Everyday knowledge for you
ประกันภัย
03/12/2025
ฤดูฝนเมื่อปี 2024 กลายเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่หลายพื้นที่สำคัญของประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชียงราย เชียงใหม่ รวมถึงฐานการผลิตตลอดลุ่มเจ้าพระยา ต้องเผชิญฝนตกหนักทำลายสถิติ ส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยจำนวนมากตั้งคำถามว่า น้ำท่วมอีกครั้งนี้ในปี 2025 จะมีเงินสดพอประคองกิจการหรือไม่ เมื่อประเทศไทยต้องเผชิญลานีญารอบใหม่ช่วงปลายปี 2025 ซึ่งตามสถิติแล้วจะทำให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นมากอย่างผิดปกติ ประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริกจึงเป็นที่จับตามองความกังวลยิ่งทวีคูณขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนนี้ ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นักวิชาการด้านอุทกวิทยาประเมินว่าเป็นฝนหนักที่สุดในรอบ 300 ปี เพียง 24 ชั่วโมง เมืองหาดใหญ่ต้องรับปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 600-700 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งเดือนของภาคใต้ตอนล่างหลายเท่า ทำให้ระดับน้ำในเขตเทศบาลพุ่งสูงกว่า 2.5 เมตร ในบางจุด ถนนหลายสายกลายเป็นแม่น้ำ โรงพยาบาลต้องเร่งอพยพผู้ป่วยกว่า 450 ราย อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันมีรายงานบ้านเรือนและธุรกิจนับหมื่นหลังคาเรือน ได้รับผลกระทบโดยตรงและต้องหยุดกิจการกะทันหันคลองระบายน้ำสายหลัก เช่น คลองอู่ตะเภา และคลองระบายน้ำ ร.1 รับน้ำไม่ทัน จนเกิดภาวะ น้ำขังนิ่งยาวนานหลายวัน ส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่น ระบบขนส่ง การท่องเที่ยว และห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจที่มีฐานผลิตในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ชายแดนใต้ ภาคธุรกิจไทยจำเป็นต้องมีเครื่องมือด้านสภาพคล่องฉุกเฉินให้ทันต่อเหตุการณ์สุดวิสัยมากกว่าที่เคยแม้ประกันทรัพย์สินและประกันหยุดชะงักทางธุรกิจแบบดั้งเดิมยังคงจำเป็น แต่กระบวนการประเมินความเสียหายและการเคลมมักลากยาวหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ทำให้ธุรกิจจำนวนมากเริ่มมองหาตัวเลือกใหม่ที่เข้าถึงเงินได้รวดเร็วกว่า นั่นคือ ประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริก (Parametric Flood Insurance) ซึ่งกำลังกลายเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทยหัวใจหลักของประกันพาราเมตริกคือ ความเร็วและความแน่นอน การจ่ายค่าสินไหมขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดที่ตกลงไว้ เช่น ปริมาณน้ำฝนสะสม 150 มิลลิเมตรที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือระดับน้ำที่สถานีตรวจวัดในพระนครศรีอยุธยาสูงเกิน 2.5 เมตร เมื่อค่าทริกเกอร์เกิดขึ้น บริษัทประกันจะปล่อยเงินทันทีโดยไม่ต้องรอประเมินหน้างาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านฟื้นฟูกิจการ ค่าจ้างแรงงาน หรือจัดการระบบซัพพลายเชนภายในเวลาเพียงไม่กี่วันแนวคิดนี้ไม่ได้ใหม่บนเวทีโลก ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Lockton (บริษัทนายหน้าและที่ปรึกษาด้านประกันภัยอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก) เคยออกแบบประกันรูปแบบนี้ให้รองรับภัยใหญ่ต่าง ๆ ตั้งแต่พายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว ไปจนถึงเหตุระบบ IT ล่ม และกำลังนำเทคโนโลยีเดียวกัน ทั้งข้อมูลดาวเทียม การวิเคราะห์สภาพอากาศ และแบบจำลองขั้นสูง มาประยุกต์กับบริบทน้ำท่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แรงสนับสนุนจากรัฐก็มีส่วนสำคัญ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 สำนักงาน คปภ. (OIC) และสำนักงานสภาพัฒน์ประกาศความคืบหน้าของโครงการแซนด์บอกซ์ประกันภัยสภาพอากาศ นำข้อมูล IOT และ GIS พัฒนากรมธรรม์ดัชนีสำหรับเกษตรกร โดยเริ่มทดสอบกับสวนทุเรียนภาคตะวันออก ซึ่งสื่อถึงท่าทีเปิดกว้างของภาครัฐต่อประกันดัชนี และอาจขยายไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้ประกันพาราเมตริกให้ความยืดหยุ่นสูง ผู้ประกอบการสามารถเลือกตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำแม่น้ำ หรือสัญญาณเตือนจากสถานีสูบน้ำของกรุงเทพฯ รวมถึงกำหนดโครงสร้างจ่ายเงินแบบขั้นบันไดเพื่อรองรับเหตุรบกวนขนาดเล็ก ไปจนถึงเหตุรุนแรงระดับมหันตภัย นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับประกันแบบดั้งเดิมเพื่อปิดช่องว่างค่าหักลดหย่อนและความสูญเสียที่ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการไทยเผชิญอยู่เป็นประจำผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเตรียมการล่วงหน้าไม่เพียงช่วยลดภาระการกู้เงินฉุกเฉิน แต่ยังช่วยเสริมความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่อง ลดความเสี่ยงข้อพิพาทการเคลม และเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตานักลงทุน คู่ค้า และองค์กรทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เกณฑ์ ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการประเมินกิจการมากขึ้นเรื่อย ๆLockton Wattana Thailand ชี้ว่า การผสานการวิเคราะห์ข้อมูลพาราเมตริกระดับโลกกับประสบการณ์ในตลาดประกันไทยกว่า 40 ปี ทำให้บริษัทสามารถพัฒนากรมธรรม์ที่สอดคล้องกับกฎระเบียบไทยและพฤติกรรมการเคลมของท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่กำลังเตรียมรับมือมรสุมปี 2025 ว่าประกันน้ำท่วมแบบพาราเมตริกสามารถเป็น “กำแพงป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง” และช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แม้ต้องเผชิญฝนฟ้ากระหน่ำเพียงใดก็ตามแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1926262
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
03/12/2025
ปักหมุดอีกเทศกาลดีๆที่เต็มไปด้วยความสดชื่นเบิกบานของมวลหมู่ไม้ อย่างงาน “เทศกาลชมสวน 2568” ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด Bloom for the Future : Blossoms, Biodiversity & Breaths “การเบ่งบานแห่งชีวิต ธรรมชาติ และความงดงามที่ยั่งยืน”ภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์ภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์จากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ บนพื้นที่สูง สู่ความงดงามภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ส่งต่อความงามที่ไม่เพียง “มองเห็นได้ด้วยตา” แต่ “รู้สึกได้ด้วยหัวใจ”ดอกไม้ใน “เทศกาลชมสวน” Bloom for the Future คือ แรงใจและแรงมือจากเกษตรกรบนพื้นที่สูง ที่ดูแลทุกต้นกล้าด้วยความรักและความใส่ใจ จนกลายเป็นทุ่งดอกไม้ที่ผลิบานอย่างภาคภูมิใจภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์ทุกกลีบดอกคือสัญลักษณ์ของ “ความร่วมมือ” ระหว่างธรรมชาติ ผู้คน และหัวใจที่มุ่งมั่น ร่วมกันสร้าง “ความงามที่ยั่งยืน” และส่งต่อ “ลมหายใจแห่งภูเขา” สู่สวนที่เต็มไปด้วยชีวิตและความหวังภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์เบื้องหลังความงามเหล่านี้ ยังสะท้อนถึง “พลังแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ร่วมสนับสนุนเกษตรกรบนพื้นที่สูง ทั้งด้าน รายได้ ความรู้ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะเราทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของการ “เบ่งบานเพื่ออนาคต” Bloom for the Future Blossoms, Biodiversity & Breathsภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์มาร่วมสัมผัสความงดงามของไม้ดอกนานาพันธุ์หลากสีสันนับล้านดอกจากเกษตรกรบนพื้นที่สูง โอบล้อมด้วยกลิ่นไอวัฒนธรรมท่ามกลางธรรมชาติที่ยั่งยืน พร้อมบรรยากาศแห่งความสดใสของฤดูหนาว เพลิดเพลินกับกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ กิจกรรม Workshop ช้อปของดีจากยอดดอยและสินค้าจากชุมชนในตลาดนัดชาวดอย พร้อมกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายให้ได้เรียนรู้ สนุก และเก็บความประทับใจกลับบ้านภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์ภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์ตั้งแต่ 17 พ.ย. 2568 – 28 ก.พ. 2569 ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่สอบถามเพิ่มเติม : 053-114110-2 หรือ facebook.com/rprp.cnxภาพ: อุทยานหลวงราชพฤกษ์แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000111039
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
03/12/2025
มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ เชิญชวนชาวศิลปากร ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และประชาชนทั่วไป ชมการจัดแสดงภาพกิจกรรมจิตรกรรมบนกำแพงวัง “รำลึกแห่งแสงและสายใยศิลป์” ผลงานโดย คณาจารย์ และนักศึกษาคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากรภาพ: Silpakorn Universityสำหรับการจัดการแสดงศิลปะกลางแจ้งครั้งนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและงดงามกว่า 15 ภาพ บนกำแพงยาว 40 เมตร ที่สะท้อนคุณค่าความงามทางศิลปะ แสดงถึงพระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงภาพ: Silpakorn Universityประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมชมความสวยงามและเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ตลอดแนวกำแพง มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ (ฝั่งประตูแดง) โดยสามารถเดินชมได้ตลอดทั้งวันจัดแสดงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityภาพ: Silpakorn Universityแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000115942
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
03/12/2025
เอไอเอ ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จแก่พลังตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2025 จำนวนกว่า 1,762 ท่าน โดยได้จัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 13-17 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีพลังตัวแทนร่วมเดินทางไปทั้งสิ้น 1,633 ท่าน โดยเอไอเอ ได้เนรมิตสนามฟุตบอลซานติอาโก เบร์นาเบว สนามเหย้าของสโมสร “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสนามที่แฟนบอลและนักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต ให้เป็นสถานที่จัดงาน Gala Dinner ครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่เงินหาซื้อไม่ได้ ภายใต้ธีม AIA Victorious : The Champions of Success เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณของนักสู้และชัยชนะที่ได้ครองแชมป์ ซึ่งความสำเร็จนั้นเฉกเช่นเดียวกับพลังตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิทุกท่านนอกจากนี้ ธรรมเนียมสำคัญของงาน AIA Annual Convention คือการเดินขบวนพาเหรดของผู้พิชิตคุณวุฒิระดับ 300% ขึ้นไป รวมถึงท่าน Double Hall of Fame ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ คุณสุพร เอื้อวิศาลสิน และคุณกฤษณ์ ปิติมานะอารีย์ รวมทั้งผู้พิชิตคุณวุฒิ Hall of Fame รวมกว่า 140 ท่านที่ร่วมขบวนพาเหรด นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว President of AIA Annual Convention 2025 นั่นคือ คุณนิตยา รามมะเริง จากหน่วยออล อิน เว็ลธ์ ซึ่งเป็นการครองตำแหน่ง President ครั้งแรกจากการเข้ามาสู่เส้นทางอาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน ประกันชีวิต และสุขภาพ โดยมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับรถ Ferrari Spider สีแดงสด ซึ่งได้รับการต้อนรับจากผู้ร่วมงานอย่างสมเกียรติในพิธีเฉลิมฉลองความสำเร็จ AIA Annual Convention 2025 ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ร่วมงานเลี้ยง Special Dinner เพื่อแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2025 ในระดับ 300% ขึ้นไป ณ โรงแรม The Palace Hotel ถือเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีความเป็นมากว่าร้อยปี และเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความมีระดับในสเปนที่เคยรับรองคนดังระดับโลกมากมาย ทั้งราชวงศ์ นักการเมืองระดับโลก และศิลปินชื่อดังระดับโลก เช่น ปิกัสโซ และนักเขียนชื่อดัง เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ที่เคยใช้ที่นี่เป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจเผื่อผลิตผลงานระดับโลก นอกจากความสวยงามของสถานที่แล้ว เอไอเอ ยังจัดเตรียมกิจกรรมสนุก ๆ รวมถึงการต้อนรับจาก Flamenco Dancers และ Flamenco Pop Fusion Band ที่ยกขบวนมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จให้กับทุกท่านอีกด้วยสำหรับคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2025 ได้มาจากความทุ่มเทในการทำงานและความมุ่งมั่นในการส่งมอบความคุ้มครองแก่ลูกค้า พร้อมทั้งการดูแลประดุจสมาชิกในครอบครัว เพื่อสนับสนุนให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพลังตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ ซึ่งครองอันดับหนึ่งของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุด แล้วพบกันที่จุดหมายปลายทางใหม่ปีหน้ากับ AIA Annual Convention 2026 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
02/12/2025
ดร.นิเวศน์ กูรู VI เปรียบเทียบการลงทุน “ทอง-บิตคอยน์” ที่ให้ผลตอบแทนสูงช่วงที่ผ่านมา เตือนอย่าลงทุนด้วยความโลภ-อย่าถึงขั้นจำนองบ้านมาลงทุนดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เขียนบทความเรื่อง “ทอง VS บิตคอยน์” เผยแพร่ในเพจสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า โดยระบุว่า ช่วง 2-3 ปีนี้ นักลงทุนไทยโดยเฉพาะที่ยังหนุ่มสาวหันมาลงทุนในทองคำและบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมาก เหตุผลเพราะทองคำในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนประมาณ 59% 5 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 134% หรือเท่ากับ 18.5% ต่อปีแบบทบต้นและ 20 ปีที่ผ่านมา 739% หรือเท่ากับผลตอบแทนทบต้น 11.2% ต่อปี ในช่วงเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งถือว่าดีเยี่ยมและไม่เคยเป็นมาในประวัติศาสตร์ของทองคำ และก็ดีกว่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นโลกในส่วนของบิตคอยน์นั้น ผลตอบแทน 1 ปีที่ผ่านมาติดลบ 5-6% แต่ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีนั้นอยู่ที่ 406% หรือให้ผลตอบแทนทบต้นถึงปีละ 38.3% ซึ่งก็เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสุดยอดที่ไม่สามารถหาได้จากการลงทุนอื่นรวมถึงตลาดหุ้น Nasdaq ที่ว่าเป็นสุดยอดของการลงทุนในช่วงเวลานี้ที่ให้ผลตอบแทน 5 ปี ที่ประมาณ 13.6% ต่อปีแบบทบต้น และผลตอบแทน 20 ปีที่ปีละประมาณ 9.7% แบบทบต้นสรุปก็คือ ในระยะ “กลาง” คือ 5 ปี บิตคอยน์เป็นสุดยอดของการลงทุน ในระยะยาว 20 ปี ทองเป็นสุดยอดของการลงทุน ในขณะที่บิตคอยน์นั้น เป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่เพิ่งจะ Active หรือเกิดขึ้นและคนเข้ามาเล่นกันประมาณ 8-9 ปีนี้เอง และก็เริ่มจะบูมเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาพร้อม ๆ กับการลงทุนแบบอื่น ๆ รวมถึงหุ้นที่วิ่งกันระเบิดผมคงไม่พูดถึงหุ้นที่มีการพูดถึงกันมากแล้วและเราก็ลงทุนกันมานาน ส่วนตัวผมเองก็ลงทุนมายาวนานถึง 30 ปีแล้วโดยที่ไม่เคยสนใจการลงทุนอื่นเลยรวมถึงทองคำที่ผมมีความเชื่อมาตลอดว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำแค่พอ ๆ กับเงินเฟ้อคือประมาณ 3% ต่อปี และบิตคอยน์ที่ผมคิดว่าเป็น “สินทรัพย์ในจินตนาการ” ที่ไม่มีพื้นฐานและประเมินมูลค่าไม่ได้ใช่แล้ว ผมกำลังจะเปรียบเทียบระหว่างทองคำกับบิตคอยน์ว่าคุณสมบัติมันเป็นอย่างไร และถ้าผมจะลงทุน จะเลือกตัวไหน แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าผมอาจจะเลือกไม่ลงทุนเลยก็ได้ถ้าผมไม่เชื่อว่าผลการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น จะดำเนินต่อไปในอนาคตอีก 5 ปีหรือยาวกว่านั้นผมคิดว่าช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่าง ๆ อาจจะ “ไม่ปกติ” เพราะมีการเก็งกำไรในตลาดการลงทุนสูงมากจนทำให้ราคาทรัพย์สินเกือบทุกชนิดปรับตัวขึ้นไปสูง “เกินพื้นฐาน” ทางเศรษฐกิจไปมาก และถ้าการเก็งกำไรลดลงหรือหมดไป ราคาก็อาจจะตกลงไปมาก บางทีอาจจะกลายเป็น “หายนะ” ได้แต่นั่นก็อาจจะเป็นความเห็นที่ผิดได้ โดยเฉพาะกับทองและบิตคอยน์ซึ่งนักลงทุนโดยเฉพาะแนว VI บอกว่าเป็นสินทรัพย์ที่ “ไม่มีพื้นฐาน” เพราะมันไม่ได้สร้างอะไรหรือผลิตอะไรที่เป็นประโยชน์ในการใช้สอยและทำกำไรจ่ายปันผลให้เราได้ ถือเอาไว้มันก็ไม่เคยโต เหตุผลที่ราคาจะเพิ่มขึ้นก็เพราะ “มีคนมาซื้อต่อ” ถ้าคนไม่ซื้อ มันก็ไม่มีค่าแต่ผมคิดว่าเรื่องนี้คงต้องมาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งและละเอียดขึ้น ทั้งทองและบิตคอยน์ ประการแรกก็คือ ทองที่ผมคิดว่ามีค่าแน่นอน เพราะมันถูกทำเป็นเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงในแง่ที่ว่า คนที่ใช้มันประดับร่างกายจะกลายเป็นคนที่ดูดีและที่สำคัญ “ดูรวย” ว่าที่จริงผมยังไม่เคยเจอใครที่บอกว่าทองนั้น “ไม่มีค่า” หรือมีค่าน้อย ทุกคนบอกว่าทองนั้น “เลอค่า” คล้าย ๆ เพชรที่ช่วงหนึ่งเมื่อซักหลาย ๆ ปีก่อนมีการโฆษณาว่า “เลอค่า” และผู้หญิงทุกคนต่างก็อยากใช้เป็นเครื่องประดับในวันแต่งงาน ว่าที่จริงทองนั้นมีค่าตั้งแต่สมัยอียิปต์รุ่งเรืองเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดนี้ได้จนถึงปัจจุบันบิตคอยน์นั้น มีน้อยคนมากในโลกที่คิดว่ามันมีค่า ว่าที่จริงคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำไป คนที่คิดว่าบิตคอยน์มีค่าส่วนใหญ่ก็คือคนที่เล่นบิตคอยน์หรือลงทุนบิตคอยน์เพราะเขาคิดว่าราคามันจะปรับตัวขึ้นไปอีกมากในเวลาอันสั้น พวกเขาเป็น “นักเก็งกำไร” ที่จ้องดูราคาของบิตคอยน์วันต่อวันส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะฉลาดมาก ซึ่งรวมถึงคนที่สร้างบิตคอยน์ขึ้นจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มองดูว่าบิตคอยน์นั้นมีคุณสมบัติที่สามารถแทน “เงินเฟียต” หรือเงินที่แบ้งค์ชาติของแต่ละประเทศพิมพ์ออกมาเป็น “กระดาษ” ที่เราใช้อยู่ และวันหนึ่ง บิตคอยน์ก็จะถูกใช้แทนเงินเฟียตทั่วโลก “ก็คงจะคล้าย ๆ กับอะไรหลาย ๆ อย่างในโลกที่เอกสารที่เป็นกระดาษถูกแทนด้วยข้อมูลดิจิทัล” พวกเขาอาจจะคิดแบบนั้น และถ้าเงินกระดาษ “มีค่า” เงินที่เป็นดิจิทัลแบบบิตคอยน์ก็ต้อง “มีค่า” คนที่ “ทำมาหากิน” ทุกวันก็จะต้องอยากได้และยินดีขายของและรับบิตคอยน์แทนเงินเฟียตที่ใช้อยู่แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ผมยังไม่เห็นคนค้าขายที่ไหนรับบิตคอยน์เลยทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นมาและโด่งดังมาเกือบ 10 ปีแล้ว ในขณะที่ข้อมูลคอมพิวเตอร์แบบอื่นนั้น ได้เข้ามาแทนที่ข้อมูลบนกระดาษอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ เริ่มมีคนที่รับ “เงินบิตคอยน์” มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งคนที่รับหรือคนที่ใช้ก็คือ คนที่ทำผิดกฎหมายและไม่ต้องการให้ผู้รักษากฎหมายตามเส้นทางการเงินได้ เช่น เจ้าหน้าที่ที่รับเงินสินบน คนโกงและมิจฉาชีพทั้งหลาย หรือโจรสลัดที่จี้เรือและเรียกเงินค่าไถ่ เป็นต้นดังนั้น สำหรับผมแล้ว บิตคอยน์ในขณะนี้เป็น “เงินเทา” ของโลกที่ใช้ในหมู่อาชญากร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้มัน “มีค่า”เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า คุณค่าหรือมูลค่าที่เหมาะสมของทองและบิตคอยน์ควรเป็นเท่าไร? มีใครตอบได้ไหม? ในทางเศรษฐศาสตร์นั้น ในระยะยาว ราคาของสินทรัพย์ทุกชนิดก็จะวิ่งเข้าหามูลค่าที่แท้จริงเป็นส่วนใหญ่ของเวลาทองคำนั้น เนื่องจากมีประวัติของราคายาวนานเป็นร้อย ๆ ปี คุณค่าหรือมูลค่าที่แท้จริงของมันที่เกิดจากการเป็นเครื่องประดับและต่อมาเป็น “ทุนสำรอง” ของความมั่งคั่งทั้งของบุคคลธรรมดาและรัฐชาติทั่วโลกจึงน่าจะเท่า ๆ กับราคาของทองในท้องตลาดเป็นส่วนใหญ่ของเวลา เหตุที่มูลค่ากับราคาไม่เท่ากันตลอดเวลาก็เพราะว่าในบางช่วงมีการ “เก็งกำไร” น้อย ราคาก็จะต่ำกว่ามูลค่า และในช่วงที่มีการเก็งกำไรมากอย่างช่วงเร็ว ๆ นี้ ราคาก็อาจจะสูงกว่าคุณค่ามากวิธีที่จะดูว่าราคาสูงเวอร์เกินไปหรือเปล่า ทางหนึ่งก็คือ ดูว่าเส้นกราฟราคาทองคำในระยะยาวนั้น ควรที่จะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นประมาณปีละ 3-4% ตามอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในระยะยาว แล้วเปรียบเทียบกับราคาทองคำในปัจจุบัน ถ้าราคาสูงเกินเส้นนี้ไปมากก็ต้องระวังว่าทองอาจจะร้อนเกินไป อย่าเข้าไปแตะในกรณีของบิตคอยน์นั้น การดูประวัติของราคาแค่ 8-9 ปี คงบอกไม่ได้ว่าคุณค่าของมันคือเท่าไร? นับถึงวันนี้ที่ชัดเจนก็คือ มันมีค่าเพราะมันเป็นที่ต้องการของคนที่ต้องการปกปิดความมั่งคั่งของตนเองเป็นหลัก แต่หลายคน รวมถึงคนระดับผู้นำโลกอย่างอเมริกาหรือผู้นำทางด้านเทคโนโลยีอย่างอีลอน มัสก์ ก็เชื่อว่าอนาคตคนจะยอมรับบิตคอยน์มากขึ้น เช่น อาจจะนำเอาบิตคอยน์มาเป็น “ทุนสำรอง” ของความมั่งคั่งแบบเดียวกับทองคำหรือเงินดอลลาร์หรือเงินของประเทศชั้นนำอื่น ๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมากขนาดเป็นหลายสิบหรือร้อยเท่าจากปัจจุบันแต่อะไรก็ตามที่เป็นเรื่อง “คาดเดา” และ “ยังไม่เกิดขึ้นเลย” หรือเกิดและเจ๊งไปแล้วอย่างประเทศ เอลซันวาดอร์ ที่ประกาศรับบิตคอยน์เป็นเงินในปี 2022 ก็ไม่น่าจะมีผลต่อมูลค่าที่ควรจะเป็นของบิตคอยน์ในแง่ที่ว่ามันจะมาแทนที่เงินตราที่ประเทศทั้งโลกใช้อยู่ และดังนั้น ราคาบิตคอยน์ที่ขึ้นลงหวือหวาก็คือเรื่องของการ “เก็งกำไร” อย่างสูง และคนที่เข้าไปเล่นก็น่าจะมีโอกาสทั้งกำไร 10 เด้งและขาดทุน 90% ได้พอ ๆ กันและนั่นนำมาถึงประเด็นเรื่อง “ความเสี่ยง” ซึ่งสำคัญพอ ๆ กับ “ผลตอบแทน” ของทองและบิตคอยน์ มาดูประวัติการ “ขาดทุนมากที่สุด” หรือ “Maximum Drawdown” ของทองคำกับบิตคอยน์ในช่วงเวลาหนึ่งกันว่าเป็นอย่างไรทองคำในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมานั้นต้องถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นหรือหลักทรัพย์ยอดนิยมอื่น ๆ เพราะมีเพียง 3 ช่วงเวลาที่ทองคำตกลงมาหนักเกิน 20% ขึ้นไปช่วงที่ 1 ในปี 2008 ที่เป็นช่วงซับไพร์มตกลงมา 7-8 เดือนและลดลงสูงสุดประมาณ 30%ช่วงที่ 2 เกิดในปี 2011 ตกลงไปยาวประมาณ 4 ปี 3 เดือน และลดลงมากที่สุดถึง 45.5% และนี่ก็คือช่วงที่ทองคำเหงาหงอยยาวนานแต่ก็ไม่ใช่ตกแรงทีเดียวจบและช่วงที่ 3 คือปี 2020 ในช่วงโควิด 19 ที่ตกลงมา 2 ปี 3 เดือน และตกลงมามากที่สุด 21%บิตคอยน์นั้นตรงกันข้ามกับทอง เพราะในช่วงเวลา 9 ปีที่ผ่านมานั้น แทบจะเกือบทุกปี บิตคอยน์จะตกลงมาแรงมากขนาดที่ 20% นั้น กลายเป็นการ “ตกเล็กน้อย”เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2017 บิตคอยน์ตกลงมาแบบ “วิกฤติ” จนถึงปลายปี 2018 ที่ตกลงมาต่ำสุดถึง 83-84% ในเวลา 12 เดือน ก่อนที่จะฟื้นในปี 2019 ได้เพียงปีเดียว“วิกฤติ” ครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้นอีกในช่วงต้นปี 2020 ที่บิตคอยน์ตกลงมาถึง 60-65% ในเวลาเพียง 1 เดือนและปรับตัวขึ้นได้แต่ก็อยู่ได้เพียงปีเดียวก่อนที่จะเกิด“วิกฤติ” ครั้งที่ 3 ในช่วงต้นปี 2021 ที่ราคาบิตคอยน์ตกลงมา 50-55% ในเวลา 2-3 เดือน ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นจนถึงปลายปีหรือเป็น “ช่วงที่ดี” ของการลงทุนเพียงประมาณ 5-6 เดือนก่อนที่จะเกิดการถล่มครั้งใหม่ที่เป็น“วิกฤติ” ครั้งที่ 4 ในช่วงปลายปี 2021 ต่อเนื่องถึงปลายปี 2022 เป็นเวลา 12 เดือน ที่บิตคอยน์ตกลงไปเรื่อย ๆ จนขาดทุนถึง 75-78% ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ ค่อนข้าง “ยาวนาน” ถึงเกือบ 3 ปี จนทำให้ 1 บิตคอยน์มีราคากว่า 120,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 4 ล้านบาท ในเดือนตุลคม 2025 ที่ผ่านมาก่อนที่จะปรับตัวลงแรงประมาณ 25-28% อีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่ยังไม่รู้ว่าจะกลายเป็น “วิกฤติ” อีกหรือเปล่าและทั้งหมดนั้นก็คือข้อมูลเกี่ยวกับโปรไฟล์ของทองกับบิตคอยน์ที่คนคิดลงทุนจะต้องตระหนักและควรจะท่องจำไว้ว่า “ราคาทองนั้น 20 ปี อาจจะวิกฤติครั้งหนึ่ง หุ้นเกิดวิกฤตทุก 10 ปี แต่บิตคอยน์นั้น เกิดวิกฤติทุกปี” เพื่อที่จะเตือนตัวเองเสมอไม่ให้กล้าหรือโลภเกินไป และแน่นอนว่า ไม่ว่าจะเล่นอะไรก็ตาม อย่าจำนองบ้านมาลงทุนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1929042
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
02/12/2025
คปภ.เปิดแนวปฏิบัติการเคลมประกันภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่ถูกน้ำท่วม เช็ก 5 ระดับความคุ้มครอง ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า แนวปฏิบัติการเคลมประกันภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่ถูกน้ำท่วมเน้นเรื่องการเคลมเร็วและง่าย สามารถถ่ายรูปแจ้งเคลมได้ทันทีสำหรับรถยนต์การเคลมความเสียหาย มีเกณฑ์ 5 ระดับในการจ่าย ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)ระดับ A – น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ : ค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 8,000-10,000 บาทระดับ B – น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง : ค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 15,000-20,000 บาทระดับ C – น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า : ค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 25,000-30,000 บาทระดับ D – น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า : ค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทระดับ E – รถยนต์จมน้ำทั้งคันบริษัทจะคืนทุนประกันตามตารางกรมธรรม์เบื้องต้นเป็นเรตของรถสันดาป ถ้าเป็นไฮบริด จ่ายเพิ่ม 100,000 บาท ของแต่ละระดับ ส่วน EV ตั้งแต่ระดับ A ขึ้นไป ให้บริษัทประเมินความเสียหายส่วนกรณีบ้านที่อยู่อาศัยที่มีความคุ้มครอง เรื่องภัยธรรมชาติ หรือน้ำท่วม จะจ่ายไม่ยาก เนื่องจากจะมีวงเงิน Sublimit อยู่แล้ว ประมาณ 20,000-30,000 บาท สามารถจ่ายได้ทันที“แนวทางคือผู้เอาประกันที่มีความเสียหาย ก็ถ่ายรูปแล้วส่งไปให้บริษัทประกัน ซึ่งเขาจะพิจารณาว่า ควรส่งคนออกมาดูอีกทีหรือไม่ เป็นกระบวนการของบริษัท หากรูปที่ถ่ายส่งไปมีความชัดเจน ทางเซอร์เวเยอร์ก็ไม่ต้องอะไรมาก แต่กรณีเป็นประกันชั้น 1 บริษัทประกันก็ต้องลากรถมาประเมิน มาซ่อมอยู่แล้ว โดยหากน้ำท่วมทั้งคันก็จะเป็น TotalLoss ที่ต้องจ่ายคืนทุนประกัน ส่วนที่อยู่อาศัยก็ถ่ายรูป แจ้งว่าบ้านอยู่ตรงไหน เลขที่เท่าไหร่ส่งไป”ด้านนางสาวกัลยา จุกหอม รองผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า เกณฑ์การจ่ายเคลมไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากความเสียหายชัดเจน สำหรับการเคลมรถยนต์รอบนี้คาดจะทำเคลมง่าย เพราะหากจมมิดคันก็น่าจะเป็น Total Loss โดยเกณฑ์การจ่ายเคลมถ้าเป็นรถสันดาปท่วมถึงคอนโซลรถก็เป็น Total Loss ต้องจ่ายคืนตามทุนประกันขณะที่รถไฮบริดหากน้ำท่วมแบตเตอรี่ก็จะบวกค่าแบตเตอรี่อีก 100,000 บาท กรณีรถอีวี หากน้ำท่วมถึงแบตเตอรี่ซึ่งมีมูลค่าสูงเกิน 70% ของราคารถ ก็ต้องจ่าย Total Loss เช่นเดียวกันขณะนี้ยังประเมินความเสียหายทั้งหมดไม่ได้ เพราะรถที่ถูกน้ำท่วมไม่ได้มีแค่รถในพื้นที่ แต่มีรถคนข้างนอกที่เข้ามาในพื้นที่ด้วย คนไปเที่ยว ไปประชุมสัมมนา ตามโรงแรมต่าง ๆ มีรถที่อยู่ชั้นใต้ดินจำนวนมาก ยังไม่สามารถประเมินได้สำหรับทรัพย์สินอื่นอย่างที่อยู่อาศัย ทุนประกันน้ำท่วม 20,000 บาท บริษัทประกันก็คงจ่ายให้เต็มจำนวน เพราะความเสียหายน่าจะเกินกว่านั้นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1929788
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
02/12/2025
“ถ้ำมองของกรมพระกำแพง” นิทรรศการภาพถ่ายฟิล์มกระจก 3 มิติ จากสายพระเนตร ‘เสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ’ นักบันทึกโลกเมื่อร้อยปีก่อนแกลเลอรี่ โอเอซิส ชวนเข้าชมงาน “ถ้ำมองของกรมพระกำแพง” นิทรรศการภาพถ่ายฟิล์มกระจก 3 มิติ ครั้งแรกของโลก หนึ่งในโปรเจ็กต์พิเศษภายใต้ “โครงการศิลปินในตู้” เปิดพื้นที่ให้ประวัติศาสตร์และศิลปะร่วมสมัยมาบรรจบกัน ผ่านผลงานภาพถ่ายฟิล์มกระจก 3 มิติของ พลเอก พระบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร) พระบรมวงศานุวงศ์ผู้สนใจการถ่ายภาพอย่างลึกซึ้ง และเป็นหนึ่งในผู้บันทึกสังคมโลกผ่านสายตาชาวสยามยุคต้นศตวรรษที่ 20นับเป็นครั้งแรกที่ภาพถ่ายฟิล์มกระจก 3 มิติ (Stereoscopic Glass Plate Photography) อันทรงคุณค่าและหาชมยาก ที่ได้รับการจัดเก็บอย่างหวงแหนในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะในบริบทงานศิลปะร่วมสมัย ผลงานภาพถ่ายกว่า 100 ภาพ ที่ทรงฉายระหว่าง พ.ศ. 2451 – 2464 เผยให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในสยาม อินโดจีน จีน และดินแดนอาหรับ ผ่านมุมมองของบุคคลผู้ร่วมขับเคลื่อนการสร้างทางรถไฟหลวงยุคบุกเบิก ภาพถ่ายเหล่านี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญของสยาม หากยังสะท้อนแง่งามของการจัดองค์ประกอบภาพ ความเป็นธรรมชาติของการกดชัตเตอร์ และสายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยมนุษยธรรมนิทรรศการจัดแสดงที่แกลเลอรี่ โอเอซิส เข้าชมได้ทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 20.00 น. (ปิดวันจันทร์)แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000112912
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
02/12/2025
ชมภาพความงามของเดือนพฤศจิกายนในช่วงนี้ของ “อุทยานแห่งชาติ จิ่วจ้ายโกว” (Jiuzhaigou) หนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติของ UNESCO และนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศจีนอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน มีพื้นที่ทั้งหมด 720 ตารางกิโลเมตร โดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,996 - 4,764 เมตร และล้อมรอบด้วยพื้นที่คุ้มครองอีก 643 ตารางกิโลเมตร ชื่อ “จิ่วจ้ายโกว” แปลว่า “หุบเขาเก้าหมู่บ้าน” มาจากเก้าหมู่บ้านชาวทิเบตที่ตั้งอยู่บริเวณนี้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ทะเลสาบบนภูเขาสูงและน้ำตกต่าง ๆ นอกจากนี้อุทยานยังเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์รวมกว่า 3,634 ชนิด รวมถึงแพนด้ายักษ์ และสายน้ำในจิ่วไจ้โกว ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจียหลิง ซึ่งเป็นสาขาหลักของแม่น้ำแยงซีความงดงามทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบสีฟ้า-เขียวมรกต น้ำตกสูงตระหง่าน ป่าไม้ต้นน้ำอันบริสุทธิ์ และหิมะบนยอดเขาในฤดูหนาว ทำให้อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะ “สวรรค์บนดิน” และ “โลกเทพนิยาย”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000112157
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
01/12/2025
เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจให้คนเมืองหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัว “AIA Vitality รูปแบบใหม่” พร้อมแคมเปญกระตุ้นการขยับร่างกายในชีวิตประจำวัน ผ่านสื่อ Out Of Home (OOH) ทั่วกรุงเทพฯ ที่ออกแบบมาเพื่อให้ “สุขภาพดี เริ่มได้ตั้งแต่ก้าวแรก”หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือสื่อบิลบอร์ดยักษ์บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ที่ได้ AIA Vitality Ambassador ‘หมาก ปริญ สุภารัตน์’ มาเติมพลังด้วยท่า “หัวใจสุขภาพดี” เพื่อชวนคนเมืองลุกขึ้นมาขยับแบบง่าย ๆ ในทุกวัน พร้อมส่งข้อความ “AIA Vitality รูปแบบใหม่ รวมสิทธิประโยชน์ให้คุณเลือกได้ทุกเดือน” ด้วย Monthly Rewards และ Vitality Bonus สูงสุด 20% ของเบี้ยประกันภัย* ให้คนไทยได้ทั้งความคุ้มค่าและสุขภาพดีไปพร้อมกัน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นอกจากนี้ AIA Vitality ยังสร้างสีสันด้วย “บันไดสุขภาพ” ที่ปรากฏตัวตามจุดเดินเชื่อมรถไฟฟ้า นำเสนอจำนวนแคลอรีที่เผาผลาญได้ในแต่ละขั้น ชวนให้ทุกคนเลือกเดินมากขึ้น สนุกกับการขยับ และเห็นคุณค่าของการดูแลสุขภาพตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว สะท้อนถึงแนวคิด ‘RETHINK HEALTHY’ สุขภาพดี ไม่ต้องยากอย่างที่คิด เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยในแต่ละวัน สามารถสร้างสุขภาพที่ดีได้ทันทีทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย มุ่งมั่นต่อยอดสังคมสุขภาพดีของคนเมือง ด้วยโปรแกรม “AIA Vitality รูปแบบใหม่” สำหรับผู้ที่สนใจศึกษารายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ https://www.aia.co.th/th/health-wellness/vitality หรือติดต่อตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอหมายเหตุ: * สิทธิประโยชน์กรมธรรม์และเงื่อนไขขึ้นอยู่กับแบบประกันที่เข้าร่วมโครงการ AIA Vitality หากไม่มีการเคลม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
27/11/2025
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนเข้ารับมอบรางวัล “Corporate Social Impact Award 2025 – ระดับ Platinum” จากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AmCham Thailand) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 จากโครงการเอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ (AIA Sharing A Life) ครั้งที่ 12 หรือวันทำดีร่วมกันของชาวเอไอเอ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีน” โดยได้มอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 10,000 เข็ม ให้แก่บุคลากรของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชน ครอบคลุมทั้ง 50 เขตทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงของโรค รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ประเทศไทย ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
29/04/2024
21/06/2024
16/01/2025
13/09/2024
09/05/2025