Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
29/04/2024
บทความโดย "วริศา มณีธวัช" ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTMผู้จัดการหน่วย ศุภชนม์ 9B11A บมจ.กรุงไทยแอกซ่า ประกันชีวิตสมัยก่อนเคยมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน คนที่ไม่มีเงิน คิดว่าการวางแผนการเงินเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น ส่วนคนรวย ก็คิดว่าตนเองมีเงินมากมายเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องวางแผนการเงินแต่ในปัจจุบันความรู้เริ่มแพร่หลายทั้งในโลกออนไลน์และในหนังสือ ทุกคนรู้แล้วว่าการวางแผนการเงินนั้นจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ จะโสด หรือมีครอบครัวหรือไม่“คน (ตัดสินใจ) โสด” มีอัตราเพิ่มขึ้นในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว จากสถิติมีคนโสดถึง 13.9% ในประเทศไทย และแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อัตราการหย่าร้างสูงขึ้น 19.7% ในขณะที่อัตราการจดทะเบียนสมรส ลดลง 5% เทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมาบ้างก็ว่า “โสดก็ดี ภาระน้อย” ไม่ต้องหารตังค์กับใคร แต่หารู้ไม่ จากข้อมูล เปิดเผยว่าโดยเฉลี่ย คนโสดมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคนที่มีครอบครัวถึง 11% เนื่องจากต้องการหาความสุข จากความบันเทิง มีการเดินทาง ท่องเที่ยว มากกว่าคนมีครอบครัวมาก จึงต้องเตรียมตัวเรื่องการเงินไว้อย่างรอบคอบสุขภาพ “เพราะคนโสดต้องดูแลตัวเอง”ร่างกายคนสื่อมลงทุกวัน วันหนึ่งก็ต้องแก่และเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาลถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมไว้ก่อน เพราะวิทยาการทางการแพทย์ใหม่ ๆ ในอนาคต มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ทำให้สุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงคือ ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงโรค NCDs (โรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคไตเรื้อรัง ด้วยการออกกำลังกาย เลือกกินอาหารสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอตรวจสุขภาพประจำปีนอกจากนี้ การทำประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยบริหารค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งเป็นการวางแผนกันเงินไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลในรูปแบบเบี้ยประกันที่คาดการณ์ได้ แทนที่จะต้องไปลุ้นบิลค่ารักษาจริงที่โรงพยาบาล“ค่ากินอยู่ ใช้จ่าย” สุขสบายยามเกษียณแม้ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณบางอย่างอาจจะลดลง แต่ค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร (บางคนยังมีหนี้สินอีกด้วย) ค่าใช้จ่ายพวกนี้ยังคงอยู่ และอย่าลืมว่าหากคุณเป็นคนโสด อาจไม่มีใครมาช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้แนะนำการทำประกันบำนาญ เพื่อเป็นรายได้ต่อเนื่องระยะยาว ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนช่วงหลังเกษียณ และประกันบำนาญ ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกมาก ขณะอยู่ในช่วงวัยทำงานต่อให้โสด แต่ก็ต้องระวังโรคร้ายแรงจะโสดหรือไม่โสด ทุกคนก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรงเหมือน ๆ กัน สังเกตจากสถานพยาบาลเปิดศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์โรคไต ศูนย์โรคหัวใจ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับอุบัติการณ์การเกิดสูงขึ้น และเริ่มตรวจเจอในอายุที่น้อยลง ที่สำคัญ “ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร”นอกจากการดูแลตัวเองให้ดี ลดความเสี่ยงต่าง ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก็ควรมีประกันโรคร้ายแรงเพราะการเป็นโรคร้ายมีค่าใช้จ่ายสูง และการหยุดงานเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อรักษาตัว โดยที่ยังมีค่าใช้จ่าย ประกันโรคร้ายแรงจะเป็นเงินก้อนชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป จะได้ไม่เป็นภาระกับกระเป๋าเงินของตัวเองกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ท่องเที่ยว สันทนาการฉบับคนโสดคนโสด มีค่าท่องเที่ยว สูงกว่าคนมีครอบครัว 40%คนโสด มีค่าน้ำมัน สูงกว่าคนมีครอบครัว 4%คนโสด มีค่าความบันเทิง สูงกว่าคนมีครอบครัว 5%หากจะเป็นคนโสด มีโหมดกินเที่ยว อย่าลืมเตรียมเงินก้อนนี้ไว้ด้วย!แนะนำประกันออมทรัพย์ระยะยาว ที่มุ่งเน้นการเก็บเงินเพื่อการเกษียณ โดยเลือกแผนที่จะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาตอนที่เรากำลังจะเกษียณพอดี เพื่อเป็นเงินก้อนให้เราได้ใช้จ่ายเพื่อความสุขมรดกตกทอดให้หลานรักแม้จะไม่มีลูก แต่ ลุง ป้า น้า อา ที่มีหลานรัก ก็สามารถทำเตรียมมรดกก้อนสุดท้าย หรือทำประกันชีวิตเอาไว้ให้คนที่รักได้เช่นกันจึงควรเตรียมกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้บ้าง เพื่อเคลียร์หนี้สินส่วนตัว ไม่ให้คนข้างหลังลำบาก และเป็นเงินก้อนสำหรับหลาน ๆ หรือคนข้างหลังที่ยังเป็นห่วงเพียงเท่านี้ ก็โสดอย่างสุขใจ มีชีวิตที่ดีได้ เพราะการวางแผนการจัดการความเสี่ยงและประกันที่ครอบคลุมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1469515
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ภาษี
29/04/2024
บทความโดย “ณัฐพรพิมพ์ อัครภูษิต” ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 9 มกราคม 2567 บ่อยครั้งที่เราได้ยินว่า “สองสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตคือ ความตายและภาษี” ในวันที่เราไม่อยู่ สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะลืมนึกถึง คือ การส่งต่อทรัพย์สินอย่างไร ให้ถึงมือลูกหลาน หรือคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแน่นอนภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะภาษีมรดก ที่เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ เพราะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax) ภาษีมรดก เกิดขึ้นเมื่อเจ้ามรดกตาย และผู้รับมรดกได้รับมรดกรวมกันแล้วมีมูลค่าเกินกว่า 100 ล้านบาท ผู้รับมรดกมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เช่น มิสเตอร์โจ มีสินทรัพย์ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาท และยกมรดกให้ลูก 2 คน คนละ 500 ล้านบาท ดังนั้น ลูกหรือผู้รับมรดกต้องเตรียมการสำหรับชำระภาษีการรับมรดกถึงคนละ 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทแรก นั่นคือ 5% ของ 400 ล้าน เท่ากับคนละ 20 ล้านบาท โดยมรดก ประกอบด้วย 1. อสังหาริมทรัพย์ (ราคาประเมินกรมที่ดิน) 2. หลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (หุ้น) 3. เงินฝาก 4. ยานพาหนะ 5. ทรัพย์สินทางการเงินอื่น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร หุ้นกู้ 5 ข้อที่ต้องควรระวังในการวางแผนภาษีมรดกนั้น 1. ไม่ได้ชำระภาษีในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับมรดกมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภายใน 150 วัน หลังวันที่ได้รับมรดกเกิน 100 ล้านบาท การไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี อาจได้รับบทกำหนดโทษทั้งเบี้ยปรับและโทษทางอาญา เบี้ยปรับ • ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเวลาที่กำหนด เสียเบี้ยปรับ 1 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ • ยื่นแบบ แต่ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือเท็จ ทำให้ภาษีขาด เสียเบี้ยปรับอีก 0.5 เท่าของภาษีที่เสียเพิ่ม • ไม่ชำระภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลา ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน โทษทางอาญา • ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ม.60) โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท • ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ • หากทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึด หรืออายัด ให้แก่บุคคลอื่น ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 400,000 บาท • จงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่มา : ภาษีการรับมรดก, กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/27614.html 2. ไม่รู้สินทรัพย์และหนี้สินที่มี การที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน อาจทำให้สินทรัพย์บางรายการตกหล่น หรืออาจต้องใช้เวลาในการรวบรวม ซึ่งทำให้ยากต่อการจัดการ และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ได้ 3. ไม่ทราบความแตกต่างของประเภททรัพย์สิน : ทรัพย์สินแต่ละประเภท มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ในเรื่องของ (1) สภาพคล่อง เช่น ทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ เช่น เงินสด รถยนต์ ทองคำ เครื่องประดับ จะมีสภาพคล่องมากกว่า อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง ที่ดิน เป็นต้น (2) อัตราการเสียภาษีการรับการให้ (gift tax) และภาษีมรดก (inheritance tax) ทรัพย์สินแต่ละประเภทมีความแตกต่างของการชำระภาษีการรับให้ และภาษีมรดก เนื่องจาก 1. ภาษีการรับให้ (gift tax) เป็นการจัดเก็บภาษีกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินโอนเงินได้ หรือทรัพย์สินให้แก่บุคคลอื่น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีมรดก โดยบุคคลที่ได้รับทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ โดยเสน่หา จากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท, และส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทตลอดปีภาษี ในกรณีที่ได้รับจากบุคคลอื่น ในทางกลับกัน ถ้าลูกได้รับที่ดิน จากบุพการีที่เป็นผู้โอนกรรมสิทธิ์ หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ ในที่นี้ บิดา มารดา จะเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้ ในอัตรา 5% ในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทเช่นเดียวกัน 2. ภาษีมรดก (inheritance tax) เป็นการจัดเก็บภาษีหลังเจ้าของมรดกเสียชีวิตแล้ว โดยผู้รับมรดกจำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก และ 10% กรณีอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าพ่อแม่มีที่ดินที่ต้องการส่งต่อมรดกให้ลูกมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จำเป็นทีต้องคำนึงถึงอัตราการเสียภาษี อีกทั้งพิจารณาเรื่องการทยอยโอนที่ดินบางส่วนเพื่อให้เสียภาษีน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นที่ดินที่สามารถจัดสรรได้ ไม่มีประเด็นในเรื่องของราคาและสภาพคล่องของการซื้อขายที่ดิน เป็นต้น 4. ไม่จัดการและแบ่งมรดกให้เหมาะสมกับผู้รับ หลายครั้งที่เห็นในข่าวที่มีปัญหาเรื่องแก่งแย่ง คดีความ ฟ้องร้องเรื่องมรดก เนื่องจากเจ้ามรดกอาจไม่ได้มีการทำพินัยกรรมไว้ หรืออาจจะมีแต่ไม่ได้มีการจัดการที่ชัดเจนเหมาะสมกับผู้รับ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันและทะเลาะวิวาทในภายหลัง ในกรณีที่เจ้ามรดกมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากรวมถึงมีทายาทหลายคน ควรวางแผน ดังนี้ • จัดการแบ่งทรัพย์สินในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ • จัดแบ่งให้มีความเป็นธรรมและชัดเจนกับทายาททุกคน • มีการตกลงร่วมกัน หรือจัดให้มีการประชุม เพื่อบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร • มีการประชุมทบทวนร่วมกันเป็นระยะ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ชัดเจนหรือปัญหาภายหลัง 5. ไม่ได้เตรียมการจัดสรรมรดกล่วงหน้าเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี ถ้ามีการจัดการ 4 ข้อข้างต้นได้ดีแล้ว จะทำให้สามารถเตรียมการและวางแผนการเงิน สำหรับนำมาชำระภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้ ตามตัวอย่างข้างต้น ที่มิสเตอร์โจ มีที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งผู้รับมรดกจำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก และ 10% กรณีอื่น ๆ ดังนั้น ลูกมิสเตอร์โจหรือผู้รับมรดกต้องเตรียมการจัดสรรค่าภาษีการรับมรดกถึงคนละ 20 ล้านบาท ในกรณีนี้ มิสเตอร์โจ สามารถวางแผนโดยการจัดสรรเงินสดให้ลูกคนละ 20 ล้านบาท หรืออาจวางแผนโดยการใช้ประกันชีวิต ซึ่งอาจใช้เงินน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า สรุป เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เราสามารถเริ่มวางแผนมรดกได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยการ 1. รู้สถานะทางการเงินของตัวเองด้วยการทำบัญชีทรัพย์สินที่มีอย่างละเอียด 2. ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3. วางแผนให้ส่งต่อมรดกไปยังทายาทโดยได้รับประโยชน์สูงสุดทางภาษี เช่น การทยอยเปลี่ยนทรัพย์สินที่เสียภาษี เป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การใช้ประกันชีวิต เป็นต้น 4. พิจารณาความเหมาะสมในการมอบทรัพย์สินมรดกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเองและทายาทตามมา แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1474260
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
Maison JE Bangkok อาร์ตสเปซแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ จับมือกับ The Art Auction Center (TAAC) ผู้นำในธุรกิจประมูลงานศิลปะชื่อดังของไทย จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย 44 ชิ้นจาก 36 ศิลปินยุคใหม่ในธีม“Collectors Gathering: Conversation Among Collectors” นิทรรศการที่สะท้อนแนวคิดและมุมมองอันลุ่มลึก ที่นักสะสมมีต่อผลงานศิลปะร่วมสมัยและบริบททางสังคม เพราะงานศิลปะที่น่าประทับใจเปรียบเสมือนแก่นแท้และอรรถรสแห่งบทสนทนา เพื่อถ่ายทอดมุมมองสร้างสรรค์ของเหล่านักสะสมภายใต้แนวคิดที่ว่า ผลงานศิลปะทุกชิ้นล้วนมีความหมายอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ผลงานศิลปะอันเป็นที่รักของนักสะสม ล้วนแสดงถึงค่านิยมแห่งยุคสมัย รสนิยมอันรุ่มรวย และความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่นักสะสมมีต่องานศิลป์ เรื่องราวเหล่านี้อยู่เหนือวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งยังยกระดับงานศิลปะให้กลายเป็นภาพสะท้อนแห่งห้วงอารมณ์ สุนทรียภาพทางความรู้สึกและความงาม รวมถึงเพิ่มคุณค่าของศิลปะให้มากขึ้นนิทรรศการครั้งนี้ เน้นให้ผู้ชมได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางของศิลปะจาก 36 ศิลปินชื่อดังทั้งชาวไทยและต่างชาติ อาทิ Kusama Yayoi, Alex Face, Pex - Pitakpong Jamesripong, Jirapat Tatsanasomboon, Aof Smith – Phromphiriya Kongsathit, Jayato - Autit Pohkham, Satoru KOIZUMI, Farley Del Rosario, Jeremy Yamamura, Takeru Amano, RYOL เป็นต้น โดยแบ่งออกเป็น 6 โซน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและเบื้องหลังอันมีเสน่ห์ในการคัดเลือกงานศิลปะแต่ละชิ้น บ่งบอกถึงความตั้งใจและเจาะลึกมุมมองที่แตกต่างกันของนักสะสมแต่ละคน เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงแรงจูงใจในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างลึกซึ้งนิทรรศการ Collectors Gathering: Conversation Among Collectors จัดแสดงผลงานระหว่างวันที่ 12 ม.ค. - 11 ก.พ. 2567 เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 12.00 – 20.00 น. ที่ Maison JE Bangkok ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ (พิกัด ที่นี่) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 096-221-1646 หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์: https://maisonje.com/ และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/maisonjebangkokแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9660000116946
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
"อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว" เผยภาพความงามของ "ป่าเปลี่ยนสี" ในช่วงนี้ ที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยสามารถชมป่าเปลี่ยนสีได้บริเวณ กิโลเมตรที่ 419 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายหล่มสัก-ชุมแพ(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)เพจ "อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว" โพสต์ภาพความสวยงามของปรากฏการณ์ "ป่าเปลี่ยนสี" ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี โดยได้ให้ข้อมูลไว้ว่า "ป่าเปลี่ยนสี Fall Foliage Forest : ทางเข้าอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 419 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายหล่มสัก-ชุมแพ ประมาณเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี ผืนป่าบริเวณนี้ซึ่งเป็นป่าผสมผลัดใบ ก่อนที่พันธุ์ไม้จะผลัดใบจะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ใบไม้ในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองและแดงทั่วทั้งป่าในช่วงหน้าแล้ง เกิดเป็นสีสันของธรรมชาติที่แปลกตาน่าชมมาก โดยเฉพาะที่ภูหลังกงเกวียน จุดที่มองป่าเปลี่ยนสีได้ชัดเจนที่สุดคือ บริเวณกิโลเมตรที่ 419 นอกจากนี้ยังสามารถชมความงามของป่าเปลี่ยนสีได้ที่ยอดภูกุ่มข้าว และบนเส้นทางไปน้ำตกเหวทรายอีกด้วย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว โทร. 061-042-8234(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000001428
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
กรุงเทพฯ 8 มกราคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย และ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัวความร่วมมือเพื่อมุ่งต่อยอดการดูแลลูกค้าเอไอเอและลูกค้า เอส เอฟ แบบครบวงจร กับบริการ “AIA LOUNGE” ซึ่งเป็นพื้นที่พักคอยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการ ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เมื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ มีสิทธิรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี 2 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่ง Deluxe Seat ในระบบปกติ) ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา อีกทั้งยังได้รับคะแนนไวทัลลิตี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากพันธมิตรชั้นนำของเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นยังต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ซึ่งความร่วมมือกับ เอส เอฟ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการต่อยอดการดูแลลูกค้าคนสำคัญของเอไอเอและเอส เอฟโดยเอไอเอ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ที่สามารถสร้างความบันเทิงให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์สนใจด้านความบันเทิงและชื่นชอบการชมภาพยนตร์ ซึ่งจากวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน ทำให้วันนี้เราได้เปิดบริการ ‘AIA LOUNGE’ เพื่อแทนความห่วงใยที่ต้องการดูแลลูกค้าทุกคน ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า นอกจากนี้ เรายังได้จัดแคมเปญสำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เพียงตรวจสุขภาพเบื้องต้นครบ 4 รายการผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ สามารถรับคะแนนไวทัลลิตี้ พร้อมมีสิทธิแลกรับบัตรชมภาพยนตร์ 2 ที่นั่งฟรี ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา อีกด้วย”นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “เอส เอฟ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราผ่านรูปแบบและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อคนทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ โดยครั้งนี้เราได้ร่วมกับ เอไอเอ จัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อมอบ Customer Experience และสร้าง Brand Engagement ผ่าน AIA LOUNGE เลาจน์พักคอยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงยังมีโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษอื่น ๆ สำหรับลูกค้าของเอไอเอ ซึ่งจะช่วยสร้างสีสันและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เอส เอฟ และ เอไอเอ ได้อย่างแน่นอน”สำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ สามารถใช้สิทธิที่ท่านได้รับผ่านแอปพลิเคชัน SF Cinema และเว็บไซต์ www.sfcinema.com หรือจุดจำหน่ายบัตรหน้าโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนย่อมอยากมีฐานะทางการเงินที่ดีเยี่ยม เพื่อชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องลำบากคอยเดือดร้อนผู้อื่น และคนยุคนี้มักมีความคิดที่อยากจะรวยเร็ว รวยตอนอายุยังน้อย ยิ่งบอกว่าจะเป็นเศรษฐีก่อนอายุ 30 ปี คงมีคนบอกว่าเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ดูจินตนาการเกินจริงไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องไกลเกินตัว แต่คนที่เป็นเศรษฐีก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ของชีวิตก่อน โดยเฉพาะลักษณะของนิสัยการใช้ชีวิตที่มักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และนี่คือขั้นตอนที่จะพาคุณไปถึงฝั่งฝันของการเป็นเศรษฐี 1. สร้างรายได้เพิ่ม การประหยัดไม่ใช่หนทางที่จะพาคุณไปสู่คำว่า “เศรษฐี” ได้ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือต้องโฟกัสไปกับการเพิ่มรายได้แบบทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป มองให้เห็นภาพง่าย ๆ คือเดือนนี้คุณอาจจะมีรายได้ 20,000 บาท แต่หลังจากนั้นสัก 3-4 เดือนคุณอาจจะมีรายได้เพิ่มเป็น 50,000 บาท ต่อเดือนจากการทำงานเพิ่ม มีอาชีพเสริม 2. อย่าเป็นคนขี้อวด ให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ซื้อสินค้าหรู หรือรถยนต์จนกว่าจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และการมองหาการลงทุนก็จะทำให้เกิดกระแสรายได้ที่ปลอดภัยหลายทาง อย่าอายที่ไม่ได้ขับรถหรู แต่ให้มองว่ารถที่เราขับก็สามารถพาไปยังจุดหมายได้เหมือนกับรถอื่น ๆ เหมือนกัน 3. ออมเงินเพื่อลงทุน ไม่ใช่ออมอย่างเดียว เหตุผลเดียวของการออมเงินคือนำไปสู่การลงทุน แต่สิ่งสำคัญคือควรแยกบัญชีระหว่างเงินออมกับเงินลงทุนออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยการลงทุนที่ดีควรทยอยลงเงินอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวินัยตรงนี้จะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจกลับคืนมาในอนาคต ขอแค่มีความอดทน 4. หลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ ตั้งเป็นกฎเลยว่าอย่าใช้หนี้ที่ไม่ทำเงินให้กับตัวคุณเอง คนรวยมักใช้หนี้เพื่อยกระดับการลงทุน และเพิ่มกระแสเงินสด ส่วนคนใช้หนี้เพื่อซื้อสิ่งของที่ทำให้คนรวยรวยยิ่งขึ้น 5. จัดการเงินเหมือนกับคนรัก คนนับล้านปรารถนาที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ การจะได้รวยได้นั้นคุณต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเป็นอันดับแรก เปรียบเงินก็เหมือนกับคนรัก หากคุณเพิกเฉย มองข้าม สุดท้ายคุณก็จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว และคนรักของคุณจะหนีไปอยู่กับคนอื่นที่รักเขามากกว่า 6. ยากจนไม่มีคำว่าสมเหตุสมผล ความยากจนเป็นสิ่งที่แย่ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะอยู่กับเราตลอดไป หากมองในอีกมุมหนึ่งจะเป็นแรงผลักดัน และมองความยากจนเป็นเรื่องปกติ มีความกล่าวไว้ว่า “ความสำเร็จเป็นหนทางที่ทำให้คุณกระโดดออกจากจุดตกต่ำ” 7. ดูว่าเศรษฐีเขาคิดอย่างไร บางครั้งเราถูกเลี้ยงมาให้ครอบครัวชนชั้นกลางก็จะพบว่าตัวเองติดอยู่ในขอบเขต และแนวความคิดของคนกลุ่มนั้น การเรียนรู้จากกรณีของเหล่ามหาเศรษฐีจะทำให้คุณได้รับแนวคิด และหลักการ รวมถึงสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เป็นประจำ ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ให้ความสำคัญ คือความรู้ และทรัพยากรที่มีอยู่ 8. ตั้งเป้าไว้ 10 ล้าน ไม่ใช่ 1 ล้าน ความผิดพลาดของคนส่วนใหญ่จะละเลยที่จะตั้งเป้าหมายไว้สูง ๆ แนะนำให้เกิน 1 ล้านบาท เพราะในโลกไม่มีใครขาดแคลน มีแต่ขาดแคลนความคิดที่ใหญ่มากพอ การตั้งเป้าไว้สูงที่เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ไปถึง เหล่านี้คือขั้นตอนที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่ความเป็น “เศรษฐี” สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความอดทน อย่ายอมแพ้ และเต็มใจที่จะทำเพื่อทำให้สถานะทางการเงินของคุณดีขึ้น ที่มา: entrepreneur แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsmartsmehttps://www.smartsme.co.th/content/251660
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
‘ลุงเปิ้ล’ ศิลปินวาดภาพเหมือน .. แต่ไม่เหมือน? ที่ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บอกให้สเก็ตช์ภาพมาอีก 20 เล่ม แล้วจะกล่าวเปิดนิทรรศการศิลปะให้ เป็นจริงแล้วกับ Happleness นิทรรศการศิลปะถ่ายทอดเรื่องราวความสุขแสนเรียบง่ายนิทรรศการศิลปะนี้ชื่อแปลกไม่เหมือนใคร Happleness สะกดไม่ผิดแน่นอน และเป็นนิทรรศการศิลปะที่ศิลปินออกตัวชวนผู้มาเยี่ยมชมว่า “ไม่อนุญาตให้ทุกข์ เพราะความสุขนั้นง่ายนิดเดียว”นิทรรศการ Happleness จัดแสดงผลงานภาพวาดของศิลปินซึ่งใช้นามว่า ลุงเปิ้ล ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความน่ารัก มีความสนุกความสุขของสุพรทิพย์ ช่วงรังษี (ภาพซ้าย) และ ลินดา เชง (ภาพขวา)ลุงเปิ้ล นำธรรรมชาติของบุคคลมาถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องความสุขสุดง่ายของเหล่าคนดัง กล่าวได้ว่าเป็นการแชร์ความสุขง่ายๆ สไตล์เซเลบริตี้สายอาร์ต อาทิ • สุพรทิพย์ ช่วงรังษี กับภาพ “พะโล้ ห่านขาวแสนสวย สื่อสารได้ อ้อนเก่ง” • ฤาชุตา บุญสูง กับภาพหญิงแต่งหน้าในตอนเช้าที่ “ถูกจริต” • ลินดา เชง CEO ริเวอร์ซิตี้ กับภาพ “แค่ดอกไม้ดอกเดียว” • พรภัทร์ วิฑูรชาติ กับภาพ "ความสุขเล็กๆ รอบตัว” • อินทิรา ธนวิสุทธิ์ ถึงแม้ตัวไม่ได้มาแต่ก็มีภาพความสุขกับแหวนวงแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองความสุขของ ฤาชุตา บุญสูง (ภาพซ้าย) และ อินทิรา ธนวิสุทธิ์ (ภาพขวา)นิทรรศการนี้ ลุงเปิ้ล อยากให้ทุกคนที่มาร่วมชมผลงานได้สามารถแชร์ความสุขง่าย ๆ ของตัวเองกัน จะกินไอศกรีม จิบไวน์ นั่งนิ่งๆ นอน แต่งหน้า จัดดอกไม้ ชงกาแฟ เม้าท์เรื่องชาวบ้าน สุขอะไรก็ได้ เอาที่สบายใจละกันลุงเปิ้ล เป็นชื่อเล่นของ จาริณี เมธีกุล ชื่อ 'ลุงเปิ้ล' เกิดจากเหตุผลสั้น ๆ เพราะเธอบอกว่า ไม่อยากเป็น “ป้า”ลุงเปิ้ลจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้เริ่มทำงานในวงการโทรทัศน์มาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบันกับการเปิดบริษัทรับผลิตรายการโทรทัศน์ภายใต้ชื่อ “บริษัท 3344 จำกัด”ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ มาร่วมให้กำลังใจลูกศิษย์วันเปิดนิทรรศการวันหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ‘ลุงเปิ้ล’ หลงเข้าไปเรียนศิลปะกับ ครูโต - ม.ล.จิราธร จิรประวัติ และ ครูปาน สมนึก คลังนอก ด้วยคำพูดประโยคเดียวของครูโต คือ “ถ้าเปิ้ลอยากถ่ายรูปสวย เปิ้ลต้องมาเรียนศิลปะ”อย่างไรก็ตาม ลุงเปิ้ลเริ่มต้นเรียนศิลปะไปด้วยความอึดอัด เพราะวาดอย่างไรก็ไม่สวย ไม่เหมือนสักที จนกระทั่งครูโตได้สอนว่า“ไม่ต้องสวย ไม่ต้องเหมือนก็ได้ เอาที่เปิ้ลวาดแล้วมีความสุข”นับแต่นั้นมา ต่อมอาร์ตของลุงเปิ้ลก็เริ่มแตก เธอวาดรูปทุกวัน วาดเพื่อนทุกคนที่รู้จักจนหมด ลามไปถึงวาดบุคคลสำคัญของโลกเกือบทุกคน แล้วตั้งฉายาเองเรียกตัวเองว่า “ลุงเปิ้ล วาดภาพไม่เหมือน”อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กับ ลุงเปิ้ล - จาริณีลุงเปิ้ลทำใจกล้า นำสมุดสเก็ตซ์ของตัวเองให้ ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ดูเมื่อ 4 ปีก่อน อาจารย์เฉลิมชัยชื่นชมลุงเปิ้ลที่มีพลังวาดรูปได้ทุกวัน พร้อมทั้งสั่งว่า “ห้ามเอาสมุดสเก็ตซ์ให้ใครดู เดี๋ยวเค้าวิจารณ์ว่าไม่สวย ก็ไปเชื่อเขาอีก! กลับไปวาดมาอีก 20 เล่ม!”วันนี้ลุงเปิ้ลวาดครบ 20 เล่มแล้ว เมื่อเจออาจารย์เฉลิมชัยอีกครั้ง อาจารย์แนะนำให้เธอจัดนิทรรศการศิลปะได้แล้ว โดยอาจารย์จะมาพูดเปิดงานให้แล้วประวัติชีวิตสุด Happy ของ “ลุงเปิ้ล ภาพไม่เหมือน” ก็ดำเนินมาถึงบรรทัดนี้กับการแสดงนิทรรศการศิลปะชื่อ Happleness และได้รับเกียรติจาก เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม) พ.ศ.2554 เดินทางมาเป็นประธานกล่าวเปิดนิทรรศการแทน - ณภัส และ กนกวัลย์ โฆษิตพิพัฒน์ กับภาพเจ้าพอร์ชอ.เฉลิมชัย ควงคู่ภรรยาสุดที่รัก กนกวัลย์ โฆษิตพิพัฒน์ และลูกชาย แทน - ณภัส โฆษิตพิพัฒน์ มาร่วมให้กำลังใจศิลปินที่เรียกได้ว่าอาจารย์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการตัดสายสะดือให้จัดงานนิทรรศการครั้งแรกในชีวิตครั้งนี้ นอกจากนี้ยังควักกระเป๋าซื้อรูป 2 รูป คือรูป หมารัก เจ้าพอร์ช ซึ่งเป็นหนึ่งในความสุขของภรรยาและรูป ความสุขไม่ต้องเหมือนใคร ที่ลุงเปิ้ลนำมาจัดแสดงอีกด้วยพื้นที่แสดงนิทรรศการ Happleness Solo Exhibitionร่วมเติมความสุขง่ายๆ แบบเรียบง่ายรับปีใหม่ 2567 หรือจะสะสมภาพผลงาน ‘ลุงเปิ้ล’ ได้ในนิทรรศการ Happleness Solo Exhibition ที่ชั้น 2 ห้อง 249 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก วันนี้– 14 มกราคม 2567ความสุขของ ปรางณี ไชยพิเดช (ภาพซ้าย) และ พรภัทร์ วิฑูรชาติ (ภาพขวา)ครูโต - ม.ล.จิราธร จิรประวัติลุงเปิ้ล กับ สุพรทิพย์ ช่วงรังษีวิวัฒน์, อติรุจ,จาริณี, นฑาห์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbangkokbiznewshttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1106952
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
บ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนดอยสูงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 44 กิโลเมตร ในช่วงใกล้หน้าหนาวแบบนี้ หากจะถามถึงหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางอยากจะไปเยือนกันมากที่สุด หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน อยู่แน่นอน หมู่บ้านชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนานแห่งนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำไมใครๆ ต่างก็อยากมาที่นี่ วันนี้ Sanook Travel เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันครับหมู่บ้านรักไทย ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ในเขตอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้คือมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่เลยในช่วงเช้านั้น จะมีสายหมอกที่ลอยละล่องอยู่เหนือผิวน้ำ เป็นภาพบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ซึ่งถือเป็นภาพในฝันของหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ภายในหมู่บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน จะมีทั้งที่พักและร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของมากมาย ในสไตล์จีนยูนนาน เรียกได้ว่าเข้าไปที่นี่จะเหมือนคุณหลุดเข้าไปในเมืองจีนเลยก็ว่าได้ เป็นเสน่ห์ของหมู่บ้านรักไทยที่ทำให้หลายคนชื่นชอบกิจกรรมห้ามพลาด หากมาที่นี่ บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน ก็คือการล่องเรือไม้โบราณ ชมวิวรอบทะเลสาบ ได้เห็นภาพบรรยากาศของหมู่บ้านที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสวยงามมากๆ ใครมาที่นี่ห้ามพลาดครับและทั้งหมดนี้ก็คือความประทับใจที่คุณจะได้พบและสัมผัสที่หมู่บ้านรักไทย ก่อนลมหนาวจะหมดไปลองหาเวลาไปสัมผัสด้วยตัวเองกันครับการเดินทาง ไปยังบ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ • รถส่วนตัว: บ้านรักไทยตั้งอยู่บนถนนสาย 1095 เส้นทางสายเหนือ (ไปปาย) จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนให้ขับไปตามถนนสายนี้ประมาณ 44 กิโลเมตร จนถึงแยกบ้านรักไทย ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1219 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านรักไทย ระยะทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปบ้านรักไทย ประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที • รถทัวร์: มีรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปแม่ฮ่องสอนหลายบริษัท เมื่อถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว สามารถต่อรถบัสท้องถิ่นไปบ้านรักไทยได้ รถบัสจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง • แท็กซี่: แท็กซี่จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปบ้านรักไทยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที อัตราค่าโดยสารประมาณ 1,000 บาท • เหมารถ: นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปบ้านรักไทยได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที อัตราค่าโดยสารประมาณ 1,500 บาทบ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขา ชิมอาหารพื้นเมือง และล่องเรือชมทะเลสาบได้ บ้านรักไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนข้อมูลเพิ่มเติม บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน ที่ตั้ง : ตำบล หมอกจำแป่ อำเภอ เมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอนพิกัด : https://goo.gl/maps/6fpyehrWZ2eD4d6b8แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1435997/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
กรุงเทพฯ, 5 มกราคม 2567 - เอไอเอ เวลเนส (AIA Wellness) ยินดีที่จะประกาศถึงความสำเร็จในการเปิดตัวนวัตกรรมด้านดิจิทัลที่ก้าวล้ำโดยมุ่งตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพที่หลากหลายของทุกคนแบบครบวงจรผ่านการพัฒนา 3 แอปพลิเคชัน คือ แอปพลิเคชัน เอ ไลฟ์ พาวเวอร์ บาย เอไอเอ (ALive Powered by AIA) แอปพลิเคชัน เอไอเอ พลัส (AIA+) และแอปพลิเคชัน เอไอเอ วัน (AIA One) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของ เอไอเอ เวลเนส และวงการสุขภาพ ในประเทศไทย นวัตกรรมด้านดิจิทัลของ เอไอเอ เวลเนส เป็นโซลูชันที่ครอบคลุมและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้บริการทางด้านสุขภาพที่เข้าใจทุกรายละเอียด ซึ่งส่วนประกอบหลักของนวัตกรรมด้านดิจิทัลนี้คือ แอปพลิเคชัน เอไอเอ พลัส เปิดให้ใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2565 และแอปพลิเคชัน เอไอเอ วัน ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 แอปพลิเคชัน ถูกก่อตั้งขึ้นโดย เอไอเอ ประเทศไทย ตามด้วยแอปพลิเคชัน เอไลฟ์ พาวเวอร์ บาย เอไอเอ ที่เปิดให้ใช้งานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยทั้ง 3 แอปพลิเคชัน ถูกพัฒนาโดย เอไอเอ เวลเนส ภายใต้ กลุ่มบริษัท เอไอเอ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจรและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในทุกด้าน เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของกลุ่มบริษัทเอไอเอ Healthier, Longer, Better Lives สำหรับ เอ ไลฟ์ พาวเวอร์ บาย เอไอเอ เป็นโมบายแอปพลิเคชันครบวงจรด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่ออกแบบสำหรับทุกคน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว ให้คำแนะนำได้อย่างครอบคลุมในทุกช่วงเวลาของครอบครัวโดยเชื่อมกับสังคมออนไลน์ ตอบรับเทรนด์คนยุคใหม่ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ที่มีคุณสมบัติด้านสุขภาพที่หลากหลาย ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมเพื่อเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้าน แอปพลิเคชัน เอไอเอ วัน เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ตัวแทนเอไอเอ สามารถเข้าถึงบริการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างตัวแทนและลูกค้า และแอปพลิเคชัน เอไอเอ พลัส การรวมฟีเจอร์ของเอไอเอ ทั้ง เอไอเอ ไอเซอร์วิส (AIA iService) และเอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) มาไว้ด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการจากเอไอเอแบบไร้รอยต่อ อาทิ บริการกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบดิจิทัล ระบบติดตามสุขภาพ รวมถึงรางวัลพิเศษสำหรับผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น "เอไอเอ เวลเนส มีความยินดีที่จะได้แนะนำนวัตกรรมด้านดิจิทัลที่ทันสมัยของเรา ซึ่งประกอบด้วย แอปพลิเคชัน เอ ไลฟ์ พาวเวอร์ บาย เอไอเอ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับทุกเรื่องสุขภาพของผู้ใช้งาน แอปพลิเคชัน เอไอเอ วัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประสิทธิภาพในการสื่อสารให้ดีขึ้นระหว่างตัวแทนเอไอเอ และลูกค้า และแอปพลิเคชัน เอไอเอ พลัส ตัวช่วยสำหรับการจัดการกรมธรรม์ลูกค้าเอไอเอ ให้มีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้ง 3 แอปพลิเคชันนี้ นับเป็นส่วนสำคัญในภารกิจของเราในการเปลี่ยนแปลงทิศทางด้านสุขภาพ เรามีเป้าหมายที่จะให้บริการสุขภาพอย่างครอบคลุมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่ไม่เหมือนใคร" นายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ เวลเนส กล่าวเอไอเอ เวลเนส มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมด้านสุขภาพโดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น การเปิดตัวนวัตกรรมด้านดิจิทัลนี้ถือเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของ เอไอเอ เวลเนส ที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทั่วประเทศ เพื่อเติมเต็มตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
วิธีที่จะร่ำรวยจากการลงทุนเพราะคนส่วนมากมักทำเรื่องโง่ๆ เราควรไปซื้อธุรกิจที่ยอดเยี่ยม เวลาคนส่วนมากตื่นตกใจแห่กันขายราคาถูกๆและไปขายคืนให้คนส่วนมากอีกที ตอนที่พวกเขาแย่งกันซื้อแพงๆในช่วงฟองสบู่ Charlie Munger กล่าวไว้ แต่ในทางปฏิบัติ มันไม่ง่ายเลย เหมือนเราจะต้องเดินทาง "ในทางสายเปลี่ยว" มันเหงา มันน่ากลัว มันไม่มีเพื่อน มันเดินเคว้งอยู่คนเดียว ภาวะการลงทุนในตอนนี้ - กราฟระยะยาว ยังไม่สวย - พื้นฐาน ตอนนี้ไม่เเพงแต่ก็ไม่ถูก - ระยะทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล หุ้นบางตัวแค่ยืนได้ เเต่มีบางตัวยังลงต่ออีก - ดอกเบี้ย หยุดขึ้น มีเเต่ยืนกับลง - ตอนนี้หลายบริษัทต้องเตรียมหาเงิน "หุ้นกู้" เมื่อครบกำหนด บริษัทที่ดีไม่น่าห่วงอะไร แต่บริษัทที่ไม่แข็งเเรง น่าเป็นห่วงมาก - เจอเเม่ค้าขายของบ่น ไม่เคยเจอ "เศรษฐกิจ" แบบนี้ มีเเต่คนเดินไม่มีคนซื้อ เขียนมาถึงตอนนี้ สรุปเลยนะครับ ให้เอามือกอดอกอยู่นิ่งๆ เอาเรือขึ้นฝั่ง ซ่อมเเห ซ่อมอวน (อ่านหนังสือ ศึกษา เตรียมพร้อม) รอจังหวะข้างหน้าครับ แค่เราพยายาม "อย่าโง่" มากกว่าที่จะ "พยายามฉลาด" แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับstock2morrowhttps://stock2morrow.com/article/5820
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
31/07/2024
31/07/2024
30/04/2024
30/04/2024