Everyday knowledge for you
ประกันสุขภาพ
17/06/2025
คนไทยป่วย “มะเร็งปอด” เสียชีวิตวันละ 40 ราย พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 48 ราย มลพิษอากาศและฝุ่น PM2.5 เป็นตัวเร่งมะเร็งปอดที่อันตราย พร้อมแนวทางป้องกันจากแพทย์ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตมะเร็งปอดที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างรุนแรง โดยมีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 48 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดสูงถึง 40 รายทุกวัน ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาที่มาพร้อมกับวิกฤตมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ที่ถูกระบุว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยกฝุ่น PM2.5 ขึ้นเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งกลุ่มเดียวกับบุหรี่ ซึ่งมีความเสี่ยงในการทำให้เซลล์ของร่างกายเกิดการกลายพันธุ์และเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติยังเผยว่าในปี 2022 ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 83,000 คน เฉลี่ยวันละ 227 ราย โดยมะเร็งเต้านมยังคงเป็นมะเร็งอันดับหนึ่งที่พบในผู้ป่วย แต่สิ่งที่น่าตกใจคือมะเร็งปอดซึ่งอยู่ในอันดับที่สอง มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง กล่าวว่า การหายใจเข้าซึ่งออกซิเจนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมะเร็งไม่ชอบออกซิเจน แต่ชอบสิ่งที่เป็นกรดและมีออกซิเจนต่ำ การหายใจในอากาศสะอาดจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักในปัจจุบันคือมลพิษทางอากาศที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้นรศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิฝุ่น PM2.5 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เซลล์ปอดเกิดการกลายพันธุ์และกลายเป็นเซลล์มะเร็ง PM2.5 สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ลึกถึงหลอดลมและเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดปัญหาปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง และในบางกรณีก็ทำให้เกิดมะเร็งปอดตามมาการป้องกันโรคมะเร็งปอดทำได้โดยการหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ เช่น การหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 หนาแน่น การออกกำลังกายในที่อากาศบริสุทธิ์ และการรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เช่น บล็อกโคลี, ชาเขียว, แครอท และฟักทอง รวมถึงอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบ เช่น ขิงและขมิ้นชันการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่จัด หรือเคยมีปัญหากับปอด เช่น มีแผลในปอด หรือเคยฉายแสงที่ปอด การตรวจพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึง 80% ซึ่งถือเป็นทางออกสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับฐานเศรษฐกิจhttps://www.thansettakij.com/health-wellness/health/630211
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
17/06/2025
เมกาบางนา จัดเทศกาลศิลปะยิ่งใหญ่ประจำปี ดึง 4 ศิลปินคนรุ่นใหม่ สร้างสรรค์แลนด์มาร์คงานอาร์ต ในงาน MEGA Art Journey 2025 ภายใต้แนวคิดความหลากหลายทุกแง่มุมของผู้คนศูนย์การค้าเมกาบางนา (MEGABANGNA) เชิญทุกคนร่วมเปิดประสบการณ์แห่ง ‘ศิลปะร่วมสมัย’ ในงาน “MEGA Art Journey 2025: MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION.” เทศกาลศิลปะยิ่งใหญ่ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกวันพิเศษกว่าที่เคยMEGA Art Journey 2025ปีนี้ เมกาบางนา เนรมิตพื้นที่กิจกรรมด้านนอกศูนย์ฯ 4 โซน รวมพื้นที่กว่า 690 ตารางเมตรให้กลายเป็นแกลเลอรีศิลปะสุดครีเอทีฟ ถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายของผู้คน ผ่านมุมมองของ 4 ศิลปินรุ่นใหม่นักสร้างสรรค์ ได้แก่ • give.me.museums • 22mm.t • shittak • Fluffy Omelet 4 ศิลปินรุ่นใหม่ได้ออกแบบผลงานที่สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก และความหลากหลายของผู้คน เป็นการเชื่อมต่อศูนย์การค้ากับกลุ่มคนรักศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่เมกาบางนา ดังนี้ • โซนเมกา พลาซ่า : คอนเซ็ปต์ Single Moment, Freedom Blooming“น้องดื้อ” คาแรคเตอร์เด็กผู้หญิงผมแดงสร้างสรรค์โดย give.me.museums หรือ ออย – คนธรัตน์ เตชะไตรศร ศิลปินหญิงผู้โดดเด่นด้วยลายเส้นอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) ถ่ายทอดความสุขของการอยู่คนเดียวผ่านมุมมองของการรักตัวเอง และการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างอิสระในทุ่งกว้างสื่อสารผ่านคาแรคเตอร์ “น้องดื้อ” คาแรคเตอร์เด็กผู้หญิงผมแดงหน้าตาซุกซน นิสัยอ่อนโยน ใจดี และเข้ากับอื่นได้ง่าย มีความสุขกับสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากการได้ใช้เวลาดีๆกับ ตนเอง ครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ก็เหมือนกับดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสันและกำลังเบ่งบานอยู่ในทุ่งหญ้ากว้าง เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตที่ 'เมกาบางนา' พื้นที่ที่พร้อมมอบ Blooming Moment ให้กับทุกคน • โซนเมน เอนทรานซ์ :คอนเซ็ปต์ Lover’s Moment, Jump into Falling in Loveคาแรคเตอร์ Millie & Megaศิลปินผู้ออกแบบคือ 22mm.t หรือ มะเหมี่ยว – ฐิติพร กลิ่นทโชติ นักวาดภาพประกอบคนดังกับสไตล์ลายเส้นที่ไม่เน้นสัดส่วนสมจริง แต่เป็นคาแรคเตอร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความสนุก และสีสันจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ชวนทุกคนดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความรักที่พาให้หัวใจล่องลอย ผ่อนคลาย และมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นผ่านคาแรคเตอร์ของ “Millie” และ “Mega” สะท้อนความหลากหลายและความงดงามของผู้คน หรือ "Mega Diversity - Mega People" ที่ Megabangna สถานที่ที่เชื่อมโยงผู้คน คู่รัก และประสบการณ์ใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกันผลงานนี้ศิลปินต้องการสื่อว่า Megabangna เป็นสถานที่ที่คู่รักได้มาร่วมใช้เวลา ทำกิจกรรมร่วมกันได้ในทุกวัน ทั้งการกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เคยน่าเบื่อ ด้วยกิจกรรมมากมายที่ตอบโจทย์ทุกคู่รักการเลือกใช้สีใน "Millie & Mega" จึงออกแบบมาเพื่อสื่อแนวคิดว่า "ความรัก" เป็นสิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัดทางเพศ หรือเพศสภาพของคนสองคน ที่มีความรู้สึกดีต่อกัน ไม่ว่าคุณจะรักใคร เพศอะไร หรือระบุตัวตนแบบไหน ความรู้สึกนั้นล้วนมีค่า และควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม • บริเวณทางเข้าอิเกียMEGA Moment. MEGA People.จัดแสดงผลงานของ 2 ศิลปิน คือ shittak หรือ ชายแดน เทียมไสย์ เจ้าของลายเส้นสุดกวนแต่เต็มไปด้วยพลังจินตนาการ ออกแบบผลงานครั้งนี้ภายใต้แนวคิด “MEGA Moment. MEGA People.”คาแรคเตอร์ที่ออกแบบมานั้นเน้นเรื่อง "ความหลากหลาย" ในทุกแง่มุมของผู้คน ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา เจนเนอเรชั่น อายุ เพศสภาพ ไปจนถึงไลฟ์สไตล์และความชอบที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับ Megabangna ที่เป็นพื้นที่ที่เข้าใจและพร้อมตอบโจทย์ทุกความแตกต่างอย่างครบครันคาแรคเตอร์ "มัว"ศิลปินอีกคนคือ Fluffy Omelet หรือ เภรย – ณัชริญา เหล่าศรีสิน เจ้าของคาแรคเตอร์แสนสดใส กับผลงาน “Family Moments, Familytopia”สำหรับผลงานนี้ ศิลปินได้ถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ ภายใต้แนวคิด Family Moments, Familytopia ผ่านคาแรคเตอร์ "มัว" เจ้าหมาลายจุดตัวอวบ ที่กำลังนั่งพักผ่อนท่ามกลางทุ่งหญ้าและดอกไม้สีสดใสด้วยลายเส้นนุ่มนิ่มและบรรยากาศสบายๆ งานชิ้นนี้ถ่ายทอดความตั้งใจให้ Megabangna เป็นมากกว่าสถานที่ช้อปปิ้ง แต่เป็น "พื้นที่พักผ่อน" ที่อบอวลด้วยความรัก ความผูกพัน และความสุขที่เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้มีร่วมกันในทุกๆ วัน • โซน MEGA People ณ ฟู้ดวอล์ค พลาซ่านำคาแรคเตอร์ของศิลปินทั้ง 4 คนมาจัดแสดงในรูปแบบ Hanging Art Exhibition พร้อมทั้งนำคาแรคเตอร์ทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นคำว่า “MEGA” ที่สื่อความหมายทั้งหมดของงานในครั้งนี้ด้วยวรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เมกาบางนาได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้คนทุกกลุ่มวัย เพื่อเสริมสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง และเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน ตามแนวคิด Your Everyday Meeting Place"ซึ่งครั้งนี้ เรายังคงเดินหน้านำเสนองาน MEGA Art Journey 2025 เทศกาลศิลปะสุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับศิลปะร่วมสมัยอย่างใกล้ชิด ผ่านผลงาน Installation Art จาก 4 ศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายของผู้คนด้วยมุมมองสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION."ทั้งนี้ เทรนด์ความนิยมในงานศิลปะแนว Art Toy ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ก็สะท้อนถึงการที่ศิลปะกลายเป็นเรื่องที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายสอดคล้องกับแนวคิดของ MEGA Art Journey 2025 ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ศิลปะให้กว้างไกลและใกล้ชิดกับผู้คนยิ่งขึ้น ผ่านผลงาน Installation Art ที่ทุกคนสามารถสัมผัสและเชื่อมโยงได้ด้วยตัวเอง“เราเชื่อว่างานนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมงาน และยังเชื่อมโยงศูนย์การค้าเข้ากับคอมมูนิตี้คนรักศิลปะและลูกค้าทั่วไปได้อย่างแนบแน่น รวมทั้งยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของเมกาบางนาในฐานะศูนย์กลางแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ในทุกๆ วัน” วรรณวิมล กล่าวศิลปะจัดวางคอนเซ็ปต์ Single Moment, Freedom Bloomingเชิญสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกวันพิเศษกว่าที่เคย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ศิลปะที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และเก็บภาพความประทับใจ แรงบันดาลใจจากงานศิลป์สุดครีเอทีฟที่ถ่ายทอดทุกโมเมนต์ของชีวิตอย่างมีสีสันในงาน MEGA Art Journey 2025: MEGA PEOPLE. MEGA INSPIRATION. ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 ณ ศูนย์การค้าเมกาบางนานอกจาก ศิลปะจัดวาง (Installation Art) ที่จัดแสดงให้ชมกันตลอดทั้งเดือน เมกาบางนา ยังได้นำลายเส้นของศิลปินทั้ง 4 คนไปออกแบบเป็นของที่ระลึกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้จ่ายภายในศูนย์ฯ ครบตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถแลกรับได้ฟรี! อาทิ • MEGA Scarf ผ้าพันคอดีไซน์ลิมิเต็ดเอดิชัน มูลค่า 890 บาท • MEGA Bag กระเป๋านุ่มนิ่มสีสันสดใสสุดอินเทรนด์ มูลค่า 1,290 บาท • ร่วมสนุกกับกิจกรรมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เพื่อแลกรับพวงกุญแจ MEGA Keychain ดีไซน์พิเศษลายเส้นจากศิลปิน มูลค่า 280 บาทศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน (จากซ้าย) shittak, Fluffy Omelet และ 22mm.tgive.me.museums หรือ ออย - คนธรัตน์ เตชะไตรศรแหล่งที่าข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1180012
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
17/06/2025
สิ่งที่นักเดินทางต้องรู้ก่อนขึ้นเครื่องบิน เมื่อเดินทางโดยเครื่องบินแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ น้ำหนักกระเป๋า สามารถนำขึ้นเครื่องได้กี่กิโล ถือขึ้นเครื่องได้กิโล และขนาดกระเป๋า ซึ่งแต่ละสายการบินมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน Sanook Travel จะมาให้คำตอบกับคุณในเรื่องนี้กัน เพื่อที่จะทำให้ทริปของคุณผ่านไปอย่างราบรื่น และมีความสุขน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องที่สายการบินกำหนดน้ำหนักกระเป๋าที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก • สายการบินต้นทุนต่ำส่วนใหญ่จำกัดน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ตัวอย่างเช่น AirAsia, Thai Lion Air และ Nok Air บางสายการบินอาจอนุญาตให้นำกระเป๋าใบเล็กเพิ่มได้ เช่น กระเป๋าสะพายหรือกระเป๋าโน้ตบุ๊ก • สายการบินฟูลเซอร์วิสน้ำหนักที่อนุญาตอยู่ระหว่าง 7 – 10 กิโลกรัม แล้วแต่สายการบิน ตัวอย่างเช่น Thai Airways, EVA Air, Scoot และ Singapore Airlines บางสายการบินมีเงื่อนไขพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่สามารถนำกระเป๋าน้ำหนักมากขึ้นได้ขนาดของกระเป๋าถือขึ้นเครื่องขนาดของกระเป๋าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยทั่วไป ขนาดมาตรฐานที่สายการบินกำหนดคือ • กว้างประมาณ 35 – 40 เซนติเมตร • ยาวประมาณ 50 – 56 เซนติเมตร • หนาประมาณ 20 – 25 เซนติเมตรอย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบข้อกำหนดของสายการบินที่ใช้เดินทางล่วงหน้า เพราะบางสายการบินอาจมีกฎเฉพาะที่แตกต่างกันโดยทั่วไป น้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องจะอยู่ที่ 7 – 10 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสายการบินที่เลือก ควรตรวจสอบนโยบายของสายการบินล่วงหน้าและใช้เทคนิคจัดกระเป๋าให้คุ้มค่าน้ำหนัก เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451855/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การทำงาน
17/06/2025
การประกอบอาชีพในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ประชากรกลุ่มเจเนอเรชันวาย (Gen Y) จำนวนมากเผชิญกับภาวะหมดไฟในการปฏิบัติงาน ปัจจุบันการทำงานได้แตกต่างจากแนวทางการทำงานในอดีตที่เน้นความผูกพันกับองค์กรเดียว โดย Gen Y พบว่าตนเองมีความจำเป็นต้องดำเนินงานในหลากหลายบทบาทเพื่อรองรับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ต้องการ ซึ่งบ่อยครั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาวะทางจิตใจ ข้อมูลจากงานวิจัยของ Academized ระบุว่า ร้อยละ 52 ของ Gen Y มีการประกอบอาชีพเสริม และเป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในสี่ของกลุ่มดังกล่าวปฏิบัติงานพร้อมกันถึงสามงาน ในขณะที่ หนึ่งในสามบริหารจัดการแหล่งรายได้มากถึงสี่ช่องทางปรากฏการณ์นี้ หรือที่เรียกว่า "การทำงานแบบพหุลักษณ์" (Multi-Hyphenate Working) ที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ ในบริบทที่ค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Gen Y จำนวนไม่น้อยจึงแสวงหาแหล่งรายได้ที่หลากหลายเพื่อความมั่นคงทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากงานวิจัยเพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่า Gen Y เผชิญกับความเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มประชากรอื่น โดยข้อมูลจาก Gallup พบว่า ในปี พ.ศ. 2565 อัตราภาวะหมดไฟในกลุ่มผู้จัดการ Gen Y สูงถึงร้อยละ 42 ดังนั้น การทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสมดุลระหว่างความสำเร็จทางอาชีพและสุขภาวะส่วนบุคคลปัจจัยขับเคลื่อนการทำงานหลากหลายบทบาทในกลุ่ม Gen Yปัจจัยสำคัญหลายประการที่ส่งผลให้ Gen Y มีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพมากกว่าหนึ่งประเภท ประกอบด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ: Gen Y เผชิญกับแรงกดดันทางการเงินอันเนื่องมาจากภาระหนี้สินจากการศึกษาและอัตราค่าตอบแทนที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้การมีแหล่งรายได้เสริมกลายเป็นความจำเป็น ข้อมูลจาก Academized บ่งชี้ว่า Gen Y ที่มีอาชีพเสริมมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12,689 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และผู้ประกอบอาชีพอิสระในสาขาเทคโนโลยีบางรายมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 45,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีศักยภาพของเทคโนโลยี: แพลตฟอร์มดิจิทัลและโอกาสในการปฏิบัติงานระยะไกลได้ลดข้อจำกัดในการเข้าถึงโอกาสการทำงานเสริมอย่างมีนัยสำคัญ ผลการสำรวจของ Academized เผยว่า ร้อยละ 35 ของ Gen Y ใช้เครื่องมือดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการบริหารจัดการงานเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาเทคโนโลยีนิยามใหม่ของความมั่นคงทางอาชีพ: ภายหลังการเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจหลายครั้ง Gen Y ตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายแหล่งรายได้เพื่อลดความเสี่ยงจากการว่างงาน แนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงานจึงถูกปรับเปลี่ยนไปสู่การสร้างความมั่นคงทางอาชีพจากแหล่งรายได้ที่หลากหลายการเปลี่ยนแปลงค่านิยมสู่ความเป็นอิสระ: Gen Y จำนวนมากให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและคุณค่าของงานมากกว่าการเติบโตในสายอาชีพตามรูปแบบดั้งเดิม การทำงานหลากหลายบทบาทตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินโครงการที่สนใจควบคู่ไปกับการมีแหล่งรายได้ที่มั่นคงผลประโยชน์ของการทำงานหลากหลายสำหรับ Gen Y • การลดความเสี่ยงและความมั่นคงทางจิตใจ: การมีแหล่งรายได้หลายทางช่วยลดความกังวลและความไม่แน่นอนทางการเงิน ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นใจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพมากขึ้น • การพัฒนาทักษะและการเติบโตทางอาชีพ: การปฏิบัติงานในหลากหลายบทบาทช่วยให้ Gen Y ได้รับประสบการณ์และพัฒนาทักษะที่หลากหลาย ซึ่งสามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอื่น ๆ และเร่งการเติบโตทางอาชีพในระยะยาว • การขยายเครือข่ายทางวิชาชีพ: การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในหลากหลายอุตสาหกรรมช่วยสร้างเครือข่ายทางวิชาชีพที่กว้างขวาง ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสที่ไม่คาดคิดในอนาคต • ความเป็นอิสระและการลดความเครียด: การไม่พึ่งพิงแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียวช่วยให้ Gen Y มีอำนาจในการกำหนดขอบเขตการทำงานและปฏิเสธโครงการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการหรือความเป็นอยู่ของตนเองความเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟในการทำงานของ Gen Y จากการทำงานหลากหลายบทบาทแม้จะมีผลประโยชน์ดังกล่าว แต่ความเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนัก งานวิจัยจาก Moodle เผยว่า ปัจจุบัน พนักงานชาวอเมริกันถึงสองในสาม (ร้อยละ 66) กำลังเผชิญกับภาวะหมดไฟ ซึ่งมีสาเหตุหลัก ประกอบด้วย • ปริมาณงานที่มากเกินกว่าเวลาที่มี • การขาดแคลนทรัพยากรและเครื่องมือที่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน • ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจ • การรับภาระงานมากเกินไปเนื่องจากการขาดแคลนบุคลากร • ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อบทบาทหน้าที่นอกจากนี้ ผลการสำรวจของ Academized ยังชี้ให้เห็นว่า ร้อยละ 42 ของ Gen Y ที่บริหารจัดการงานหลายอย่างประสบกับภาวะหมดไฟ อันเนื่องมาจากการทำงานล่วงเวลา และ ร้อยละ 26 รายงานปัญหาความสัมพันธ์ส่วนตัววิธีการบริหารจัดการงานหลากหลาย เพื่อการป้องกันภาวะหมดไฟสำหรับ Gen Yการประยุกต์ใช้กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติงานในหลากหลายบทบาทและสุขภาวะส่วนบุคคลได้อย่างยั่งยืนการเลือกรูปแบบการทำงานที่เหมาะสม: รูปแบบการทำงานแบบพหุลักษณ์มีความหลากหลาย ควรพิจารณารูปแบบที่สอดคล้องกับสถานการณ์และเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น การมีแหล่งรายได้หลักที่มั่นคงควบคู่ไปกับการดำเนินงานเสริมที่มีความหลากหลาย โดยงานพาร์ทไทม์เหล่านี้ ควรใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องจากเดิมอยู่แล้ว การสร้างระบบและขอบเขตที่ชัดเจน: การทำงานแบบหลายงาน (พหุลักษณ์) ที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีการแบ่งแยกบทบาทและกำหนดขอบเขตการทำงานที่ชัดเจน รวมถึงการจัดสรรเวลา การแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงาน และการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพการให้ความสำคัญกับการฟื้นฟู: การจัดสรรเวลาสำหรับการพักผ่อนและการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการกำหนดเวลาพักผ่อน การสร้างช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านระหว่างบทบาท และการสังเกตระดับพลังงานของตัวเองการตระหนักถึงสัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟ: การสังเกตและตอบสนองต่อสัญญาณเริ่มต้นของภาวะหมดไฟ เช่น อาการทางกาย อารมณ์ และประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลงการกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน: การมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนช่วยให้การทำงานหลากหลายบทบาทมีความยั่งยืนมากขึ้น และรู้ว่าควรหยุด และพักในเวลาใดการเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: การตระหนักถึงขีดจำกัดของตนเองและการเรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานที่ไม่สามารถรับผิดชอบได้การให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน: งานวิจัยเน้นย้ำว่า Gen Y ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน หากไม่สมดุลอาจนำไปสู่การเปลี่ยนงานการแสวงหาความช่วยเหลือ: การขอความช่วยเหลือจากบุคคลใกล้ชิดหรือผู้เชี่ยวชาญเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือกับภาระงานได้Gen Y กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ในโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป การบริหารจัดการหลากหลายบทบาทอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างสมดุลระหว่างความสำเร็จทางอาชีพและสุขภาวะส่วนบุคคล รวมถึงการตระหนักถึงความเสี่ยงและประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Gen Y สามารถสร้างชีวิตการทำงานที่ยั่งยืนและเติมเต็มความพึงพอใจในชีวิตส่วนตัวได้โดยปราศจากภาวะหมดไฟได้ข้อมูล : Forbesภาพ : istocksแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2859205
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
13/06/2025
วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการการจังหวัดพิจิตร ได้มอบหมายสั่งการให้ นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา นายอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร ให้ลงไปตรวจสอบการทำประกันของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร หลังจากได้รับการร้องทุกข์ร้องเรียนจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียนว่า มีบุคคลที่แอบอ้างเป็นตัวแทนนายหน้าขายประกันบริษัทชื่อดังที่น่าเชื่อถือให้กับโรงเรียน ซึ่งจากการที่ นายอำเภอวังทรายพูน ได้ลงตรวจสอบก็พบว่ามีโรงเรียนที่เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่วหนึ่ง ใน อบต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ที่ผู้ปกครองได้จ่ายเงินทำประกันเป็นจำนวน 200 บาท ให้กับตัวแทนนายหน้าขายประกัน โดยโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้มีจำนวนนักเรียนกว่า 100 คน ที่ได้ทำประกันกับตัวแทนประกันรายนี้ แต่ตัวแทนประกันรายนี้ไม่นำเงินไปส่งให้กับทางบริษัท จึงทำ ให้เด็กนักเรียนทั้งหมดไม่มีชื่อ-ไม่มีสิทธิ์ในการทำประกัน เรียกได้ว่า “เป็นการทำประกันทิพย์” ที่ไม่สามารถเบิกรักษาเยียวยาอะไรได้เมื่อเกิดเหตุที่ตรงกับเงื่อนไขในกรมธรรม์ ซึ่งขณะนี้ผู้ปกครองของนักเรียนต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า สำหรับผู้เสียหาย คือ นางเจนจิรา อายุ 34 ปี อยู่หมู่ 3 ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ซึ่งเป็นผู้ปกครองของ เด็กหญิงปรีญากมล อายุ 3 ปี ซึ่งเรียนอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้ใน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ที่ลูกสาวได้เกิดอุบัติเหตุหลังจากไปเที่ยวบ้านญาติที่ อ.โพทะเล และได้ตกไปในเตาเผาถ่าน ต้องถูกตัดนิ้วเท้าไป 3 นิ้ว และมีบาดแผลหลายแห่งอาการสาหัส ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 68 และได้เข้ารักษาตัวที่ รพ. ปรากฏว่าเมื่อต้องการเรียกร้องสินไหมและค่ารักษาจากบริษัทประกันไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีชื่อในการทำประกัน และตัวแทนที่มาทำประกันให้กับโรงเรียนก็ไม่มีตัวตนในบริษัท ซึ่งทาง นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้สั่งการนางสาว สาวิตรี สร้อยอุทา นายอำเภอวังทรายพูน พาพ่อแม่ของเด็กหญิงรายนี้ ไปแจ้งความดำเนินคดี กับตัวแทนประกันคนดังกล่าวคนนี้ที่มาหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชน โดยแอบอ้างว่า เป็นตัวแทนจากบริษัทมาเก็บเงินค่าประกันจากทางโรงเรียน ทางด้าน นายวิทยาธร (สงวนนามสกุล)อายุ 36 ปี พ่อของเด็กหญิงปรีญากมล กล่าวว่า หลังจากลูกเกิดอุบัติเหตุ ตนเอง ได้พยามติดต่อนายหน้าประกันของทางโรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ดังกล่าว ซึ่งกว่าจะติดต่อได้ ปรากฏว่านายหน้าที่มาแอบอ้างจะขอจ่ายเองโดยจะจ่ายเงิน ค่ารักษาพยาบาลที่ถูกตัดนิ้ว 3 นิ้ว เป็นเงิน 1,800 ค่านอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 25,000 บาท ซึ่งตนเองมองว่าจ่ายน้อยเกินไป ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงเรียนศูนย์เด็กเล็ก ก่อนจะให้มีคนมาทำประกันทำไมไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนว่า เป็นนายประกันจริงหรือไม่ ตอนนี้ลูกสาวของตนเองมีอาการซึมเศร้าน่าสงสารมาก ส่วนตนเองก็ไม่มีเงินที่จะพาลูกไปรักษาอย่างต่อเนื่องจาก เพราะตอนนี้ก็กู้หนี้ยืมสินรักษาลูกหมดเงินไปแล้วกว่า 60,000 บาท ดังกล่าวอีกด้วยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/628843
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
13/06/2025
นิทรรศการแห่งความสดใสของ “4 ดอกไม้ประจำจังหวัด: ทองกวาว ราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ ชบา” ที่พร้อมใจกันมาเบ่งบานกลางมหานคร ผ่านผลงานศิลปะหลากรูปแบบ เชื่อมโยงอัตลักษณ์ท้องถิ่นกับหัวใจของมหานคร ณ TCDC กรุงเทพฯนิทรรศการจะนำความสดใสของดอกไม้ประจำ 4 จังหวัด ได้แก่ ทองกวาว (จังหวัดเชียงใหม่) ราชพฤกษ์ (จังหวัดขอนแก่น) กัลปพฤกษ์ (จังหวัดราชบุรี) และชบา (จังหวัดปัตตานี) มาเนรมิตเป็นกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ มากมายในงาน เช่นInteractive & Immersive Art: ศิลปะสื่อใหม่เล่าเรื่องดอกไม้แบบสุดล้ำLive Printing Installation: ศิลปะพิมพ์ภาพผ้าสดในบรรยากาศของการร่วมมือร่วมใจลายผ้าดอกไม้: ลวดลายดอกไม้ร่วมสมัยแรงบันดาลใจมาจาก 4 ดอกไม้ประจำจังหวัดนำร่องนิทานดอกไม้: 4 เรื่องราวแห่งจินตนาการสุดเพลิดเพลินและน่าจดจำมุมระบายสี: พื้นที่พลังศิลปะให้เบ่งบานสำหรับผู้ร่วมงานทุกเพศทุกวัยสื่อส่งสารของโครงการ: สื่อเล่าเรื่องดอกไม้ประจำจังหวัดบนโลกออนไลน์ในนาม “ลีลาดอกไม้”และชวนชาวมหานครร่วมกันตอบคำถามสนุกๆ ว่า ถ้า “ถ้ากรุงเทพฯ มีดอกไม้ประจำเมือง จะเป็นดอกอะไร?”พิเศษสำหรับชาวกรุงเทพมหานคร! ในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจมาร่วมเดินชมและรับฟังแนวคิดเบื้องหลังนิทรรศการลีลาดอกไม้ ตอน “ดอกไม้ม(า)หานคร” ความสดใสของ 4 ดอกไม้ประจำจังหวัดที่พร้อมใจกันเบ่งบานกลางมหานครพร้อมร่วมกิจกรรม “พิมพ์ผ้าสดลายดอกลงบนผืนผ้าขนาดยาวร่วมกัน” นำกิจกรรมโดย ดร.วิจิตร อภิชาติเกรียงไกร(ศิลปินเจ้าของแนวคิดสาธารณศิลป์และแนวคิดนิเวศสุนทรีย์) ด้วยกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ “ภาพพิมพ์” สร้างการมีส่วนร่วมในพื้นที่สาธารณะ ผ่านผืนผ้าพิมพ์สดที่ความยาวเพิ่มขึ้นทุกครั้งในการพิมพ์ กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสุนทรีย์ให้เกิดขึ้นในบรรยากาศของการร่วมมือร่วมใจ หลังจบกิจกรรมสามารถรับผ้ากลับไปได้เลยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ ณ จุดลงทะเบียนด้านหน้านิทรรศการและผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ ลีลาดอกไม้ ตอน “ดอกไม้ม(า)หานคร” ได้ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568 ณ TCDC กรุงเทพฯ ห้องแกลเลอรี ชั้น 1 เวลา 10.30 – 19.00 น.กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ลีลาดอกไม้ – พัฒนาอำนาจนุ่มนวลของไทย ผ่านการสรรสร้างและเล่าเรื่องดอกไม้ประจำจังหวัด สนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และดำเนินงานโดย บริษัท สุโต จำกัดหมายเหตุไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม และสามารถจอดรถได้ที่อาคาร NT บางรัก ในอัตรา 20 บาท/ชั่วโมงTCDC ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์ด้วยโครงการ Open Space @ TCDC ให้กลุ่มคนครีเอทีฟได้แสดงศักยภาพผ่านการโชว์ผลงานและจัดกิจกรรมสร้างสรรค์รูปแบบต่าง ๆ ที่ TCDC กรุงเทพฯแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000054491
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
13/06/2025
ชวนตื่นตาทะเลสาบสีฟ้ากลางป่าสนและหุบเขาที่ “เหมืองหินเก่าถ้ำทองหลาง” ที่ถูกยกให้เป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยแห่งใหม่ในพังงา ซึ่งวันนี้กำลังเดินหน้าสู่ “ป่านันทนาการ” ที่จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคตท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีของอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีสถานที่อันซีนซ่อนตัวอยู่คือ “เหมืองหินเก่าถ้ำทองหลาง” ที่วันนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงของจังหวัดพังงา กับวิวทิศทัศน์ที่มีบรรยากาศคล้ายต่างประเทศจนถูกยกให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” แห่งใหม่ของบ้านเรา“เหมืองหินเก่าถ้ำทองหลาง” หรือ "เหมืองหินเก่าบ้านถ้ำทองหลาง” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ตำบลถ้ำทองหลาง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เหมืองหินเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนเข้าหมู่บ้านเขาตำหนอน ม.1 และบ้านในวัง ม.4 ห่างจากถนนเพชรเกษมสายเขานางหงส์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตรในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองหินมาก่อน แต่เมื่อหมดอายุสัมปทานการทำเหมืองยุติลง ธรรมชาติก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูตนเอง กลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสสีฟ้าอมเขียว มีความลึกราว 10-20 เมตร ทอดตัวเป็นแนวยาวริมภูเขา ด้านหนึ่งเป็นภูเขาหินปูนสูงตระหง่านส่วนอีกด้านเป็นป่าสนที่ปลูกเรียงรายเป็นแนวยาวอย่างมีระเบียบ ยามแสงแดดในช่วงเช้าสาดแสงส่องกระทบผิวน้ำ จะเกิดเป็นประกายระยิบระยับ ตัดกับฉากหลังของภูเขาเขียวและหมอกบาง ๆ ดูงดงามโรแมนติกไม่น้อยด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงามและบรรยากาศที่ดูคล้ายต่างประเทศทำให้ที่นี่ถูกยกให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” แห่งใหม่ของบ้านเรา ซึ่งหลังเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ได้ไม่นานเมื่อราว 2 ปีที่แล้ว เหมืองหินเก่าแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินน้องใหม่มาแรงของจังหวัดพังงา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปและสัมผัสกับฟีลเมืองนอกในพังงากันไม่ได้ขาดอย่างไรก็ดีวันนี้เหมืองหินเก่าถ้ำทองหลางยังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพัฒนาเป็น “ป่านันทนาการ” ที่จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคตสำหรับใครที่กำลังมองหาจุดหมายใหม่ ๆ ที่งดงามน่าเที่ยว มีความเป็นธรรมชาติและได้บรรยากาศคล้ายเมืองนอก ปักหมุดรอเหมืองหินเก่าถ้ำทองหลาง จังหวัดพังงา ไว้ในลิสต์ได้เลยเพราะในอนาคต หลังเหมืองเก่าแห่งนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ คาดว่าที่นี่จะเป็นพชรเม็ดงามแห่งใหม่ของภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งจะมีคนมาเที่ยวชมความงามกันเป็นจำนวนมาก และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้ไม่น้อยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000051756
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
10/06/2025
บทความโดย "ภาดร สุขสวัสดิ์" นักวางแผนการเงินCFP®สมาคมนักวางแผนการเงินไทยจากการที่ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมาตลอด 10 ปี ได้มีคนมาขอคำปรึกษาและพูดคุยถึงการจัดการแผนการเงินเป็นจำนวนมาก พบว่าส่วนใหญ่ผู้รับการวางแผนที่มีแผนการเงินอยู่แล้ว แต่พบว่าประมาณ 80% จะมีแผนการจัดการเงินในระยะสั้นเท่านั้น เช่น มีการบริหารเงินให้รายรับมากกว่ารายจ่าย และถึงแม้จะมีการจัดการเรื่องเงินเก็บ เงินออม แต่ก็ยังขาดเรื่องการเก็บเงิน และนำไปลงทุนระยะยาวเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายที่สำคัญในอนาคต และยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการป้องกันความเสี่ยง วิกฤติการเงินต่าง ๆ ที่อาจจะมากระทบกับแผนการเงินในระยะยาวดังนั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาขอสรุปคำแนะนำที่เคยให้ไว้กับผู้ขอรับคำปรึกษา ในการปรับแก้แผนการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงและความผันผวนได้ดีขึ้นในอนาคต และทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ไม่ยาก หากดำเนินการได้ตามคำแนะนำ ดังนี้แผนการเงินที่มี ดีแล้วหรือยังการวางแผนทางการเงินจะเป็นเหมือนเข็มทิศที่จะบอกว่า ควรจะมีรายได้เท่าไร ใช้จ่ายอย่างไร รวมไปถึงวิธีการเก็บออมและลงทุนที่เหมาะสม เพื่อให้ไปได้ถึงเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยแผนการเงินที่ดี นอกจากจะชัดเจนแล้วยังต้องสามารถทำได้จริง ไม่ยากหรือกดดันตัวเองจนเกินไป ไม่ทำให้ท้อถอยหรือหยุดทำตามแผนไปกลางคันการเริ่มต้นวางแผนการเงินที่ดี ควรเริ่มจากทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตนเองออกมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมของ รายได้หลัก รายจ่ายต่าง ๆ สถานะทางการเงิน ความสามารถในการออมเงินและลงทุนเพื่อเก็บไว้สำหรับใช้จ่ายในอนาคต หากปรับเป็นแผนการเงินที่ดีแล้ว ก็จะนำมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมั่นใจขึ้นเตรียมแผนการเงินให้รับมือกับความผันผวนได้จากวิกฤติโควิด-19 จะเห็นว่าสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งผู้ประกอบการและพนักงานประจำ แต่หากมีการเตรียมแผนการเงินที่มีความยืดหยุ่นสูงและปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก จะเป็นข้อได้เปรียบในการช่วยกู้สถานการณ์ฉุกเฉิน การเกิดเหตุไม่คาดฝันกับครอบครัวได้ เช่น หากรายได้ลดลง แผนสำรองเงินฉุกเฉิน จากการเก็บออมไว้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนออกมาบางส่วนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ หรือหากยังไม่พอก็อาจจะทำการหยิบยืมออกมาจากแผนการเงินอื่น ๆ เช่น แผนเกษียณออกมาใช้กู้วิกฤติก่อน เมื่อผ่านพ้นไปได้ก็ค่อยนำเงินไปคืนให้กับแผนเกษียณของตนเองที่วางไว้แผนการลงทุนในแต่ละแผนการเงิน มีความเสี่ยงที่เหมาะสมแผนการเงินที่ดีไม่จำเป็นต้องลงทุนแต่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเสมอไป หากระยะเวลาของแผนการเงินนั้นสั้นก็ไม่ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป ถึงแม้จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่สูง เช่น แผนการศึกษาบุตร ควรเลือกลงทุนโดยคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุนด้วย ค่าใช้จ่ายการศึกษาที่ไม่เกิน 3 – 5 ปี ก็ไม่ควรเลือกการลงทุนที่เสี่ยงจนเกินไปทั้งจำนวนเช่น กองทุนหุ้น เพราะหากเกิดวิกฤติทางการเงินที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงที่ลงทุนขาดทุนในช่วงเวลาที่ต้องถอนเงินออกมาชำระค่าเทอม ก็จะกระทบกับแผนที่วางไว้ แต่หากเป็นการเก็บเงินระยะยาวสำหรับการศึกษาของบุตร ในระดับชั้นปริญญาตรีและโท ในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็อาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มได้ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่มากขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาจากความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองด้วย ต้องไม่ทำให้รู้สึกกังวลจนเกินไป และกระทบกับชีวิตประจำวันปิดความเสี่ยงที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่มีโอกาสกระทบแผนการเงินแผนการเงินของผู้รับคำปรึกษามักหยุดชะงักและไปไม่ถึงเป้าหมาย มักเป็นเพราะเรื่องของค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่คาดคิด และไม่ได้เลือกที่จะปิดความเสี่ยงนี้ไว้ก่อน คนส่วนใหญ่จะมองข้ามแผนประกันเพราะคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นกับตนเองน้อย แต่ลืมไปว่าหากเกิดขึ้นแล้วจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ซึ่งจะทำให้เงินทั้งหมดที่สะสมไว้ในแผนการเงินต่างๆ หมดลงได้อย่างรวดเร็วการมีประกันจะเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันเวลาเกิดเหตุที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันรถ หรือประกันอัคคีภัย เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ ในการเริ่มต้นวางแผนการเงิน และรวมไปถึงประกันชีวิต ที่จำเป็นต้องทำหากเป็นการวางแผนการเงินที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ เช่น การวางแผนการศึกษาบุตรเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินให้เหมาะกับแผนการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมก็เป็นตัวที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับแผนในอนาคตได้ เช่น การวางแผนเกษียณ เป็นการเก็บเงินเพื่อใช้ในอนาคต ซึ่งจะสามารถเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินระยะยาวที่มีผลประโยชน์ทางด้านภาษีเพิ่มเติม เช่น กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือประกันบำนาญ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ โดยได้สิทธินำไปลดภาษีได้ทุกครั้งที่ลงทุนหรือจ่ายเบี้ยประกันตามเกณฑ์ที่ถูกวางไว้ และสำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีก็สามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงและนโยบายการลงทุนที่สนใจได้อีกด้วย ถือเป็นการใช้เครื่องมือทางการเงินได้อย่างคุ้มค่าและตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ทบทวนและปรับปรุงตลอดเวลาถึงจะมีแผนการเงินที่ดีแล้ว ก็ยังต้องนำมาทบทวนทุก ๆ 6 เดือนหรือ 1 ปีอยู่เสมอ เพราะชีวิตก็ไม่ได้หยุดนิ่งมีการปรับเปลี่ยนตลอด เช่น มีรายได้สูงขึ้น หรือมีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อตัวแปรในแผนการเงินเปลี่ยน แผนการเงินก็จำเป็นต้องปรับ หรือแม้แต่สถานการณ์ภายนอกที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติ วิกฤติการเงิน ที่มาส่งผลกระทบกับแผนการเงิน ก็ต้องนำมาพิจารณาที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขแผนการเงินให้เป็นปัจจุบัน การศึกษาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ และเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็นำมาพิจารณาปรับใช้กับแผนการเงิน เพื่อให้ไปถึงจุดหมายได้ดีขึ้นก็ทำได้เช่นกันปรับแผนทางการเงินให้ มีความต้านทานต่อวิกฤติ มีความยืดหยุ่นสูง ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม มีการทบทวนสม่ำเสมอ จะทำให้พร้อมที่จะรับมือวิกฤติทางการเงินในอนาคตได้ดีขึ้น และพร้อมที่จะไปถึงเป้าหมายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1817263
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
10/06/2025
"สิ่งสำคัญที่คนวัย 30 ต้องให้ความสำคัญคือการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน การมีประกันที่จำเป็น หรือแม้แต่การลงทุนในความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์และสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างแท้จริง"การเข้าสู่วัย 30 ไม่ได้หมายถึงแค่การมีรายได้ที่มั่นคงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างครอบครัว การผ่อนบ้าน หรือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว ทำให้การวางแผนการเงินในวัยนี้ซับซ้อนกว่าแค่การลงทุนให้เงินงอกเงยเพียงอย่างเดียวสิ่งสำคัญที่คนวัย 30 ต้องให้ความสำคัญคือการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน การมีประกันที่จำเป็น หรือแม้แต่การลงทุนในความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์และสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างแท้จริง1. ตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจนจุดเริ่มต้นของการตั้งเป้าหมายการเงิน หรือการวางแผนชีวิต คือการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ว่าเป้าหมายใดมีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่ากัน จากนั้นจึงนำแผนนี้มาจัดสรรเงินตามลำดับ เพื่อให้เราทราบว่ารายได้ที่มีนั้นเพียงพอหรือไม่ และขาดเหลือตรงไหนบ้าง2. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน ป้องกันการเกิดวิกฤติชีวิตเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนในอดีต และมีกระแสการปลดคนอยู่มากมาย ดังนั้นการเตรียมเงินสำรองไว้ในภาวะวิกฤติย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแนวโน้มในเวลานี้ การสำรองเงินไว้ใช้ 6 เดือนอาจไม่เพียงพออีกแล้ว คุณอาจต้องขยับเป็น 12 เดือนเลยทีเดียว การเก็บเงินไว้เป็นทุนสำรองไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นเงินสดทั้งหมด แต่เราสามารถเก็บเงินไว้ในกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมที่เน้นลงทุนหุ้นกู้ระยะสั้น ที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้น แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนกลับมา3. ประกันชีวิตคือสิ่งที่ขาดไม่ได้การมีประกันที่จำเป็นจึงสำคัญมาก ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ จะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะในด้านค่ารักษาพยาบาล เพราะด้วยราคาค่ารักษาพยาบาลในเวลานี้ที่สูงมาก ซึ่งในวัย 30+ แม้ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคประจำตัว หรือโรคร้ายแรงอาจจะยังไม่มากนัก แต่ในอีกด้านหนึ่ง ชีวิตคุณอาจเจอจุดเปลี่ยนจากการต้องเข้ารักษาพยาบาล หากไม่เตรียมตัวก็อาจเกิดวิกฤตทางการเงินได้4. วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงเมื่อเราแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ และกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ลำดับต่อมาคือการวางแผนการลงทุน ซึ่งในวัย 30 ยังไม่ถือว่าช้าเกินไปสำหรับการลงทุน และสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นโอกาสที่คุณสามารถเลือกลงทุนได้ แต่สิ่งที่คุณควรรู้จักและเป็นเพื่อนรักในการลงทุนคือ ดอกเบี้ยทบต้น การนำผลตอบแทนกลับมาลงทุนใหม่ จะช่วยให้คุณมีผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นในระยะยาวอย่างที่คุณอาจไม่คาดคิด5. ลงทุนในความสัมพันธ์นอกเหนือจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแล้ว การลงทุนในความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การมีเครือข่ายเพื่อนฝูง ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานที่ดี จะเป็นเหมือน "ทุนทางสังคม" ที่สำคัญในชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับเพื่อนและคนรู้จัก ความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงทางจิตใจ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งช่วยให้การทำงานราบรื่นการลงทุนในด้านความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่ประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตเท่านั้น แต่อาจช่วยยกระดับให้เราค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ในด้านเศรษฐกิจได้เช่นกันแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2860408
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
10/06/2025
เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘LINECENSOR’ เป็นศิลปินไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในโลกของศิลปะดิจิทัลและ NFT (Non-Fungible Token) สร้างสถิติการประมูลแตะหลักล้านในแพลตฟอร์มระดับสากล จนมีแฟนคลับและผู้ติดตามจากทั่วโลกห่างหายจากการแสดงผลงานเดี่ยวนานถึง 9 ปี กลับมาครั้งนี้ เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือ LINECENSOR ฉายาที่ได้รับขณะเรียนคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ที่กลายเป็นชื่อที่เรียกขานกันในวงการศิลปะ ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และของสะสม รวมทั้งแอพพลิเคชั่นให้สนุกไปกับเกมของของเหล่าคาแรคเตอร์อย่างเต็มอิ่มกันเลยทีเดียวประติมากรรมไฟเบอร์กลาสคนคู่สีดำ-ขาว ขนาดชวนปะทะ บริเวณทางเข้าแกลเลอรี่ผลงานจิตรกรรมขนาดกว้าง 4 เมตร x ยาว 8 เมตร พร้อมด้วยประติมากรรมสนุก ๆเริ่มต้นก็ชวนปะทะสายตากันด้วยประติมากรรมไฟเบอร์กลาสสูง 3.5 เมตร คาแรคเตอร์คู่ชายหญิงสีดำและขาวตัดกันยืนอยู่ทางเข้าห้องนิทรรศการที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วต้องร้องว้าว ! มาแต่ไกล แต่อยากบอกว่าในห้องนิทรรศการนั้น ว้าว ! ยิ่งกว่าเพราะไฮไลท์จะอยู่ที่ผลงานจิตรกรรมขนาดกว้าง 4 เมตร x ยาว 8 เมตร ที่เจ้าตัวกล่าวว่า เป็นผลงานชิ้นที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เคยทำมา โดยใช้เวลาวาดอยู่นาน 4 ปี“ผมไม่ได้แสดงนิทรรศการเดี่ยวที่เมืองไทยมาหลายปี ครั้งนี้จึงอยากนำผลงานจิตรกรรมที่เป็นมาสเตอร์พีซมีทั้งงานที่สร้างขึ้นมาใหม่และงานที่อยู่ในคอลเลคชั่นของนักสะสมที่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน 7- 8 ชิ้น โดยมีจิตรกรรมขนาด 8 เมตรเป็นไฮไลท์ ควบคู่ไปกับประติมากรรมที่ออกแบบใหม่อีก 20 ชิ้น เพื่อทำให้เนื้อหาในนิทรรศการมีความสนุกมากยิ่งขึ้น” ศิลปินบอกกับเรา‘LINECENSOR’ เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์รายละเอียดของผลงานจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเห็นผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์“นิทรรศการครั้งนี้มีชื่อว่า ARCH OF LINECENSOR PART 1: PERFECT STORM ใช้เวลาคิดชื่อค่อนข้างนาน PERFECT STORM บางคนอาจตีความว่าเป็นพายุที่สมบูรณ์แบบ ในอีกมุมหนึ่งอาจมองถึงสถานการณ์ วิกฤติต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตที่ยากลำบาก ผมนำสิ่งเหล่านั้นมาแปรเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่สะท้อนความสุขความทุกข์และความหมายของชีวิต” กว่าจะมาเป็น LINECENSOR ศิลปินไทยคนแรกๆที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาด NFT (Non-Fungible Token) ระดับสากล ด้วยมูลค่าผลงานในหลักล้านบาท เจ้าตัวบอกว่า“ผมเป็นเด็กติดเกมมาก่อน ชอบวาดรูป ชอบวาดการ์ตูน ชีวิตไม่ได้มีเป้าหมายอะไร จน ม.3 ต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนสายไหน”LINECENSOR เลือกเข้าเรียนวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี แผนกเทคนิคการก่อสร้าง เพราะครอบครัวทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เรียนอยู่ได้หนึ่งปีชีวิตเปลี่ยนเมื่อได้ไปเห็นผลงานของแผนกวิจิตรศิลป์ที่อยู่ด้านหลังตึกเรียนเทคนิคก่อสร้าง จึงย้ายแผนกมาเรียนศิลปะ แล้วสอบเข้าเรียนในคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ได้ในที่สุด“เรียนอยู่ปี 3 แล้วยังเป็นเด็กติดเกมอยู่เหมือนเดิม นั่งเล่นเกมจนถึงเช้า ชีวิตไม่มีเป้าหมาย เห็นเพื่อนส่งผลงานเข้าประกวด ลองส่งบ้าง พอผลงานได้รับรางวัลผมเลิกเล่นเกมเลย เปลี่ยนตัวเองมาตั้งใจทำงานศึกษาผลงานของรุ่นพี่ที่ได้รับรางวัลที่ 1 จนเข้าใจว่า การทำงานศิลปะต้องมีคอนเซ็ปต์ มีสิ่งที่เราอยากจะพูดชัดเจน ขยันและต้องทำงานให้เยอะ และกลายเป็นพื้นฐานในการทำงานของผมจนถึงวันนี้”จากเด็กติดเกมสู่การสร้างงานศิลปะที่สะท้อนตัวตนของศิลปินและต้องตานักสะสมภายในห้องจัดแสดงความรักในเกม การ์ตูน พัฒนามาสู่ความคิดสร้างสรรค์ และกลายมาเป็นเอกลักษณ์ในผลงานของ LINECENSOR ที่ร้อยเรื่องราวในหลากหลายเหตุการณ์ผ่านตัวละครในภาพที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ชวนติดตาม ใบหน้าของบุคคลที่มีชื่อเสียง ตัวละครในวรรณคดีไทย คาแรคเตอร์ที่ใครเห็นก็จำได้ รวมทั้งคาแรคเตอร์ที่ศิลปินสร้างขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ ทำให้ผลงานของเขามีเสน่ห์น่าติดตามและเชื่อมโยงกับผู้คนหลากรุ่นได้อย่างน่าสนใจ“2-3 ปีที่เข้าไปอยู่ในตลาด NFT ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ดิจิทัลอาร์ตเป็นงานที่สนุกและท้าทาย พองานมีมูลค่าสูงขึ้น ผู้คนก็มองเราเปลี่ยนไป ทำให้เรารู้จักชีวิตมากขึ้น เห็นคุณค่ากับสิ่งที่เราทำอยู่ในแต่ละวัน มีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น”ประติมากรรมเรซิ่นเพ้นต์มือทุกชิ้นที่เกิดจากจินตนาการที่ลื่นไหลเห็นภรรยาชอบทุเรียนศิลปินจึงสร้างผลงานชิ้นนี้หนังชีวิตที่ว่ายาว ดราม่าที่ต้องปูเสื่อเล่า หากจะชมเนื้อหาที่ผูกไว้ในผลงานจิตรกรรมชิ้นไฮไลท์ยาว 8 เมตร น่าจะได้คู่แข่งที่น่าเกรงขาม ไม่นับรวมผลงานจิตรกรรม ประติมากรรมขนาดเล็ก ใหญ่ ที่ตัดทอนมาจากรายละเอียดในภาพวาด ร่วมด้วยอาร์ตทอยส์ตัวเล็กตัวน้อยจากจินตนาการที่แตกหน่อออกไปไม่มีซ้ำที่นำมาจัดแสดงในตู้พร้อมยกตู้จำหน่าย กล่าวได้ว่าเป็นงานนิทรรศการศิลปะที่สนุกและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้อย่างไม่รู้จบนอกจากนี้ศิลปินยังมี แอปพลิเคชั่น LINECENSOR มาให้เล่นสนุกกับเกม AR “Pluto” ที่ชวนตามหามอนสเตอร์ตัวตึงเพื่อสะสมคะแนนและแลกรับของรางวัลพิเศษในนิทรรศการให้ได้ร้องว้าว ! กันอีกฝนจะตก แดดจะร้อนยังไง อยากชวนไปชมกันค่ะภาพ : สมัชชา อภัยสุวรรณ“สิ่งที่ผมประทับใจใน LINECENSOR คือความเป็นคนมองโลกในแง่ดี สามารถเปลี่ยนพลังลบให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ Perfect Storm เหมือนศิลปะที่ระเบิดอารมณ์ออกมาจากแรงปะทุที่อัดแน่นภายใน เต็มไปด้วยความเซ็กซี่ที่เร่าร้อนจนยากจะละสายตา” สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น FLYNOW และผู้เนรมิตช่างชุ่ย Creative Park ให้เป็นพื้นที่แห่งศิลปะและความคิดสร้างสรรค์นิทรรศการ ARCH OF LINECENSOR PART 1: PERFECT STORM” SOLO EXHIBITION BY LINECENSOR • วันเวลาจัดแสดง : 10 พฤษภาคม -15 มิถุนายน 2568 • อังคาร - ศุกร์ 14.00 - 22.00 น. • เสาร์ - อาทิตย์: 11.00 - 22.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) • สถานที่ : ChangChui Gallery ในโครงการ “ช่างชุ่ย Creative Park” ย่านปิ่นเกล้า (ใกล้ประตู 3) • เฟซบุ๊ก Line Censor Kiatanan • เฟซบุ๊ก ช่างชุ่ย ChangChuiเกี่ยวกับ LINECENSOR : เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์เกิด 13 พฤษภาคม 2525การศึกษา วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ปริญญาตรีและโท ภาควิชาวิจิตรศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ส่วนหนึ่งของรางวัลที่ได้รับ • รางวัลเกียรตินิยม เหรียญเงิน ศิลป์ พีระศรี การแสดงงานศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ครั้งที่ 22 (พ.ศ.2548) • รางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 การประกวดจิตรกรรมร่วมสมัย PANASONIC ครั้งที่ 8 (พ.ศ.2549) • รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 52 (พ.ศ.2549)แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/lifestyle/art-living/1180717
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
16/01/2025
30/04/2024
21/05/2025
30/04/2024
11/09/2024