Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
08/11/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำทัพพลังตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2024 จำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,300 ท่าน บินลัดฟ้าสู่มิลาน เมืองแห่งแฟชั่นระดับโลก ประเทศอิตาลี เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดการเดินทาง ระหว่างวันที่ 21-26 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่ง AIA Annual Convention 2024 ถือเป็นคุณวุฒิที่ได้มาจากความทุ่มเทในการทำงานและความมุ่งมั่นในการส่งมอบความคุ้มครองแก่ลูกค้า พร้อมทั้งการดูแลประดุจสมาชิกในครอบครัว เพื่อสนับสนุนให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพลังตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยมาอย่างยาวนานสำหรับพิธีเฉลิมฉลองความสำเร็จ AIA Annual Convention 2024 ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย คุณอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทนทุกท่าน โดยในค่ำคืนแรก เอไอเอ ได้จัดงานเลี้ยง Special Dinner สุดอลังการให้กับผู้พิชิตคุณวุฒิในระดับ 300% ขึ้นไป ณ โรงแรม Principe di Savoia ซึ่งป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่เคยรับรองคนดังระดับโลก อาทิ ควีนเอลิซเบทที่ 2, เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ, ประธานาธิบดี จอรจ์ ดับเบิลยูบุช, วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึง บิล เกท ซึ่งนอกจากความสวยงามของสถานที่แล้ว เอไอเอ ยังได้จัดเตรียมกิจกรรมสนุก ๆ รวมถึงการต้อนรับจาก High Fashion Models ที่ยกขบวนมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จให้กับตัวแทนทุกท่าน สำหรับงานเลี้ยง GALA Dinner ในคืนที่ 2 และ 3 ได้ถูกจัดขึ้น ณ สถานที่ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันงดงามของประเทศอิตาลี อย่าง Villa Erba ที่ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลสาบโคโม่ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เพื่อให้ผู้พิชิตคุณวุฒิของเอไอเอทุกท่านได้ร่วมซึมซับกับบรรยากาศแห่งความสำเร็จ และเก็บภาพความประทับใจกันอย่างเต็มที่ ภายใต้ธีมงาน Glamorous Vintage Italian Style ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง ยิ่งไปกว่านั้น ในงานยังมีการเดินขบวนพาเหรดของผู้พิชิตคุณวุฒิระดับ 300% ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของงาน AIA Annual Convention ร่วมด้วยตัวแทนที่ได้รับ Double Hall of Fame ทั้งสิ้น 2 ท่าน ได้แก่ คุณสุพร เอื้อวิศาลสิน และคุณชัชวาล เอื้อวิศาลสิน รวมถึงผู้พิชิตคุณวุฒิ Hall of Fame พร้อมไฮไลท์ของงานคือการเปิดตัว President of AIA Annual Convention 2024 “คุณโบ เพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต” จากหน่วยเนอวานา ซึ่งในปีนี้เป็นการพิชิตคุณวุฒิครั้งที่ 4 ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเอไอเอ แล้วพบกันที่จุดหมายปลายทางใหม่ปีหน้ากับ AIA Annual Convention 2025 Madrid ประเทศสเปน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
07/11/2024
ผลสำรวจเผย 71% คลิปวิดีโอให้คำแนะนำด้านการลงทุนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันขาดความน่าเชื่อถือ พร้อมสร้างความเข้าใจผิด ๆ ต่อกลุ่มคนที่หมกมุ่นกับเรื่องการเงินเป็นพิเศษอย่าง Gen Z และชาว Millennialแม้ว่าแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok, Youtube และ Instagram จะได้รับความนิยมจากคอนเทนต์เต้นเพลงสุดไวรัล และเรื่องราวอัพเดทจากอินฟลูเอนเซอร์ แต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานโดยเฉพาะช่วงอายุ 18-41 ปี มักหมกมุ่นอยู่กับการดูวิดีโอให้คำแนะนำด้านการลงทุนมากกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่นรายงานล่าสุดจาก Social Capital Markets ระบุว่า คลิปวิดีโอให้คำแนะนำด้านการเงินกว่า 71% ที่กลุ่มคน Gen Z และชาว Millennial เลือกเสพนั้นขาดความน่าเชื่อถือ พร้อมสร้างความเข้าใจผิด ๆ โดยเฉพาะวิดีโอสั้นในแพลตฟอร์ม TikTok ที่พบปัญหามากที่สุดกว่า 91% ด้วยลักษณะคลิปที่สั้นทำให้เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้างจากการวิเคราะห์วิดีโอ 2,470 คลิป จากแพลตฟอร์ม TikTok, YouTube และ Instagram รวมถึงแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ #StockTok, #Investing และ #Stocktips พบว่า • 83% ไม่มีคำเตือนด้านการลงทุน ทำให้ผู้ชมเห็นภาพเพียงด้านเดียว • 70% มีการเชิญชวนให้ผู้ชมลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว รวมถึงไม่ให้ความรู้วิธีจัดการความเสี่ยง • 57% จูงใจผู้ชมด้วยการรับประกันผลตอบแทน ซึ่งเป็นแนวคิดต่างจากธรรมชาติของตลาดหุ้นที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา • 45% สนับสนุนให้ผู้ชมนำรายได้มาลงทุนนอกจากนี้ในกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำวิดีโอให้คำแนะนำด้านการเงินทั้งหมดนี้ มีเพียง 13% เท่านั้นที่มีคุณวุฒิด้านการเงินหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือได้ ทำให้ในหลายประเทศมีกฎหมายควบคุม อย่างออสเตรเลียที่กำหนดให้การให้คำแนะนำทางการเงินโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยจะมี Australian Securities and Investments Commission (ASIC) ดูแล เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ กับประชาชนเช่นเดียวกับประเทศอังกฤษที่เพิ่งมีการตั้งข้อหากับอินฟลูเอนเซอร์ที่พูดเรื่องการลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร The Financial Conduct Authority (FCA) ที่ดูแลเรื่องนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาTikTok เป็นปัญหามากที่สุดในบรรดาแพลตฟอร์มที่วิเคราะห์วิดีโอกว่า 91% จาก TikTok กลายเป็นปัญหามากที่สุด โดยสาเหตุคือขาดการให้ความรู้การลงทุนรอบด้าน และอีกว่า 70% สนับสนุนการซื้อลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว ประกอบกับลักษณะวิดีโอในแพลตฟอร์มนี้ที่สั้นทำให้คลิปถูกแชร์ออกไปแชร์ว่อนเน็ตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเป็นการสรุปเคล็ดลับสั้น ๆ มากกว่าการให้ข้อมูลรอบด้านนอกจากนั้นอินฟูเอนเซอร์ใน TikTok กว่า 65% ยังรับประกันผลตอบแทน และสนับสนุนให้นำรายได้มาลงทุน นับเป็นความเสี่ยงอย่างมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ต้องแบกรับค่าเทอม หรือมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ต่ำInstagram ไลฟ์สไตล์ดีแต่น่าหนักใจแม้ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่น่าดึงดูด แต่ก็มีสถิติที่น่าหนักใจเช่นเดียวกัน วิดีโอในแพลตฟอร์มนี้ 88% ขาดการให้ข้อมูลด้านการเงินแบบครบทุกด้าน, 65% สนับสนุนให้ลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้อีก 50% ยังรับประกันผลตอบแทน และร้อย 40 ผลักดันให้นำรายได้มาลงทุนYouTube ให้คำแนะนำดีแต่ไม่รอบด้านแม้ว่ารูปแบบวิดีโอของ Youtube ที่ยาวกว่าใครเพื่อนจะทำให้มีการนำเสนอเนื้อหาที่ลึกซึ้งมากขึ้น แต่ยังขาดข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน โดย 55% ของวิดีโอในแพลตฟอร์มนี้รับประกันผลตอบแทน ขณะที่ 45% แนะนำให้นำรายได้ของตัวเองมาลงทุน Crypto ยังคงความนิยมนอกจากหุ้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่เจนแซดและชาวมิลเลนเนียล เหรียญคริปโตก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่เหล่าฟลูเอนเซอร์เชิญชวนผู้ติดตามให้มาลงทุนด้วยการพูดถึงบ่อย ๆ โดยเฉพาะ Memecoins ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างจากเรื่องตลกบนอินเทอร์เน็ต อาทิ Dogecoin และ Moo Deng Coin ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ในแพลตฟอร์มยูทูปพูดถึงมากที่สุดกว่า 51% รองลงมาคือบน TikTok 44% และ 40% บน YouTubeรองลงมาคือ AI Coin ที่มีการพูดถึงมากที่สุดบน Instagram กว่า 22% 20% บน YouTube และ 16% บน TikTok ตามมาด้วย โทเคนจากเกมบล็อกเชน (Web3 Gaming Token) ที่มีการพูดถึง 30% บน YouTube, 18% บน TikTok และ 14% บน Instagramปิดท้ายด้วย NFT ที่เคยได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะความนิยมจะลดลงในปัจจุบัน ซึ่งมีการพูดถึงบน Instagram เพียง 17%, 13% บน TikTok และแค่ 5% บน YouTubeแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1690361
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
07/11/2024
เมื่อใกล้เวลาที่ต้องหยุดทำงานเพราะอายุกำลังจะเข้าเกณฑ์เกษียณ หลายคนกังวลว่าจะไม่มีรายรับที่มั่นคงเหมือนตอนที่ทำงานอยู่ และไม่แน่ใจว่าเงินเก็บที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการใช้ชีวิตไปตลอดหรือไม่ แต่วันนี้คนทำงานมีทางเลือกที่จะช่วยให้อุ่นใจทางการเงินมากขึ้น ด้วยการทำประกันบำนาญ ตัวช่วยให้คนทำงานมีรายได้อย่างต่อเนื่องในวัยเกษียณ และยังให้ผลประโยชน์ระหว่างทางอีกมากมาย ทั้งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และยังให้ความคุ้มครองหากเสียชีวิตระหว่างสัญญามาทำความรู้จักประกันบำนาญกันก่อน นี่คือประกันชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการออมเงินคล้ายประกันสะสมทรัพย์ แต่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะให้เกิดประโยชน์ในวัยเกษียณเป็นหลัก โดยนับเป็นประกันชีวิตที่นอกจากจะให้ผลประโยชน์ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญาแล้ว ค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายตามระยะเวลาที่ทำสัญญาไว้ จะทำหน้าที่เป็นเงินออมต่อเนื่องจนถึงอายุเกษียณตั้งแต่ 55 – 65 ปี แล้วกลายร่างเป็นผลตอบแทนในรูปแบบ “เงินคืนระหว่างทาง” ให้เราจนถึงอายุ 85 – 90 ปีในบรรดาประกันบำนาญมากมายที่มีอยู่ตอนนี้ ผู้ที่จะซื้อประกันบำนาญควรมีหลักเกณฑ์ในการซื้อที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด ซึ่งมีข้อควรรู้ในการเลือกซื้อประกันบำนาญ 5 ข้อมาแนะนำก่อนจะตัดสินใจ ดังนี้ • อายุที่ทำประกันบำนาญยิ่งน้อยยิ่งดีเนื่องจากค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายต่อปีก็จะน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งอายุที่ดีที่สุดคือ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่งานเริ่มมั่นคงและมีกระแสเงินสดเสถียรพอที่จะสามารถจ่ายเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง • ยิ่งอายุการจ่ายเงินบำนาญยิ่งนาน ยิ่งมีโอกาสได้ประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่าเช่น ถ้ามีอายุจนถึงครบรอบปีกรมธรรม์ที่อายุครบ 90 ปี จะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากประกันบำนาญที่คุ้มค่ามากกว่า เพราะจะได้เงินคืนระหว่างทางเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น • ระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันยิ่งสั้น ยิ่งให้ความคุ้มค่ามากกว่าการจ่ายเบี้ยประกันระยะยาว ถึงแม้ว่าการทำประกันบำนาญตั้งแต่อายุยังน้อยจะดีกว่า แต่ถ้าเราพิจารณาเงื่อนไขความคุ้มครองและการรับเงินบำนาญเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เท่ากัน จะพบว่าประกันบำนาญที่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยแบบ 5 ปี จะมีค่าเบี้ยประกันภัยรวมต่ำกว่าประกันบำนาญที่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยแบบ 10 ปี • เงินรับบำนาญยิ่งเยอะ ยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจ ปัจจุบันรูปแบบของเงินรับบำนาญมีให้เลือกหลากหลาย โดยจะเงินรับบำนาญทุกปี เช่น ปีละ 15% 24% 36% ของจำนวนเงินเอาประกัน ซึ่งการเลือกจะทำประกันบำนาญที่ให้เงินบำนาญเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่ถ้าเลือกรับเงินบำนาญเปอร์เซ็นต์เยอะๆ ย่อมทำให้เราสามารถใช้จ่ายในช่วงเกษียณได้มากขึ้นนั่นเอง • อาจเลือกแบบประกันบำนาญที่จ่ายเงินให้สูงกว่าในกรณีเสียชีวิต เนื่องจากเงินที่ได้รับในกรณีเสียชีวิตก่อนรับบำนาญของแต่ละแบบประกันอาจไม่เท่ากัน เช่น หากเสียชีวิตก่อนรับเงินบำนาญ จะได้รับเงินทั้งหมด 105% หรือ 110% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระมาแล้วทั้งหมด เป็นต้นนอกจากเราจะต้องรู้ว่าควรเลือกประกันบำนาญแบบใดจึงจะ “ใช่” ที่สุดสำหรับเราแล้ว สิ่งสำคัญกว่านั้น คนทำงานควรเลือกซื้อแผนประกันบำนาญจากบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกและเข้าใจในความต้องการของคนทำงานที่พร้อมจะซื้อประกันบำนาญอย่างแท้จริง อย่าง อลิอันซ์ อยุธยา ซึ่งได้คัดสรรแผนออมเงินเพื่อการเกษียณเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ทั้งอายุ และการรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใดอลิอันซ์ อยุธยา มีทั้งแผนประกันบำนาญที่เหมาะกับคนทำงานวัย 40+ ต้องการออมเงินระยะสั้น แต่ต้องการมีเงินใช้ไปยาวๆ นั่นคือแผนประกันบำนาญ “มาย บำนาญ ไฟว์ A90/5 บำนาญแบบลดหย่อนได้ (มีเงินปันผล)“ ที่ใช้ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 5 ปี แต่สามารถรับเงินบำนาญ 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยทุกปี โดยรับได้ตั้งแต่อายุ 60-90 ปี ซึ่งระหว่างการจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย ยังสามารถนำค่าเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี นานถึง 5 ปีอีกด้วย (ทั้งนี้ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากร)และยังมีแผนประกันบำนาญสำหรับคนเริ่มทำงานมาสักระยะ ที่มองการณ์ไกลถึงความมั่นคงในอนาคต ด้วยการเลือกซื้อแผนประกัน “มาย บำนาญ พลัส (บำนาญแบบลดหย่อนได้)” ที่ชำระเบี้ยประกันภัยถึงอายุ 55 ปี จากนั้นรับเงินบำนาญแน่นอน 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยได้ทุกปี มีใช้ไปยาวๆ ตั้งแต่อายุ 55 – 85 ปี และยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี (ทั้งนี้ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากร)เพราะวัยเกษียณควรเป็นวัยที่ทุกคนจะมีเวลาและความอิสระได้มากที่สุด ดังนั้นอย่าละเลยเรื่องการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับชีวิตในอนาคตของคุณ ด้วยการเลือกประกันบำนาญที่เหมาะสมกับตนเองได้ตั้งแต่วันนี้หมายเหตุ • มาย บำนาญ ไฟว์ A90/5 บำนาญแบบลดหย่อนได้ (มีเงินปันผล) และ มาย บำนาญ พลัส (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ให้ความคุ้มครอง โดย อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต • เงื่อนไข ความคุ้มครอง และผลประโยชน์ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ • ลูกค้าควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจสมัครทำประกันชีวิตแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับเวิร์คพอยท์ทูเดย์https://workpointtoday.com/allianz-1/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
รูปถ่าย
07/11/2024
กลุ่มอาคารสีเหลืองสดใสสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-ยูโรเปียน เป็นเอกลักษณ์เด่นของย่านเมืองเก่าภูเก็ต ตระหง่านงามอยู่ที่บริเวณ “สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ด” ถนนพังงา-ภูเก็ตแต่เดิม คือ “ธนาคารชาร์เตอร์ด” (The Chartered Bank) ธนาคารแรกในจังหวัดภูเก็ต และอาคารที่อยู่ตรงข้ามกัน คือ สถานีตำรวจตลาดใหญ่ในวันนี้ธนาคารเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์เพอรานากันนิทัศน์ ส่วนสถานีตำรวจเปลี่ยนเป็นศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวเทศบาลฯ ซึ่งมีจุดเด่นที่หอนาฬิกาสูงสะดุดตาด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมย้อนยุค บริเวณสี่แยกแห่งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กขวัญใจนักท่องเที่ยว ที่เดินย่ำสำรวจ แวะมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอยู่เสมอสี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ด ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ตแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000107396
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
07/11/2024
ชวนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง กับเส้นทางมหัศจรรย์ "ถนนป่าโอโซน" เชื่อมกระบี่-พังงา จุดหมายปลายทางที่นักเดินทางสายธรรมชาติไม่ควรพลาดกรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม โดยแขวงทางหลวงกระบี่ สำนักงานทางหลวงที่ 17 ได้ดูแลและพัฒนา "ถนนป่าโอโซน" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "ถนนป่าแก่" ให้เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม หรือทางหลวงหมายเลข 4 ตั้งแต่ กม.ที่ 962+000 - 964+000 ตอนเขาคราม - ตลาดเก่า ตำบลทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ระยะทาง 3 กิโลเมตร เชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างจังหวัดกระบี่และพังงา พร้อมทั้งรักษาความงดงามทางธรรมชาติ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของภาคใต้ซึ่ง ทล. ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านการเดินทางทางถนน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ และส่งเสริมการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั้งนี้ ขอแนะนำให้มาสัมผัสความมหัศจรรย์ของถนนป่าโอโซนในช่วงเวลาก่อน 8 โมงเช้า แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านใบไม้หนาทึบของต้นยางนาสูงตระหง่าน จะสร้างลวดลายแสงเงาบนพื้นถนนราวกับภาพวาดจากธรรมชาติ หากมาถึงตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง อาจได้พบกับภาพอันน่าประทับใจของสายหมอกจางๆ ที่โอบล้อมขุนเขาหินปูน สร้างบรรยากาศอันสดชื่น สดใส เพิ่มพลังที่ดีแก่ชีวิต โดยตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกจุดชมวิวป่าโอโซนให้ได้จอดรถแวะถ่ายรูปเก็บความประทับใจ แต่แนะนำให้จอดรถชิดไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีรถสัญจรไปมาค่อนข้างเร็ว สำหรับการเดินทางจากอ่าวนาง ใช้เวลาเพียง 25 นาที และ 15 นาทีจากตัวเมืองกระบี่ถนนป่าโอโซนแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางสายธรรมชาติไม่ควรพลาด สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่างและความงดงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และเมื่อผ่านถนนสายป่าโอโซนยังสามารถแวะสถานที่ท่องเที่ยวจากตัวเมืองกระบี่ มุ่งหน้าสู่จังหวัดพังงาและภูเก็ต ได้แก่ ณ ท่าปอมคลองสองน้ำ ถ้ำผีหัวโต ถ้ำลอด เขื่อนเขาค้อม วัดมหาธาตุวชิรมงคล อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และวัดมหาธาตุแหลมสักทั้งนี้ ทล. ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวไม่จอดยานพาหนะกีดขวางการจราจรบนทางหลวง และขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน ทล. 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง) และแขวงทางหลวงกระบี่ โทร 0 7561 1291แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1152553
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
06/11/2024
หลอนรับฮาโลวีน นิทรรศการ 'The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า' เปิดตัวผีท้องถิ่นไทยที่ยังไม่อยู่ในสื่อกระแสหลัก ไปฟังเรื่องราวของผีอ๊าบ ผีมนายสโนน ผีจะแกขเมา ผีสม่อยดง ผีปู่พึ้ม ผีม้าบ้อง ผีตากะลายายกะลี ฯลฯผี มีจริงหรือเปล่า ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล แต่ที่แน่ๆ จินตนาการจากความกลัวในรูปแบบของ ‘ผี’ ถูกนำมาใช้หลากหลาย ทั้งจากตำนานที่สร้างขึ้นเพื่อการสั่งสอนให้ระมัดระวัง การขู่เพื่อให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อยในสังคม หรือการจูงใจให้เกิดความร่วมมือกระทั่งมาถึงยุคใหม่ ที่ ‘ผี’ ได้รับการตีความให้มีความน่ารักมากขึ้นในภาพยนตร์และแอนิเมชัน รวมถึงการสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ที่สามารถดัดแปลงเป็นสินค้าและสื่อดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและกลายเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่กำลังเติบโตหลายประเทศนำเรื่อง ‘ภูต ปีศาจ ผี’ ในนิทานพื้นบ้าน ในประวัติศาสตร์ ในเรื่องเล่าท้องถิ่น เช่น แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า ซาตาน อสูรน้อยคิทาโร่ มาแปลงสู่สื่อร่วมสมัย ได้รับความนิยมไปทั่วโลกและสร้างมูลค่ากลายเป็นเม็ดเงินมหาศาลนิทรรศการ “The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า”ประเทศไทยก็มีเรื่องราวของภูตผีปีศาจผีสางนางไม้มากมาย ล่าสุด สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ปลุกเรื่องเล่าจากตำนาน ‘ผีท้องถิ่นไทย’ ที่ใครหลายคนอาจไม่รู้จัก จัดทำเป็นนิทรรศการชื่อ The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า เปิดตัว 30 ผีท้องถิ่นไทยที่อาจไม่คุ้นชื่อยกโขยงกันมาจากทั่วทุกภูมิภาคชวนทุกคนไปสัมผัสและปลดปล่อยจินตนาการ สร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจาก ทุนวัฒนธรรม และ เรื่องเล่าท้องถิ่น ที่ยังไม่เคยถูกเล่ามาก่อนพร้อมกับชมคาแรคเตอร์ผีร่วมสมัยกว่า 90 แบบ ซึ่งเป็นผลงานที่ผสานการตีความเรื่องราวเข้ากับการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินไทยรุ่นใหม่นิทรรศการ “The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า” แบ่งออกเป็น 3 โซน ชวนทุกคนมาเปิดตาและเปิดใจ สร้างประสบการณ์เห็น ‘ผี’ ร่วมกัน ดังนี้ • โซนที่ 1: ปลุกตำนานผีท้องถิ่นล้อมวงฟังเรื่องผีหากเอ่ยถึง ‘ผีไทย’ ในความทรงจำ หลายคนอาจนึกถึงผีกระสือ ผีปอบ ผีเปรต ผีที่ครั้งหนึ่งเคยหลอนเราจนขวัญผวา และเป็นขวัญใจยอดฮิตในอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งหลายแต่จริง ๆ แล้ว ‘ผีไทย’ มีแก๊งเยอะกว่านั้น เพราะยังมี ผีท้องถิ่น ที่ไม่ได้ปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์กระแสหลักอีกเพียบ ทุกคนจะได้รู้จักเรื่องเล่าตำนานผีท้องถิ่นไทยกันมากยิ่งขึ้น เพื่อท้าทายจินตนาการว่า “ผีเหล่านี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?”พื้นที่แรกของนิทรรศการโซนนี้ชวน ล้อมวงฟังเรื่องผี ผ่านเสียงที่บันทึกไว้จากแพลตฟอร์มยูทูป สร้างบรรยากาศโดยมีวิทยุทรานซิสเตอร์วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ เหมือนกำลังฟังเรื่องผีผ่านวิทยุ ย้อมบรรยากาศให้ชวนหลอนยิ่งขึ้นด้วยแสงไฟสีแดงสลัวราวกับเป็นเวลาดึกดื่น เอ๊ะ..หรือว่ากำลังอยู่ในนรกนั่งลงแล้วฟังเรื่อง ผีหลังกลวง ผีโขมด ผีม้าบ้อง ผีปกกะโหล้ง และ ผีกองกอยฟังเรื่องผีผ่านหูฟังประชันภาพวาดผีท้องถิ่นไทยที่ยังไม่เคยถูกเล่าในจินตนาการถัดเข้าไปอีกห้อง นิทรรศการอุ่นเครื่องต่อด้วยการจัดให้ฟังเรื่อง ผีท้องถิ่นไทย อีกมากมายผ่านหูฟัง แล้วให้ผู้เข้าชมนิทรรศการลองจินตนาการวาดรูปผีที่ได้ฟังลงบนกระดาษที่จัดเตรียมไว้ แล้วนำไปติดไว้บนผนัง แบ่งปันกันว่าใครจินตนาการเป็นอย่างไร • โซนที่ 2: สวัสดีผีใหม่ผีสม่อยดง (คล้ายลิง) และผีปู่พึ้ม (ขวาสุด)เขย่าวงการ ผีท้องถิ่นไทย ให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ผ่านการตีความภาพลักษณ์ของผีใหม่โดยไม่จำกัดเพียงความน่ากลัว แต่ยังเปลี่ยนให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนจินตนาการ โดยนำเสนอเรื่องราวของมุมมองต่อผีไทยที่มีเสน่ห์และเป็นมิตรกับผู้คนมากยิ่งขึ้นพบกับภาพเขียน ‘ผีท้องถิ่น’ กว่า 30 ตน เช่น ผีม้าบ้อง (ผีภาคเหนือ) ที่สามารถแปลงกายได้ทั้งในรูปแบบของม้าตัวใหญ่ ดวงตาสีแดง ปากแสยะ ลักษณะดุร้าย ดูน่ากลัว บ้างปรากฏในลักษณะครึ่งคนครึ่งม้าโบราณว่าผีม้าบ้องจะคอยลักพาตัวเด็กน้อยที่หนีเที่ยวเล่นตอนดึก หรือไม่ก็หลอกล่อคนไปเมืองผีแล้วเข้าสิงร่าง ทำให้อวัยวะผิดแปลกไปผีกะ (ภาพสตรี) และผีปกกะโหล้ง (ภาพชายชรา)ผีปกกะโหล้ง (ผีภาคเหนือ) เป็นผีที่อาศัยอยู่ในป่าทึบ ความเชื่อและนิทานในวัฒนธรรมล้านนาสามารถปรากฏกายได้ทั้งในรูปแบบพายุ สัตว์ และชายชราน่ากลัวหรือมีผมเผ้าหนวดเครารุงรัง ในหนวดเครามีสัตว์ร้ายต่างๆ จุดเด่นคือมีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์ว่า “ป๊กกะโหล้ง”ผีกะ เป็นผีที่ชาวล้านนาเลี้ยงไว้เพื่อช่วยเหลือด้านสุขภาพ ทำมาค้าขายและคุ้มครองครอบครัว เชื่อว่าหากนักแสดงต้องการให้สวยจับใจคนก็ให้ผีกะเลียหน้า ถ้าเจ้าของเลี้ยงดีก็ให้คุณ ถ้าเลี้ยงไม่ดีจะให้โทษและเข้าสิงเพื่อร้องขออาหารผีเชอเยาะผีเชอเยาะ เป็นผีที่ชาวบ้านมองไม่เห็นตัว ขี่เหยี่ยวเป็นพาหนะ เข้าสิงคนได้และกัดกินคนจากภายในร่างกาย การเป็นเชอเยาะสืบทอดกันทางสายเลือด ป้องกันได้ด้วยการใส่สายสิญจน์ปลุกเสกหรือปลูกต้นระกำหน้าบ้านผีมะเร็ญก็องเวียล (ผีภาคอีสาน) ผีอารักษ์ประจำป่า ปรากฏตัวได้ทั้งในรูปแบบดวงไฟลอยไปมาช่วงพลบค่ำ หรือในรูปแบบคนแคระในช่วงกลางวัน พรานล่าสัตว์ในป่าลึกมักเห็นกลุ่มคนแคระตัวเล็กๆ เดินต้อนฝูงสัตว์‘ก็องเวียล’ แปลว่าผู้เลี้ยงสัตว์ ชาวเขมรชาวส่วยนิยมประกอบพิธีเซ่นสรวงมะเร็ญก็องเวียลเมื่อเข้าป่าล่าสัตว์ เชื่อว่าช่วยให้พบและล่าสัตว์ได้ผีตากะลายายกะลีผีญาเงาะ (ผีภาคใต้) เป็นผีป่าตามความเชื่อของชาวซาไก อาศัยอยู่ในเทือกเขาบรรทัด จังหวัดตรัง เชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต คือ คน สัตว์ ต้นไม้ เป็นเจ้าของต้นน้ำลำธารผีตากะลายายกะลี เป็นผีชราชายหญิงมีฐานะเป็นเจ้าป่าช้าผู้คุ้มครองและคุมผีในป่าช้าแห่งนั้น การบูชาเรียก ‘การซื้อที่’ หากไม่ทำ จะส่งผลเสียกับผู้เสียชีวิต ผีสองตนนี้มีที่มาจากในอดีตป่าช้าไม่ได้อยู่ในบริเวณวัด เชื่อกันว่ามีเจ้าที่ดูแล จึงต้องขออนุญาตในการปลงศพแต่ละครั้งผีหลังกลวงผีจะแกขเมาในนิทรรศการฯ ยังมีผีตะมอย ผีโขมด ผีอ๊าบ ผีมนายสโนน ผีจะแกขเมา ผีสม่อยดง ผีปู่พึ้ม ผีไก่น้อย ผีตาพุก ผีกล้วยพังลา ผีไผ่ขาคีม ผีหลังกลวง ฯลฯ รอทำความรู้จักอีกเพียบพร้อมชมผลงานการออกแบบคาแรคเตอร์ผีร่วมสมัย กว่า 90 แบบ จากศิลปินไทยรุ่นใหม่ อาทิ Autumnberry, Linghokkalom, MarkSuttipong, Ployjaploen, Tiicha, Twofeetcat ทำให้ ‘ผีท้องถิ่นไทยที่ยังไม่เคยถูกเล่า’ ดูจะคลายความขนพองสยองเกล้าลงไปอยู่พอสมควร • โซนที่ 3: เตรียมเดบิวต์พาไปสำรวจภาพรวมข้อมูลถิ่นที่อยู่ของผีท้องถิ่นไทยในแต่ละภูมิภาค พร้อมชี้ให้เห็นว่าตำนานและเรื่องเล่าท้องถิ่นที่เคยเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก สามารถกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งจินตนาการ ที่พร้อมส่งต่อสู่การยกระดับและต่อยอดในโลกของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ต่อไปโดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมนิทรรศการเขียน ‘ชื่อผี’ และ ‘โลเคชั่น’ ลงบนแผ่นกระดาษโพสต์อิท แล้วแปะบนแผนที่ประเทศไทยที่เตรียมไว้ให้ เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลสำหรับศึกษาเพิ่มเติมThe Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า เทศกาลฮัลโลวีนปีนี้เข้าบรรยากาศพอดี ตรงไปร่วมสัมผัสประสบการณ์เห็น ‘ผี’ ได้ใน นิทรรศการ “The Untold Story เรื่องผีท้องถิ่นที่ไม่เคยถูกเล่า” ปลุกเรื่องเล่าจากตำนานท้องถิ่น ให้กลายเป็นขุมทรัพย์แห่งจินตนาการที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและต่อยอดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยจัดแสดงระหว่างวันที่ 17 กันยายน - 22 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.30 - 19.00 น. (ปิดวันจันทร์) ณ TCDC กรุงเทพฯ (อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก) ห้อง Gallery ชั้น 1 เข้าชมฟรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1151245
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
06/11/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมงานกฐินพระราชทานโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ในงานได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล (ที่ 4 จากซ้าย) เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 ซึ่งเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมบริจาคจตุปัจจัยทำบุญจำนวนเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท และร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดป่าโมกวรวิหาร ตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง โดยมียอดกฐินจากบริษัทประกันภัยต่างๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคจตุปัจจัยทำบุญ และร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เพื่อถวายพระภิกษุ สามเณร และถวายจตุปัจจัยบำรุงพระอารามหลวง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6,049,002.59 บาท ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงอยู่ต่อไปและร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามสืบทอดกันมายาวนานของไทยนอกจากนี้ นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เป็นผู้แทนเอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค และนายสุรินทร์ ตนะศุภผล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกลยุทธ์องค์กร สำนักงาน คปภ. มอบทุนการศึกษาจำนวน 20,000 บาท และแล็ปท็อป 10 เครื่อง โดยมี นายชัยวัฒน์ มั่นอก ผู้อำนวยการโรงเรียนปาโมกข์วิทยาภูมิ และนายอิทธิพล ศรีชัย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนเทศบาลวัดปาโมกข์ (นรสีห์วิทยาคาร) เป็นผู้รับมอบ ผ่านกิจกรรม “สำนักงาน คปภ. รวมพลังภาคประกันภัย รวมใจเพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนภายใต้อุปถัมภ์ของวัดป่าโมกวรวิหาร” เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาแก่เด็กนักเรียนของโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดป่าโมกวรวิหารทั้ง 2 โรงเรียน ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจที่เอไอเอมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้คนไทยและเยาวชนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
06/11/2024
หนึ่งในสื่อแทนสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาที่คนทั่วโลกคุ้นตาเป็นอย่างดี คือ อนุสาวรีย์ “เทพีเสรีภาพ” (Statue of Liberty) ประติมากรรมขนาดมหึมารูปสตรีถือคบเพลิง ที่ตระหง่านงามอยู่บริเวณอ่าวนิวยอร์กด้วยความเป็นแลนด์มาร์กสำคัญระดับประเทศ อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงถูกใช้เป็นสื่อสัญลักษณ์หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ความเป็นอิสรภาพ ประเทศแห่งโอกาสและเสรีภาพ ประเทศประชาธิปไตย ฯลฯ และ “เทพีเสรีภาพ” ก็ยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งมีสถานะเป็นมรดกโลกอีกด้วยเทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) เป็นประติมากรรมสไตล์นีโอคลาสสิกขนาดมหึมา ตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี้ ในอ่าวนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษ การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1876แนวคิดของอนุสาวรีย์ เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1865 โดยนักประวัติศาสตร์และนักเคลื่อนไหวชาวฝรั่งเศส เอดูอาร์ด เดอ ลาบูเล (Édouard de Laboulaye) เสนอให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา การคงอยู่ของประชาธิปไตยอเมริกัน และการปลดปล่อยทาสเป็นอิสระอนุสาวรีย์ได้รับการออกแบบโดยประติมากรชาวฝรั่งเศส เฟรเดอริก ออกุสต์ บาร์โธลดี (Frédéric Auguste Bartholdi) และโครงสร้างเหล็กก็ออกแบบโดยกุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) ผู้ออกแบบหอไอเฟลแห่งกรุงปารีสนั่นเองโดยการออกแบบรูปปั้นหญิงสาวขนาดยักษ์ ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพีลิเบอร์ตาส หรือ เทพีแห่งเสรีภาพของชาวโรมัน ออกแบบให้ยกคบเพลิงขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือขวา และถือแผ่นจารึกในมือซ้ายซึ่งมีข้อความว่า "JULY IV MDCCLXXVI" (วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ในเลขโรมัน) อันเป็นวันที่สหรัฐอเมริกาประกาศอิสรภาพ ส่วนเท้าซ้ายของเทพีเหยียบโซ่ที่แตกหัก สื่อถึงการสิ้นสุดของระบบทาสในอเมริกาหลังสงครามกลางเมืองแนวคิดของอนุสาวรีย์ เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1865 โดยนักประวัติศาสตร์และนักเคลื่อนไหวชาวฝรั่งเศส เอดูอาร์ด เดอ ลาบูเล (Édouard de Laboulaye) เสนอให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา การคงอยู่ของประชาธิปไตยอเมริกัน และการปลดปล่อยทาสเป็นอิสระด้วยขนาดที่ใหญ่โตสูงถึง 93 เมตร อนุสาวรีย์จึงสร้างแบบแยกชิ้นส่วนทั้งหมด 350 ชิ้น แล้วขนส่งทางเรือจากฝรั่งเศสมายังอเมริกา ใช้เวลาอีกราว 4 เดือนจึงประกอบเสร็จ โดยชาวอเมริกันเป็นฝ่ายสร้างส่วนของฐานเพิ่มเติม จนเสร็จสิ้นทุกกระบวนการในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1886 มีประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เป็นประธานเปิดในอีกเกือบร้อยปีถัดจากนั้น ด้วยความสำคัญทั้งความงดงามเชิงศิลปะ-ประติมากรรม อันถือเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ ซึ่งสื่อสัญลักษณ์อันทรงพลังในการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับอุดมคติ เรื่องเสรีภาพ สันติภาพ และสิทธิมนุษยชน องค์การยูเนสโก จึงประกาศรับรองให้ “อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ” มีสถานะเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1984ปัจจุบัน เทพีเสรีภาพอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยบริการอุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ในฐานะส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีผู้เข้าชมนับล้านคนในแต่ละปีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000106482
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
05/11/2024
คอลัมน์ : เช้านี้ที่ซอยอารีย์ผู้เขียน : ดร.พงศ์นคร โภชากรณ์ (pongnakornp@fpo.go.th)เงินเฟ้อภาษาชาวบ้าน คือ การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน หน่วยงานที่ทำเงินเฟ้อ คือ กระทรวงพาณิชย์ เขาทำทุกเดือนโดยการสำรวจราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ในตลาดหลัก ๆ ในแต่ละจังหวัด แล้วนำมาสรุปว่า เงินเฟ้อเดือนนี้เป็นเท่าไร ในเงินเฟ้อเขาจะแยกเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น หมวดอาหารเครื่องดื่ม บริโภคในบ้าน บริโภคนอกบ้าน เครื่องนุ่งห่ม เคหสถาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้นเงินเฟ้อสำคัญอย่างไร เงินเฟ้อถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบอกว่าของแพงหรือของถูก เช่น ถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแปลว่าราคาข้าวของแพงขึ้น ถ้าอัตราเงินเฟ้อลดลงแปลว่าข้าวของถูกลง ถ้าแพงไปเรื่อย ๆ จะกระทบกับค่าครองชีพ ผู้บริโภคจะไม่ชอบ ผู้ผลิตของขายจะชอบ แต่ถ้าแพงมากไปจนผู้บริโภคไม่ซื้อ ผู้ผลิตก็อาจจะแย่ด้วย ในทางกลับกัน ถ้าถูกไปเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจะชอบ ผู้ผลิตจะไม่ชอบ แต่ถ้าถูกมากไปก็จะกลายเป็นเงินฝืดได้ดังนั้น เงินเฟ้อจึงเป็นเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญมากในฐานะที่เป็นตัวแทนของเสถียรภาพของเศรษฐกิจแล้วเงินเฟ้อเขาเอาไปใช้ทำอะไร แม้คนคำนวณเงินเฟ้อ คือ กระทรวงพาณิชย์ คนที่เอาไปวิเคราะห์เศรษฐกิจ คือ หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจต่าง ๆ แต่คนนำเงินเฟ้อไปใช้กำหนดเป็นเป้าหมายเชิงนโยบาย คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ 1-3 ต่อปี คือ ยอมให้เงินเฟ้อรายปีเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงดังกล่าว แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมปีนี้ด้วย (ปีนี้เงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.4-0.5 เท่านั้น) พบว่า หลุดกรอบไป 7 ครั้ง ใน 7 ครั้ง หลุดขอบล่าง 6 ครั้ง หลุดขอบบน 1 ครั้ง จึงดูประหนึ่งว่าเรากำลัง“ติดกับดักเงินเฟ้อต่ำ”ส่วนตัวผมมองว่ามันต่ำจนเกินไป เรื่องนี้ต้องมองเป็นระบบเศรษฐกิจ มองเป็น Ecosystem เพราะการที่เงินเฟ้อต่ำ ในระยะแรกคนจะชอบ เพราะราคาข้าวของถูก มีเงินซื้อ แต่ถ้าผู้ผลิตของขาย ต้องขายของถูกไปเรื่อย ๆ รายได้ก็จะน้อย กำไรน้อย รัฐบาลก็เก็บภาษีได้น้อย และที่สำคัญผู้ผลิตก็ไม่อยากลงทุน ไม่อยากขยายกิจการ ไม่อยากเพิ่มกำลังการผลิต ไม่อยากจ้างงานเพิ่ม ไม่อยากขึ้นค่าแรงท้ายที่สุดเศรษฐกิจ หรือ GDP ก็ “โตต่ำ” “รายได้ประชาชนต่ำ” มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวเงินจึงต่ำกว่าที่ควรจะเป็นตามไปด้วย ผมจึงมองว่าการที่เรามีเงินเฟ้อต่ำมายาวนานจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจ แต่สูงมากจนหลุดกรอบอันนี้ก็ไม่ดีอยู่แล้วผมจึงนำการมองเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกับ “ถ้วยกาแฟ” ถ้ามองถ้วยกาแฟด้านหนึ่งจะเห็นหูถ้วยกาแฟถ้ามองด้านตรงกันข้ามจะไม่เห็นหูถ้วยกาแฟ พอถามคนแรก คนแรกบอกถ้วยกาแฟนี้มีหูนะ อีกคนบอกไม่มีทั้ง ๆ ที่เป็นถ้วยเดียวกัน แปลว่า ถ้าเราสวมหมวกเป็นผู้บริโภค เราคงชอบเงินเฟ้อต่ำ ๆ แต่ถ้าเราสวมหมวกเป็นผู้ผลิตของขาย เราคงชอบให้มีเงินเฟ้อสูงกว่าที่เป็นในปัจจุบันสักหน่อย ฉะนั้น ผู้ที่มีหน้าที่ในการบริหารเศรษฐกิจจึงต้องมองทั้ง 2 ด้านของถ้วยกาแฟ เพราะในกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยก็ระบุถึงอำนาจหน้าที่ไว้ว่า “กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินของประเทศโดยคำนึงถึงแนวนโยบายแห่งรัฐ สภาวะเศรษฐกิจ และการเงินของประเทศ และต้อง “กำหนดมาตรการที่จำเป็นให้สอดคล้องกับเป้าหมาย” ข้างต้นด้วยดังนั้น เราสามารถมองถ้วยกาแฟจากมุมมองเดียวกันได้ เพียงแค่หมุนถ้วยกาแฟหรือลุกมานั่งด้วยกันเท่านั้นเองบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มิได้ผูกพันเป็นความเห็นขององค์กรที่สังกัดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1686356
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
05/11/2024
ระกันภัยตามการใช้งาน คือ ประกันภัยที่คำนวณค่าเบี้ยประกันภัยตามพฤติกรรมและ/หรือการใช้งานจริงของผู้เอาประกันภัย โดยนำเทคโนโลยีในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ร่วมกัน ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายในประกันรถยนต์ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลเพื่อคิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมตามการใช้งานจริงประกันภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของผู้เอาประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายจากภัยที่คุ้มครองไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ รวมถึงภัยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ต้องการสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะตน และจ่ายเท่าที่ใช้งานจริง ธุรกิจประกันภัยจึงพัฒนา “ประกันภัยตามการใช้งาน” หรือ Usage-based Insurance (UBI) ขึ้น โดยมีการนำมาใช้ในประกันภัยหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ ประกันการเดินทาง และประกันโดรนประกันภัยตามการใช้งานคืออะไร?ประกันภัยตามการใช้งาน คือ ประกันภัยที่คำนวณค่าเบี้ยประกันภัยตามพฤติกรรมและ/หรือการใช้งานจริงของผู้เอาประกันภัย โดยนำเทคโนโลยีในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ร่วมกัน ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายในประกันรถยนต์ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลเพื่อคิดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมตามการใช้งานจริง แทนที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยในอัตราเดียวกันกับคนอื่นๆ ที่อาจจะขับรถน้อยกว่าหรือมากกว่าตน ประกันภัยตามการใช้งานยังส่งผลดีต่อตัวผู้ขับขี่ รวมถึงสังคมโดยรวมได้ด้วย เมื่อผู้เอาประกันภัยมีความต้องการที่จะจ่ายเบี้ยประกันภัยถูกลง ก็จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ให้ปลอดภัยและมีความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงอาจลดการใช้รถโดยไม่จำเป็นอีกด้วยเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของประกันภัยทั่วไปกับประกันภัยตามการใช้งาน1. การคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยประกันภัยทั่วไป: บริษัทประกันภัยจะคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยตามข้อมูลเบื้องต้นของผู้เอาประกันภัยเท่านั้น เช่น ประเภท ยี่ห้อ รุ่น และปีของยานพาหนะ และค่าเบี้ยประกันภัยจะถูกลงในกรณีที่ระบุคนขับ ที่จะมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมคือ ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ และประวัติการขับขี่ประกันภัยตามการใช้งาน: การคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่1) ประกันภัยตามระยะทางการใช้งาน หรือ Pay-As-You-Drive (PAYD) โดยค่าเบี้ยประกันภัยจะคำนวณตามระยะทางที่บริษัทประกันภัยกำหนด เช่น ปีละ 10,000 กิโลเมตร เป็นต้น2) ประกันภัยตามพฤติกรรมการใช้งาน หรือ Pay-How-You-Drive (PHYD) บริษัทประกันภัยจะมีการเก็บข้อมูลการขับขี่ ได้แก่ ระยะทางการขับขี่ การเหยียบคันเร่ง การเหยียบเบรค และการหักเลี้ยวพวงมาลัย โดยจะมีการแสดงคะแนนพร้อมคำแนะนำ เพื่อให้ผู้ขับขี่ปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ และจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย2. การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลประกันภัยทั่วไป: ไม่มีการติดตามข้อมูลการใช้งานจริงของผู้เอาประกันภัย ข้อมูลที่บริษัทประกันภัยใช้ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเบื้องต้นและสถิติของผู้เอาประกันภัยในกลุ่มที่คล้ายคลึงกันประกันภัยตามการใช้งาน: มีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการขับขี่แบบเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกส่งกลับไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อนำไปประเมินผลและคำนวณค่าเบี้ย3. ความยืดหยุ่นในการใช้งานประกันภัยทั่วไป: ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยในอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยไม่คำนึงถึงปริมาณการใช้งานหรือพฤติกรรมการขับขี่ประกันภัยตามการใช้งาน: ผู้เอาประกันภัยสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานของตนเองเพื่อรับประโยชน์จากเบี้ยประกันภัยที่ลดลง เช่น การลดการขับขี่ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูง หรือการขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้นUsage Based Insurance ทั่วโลกพัฒนาไปถึงไหนในต่างประเทศ UBI ได้รับความนิยมอย่างมากเช่น ในสหรัฐอเมริกา บริษัทประกันภัยเช่น Progressive Insurance และ Allstate Insurance ได้ใช้ PHYD เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้เอาประกันภัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำให้เบี้ยประกันภัยถูกลง และในยุโรป โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ PHYD ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ขับขี่ที่เป็นวัยรุ่น เนื่องจากผู้ขับขี่กลุ่มนี้ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงในการขับรถและเกิดอุบัติเหตุสูง ทำให้ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยที่แพงสำหรับ UBI ในประเทศไทย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยหลายรูปแบบทั้งตามระยะทาง (PAYD) และตามพฤติกรรม (PHYD) ซึ่งผู้เอาประกันสามารถเลือกทำได้ตามความเหมาะสมตามรูปแบบการขับขี่ของแต่ละคนข้อดีของประกันภัยตามการใช้งาน1. ค่าเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงผู้ที่ใช้รถน้อยหรือมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว2. ส่งเสริมพฤติกรรมขับขี่ที่ปลอดภัยการที่ประกันภัยตามการใช้งานมีการติดตามพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าต้องขับขี่อย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้ค่าเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น3. ความโปร่งใสในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยการใช้เทคโนโลยีในการติดตามข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้ผู้เอาประกันภัยเห็นได้ชัดเจนว่า ค่าเบี้ยประกันภัยของตนถูกคำนวณจากปัจจัยใด ก่อให้เกิดความโปร่งใสและความไว้วางใจต่อบริษัทประกันภัยข้อเสียของประกันภัยตามการใช้งาน1. ความเป็นส่วนตัวการที่บริษัทประกันภัยติดตามข้อมูลการขับขี่ของผู้เอาประกันภัย อาจก่อให้เกิดความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว แม้ว่าบริษัทประกันภัยจะยืนยันว่า ข้อมูลที่ได้รับจะถูกใช้เฉพาะในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัย แต่ก็ยังคงมีผู้เอาประกันภัยบางรายที่รู้สึกไม่สบายใจ2. การพึ่งพาเทคโนโลยีการที่ประกันภัยตามการใช้งานต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล อาจทำให้เกิดปัญหาได้ หากอุปกรณ์ติดตามทำงานผิดพลาด หรือสมาร์ทโฟนของผู้เอาประกันภัยไม่มีความเสถียรในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน3. อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคนผู้ที่ขับขี่บ่อยหรือใช้รถในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น อาจไม่ได้รับประโยชน์จากประกันภัยตามการใช้งานมากเท่ากับผู้ที่ขับขี่น้อยหรือในช่วงเวลาที่ปลอดภัยประกันภัยตามการใช้งานเหมาะกับใคร?คนที่ใช้รถน้อย: ผู้ที่ใช้งานรถเฉพาะในบางโอกาส หรือใช้รถเพียงระยะทางสั้นๆ จะได้รับประโยชน์มากจากประกันภัยตามการใช้งาน เพราะสามารถจ่ายเบี้ยประกันในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ที่ใช้รถบ่อยผู้ที่มีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย: เนื่องจากค่าเบี้ยประกันภัยจะถูกคำนวณตามพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย หากคุณเป็นคนที่ขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ขับเร็ว หรือหลีกเลี่ยงการเบรกฉุกเฉิน ประกันภัยตามการใช้งานจึงเป็นตัวเลือกที่ดีผู้ที่ต้องการประกันที่ยืดหยุ่น: หากคุณกำลังมองหาประกันภัยที่สามารถปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของคุณได้ ประกันภัยตามการใช้งานอาจตอบโจทย์ เพราะค่าเบี้ยประกันจะปรับตามพฤติกรรมและปริมาณการใช้งานของคุณเอกสารอ้างอิงThai Re Knowledge Center (2020). Usage Based Insurance – ใช้แค่ไหน จ่ายแค่นั้นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/finance/investment/1151229
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
29/04/2024
18/09/2024
22/08/2024
30/04/2024