการซ้อนทับกันของรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสองรูป สื่อถึงหลักการสำคัญของอิสลาม ได้แก่ ความเป็นหนึ่งเดียว ความสามัคคี ความมั่นคง และเหตุผล ซึ่งกลายเป็นผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเคยได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร TIME ให้เป็นหนึ่งในสถาปนิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกลักษณะเด่นคือสถาปัตยกรรมของอาคารหอคอย 2 อาคาร เชื่อมโดยสะพานลอยฟ้า (skybridge) แผนผังของแต่ละอาคารเหมือนกันหมด คือ โครงสร้างวงกลมแปดแฉกที่มีพื้นที่ใช้สอย 88 ชั้น และยอดแหลม รูปพีระมิดที่มียอด แหลมเหล็กเรียวแหลมอยู่เหนือยอดแหลมทั้งสองแต่ละอาคารรองรับด้วยเสาขนาดใหญ่ 16 ต้น ซึ่งเมื่อรวมโครงสร้างส่วนที่เหลือแล้วทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงแทนที่จะเป็นเหล็กโครงสร้าง แผ่นปิดภายนอกทำจากสแตนเลสสตีลและกระจก สะพานลอยฟ้าสูงสองชั้นเชื่อมสองอาคารระหว่างชั้นที่ 41 กับ 42 ซึ่งสะพานแห่งนี้ ยังถือเป็นสะพานสองชั้นที่สูงที่สุดในโลกPhoto: Adly Hakimในด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย ตึกแฝดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกครั้งจากการเป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง “Entrapment” (1999) ที่นำแสดงโดยนักแสดงระดับตำนานของวงการอย่าง “ฌอน คอนเนอรี” (Sean Connery) ร่วมกับ “แคทเธอรีน ซีตา โจนส์” (Catherine Zeta-Jones)ซึ่งเป็นนางเอกใหม่มาแรงในยุคนั้นสำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์และความมีชีวิตชีวาของเมืองใหญ่ การมาเยือน ตึกแฝดปิโตรนาส ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สิ่งที่ทำให้ตึกแฝดแห่งนี้โดดเด่น คือ การเป็นหนึ่งในตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก เปรียบเสมือนตัวแทนระดับสากลที่สะท้อนภาพลักษณ์ของกรุงกัวลาลัมเปอร์และประเทศมาเลเซียPhoto: Esmonde Yongข้อมูลเพิ่มเติม https://www.petronastwintowers.com.myแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000081589

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2568

21/08/2025

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2568 มูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และเงินปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10ฮ่องกง, 21 สิงหาคม 2568 - กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยอัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (นอกจากจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น):ผลประกอบการของธุรกิจใหม่และการประเมินมูลค่าของธุรกิจ  •  มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14(1) คิดเป็นมูลค่า 2,838 ล้านเหรียญสหรัฐ  •  กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 3.4 จุด เป็นร้อยละ 57.7  •  อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (Operating ROEV) แบบรายปีอยู่ที่ร้อยละ 17.8 เพิ่มขึ้น 290 จุด จากร้อยละ 14.9 ในปี 2567  •  ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 73.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนจริง รายงานทางการเงิน (IFRS) และเงินกองทุนส่วนเกิน  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 3,609 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อหุ้น  •  กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569(2)   •  มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 3,569 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้นเงินปันผลและเงินทุน  •  ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 3,710 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรก ผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน  •  เงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 49.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น  •  อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 219 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า: “เอไอเอมีผลการดำเนินงานและผลประกอบการทางการเงินที่ยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมในการต่อยอดโอกาสมหาศาลในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพของเอเชีย เรามีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัท ที่แข็งแกร่งถึงร้อยละ 14(1) โดยมีการเติบโตเชิงบวกใน 13 ตลาดจากทั้งหมด 18 ตลาดพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราถือเป็นเสาหลักสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตซึ่งช่วยส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 17 จากการผสมผสานระหว่างจำนวนตัวแทนที่ยังคงสร้างผลงานและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น โดยตัวแทนของเราได้รับประโยชน์มากขึ้นจากพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ และการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง ขนาดและคุณภาพของพรีเมียร์ เอเจนซี่ของเราทำให้เอไอเอโดดเด่น และเรายังเป็นบริษัทข้ามชาติอันดับ 1 ที่มีจำนวนสมาชิกล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) มากที่สุดในโลกตลอด 11 ปีที่ผ่านมา โดยเรามีจำนวนผู้ได้รับคุณวุฒิ MDRT มากกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดถึงสองเท่า ช่องทางพันธมิตรธุรกิจของเราช่วยเสริมศักยภาพของตัวแทนของเราได้เป็นอย่างดี โดยเราทำงานใกล้ชิดกับธนาคารชั้นนำและตัวกลางทางการเงินเพื่อนำเสนอแนวทางที่ตอบโจทย์ลูกค้า ช่องทางนี้ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและได้สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8 ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมาเราได้กล่าวย้ำมาโดยตลอดว่าการต่อยอดธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มการเติบโตของผลกำไรและการสร้างกระแสเงินสดในระยะยาว  ซึ่งสิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในครึ่งปีแรก โดยกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้น (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้น (UFSG) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10ภายใต้นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้า คณะกรรมการจึงมีมติประกาศเพิ่มเงินปันผลระหว่างกาลร้อยละ 10 เป็น 49.00 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้นธุรกิจประกันชีวิตและประกันสุขภาพในภูมิภาคเอเชียน่าจับตาสูงสุด ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ระดับการถือครองประกันที่ยังต่ำ และความคุ้มครองด้านสวัสดิการสังคมที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในระยะยาวของเอไอเอ ผมมั่นใจว่าการกระจายการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคและการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างมีวินัยของเราจะยังคงสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเราต่อไป”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จัดโครงการ AIA CI SHARE AND CARE เติมเต็มความคุ้มครองโรคร้ายแรง พร้อมแบ่งปันน้ำใจสู่สังคม

20/08/2025

กรุงเทพฯ 20 สิงหาคม 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต พร้อมคณะผู้บริหารและพลังตัวแทน เดินหน้าจัดโครงการ AIA CI SHARE AND CARE ด้วยความร่วมมือกับสภากาชาดไทย โดยนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อมุ่งส่งมอบความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้แก่คนไทยทั่วประเทศ พร้อมกับระดมเงินสมทบโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคร้ายแรงยากไร้ผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งทุก ๆ การซื้อกรมธรรม์ผลิตภัณฑ์ประกันโรคร้ายแรง ลูกค้าเอไอเอจะได้มีส่วนร่วมในการส่งมอบความห่วงใยให้แก่ผู้ป่วยยากไร้ โดยเอไอเอ ประเทศไทย จะร่วมบริจาคเงินจำนวน 30 บาทต่อ 1 กรมธรรม์ ให้แก่สภากาชาดไทย รวมบริจาคเป็นเงินมูลค่าถึง 3,000,000 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่เป็นโรคร้ายแรง อาทิ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดทางสมอง ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการรักษาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการเป็นผู้นำด้าน ESG ด้วยการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นถึงการตอบแทนคืนสู่สังคมอย่างแท้จริง ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ ทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล มาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 87 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย มอบสินไหมมรณกรรมแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลก

19/08/2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก มอบสินไหมทดแทนมรณกรรม จำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ของ นายศักดา ปาจันทึก พนักงานราชการทั่วไป หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.5 (กม.80) ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นความคุ้มครองอุบัติเหตุกลุ่มภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือตามโครงการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรี แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลกครอบคลุมทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง 2) กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และ 3) กลุ่มป่าแก่งกระจาน (“พื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ”) เพื่อมอบเป็นสวัสดิการและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุอย่างครบถ้วนและจำเป็นในการปฏิบัติงาน พร้อมร่วมแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวปาจันทึก ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้ ทั้งนี้ ยังมี นางสาวยามีรา นันลา (ที่ 3 จากซ้าย) นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ทำหน้าที่ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 2 และนางสาวอมรรัตน์ ศิรินันธกุล (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมา เป็นสักขีพยาน ณ ที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.5 (กม.80) จ.นครราชสีมา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ธุรกิจ

แผนสำรองธุรกิจ ที่ไม่ใช่เพียงแค่อยู่รอด

14/08/2025

คอลัมน์ : Smart SMEsผู้เขียน : ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ กรุงศรี SMEในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เทคโนโลยีที่ทำลายตลาดเดิม พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน ไปจนถึงวิกฤตที่ไม่คาดคิดอย่างโควิด-19 หรือสงครามการค้า ธุรกิจ SMEs ส่วนใหญ่เริ่มเรียนรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวรับมือ โดยมีแผนสำรองเตรียมไว้แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ยังคงมีธุรกิจหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลงทั้งที่มีแผนสำรองอยู่ แต่เหตุใดแผนเหล่านั้นจึงกลับไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ ในขณะที่บางแห่งไม่เพียงรอดพ้น แต่ยังเติบโตได้ หลังจากได้คุยกับเจ้าของธุรกิจหลายคน เริ่มเข้าใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การวางแผน แต่อยู่ที่วิธีคิดและการตัดสินใจของเราเองในช่วงที่กดดัน การเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ในยามวิกฤตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสิ่งแรกที่ทำให้แผนสำรองไม่ได้ผลคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมองแต่ข้อมูลที่ดู “ปกติ” เวลายอดขายเริ่มลดลง จะบอกตัวเองว่าเป็นเพราะช่วงฝนตก หรือคู่แข่งลดราคาแต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าตลาดกำลังเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า “การหาเหตุผลสนับสนุนความคิดเดิม” ธุรกิจที่รอดได้มักจะทำสิ่งที่ดูแปลก ๆ คือให้คนที่ไม่ใช่เจ้าของมาดูแผนธุรกิจ เช่น เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งให้ลูกค้าประจำมาแนะนำว่าควรปรับอะไรบ้างผลก็คือเปลี่ยนจากร้านกาแฟธรรมดา เป็นร้านที่ขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์ชงกาแฟด้วย พอโควิดมาร้านปิด แต่ขายออนไลน์ได้ เพราะมีสินค้าที่คนอยากซื้อไปชงที่บ้าน ซึ่งการเปิดรับเสียงจากภายนอก ช่วยให้มองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนกว่าการมองด้วยสายตาของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว เป็นต้นปัญหาที่สองคือ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมาก่อนมักจะคิดว่าตัวเองจัดการได้เสมอ ซึ่งบางครั้งก็อันตราย ความมั่นใจเกินจริงนี้ทำให้มองข้ามสัญญาณเตือนและปฏิเสธที่จะปรับเปลี่ยนแผน เคยอ่านเรื่องบริษัทใหญ่ ๆ มีทีมที่ทำหน้าที่ “โจมตี” แผนของตัวเอง เพื่อหาจุดอ่อนที่อาจมองไม่เห็น ซึ่ง SMEs เราอาจทำไม่ได้ขนาดนั้น แต่ทำได้โดยการหาเพื่อนที่เป็นผู้ประกอบการด้วยกันมาช่วยกันดูโดยให้แต่ละคนมาท้าทายแผนของอีกคน เคยเห็นกลุ่มผู้ประกอบการใน Coworking Space แห่งหนึ่งทำแบบนี้ ผลก็คือหลายคนเจอจุดอ่อนที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน การมีคนที่คิดต่างมาช่วยดูจะทำให้เราเห็นมุมอื่นที่ปกติมองไม่เห็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่หลายคนมองข้ามคือ การเตรียมตัวสำหรับเรื่องที่ “คาดไม่ถึง” เราชอบวางแผนสำหรับปัญหาที่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำลายธุรกิจจริง ๆ มักเป็นเรื่องที่เราไม่เคยคิดถึง เหมือนโควิด หรือสงครามการค้ามีงานเขียนหลายชิ้นที่กล่าวถึงหลักคิดนี้ว่า แทนที่จะเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น ควรทำให้ธุรกิจ “ยืดหยุ่น” มากกว่า ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Netflix ตอนช่วงที่โรงภาพยนตร์ปิด กลับได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น หรือบริษัทขนส่งที่เปลี่ยนมาส่งอาหารแทน หลักคิดคือ ทำให้ธุรกิจสามารถ “แยกชิ้นส่วน” และ “ประกอบใหม่” ได้ง่าย เช่น ร้านอาหารที่ครัวทำได้หลายเมนู ก็สามารถเปลี่ยนจากร้านอาหารไทยเป็นร้านขายอาหารข้าวกล่องได้ ประเด็นคือการสร้างโครงสร้างธุรกิจที่ “ปรับตัวได้” มากกว่าการเตรียมแผนสำหรับทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้อีกเรื่องที่สำคัญแต่คนมักลืม คือจิตใจของทีมงาน ช่วงวิกฤตคนจะเครียด กลัว และทำงานไม่เต็มที่ หลายธุรกิจที่รอดมาได้เพราะทีมงานเป็นหนึ่งเดียว วิธีที่เขาทำคือ เปิดใจคุยกันทุกเช้า แบ่งปันข่าวดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้แต่เรื่องที่ลูกค้าชมอาหารอร่อย หรือมีออร์เดอร์เข้ามา บอกความจริงแม้ว่าจะไม่ดีเพราะการไม่รู้จะทำให้คนกลัวมากกว่าความจริงที่แย่ และสำคัญที่สุดคือ อย่าไปตำหนิใครเวลาเกิดปัญหา แต่ให้ช่วยกันหาทางแก้ไขการเตรียมตัวรับความไม่แน่นอน ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การมีแผนสำรองบนกระดาษ แต่เป็นการสร้าง “วิธีคิดและนิสัยการปรับตัว” ของทั้งทีม เป็นการฝึกให้ตัวเองและคนรอบข้างคิดแบบ “ถ้าเกิด…จะทำยังไง” เป็นประจำ เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่คนกล้าพูดความจริง และกล้าทดลองแนวทางใหม่แม้จะยังไม่รู้ผลลัพธ์ แต่เป็นการเตรียมจิตใจให้พร้อมเปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น มากกว่าการเตรียมแผนสำหรับสถานการณ์ที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นในท้ายที่สุด ธุรกิจที่อยู่รอดและเติบโตได้ในยุคนี้ ไม่ใช่ธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดและดีที่สุด การลงทุนในการสร้างความยืดหยุ่นและการเรียนรู้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1859732

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X