คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวทั่วไป

ลาโลกไม่ตั้งตัว! นักฟุตบอลโดนฟ้าผ่ากลางสนาม สุดท้ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

29/04/2024

เหตุการณ์สุดช็อกล่าสุดแห่งวงการลูกหนัง เมื่อนักฟุตบอลชาวอินโดนีเซียโดนฟ้าผ่าจนเสื้อผ้าขาดกระจุย เพื่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายยื้อชีวิตไม่สำเร็จฟ็อกซ์ สปอร์ตส์ รายงานว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องระหว่าง เอฟซี บันดุง พบ เอฟบีไอ ซูบัง ที่สนามซิลิวังกี ในเมืองบันดุง จังหวัดชวาตะวันตก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาโดยขณะที่การแข่งขันกำลังดำเนินไปตามปกติ นักเตะทีม เอฟบีไอ ซูบัง กำลังจ่ายบอลในแดนตัวเอง แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงมากลางสนามลงที่ร่างของ เซปเทียน ราฮาร์จา วัย 35 ปี จนหมดสติล้มทั้งยืนลมหายใจรวยริน ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน แต่สุดท้ายก็สิ้นใจในเวลาต่อมาด้านสโมสร เอฟบีไอ ซูบัง ได้โพสต์ไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับแฟนบอลและนักฟุตบอลที่ต่างโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุดังกล่าว รวมไปถึงหลายสโมสรในอินโดนีเซียร่วมไว้อาลัยกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าว มีการยืนสงบนิ่งในเกมฟุตบอลทุกระดับของแดนอิเหนาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/sport/1518778/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ออกเดินทางไปกับ “VOYAGE DE L’ART” นิยามใหม่ของประสบการณ์ในนิทรรศการศิลปะ

29/04/2024

ดิ อาร์ต อ๊อคชั่น เซ็นเตอร์ (The Art Auction Center) บริษัทประมูลงานศิลปะชั้นนําของไทย และ ดี สยาม (De Siam) อาณาจักรแอนทีคที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ขอเชิญร่วมเดินทางไปสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตกับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะและการประมูล“VOYAGE DE L’ART”ด้วยพลังแห่งศิลปะจะพาคุณไปค้นพบประสบการณ์ล้ำค่าผ่านผลงานทั้ง 122 ชิ้น ซึ่งนำมาจัดแสดงโดยแบ่งออกเป็น 8 โซน เปรียบเป็น 8 ดินแดนซึ่งรอคอยการสำรวจ นั่นก็คือ …- “Dans la Forêt (Into the Woods)” เสียงเพรียกจากพงไพร แรงบันดาลใจซึ่งทำให้การเดินทางเริ่มต้น- “Étreinte de la Mer (Sea’s Embrace)” แหวกว่ายสำรวจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ดำดิ่งสู่สายน้ำแห่งชีวิตซึ่งเป็นองค์ประกอบและต้นกำเนิดทุกสรรพสิ่ง- “Au Dessus de l’Horizon (Above Horizon)” ทะยานสู่วิมานอากาศ ล่องลอยเสมือนฝันท่ามกลางท้องนภากว้างไกลนำพาจิตใจให้สงบ- “Souterrain Éclatant (Volcanic Realm)” ดินแดนอันร้อนรุ่มไปด้วยการปะทุทางความคิดที่จริงจังและเข้มข้น เร่งเร้าให้เหล่านักเดินทางได้เกิดการตั้งคำถามและตระหนักถึงบริบทต่าง ๆ รอบตัว- “Terre de la Réflexion (Land of Reflection)” การเดินทางสู่ดินแดนลึกลับ นครมายาที่จะพาเหล่านักเดินทางเข้าสำรวจพื้นที่ภายในใจตน ค้นลึกถึงก้นบึ้งของจิต แสวงหาความจริงแท้ที่อาจซ่อนเร้นหรือถูกกดทับไว้ ให้ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและก้าวเดินต่อไป เพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ ๆ- “Imagination Illimitée (Limitless Imaginary)” ดินแดนจินตนาการไร้ขอบเขต ที่จะพาเหล่านักเดินทางออกเดินทางไกล ท่องไปสู่ทุกความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด เติมเต็มสิ่งใหม่ให้กับชีวิตอย่างไม่รู้จบ- “Splendeure Occidentale (The Occidental Glory)” ดินแดนอาทิตย์ลับขอบฟ้า พื้นที่แห่งการริเริ่มอารยธรรมตะวันตก- “Brise de l’Est (Breeze of the East)” ดินแดนสายลมบูรพาที่พัดพาวัฒนธรรมตะวันออกให้อบอวลกรุ่นกลิ่นไปทั่วแดนพบกับผลงานศิลปะหลากหลายแขนงของศิลปินชั้นนำชาวไทยและนานาชาติ พร้อมกับการจัดแสดงหีบเดินทาง (Trunk) วินเทจของ Louis Vuitton และ Goyard จาก ดี สยาม สำหรับหีบแบรนด์ฝรั่งเศสชื่อดังเหล่านี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนคู่ใจสำหรับการเดินทาง ก่อนจะกลายเป็นของสะสมอันทรงคุณค่า ซึ่งในปัจจุบันนิยมนำมาประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนเพื่อแสดงถึงสไตล์และเสน่ห์ข้ามกาลเวลานิทรรศการ "VOYAGE DE L’ART" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00-19.00 น. ที่ JWD Art Space ชั้น 3และการประมูลจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เริ่มลงทะเบียนเวลา 10.00 - 13.00 น. การประมูลเริ่มต้นในเวลา 14.00 น. ที่ JWD Art Space ชั้น 3 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 233 7939 และ 065 097 9909เตรียมจัดกระเป๋าของคุณ แล้วออกเดินทางไปกับ "VOYAGE DE L’ART" เพื่อค้นพบนิยามใหม่ของประสบการณ์ในนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะและการประมูลครั้งนี้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000013001

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

แจกพิกัด 9 สถานที่เดทวันวาเลนไทน์สำหรับคู่รักโรแมนติกสุด

29/04/2024

เดินทางเข้าสู่เทศกาลแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ หากใครที่กำลังมองหาสถานที่สุดโรแมนติกสำหรับเดทสุดพิเศษแล้วละก็ วันนี้เราได้รวบรวม 9 สถานที่นัดเดทวันวาเลนไทน์ สุดฟิน สุดเอ็กซ์คลูซีฟ มาฝากคู่รักนักเดินทาง นักถ่ายภาพ แต่ละที่สุดแสนจะโรแมนติกแค่ไหน ตามเรามาดูกันเลย9 สถานที่นัดเดทวันวาเลนไทน์หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ หอศิลป์กรุงเทพฯวันวาเลนไทน์ปีนี้ พักเดินห้าง มาชมงานศิลปะที่ หอศิลปกรุงเทพฯ สถานที่เดทวาเลนไทน์ของเหล่าสายอาร์ต บอกเลยว่าได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเดินเคียงคู่กับคนรัก พร้อมกับได้เสพงานศิลป์ไปพร้อมกันเป็นอะไรที่ฟินสุดๆพิกัด : ปทุมวัน เวลาเปิด-ปิด : เปิดอังคาร-อาทิตย์ 10.00 - 19.00 น.พิพิธภัณฑ์ MOCAหอศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงผลงานของศิลปินดัง มีทั้งความงามและความติส ถือเป็นสถานที่นัดเดทวาเลนไทน์ที่เหมาะแก่การใช้เวลาร่วมกันกับคนรักนานๆ แค่จูงมือกันชมงานศิลปะไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้รู้สึกฟีลกู้ดได้ง่าย ๆ เป็นอีกหนึ่งสถานที่เดทในกรุงเทพฯอีกที่ ที่ต้องปักหมุดไว้เลยพิกัด : จตุจักร เวลาเปิด-ปิด : 10.00 - 17.00 น.SEA LIFE Bangkok Ocean Worldบรรยากาศแบบใต้ท้องทะเลลึก มีสัตว์ทะเลต่าง ๆ ให้ดูมากมาย ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World สถานที่แห่งนี้ คุณและคนรักจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง จนลืมไปเลยว่าอยู่ใจกลางเมือง หากใครที่มีคนเดินเคียงข้างในวันแห่งความรักแล้ว มันต้องฟินมากๆแน่เลยยยพิกัด : สยามพารากอน เวลาเปิด-ปิด : 11.00 - 20.00 น.ท่ามหาราชหากใครชอบบรรยากาศริมแม่น้ำ เราแนะนำ ท่ามหาราช ศูนย์รวมความชิคของคนกรุง วิวดีตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะแก่การพาคนรักมานั่งดินเนอร์สุดๆ พร้อมกับดูวิวแม่น้ำสวยๆ บอกเลยว่าฟินนนน อีกทั้งบรรยากาศรอบๆยังโรแมนติก เหมาะอย่างยิ่งกับเดทในวันแห่งความรักนี้พิกัด : พระนคร เวลาเปิด-ปิด : 10.00 - 20.00 น.  สะพานพระราม 8พิกัดยอดนิยมสุดโรแมนติค เหมาะแก่การนั่งตากลมเพลิน หรือนั่งเหม่อๆ ดูแสงสะท้อนผืนน้ำตอนพระอาทิตย์ตก ได้ฟิลซีรีส์เกาหลีสุดๆ บอกเลยห้ามพลาด!!พิกัด : สะพานพระราม 8  เวลาเปิด-ปิด : 05.00 น - 21.00 น.  ท้องฟ้าจำลองที่เที่ยวสุดโรแมนติก และคลาสสิคมากๆ สำหรับชาวกรุงเทพ สถานที่ที่สามารถเนรมิตให้เห็นดาวตอนกลางวันได้ บรรยากาศดีๆโรแมนติก ได้นอนดูดาวคู่กับคุณแฟน เหมือนบนโลกนี้มีแค่เรา 2 คน เห็นหลายคนจูงมือแฟน พาเพื่อนๆ มานอนดูดาวด้วยกัน แล้วอิจฉาเบาๆ อยากมีเหมือนเขาบ้างงงพิกัด : เอกมัย เวลาเปิด-ปิด : 09.00 - 16.30 น.  เอเชียทีคใครที่กำลังมองหาที่เดทสุดฟิน แลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่คู่รักนิยมเดินทางไปออกเดทกัน ยิ่งไปช่วงอาทิตย์ใกล้ ๆ ตกดินก็คือโรแมนติกสุด ๆ และอีกหนึ่งไฮไลท์ คือ เอเชียทีค สกาย ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สามารถชมทิวทัศน์กรุงเทพฯ ในมุมสูงได้แบบรอบตัว ใครที่กำลังหาโอกาสบอกรักแบบไม่ซ้ำใคร บนชิงช้าสวรรค์นี้ ก็น่าสนใจเหมือนกันนะพิกัด : เจริญกรุง เวลาเปิด-ปิด : 11.00 - 23.00 น.สวนรถไฟสวนรถไฟ หรือ สวนวชิรเบญจทัศ อีกหนึ่งสถานที่เดทแรกๆ ที่หลายๆคนนึกถึง ด้วยบรรยากาศธรรมชาติใจกลางกรุงเทพ มีกิจกรรมโรแมนติกเบาๆ ให้ได้อยู่ด้วยกัน อย่าง การปั่นจักรยาน การนั่งปิกนิก และการชมเหล่าผีเสื้อที่อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สร้างความโรแมนติกได้ดีเลยแหละพิกัด : จตุจักร เวลาเปิด-ปิด : 05.00 - 21.00 น.สวนหลวง ร.๙ใครที่อยากหาสถานที่เดทในกรุงเทพฯ แบบสวนสาธารณะใหญ่ ๆ ต้องไปที่ สวนหลวง ร.๙ เลย เพราะที่นี่บรรยากาศดีมาก ๆ เหมาะมากที่จะชวนคู่เดทมาพักผ่อน นั่งชิลล์ รับลม อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย อย่าง การปั่นเรือเป็ด เดทกันกลางน้ำแบบชิล ๆ ก็เก๋ หรือปั่นจักรยานก็น่ารักไปอีกแบบ ความประทับใจไม่ต้องทำไรเยอะ แค่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้วพิกัด : ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 05.00-19.00 น.และทั้งหมดนี้ก็เป็น พิกัดสถานที่เดทวันวาเลนไทน์ แค่บางส่วนที่ทางเรานำมาแชร์ให้ทุกคนได้ดูกัน บอกเลยว่าแต่ละที่โรแมนติกทั้งนั้น เหมาะมากที่จะจูงมือคนรักไปเที่ยวในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนเราคิดว่า การได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสำคัญที่สุดนะ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันวาเลนไทน์นี้ค่ะขอขอบคุณรูปภาพจาก MOCA Museum of Contemporary Art Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร thesustain roijang thairath theasianparent gourmetandcuisine sanook tourismthailand ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th Twitter : https://twitter.com/innnews Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news LINE Official Account : @innnewsขอขอบคุณข้อมูล :chalita_kแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446875/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

บอย ท่าพระจันทร์ ในวัย 44 เล่าเรื่องลงทุนเสียหาย 100 ล้าน จากอะไร?

29/04/2024

อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” โพสต์เฟซบุ๊กวันนี้ วันคล้ายวันเกิดครบ 44 ปี 10 กุมภาพันธ์ 2523 เล่าบทเรียนลงทุน “ทำสนามบอล” เสียหาย 100 ล้าน ขายทิ้งเหลือเงินติดตัว 5 ล้าน นับเป็นการลงทุนที่สร้างความเสียหายให้กับตัวผมเองมากที่สุด วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระและเซียนหุ้นชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววันนี้ระบุข้อความว่า วันคล้ายวันเกิดครบ 44 ปี 10 กุมภาพันธ์ 2523 ตอน 4 ขวบ พ่อแม่เลิกกัน ผมอยู่กับแม่ วัยเด็ก เรียนโรงเรียนวัดราชสิทธิธาราม (วัดพลับ) มัธยม โรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรม ปวช. พณิชยการราชดำเนิน (พรธ.) ปวส. พณิชยการราชดำเนิน (รอบค่ำ) มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (รอบค่ำ) ถ้าผมมีเงิน ผมก็อยากเรียนเมืองนอก (แต่ไม่มี ได้แต่เรียนรอบค่ำ กลางวันทำงาน) เข้าวงการพระตอนอายุ 13 ขวบ ด้วยเงินเพียง 1,800 บาท จากเงินตรุษจีน ( 31 ปี พอดีในวันนี้) ตอนอายุ 18 บอกกับตัวเองและเพื่อนที่สนิทกันว่า ความฝันอันสูงสุดของผม คือ มีบ้าน 2 หลัง รถ 2 คัน เงินสดอีก 5,000,000 บาท นี่คือที่สุดของผมแล้ว คนเริ่มรู้จัก “บอยท่าพระจันทร์” มากขึ้น ตอนเช่าพระองค์ละล้านกว่า เมื่ออายุ 20 ปี (เด็กคนแรกและคนเดียวในยุคนั้น) อายุ 23 (ซื้อบ้านหลังละเกือบ 10 ล้าน และผ่อนหมด ในเวลา 13 เดือน) อายุ 27 แข่งขันเกมส์ อัจฉริยะข้ามคืน ได้ที่ 1 และทำหนังสือ “เหรียญยอดนิยมอมตะแดนสยาม” เล่ม 1 ปัจจุบันเล่มละ 30,000 บาท อายุ 29 ออกรายการเจาะใจ “เซียนพระร้อยล้าน” ยิ่งทำให้คนรู้จักเด็กคนนี้มากขึ้น ทำสนามบอลและลงทุน 100 ล้าน สุดท้ายขายทิ้ง เหลือเงิน 5 ล้านบาท นับเป็นการลงทุนที่สร้างความเสียหายให้กับตัวผมเองเป็นอย่างมาก บทเรียนนี้ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นเยอะมากครับอายุ 33 เข้าสู่การลงทุน (ตลาดหุ้น) เรียนรู้อยู่หลายปี (กำไรขาดทุน วนอยู่ 6 ปี) และสุดท้ายได้กำไรมหาศาล อายุ 40 เรียนรู้เรื่องของเก่า (เครื่องกระเบื้องและงานถมทอง) กระเพาะปลาเก่า เรียนรู้ 3 เดือน จนแตกฉาน และเข้าใจว่าของสิ่งนี้คือของที่มีมูลค่ามากมาย แต่คนไม่รู้ค่า และทำให้ผมได้กำไรเยอะมาก มันคือของกินที่แพงที่สุดในโลก)และนี่คือเรื่องราวของผม ตั้งแต่เด็กจนโต ตลอดระยะเวลา 44 ปี ในชีวิตของเด็กคนนึงที่ไม่มีโอกาสและไม่มีเงิน แต่มีความทะเยอทะยานที่จะเสาะแสวงหาโอกาส บนเส้นทางความถูกต้อง โดยไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขต่าง ๆ ด้วยความสามารถเท่าที่มี และกลายเป็น “บอยท่าพระจันทร์” ด้วยวัยเพียง 44 ปี ในวันนี้ ผมทำได้ ทุก ๆ คนก็ทำได้ ผมโชคดีที่ผมเองรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก่อนคนอื่น ขอบคุณแม่ของผมที่สอนให้ผมเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว และสอนให้ผมเป็นคนดีมีน้ำใจ ขอบคุณภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ และเป็นกำลังใจให้ทุกเรื่อง ขอบคุณลูก ๆ ทั้ง 4 คนของผม ที่จะคอยถามว่าคุณพ่อกลับบ้านดึกจริง ๆ ไม่มาเล่นและกล่อมเด็ก ๆ เข้านอนเลย ขอบคุณทุก ๆ อุปสรรคที่เข้ามา เพราะมันทำให้ผมยิ่งแข็งแกร่งขึ้น #อยากชนะต้องไม่กลัวแพ้ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1499120

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

สร้างภูมิคุ้มกันการเงิน ด้วยวัคซีนประกันชีวิต

29/04/2024

บทความโดย "วิริทธิ์พล กีรติวิชุกร" ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTMวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาพูดถึงประกันชีวิต คงเคยได้ยินบางคนบอกว่ามีเยอะแล้ว เข้าแบงก์ทีก็มีเพิ่มมาเล่มนึง เราเคยมานั่งคิดจริง ๆ ไหมครับว่า ประกันชีวิตสำหรับตัวเราเองมีไว้ทำอะไร และมีเท่าไรเรียกว่าพอ วันนี้จะมาชวนคิดกันเรื่องนี้ครับคนเราทำประกันชีวิตด้วยหลากหลายความต้องการ บ้างก็ทำเพื่อลดภาษี พยายามให้ได้ครบ 1 แสน พอดีแบบไม่ขาด ไม่เกิน พอส่งครบก็หาเติมอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ ทุกปี อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประโยชน์ทางภาษีที่เราได้จากการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพตามเงื่อนไขที่ทางรัฐเปิดสิทธิให้ แต่เราเคยมาย้อนดูไหมครับว่าจริง ๆ เราทำประกันชีวิตเพระต้องการความคุ้มครองจากประกันชีวิตจริง ๆ รึเปล่า ก่อนจะทำประกันชีวิตอยากให้ทุกคนลองพิจารณาจากคำถามเหล่านี้กับตัวเองก่อน1. ถ้าเราไม่อยู่ ในวันนี้มีใครเดือดร้อนบ้าง หรือได้รับผลกระทบจากที่เราไม่สามารถหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูเขาเหล่านั้นได้ หรือต้องชดใช้หนี้สินที่เราก่อไว้แทนเรา2. ประเมินมูลค่าออกมาเป็นตัวเงินจากการที่เราไม่อยู่ แล้วรายได้ขาดหายไป ตามระยะเวลาที่เหลือถ้าเรายังทำงานได้ต่อทั้งสองคำถาม จะนำมาสู่การคำนวณว่าเราควรมีประกันชีวิตหรือค่าตัวเท่าไรในวันนี้และอนาคต ซึ่งอาจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 ข้อ เป็นเกณฑ์หรือนำมารวมกันก็ได้ครับถ้าเรามีกำลังมากพอ เพราะโดยปกติตัวเลขของข้อ 2 มักจะมากกว่าข้อ 1 โดยเฉพาะคนที่มีเวลาทำงานเหลืออยู่ยาว ๆ และรายได้สูง ๆเมื่อเราได้ตัวเลขที่ต้องการแล้ว ข้อสำคัญคือการนำตัวเลขดังกล่าวมาหักลบกับทรัพย์สินที่เราเตรียมไว้แล้ว ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเลือกคำนวณทุนประกันชีวิตแบบข้อ 1 ของผู้ชายวัย 43 ปี เป็นหัวหน้าครอบครัว   •  ภาระค่าเทอมลูกที่ต้องดูแล จนจบปริญญาตรี ทั้งสองคน 2 ล้านบาท   •  ภาระดูแลคุณพ่อคุณแม่จนอายุ 85 ปี 3 ล้านบาท   •  ภาระผ่อนบ้าน สินเชื่อคงค้าง 3 ล้านบาท   •  เงินกู้เพื่อการลงทุนในธุรกิจ วงเงิน 5 ล้านบาทหัก ทรัพย์สินที่เตรียมไว้แล้ว มูลค่า 5 ล้านบาท (ไม่รวมที่อยู่อาศัย)คงเหลือ มูลค่าทุนประกันที่ขาดอยู่ 8 ล้านบาทเมื่อได้ตัวเลขเป้าหมายแล้ว จึงนำไปเลือกแบบประกันและเบี้ยประกันที่ตอบโจทย์กับความต้องการต่อไป ซึ่งในที่นี้จะขอเปรียบเทียบแบบประกันชีวิต 2 แบบหลัก ๆ ที่นิยมนำมาใช้เพื่อการวางแผนค่าตัวหรือประกันชีวิต ระหว่างแบบตลอดชีพและยูนิตลิงก์ โดยมีใจความสำคัญของแต่ละแบบดังนี้ในขณะที่แบบประกันประเภทยูนิตลิงก์ จะมีมิติความแตกต่างกันในอีกรูปแบบ คือเมื่อเทียบกัน 2 แบบ ระหว่าง ประกันชีวิตแบบตลอดชีพและยูนิตลิงก์ จะพบได้ว่าเราสามารถเลือกให้สอดรับกับความต้องการทุนประกันชีวิตที่แตกต่างของเราได้ โดยคนที่ชอบความแน่นอน คือกำหนดระยะเวลาส่งเบี้ยและความคุ้มครองที่คงที่ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิตอาจตัดสินใจเลือกแบบประกันตลอดชีพทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะต้องนำมาพิจารณาคือค่าเบี้ยประกัน ซึ่งมักสูงกว่าเบี้ยประกันชีวิตแบบยูนิตลิงก์กว่า 2 เท่า โดยประมาณ (ขึ้นอยู่กับอายุและเพศ) จากกรณีที่ยกตัวอย่างข้างต้น ชายอายุ 43 ปี มีความต้องการทุนประกัน ส่วนขาดอยู่ 8 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากเบี้ยประกันด้วยทุนประกันที่เท่ากันจะพบว่า เบี้ยประกันแบบตลอดชีพ ตกอยู่ราว 2 แสนสองหมื่นกว่าบาท ในขณะที่ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงก์ มีค่าเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 1 แสนสองหมื่นบาท ถ้าเปรียบเทียบโดยมองมุมนี้ดูเหมือนว่ายูนิตลิงก์ จะได้เปรียบและมีความน่าสนใจสำหรับคนที่มีข้อจำกัดเรื่องกำลังในการส่งเบี้ย แต่เราต้องมองมุมอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น   •  ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของยูนิตลิงก์ ซึ่งปรับขึ้นตามความเสี่ยงของอายุและเพศ   •  อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ตกองทุนรวมที่ผันผวนซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้ทุนประกันชีวิตในยูนิตลิงก์ไม่สามารถคงระดับความคุ้มครองให้สูงอยู่ตั้งแต่แรกจนตลอดไปได้ โดยเฉพาะในช่วงอายุสูง ๆ ต้นทุนค่าใช้จ่ายการประกันภัย ที่จัดเก็บจากลูกค้าจะสูงมาก หากมูลค่ากองทุนที่ซื้อไว้ไม่ได้เติบโตจนมีมูลค่ามากพอ ก็จะถูกหักค่าใช้จ่ายจนหมดเสียก่อนดังนั้นการใช้ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงก์เพื่อปกป้องความเสี่ยงภัยกับหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ที่มีรายได้หรือค่าความสามารถสูง ๆ จึงนิยมทำทุนประกันสูงเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่มีความจำเป็นหรือมีส่วนขาดระหว่างเป้าหมายและทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวหากประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่เมื่อหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลานั้นแล้วเช่น สะสมทรัพย์สินได้ใกล้เคียงเป้าหมายทางการเงินและภาระความจำเป็นแล้ว หรือภาระหนี้สินลดลงจนสามารถจัดการได้คล่องตัวขึ้นมีส่วนต่างไม่มากนัก ก็สามารถปรับลดทุนประกันลงมา เพื่อให้เงินค่าเบี้ยที่ชำระเข้ามาแต่ละปีไปลงในสัดส่วนของการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอันจะส่งผลให้กองทุนในยูนิตลิงก์เติบโตได้อย่างแข็งแรงและรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเงินทุนที่จะออกแบบเพื่อใช้งานด้านอื่น ๆ ได้เช่น การเกษียณ เป็นต้นทางเลือกของประกันชีวิต จริง ๆ แล้วอาจไม่ได้มีแค่สองทางที่เขียนมาข้างต้น ทางเลือกใช้ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาก็สามารถทำได้ คือยอมเสียค่าเบี้ยเหมือนกับประกันรถยนตร์ที่จ่ายทิ้งไปปีต่อปี โดยไม่ต้องนำเรื่องมูลค่าของกรมธรรม์มาเป็นปัจจัยหลัก เพราะจุดประสงค์คือความคุ้มครองที่ต้องการซึ่งทางเลือกแบบนี้ข้อดีคือค่าเบี้ยประกันจะน้อยกว่าสองแบบแรก และกำหนดระยะเวลาคุ้มครองตามที่ต้องการได้ตามความจำเป็น ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกทางไหนลองประเมินดูตัวเองกันก่อนนะครับว่าเรามีความจำเป็นที่ต้องมีประกันชีวิตมูลค่าเท่าไร และเรามีงบฯที่จะจ่ายค่าเบี้ยได้เท่าไร“การทำประกันชีวิตก็เหมือนการเลือกรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคร้าย วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เหมาะกับเราในปริมาณที่เหมาะสม และสามารถป้องกันโรคร้ายนั้นได้นะครับ” ด้วยหวังว่าเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ก็จะสามารถหาแนวทางในการเลือกวัคซีนการเงินที่รองรับความเสี่ยงภัยได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1495393

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ฉลองตรุษจีน ด้วยงานศิลป์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

29/04/2024

ศูนย์การค้าเมกาบางนา เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน รับปีมังกรมงคลอย่างยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์งานศิลปะต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ด้วยการจับมือศิลปินระดับโลก ยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล ร่วมออกแบบผลงานศิลปะสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Megabangna Chinese New Year 2024 : Glory of The Dragon จัดเต็มด้วยหลากหลายกิจกรรมที่จะทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษและตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ตระการตาไปกับแลนด์มาร์คและบรรยากาศมหามงคลรับศักราชใหม่ พร้อมอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหารจีนจากร้านดังกับเทศกาลอาหารในงาน Mega Chinese New Year พร้อมเอาใจขาช้อป ชิล กิน ดื่ม ได้ลุ้นรับของสมนาคุณ Special Limited Edition ที่ออกแบบโดยคุณยูน - ปัณพัทเตชเมธากุล ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 29 กุมภาพันธ์ 2567วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมกาบางนา ได้จัดงาน Megabangna Chinese New Year 2024 (เมกาบางนา ไชนีส นิวเยียร์ 2024) โดยความพิเศษในครั้งนี้คือการได้ร่วมมือกับคุณยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินระดับโลก มาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Glory of The Dragon (กลอรี่ ออฟ เดอะ ดรากอน) กับการออกแบบลวดลายมังกรและส่วนประกอบอื่นๆ เอ็กซ์คลูชีฟเฉพาะที่เมกาบางนา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของปีมังกรมงคล ซึ่งได้นำมาต่อยอดบรรยากาศ การเฉลิมฉลองและเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้ง ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การสร้างแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าศูนย์การค้าให้ลูกค้าได้เช็คอินถ่ายภาพ รวมถึงของสมนาคุณ Special Limited Edition ที่ออกแบบโดยคุณยูน อาทิ กระเป๋า หมอน ผ้าพันคอ ซองอั่งเปา สติ๊กเกอร์เพื่อมอบเป็นของสมนาคุณสำหรับนักช้อป และยังได้จัดทำ ภาพหน้าจอมือถือให้ดาวน์โหลดได้ฟรีอีกด้วย นอกจากการร่วมสร้างสรรค์งานศิลป์ร่วมกับศิลปินระดับโลกแล้ว ในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อให้ทุกท่านได้ก้าวสู่ปีมังกรมงคล ด้วยการแสดงสุดอลังการนำโดย นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ ที่จะสวมบทพญามังกร ผู้เปิดประตูแห่งโชค ส่งมอบพลังความมงคล ความโชคดี ให้กับทุกคน และยังได้จัดงาน Megabangna Chinese New Year ระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 - 19 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนด้วยความอิ่มอร่อยจากหลากหลายเมนูคาวหวานจากร้านอาหารชั้นนำ ทั้งอาหารไทย อาหารจีน สตรีทฟู้ดเจ้าดัง ขนมและเครื่องดื่ม ที่จัดเต็มมาให้ทุกคน ทุกวัย ได้เลือกช้อป เลือกชิมกันอย่างจุใจ“การจัดงาน Megabangna Chinese New Year 2024 : Glory of The Dragon เป็นอีกหนึ่งการต่อยอดการจัดกิจกรรมของเมกาบางนาที่ได้นำงานศิลปะเข้ามาผสมผสานในการจัดงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ครั้งพิเศษให้กับลูกค้า รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในครั้งนี้ ตอกย้ำการเป็น YOUR EVERYDAY MEETING PLACE ของเมกาบางนา ที่พร้อมจะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยเราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมที่จะตอบโจทย์กับทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”ทางด้าน ปัณพัท เตชเมธากุล หรือ ยูน ได้กล่าวถึง การสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ ว่า “เนื่องจากปี 2567 นี้ เป็นปีมังกรธาตุไม้ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมงคลและพลังอำนาจ นอกจากความมงคลแล้ว ยังสื่อถึงการเจริญเติบโตงอกงาม ความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการหว่านเมล็ดพันธุ์ เพื่อรอความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ดังนั้น การออกแบบลวดลายมังกรและส่วนประกอบอื่นๆ ในงานครั้งนี้ ยูน ได้จำลอง สวนสวรรค์แห่งปกรณัมจีนหรือเทพมงคลของจีน ที่มีทั้งพืชพรรณและสัตว์มงคลต่างๆ และไฮไลท์อยู่ที่ตัวมังกรก็ถูกประดับด้วยดอกไม้และเมล็ดพันธุ์ต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมังกรธาตุไม้สำหรับเมกาบางนาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังขอใช้โอกาสนี้เป็นตัวแทนส่งคำอวยพรให้สิ่งที่ลูกค้าของศูนย์การค้าเมกาบางนา ทุกท่านได้ตั้งใจ และลงมือทำในปีนี้ประสบความสำเร็จ” ปัณพัท กล่าวร่วมสัมผัสกับประสบการณ์งานศิลป์ที่สุดของความเอ็กซ์คลูชีฟ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมังกร ในงาน Megabangna Chinese New Year 2024 : Glory of The Dragon ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชันเมกาบางนา หรือ WWW.MEGA-BANGNA.COM#เมกาบางนา #Megabangna #MegaSmileRewards #MegabangnaChineseNewYear2024 #วันตรุษจีน #YourEverydayMeetingPlaceแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000012659

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ทำไมต้องปรับพนักพิงบนเครื่องบินให้ตั้งตรงระหว่างการขึ้นลง

29/04/2024

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมลูกเรือบนเครื่องบินถึงขอให้เราปรับพนักเก้าอี้ให้ตั้งตรงทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้นลง จริงๆ แล้วมีเหตุผลหลักๆ ด้านความปลอดภัยอยู่ 3 ประการ ดังนี้1. เพื่อความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น เครื่องบินตกหรือเบรกกระทันหัน การปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ คอ และกระดูกสันหลัง ท่าทางการนั่งตัวตรงช่วยกระจายแรงกระแทกไปทั่วร่างกาย แทนที่จะรับแรงทั้งหมดที่ศีรษะและคอ เมื่อพนักเก้าอี้ตั้งตรง เก้าอี้จะถูกล็อคอยู่กับที่ สามารถรับแรงกระแทกได้มั่นคงที่สุด หากเกิดเหตุฉุกเฉินและมีแรงกระแทก จู่ๆ เก้าอี้ที่เอนอาจดีดตัวไปข้างหน้า ทำให้ผู้โดยสารกระเด็นไปด้วย ในทางกลับกัน ขณะเครื่องบินเร่งความเร็ว เก้าอี้ที่เอนอาจกระแทกไปข้างหลัง ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังได้รับอันตรายถึงเข่าได้"2. เพื่อการอพยพฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและจำเป็นต้องอพยพผู้โดยสาร การปรับเบาะตั้งตรงยังช่วยให้ทางเดินโล่งสะดวกที่สุด ซึ่งสำคัญมากในการอพยพฉุกเฉิน นั่นเป็นเหตุผลที่เบาะรอบทางออกฉุกเฉินมักจะเอนได้น้อยหรือเอนไม่ได้เลย เพราะในกรณีฉุกเฉิน ผู้โดยสารอาจลืมหรือไม่สามารถปรับเบาะกลับมาตั้งได้ทัน ถ้าเบาะเอนอยู่ มันอาจทำให้คนที่นั่งด้านหลังออกจากเครื่องช้าลงในกรณีฉุกเฉิน3. เพื่อความปลอดภัยของลูกเรือลูกเรือจำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปมาในห้องโดยสารเพื่อดูแลผู้โดยสารและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงช่วยให้ลูกเรือมีพื้นที่ทำงานมากขึ้น และสามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกการปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงในระหว่างการขึ้นลงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ ถึงแม้ว่าอาจจะรู้สึกไม่สบายสบาย แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกเรือจะช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากการปรับเบาะให้ตั้งตรงระหว่างขึ้น-ลงแล้ว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังแนะนำให้เก็บโต๊ะอาหาร ปิดล็อค เก็บสัมภาระใต้เบาะหน้าหรือช่องเก็บของด้านบน รวมถึงเก็บจอภาพบันเทิงภายในเครื่อง (แบบดึงออกจากที่วางแขนหรือติดกับเบาะแถวฉุกเฉิน) เหตุผลสำคัญก็เพื่อความปลอดภัยอีกเช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446763/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

แบงก์ปิดสาขาทั่วประเทศ 196 แห่ง ลดต้นทุน-ลุยดิจิทัลเต็มสูบ

29/04/2024

แบงก์เดินหน้าลดสาขา-จุดให้บริการต่อเนื่องในปี 2567 หวังบริหารจัดการต้นทุน-ลุยช่องทางโมบายแบงกิ้งเต็มสูบ เปิดข้อมูลปี’66 ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม ทั้งระบบกว่า 1.24 แสนคน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้สัญญาณแบงก์ลดสาขาต่อแต่ไม่รุนแรง ตอบโจทย์ลดต้นทุน-พฤติกรรมเปลี่ยน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯปิดมากสุด “ทีทีบี” ปรับรูปแบบ-ไซซ์เล็กลง จ่อเพิ่มในพื้นที่ EEC หลังปริมาณธุรกรรมพุ่ง “CIMBT” ส่อง 3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา “ลดต้นทุน-เทรนด์ดิจิทัลโต-โรดแมป ธปท.” ปี’66 ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานสรุปจำนวนสาขาและจุดให้บริการของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ณ เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,489 แห่ง ลดลง 196 แห่ง จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีจำนวน 5,685 แห่ง โดยกลุ่ม 6 ธนาคารใหญ่ ณ สิ้นปี 2566 พบว่า ธนาคารกรุงไทย มีสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดจำนวน 966 แห่ง มีการปรับลดลง 29 แห่ง จากปีก่อนหน้า, ตามมาด้วยธนาคารกรุงเทพ มีจำนวน 882 แห่ง ปรับลดลง 9 แห่ง, ธนาคารกสิกรไทย มีจำนวน 814 แห่ง ปรับลดลงไป 16 แห่ง, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 729 แห่ง ปี 2566 ที่ผ่านมามีการปรับลดสาขาและจุดให้บริการ 72 แห่ง อันดับ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 604 แห่ง ปรับลดลง 28 สาขา และธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี มีจำนวน 532 แห่ง ปรับลดลง 37 แห่ง อย่างไรก็ดี ในส่วนของธนาคารไทยเครดิต ที่เป็นธนาคารน้องใหม่ เป็นแห่งเดียวที่มีสาขาและจุดให้บริการเพิ่มขึ้น โดย ณ เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 525 แห่ง เพิ่มขึ้น 3 แห่ง จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอยู่ 523 แห่ง ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม สำหรับข้อมูลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ของไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 39,843 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 39,536 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3/2565 ที่อยู่ 39,671 ล้านบาท ขณะที่จำนวนพนักงาน ณ ไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 124,271 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 124,033 คน แต่ลดลงจากไตรมาสที่ 3/2565 อยู่ที่ 125,242 คน ลดสาขาตอบโจทย์ลดต้นทุน นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสาขาธนาคารพาณิชย์ในระบบของปี 2567 มองว่า นโยบายยังคงทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและความคุ้นชินในการทำธุรกรรม Digital Payment อย่างไรก็ดี อัตราการลดลงของสาขาจะชะลอลงเมื่อเทียบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารได้ปิดและปรับรูปแบบไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากแล้ว ภาพการปรับลดลงจะเห็นทั้งในส่วนของสาขาและจุดให้บริการ จากเดิมจะเห็นการลดเฉพาะสาขา และเพิ่มจุดให้บริการแทน ทั้งนี้ เป็นการลดลงในทุกภาคของประเทศ แต่จุดที่มีการปรับสาขาลงเยอะสุด คือ กรุงเทพฯ สอดคล้องกับพฤติกรรมและปริมาณการทำธุรกรรมในการใช้บริการด้านออนไลน์มากขึ้น โจทย์เรื่องสาขาของธนาคารยังเป็นภาพเดิมของการบริหารต้นทุน ซึ่งแนวโน้มอาจเห็นการพิจารณายุบสาขาในห้างมากขึ้น เนื่องจาก 1 ธนาคาร อาจจะไม่ได้มีอยู่ในทุกห้างสรรพสินค้า หากพื้นที่อยู่บริเวณใกล้กัน โดยรูปแบบอาจมีการปิดสาขา ควบรวม หรือย้ายพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนให้คนใช้ช่องทางบริการอื่น เช่น โมบายแบงกิ้ง และทำให้ช่องทางการขายที่มีอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้น “ภายใต้แนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เรื่อง Open Data คือการเปิดให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าระหว่างธนาคารได้ ซึ่งจะทำให้บริบทของสาขาและจุดให้บริการของธนาคารแตกต่างไปจากเดิม ทำให้การทำธุรกรรมง่ายขึ้น ทำให้ความจำเป็นของสาขาและจุดให้บริการจะลดลง จะเหลือแต่สาขาที่ไว้ทำธุรกรรมซับซ้อน และที่เหลือจะถูกโอนไปบนแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้ง” ttb ปรับรูปแบบ-ลดไซซ์ ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางสาขาของธนาคารยังคงปรับลดลง แต่อัตราการปรับลดลงคงไม่ได้เร่งมากเมื่อเทียบกับในอดีต เพราะมีการปรับลดลงไปพอสมควรแล้ว ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณธุรกรรมสาขามีน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ หรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน อาจจะใช้วิธีการควบรวมสาขา หรือย้ายไปในพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน เป็นต้น ขณะดียวกันรูปแบบสาขาอาจจะเห็นการปรับเปลี่ยนไป โดยมีการปรับลดขนาดพื้นที่สาขาให้เล็กลง ลดจำนวนพนักงานเฉลี่ยต่อสาขาลง เนื่องจากไม่เน้นพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยจะปรับการทำธุรกรรมที่ไม่ซับซ้อนประมาณ 90% โยกไปอยู่บนโมบายแอปพลิเคชั่น “ttb touch” หรือออนไลน์ทั้งหมด รวมถึงเรื่องการขอ Statement เพื่อทำวีซ่า แม้กระทั่งการขอหนังสือค้ำประกัน (L/G) หรือการนำเช็คเข้าบัญชี เป็นต้น เพิ่มสาขาพื้นที่ EEC ธุรกรรมพุ่ง อย่างไรก็ดี นายฐากรกล่าวว่า ธนาคารยังมีแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง พบมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างดี เห็นสัญญาณของปริมาณธุรกรรมการเงินที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องตามการเติบโตของสังคมเมือง จึงอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่และการเปิดสาขาเพิ่มเติม เพราะเป็นโอกาสขยายธุรกิจของธนาคาร คาดว่าภายใน 6 เดือนน่าจะสามารถสรุปได้ อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2567 ทีทีบีจะมีการปรับลดสาขาลงราว 10 แห่ง “สาขาคงปรับลดลงอีก แต่อัตราลดลงคงไม่เยอะ เพราะถือว่าช่วงก่อนหน้านี้ก็ปรับลดลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งปีนี้เราคาดว่าจะลดลงอีก 10 แห่ง แต่ก็มีเปิดเพิ่มด้วย ซึ่งเรากำลังศึกษาในพื้นที่ EEC เราเห็นธุรกรรมเยอะขึ้น ซึ่งสาขาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ เพราะมีการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้ บ้านและชุมชน จึงเป็นโอกาสที่จะเปิดสาขารองรับ” กรุงศรีฯสาขาเริ่ม “จุดสมดุล” นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลดสาขาในปี 2567 ทิศทางน่าจะเห็นการปิดสาขาเริ่มลดลงและเข้าจุดสมดุลมากขึ้น เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธนาคารปรับลดจำนวนสาขากันเยอะพอสมควรแล้ว รวมถึงมีการปรับรูปแบบสาขาให้สอดคล้องตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น สาขา Smart Branch ที่เน้นเครื่องอัตโนมัติ และสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการทำธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายแบงกิ้ง ทำให้เทรนด์การปิดสาขาเริ่มชะลอลง 3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์และธนาคารดิจิทัล และรักษาการผู้บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสาขาของธนาคารยังคงเห็นการลดลงต่อเนื่อง แต่จะเห็นการปรับลดลงจำนวนไม่มากเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีการปรับลดทั้งสาขา และเครื่องเอทีเอ็มลงค่อนข้างมาก โดยมาจาก 2-3 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ 1.ธนาคารต้องการบริหารจัดการต้นทุน เนื่องจากสาขามีต้นทุนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่องทางบริการอื่น ๆ เช่น ดิจิทัล เนื่องจากสาขามีต้นทุนทั้งในส่วนของคน ค่าเช่าพื้นที่ ทำให้ธนาคารลดจำนวนสาขาลง โดยเฉพาะในส่วนของสาขา Stand Alone ที่มีปริมาณธุรกรรมน้อยลง ไม่คุ้มกับต้นทุนบริหารจัดการ อาจจะมีการควบรวมในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงหันไปเปิดบนศูนย์การค้ามากขึ้น 2.ทิศทางดิจิทัล ปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่มีระบบยืนยันตัวตน (e-KYC) และสามารถเปิดบัญชีออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องไปสาขา หรือการทำธุรกรรมพื้นฐานผ่านแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้งได้เช่นกัน ทำให้ความจำเป็นของสาขาธนาคารลดลงตามพฤติกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และ 3.สอดคล้องกับแผนการผลักดันของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องของภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการใช้ Digital Payment เป็น 2.5 เท่าภายใน 3 ปี และลดการใช้เงินสดด้วยอัตราเร่งเป็น 2 เท่า ภายใน 3 ปี (2565-2567) จะเห็นว่า ธปท.พยายามผลักดันเรื่องการชำระเงินระหว่างประเทศ (QR Cross Border) หลังจากพร้อมเพย์ในประเทศประสบความสำเร็จ รวมถึงแผนการอนุมัติจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) เพื่อให้เจาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Under Bank) และยังมีอีกหลายแผน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนคนไทยใช้ดิจิทัลมากขึ้น “จาก 3-4 ปัจจัยเป็นเหตุผลที่ทำให้สาขาธนาคารลดลง เพราะแบงก์ต้องการลดต้นทุนเรื่องสาขา พฤติกรรมและเทรนด์ดิจิทัล และโรดแมปของ ธปท. ดังนั้นภาพเรายังคงเห็นสาขาและตู้เอทีเอ็มลดลงอยู่ ซึ่งโดยปกติทั้งระบบจะลดลงเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่ภาพการลดลงคงไม่ได้ลดรุนแรงเหมือนในอดีต” แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1496196

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

รวมเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ปลอดภัยสบายกระเป๋า

29/04/2024

ถึงแม้ว่าคุณจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเลย เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่เกิดขึ้นจากตัวเราเองก็เกิดขึ้นกับผู้ขับรถคันอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้คนเลือกจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีความคุ้มครองมากที่สุด ซึ่งการเคลมประกันบ่อย ๆ จะส่งผลทำให้ประวัติเสียและเบี้ยแพงขึ้นหรือไม่ หาคำตอบได้ในบทความนี้ปัจจัยที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นโดยหน้าที่หลักของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ คือการกระจายความเสี่ยง ซึ่งการเคลมประกันรถยนต์จะสามารถตอบความเสี่ยงที่กล่าวไปได้เป็นอย่างดี แต่บริษัทประกันภัยก็ต่างมีเหตุผลในการเพิ่มค่าเบี้ยประกันรถยนต์ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทประกันรถยนต์เพิ่มค่าเบี้ยประกัน ได้แก่   •  ประวัติการขับขี่ไม่ดี การขับรถไม่ดี เป็นฝ่ายผิดอยู่ทุกครั้งเมื่อมีการเคลมประกันรถยนต์    •  เคลมบ่อยเกินขีดจำกัดของวงเงิน การเคลมบ่อยจนทำให้เกินขีดจำกัดของวงเงินสูงสุดที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อไม่ให้ขาดทุน บริษัทมักจะเพิ่มค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์หลายคนอาจเกิดความกังวลว่าในระหว่างที่ใช้รถอยู่ก็กลัวที่จะโดนเก็บค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น หรือจะโดนยกเลิกกรมธรรม์กลางคันตอนไหน และที่หนักไปกว่านั้นคือการติดแบล็กลิสต์จากบริษัทประกันภัย ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้สร้างประวัติการขับขี่ที่ดีถ้าประวัติการขับขี่รถของคุณไม่ดี รถชนบ่อย เคลมบ่อย  ก็จะยิ่งทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าไม่อยากให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น การขับขี่ด้วยความระมัดระวัง สร้างประวัติการขับขี่ที่ดี พยายามเคลมให้น้อยที่สุด เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันการขับขี่ที่ดีในครั้งถัดไปเปลี่ยนแผนประกันที่เหมาะกับการขับขี่ถ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าคุณเป็นคนที่ไม่ระมัดระวังสักเท่าไรในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง การเปลี่ยนแผนประกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกับคุณ โดยอาจเปลี่ยนจากประเภทกรมธรรม์ที่ใช้อยู่ให้จ่ายค่าเบี้ยประกันถูกลง เช่น เปลี่ยนจากประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นต้นศึกษาเงื่อนไขการลดค่าเบี้ยให้ดีสำหรับวิธีลดค่าเบี้ยประกันประกอบไปด้วยหลากหลายวิธีด้วยกัน แต่วิธีที่อยากแนะนำคือการติดกล้องรถยนต์ เพราะจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันไปได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ ซึ่งมาตรการนี้หากบริษัทประกันภัยไม่ยอมลดค่าเบี้ยให้จะมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาทสรุปเทคนิคการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์สำหรับเทคนิคการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถึงแม้ว่าจะมีหลายวิธีด้วยกันที่จะช่วยลดค่าเบี้ยให้คุณได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการขับรถด้วยความระมัดระวังและไม่ประมาท เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียได้เป็นอย่างดีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/510437

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

“ณ สัทธา อุทยานไทย” อลังการ งานไฟใกล้กรุงฯ ในสวนป่าเนรมิต

29/04/2024

ณ สัทธา อุทยานไทย จ.ราชบุรี ชวนชมงานแสดงไฟใกล้กรุงฯ “Nasatta Light Festival Winter Illumination” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ 28 เม.ย. 67 ภายในงานตื่นตาตื่นใจไปกับไฟประดับในบรรยากาศสวนป่าเนรมิตอันอลังการ“ณ สัทธา อุทยานไทย” ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี" และพันธมิตร จัดงานแสดงไฟประจำปี "Nasatta “Light Festival Winter Illumination 2024” ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 – 28 เมษายน 2567Nasatta Light Festival Winter Illumination 2024 เป็นงานแสดงไฟประจำปีครั้งที่ 6 ภายในงานตื่นตื่นใจไปกับการประดับตกแต่งไฟในบรรยากาศสวนป่าเนรมิตหลากสีสันผสานความเป็นไทย ที่สร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคการออกแบบแสงไฟ ผสมผสานกับศิลปสถาปัตยกรรมไทย โดยทีมงานไลท์ติ้งดีไซน์เนอร์, วิศวกร, โปรแกรมเมอร์, สถาปนิกและศิลปินมืออาชีพที่รังสรรค์งานแสดงไฟแต่ละจุดให้ดูสวยงามตระการตา และมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกภายในงานมีการแบ่งเป็น 20 โซน รวมถึงมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ มากมาย เริ่มจากโซนแรก (ยุคทอง) ที่เมื่อเดินเข้ามา จะพบกับพระบรมรูปสามกษัตริย์ จากนั้นเดินเข้ามาในส่วนข้างในนี้ก็จะเป็นโซน Season Change ที่จะมีประดับไฟ ทั้งต้นไม้และสีของไฟด้านล่างก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆถัดไปเป็นโซน Milky Way หรือสีสันแห่งดอกไม้ แล้วต่อด้วยโซน “จิตวิญญาณแห่งสยาม” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีคลื่นศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณแห่งสยามอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงานที่คนนิยมมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ก็ยังมีโซนต่าง ๆ ให้ถ่ายรูปกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แสงเกสร, ถ้ำเวทมนต์และต้นไม้เรืองแสง, ลานแสงแห่งความสุข, ระบำแสงไฟ, ภูติแห่งป่า และภูติแห่งแสง เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและเลือกจุดถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบ รวมถึงมีโซนให้เล่นกิจกรรมกรรมและซื้อหากินภายในงานอีกมากมายณ สัทธา อุทยานไทย อ.บางแพ จ.ราชบุรี เปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 18:00-22:00 น. โดยมีค่าบริการดังนี้-ราคาบัตรทั้งวัน : ผู้ใหญ่ 350 เด็ก 250 (9:00 -22:00 น.), ราคาบัตรงานไฟ : ผู้ใหญ่ 300 เด็ก 200 (18:00-22:00 น.)-บริการเช่าชุดไทยราคาเริ่มต้นที่ 400 บ. สามารถมาเลือกเช่าได้ที่หน้างาน รวมถึงมีบริการช่างภาพ ในราคา 1,605บ. สามารถถ่ายได้ 1-4 คน/1 ชม. โดยถ่ายได้ไม่จำกัดภาพผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.032 383 333, 081 527 2782 หรือที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ณ สัทธา อุทยานไทย06แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000011421

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X