Everyday knowledge for you
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ชวนเที่ยวตามเทรนด์กูเกิล กับ “10 อันดับที่เที่ยวในเมืองไทย” ติดเทรนด์กูเกิล ประจำปี 2023 ที่เที่ยวยอดฮิตในเมืองไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ในช่วงปลายปีของทุกปี เว็บไซต์ Google ก็จะออกผลสรุปอันดับการค้นหาในรอบปี ซึ่งกูเกิลเทรนด์นั้นก็ถือเป็นเครื่องมือในการดูแนวโน้มหรือเทรนด์ในการค้นหาของคนตามช่วงเวลา และมีการแบ่งการสำรวจออกเป็นหัวข้อต่างๆสำหรับหัวข้อ “สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ” ผู้ใช้กูเกิลในประเทศไทยมีการค้นหาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศอย่างหลากหลายในปี 2023 และใน 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ถูกค้นหามากที่สุดในปีนี้ มีดังนี้วัดอรุณราชวรารามถนนเยาวราชยามค่ำคืนกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย ที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการชมวัดสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดพระแก้ว วัดอรุณ วัดโพธิ์ ลิ้มลองสตรีทฟู้ดและสัมผัสความคึกคักกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่เยาวราชและถนนข้าวสาร เดินเที่ยวตลาดชื่อดังทั้งตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดกลางคืนต่างๆ หรือแม้แต่ตลาดน้ำในกรุงเทพฯ อย่างตลาดน้ำตลิ่งชัน ที่ยังเต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติ และพลาดไม่ได้กับการเดินชอปปิ้งในศูนย์การค้าชื่อดังย่านสยาม หรือทางฝั่งธนบุรี นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ คาเฟ่เก๋ๆ ที่หลายคนนิยมแวะไปถ่ายรูปเช็คอินเกาะกระดาน จ.ตรังเกาะกระดานเกาะที่ได้ชื่อว่ามีแนวชายหาดและน้ำทะเลที่สวยใสที่สุดของทะเลตรัง และในปีนี้ได้คว้าแชมป์ ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ World Beach Guide ทำให้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีกบนเกาะกระดานมี หาดเกาะกระดาน หรือหน้าหาดทางฝั่งตะวันออกของเกาะที่ทอดตัวยาวหลายร้อยเมตร มีทรายละเอียดดุจดังแป้งเดินแน่นนุ่มเท้า มีน้ำทะเลหน้าหาดที่สวยใสแจ๋ว รวมถึงมีองค์ประกอบของทั้งต้นไม้ป่าชายหาดทั้งต้นไม้ต้นเป็น ๆ และซากต้นไม้ที่ตายแล้ว เป็นพร็อพถ่ายรูปบันทึกภาพความงามกันหลายจุดด้วยกันหาดน้ำใส จ.ชลบุรีชลบุรีที่เที่ยวชลบุรียังไงก็ต้องติดโผ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงที่ใครคิดอะไรไม่ออกก็ต้องคิดถึงชลบุรีก่อน มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งพัทยาซึ่งเป็นแหล่งรวมความบันเทิง หาดบางแสนสุดคลาสสิก สัตหีบที่มีทะเลในเขตทหารและคาเฟ่สวยๆ เพียบ แถมด้วยเกาะสีชัง เกาะล้านซึ่งเป็นเกาะสวยใสใกล้กรุงชลบุรียังถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่ไปได้ทั้งครอบครัว เพราะมีทั้งสวนสัตว์อย่างสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่มีกิจกรรมดีๆ ให้เด็กๆ ได้ตื่นตาตื่นใจ มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนนงนุช สวนแมนเมดที่มีไฮไลต์น่าชมอย่าง “หุบเขาไดโนเสาร์” จำลองไดโนเสาร์มากกว่า 40 ชนิดมาไว้ให้เราได้ชมกันชายหาดหัวหินหัวหิน ชะอำทะเลสวยใกล้กรุงอีกแห่ง ที่มักจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดของหลายๆ คน กิจกรรมส่วนใหญ่ของคนไปเที่ยวหัวหิน-ชะอำ ก็เน้นการพักผ่อนริมทะเล มีโรงแรมและรีสอร์ทสวยๆ พักสบายให้เลือกมากมาย การไปชิมซีฟู้ดสดอร่อยก็มีร้านอาหารร้านเด็ดไม่น้อยส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่หัวหิน-ชะอำ ก็ยังมีทั้งเล่นน้ำในสวนน้ำ พายซับบอร์ด พายคายัค เล่นกอล์ฟ แวะไปไหว้พระ ปิดท้ายวันด้วยการไปเดินตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดซิเคด้ากาญจนบุรีกาญจนบุรีกาญจนบุรีถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่หลายๆ คนเลือกให้เป็นจุดมุ่งหมาย มีธรรมชาติป่าเขาและแม่น้ำที่สวยงาม จนทำให้อยากไปเที่ยวเมืองกาญจน์กัน ไม่ว่าจะเป็นการไปชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปเยี่ยมชมต้นจามจุรียักษ์อายุนับร้อยปีที่กรมการสัตว์ทหารบก และอีกจุดเช็คอินสำคัญในตอนนี้ก็คือ สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นจุดชมวิวและที่เที่ยวแห่งในในตัวเมืองนอกจากนั้นยังสามารถไปเที่ยวชมน้ำตกไทรโยคน้อย ช่องเขาขาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกและกรรมกรจะต้องขุดภูเขาให้เป็นช่องเพื่อเปิดเส้นทางให้รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ และถ้ำกระแซ ถ้ำขนาดเล็กที่เคยเป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกเมื่อครั้งมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ (อ.ไทรโยค) หรือจะไปไหว้พระที่วัดถ้ำเสือ (อ.ท่าม่วง) สักการะพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี แล้วหาคาเฟ่น่ารักๆ ริมทุ่งนานั่งเล่นชมวิวกันพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลกพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายมาก จุดแรกที่ไปแล้วต้องแวะให้ได้คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) ไปสักการะ พระพุทธชินราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ใกล้ๆ กันก็ยังมีวัดสำคัญอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดนางพญา วัดราชบูรณะ วัดจันทร์ตะวันตก และยังมีพระราชวังจันทน์ พระราชวังเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยานอกจากนี้ ที่พิษณุโลกยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่มีจุดเช็คอินคือ ลานหินปุ่ม ลานหินแตก ผาชูธง น้ำตกหมันแดง เป็นต้น เนินมะปราง เป็นอีกอำเภอท่องเที่ยวมาแรง มีจุดชมวิวเนินมะปราง ที่เป็นจุดชมทิวทัศน์สวยงาม บ้านมุง หมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีจุดท่องเที่ยวให้ไปสำรวจมากมายพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่นขอนแก่นจังหวัดใหญ่ของภาคอีสาน ที่มีความคึกคักในตัวเมืองอย่างมาก ด้วยการเป็นจุดแวะพัก มาทำงาน หรือมาเรียน มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ทำให้มีร้านอาหารและคาเฟ่อินเทรนด์ตั้งอยู่มากมาย รวมถึงตลาดต้นตาล เป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ด ร้านอาหาร มีสินค้าต่างๆ ให้ชอปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้านหนึ่ง ขอนแก่นยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งไดโนเสาร์ มีการขุดพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของเมืองไทย และมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ชื่อดัง นอกจากนี้ ขอนแก่นยังมีวัดที่มีชื่อเสียงอีกหลายวัด เช่น วัดหนองแวง วัดทุ่งเศรษฐี วัดพระพุทธบาทภูพานคำ วัดถ้ำผาเกิ้ง เป็นต้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โคราชโคราช หรือ นครราชสีมา เมืองใหญ่ที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน มาที่นี่ต้องแวะสักการะย่าโม ในตัวเมืองมีวัดมากมาย อาทิ วัดศาลาลอย วัดป่าสาลวัน วัดพระนารายณ์มหาราช วัดพายัพ วัดบึง ส่วนนอกตัวเมืองก็มีวัดชื่อดังอย่าง วัดบ้านไร่ และ มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นอื่นๆ ของโคราชยังมี ปราสาทหินพิมาย วังน้ำเขียว ปากช่อง ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผืนป่ามรดกโลกที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ จุดท่องเที่ยวในอุทยานมีทั้งจุดชมวิวต่างๆ น้ำตก อ่างเก็บน้ำ หอดูสัตว์ รวมถึงลานกางเต็นท์พุทธบารมี ดอนพญาเย็น (ภาพจากเพจ รีวิวกาญจนบุรี)เลาขวัญเลาขวัญเป็นอำเภอหนึ่งในกาญจนบุรี ที่อยู่ติดกับสุพรรณบุรี แม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ ที่อาจจะไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังติดหู แต่สำหรับสายบุญต้องห้ามพลาด เพราะที่เลาขวัญมีวัดเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น วัดเลาขวัญ วัดเฉลิมชัยมงคลสามัคคี วัดสุวรรณคีรี (เขาปูน) วัดเขากาญจนาเขต วัดเขาวงพระจันทร์ และ พุทธบารมีดอนพญาเย็น เป็นต้นตลาดน้ำบางน้ำผึ้งบางกระเจ้าบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ เป็นพื้นที่สีเขียวที่บริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมูที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด ที่นี่จึงมีชื่อเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “กระเพาะหมู” นอกจากจะมีความโดดเด่นทางด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตแล้ว ที่นี่ยังถูกยกให้เป็นปอดของคนกรุงฯ ซึ่งเคยได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ (Time Magazine - Asia Version) ให้เป็น Best Urban Oasis of Asia ในปี 2549สำหรับพื้นที่บางกระเจ้ามีสิ่งน่าสนใจและจุดท่องเที่ยวเช็กอินที่เด่น ๆ อาทิ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ชมวิวบนหอดูนกสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง วัดพราหมณ์มหาเทวาลัยถนนมรกตหรือเส้นทางดอกไม้ บ้านธูปหอมสมุนไพร บ้านลูกประคบธัญพืช บ้านงานประดิษฐ์จากวัตถุดิบธรรมชาติ เป็นต้น รวมถึงมีร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ ๆ ให้เลือกดื่มกินอิ่มอร่อยกันอีกหลากหลายแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9660000114503
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
บทความโดย "พญ.หฤทัย ไกรวพันธุ์" MD, CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 คำกล่าวที่ว่า “หาเงินได้ ไม่เท่ากับใช้เงินเป็น” เป็นสิ่งที่หากฟังผ่าน ๆ หรืออ่านเพลิน ๆ เราอาจไม่ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของความหมายลึกซึ้งที่อยู่ในประโยคนี้ จากประสบการณ์ในการวางแผนการเงิน และได้พูดคุยเก็บข้อมูลกับผู้คนที่มีสายอาชีพหลากหลายนับพันคน ตั้งแต่เด็กจบใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นทำงาน เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ผู้คนในวิชาชีพแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูงขององค์กร และเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ สิ่งสำคัญของการมีอิสรภาพทางการเงินก่อนวัยเกษียณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของรายได้ที่เราหาได้ในช่วงชีวิตการทำงานเสมอไป และคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ที่ฟังดูสบาย เป็นสุข และมีอิสระ เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถเป็นได้ และเอื้อมถึง เพียงมีการตระหนักรู้ในการหาและใช้จ่าย รวมถึงการบริหารเงินอย่างถูกวิธี หากเราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ก่อนวัยเกษียณ ชีวิตก็จะพบกับอิสรภาพที่แท้จริง คือการไม่ได้ใช้ชีวิตเพียงทำงานเพื่อเงิน แต่เป็นการทำงานเพราะเราเลือกที่จะทำเพื่อให้ชีวิตของเรามีประโยชน์ มีคุณค่า และอิสรภาพนั้นจะมอบของขวัญของการเลือกใช้ชีวิตได้ตามใจปรารถนา สามารถพึ่งตนเองได้ และมีกระแสเงินจากการวางแผนที่ดีให้เรามีเงินใช้ตลอดชีวิต ด้วยหลักการเรียบง่ายที่ต้องนำมาใช้ในทุก ๆ วัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ดังนี้ Clarity ความชัดเจน คือการรู้สถานะทางการเงินของตัวเอง ด้วยการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และทำงบดุลส่วนบุคคล เรามักให้ความสำคัญกับการคำนวณเงินเกษียณอายุว่า หากเราอยากมีอิสรภาพทางการเงิน (เกษียณก่อนแก่) เราจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ แต่สิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่า นั่นคือการรู้สถานะทางการเงินของตัวเอง ณ ปัจจุบัน ด้วยการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และทำงบดุลส่วนบุคคล ซึ่งนอกจากจะทำให้เราทราบจำนวนเงินที่เหลือเพื่อใช้ในการวางแผนการออมและการลงทุนในแต่ละเดือน เราจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่ารายจ่ายใดเป็นรายจ่ายที่เราสามารถลดได้ จะทำให้เราเห็นความสำคัญของรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจ่ายออกไปทุกวัน หากเราลดรายจ่ายนั้นเปลี่ยนเป็นเงินที่นำไปลงทุน ก็จะกลายเป็นแหล่งเงินออมเพื่อวัยเกษียณของเราได้อย่างดี Self-Sufficiency การใช้ชีวิตพอเพียง ไม่ก่อหนี้เกินตัว คือการมีรายได้ มากกว่ารายจ่าย ไม่ใช้เงินเกินตัว ไม่ก่อหนี้เกินความจำเป็น หากเรามีความต้องการใช้ชีวิตที่หรูหรา เกินกว่ารายได้ที่หาได้ เช่น อยู่บ้านหลังใหญ่ ใช้รถหรู เราจะมีชีวิตที่วิ่งหาแต่เงินเพื่อนำเงินนั้นมาซื้อบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องการ เมื่อได้มาแล้ว ก็มีความปรารถนาอื่น ๆ ตามมาไม่มีที่สิ้นสุด และเราก็ต้องดิ้นรน หาเงินมา ก่อหนี้เพื่อซื้อสิ่งที่เราอยากได้ เป็นหนี้ วิ่งหาเงิน ชีวิตที่ต้องวิ่งหาและหาและหาอยู่ตลอดเวลา มีแต่ความเหนื่อยล้าและวุ่นวายใจ หากเพียงเราหยุดคิดสักนิดว่า ชีวิตที่กินอิ่มนอนอุ่นในประเทศของเรา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้น เมื่อใช้น้อย และหาได้มากกว่าที่ใช้ เราก็จะไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น ไม่ก่อหนี้เกินตัว และมีเงินเหลือเก็บออม สิ่งสำคัญของการเกษียณก่อนแก่ นอกจากการมีเงินใช้มากพอตลอดชีวิตแล้ว ยังหมายถึงการเป็นบุคคลที่ปลอดจากภาระหนี้สินด้วยเช่นกัน การหมดหนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่อิสรภาพทางการเงินก่อนวัยเกษียณได้อย่างแท้จริง ซึ่งวิธีการวิเคราะห์สัดส่วนหนี้ที่ไม่มากเกินตัว มีหลักในการคำนวณดังนี้ • หนี้สินต่อสินทรัพย์ ควรมีค่าน้อยกว่า 50% • หนี้สินจดจำนอง ได้แก่ เงินกู้ซื้อบ้าน เงินที่ชำระคืนต่อเดือน ไม่ควรเกิน 35-45% ของรายได้ต่อเดือน • จำนวนหนี้ที่ต้องชำระอื่น ๆ ไม่ควรเกิน 10% ของรายได้ต่อเดือน Breathing Room มีเงินออม 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เพื่อมีพื้นที่ว่างทางการเงินที่มากพอให้เราได้พักหายใจ โดยเฉพาะในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่คาดคิด ตัวอย่างของสถานการณ์ที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก หลายคนขาดรายได้ ต้องปิดกิจการหรือไม่มีงานทำ หรือถูกลดเงินเดือน หากเรามีสภาพคล่องทางการเงิน อย่างน้อย 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน จะทำให้เราสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เหล่านี้ไปได้จากการดึงเงินในส่วนนี้มาใช้จ่าย โดยไม่ต้องกู้เงินสร้างภาระหนี้สินเพิ่มเติมอีกต่อไป Goal กำหนดเป้าหมาย ว่าเราต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ จึงพอใช้ในยามเกษียณ จำนวนเงินที่ต้องใช้ในวัยเกษียณของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ และการเลือกวิถีการใช้ชีวิตซึ่งมีความแตกต่างตามปัจเจกบุคคล ตัวอย่างเช่น บางคนอาจพึงพอใจกับการใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบออกไปท่องเที่ยว หรือใช้จ่ายเงินนอกบ้าน หากเทียบกับค่าเงิน ณ ปัจจุบัน อาจเท่ากับค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่บางคนอยากใช้ชีวิตท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ได้ทานอาหารนอกบ้าน ได้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเราต้องเตรียมเงินมากขึ้นแปรผันตามวิถีชีวิตที่เราพึงพอใจ และให้นำจำนวนเงินที่เราต้องการใช้ต่อเดือน คำนวณเงินเฟ้อ เพื่อหาจำนวนเงินที่ต้องใช้จ่ายในอนาคต ตัวอย่าง : ชายอายุ 25 ต้องการเกษียณตอนอายุ 50 ปี และต้องการคำนวณเงินให้พอใช้จนถึงอายุ 75 ปี ค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณ ณ ค่าเงินปัจจุบัน = 10,000 บาทต่อเดือน 120,000 บาทต่อปี ที่อัตราเงินเฟ้อ 3% ในอีก 25 ปีข้างหน้า = 20,938 บาทต่อเดือน 251,253 บาทต่อปี จำนวนเงิน ณ อายุ 50 ปี ที่สมมุติฐานผลตอบแทน 5% อัตราเงินเฟ้อ 3% พอใช้ไปอีก 25 ปี = 5,024,612.04 บาท (คิดแบบถอนเงินมาใช้ทุกต้นปี PMT : Begin) สรุปเป็นวิธีการในการคำนวณเงินที่ต้องมีไว้ใช้ในการเกษียณอย่างง่าย ๆ คือ 20 เท่าของค่าใช้จ่ายตอนเกษียณที่เราอยากใช้ต่อปี ที่สมมติฐานผลตอบแทน 5% อัตราเงินเฟ้อ 3% จะพอใช้หลังเกษียณอีก 25 ปี Plan วางแผนการออมและลงทุนให้บรรลุเป้าเกษียณ คำนวณหาจำนวนเงินที่ต้องลงทุนต่อเดือน พร้อมเลือกลงทุนในผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ จากตัวอย่างข้างต้น ชายอายุ 25 ปี หากต้องการเกษียณที่อายุ 50 ปี จะต้องเก็บเงินเดือนละ 7,500 บาทต่อเดือน ที่ผลตอบแทน 6% ต่อปี บนความเสี่ยงที่ยอมรับได้โดยมีการกระจายการลงทุนที่ดี เช่น ลงเงินในตราสารหนี้ 30% ที่ผลตอบแทน 2.5% ต่อปี และลงทุนในตราสารทุน 70% ต่อปี ที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% และหากเราเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย เราก็จะสามารถนำเงินที่ได้คืนจากภาษีกลับมาเป็นแหล่งเงินออมและเงินลงทุนได้อีกด้วย ตัวอย่างของการจัดแผนดังกล่าวข้างต้น คือ นำเงิน 30% ไปลงทุนในกลุ่มประกันสะสมทรัพย์และประกันบำนาญเพื่อสร้างระบบการออมที่ได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนในวัยเกษียณ สร้างความมั่นคงและความสบายใจว่าเราจะมีเงินใช้เพื่อปัจจัย 4 และการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน ทั้งในภาวะเศรษฐกิจดีหรือภาวะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และนำเงินอีก 70% ไปลงทุนในกองทุน SSF หรือ RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี ตัวอย่างการวางแผนที่มีการออมและการลงทุนดังกล่าว จะสร้างทั้งระบบบำนาญ และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราปรารถนา อีกสิ่งสำคัญนอกจากการวางแผนการออมคือ การวางแผนการโอนย้ายความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้มีมากพอ เพื่อให้แผนการเกษียณของเราไม่ล่มสลาย จากการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง นอกจากนี้จากตัวอย่างการคำนวณ จำนวนเงินที่ต้องออมต่อเดือนคือ 7,500 บาท ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่เก็บออมมากจนเกินไปในกลุ่มคนที่อายุน้อยและพึ่งเริ่มต้นในการทำงาน แต่รายได้ย่อมเพิ่มขึ้นตามทักษะและอายุงานที่เพิ่มขึ้น หากเราเก็บออมให้ได้ 20% ต่อเดือน จะทำให้เรามีจำนวนเงินออมที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้เรามีเม็ดเงินในการเก็บออมเพื่อบรรลุเป้าหมายในการวางแผนเกษียณได้ Action ลงมือทำ อย่างมีวินัย ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากการวางแผนการเกษียณ เป็นการวางแผนในระยะยาว เราจึงจำเป็นจะต้องเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างต่อเนื่อง และทำอย่างเป็นระบบ เช่น การวางแผนชำระเบี้ยประกันสะสมทรัพย์ ประกันบำนาญ การวางแผนซื้อกองทุนรวมโดยลงทุนแบบเฉลี่ยทุกเดือน (DCA) เพื่อเป็นการบังคับตัวเราเองให้ยังคงดำเนินการตามแผนที่เราได้ตั้งใจไว้ จะเห็นได้ว่าความสำเร็จในการวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณ เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ เพียงเราทำตาม 6 ข้อที่ได้กล่าวมา เราทุกคนก็สามารถมีชีวิตที่หมดหนี้ มีออม และเกษียณก่อนแก่ ได้ไม่ยาก แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1438435
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
29/04/2024
ปี 2566 นี้ เป็นปีที่ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยพลิกฟื้นกลับมาจากวิกฤตโควิด-19 ที่หลายบริษัทมีอันต้องล้มลงไป ขณะที่ทิศทางปี 2567 อาจจะเป็น “ปีทอง” โดยเบี้ยประกันมีโอกาสทะลุ 3 แสนล้านบาทได้ล่าสุด “สมพร สืบถวิลกุล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย (TIP) นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA) ได้แถลงถึงผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 และคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตปี 2567ธุรกิจพลิกฟื้นพ้นบ่วง “โควิด”“สมพร” กล่าวว่า ปีนี้คาดการณ์ว่าถึงสิ้นปีธุรกิจประกันวินาศภัยในภาพรวมจะมีกำไรก่อนหักภาษี (EBITDA) เกินระดับ 20,000 ล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) มีกำไรแล้ว 17,677 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนเมื่อช่วงเดียวกันปีที่แล้ว (YOY) 39,425 ล้านบาท เรียกได้ว่ามีกำไรพลิกฟื้นขึ้นจากวิกฤตโควิดแล้วโดยสามารถทำกำไรจากการรับประกันภัย 13,284 ล้านบาท พลิกจากเมื่อช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ขาดทุน 52,710 ล้านบาท มีรายได้จากการลงทุน 5,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 25.35% YOY“คาดการณ์ว่าปิดสิ้นปีจะมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 285,080-287,800 ล้านบาท เติบโต 4-5% YOY โดยการประกันภัยแทบทุกประเภทมีแนวโน้มเติบโตที่ดี จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่พยายามเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อการประกันภัย”ประกัน “รถอีวี” เบี้ยพุ่งสูงทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกมีเบี้ยรับรวมเข้ามาแล้ว 210,141 ล้านบาท เติบโต 5.2% โดยพอร์ตประกันรถยนต์ถือเป็น Main Engine มีเบี้ยรับรวม 118,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% มาจากการเพิ่มขึ้นจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา รถอีวีจีนมียอดขายเป็นอันดับ 2 ของยอดขายรวม ทำให้จำนวนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญประกันภัยกลับสู่ภาวะปกติรวมถึงผลกระทบจากเบี้ยประกันภัย เฉลี่ยต่อกรมธรรม์ของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจของรถยนต์สันดาปที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ซึ่งเกิดจากการที่ประชาชนกลับมาใช้รถตามปกติ หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด ทำให้อัตราการเคลมสินไหม (Loss Ratio) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสนับสนุนให้เบี้ยประกันรถยนต์ในปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วยขณะที่พอร์ตเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 78,630 ล้านบาท เติบโต 4.6% โดยเพิ่มขึ้นจากการประกันภัยทรัพย์สิน (IAR) ที่มีเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นมาก อยู่ที่ 25,884 ล้านบาท เติบโต 16.1% เนื่องจากเบี้ยประกันภัยต่อปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะตลาดแข็งตัว (Hard Market) ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจยังมีผลกับการต่อสัญญาประกันภัยต่อในปีถัดไปบางส่วนด้วยและพอร์ตเบี้ยประกันอัคคีภัย 7,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% ตามมูลค่าการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก แต่พอร์ตเบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) มีเบี้ยรับรวม 5,330 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.6% YOY จากมูลค่าการนำเข้าสินค้าติดลบ“9 เดือนแรกปีนี้ อัตราเคลมสินไหมโดยรวมอยู่ที่ระดับ 54.5% เคลมประกันรถยนต์ 59.4%, เคลมประกันอัคคีภัย 23.6%, เคลมประกันมารีน 32.9% ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ส่วนเคลมประกันเบ็ดเตล็ดลงมาอยู่ที่ 47.1% เทียบ YOY ถือว่าลดลงอย่างมากจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีการระบาดของโควิด แต่บริษัทประกันไม่ได้มีการรับประกันโควิดแล้ว”ปี’67 เบี้ยทะลุ 3 แสนล้าน-อีวีหนุนสำหรับแนวโน้มเบี้ยรับรวมในปี 2567 “สมพร” กล่าวว่า คาดการณ์เบี้ยจะเพิ่มขึ้น 5-6% ไปอยู่ที่ 301,050-303,900 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายรถอีวีที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งอาจทำให้ยอดขายรถอีวีทะลุ 100,000 คันบวกกับพอร์ตประกันสุขภาพคาดเติบโต 10.5-11.5% ตามอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล (Medical Inflation) ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันสุขภาพ และส่งผลให้เบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในทุกปี ๆรวมทั้งประกันการเดินทางคาดเติบโต 9-10% ตามคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้มากกว่า 28 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบปีก่อนหน้า และคาดว่าส่งผลให้ปีหน้าเบี้ยส่วนนี้จะมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องลุ้นประกันพืชผล 2.2 พันล้านขณะที่โครงการประกันพืชผล (ข้าวนาปี, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) มีแนวโน้มจะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะเพิ่มประกันภัยมันสำปะหลังเข้ามาร่วมด้วยเป็นปีแรก ซึ่งคาดว่าจะมีเบี้ยรับรวมทั้งโครงการประมาณ 2.2 พันล้านบาท จากที่ปี 2566 ครม.ไม่ได้อนุมัติโครงการประกันภัยข้าวนาปี ทำให้เบี้ยส่วนนี้หายไปราว 2 พันล้านบาทเค้กก้อนใหม่ค่าเหยียบแผ่นดิน“นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย” กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐในการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านช่องทางอากาศในอัตรา 300 บาทต่อคนต่อครั้ง และผ่านช่องทางบกและทางน้ำในอัตรา 150 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งสำนักงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยมีนโยบายนำค่าธรรมเนียมบางส่วนมาซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเป็นการคุ้มครองส่วนเพิ่มจากการประกันภัยตามที่กฎหมายบังคับ เน้นคุ้มครองสุขภาพและอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาทต่อคนนั้น ขณะนี้สมาคมอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเรื่องการรับประกัน และการจัดทำร่างกรมธรรม์และอัตราเบี้ยที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดเตรียมระบบเรียกร้องและตรวจสอบค่าสินไหมทดแทน“กำลังจัดหาบริษัทมาทำหน้าที่บริหารจัดการค่าสินไหม ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องใช้ Third Party Administration เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว”แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1463137
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
Let's Celebrate กับจุดแลนด์มาร์กถ่ายรูปสุดปังยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพตอนเหนือ จะถ่ายมุมไหน โพสต์ลงโซเชียลก็ไม่มีเอ้าท์แน่นอน พิเศษกับต้นคริสต์มาสยักษ์ ด้านนอก ลาน Zappenning สเปลล์ กับ Festal Light Tunel อุโมงค์ไฟสุดอลังการ และ ต้นคริสต์มาสที่ Alive Park Hallพบผลงาน Character สุดครีเอทโดย Artist ชื่อดังสุดคูล “Nopkarian” ที่มิกซ์ความสุขและความสนุกสนานในบรรยากาศสุด Festive เหล่า Character แท็กทีมกันมาเฉลิมฉลองเทศกาล พร้อมสร้างความร่าเริงอยู่ภายในกล่องของขวัญขนาดยักษ์ “Immersive Gift Box” และทั่วทั้งศูนย์ฯ- Petalina มาพร้อมกับกลีบละเอียดอ่อนระยิบระยับ ที่เปล่งประกายความคิดเชิงบวกสุดสร้างสรรค์ให้กับทุกคน- Bumblebloom นิสัยสุดร่าเริง และซุกซน มากับเสียงหัวเราะ ที่กระจายความสุขให้กับทุกคน- Berryboy รูปทรงคล้ายลูก Berry ที่น่าหลงใหล มาพร้อมกับการเต้นสนุกๆ สู่การเฉลิมฉลอง- Silvy Ball ลูกบอลสะท้อนแสง ที่พร้อมจะฉายแสงไปทั่วดินแดนแห่งความสุขแล้วอย่าลืมมาร่วมกิจกรรม POST PIC CLICK SHARE ถ่ายรูปแล้วอย่าลืม! แชร์รูปใน FB หรือ IG แล้วใส่ #FestalLight2024Celebration รับทันที! พวงกุญแจ Limited Edition จาก Benzilla ได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น G ฟิวเจอร์พาร์คตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66 - 6 ม.ค. 67 /*โปรดตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9660000111606
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ดูเขาจูบกัน ฟินๆ "ถ้ำเขาจูบกัน" เปิดแล้ว! อันซีนเมืองประจวบคีรีขันธ์ อุทยานฯ เขาสามร้อยยอด ชวนนักท่องเที่ยวนั่งเรือชมแสงอาทิตย์งามยามเย็น ผ่านช่องเขา ทิวเขา ใกล้ชิดธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เชิญชวนนักท่องเที่ยว นั่งเรือชมแสงอาทิตย์ยามเย็น ผ่านช่องเขาขนาดเล็ก โดยบริเวณดังกล่าวจะเห็นหินเป็นเงามืด มีลักษณะคล้ายคนกำลังจูบกัน"เขาจูบกัน" ตั้งอยู่บริเวณบ้านเกาะไผ่ – เกาะมอญ หมู่ที่ 5 ตำบลไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวตามพิกัดนี้ได้ตามนี้ https://maps.app.goo.gl/G99tyoDoEp3AjHKK8 ค่าธรรมเนียม • คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท • คนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท • ค่าบริการเรือ ลำละ 600 บาท / 4 คน • ใช้เวลาไป – กลับ 2 ชั่วโมง • ให้บริการเริ่มตั้งแต่ เวลา 07.00 น. - 18.30 น. • โทรสอบถามข้อมูล 032 821 568 หรือ 098 696 9493ข้อควรปฏิบัติ1. นักท่องเที่ยว ต้องสวมใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลาทุกครั้งเมื่อเรือเคลื่อนที่2. นักท่องเที่ยว ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อปฏิบัติ และข้อกฎหมายตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 25623. ห้ามนักท่องเที่ยวให้อาหารสัตว์ หรือนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติโดยเด็ดขาด และมิให้มีการทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในพื้นที่ชุ่มน้ำและนอกพื้นที่ชุ่มน้ำเด็ดขาดที่มา-ภาพ : อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด - Khao Sam Roi Yot National Parkประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1104292
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
29/04/2024
เมื่อเร็วๆ นี้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ผู้ให้ความสนใจลงทุนด้านสตาร์ทอัพปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาอย่างต่อเนื่อง ได้แสดงความเห็นยืนยันว่า ในท้ายที่สุดแล้ว AI จะทำให้มนุษย์ทุกคนถึงจุดที่ไม่มีงานทำอีกต่อไป ( No Job is Needed) ความเห็นดังกล่าวดูจะมีความเป็นไปได้ไม่น้อย เมื่อผลการศึกษาล่าสุดของ Resume Builder ที่รายงานการวิเคราะห์กลุ่มผู้นำธุรกิจ 750 รายที่ใช้ AI พบว่า 37% ระบุว่า AI ได้เข้ามาแทนที่พนักงานในปี 2023 ส่วน 44% ระบุว่า จะมีการปลดพนักงานในปี 2024 เพราะการเข้ามาของ AI อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจากหลายสำนักกลับเห็นว่า ต่อให้ AI จะทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงงานคนจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแต่อย่างใด Julia Toothacre นักกลยุทธ์เรซูเมและอาชีพของ Resume Builder ผู้จัดทำงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ตัวเลขจากงานวิจัยของบริษัทอาจไม่สะท้อนภาพรวมธุรกิจได้อย่างแม่นยำ โดยปัจจุบันยังมีองค์กรแบบดั้งเดิมและธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเหมือนกับบริษัทรายใหญ่บางราย ซึ่งจำนวนแรงงานที่จะตกงานจากการเลย์ออฟเป็นความจริงที่ไม่อาจเลี่ยงได้ แต่เทคโนโลยี AI ก็สามารถทำให้กลุ่มผู้นำธุรกิจปรับโครงสร้างและนิยามงานที่คนจะทำขึ้นใหม่ ด้าน Alex Hood ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Asana บริษัทซอฟต์แวร์การจัดการโครงการและการทำงานร่วมกัน ประมาณการว่าครึ่งหนึ่งที่เราใช้ในการทำงานคือสิ่งที่เรียกว่า ‘งานเกี่ยวกับงาน’ (Work About Work) ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงการอัปเดตสถานะ การสื่อสารข้ามแผนก (Cross-Departmental Communication) และส่วนอื่นๆ ทั้งหมดของงานที่ไม่ใช่ Core หลักที่ AI ขับเคลื่อน เป็นทักษะที่ต้องอาศัยคนเข้ามาจัดการ ซึ่ง Hood ชี้ว่า ถ้าทักษะดังกล่าว AI สามารถเข้าแทนที่ได้ การเข้ามาของ AI ย่อมเป็นการปลดล็อกที่ยอดเยี่ยม แต่ในความเป็นจริง Asana มองว่า AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้อย่างหมดจด แต่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการทำงานของมนุษย์มากกว่า โดยข้อมูลจากรายงานสถานะของ AI ในที่ทำงาน 2023 บริษัท Asana พบว่า 29% ของพนักงานระบุภาระงานของพวกเขาสามารถใช้ AI ทำแทนได้ ดังนั้น ในมุมมองของ Asana ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะได้รับการพัฒนาในแนวทางที่เรียกว่า ‘AI ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง’ หรือ ‘Human-Centered AI’ ซึ่งช่วยปรับปรุงความสามารถและการประสานงานของมนุษย์ ไม่ใช่การใช้ AI แทนที่มนุษย์โดยสิ้นเชิงนั่นเอง ขณะที่ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ พบว่า เหล่าพนักงานออฟฟิศและเสมียน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19.6-30.4% ของแรงงานทั้งหมดทั่วโลก ยอมรับว่าเครื่องมือวิเคราะห์และการสื่อสารได้เปลี่ยนเส้นทางความรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และ Generative AI ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของการพัฒนาในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอันยาวนานนี้ อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่าความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า โดยรายงานในปี 2022 พบว่า 34% ของประชากรโลกยังคงไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการสนทนาใดๆ เกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการเลิกจ้างและการปรับโครงสร้างงานที่อาจเกิดขึ้น จำเป็นต้องรวมการพูดคุยถึงความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีที่มีและไม่มีรวมอยู่ด้วย ขณะเดียวกัน ในฐานะแรงงานยุคใหม่ บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เหล่าแรงงานทั้งหลายต้องเร่งปรับตัวเพื่อเปิดรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยนอกจากการพัฒนาทักษะให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างคล่องแคล่วไร้รอยต่อแล้ว แรงงานทั้งหลายต้องมีการพัฒนาทักษะใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเตรียมใจพร้อมที่จะเรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น หากได้เรียนรู้ซอฟต์แวร์ใหม่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันนี้ก็อาจจำเป็นต้องเรียนรู้ซอฟต์แวร์ใหม่ ขณะเดียวกัน ในขณะที่ตำแหน่งงานด้านการวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลสอดคล้องกับระบบอัตโนมัติของ AI ยังคงเป็นที่ต้องการมากขึ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อให้เข้าใจผลลัพธ์และการดำเนินการของ AI บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า บรรดาพนักงานประจำทั้งหลายที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า AI อาจส่งผลต่อตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมของตนได้อย่างไร ต้องเร่งทำความศึกษาเข้าใจ AI เพื่อเตรียมใจเตรียมตัวหาทางรับมือได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย ผู้เชี่ยวชาญสรุปปิดท้ายยืนยันว่า แม้การเลิกจ้างครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี AI แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใดๆ จะส่งผลให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่า แรงงานคนมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและปรับตัวได้เสมอ และความสามารถทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้คนต้องทำงานที่ ‘มีมูลค่าสูงขึ้น’ และมีความสามารถในการผลิตที่มากขึ้น และ AI เป็นอีกเครื่องมือที่คนต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ อ้างอิง:https://www.thestandardcnbc.com/2023/12/16/ai-job-losses-are-rising-but-the-numbers-dont-tell-the-full-story.html แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับthestandardhttps://thestandard.co/ai-job-losses-are-rising-but-the-numbers-dont-tell-the-full-story/#
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลจากงานมอบรางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2023 (PropertyGuru Thailand Property Awards 2023) จากความสำเร็จของโครงการอสังหาริมทรัพย์ถึง 2 แห่ง ได้แก่ เอไอเอ คอนเน็คท์ และ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ โดยนายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายโยฮัน ดีทอย (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน นายฮิว เท็ด เชียน (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และนายปกป้อง ยินดีผล ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในหลากหลายสาขา โดย เอไอเอ คอนเน็คท์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาอาคารสำนักงานที่มีภูมิทัศน์สถาปัตย์ยอดเยี่ยม (Best Office Landscape Architectural Design Award) และรางวัลระดับ Highly Commended สาขาอาคารสำนักงานที่มีภูมิสถาปัตย์ยอดเยี่ยม (Highly Commended: Best Office Architectural Design Award) ในขณะที่เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาอาคารสำนักงานที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดียอดเยี่ยม (Winner: Best Well Being Office Development) นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้รับรางวัลชนะเลิศด้าน ESG (Winner: Special Recognition in ESG) โดยรางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบตัวอาคารที่คำนึงถึงความสวยงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอยของผู้เช่า สอดคล้องตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ "Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
บทความโดย "สุปาณี เกษมสัมพันธ์"นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยวันที่ 18 ธันวาคม 2566 อาจเป็นคำถามในใจใครหลายคนสำหรับการเลือกตัดสินใจระหว่าง 2 วิธีนี้ ว่าจะเก็บเงินสำรองไว้เพื่อรักษาตัวเอง หรือซื้อประกันสุขภาพ เพื่อโอนย้ายความเสี่ยง อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 วิธีนี้มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลประกอบดังนี้การเก็บเงินไว้รักษาตนเองกรณีเก็บเงินไว้เพื่อรักษาตัวเอง ข้อแรกที่ควรคำนึงถึงคือ งบประมาณที่ต้องการเก็บของแต่ละคนคือเท่าไร บางคน 1 ล้านบาท รู้สึกเพียงพอ บางคนต้องมี 5 ล้านบาท หรือบางคนต้องมี 30 ล้านบาท ถึงจะอุ่นใจ และเพียงพอกับการรักษาที่ตัวเองต้องการตัวอย่าง น.ส.เอ ต้องการเก็บเงินไว้เพื่อรักษาตนเอง 5 ล้านบาท ปัจจุบัน น.ส.เอ อายุ 35 ปี ทยอยเก็บเงินจนได้ครบ 5 ล้านบาท อายุ 45 ปี เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตรวจพบมะเร็งเต้านม ระยะที่ 2 ต้องใช้ค่ารักษาพยาบาล เป็นค่าผ่าตัด 200,000 บาท เคมีบำบัด 445,788 บาท รังสีรักษา 200,000 บาท Target Therapy (ใช้ 1 ชนิด) 1,766,000 บาท รวมค่าใช้จ่าย 2,611,788 บาทหลังจากใช้ไป ถ้า น.ส.เอ ต้องการเติมเงินค่ารักษาพยาบาลให้ครบ 5 ล้านบาท น.ส.เอ ต้องเริ่มทยอยเก็บเงินอีกครั้ง ซึ่งถ้าต่อมามีการรักษาซ้ำ หรือเป็นโรคร้ายแรงด้านอื่น 5 ล้านบาทที่เตรียมไว้อาจจะไม่เพียงพอ จำเป็นต้องขายสินทรัพย์อื่นที่มีอยู่เพื่อมาดูแลรักษาตนเองในอนาคตการซื้อประกันสุขภาพปัจจุบันสัญญาประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบค่ารักษาพยาบาลต่อการรักษาตัวหนึ่งครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี หรือค่ารักษาพยาบาลแบบวงเงินเหมาจ่ายต่อปี เริ่มต้นตั้งแต่ 200,000 บาท จนถึง 120 ล้านบาทต่อปี การเลือกแผนใดจะอยู่ที่การวางแผนการรักษาในโรงพยาบาลที่มีค่ารักษาอยู่ในระดับใด ความสามารถในการชำระเบี้ยต่อปี และจำนวนปีที่ต้องการได้รับความคุ้มครอง ปัจจุบันคุ้มครองสูงสุดอยู่ที่ 99 ปีตัวอย่าง ถ้า น.ส.เอ อายุ 35 ปี มีความประสงค์ทำประกันสุขภาพ ณ ปัจจุบันจนถึงอายุ 99 ปี ค่าเบี้ยประกันรวมทั้งสัญญาคือ 7,658,800 บาท ถ้าเกิดเหตุต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลตามตัวอย่างข้างต้นจะครอบคลุมวงเงินค่ารักษา และในปีต่อไปวงเงินก็จะกลับมาเต็มใหม่ที่ 5 ล้านบาทเสมอทุกปี ทำให้วางแผนค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลได้จากตัวอย่างถ้า น.ส.เอ ทำประกันสุขภาพวงเงิน 5 ล้านบาทต่อปี ตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลรักษาพยาบาลได้ดังนี้การเก็บเงินสำรองไว้เพื่อรักษาตัวเอง หรือ ซื้อประกันสุขภาพนั้น จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันตามที่กล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม การวางแผนประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในการวางแผนทางการเงิน เพราะจะทราบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและวางแผนในการเก็บเงินได้การจัดสรรเงินเพื่อแผนประกันสุขภาพควรอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม เพียงพอกับการรักษาแบบที่เราต้องการ และคำนึงถึงเบี้ยประกันที่มีการปรับเพิ่มตามอายุ หนึ่งแผนการเงินที่สำเร็จจะสามารถต่อยอดไปยังแผนการวางแผนทางการเงินด้านอื่น ๆ ได้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1459006
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
เรียกได้ว่าช่วงนี้บัณฑิตจบใหม่เยอะมากๆ แต่ๆๆๆ เป็นบัณฑิตจบใหม่ทั้งทีนอกจากการเตรียมตัวเพื่อก้าวสู่วัยทำงานแล้วการรับปริญญาก็คงเป็นอีกความใฝ่ฝันของใครหลายคน การเก็บภาพความประทับใจด้วยการถ่ายรูปรับปริญญานอกรอบกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดวันนี้ทางเราจึงมาแนะนำสถานที่ถ่ายรูปรับปริญญาในกรุงเทพที่ถ่ายรูปรับปริญญานอกรอบ ปังทุกที่ บัณฑิตป้ายแดงต้องไป เรียนจบทั้งทีต้องมีการถ่ายรูปกับชุดครุยหนึ่งกรุบไว้เป็นที่ระลึกไว้สักหน่อย บอกเลยว่าแต่ละที่ ที่เราเลือกมามีแต่มุมสวยๆ วิวปังๆ เหมาะกับการไปถ่ายรูปมากๆ ชวนเพื่อนกับตากล้องคู่ใจไปกันเล้ย รับรองว่าเดินทางสะดวก อยู่ในกรุงเทพทั้งนั้นเลยค่ะ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง ตามเรามาเลยค่าาา!สวนเบญจกิติเปิดมาด้วยสถานที่แรก เป็นสถานที่สุดฮอตของเหล่าบัณฑิตเลยก็ว่าได้ สำหรับสวนเบญจกิติ สวนแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่สร้างขึ้นบนที่ดินของโรงงานยาสูบเก่า อยู่ติดกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาไม่นาน แต่ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญและกลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมไปโดยปริยาย สำหรับใครที่กำลังหาสถานที่ถ่ายรูปแล้วละก็ ทางเราแนะนำเลยค่ะ พิกัด : BTS สถานีอโศก ,MRT สถานีสุขุมวิท หรือ MRT สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 05:00 - 21:00 น. อุทยาน จุฬาฯ 100 ปีสถานที่ถัดมา เรียกได้ว่าเป็นปอดใหญ่ใจกลางสามย่านเลยก็ว่าได้ เป็นอีกแลนมาร์คที่ได้รับความนิยมมากเหมือนกัน สำหรับ อุทยานจุฬาฯ 100 ปี ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มาพร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ แถมยังมี ลานกลางแจ้ง อาคารสำกิจกรรม พื้นที่ออกกำลังกาย ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ ใครที่อยากได้แบบพื้นที่สีเขียวขจีตัดกับสีชุดครุยต้องแวะไปหน่อยแล้ว ห้ามพลาดเลยยยพิกัด : BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ, MRT สามย่านวันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 06:00 - 20:00 น. สะพานเขียว สวนลุม หากใครที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายรูปฟีลอยู่ญี่ปุ่น ทางเราขอแนะนำ สะพานเขียวสวนลุม เป็นสกายวอร์กทางเดินเท้า และเส้นทางจักรยานลอยฟ้า ตลอดจนกลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปรับปริญญานอกรอบที่สวยสะดุดตา สถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อระหว่างสวนลุมพินี และสวนเบญจกิติ บรรยากาศร่มรื่น มีมุมให้เลือกถ่ายรูปเยอะมาก ใครอยากถ่ายรูปแนวใสๆ ย้อนวันวานต้องที่นี้ สำหรับสายชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเลยนะพิกัด : MRT สถานีลุมพินี วันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 06:00 - 21:00 น. สถานีรถไฟหัวลำโพงหากใครที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายรูปแนวคลาสสิคๆ วินเทจ และให้กลิ่นอายความเก่า ทางเราขอแนะนำสถานีรถไฟหัวลำโพงเลย เป็นสถานที่ที่บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของใครหลายคนได้เป็นอย่างดีเลยแหละ บอกเลยว่าบัณฑิตคนไหนที่ได้ไปถ่ายสถานที่แห่งนี้ รูปที่ได้ออกมาเท่ไม่เบาเลยนะพิกัด : MRT สถานีหัวลำโพง วันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 24 ชั่วโมง สะพานพุทธอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายรูปสุดฮิต และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ สำหรับ สะพานพุทธ หรือ สะพานพระพุทธยอดฟ้า สำหรับใครที่จะไปถ่ายรูปเราแนะนำว่าให้ไปเลือกซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดกันก่อน แล้วจึงเดินไปถ่ายรูปบนสะพานพุทธ ยิ่งในช่วงเย็นๆ ประมาณ 5-6 โมง แสงตรงนี้จะสวยมากๆ รับรองว่าได้เราจะได้รูปฟีลสวยๆไปอีกแบบ ลองไปกันได้นะพิกัด : MRT สถานีสนามไชยวันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 24 ชั่วโมง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)อีกหนึ่งสถานที่ ที่เหล่าบัณฑิตควรค่าแก่การไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำนั่นก็คือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยหอศิลป์เป็นอาคารหลายชั้นที่ทันสมัยและโดดเด่น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมหานคร บรรยากาศภายในที่เต็มไปด้วยแกลอรี่สุดเจ๋ง ถ่ายออกมาไงก็เท่ห์ เหมาะแก่การถ่ายรูปรับปริญญาสุดๆ ทั้งนี้ หากบัณฑิตคนไหนที่จะไปถ่ายรูปก็ระวังถ่ายติดคนรอบข้างด้วยนะพิกัด : BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติวันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 10.00 น. – 20.00 น. ตึกกระทรวงกลาโหมสถานที่สุดท้ายที่ทางเราอยากแนะนำ เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตย่านพระนคร นั่นก็คือ ตึกกระทรวงกลาโหม เป็นตึกที่มีกลิ่นอายไตล์ยุโรป สีเหลืองเด่น ตัดกับหน้าต่างที่มีสีเขียว บอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาแล้วได้ฟีลสุดๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งที่ที่ถ่ายมุมไหนก็ได้บรรยากาศย้อนยุค เหมือนอยู่ต่างประเทศเลยยย ห้ามพลาดล่ะพิกัด : ถนนราชดำเนินกลาง แขวงพระนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯวันเวลา : เปิดทุกวัน เวลา : 24 ชั่วโมงสุดท้ายนี้ ทางเราขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ทุกคนด้วยนะ สำหรับบัณฑิตใหม่ป้ายแดงที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายภาพรับปริญญาสวยๆอยู่นั้นต้องไม่พลาดสถานที่ ที่ทางเราแนะนำเลย ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบไหนก็ปักหมุดไปสถานที่นั้นกันได้เลยนะ อย่าลืมเอามาอวดกันด้วยล่ะ เจอกันใหม่บทความหน้าค่าา บ๊ายบายยยย~ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.thTwitter : https://twitter.com/innnewsYoutube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INNTikTok : https://www.tiktok.com/@inn_newsLINE Official Account : @innnewsขอขอบคุณรูปภาพจากmovenpickbangkoksukhumvit15baanlaesuanreadmeadaymagazinetravel.mthaiBacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร foursquareขอขอบคุณข้อมูล :chalita_kแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1444435/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ใครสนใจ เที่ยวคนเดียว เที่ยวเเบบไม่มีรถยนต์ส่วนตัว แต่อยากชมวิวสวย ๆ บนยอดเขาสูง เช่นที่ เขาสันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม กาญจบุรี ลองเดินทางตามรอยนักท่องเที่ยวเจ้าของเพจ ตัวคนเดียวก็เที่ยวได้ ไม่ยากเลย แถมใช้งบเพียง 1500 บาท เท่านั้นเขาสันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม กาญจบุรีพิชิตยอดเขา สันหนอกวัวจุดสูงสุดเขาแหลมเขาสันหนอกวัว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,767 เมตร เส้นทางเดินป่าขึ้นสู่เขาสันหนอกวัวเป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินและพักค้างประมาณ 2-3 วันเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาสันหนอกวัวเริ่มต้นจากจุดชมวิวป้อมปี่ เดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติสันหนอกวัว ผ่านป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง ตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของป่าเขา พบเห็นสัตว์ป่านานาชนิด เช่น กวาง หมูป่า ลิง ค่าง และนกนานาชนิดจุดหมายปลายทางของการเดินป่าคือการขึ้นเขาสันหนอกวัว ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นทัศนียภาพของป่าเขาและทุ่งใหญ่นเรศวรในมุมสูง โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น จะเห็นทะเลหมอกปกคลุมทั่วบริเวณแชร์ประสบการณ์ไปสันหนอกวัวแบบไม่มีรถส่วนตัวคุณแบงก์ หนุ่มนักเดินทางเจ้าของเพจ ตัวคนเดียวก็เที่ยวได้ แชร์ประสบการณ์ไปสันหนอกวัวแบบไม่มีรถส่วนตัว รวมค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1500 บาท ยืนยันว่าคนเดียวก็ไปได้จริง แต่สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกคือ ต้องจองรอบเดินป่าให้ได้ก่อน (รายละเอียดท้ายเรื่อง) พร้อมแชร์ภาพวิวสวยงามชวนเดินทางตามรอยจากประสบการณ์ของตน "การมาที่นี่อันดับแรกเลยก็คือ ต้องจองให้ได้ก่อนครับ ตอนที่ไปผมจองคนเดียวเลย พอได้วันแล้วก็เริ่มวางแผนทันที ที่นี่ใช้เวลา2/1คืน แต่ผมไม่มีรถส่วนตัวครับเลยใช้เวลา3/2 คืนเลย โดยมาค้างที่ป้อมปี่ 1 คืน แล้วไปนอนบนเขาอีก 1 คืน"การเดินทางแบบไม่มีรถส่วนตัวจากกรุงเทพแนะนำให้มาถึงกาญจนบุรีให้เช้าที่สุด แล้วไปนั่งรถตู้-มินิบัสสายสังขละบุรี บอกคนขับว่าลงปากทางป้อมปี่ จากนั้นเดินเข้าไปตามทางประมาณ 2 กิโลเมตร (จะโบกรถก็ได้นะ)ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ • ค่ารถกรุงเทพ-กาญจนบุรี 130 บาท • ค่ารถมินิบัสสังขละบุรี 125 บาท • ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท • ค่ากางเต็นท์ 30×2 = 60 บาท • ค่าจนท.นำทาง 1500÷7 = 215 บาท • ค่ารถ4×4 1500÷7 = 215 บาท • รวมค่าใช้จ่ายการเดินทางโดยประมาณ 725 บาท"ขากลับผมติดรถ นทท.มาลงที่ทองผาภูมิครับ ค่ารถไปกาญประมาณ 80-110 บาท ส่วนที่เหลือจากงบอีก 600 บาท ให้จัดสรรเรื่องเสบียงอาหารเองนะครับ ส่วนตัวผม 1500 บาท มีทอนแน่นอน"สำหรับ Sanook Travel เส้นทาง เขาสันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม กาญจบุรี นับเป็นเส้นทางที่เหมาะกำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าแแบบชิล ๆ คนน้อย หรือรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ และภาพจากนักเดินทางผู้นี้คงชี้ให้เห็นแล้วว่า ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามไม่แพ้ที่ใดเลยฤดูกาลสุดท้ายของปีสำหรับผู้ที่สนใจเดินทาง ชมวิวสันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ประกาศเปิดจองสันหนอกวัว ฤดูกาลสุดท้ายของปีโดยจะเปิดรับจองเฉพาะท่านที่มีความประสงค์จะเดินป่ารอบเดือน ม.ค.-11 ก.พ. 2566 เท่านั้นย้ำ!!! รอบจองสุดท้ายแล้วรอบวันที่เปิดให้เดินป่าฯวันที่เปิดให้เดินป่าฯ รอบเดือน ม.ค. 2567 ตามวันที่ ดังนี้วันที่ 4,5,6,7,11,12,13,14,18,19,20,21,25,26,27,28วันที่เปิดให้เดินป่าฯ รอบเดือน ก.พ. 2567 ตามวันที่ดังนี้วันที่ 1,2,3,4,8,9,10,11ติดต่อจอง • รับจองทางโทรศัพท์ เบอร์ 0 3451 0431 (ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น.) • รับจอง สายละไม่เกิน 7 คน • หากมาไม่ถึง 7 คน อุทยานฯ จะจัดรวมกลุ่มให้ • เดินป่ารอบเดือน ม.ค.-11 ก.พ. 2566 เท่านั้นอัปเดตเวลาเดินรถโดยสารประจำทางกาญจนบุรี (ธ.ค. 66)ททท.สำนักงานกาญจนบุรี อัปเดตเวลาเดินรถโดยสารประจำทางกาญจนบุรี (ธ.ค. 66) เหมาะกับผู้ที่สนใจเดินทางด้วยตนเองสาย 8203 (รถบัสแดง) เส้นทาง : กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี • รถจาก บขส. กาญจนบุรี (จุดจอดช่อง B9 หน้าห้องน้ำ)เที่ยวแรกออก 08.05 น. (เฉพาะเที่ยวแรกเที่ยวเดียวที่วิ่งถึง อ.สังขละบุรี)เที่ยวสุดท้ายออก 18.00 น. • รถจากตลาดทองผาภูมิ - กาญจนบุรี (จุดจอดใกล้ 7-11 ตลาดทองผาภูมิ)เที่ยวแรกออก 05.00 น.เที่ยวสุดท้ายออก 16.00 น. • รถจากสังขละบุรี – กาญจนบุรี (จุดจอดใกล้ไปรษณีย์สังขละบุรี)รถออก 08.00 น. ของทุก ๆ วัน (มีแค่วันละ 1 เที่ยวเท่านั้น)อัตราค่าโดยสารกาญจนบุรี-ทองผาภูมิรถปรับอากาศ 120 บาท / รถพัดลม 90 บาทกาญจนบุรี-สังขละบุรีรถปรับอากาศ 190 บาท / รถพัดลม 160 บาทรถมีวิ่งตลอดทั้งวัน ทั้งขาไปและขากลับ ประมาณ 10-12 เที่ยวต่อวัน โดยเฉลี่ยรถจะออกทุก ๆ 1 ชั่วโมง #ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 080 817 3987นายท่าทองผาภูมิ โทร. 092 825 0829นายท่าเมืองกาญจน์ โทร. 081 856 8088แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1444459/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
16/02/2024
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
14/11/2024