คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

เที่ยว 'ป่ากุยบุรี' หน้าร้อน สุขที่ได้เฝ้าคอย ‘ช้างป่ากุยบุรี’

20/05/2025

'ป่ากุยบุรี' เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม 'ป่าแก่งกระจาน' แหล่ง 'มรดกโลก' ทางธรรมชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะ 'ช้างป่ากุยบุรี' ที่เป็นหมุดหมายที่ทุกคนตั้งตารอคอยป่ากุยบุรี เป็นพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างภาคกลางและภาคใต้ เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม ป่าแก่งกระจาน ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่ง มรดกโลก ทางธรรมชาติของประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีพื้นที่ประมาณ 650,000 ไร่ ครอบคลุม 4 อำเภอในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือ อำเภอปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี และอำเภอเมืองชวนเที่ยวป่ากุยบุรีหน้าร้อน อะไรจะสำคัญเท่ากับเฝ้าคอยดู ช้างป่ากุยบุรี อย่างเงียบ ๆ...หน้าทางเข้าเส้นทางชมช้างป่ากุยบุรีผืนป่ากุยบุรี มีแหล่งต้นน้ำที่สำคัญคือแม่น้ำกุยบุรีและแม่น้ำปราณบุรี จากการสำรวจของอุทยานฯ พบว่า มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 39 ชนิด เช่น ช้าง วัวแดง กระทิง เลียงผา เก้ง เสือ ฯลฯ  รวมทั้งนก 200 ชนิด ผีเสื้อกว่า 200 ชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 22 ชนิด และสัตว์เลื้อยคลานอีก 44 ชนิดเราเข้าป่าหน้าร้อน เพื่อเฝ้าคอยเพื่อนร่วมโลก ช้างป่ากุยบุรี คือเสน่ห์ของการรอคอยอย่างหนึ่ง คือการได้รู้ว่า สิ่งที่มองหานั้นมีอยู่จริง แม้จะได้เจอหรือไม่ก็ตาม เครื่องพิสูจน์ที่ดีคือเวลากล้องส่องทางไกลเป็นของจำเป็นการเฝ้ารอของเราอาจจะเริ่มต้นเมื่อช่วงบ่ายวันนั้น แต่ความตั้งใจของคนรักป่าเกิดขึ้นมานานแล้ว ในทุกวันเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลทรัพยากรทางธรรมชาติอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ พวกเขาทุ่มเทในการปกป้องสมบัติอันล้ำค่าเพื่อพวกเราทุกคนสภาพป่ากุยบุรีหน้าร้อนเที่ยวป่าหน้าร้อน...ชมช้างป่าแห่งกุยบุรีเราเดินทางมายัง อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในช่วงหน้าร้อน ไกด์ท้องถิ่นบอกว่าเป็นช่วงที่สัตว์ป่าค่อนข้างเก็บตัว จากจุดเริ่มต้นบริเวณหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ กร.5 (ห้วยลึก) เราขึ้นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไปในระยะทาง 7.6 กิโลเมตร มี 4 จุดหลักให้แวะชมคือ จุดชมสัตว์ป่าโป่งสลัดได, หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กร.1 (ป่ายาง), จุดชมสัตว์ป่าพุยายสาย และผาชมสัตว์ป่าเส้นทางชมสัตว์ป่าที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ตามธรรมชาติ การเข้าชมจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง สิ่งที่สำคัญคือการเว้นระยะห่าง ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ให้อาหารสัตว์ ไม่ใช้แฟลชในการถ่ายภาพ ฯลฯกระทิง พบมากในผืนป่ากุยบุรีหากย้อนไปในอดีตเราอาจเคยได้ยินปัญหาที่เกิดขึ้นกับช้าง ทั้งการล่าหรือการนำช้างออกมาเดินถนน รวมทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่า หรือปัญหาป่าเสื่อมโทรมซึ่งทำให้แหล่งอาหารของสัตว์ป่าขาดแคลน จนทำให้พวกมันต้องออกมากินผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน เกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างเรื่อยมาการท่องเที่ยวในเส้นทางชมสัตว์ป่ากุยบุรี ดำเนินการโดย ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี เป็นหนึ่งในวิธีการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล โดยรายได้ทั้งหมดทั้งค่าไกด์และรถนำเที่ยวจะเป็นของชาวบ้านเส้นทางชมสัตว์ป่าเป็นที่นิยมมากนอกจาก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี แล้ว ยังมีกลุ่มคนจากหลายองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่า หนึ่งในนั้นคือ โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี โดย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย หรือ WWF ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในหลายมิติ ทั้งการปรับปรุงแหล่งอาหารและแหล่งน้ำ การจัดหาอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่รวมทั้งการส่งเสริมการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) และการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้รู้เส้นทางของช้างและหาทางป้องกันก่อนที่พวกมันจะออกมาสู่พื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน  ล่าสุดยังมีความร่วมมือจาก Agoda ภายใต้โครงการ Eco Deals ที่ดำเนินมาแล้วเป็นปีที่ 4 โครงการนี้จะช่วยสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือ โครงการอนุรักษ์ช้างในประเทศไทย ใครที่จองโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ Eco Deals จะมีเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งต่อไปยังโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติใน 10 ประเทศทั่วเอเชีย รวมทั้งโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี โดย WWF ประเทศไทยจากรายงานของอุทยานฯ ระบุว่า เมื่อปี 2559 สำรวจพบช้าง 237 ตัว ทั้งเจ้าหน้าที่และความร่วมมือจากหลายฝ่าย รวมทั้งการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน ทำให้ปัจจุบันสำรวจพบประชากรช้างมากกว่า 300 ตัว นี่คือการเฝ้ารอแบบไม่อยู่เฉย และผลของมันก็เริ่มเบ่งบานให้เห็น แม้ว่าเกือบสองชั่วโมงในวันนี้เราจะพบเห็นสัตว์เพียงบางชนิด แต่แค่ได้ยินเสียงร้องของเจ้าตัวโตที่หากินอยู่ป่าก็พอชื่นใจ แม้ยังมองไม่เห็นยามเย็นขณะที่แสงเริ่มจาง พวกเรายืนอยู่ที่ ผาชมสัตว์ป่า ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย เฝ้ามอง นกแก๊ก ที่โผบินเป็นการปลอบใจ หากใช้กล้องส่องทางไกลจะเห็นฝูงกระทิงกระจายตัวอยู่ตามลานหญ้า และเมื่อทำท่าว่าจะขึ้นรถกลับ เราก็ได้ยินสัญญานเสมือนเสียงกลองที่กึกก้องไปทั่วป่า แล้วม่านสีเขียวครึ้มก็ถูกเปิดออกมาโขลงช้างป่าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆไกลออกไปในแนวป่าอีกฝั่งถนน พวกเราเดินข้ามตามกันไปแบบเงียบ ๆ ปักหลักซุ่มมองอยู่ห่าง ๆ กะคร่าว ๆ น่าจะราว 500 เมตร นาทีอันเงียบเชียบพาให้โขลงช้างเดินตามกันอย่างใจเย็น  ราว 10 นาที พวกมันก็เคลื่อนตัวใกล้เข้ามามากขึ้น หัวใจฟู ๆ ของเราจึงต้องค่อย ๆ ถอยออกมาอย่างช้า ๆจากบ่ายถึงเย็น แค่เพียงไกล ๆ ก็อุ่นใจที่ได้เห็น...นี่คือเสน่ห์ของการรอคอย เป็นความห่างไกลที่ใกล้ชิดกันได้มากกว่า หากรักช้างก็ต้องรักป่า ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกล หรือเวลาไหนก็ตาม สำหรับช่วงเวลาสั้น ๆ อันน่าจดจำนี้จะถูกบันทึกอย่างแนบแน่นในหัวใจ จนกว่าจะพบกันใหม่(ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี โทร.085 266 1601 เข้าชมได้ตลอดทั้งปี เวลา 14.00 – 17.00 น.)กระดาษจากเส้นใยสับปะรด บ้านรวมไทยDIY ของคนรักษ์โลกในตัวหมู่บ้าน ต.หาดขาม พื้นที่ใกล้เคียงกับอุทยานฯ ยังมีกิจกรรม ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เช่น วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากใบสับปะรด บ้านรวมไทย ชวนมา DIY กระดาษจากเส้นใยธรรมชาติ รวมทั้งขี้ช้าง ประดับด้วยดอกไม้สวย ๆ ตามจินตนาการของตัวเอง (โทร.085 290 7436)หรือไปทำ ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ ทั้งสีจากใบไม้ จากดินโคลน รวมทั้งขี้ช้าง ที่ กลุ่มช้างป่ากุยบุรีโฮมสเตย์ (089 252 8263) เป็น 2 กิจกรรมที่สนุก เพลิดเพลิน ต่อยอดวัสดุเหลือทิ้งให้มีคุณค่า รวมทั้งสนับสนุนอาชีพและรายได้ให้กับคนในพื้นที่แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1176490

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

Songkran Water & Petals ฉลองความสัมพันธ์การทูต - เทศกาลสงกรานต์ไทย

20/05/2025

สถานเอกอัครราชทูตอาร์เจนตินา ประจำประเทศไทย - สยามพารากอน นำเสนอนิทรรศการศิลปะสุดพิเศษ Songkran Water & Petals ฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 2 ประเทศ และเทศกาลสงกรานต์ไทยเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศอาร์เจนตินาและประเทศไทย และฉลองเทศกาลสงกรานต์สยามพารากอน ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอาร์เจนตินา ประจำประเทศไทย เชิญร่วมชมนิทรรศการศิลปะสุดพิเศษ “Songkran Water & Petals” ผลงานการสร้างสรรค์ของศิลปินชาวอาร์เจนตินาที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ อิงกริด เฮาบริช (Ingrid Haubrich) ผลงานของเธอเป็นที่สนใจของนักสะสมงานศิลปะจากทั่วโลกนิทรรศการศิลปะ Songkran Water & Petalsนิทรรศการศิลปะ "Songkran Water & Petals" จัดแสดงผลงานภาพสีน้ำอะคริลิกโดย อิงกริด เฮาบริช นับเป็นผลงานการสร้างสรรค์ที่แสดงให้เห็นถึงก้าวข้ามพรมแดนเดิมๆ ผ่านการเชื่อมโยงธรรมชาติ ความทรงจำ และตัวตนของศิลปินเข้ากันกับมุมมองที่มีเอกลักษณ์และร่วมสมัยSongkran Water & Petals หรือ ‘บทกวีแห่งสายน้ำและดอกไม้’ ในงานของ อินกริด เฮาบริช สะท้อนถึง น้ำ ที่เป็นหัวใจสำคัญของเทศกาลสงกรานต์น้ำเป็นดั่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงอดีตและอนาคต เชื่อมโยงจารีตเข้ากับการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ การเริ่มต้นใหม่ และวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอินกริด ได้ถ่ายทอดจังหวะของธรรมชาติเหล่านี้ผ่านวัฏจักรสำคัญ 2  วัฏจักรด้วยกันในผลงานศิลปะของเธอ ได้แก่ Tides (กระแสน้ำ) และ Springbreak ความหมายคือต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ศิลปินใช้คำนี้ในความหมาย Songkran Flower (ดอกไม้สงกรานต์)Tides Series ขนาด 90 x 170 เซนติเมตรผลงานภาพสีน้ำอะคริลิกในวัฏจักรชุด Tides แสดงให้เห็นถึง ความลื่นไหลของสายน้ำ และยังแสดงถึง ความไม่จีรัง และพลังแห่งการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์อินกริดได้ใช้เลเยอร์ของความโปร่งใสและพื้นผิวที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อรังสรรค์กระแสน้ำขึ้นลงของมหาสมุทร ซึ่งเป็นพลังที่ลบล้างและวาดแนวชายฝั่งขึ้นมาใหม่ตามวัฏจักรแห่งการเริ่มใหม่ชั่วนิรันดร์การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงพิธีกรรมชำระล้างของ เทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นการสรงน้ำพระ คำอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ในพิธีรดน้ำดำหัว และเสียงหัวเราะแซ่ซ้องท่ามกลางสายน้ำที่ถูกสาดกระเซ็นไปตามถนนหนทางSpringbreak (Songkran Flower) ขนาด 30 x 49 เซนติเมตรขณะที่ผลงานซีรีส์ชุด Springbreak เป็นการเชิดชูการฟื้นฟูอย่างมีชีวิตชีวาของธรรมชาติ สื่อถึง 'ดอกไม้ของไทย' ซึ่งได้รับการขนานนามมาอย่างยาวนานว่าเป็นเครื่องสักการะความงามและโชคลาภ เป็นแรงบันดาลใจให้เธอใช้สีสันที่สดใสและตัดกันอย่างโดดเด่นหากน้ำในเทศกาลสงกรานต์เป็นการชำระล้างจิตใจ เฉดสีของ “สปริงเบรก” ก็เป็นสัญลักษณ์ของ ความมีชีวิตชีวา โดยถ่ายทอดชั่วขณะที่ความงดงามของธรรมชาติอยู่ในจุดสูงสุดก่อนที่จะร่วงโรยไปตามกาลเวลาTides Series และ Springbreakอิงกริด เฮาบริช ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ผ่านการแปลภาษาสเปนโดยเจ้าหน้าที่สถานทูตอาร์เจนตินาประจำประเทศไทยว่า เธอเคยเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว แต่เวลานั้นยังไม่รู้จักเทศกาลสงกรานต์ แต่สำหรับนิทรรศการศิลปะครั้งนี้เธอสร้างสรรค์ผลงานการวาดขึ้นมาโดยมีแรงบันดาลใจจากเทศกาลสงกรานต์หลังได้ทำความรู้จักเทศกาลนี้แล้ว ผ่านผลงานซีรีส์ Tides และ Springbreak “เท่าที่ดิฉันทราบ สายน้ำและดอกไม้เป็นสิ่งสำคัญที่สื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ เปรียบเสมือนความสุขความสนุกของผู้คนและวัฒนธรรมไทย น้ำเป็นมากกว่าธาตุธรรมดา แต่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงอดีตและอนาคต ประเพณีและการเปลี่ยนแปลง น้ำเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ การเริ่มต้นใหม่ วัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุด”ขณะที่ ‘ดอกไม้’ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ Springbreak คือการสรรเสริญการเกิดใหม่อันสดใสของธรรมชาติ โดยเฉพาะ ดอกไม้ไทย ที่ได้รับการยกย่องมายาวนานในฐานะเครื่องบูชาแห่งความงามและโชคลาภ เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินใช้สีสันที่สว่างไสวและความตัดกันที่โดดเด่นเส้นสายที่ดูเหมือนสายน้ำนี้ เมื่ออยู่รวมกัน ดูไปกลับคล้ายดอกไม้หลายดอกหลากสีจริงๆ ด้วยอิงกริด เฮาบริช กับผลงานในซีรีส์ Tides ชิ้นพิเศษผลงานศิลปะขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลางนิทรรศการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Tides อิงกริดกล่าวว่าเธอตั้งใจสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์น้ำอิงกริดเล่าถึงวิธีสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตนเองว่า เธอวางผืนผ้าใบขนานกับพื้น ไม่ได้แปรงหรือพู่กันในการวาดภาพ แต่ใช้เกรียงพลาสติกปาดสีไปมา จังหวะสี ระดับความอ่อน-เข้มของสี รูปทรงเส้นสาย มีทั้งแรงบันดาลใจจากเทศกาลสงกรานต์และเสียงดนตรีที่เธอเปิดขับกล่อมตนเองขณะทำงานศิลปะเชิญชมเทคนิคการวาดภาพของ อิงกริด เฮาบริช ในนิทรรศการพิเศษ Songkran Water & Petals ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ และร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศอาร์เจนตินาและประเทศไทย ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 9-20 เมษายน 2568•  บรรยากาศพิธีเปิดนิทรรศการ Songkran Water & Petals(จากซ้าย) ฟรานซิสโก อลอนโซ่, ม.ล.อรดิศ สนิทวงศ์, สรัลธร อัศเวศน์, อิงกริด เฮาบริช, ฆาเบียร์ เด ซิกโก้ และ ฆวน ปาโบล โฟลเคนปาตริซิโอ พาวเวลล์  โอโซริโอ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลี ประจำประเทศไทย และภริยา(จากซ้าย) นนทวรรณ - จักรพันธ์ ยุวรี และ อัดซิมบา ลูนา เบเซริล(จากซ้าย)  ฉมาพรรณ รังคะรัตน,  บุรินทร์ นาคเจริญ และ บาจรีย์ พึ่งพักตร์(จากซ้าย) อนามฤณ - แอนนาเบล - เชิดศักดิ์ ดาวแก้วแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1175783

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

จางเย่ ภูเขาสายรุ้ง เที่ยวจีน ดินแดนหินสีสุดมหัศจรรย์ที่ต้องไปเยือน

20/05/2025

อุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติตานเสียจางเย่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ภูเขาสายรุ้ง" จางเย่ (Zhangye) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในประเทศจีน ดินแดนหินสีสุดมหัศจรรย์ที่ต้องไปเยือน เมื่อเที่ยวจีน ตั้งอยู่ในเขตหลินเจ๋อ และซุนอัน เชิงเขาฉีหลิน ทางตอนเหนือของมณฑลกานซู โดยห่างจากเมืองจางเย่ ประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากเขตหลินเจ๋อ 20 กิโลเมตรไฮไลต์จางเย่ ภูเขาสายรุ้งอุทยานแห่งนี้มีจุดชมวิวหลัก 7 จุดที่ให้คุณได้สัมผัสกับความงามอันตระการตาของภูเขาหลากสี ได้แก่1. ทะเลหมอกหลากสี - จุดชมวิวที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพยามเช้า หมอกบางเบาและแสงอาทิตย์จะขับเน้นสีสันของภูเขาให้สดใสขึ้น2. แดนสวรรค์หลากสี - ภูเขาสีรุ้งที่ดูราวกับภาพวาด เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง3. ผ้าไหมหลากสี - เนินเขาที่มีลวดลายเหมือนเส้นไหมหลายเฉดสีสลับกันอย่างงดงาม4. สายรุ้งหลากสี - จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเนินเขาหลากสีเป็นชั้น ๆ คล้ายกับเนื้อสามชั้น5. หุบเขาเสือหมอบ - ภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายเสือหมอบ ล้อมรอบไปด้วยลวดลายธรรมชาติอันงดงาม6. แม่น้ำอ่าวหลากสี - จุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นชั้นหินสีสันสดใส สลับไปมาคล้ายเกลียวคลื่น7. หุบเขาดินป่าเวียงจันทน์ - กลุ่มยอดเขาที่มีลักษณะเป็นป่า เสาหินตั้งเรียงรายคล้ายซากปรักหักพังจากต่างดาวกิจกรรมพิเศษ จางเย่ ภูเขาสายรุ้ง  •  ผบอลลูนลมร้อน : 200 หยวน/คน - ขึ้นบอลลูนชมภูเขาสายรุ้งจากมุมสูง โรแมนติกสุด ๆ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ควรสอบถามล่วงหน้า)  •  ผทัวร์กลางคืน : การแสดง immersive night tour แห่งแรกในจีนที่ใช้แสงสี投影 ฉายเรื่องราวตำนานลงบนภูเขา ผสมผสานกับการแสดงพื้นเมืองให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบค่าตั๋วเข้าชม จางเย่ ภูเขาสายรุ้ง  •  ฤดูกาลท่องเที่ยว (1 มีนาคม - 30 พฤศจิกายน) : ตั๋วเข้าชม + รถชมวิว 93 หยวน/คน  •  ตั๋วแพ็คเกจพิเศษ : 368 หยวน/คน (รวมคำบรรยายพิเศษ + รถขับไปยังพื้นที่ใจกลางอุทยาน)  •  ข้อควรระวัง : ระหว่างวันที่ 1-20 มีนาคม 2025 เวลาทำการอาจปรับเป็น 7:30-17:00 น. และอาจปิดรับเข้าชมตั้งแต่ 16:00 น.การเดินทางไปจางเย่ ภูเขาสายรุ้งจากตัวเมืองจางเย่ : แนะนำให้เช่ารถขับเองหรือนั่งรถบัสร่วม (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)เดินทางจากเมืองอื่นในจีน  •  เครื่องบิน : มีเที่ยวบินตรงจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และซีอานไปยังสนามบิน Zhangye Ganzhou (YZY)  •  รถไฟความเร็วสูง : สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจาก Lanzhou, Xining หรือ Xi’an มาลงที่สถานี Zhangye West แล้วต่อรถไปยังอุทยานแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1452111/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

คปภ.แจ้งตำรวจจับกุม 5 ผู้ต้องหาแล้ว คดีจัดฉากฆ่าหวังเงินประกัน 14 ล้าน

20/05/2025

คปภ.แจ้งตำรวจจับกุม 5 ผู้ต้องหาแล้ว พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อหวังเงินประกัน 14 ล้านบาทนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ.ได้รับการแจ้งเหตุพิรุธว่าอาจมีการฉ้อฉลประกันภัย และอาจมีความจำเป็นต้องชะลอการจ่ายสินไหมทดแทนในกรณีดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ที่จะกำกับดูแลให้อุตสาหกรรมประกันภัยไทยเติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน รวมถึงให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการฉ้อฉลประกันภัยเมื่อรับการร้องขอจากบริษัทประกันภัยให้สอบสวนการฉ้อฉลประกันภัย จึงได้มีการเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาร่วมประชุมที่สำนักงาน คปภ. โดยตนเองเป็นประธานในการประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดผลจากการประชุมสามารถสรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ว่า น่าจะมีกลุ่มบุคคลร่วมกันจัดฉากอุบัติเหตุทางรถยนต์และทำให้มีผู้เสียชีวิต โดยมีจุดมุ่งหวังในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยในการนี้บุคคลดังกล่าวได้สร้างสถานการณ์ให้ผู้ตาย ที่โดยสารบนท้ายรถกระบะคันหมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร พลัดตกจากท้ายรถคันดังกล่าว เป็นเหตุให้ถูกรถกระบะ คันหมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ที่ถูกลากจูงโดยรถกระบะคันหมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ที่ขับตามมา เหยียบทับร่างผู้ตายจนถึงแก่ความตายโดยจากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันหมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ 12 ฉบับ ภาคสมัครใจ 4 ฉบับ รถกระบะคันหมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ และคันหมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับคันละ 5 ฉบับ ภาคสมัครใจคันละ 1 ฉบับโดยมีบริษัทผู้รับประกันภัยถึง 15 บริษัท มีกรมธรรม์ประกันภัยรวมทั้งสิ้น 28 ฉบับ ค่าสินไหมทดแทนรวมกว่า 14 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันภัยส่วนใหญ่นั้น ได้จัดทำขึ้นเพียงแค่ 10 วัน ก่อนเกิดเหตุ และอีก 2 กรมธรรม์ จัดทำขึ้นในวันเกิดเหตุ อีกทั้งในวันที่เหตุเกิดขึ้นนั้น ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดแจ้งเหตุให้บริษัทประกันภัยทั้ง 15 แห่งทราบ และไม่มีรายงานแจ้งการออกเหตุของหน่วยกู้ชีพนอกจากนี้ สภาพบาดแผลของผู้ตายไม่สอดคล้องกับลักษณะการเกิดอุบัติเหตุ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีการฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้นนายอดิศรกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยหลักการบริษัทประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างเคร่งครัด หากบริษัทประกันภัยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ จะเข้าข่ายเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน อันเป็นความผิดทางอาญา การกล่าวอ้างว่ากรณีใดเป็นการฉ้อฉลประกันภัย จะต้องมีหลักฐานประกอบการปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างไรก็ตาม หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย กระทำการโดยทุจริตหรือการฉ้อฉลประกันภัย บริษัทประกันภัยย่อมมีสิทธิปฏิเสธการชดใช้โดยไม่ถือเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และผู้กระทำการดังกล่าวอาจจะต้องรับผิดทางอาญาในความผิดฐานฉ้อฉลประกันภัยอีกด้วยจึงได้สั่งการให้นายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี เดินหน้าแจ้งความร้องทุกข์ผู้กระทำความผิด ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งสายกฎหมายและคดีได้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงพร้อมทั้งพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดกับพวกรวม 5 คน ในข้อหากระทำการเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริต หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 108/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ต่อรองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ณ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568ล่าสุด ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อหวังเงินประกัน ซึ่งเป็นข้อหาหลัก สำหรับความคืบหน้าในคดี สำนักงาน คปภ.จะรายงานให้ทราบต่อไปแหล่งทีมาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1794334

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ดีใจ โกสิยพงษ์ เขียนความรักเป็นภาษาภาพที่มีเสียง Resonant Abstractions

20/05/2025

เมื่อลูกสาวของเจ้าพ่อเพลงรัก (บอย โกสิยพงษ์) ดีใจ โกสิยพงษ์ มาสร้างภาษาภาพที่มี ‘ความรัก’ เป็นคีย์เวิร์ด ด้วยเส้นสีที่มีเส้นเสียงเป็นองค์ประกอบ ความรักในที่นี้จึงมีความเป็น ‘นามธรรม’ ที่ชวนติดตาม“น้องดีใจ” เป็นชื่อที่แฟนเพลงของ บอย โกสิยพงษ์ คุ้นเคยเป็นอย่างดี  เพราะนอกจากจะเป็นลูกสาวที่รักของครอบครัวแล้ว น้องดีใจยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของคุณพ่อในหลายมิติ วันเวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว จากภาพเด็กหญิงดีใจที่เราคุ้นตาบนหน้าปกอัลบั้ม Songs From Different Scenes#2 วันนี้มีอายุ 26 ปีแล้ว และกำลังจัดแสดงนิทรรศการศิลปะเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า Resonant Abstractionsดีใจ โกสิยพงษ์ ขณะอธิบายถึงโปรแกรมเสียงดนตรีที่ติดตั้งอยู่คู่กับภาพเขียน“นิทรรศการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการวิจารณ์ภาษา แต่เป็นการวิเคราะห์เรื่องของภาษา ดีใจคิดว่าเวลาที่เราคุยกันเป็นภาษาเราจะต้องคำนึงถึงบริบทแวดล้อม แนวคิดต่าง ๆ  ดีใจพยายามค้นคว้าว่าเราสามารถมีภาษาที่ไม่ต้องมีบริบท (ถ้อยคำแวดล้อมเพื่อให้เข้าใจกระจ่างขึ้น) ไม่มีอคติได้หรือเปล่าดีใจจึงสร้างภาษาของตัวเองขึ้นมา โดยใช้สีแทนตัวอักษรแล้วนำมาเรียงกันเป็นคำ หลักการเหมือนภาษาเขียนที่มีการเว้นวรรค มีพยัญชนะ มีสระ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเขียน และเสียง (ผ่านกล่องเครื่องเสียงเล็ก ๆที่ติดตั้งอยู่เคียงกัน) เพื่อให้ผู้ชมดื่มด่ำกับภาษาใหม่ที่สร้างขึ้นอย่างเต็มที่โดยสร้างเสียงผ่านโปรแกรมดนตรี ซึ่งแต่ละโน้ตถูกวางลงบนเส้นห้อง (หรือตารางในพื้นที่มิดี้) เพื่อสะท้อนรูปแบบเดียวกันกับในภาพวาด  เปลี่ยนรูปทรงในภาพวาดให้เป็น 'ตัวอักษร' และเปลี่ยนชิ้นงานให้กลายเป็นประโยคและบทสนทนาในตัวมันเอง”ภาษาของดีใจสะท้อนความรู้สึกภายในที่เจ้าตัวกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจ ขอให้มาชมด้วยความรู้สึกโล่ง ๆ แล้วสนุกไปกับรูปทรงของสีและเสียงที่มีความเชื่อมโยงกัน ส่วนจินตนาการของผู้ชมนั้นจะพากันไปไหน ดีใจเปิดให้เป็นอิสระได้เต็มที่ชื่อผลงาน  I’ll love you anywaysชมภาพแล้วฟังเสียงจากกล่องที่อยู่เคียงกันอย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าแต่จะภาพนั้นมีเรื่องราวต่างกันหรือไม่ ดีใจตอบว่าเป็นการสะท้อนความรู้สึกของตนเอง“เวลาได้ยินเสียงแล้วดีใจมองเห็นสี แต่เวลาวาดภาพเรานำสีมาก่อนเสียง” ดีใจอธิบาย“สำหรับความรู้สึกที่ซ่อนไว้ในภาพ คือ ความรักค่ะ เป็นความรักต่อครอบครัว ต่อเพื่อน ดีใจเชื่อว่าถ้าเรารักใคร หรือ รักอะไร ความรักเป็นแรงผลักดันที่มีพลังมากที่สุด”ด้วยเหตุนี้ภาษาภาพของดีใจจึงเต็มไปด้วยสีสันสดใส บางภาพมีรูปทรงของสีเต็มผืนผ้าใบ บางภาพมีการปล่อยพื้นที่ว่างเปล่ามากกว่าช่องสี คล้ายบทสนทนา หรือ อารมณ์ที่อยากอยู่กับความสงบนิ่งชื่อผลงาน Contemplationป๊อด - ธนชัย อุชชิน แสดงความสนใจในผลงานชื่อ 4 p.m. on Wednesdayนิทรรศการ Resonant Abstractions เป็นบทเริ่มต้นของ ดีใจ โกสิยพงษ์ ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ผ่านการตั้งคำถามปลายเปิดในผลงานศิลปะแนวนามธรรมที่มีทั้งภาพและเสียงที่เจ้าตัวกล่าวทิ้งท้ายว่า “โปรดติดตามตอนต่อไป”ภาพ : สมัชชา อภัยสุวรรณเกี่ยวกับศิลปิน : ดีใจ โกสิยพงษ์  (เกิด ปี 2541)จบการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากสถาบัน Pratt Institute, บรู๊กลิน, นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผลงานภาพถ่ายเร่วมแสดงในนิทรรศการต่าง ๆ เช่น นิทรรศการ "Being Human | Human Being" ที่ Carlsberg Byen ในโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก, "It's Not Me. It's My Image" ที่ Gallery House, บรู๊กลิน, นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้นผลงานหลายชิ้นอยู่ในคอลเลคชั่นของนักสะสมในสหรัฐอเมริกา ทั่วยุโรป และเอเชียเกี่ยวกับนิทรรศการ Resonant Abstractions   •  จัดแสดงระหว่างวันที่ 3 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2568 (เข้าชมฟรี)   •  วันอังคาร - วันอาทิตย์  เวลา 10:00 - 18:00 น. (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)   •  เอส เอ ซี แกลเลอรี, ชั้น 2  เฟซบุ๊ก SAC Gallery   •  โทร. 09 2455 6294บรรยากาศในวันเปิดนิทรรศการกำลังใจจากครอบครัวในวันเปิดนิทรรศการนพ พรชำนิ, สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ และ ป๊อด ธนชัย อุชชิน มาร่วมแสดงความยินดีศิลปินนำชมนิทรรศการภายในห้องจัดแสดงผลงานแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/.../lif.../art-living/1174620

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เทรนด์ใหม่ท่องเที่ยว เลือกของฝากที่ดีที่สุด

20/05/2025

ปัจจุบันนักเดินทางเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการซื้อของฝาก บางคนอาจมองว่าของฝากไม่จำเป็น แต่สำหรับคนที่ยังเลือกซื้อ ก็มักให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจิตใจและผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มาดูกันว่าเทรนด์ใหม่ท่องเที่ยว เลือกซื้อ ของฝากที่ดีที่สุด แนวคิดเรื่องของฝากเปลี่ยนไปอย่างไร และนักเดินทางยุคนี้เลือกซื้อของฝากอย่างไรให้มีความหมายของฝากจากการเดินทางมีที่มาอย่างไร?การเก็บของที่ระลึกจากการเดินทางมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เช่น ในสมัยโรมัน นักเดินทางมักนำข้าวของจากดินแดนที่ไปเยือนกลับมาเป็นหลักฐานว่าพวกเขาเคยไปที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ หนังสัตว์ หรือของหายากต่าง ๆ ต่อมาในยุคอุตสาหกรรมและทุนนิยม การท่องเที่ยวเติบโตขึ้นพร้อมกับตลาดของฝากที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วการเลือกซื้อของฝากให้คุ้มค่านักเดินทางยุคใหม่ไม่ได้เลือกซื้อของฝากเพียงเพราะเป็นธรรมเนียม แต่จะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้ของฝากที่มีคุณค่าแท้จริง ทั้งต่อตัวเอง ผู้รับ และชุมชนที่ผลิตของฝากนั้น  •  ตั้งคำถามก่อนซื้อก่อนหยิบของฝากขึ้นมา ลองถามตัวเองว่าสินค้านี้ผลิตที่ไหน? ใครเป็นผู้ทำ? รายได้จากสินค้านี้จะกลับไปสู่ชุมชนจริงหรือไม่? มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร?  •  สนับสนุนสินค้าท้องถิ่นแท้ ๆแทนที่จะซื้อสินค้าจากร้านขายของที่ระลึกที่มีแต่ของผลิตซ้ำ ควรมองหาร้านค้าท้องถิ่นหรือช่างฝีมือที่ทำสินค้าแบบดั้งเดิม เช่น เสื้อผ้าทอมือ เครื่องปั้นดินเผา หรือของใช้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น  •  เลือกของฝากที่ได้รับการรับรองบางประเทศมีสัญลักษณ์รับรองสินค้าแท้ เช่น GI (Geographical Indication) สำหรับสินค้าท้องถิ่นของอินเดีย หรือ Indigenous Art Code ของออสเตรเลียที่ช่วยแยกแยะงานศิลปะของชนพื้นเมืองแท้จากของลอกเลียนแบบ  •  ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าวัตถุบางครั้งของฝากที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นประสบการณ์ เช่น การเรียนทำอาหารท้องถิ่น การเข้าร่วมเวิร์กช็อปงานฝีมือ หรือการบันทึกความทรงจำผ่านไดอารี่และภาพถ่ายเปลี่ยนมุมมองของฝากการซื้อของฝากในยุคนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดซื้อ แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีเลือกให้ดีขึ้น หากของฝากสามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ส่งเสริมวัฒนธรรม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะเป็นการเดินทางที่มีความหมายมากขึ้นดังนั้น ก่อนจะซื้อของฝากชิ้นต่อไป ลองหยุดคิดสักนิดว่าของชิ้นนั้นมีเรื่องราวเบื้องหลังอย่างไร และมันสามารถสร้างความทรงจำที่มีค่าให้กับคุณได้มากแค่ไหนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1452123/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เปิด 5 เคล็ดลับ สร้างแผนประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ

20/05/2025

บทความโดย "ณรงค์ศักดิ์ พิริยะพงษ์"นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยปัจจุบันคงต้องยอมรับกันว่า ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะจากข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนธันวาคม 2566 พบว่าไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศจำนวน 13,064,929 คน คิดเป็น 20.17% ของประชากรรวม และเมื่อระบุเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวน 8,901,145 คน จะคิดเป็น 14% ของประชากรรวมทำให้เรื่องของความเป็นอยู่ และการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีแผนการจัดการเป็นอันดับแรก ๆ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการป้องกันและรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมของสายตาที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินหรือการหยิบสิ่งของที่อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่ายกว่าวัยหนุ่มสาวข้อมูลเพิ่มเติม จากกรมควบคุมโรค ในแต่ละปีจะพบอุบัติเหตุผู้สูงอายุหกล้มประมาณ 3 ล้านราย และบาดเจ็บต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 60,000 รายต่อปี โดยมีผู้เสียชีวิตจากการหกล้มเฉลี่ย วันละ 4 ราย และยังเป็นเหตุให้ผู้สูงอายุเกิดความพิการ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ หวาดกลัวการหกล้ม และต้องพึ่งพาผู้อื่น ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจากข้อมูลการวางแผนประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุประกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ ดังนี้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอายุ ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะประสบอุบัติเหตุสูงขึ้น เช่น การลื่นล้ม หรือการเกิดอุบัติเหตุในบ้าน เนื่องจากความเสื่อมของร่างกาย ประกันอุบัติเหตุสามารถช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันการลดภาระทางการเงิน การรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุอาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่อาจต้องการการดูแลพิเศษ ประกันอุบัติเหตุช่วยลดภาระทางการเงินทั้งของผู้สูงอายุและครอบครัวการชดเชยรายได้ สำหรับผู้สูงอายุที่ยังทำงานหรือมีรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ หากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ประกันอุบัติเหตุที่มีค่าชดเชยรายวันจะช่วยชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงที่พักฟื้นความสบายใจและความมั่นคง การมีประกันอุบัติเหตุทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เนื่องจากรู้ว่ามีความคุ้มครองที่สามารถช่วยเหลือได้ในยามฉุกเฉินการดูแลที่ครบถ้วน บางแผนประกันอุบัติเหตุอาจครอบคลุมถึงบริการดูแลพิเศษหลังการรักษา เช่น การฟื้นฟูสภาพ หรือการติดตามการรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลเพิ่มเติมหลังจากประสบอุบัติเหตุเคล็ดลับสำหรับการพิจารณาเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุอายุ ตรวจสอบช่วงอายุที่ประกันครอบคลุม โดยแต่ละบริษัทจะมีกำหนดช่วงอายุที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่ บริษัทจะกำหนดช่วงอายุรับประกันไว้ถึง 70 ปี ในขณะที่บางบริษัทกำหนดถึง 99 ปี ซึ่งสามารถทราบข้อมูลจากเอกสาร ตัวแทนผู้นำเสนอขาย หรือรายละเอียดบนเว็บไซต์ความคุ้มครองที่เพียงพอเหมาะสมกับเบี้ยที่ชำระ การเลือกแบบประกันอุบัติเหตุ นอกเหนือจากการชดเชยจากการสูญเสียชีวิตหรืออวัยวะแล้ว ควรพิจารณาที่มีความคุ้มครองครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพร่างกาย และการดูแลหลังการรักษาเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยควรพิจารณาให้เหมาะสมกับรายได้และความสามารถในการจ่ายของผู้สูงอายุพิจารณาเงื่อนไขกรมธรรม์และข้อยกเว้น การศึกษารายละเอียดของกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมีความสำคัญ เนื่องจากมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ต้องทราบ เช่น ข้อยกเว้นการจ่ายค่าชดเชย ความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุมทันที และขอบเขตของความคุ้มครอง ซึ่งสามารถพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ จากเอกสารเสนอขาย และเอกสารกรมธรรม์เช็กสิทธิค่ารักษาพยาบาลที่มีอยู่แล้ว ตรวจสอบสิทธิค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม หรือกรมธรรม์อื่น ๆ ที่เคยซื้อไว้ เพื่อนำมาพิจารณาตัดสินใจก่อนการซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ เป็นตัวบ่งบอกถึงโอกาสเกิดอุบัติเหตุ หากผู้สูงอายุชอบทำกิจกรรม เช่น เดินไปตลาด หรืออยู่แต่บ้าน การเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการทั้งนี้ การพิจารณาอาจทำเป็นตารางเปรียบเทียบเพื่อให้ง่ายต่อการทำข้อมูลให้อยู่ในเงื่อนไขเดียวกัน โดยตัวอย่างเป็นการพิจารณาเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุ ของคุณณรงค์ศักดิ์ อายุ 50 ปี เพศชาย ซึ่งมีความต้องการความคุ้มครองชีวิตอยู่ในวงเงินประมาณ 1,000,000 บาท และมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ โดยเพิ่มเติมจากสิทธิการรักษาที่มีอยู่แล้วบ้างบางส่วน จึงหาข้อมูลมาเปรียบเทียบ ดังนี้ข้อมูลการเปรียบเทียบที่ได้ นำมาสรุปการพิจารณา ดังนี้บริษัท ก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูง (100,000 บาท) ด้วยค่าเบี้ยประกันที่อยู่ในระดับปานกลาง (6,000 บาทต่อปี)บริษัท ข เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตสูงสุด (1,200,000 บาท) แต่ค่าเบี้ยประกันจะสูงกว่าบริษัทอื่น (7,500 บาทต่อปี)บริษัท ค เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค่าชดเชยรายวันสำหรับการนอนโรงพยาบาล (1,000 บาทต่อวัน) นอกเหนือจากความคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลปกติ (7,000 บาทต่อปี)ทั้งนี้ การเลือกแผนประกันที่เหมาะสม ควรนำข้อมูลการเปรียบเทียบดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบกับเคล็ดลับการเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุข้างต้น เพื่อให้ได้แบบประกันที่ครอบคลุมเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดประกันอุบัติเหตุเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงทางการเงินจากการรักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและเงินเก็บไม่ให้รั่วไหลกับค่ารักษาพยาบาล ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอายุ การมีประกันอุบัติเหตุช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพร่างกาย หรือการชดเชยรายได้ในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงพักฟื้นนอกจากนี้ ประกันอุบัติเหตุยังช่วยลดภาระทางการเงินที่อาจตกอยู่กับครอบครัวเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน การวางแผนและมีประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงในชีวิตช่วงบั้นปลาย ทำให้ผู้สูงอายุสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสบายใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ความสำคัญของประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุจึงไม่ควรถูกมองข้าม เป็นการลงทุนที่มีค่าในอนาคตและความปลอดภัยของชีวิตแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1773849

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เมื่อความผิดเพี้ยนกลายเป็นศิลปะ ชวนสำรวจนิทรรศการสุดป๊อป “THE BOOTLEG SHOW” ที่ MOCA BANGKOK

20/05/2025

ชวนท่องเที่ยวในนิทรรศการ “THE BOOTLEG SHOW” โดย MRKREME หรือ แอนดี้ วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ ศิลปินไทย-ฮ่องกง ผู้โด่งดังจากสไตล์ ป๊อป-เซอร์เรียล สีสันสดใส ที่ผสมผสานจินตนาการเข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวได้อย่างลงตัว กับนิทรรศการเดี่ยวบนจักรวาล BOOTLEG พร้อมสำรวจโลกที่ความไม่สมบูรณ์แบบ ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความงามครั้งใหม่ได้ที่ MOCA BANGKOKสายอาร์ตและคนรักความคิดสร้างสรรค์ห้ามพลาด MOCA BANGKOK (พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย) เปิดพื้นที่ให้เราได้ตั้งคำถามกับคำว่า "ต้นฉบับ" กันอีกครั้ง กับนิทรรศการเดี่ยวสุดคูล “THE BOOTLEG SHOW: การสำรวจต้นฉบับและการบิดเบือน” แอนดี้ วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ ศิลปินไทย-ฮ่องกง เจ้าของผลงาน MRKREMEผลงานจาก MRKREME หรือ แอนดี้ วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ ศิลปินไทย-ฮ่องกง ผู้โด่งดังจากสไตล์ ป๊อป-เซอร์เรียล สีสันสดใส ที่ผสมผสานจินตนาการเข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวได้อย่างลงตัว ที่จะชวนทุกคนไปสำรวจโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความงามครั้งใหม่ได้จุดเริ่มต้นของนิทรรศการสุดปั่นนี้มาจากคำถามที่เรียบง่ายแต่ท้าทายความคิดว่า “ความเป็นต้นฉบับคืออะไร?” เมื่อ MRKREME ออกแบบคาแรกเตอร์ Mushkin เพื่อทำเป็นอาร์ตทอย แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากโรงงานกลับผิดเพี้ยนไปจากต้นแบบอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะท้อแท้ ความคลาดเคลื่อนนี้กลับจุดประกายให้ศิลปินตั้งคำถามและสำรวจว่า หรือแก่นแท้ของความคิดสร้างสรรค์อาจไม่ได้อยู่ที่ความเป๊ะปังตามแบบฉบับ แต่อยู่ที่การตีความ ความผิดพลาด และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างทางต่างหากใน "THE BOOTLEG SHOW" MRKREME ไม่เพียงแต่จัดแสดงงาน แต่ยังพลิกบทบาทผู้ชมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ ด้วยการชวนให้ทุกคนลองวาด Mushkin จากความทรงจำของตัวเองแล้วนำภาพวาดเหล่านั้นมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และวิดีโอ อินสตอลเลชัน ทำให้เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง "ของแท้" กับ "ของปลอม" หรือ "ต้นฉบับ" กับ "ความบิดเบือน" ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นบทสนทนาที่เปิดกว้างเกี่ยวกับเจตนาและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน ดินน้ำมัน ซึ่งเป็นวัสดุแรกที่ศิลปินใช้ปั้นต้นแบบ ก็ถูกนำกลับมาใช้เป็นสื่อหลัก สะท้อนถึงความไม่แน่นอน ลื่นไหล และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งมาร่วมเปิดประสบการณ์และตีความ "ความเป็นต้นฉบับ" ในมุมมองใหม่ พร้อมค้นหาแรงบันดาลใจจากความไม่สมบูรณ์แบบในนิทรรศการ “THE BOOTLEG SHOW: การสำรวจต้นฉบับและการบิดเบือน” โดย MRKREME ได้แล้ววันนี้ได้ที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน 1, 2 และ 3 ชั้น G, MOCA BANGKOK (พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย) ตั้งแต่วันนี้ - 29 มิถุนายน 2568 ในวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10:00 – 18:00 น. และปิดทุกวันจันทร์ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมได้ฟรีตั้งแต่วันนี้ - 11 เมษายน 2568 เท่านั้นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/2852182

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ซากุระ บานสะพรั่งที่ “ทะเลสาบซอกชน” กรุงโซล

20/05/2025

“กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้ นับเป็นอีกหนึ่งจุดหมายยอดนิยมของการชมซากุระ ดอกไม้ที่เปรียบดั่งสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างฤดูใบไม้ผลิภาพ: สำนักข่าวซินหัวทั้งนี้ “ซากุระ” (Cherry Blossom) ในภาษาเกาหลีเรียกว่า “พ็อดกด” ถือว่าเป็นดอกไม้ที่ผลิบานออกดอกสะพรั่งงดงามในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะผ่านไป ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเมษายนภาพ: สำนักข่าวซินหัวในเมืองหลวงของเกาหลีใต้อย่างกรุงโซลนั้น มีจุดชมซากุระหลายแห่ง โดยหนึ่งในสถานที่ยอดฮิต คือ ทะเลสาบซอกชน (Seokchon Lake) หรือ สวนสาธารณะทะเลสาบซอกชน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงโซลภาพ: สำนักข่าวซินหัวทะเลสาบแบ่งเป็น 2 ฝั่ง มีถนนคนเดินตรงกลาง รวมพื้นที่ทั้งหมดราว 136 ไร่ ในปลายเดือนมีนาคม-ต้นเมษายน ริมทะเลสาบซอกชน สะพรั่งบานไปด้วยมวลหมู่ดอกซากุระหรือพ็อดกด เป็นทัศนียภาพที่งดงามน่าประทับใจแก่ผู้มาเยือน นอกจากเดินเท้าชมดอกไม้แล้ว ยังสามารถชื่นชมทิวทัศน์ผ่านการปั่นจักรยาน และเรือถีบรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวโดยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทะเลสาบซอกชน ยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล Seokchon Lake Cherry Blossom Festival ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000033836

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

รับมือแผ่นดินไหว ข้อเสนอด้านประกัน จากกูรูนักคณิตศาสตร์ประกันภัย

20/05/2025

บทความโดย "อาจารย์ทอมมี่-พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยนอกจากภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว รัฐบาลจะต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบที่ช่วยให้ทั้งประชาชนและธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวธุรกิจประกันภัย เสาหลักจัดการความเสี่ยงธุรกิจประกันภัยมีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยงและช่วยลดภาระทางการเงินของประชาชนและองค์กรเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวถือเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่สร้างความท้าทายอย่างยิ่งต่อธุรกิจประกันภัย เนื่องจากมีโอกาสเกิดขึ้นแบบสุ่มและยากต่อการคาดการณ์ในระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยในกรณีนี้ จึงต้องพึ่งพา “คณิตศาสตร์ประกันภัย” ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และการจัดการเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่แท้จริงผลกระทบเมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงหากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บริษัทประกันภัยอาจต้องเผชิญกับการเรียกร้องสินไหมทดแทนจำนวนมหาศาล หากไม่มีการสำรองเงินทุนตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่เพียงพอ หรือไม่มีการทำประกันภัยต่อ (Reinsurance) กับบริษัทประกันภัยระดับสากล ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินในอุตสาหกรรมการปรับตัวของธุรกิจประกันภัยในระยะยาว ธุรกิจประกันภัยจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงให้ทันสมัย เช่น การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประเมินโอกาสเกิดเหตุการณ์และคำนวณเบี้ยประกันภัยได้อย่างแม่นยำบทบาทของรัฐในการสนับสนุนประกันภัยเนื่องจากธุรกิจประกันภัยเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภัยธรรมชาติ รัฐบาลสามารถเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมนี้ในหลายมิติ ดังนี้1. การสร้างกองทุนสำรองภัยพิบัติภาครัฐสามารถจัดตั้ง “กองทุนสำรองภัยพิบัติ” เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของบริษัทประกันภัยในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติรุนแรง โดยกองทุนนี้อาจถูกนำไปใช้เป็นเงินช่วยเหลือสำรองกรณีที่บริษัทประกันภัยต้องจ่ายสินไหมทดแทนจำนวนมาก2. การสนับสนุนการทำประกันภัยต่อ (Reinsurance)ภาครัฐอาจจัดตั้งโครงการที่ช่วยให้บริษัทประกันภัยในประเทศ สามารถเข้าถึงบริการประกันภัยต่อจากบริษัทระดับสากลได้ง่ายขึ้น เช่น การเจรจาเพื่อสร้างพันธมิตรระหว่างบริษัทประกันภัยในประเทศกับบริษัทต่างชาติ3. การกำกับดูแลและสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมภาครัฐสามารถกำหนดนโยบายและข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสำรองเงินทุน การออกแบบกรมธรรม์ หรือการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยมีความมั่นคงและโปร่งใส4. การส่งเสริมความรู้และความตระหนักในประกันภัยภาครัฐสามารถร่วมมือกับภาคธุรกิจประกันภัยในการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว เช่น ประกันภัยบ้านที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติ หรือการคุ้มครองพิเศษสำหรับธุรกิจในพื้นที่เสี่ยงสูงการจัดการหลังเกิดเหตุการณ์นอกเหนือจากการป้องกันและส่งเสริมการทำประกันภัย รัฐยังมีบทบาทสำคัญในมาตรการช่วยเหลือหลังเหตุการณ์ ได้แก่+ การช่วยฟื้นฟูธุรกิจประกันภัยหลังวิกฤต โดยรัฐบาลอาจให้เงินสนับสนุนหรือมาตรการลดหย่อนภาษีแก่บริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของอุตสาหกรรม+ การจัดตั้งศูนย์ประเมินความเสียหาย การจัดตั้งศูนย์ประเมินความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ทำงานร่วมกับบริษัทประกันภัย จะช่วยให้การพิจารณาสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างรวดเร็วและโปร่งใสมากยิ่งขึ้นประกันแผ่นดินไหวมีหรือไม่สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดและใกล้ตัวเรา สามารถทำได้โดยเริ่มจากการเปิดกรมธรรม์ประกันภัยที่เรามีอยู่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นประกันบ้าน ประกันรถยนต์ รวมถึงประกันชีวิต แล้วเช็กให้แน่ใจว่า “ภัยแผ่นดินไหว” อยู่ในความคุ้มครองหรือยัง ถ้ามันเขียนว่าเป็นข้อยกเว้นหรือไม่คุ้มครอง ก็แปลว่าความเสี่ยงของความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวยังมีติดกับตัวเราอยู่ การจะผ่องถ่ายความเสี่ยงนี้ไปได้ก็สามารถทำได้โดยให้บริษัทประกันภัยรับไว้ โดยสามารถหาอ่านรายละเอียดหลักการคำนวณเบี้ยประกันภัยตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยเพิ่มเติมได้ที่ www.tommypichet.com/article“ประกันแผ่นดินไหวไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ โดยการบริหารความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวไม่ใช่เพียงเรื่องของบุคคลหรือธุรกิจ แต่ยังเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะในธุรกิจประกันภัยที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ภาครัฐสามารถให้การสนับสนุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ระบบประกันภัยของประเทศสามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1782667

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X