คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการงานศิลปะ 8 อาร์ติสต์หญิงไทย

29/04/2024

ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ห้างโรบินสัน เชียงราย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จัดแสดงนิทรรศการงานศิลปะระดับประเทศ Robinson: “The Cosmos Within the Women’s Lens” (“จักรวาลในดวงตาสตรี”) ภายใต้งาน “Thailand Biennale Chiang Rai Collateral Exhibition” ในคอนเซปต์ “เปิดโลก (The Open World)” โดยจับมือ 8 อาร์ติสต์หญิงไทย แพรว-กวิตา วัฒนะชยังกูร, ชนิดา อรุณรังษี, ปานพรรณ ยอดมณี, ธิดารัตน์ จันทเชื้อ, ปัทมาภรณ์ อุณหนันทน์,ภัทรี ฉิมนอก, พจวรรณ พันธ์จินดา และ ธนนันท์ ใจสว่าง ร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะอันทรงคุณค่า สะท้อนเรื่องราวสังคมและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ผ่านหลากหลายเทคนิคการลงสี และเทคโนโลยีการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ อาทิ Interactive Virtual Reality การเสพงานศิลป์ผ่านแว่นตา VR รวมทั้งการนำเสนอในรูปแบบอื่นๆอีกมากมายณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการร่วมส่งเสริมและสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ลูกค้าและครอบครัวนักช็อปในจังหวัดได้มีโอกาสสัมผัสกับผลงานศิลปะอันน่าตื่นตา ตื่นใจ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมทั้งได้ตระหนักถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สะท้อนเรื่องราวผ่านเหล่าผลงานศิลปะที่นำมาจัดแสดง อีกทั้งเป็นการร่วมขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของ จ.เชียงราย ในช่วงปลายปีพบกับงานนิทรรศการผลงานศิลปะจาก 8 อาร์ติสต์หญิงไทย Robinson: “The Cosmos Within the Women’s Lens” (“จักรวาลในดวงตาสตรี”) ถึง 31 ม.ค. 67 ที่บริเวณ ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เชียงราย.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2750995

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี” ชมฟรี ซากุระเมืองไทยปีงูใหญ่ เบ่งบานแห่งแรกบนดอยอินทนนท์

29/04/2024

สายดอกไม้ไม่ควรพลาด ต้นเดือนมกราคมปีนี้ (2567) ซึ่งเป็นปีมะโรงหรือปีงูใหญ่ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือที่นักท่องเที่ยวนิยมเรียกกันว่า “ซากุระเมืองไทย” เริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วชมฟรี ซากุระเมืองไทยบนดอยอินทนน์ ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี”สำหรับดอยอินทนนท์ ภูเขาสูงที่สุดของเมืองไทยในจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมซากุระเมืองไทยขึ้นชื่อ และมีอยู่หลายจุดด้วยกัน โดยปีนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ “โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีดอยอินทนนท์” หรือ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี” ได้ทยอยออกดอกเบ่งบานเป็นแห่งแรกบนดอยอินทนนท์ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำการวิจัยและเพาะพันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ที่มีความสวยงามแต่ใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นแหล่งให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจชมฟรี ซากุระเมืองไทยบนดอยอินทนน์ ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี”ศูนย์ฯ กล้วยไม้ แห่งนี้ เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระเมืองไทยยอดนิยมของจังหวัดเชียงใหม่ ภายในศูนย์ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เรียงรายริมอ่างเก็บน้ำที่ใช้ในโครงการ โดยมีการจัดแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม รวมถึงมีกล้วยไม้รองเท้านารี ทั้งของจริงและประติมากรรม ประดับตกแต่งอยู่เป็นระยะ ๆ ในบรรยากาศสวนดอกไม้ กล้วยไม้ และต้นไม้ที่ร่มรื่นในช่วงนี้นางพญาเสือโคร่งกำลังออกดอกเบ่งบานเป็นสีชมพูสวยงามกว่า 60% และคาดว่าจะบานเต็มที่แบบ full bloom ในช่วงปลายเดือนมกราคม และจะคงอยู่อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนร่วงโรยไปตามธรรมชาติชมฟรี ซากุระเมืองไทยบนดอยอินทนน์ ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี”นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ศูนย์ฯ กล้วยไม้รองเท้านารี จะได้ชมซากุระเมืองไทยออกดอกเบ่งบานใน 2 จุดหลักด้วยกัน ได้แก่จุดแรกอยู่บริเวณทางเข้าด้านหน้า และจุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดไฮไลต์จะอยู่ด้านในบริเวณรอบ ๆ อ่างน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวรอบ ๆ ได้ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งนอกจากจะมีดอกนางพญาเสือโคร่งออกดอกอยู่รายรอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ยังมีจุดเด่นเป็นภาพจำของที่นี่ กับภาพของดอกซากุระเมืองไทยบานสีชมพูสะพรั่งสะท้อนในเงาน้ำ ท่ามกลางทุ่งหญ้า ต้นสน ป่าใหญ่ และขุนเขาบนดอยอินทนนท์ที่รายล้อมชมฟรี ซากุระเมืองไทยบนดอยอินทนน์ ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี”นอกจากนี้ภายในศูนย์ฯ กล้วยไม้ ยังมีโรงเรือนกล้วยไม้และเฟิร์น ภายในมีกล้วยไม้รองเท้านารีสายพันธุ์ต่าง ๆ และเฟิร์นหลากหลายชนิดให้ชมสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการศึกษาเรียนรู้สามารถมาเยี่ยมชมได้ทั้งดอกนางพญาเสือโคร่งและพันธุ์กล้วยไม้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดีทาง “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” ได้ขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเก็บสถิติของนักท่องเที่ยว เพื่อการบริหารจัดการไม่ให้คนเข้าไปอยู่หนาแน่นมากจนเกินไปชมฟรี ซากุระเมืองไทยบนดอยอินทนน์ ที่ “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี”แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000003670

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Living to 100” ชวนคนไทยวางแผนสุขภาพและการเงิน เพื่อชีวิตที่ทุกคนเลือกเองได้

29/04/2024

กรุงเทพฯ, 10 มกราคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ต้อนรับปีมังกรทอง ในชื่อชุด “Living to 100” ที่ต้องการสื่อสารให้คนไทยได้ตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว และไม่ว่าจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน ทุกคนยังสามารถเลือกชีวิตที่อยากเป็นได้ โดยเริ่มต้นจากการวางแผนรอบด้าน ทั้งด้านสุขภาพ และด้านการเงิน  ซึ่งเอไอเอ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันชีวิตและการเงินอันดับหนึ่งของประเทศไทย[1] มุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้คนไทยได้เดินตามเป้าหมายและมีชีวิตในแบบที่ทุกคนอยากเป็น เพียงเริ่มวางแผนการเงินและสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืนของคนไทยทั่วประเทศ ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ได้อยู่ดูแลคนไทยมาสู่ปีที่ 86 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามส่งมอบความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ พร้อมกับการช่วยลูกค้าวางแผนทางการเงิน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความมั่งคั่งไปพร้อม ๆ กับความมั่นคงในชีวิต อย่างไรก็ดี มีสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำ ทำให้มีแนวโน้มที่คนจะมีอายุยืนยาวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ[2] ในปี 2564 อายุขัยเฉลี่ยของคนทั่วโลก อยู่ที่ 71 ปี และในอนาคตอีก 80 ปีข้างหน้าอายุขัยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 82.1 ปี สำหรับในประเทศไทย ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.4 เดือนต่อปี และคาดการณ์ว่าคนไทยที่เกิดในปี 2559 มีโอกาสที่จะมีอายุเฉลี่ยเกือบถึง 90 ปี หรือบางคนอาจมีอายุยืนยาวไปถึง 100 ปี[3] ซึ่งนี่ถือเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน เพราะหากไม่ได้เตรียมความพร้อมหลังเกษียณไว้อย่างรอบคอบ อาจทำให้บั้นปลายชีวิตของหลาย ๆ คน กลายเป็นช่วงชีวิตที่ไม่มีความสุขเลยก็เป็นได้ “ดังนั้น เอไอเอ กำลังเดินตามคำมั่นสัญญาที่เราตั้งไว้ โดยมุ่งสนับสนุนให้คนไทยและคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการชวนให้ทุกคนลองคิดถึงความรู้สึกสุดท้ายของชีวิต เพื่อเริ่มต้นทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด ผ่านภาพยนตร์โฆษณา ‘Living to 100’ ที่เอไอเอตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต และฉุกคิดที่จะเริ่มต้นวางแผนสุขภาพและการเงินตั้งแต่วันที่เรายังแข็งแรงอยู่ ซึ่งเอไอเอได้เตรียมการดูแลลูกค้าไว้อย่างครบวงจร ด้วย AIA Health Solution และ AIA Wealth Solution โซลูชันที่จะช่วยส่งมอบอนาคตที่มั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับคนไทยทุกคน” ติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาชุด ‘Living to 100’ ได้ทางสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page, AIA Thailand YouTube Channel และ Line Official Account ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสามารถคลิกลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=YYz51Aj79-k หรือ สแกน QR Code เพื่อรับชมภาพยนตร์โฆษณา สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.aia.co.th/th/campaigns/living-to-100หมายเหตุ: [1] ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย, รายงานสถิติธุรกิจประกันชีวิตรายใหม่ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 [2] ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations), World Population Prospects (2022)  [3] ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย, บทความ “ทีดีอาร์ไอ เสนอวาระ “สังคมอายุยืน” พลิกวิกฤตสังคมสูงวัย ให้ไทยแข่งขันได้ และอยู่ดี มีสุข”, วันที่ 12 พฤษภาคม 2562

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เปิด 5 เรื่องต้องรู้ ก่อน “คนโสด” ซื้อประกัน

29/04/2024

บทความโดย "วริศา มณีธวัช" ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTMผู้จัดการหน่วย ศุภชนม์ 9B11A บมจ.กรุงไทยแอกซ่า ประกันชีวิตสมัยก่อนเคยมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน คนที่ไม่มีเงิน คิดว่าการวางแผนการเงินเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น ส่วนคนรวย ก็คิดว่าตนเองมีเงินมากมายเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องวางแผนการเงินแต่ในปัจจุบันความรู้เริ่มแพร่หลายทั้งในโลกออนไลน์และในหนังสือ ทุกคนรู้แล้วว่าการวางแผนการเงินนั้นจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ จะโสด หรือมีครอบครัวหรือไม่“คน (ตัดสินใจ) โสด” มีอัตราเพิ่มขึ้นในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว จากสถิติมีคนโสดถึง 13.9% ในประเทศไทย และแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อัตราการหย่าร้างสูงขึ้น 19.7% ในขณะที่อัตราการจดทะเบียนสมรส ลดลง 5% เทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมาบ้างก็ว่า “โสดก็ดี ภาระน้อย” ไม่ต้องหารตังค์กับใคร แต่หารู้ไม่ จากข้อมูล เปิดเผยว่าโดยเฉลี่ย คนโสดมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคนที่มีครอบครัวถึง 11% เนื่องจากต้องการหาความสุข จากความบันเทิง มีการเดินทาง ท่องเที่ยว มากกว่าคนมีครอบครัวมาก จึงต้องเตรียมตัวเรื่องการเงินไว้อย่างรอบคอบสุขภาพ “เพราะคนโสดต้องดูแลตัวเอง”ร่างกายคนสื่อมลงทุกวัน วันหนึ่งก็ต้องแก่และเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาลถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมไว้ก่อน เพราะวิทยาการทางการแพทย์ใหม่ ๆ ในอนาคต มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ทำให้สุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงคือ ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงโรค NCDs (โรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคไตเรื้อรัง ด้วยการออกกำลังกาย เลือกกินอาหารสุขภาพ  พักผ่อนให้เพียงพอตรวจสุขภาพประจำปีนอกจากนี้ การทำประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยบริหารค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งเป็นการวางแผนกันเงินไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลในรูปแบบเบี้ยประกันที่คาดการณ์ได้ แทนที่จะต้องไปลุ้นบิลค่ารักษาจริงที่โรงพยาบาล“ค่ากินอยู่ ใช้จ่าย” สุขสบายยามเกษียณแม้ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณบางอย่างอาจจะลดลง แต่ค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร (บางคนยังมีหนี้สินอีกด้วย) ค่าใช้จ่ายพวกนี้ยังคงอยู่ และอย่าลืมว่าหากคุณเป็นคนโสด อาจไม่มีใครมาช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้แนะนำการทำประกันบำนาญ เพื่อเป็นรายได้ต่อเนื่องระยะยาว ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนช่วงหลังเกษียณ และประกันบำนาญ ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกมาก ขณะอยู่ในช่วงวัยทำงานต่อให้โสด แต่ก็ต้องระวังโรคร้ายแรงจะโสดหรือไม่โสด ทุกคนก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรงเหมือน ๆ กัน สังเกตจากสถานพยาบาลเปิดศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์โรคไต ศูนย์โรคหัวใจ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับอุบัติการณ์การเกิดสูงขึ้น และเริ่มตรวจเจอในอายุที่น้อยลง ที่สำคัญ “ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร”นอกจากการดูแลตัวเองให้ดี ลดความเสี่ยงต่าง ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก็ควรมีประกันโรคร้ายแรงเพราะการเป็นโรคร้ายมีค่าใช้จ่ายสูง และการหยุดงานเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อรักษาตัว โดยที่ยังมีค่าใช้จ่าย ประกันโรคร้ายแรงจะเป็นเงินก้อนชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป จะได้ไม่เป็นภาระกับกระเป๋าเงินของตัวเองกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ท่องเที่ยว สันทนาการฉบับคนโสดคนโสด มีค่าท่องเที่ยว สูงกว่าคนมีครอบครัว 40%คนโสด มีค่าน้ำมัน สูงกว่าคนมีครอบครัว 4%คนโสด มีค่าความบันเทิง สูงกว่าคนมีครอบครัว 5%หากจะเป็นคนโสด มีโหมดกินเที่ยว อย่าลืมเตรียมเงินก้อนนี้ไว้ด้วย!แนะนำประกันออมทรัพย์ระยะยาว ที่มุ่งเน้นการเก็บเงินเพื่อการเกษียณ โดยเลือกแผนที่จะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาตอนที่เรากำลังจะเกษียณพอดี เพื่อเป็นเงินก้อนให้เราได้ใช้จ่ายเพื่อความสุขมรดกตกทอดให้หลานรักแม้จะไม่มีลูก แต่ ลุง ป้า น้า อา ที่มีหลานรัก ก็สามารถทำเตรียมมรดกก้อนสุดท้าย หรือทำประกันชีวิตเอาไว้ให้คนที่รักได้เช่นกันจึงควรเตรียมกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้บ้าง เพื่อเคลียร์หนี้สินส่วนตัว ไม่ให้คนข้างหลังลำบาก และเป็นเงินก้อนสำหรับหลาน ๆ หรือคนข้างหลังที่ยังเป็นห่วงเพียงเท่านี้ ก็โสดอย่างสุขใจ มีชีวิตที่ดีได้ เพราะการวางแผนการจัดการความเสี่ยงและประกันที่ครอบคลุมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1469515

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาษี

เปิด 5 ข้อ ที่ต้องควรระวังในการวางแผนภาษีมรดก

29/04/2024

บทความโดย “ณัฐพรพิมพ์ อัครภูษิต”  ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 9 มกราคม 2567 บ่อยครั้งที่เราได้ยินว่า “สองสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตคือ ความตายและภาษี” ในวันที่เราไม่อยู่ สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะลืมนึกถึง คือ การส่งต่อทรัพย์สินอย่างไร ให้ถึงมือลูกหลาน หรือคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแน่นอนภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะภาษีมรดก ที่เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ เพราะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax) ภาษีมรดก เกิดขึ้นเมื่อเจ้ามรดกตาย และผู้รับมรดกได้รับมรดกรวมกันแล้วมีมูลค่าเกินกว่า 100 ล้านบาท ผู้รับมรดกมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เช่น มิสเตอร์โจ มีสินทรัพย์ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาท และยกมรดกให้ลูก 2 คน คนละ 500 ล้านบาท ดังนั้น ลูกหรือผู้รับมรดกต้องเตรียมการสำหรับชำระภาษีการรับมรดกถึงคนละ 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทแรก นั่นคือ 5% ของ 400 ล้าน เท่ากับคนละ 20 ล้านบาท โดยมรดก ประกอบด้วย 1. อสังหาริมทรัพย์ (ราคาประเมินกรมที่ดิน) 2. หลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (หุ้น) 3. เงินฝาก 4. ยานพาหนะ 5. ทรัพย์สินทางการเงินอื่น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร หุ้นกู้ 5 ข้อที่ต้องควรระวังในการวางแผนภาษีมรดกนั้น 1. ไม่ได้ชำระภาษีในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับมรดกมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภายใน 150 วัน หลังวันที่ได้รับมรดกเกิน 100 ล้านบาท การไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี อาจได้รับบทกำหนดโทษทั้งเบี้ยปรับและโทษทางอาญา เบี้ยปรับ    •  ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเวลาที่กำหนด เสียเบี้ยปรับ 1 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ     •  ยื่นแบบ แต่ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือเท็จ ทำให้ภาษีขาด เสียเบี้ยปรับอีก 0.5 เท่าของภาษีที่เสียเพิ่ม    •  ไม่ชำระภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลา ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน โทษทางอาญา    •  ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ม.60) โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท     •  ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ    •  หากทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึด หรืออายัด ให้แก่บุคคลอื่น ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 400,000 บาท    •  จงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่มา : ภาษีการรับมรดก, กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/27614.html 2. ไม่รู้สินทรัพย์และหนี้สินที่มี การที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน อาจทำให้สินทรัพย์บางรายการตกหล่น หรืออาจต้องใช้เวลาในการรวบรวม ซึ่งทำให้ยากต่อการจัดการ และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ได้  3. ไม่ทราบความแตกต่างของประเภททรัพย์สิน : ทรัพย์สินแต่ละประเภท มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ในเรื่องของ (1) สภาพคล่อง เช่น ทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ เช่น เงินสด รถยนต์ ทองคำ เครื่องประดับ จะมีสภาพคล่องมากกว่า อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง ที่ดิน เป็นต้น (2) อัตราการเสียภาษีการรับการให้ (gift tax) และภาษีมรดก (inheritance tax) ทรัพย์สินแต่ละประเภทมีความแตกต่างของการชำระภาษีการรับให้ และภาษีมรดก เนื่องจาก 1. ภาษีการรับให้ (gift tax) เป็นการจัดเก็บภาษีกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินโอนเงินได้ หรือทรัพย์สินให้แก่บุคคลอื่น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีมรดก โดยบุคคลที่ได้รับทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ โดยเสน่หา จากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท, และส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทตลอดปีภาษี ในกรณีที่ได้รับจากบุคคลอื่น ในทางกลับกัน ถ้าลูกได้รับที่ดิน จากบุพการีที่เป็นผู้โอนกรรมสิทธิ์ หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ ในที่นี้ บิดา มารดา จะเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้ ในอัตรา 5% ในส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทเช่นเดียวกัน 2. ภาษีมรดก (inheritance tax) เป็นการจัดเก็บภาษีหลังเจ้าของมรดกเสียชีวิตแล้ว โดยผู้รับมรดกจำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก และ 10% กรณีอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าพ่อแม่มีที่ดินที่ต้องการส่งต่อมรดกให้ลูกมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จำเป็นทีต้องคำนึงถึงอัตราการเสียภาษี อีกทั้งพิจารณาเรื่องการทยอยโอนที่ดินบางส่วนเพื่อให้เสียภาษีน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นที่ดินที่สามารถจัดสรรได้ ไม่มีประเด็นในเรื่องของราคาและสภาพคล่องของการซื้อขายที่ดิน เป็นต้น 4. ไม่จัดการและแบ่งมรดกให้เหมาะสมกับผู้รับ หลายครั้งที่เห็นในข่าวที่มีปัญหาเรื่องแก่งแย่ง คดีความ ฟ้องร้องเรื่องมรดก เนื่องจากเจ้ามรดกอาจไม่ได้มีการทำพินัยกรรมไว้ หรืออาจจะมีแต่ไม่ได้มีการจัดการที่ชัดเจนเหมาะสมกับผู้รับ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันและทะเลาะวิวาทในภายหลัง ในกรณีที่เจ้ามรดกมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากรวมถึงมีทายาทหลายคน ควรวางแผน ดังนี้    •  จัดการแบ่งทรัพย์สินในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่    •  จัดแบ่งให้มีความเป็นธรรมและชัดเจนกับทายาททุกคน    •  มีการตกลงร่วมกัน หรือจัดให้มีการประชุม เพื่อบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร    •  มีการประชุมทบทวนร่วมกันเป็นระยะ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ชัดเจนหรือปัญหาภายหลัง 5. ไม่ได้เตรียมการจัดสรรมรดกล่วงหน้าเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี ถ้ามีการจัดการ 4 ข้อข้างต้นได้ดีแล้ว จะทำให้สามารถเตรียมการและวางแผนการเงิน สำหรับนำมาชำระภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้ ตามตัวอย่างข้างต้น ที่มิสเตอร์โจ มีที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งผู้รับมรดกจำเป็นต้องเสียภาษีจำนวน 5% ของส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท หากผู้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก และ 10% กรณีอื่น ๆ ดังนั้น ลูกมิสเตอร์โจหรือผู้รับมรดกต้องเตรียมการจัดสรรค่าภาษีการรับมรดกถึงคนละ 20 ล้านบาท ในกรณีนี้ มิสเตอร์โจ สามารถวางแผนโดยการจัดสรรเงินสดให้ลูกคนละ 20 ล้านบาท หรืออาจวางแผนโดยการใช้ประกันชีวิต ซึ่งอาจใช้เงินน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า สรุป เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เราสามารถเริ่มวางแผนมรดกได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยการ 1. รู้สถานะทางการเงินของตัวเองด้วยการทำบัญชีทรัพย์สินที่มีอย่างละเอียด 2. ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3. วางแผนให้ส่งต่อมรดกไปยังทายาทโดยได้รับประโยชน์สูงสุดทางภาษี เช่น การทยอยเปลี่ยนทรัพย์สินที่เสียภาษี เป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การใช้ประกันชีวิต เป็นต้น 4. พิจารณาความเหมาะสมในการมอบทรัพย์สินมรดกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเองและทายาทตามมา แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1474260

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการ ‘Collectors Gathering’ ชวนเสพ 44 งานศิลป์ของ 36 ศิลปินร่วมสมัย

29/04/2024

Maison JE Bangkok อาร์ตสเปซแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ จับมือกับ The Art Auction Center (TAAC) ผู้นำในธุรกิจประมูลงานศิลปะชื่อดังของไทย จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย 44 ชิ้นจาก 36 ศิลปินยุคใหม่ในธีม“Collectors Gathering: Conversation Among Collectors” นิทรรศการที่สะท้อนแนวคิดและมุมมองอันลุ่มลึก ที่นักสะสมมีต่อผลงานศิลปะร่วมสมัยและบริบททางสังคม เพราะงานศิลปะที่น่าประทับใจเปรียบเสมือนแก่นแท้และอรรถรสแห่งบทสนทนา เพื่อถ่ายทอดมุมมองสร้างสรรค์ของเหล่านักสะสมภายใต้แนวคิดที่ว่า ผลงานศิลปะทุกชิ้นล้วนมีความหมายอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ผลงานศิลปะอันเป็นที่รักของนักสะสม ล้วนแสดงถึงค่านิยมแห่งยุคสมัย รสนิยมอันรุ่มรวย และความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่นักสะสมมีต่องานศิลป์ เรื่องราวเหล่านี้อยู่เหนือวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งยังยกระดับงานศิลปะให้กลายเป็นภาพสะท้อนแห่งห้วงอารมณ์ สุนทรียภาพทางความรู้สึกและความงาม รวมถึงเพิ่มคุณค่าของศิลปะให้มากขึ้นนิทรรศการครั้งนี้ เน้นให้ผู้ชมได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางของศิลปะจาก 36 ศิลปินชื่อดังทั้งชาวไทยและต่างชาติ อาทิ Kusama Yayoi, Alex Face, Pex - Pitakpong Jamesripong, Jirapat Tatsanasomboon, Aof Smith – Phromphiriya Kongsathit, Jayato - Autit Pohkham, Satoru KOIZUMI, Farley Del Rosario, Jeremy Yamamura, Takeru Amano, RYOL เป็นต้น โดยแบ่งออกเป็น 6 โซน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและเบื้องหลังอันมีเสน่ห์ในการคัดเลือกงานศิลปะแต่ละชิ้น บ่งบอกถึงความตั้งใจและเจาะลึกมุมมองที่แตกต่างกันของนักสะสมแต่ละคน เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงแรงจูงใจในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างลึกซึ้งนิทรรศการ Collectors Gathering: Conversation Among Collectors จัดแสดงผลงานระหว่างวันที่ 12 ม.ค. - 11 ก.พ. 2567 เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 12.00 – 20.00 น. ที่ Maison JE Bangkok ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ (พิกัด ที่นี่) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 096-221-1646 หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์: https://maisonje.com/ และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/maisonjebangkokแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9660000116946

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ชวนชม "ป่าเปลี่ยนสี" ความงามจากธรรมชาติที่ "อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว"

29/04/2024

"อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว" เผยภาพความงามของ "ป่าเปลี่ยนสี" ในช่วงนี้ ที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยสามารถชมป่าเปลี่ยนสีได้บริเวณ กิโลเมตรที่ 419 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายหล่มสัก-ชุมแพ(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)เพจ "อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว" โพสต์ภาพความสวยงามของปรากฏการณ์ "ป่าเปลี่ยนสี" ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี โดยได้ให้ข้อมูลไว้ว่า "ป่าเปลี่ยนสี Fall Foliage Forest : ทางเข้าอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 419 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายหล่มสัก-ชุมแพ ประมาณเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี ผืนป่าบริเวณนี้ซึ่งเป็นป่าผสมผลัดใบ ก่อนที่พันธุ์ไม้จะผลัดใบจะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ใบไม้ในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองและแดงทั่วทั้งป่าในช่วงหน้าแล้ง เกิดเป็นสีสันของธรรมชาติที่แปลกตาน่าชมมาก โดยเฉพาะที่ภูหลังกงเกวียน จุดที่มองป่าเปลี่ยนสีได้ชัดเจนที่สุดคือ บริเวณกิโลเมตรที่ 419 นอกจากนี้ยังสามารถชมความงามของป่าเปลี่ยนสีได้ที่ยอดภูกุ่มข้าว และบนเส้นทางไปน้ำตกเหวทรายอีกด้วย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว โทร. 061-042-8234(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)(ภาพ : นายวรินทร ค้อท้อง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000001428

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ เอส เอฟ เปิดให้บริการ AIA LOUNGE สร้างประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอ พร้อมชวนตรวจสุขภาพเบื้องต้น ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ เพื่อรับตั๋วหนังฟรี

29/04/2024

กรุงเทพฯ 8 มกราคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย และ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัวความร่วมมือเพื่อมุ่งต่อยอดการดูแลลูกค้าเอไอเอและลูกค้า เอส เอฟ แบบครบวงจร กับบริการ “AIA LOUNGE” ซึ่งเป็นพื้นที่พักคอยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการ ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เมื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ มีสิทธิรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรี 2 ที่นั่ง (สำหรับที่นั่ง Deluxe Seat ในระบบปกติ) ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา อีกทั้งยังได้รับคะแนนไวทัลลิตี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากพันธมิตรชั้นนำของเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นยังต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ซึ่งความร่วมมือกับ เอส เอฟ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการต่อยอดการดูแลลูกค้าคนสำคัญของเอไอเอและเอส เอฟโดยเอไอเอ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ที่สามารถสร้างความบันเทิงให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์สนใจด้านความบันเทิงและชื่นชอบการชมภาพยนตร์ ซึ่งจากวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน ทำให้วันนี้เราได้เปิดบริการ ‘AIA LOUNGE’ เพื่อแทนความห่วงใยที่ต้องการดูแลลูกค้าทุกคน ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า นอกจากนี้ เรายังได้จัดแคมเปญสำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เพียงตรวจสุขภาพเบื้องต้นครบ 4 รายการผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ สามารถรับคะแนนไวทัลลิตี้ พร้อมมีสิทธิแลกรับบัตรชมภาพยนตร์ 2 ที่นั่งฟรี ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา อีกด้วย”นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “เอส เอฟ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราผ่านรูปแบบและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อคนทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ โดยครั้งนี้เราได้ร่วมกับ เอไอเอ จัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อมอบ Customer Experience และสร้าง Brand Engagement ผ่าน AIA LOUNGE เลาจน์พักคอยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงยังมีโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษอื่น ๆ สำหรับลูกค้าของเอไอเอ ซึ่งจะช่วยสร้างสีสันและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เอส เอฟ และ เอไอเอ ได้อย่างแน่นอน”สำหรับลูกค้าเอไอเอ ไวทัลลิตี้ สามารถใช้สิทธิที่ท่านได้รับผ่านแอปพลิเคชัน SF Cinema และเว็บไซต์ www.sfcinema.com หรือจุดจำหน่ายบัตรหน้าโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ทำอย่างไรถึงจะเป็นเศรษฐีก่อนอายุ 30 ปี ลองทำตามนี้รับรองความรวยมาหาคุณแน่

29/04/2024

เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนย่อมอยากมีฐานะทางการเงินที่ดีเยี่ยม เพื่อชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องลำบากคอยเดือดร้อนผู้อื่น และคนยุคนี้มักมีความคิดที่อยากจะรวยเร็ว รวยตอนอายุยังน้อย ยิ่งบอกว่าจะเป็นเศรษฐีก่อนอายุ 30 ปี คงมีคนบอกว่าเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ดูจินตนาการเกินจริงไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องไกลเกินตัว แต่คนที่เป็นเศรษฐีก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ของชีวิตก่อน โดยเฉพาะลักษณะของนิสัยการใช้ชีวิตที่มักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และนี่คือขั้นตอนที่จะพาคุณไปถึงฝั่งฝันของการเป็นเศรษฐี 1. สร้างรายได้เพิ่ม การประหยัดไม่ใช่หนทางที่จะพาคุณไปสู่คำว่า “เศรษฐี” ได้ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือต้องโฟกัสไปกับการเพิ่มรายได้แบบทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป มองให้เห็นภาพง่าย ๆ คือเดือนนี้คุณอาจจะมีรายได้ 20,000 บาท แต่หลังจากนั้นสัก 3-4 เดือนคุณอาจจะมีรายได้เพิ่มเป็น 50,000 บาท ต่อเดือนจากการทำงานเพิ่ม มีอาชีพเสริม 2. อย่าเป็นคนขี้อวด ให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ซื้อสินค้าหรู หรือรถยนต์จนกว่าจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และการมองหาการลงทุนก็จะทำให้เกิดกระแสรายได้ที่ปลอดภัยหลายทาง อย่าอายที่ไม่ได้ขับรถหรู แต่ให้มองว่ารถที่เราขับก็สามารถพาไปยังจุดหมายได้เหมือนกับรถอื่น ๆ เหมือนกัน 3. ออมเงินเพื่อลงทุน ไม่ใช่ออมอย่างเดียว เหตุผลเดียวของการออมเงินคือนำไปสู่การลงทุน แต่สิ่งสำคัญคือควรแยกบัญชีระหว่างเงินออมกับเงินลงทุนออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยการลงทุนที่ดีควรทยอยลงเงินอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวินัยตรงนี้จะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจกลับคืนมาในอนาคต ขอแค่มีความอดทน 4. หลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ ตั้งเป็นกฎเลยว่าอย่าใช้หนี้ที่ไม่ทำเงินให้กับตัวคุณเอง คนรวยมักใช้หนี้เพื่อยกระดับการลงทุน และเพิ่มกระแสเงินสด ส่วนคนใช้หนี้เพื่อซื้อสิ่งของที่ทำให้คนรวยรวยยิ่งขึ้น 5. จัดการเงินเหมือนกับคนรัก คนนับล้านปรารถนาที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ การจะได้รวยได้นั้นคุณต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเป็นอันดับแรก เปรียบเงินก็เหมือนกับคนรัก หากคุณเพิกเฉย มองข้าม สุดท้ายคุณก็จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว และคนรักของคุณจะหนีไปอยู่กับคนอื่นที่รักเขามากกว่า 6. ยากจนไม่มีคำว่าสมเหตุสมผล ความยากจนเป็นสิ่งที่แย่ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะอยู่กับเราตลอดไป หากมองในอีกมุมหนึ่งจะเป็นแรงผลักดัน และมองความยากจนเป็นเรื่องปกติ มีความกล่าวไว้ว่า “ความสำเร็จเป็นหนทางที่ทำให้คุณกระโดดออกจากจุดตกต่ำ” 7. ดูว่าเศรษฐีเขาคิดอย่างไร บางครั้งเราถูกเลี้ยงมาให้ครอบครัวชนชั้นกลางก็จะพบว่าตัวเองติดอยู่ในขอบเขต และแนวความคิดของคนกลุ่มนั้น การเรียนรู้จากกรณีของเหล่ามหาเศรษฐีจะทำให้คุณได้รับแนวคิด และหลักการ รวมถึงสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เป็นประจำ ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ให้ความสำคัญ คือความรู้ และทรัพยากรที่มีอยู่ 8. ตั้งเป้าไว้ 10 ล้าน ไม่ใช่ 1 ล้าน ความผิดพลาดของคนส่วนใหญ่จะละเลยที่จะตั้งเป้าหมายไว้สูง ๆ แนะนำให้เกิน 1 ล้านบาท เพราะในโลกไม่มีใครขาดแคลน มีแต่ขาดแคลนความคิดที่ใหญ่มากพอ การตั้งเป้าไว้สูงที่เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ไปถึง เหล่านี้คือขั้นตอนที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่ความเป็น “เศรษฐี” สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความอดทน อย่ายอมแพ้ และเต็มใจที่จะทำเพื่อทำให้สถานะทางการเงินของคุณดีขึ้น ที่มา: entrepreneur แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsmartsmehttps://www.smartsme.co.th/content/251660

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

สวยแบบไม่เหมือน ‘ลุงเปิ้ล’ ศิลปินที่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เปิดนิทรรศการ

29/04/2024

‘ลุงเปิ้ล’ ศิลปินวาดภาพเหมือน .. แต่ไม่เหมือน? ที่ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บอกให้สเก็ตช์ภาพมาอีก 20 เล่ม แล้วจะกล่าวเปิดนิทรรศการศิลปะให้ เป็นจริงแล้วกับ Happleness นิทรรศการศิลปะถ่ายทอดเรื่องราวความสุขแสนเรียบง่ายนิทรรศการศิลปะนี้ชื่อแปลกไม่เหมือนใคร Happleness สะกดไม่ผิดแน่นอน และเป็นนิทรรศการศิลปะที่ศิลปินออกตัวชวนผู้มาเยี่ยมชมว่า “ไม่อนุญาตให้ทุกข์ เพราะความสุขนั้นง่ายนิดเดียว”นิทรรศการ Happleness จัดแสดงผลงานภาพวาดของศิลปินซึ่งใช้นามว่า ลุงเปิ้ล ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความน่ารัก มีความสนุกความสุขของสุพรทิพย์ ช่วงรังษี (ภาพซ้าย) และ ลินดา เชง (ภาพขวา)ลุงเปิ้ล นำธรรรมชาติของบุคคลมาถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องความสุขสุดง่ายของเหล่าคนดัง กล่าวได้ว่าเป็นการแชร์ความสุขง่ายๆ สไตล์เซเลบริตี้สายอาร์ต อาทิ   •  สุพรทิพย์ ช่วงรังษี กับภาพ “พะโล้ ห่านขาวแสนสวย สื่อสารได้ อ้อนเก่ง”   •  ฤาชุตา บุญสูง กับภาพหญิงแต่งหน้าในตอนเช้าที่ “ถูกจริต”   •  ลินดา เชง CEO ริเวอร์ซิตี้ กับภาพ “แค่ดอกไม้ดอกเดียว”   •  พรภัทร์ วิฑูรชาติ กับภาพ "ความสุขเล็กๆ รอบตัว”   •  อินทิรา ธนวิสุทธิ์ ถึงแม้ตัวไม่ได้มาแต่ก็มีภาพความสุขกับแหวนวงแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองความสุขของ ฤาชุตา บุญสูง (ภาพซ้าย) และ อินทิรา ธนวิสุทธิ์ (ภาพขวา)นิทรรศการนี้ ลุงเปิ้ล อยากให้ทุกคนที่มาร่วมชมผลงานได้สามารถแชร์ความสุขง่าย ๆ ของตัวเองกัน จะกินไอศกรีม จิบไวน์ นั่งนิ่งๆ นอน แต่งหน้า จัดดอกไม้ ชงกาแฟ เม้าท์เรื่องชาวบ้าน สุขอะไรก็ได้ เอาที่สบายใจละกันลุงเปิ้ล เป็นชื่อเล่นของ จาริณี เมธีกุล ชื่อ 'ลุงเปิ้ล' เกิดจากเหตุผลสั้น ๆ เพราะเธอบอกว่า ไม่อยากเป็น “ป้า”ลุงเปิ้ลจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้เริ่มทำงานในวงการโทรทัศน์มาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบันกับการเปิดบริษัทรับผลิตรายการโทรทัศน์ภายใต้ชื่อ “บริษัท 3344 จำกัด”ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ มาร่วมให้กำลังใจลูกศิษย์วันเปิดนิทรรศการวันหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ‘ลุงเปิ้ล’ หลงเข้าไปเรียนศิลปะกับ ครูโต - ม.ล.จิราธร จิรประวัติ และ ครูปาน สมนึก คลังนอก ด้วยคำพูดประโยคเดียวของครูโต คือ “ถ้าเปิ้ลอยากถ่ายรูปสวย เปิ้ลต้องมาเรียนศิลปะ”อย่างไรก็ตาม ลุงเปิ้ลเริ่มต้นเรียนศิลปะไปด้วยความอึดอัด เพราะวาดอย่างไรก็ไม่สวย ไม่เหมือนสักที จนกระทั่งครูโตได้สอนว่า“ไม่ต้องสวย ไม่ต้องเหมือนก็ได้ เอาที่เปิ้ลวาดแล้วมีความสุข”นับแต่นั้นมา ต่อมอาร์ตของลุงเปิ้ลก็เริ่มแตก เธอวาดรูปทุกวัน วาดเพื่อนทุกคนที่รู้จักจนหมด ลามไปถึงวาดบุคคลสำคัญของโลกเกือบทุกคน แล้วตั้งฉายาเองเรียกตัวเองว่า “ลุงเปิ้ล วาดภาพไม่เหมือน”อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กับ ลุงเปิ้ล - จาริณีลุงเปิ้ลทำใจกล้า นำสมุดสเก็ตซ์ของตัวเองให้ ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ดูเมื่อ 4 ปีก่อน อาจารย์เฉลิมชัยชื่นชมลุงเปิ้ลที่มีพลังวาดรูปได้ทุกวัน พร้อมทั้งสั่งว่า “ห้ามเอาสมุดสเก็ตซ์ให้ใครดู เดี๋ยวเค้าวิจารณ์ว่าไม่สวย ก็ไปเชื่อเขาอีก! กลับไปวาดมาอีก 20 เล่ม!”วันนี้ลุงเปิ้ลวาดครบ 20 เล่มแล้ว เมื่อเจออาจารย์เฉลิมชัยอีกครั้ง อาจารย์แนะนำให้เธอจัดนิทรรศการศิลปะได้แล้ว โดยอาจารย์จะมาพูดเปิดงานให้แล้วประวัติชีวิตสุด Happy ของ “ลุงเปิ้ล ภาพไม่เหมือน” ก็ดำเนินมาถึงบรรทัดนี้กับการแสดงนิทรรศการศิลปะชื่อ Happleness และได้รับเกียรติจาก เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม) พ.ศ.2554 เดินทางมาเป็นประธานกล่าวเปิดนิทรรศการแทน - ณภัส และ กนกวัลย์ โฆษิตพิพัฒน์ กับภาพเจ้าพอร์ชอ.เฉลิมชัย ควงคู่ภรรยาสุดที่รัก กนกวัลย์ โฆษิตพิพัฒน์ และลูกชาย แทน - ณภัส โฆษิตพิพัฒน์ มาร่วมให้กำลังใจศิลปินที่เรียกได้ว่าอาจารย์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการตัดสายสะดือให้จัดงานนิทรรศการครั้งแรกในชีวิตครั้งนี้ นอกจากนี้ยังควักกระเป๋าซื้อรูป 2 รูป คือรูป หมารัก เจ้าพอร์ช ซึ่งเป็นหนึ่งในความสุขของภรรยาและรูป ความสุขไม่ต้องเหมือนใคร ที่ลุงเปิ้ลนำมาจัดแสดงอีกด้วยพื้นที่แสดงนิทรรศการ Happleness Solo Exhibitionร่วมเติมความสุขง่ายๆ แบบเรียบง่ายรับปีใหม่ 2567 หรือจะสะสมภาพผลงาน ‘ลุงเปิ้ล’ ได้ในนิทรรศการ Happleness Solo Exhibition ที่ชั้น 2 ห้อง 249 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก วันนี้– 14 มกราคม 2567ความสุขของ ปรางณี ไชยพิเดช (ภาพซ้าย) และ พรภัทร์ วิฑูรชาติ (ภาพขวา)ครูโต - ม.ล.จิราธร จิรประวัติลุงเปิ้ล กับ สุพรทิพย์ ช่วงรังษีวิวัฒน์, อติรุจ,จาริณี, นฑาห์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbangkokbiznewshttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1106952

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X