คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวทั่วไป

“อคติ” ยอดฮิตที่คนเผลอคิดแบบไม่รู้ตัว

27/05/2024

ถ้าคุณท่องโลกโซเชียลในช่วงนี้ คุณอาจเห็นคำ ๆ หนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาบ่อย ๆ คำ ๆ นั้นก็คือ “Bias” ที่แปลว่าอคติ หรือก็คือความลำเอียง ที่ใจของเราเทไปในทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป แบบที่ไม่ได้ใช้เหตุผลเข้ามากำกับ แต่ใจมันชอบล้วน ๆ หรือบางทีก็อาจมองสิ่งนั้นในแง่ลบมากจนเกินไป 3 อคติ หลุมพลางแห่งความคิด และจิตใจตามกลไกสมองวันนี้เราจะมาตีแผ่เรื่องที่มีกลิ่นอายความขมของดาร์กไซด์เข้ามาปะปนนิด ๆ เรื่องไหนที่ใจเรามักเผลอคิด “อคติ” ไปแบบไม่รู้ตัว1. Blind Spot Bias คนอื่นล้วนมีแต่อคติต่อฉัน! เป็นหลุมพรางที่มองว่าตัวเราไม่ได้มีอคติต่อคนอื่นนะ แต่คนอื่นต่างหากที่มักจะมีอคติต่อตัวเรา! ซึ่งจะทำให้เป็นการปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น ไม่นำสิ่งที่เขาคอมเมนต์มาคิดวิเคราะห์ต่อยอด ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณพลาดอะไรไปก็ได้ และยังเป็นการมองตัวเองในแง่ดี “มากจนเกินไป” ด้วย2. Fundamental Attribution Error ความผิดเขาเท่าภูเขา ความผิดเราเท่าเส้นผมเป็นอคติที่มีความลำเอียงแบบสุด ๆ เลย คนที่มีอคติประเภทนี้ มักมองว่าปัญหาที่คนอื่นก่อขึ้นมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก (ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คุณคิดก็ตาม) ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ก็มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลมาเสริมเสมอ3. Stereotypical Bias เหมารวมไปเลยเป็นหนึ่งในอคติที่พบมากที่สุด เป็นการเหมารวมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เช่น เจอผู้ชายเจ้าชู้ก็เหมารวมว่า ผู้ชายจะต้องเจ้าชู้เหมือนกันหมดทั้งโลก หรือตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ดีมีความรักความอบอุ่น ก็เหมารวมว่าทุกครอบครัวจะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ยอมรับความทุกข์ของผู้อื่น เราทุกคนสามารถเป็นคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้างมากขึ้นได้ ขอเพียงแค่ไม่ได้มองแค่มุมตัวเราเพียงฝ่ายเดียว แต่ลอง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นเรา เราจะรู้สึกยังไงในสถานการณ์นั้น และพยายามทำใจให้กว้าง มองโลกในหลายแง่มุมทำความเข้าใจว่าชีวิตของแต่ละคนนั้น “ไม่เหมือนกัน”  สุดท้าย คุณจะเป็นคนที่เข้าใจโลกได้มากขึ้น ได้พัฒนาความคิดของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แล้วคุณจะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartaihttps://www.beartai.com/life/1375140

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

“ประกันควบการลงทุน”...กับ “การวางแผนมรดก” !!!

27/05/2024

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันหรือธนาคารพาณิชย์ ต่างได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของตนเอง“ประกันควบการลงทุน” คือ แบบประกันที่ควบรวมความคุ้มครองและโอกาสในการบริหารผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัย (Premium Charge) ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Administration Fee) ค่าการประกันภัย (Cost of Insurance) ที่คำนวณจากอัตราค่าการประกันภัยของจำนวนเงินเสี่ยงภัยสุทธิ และอัตราค่าการประกันภัยเพิ่มเนื่องจากสุขภาพ ซึ่งอัตราค่าการประกันภัยจะขึ้นอยู่กับอายุและเพศ โดยจะนำเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายจัดสรรลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง“ประกันควบการลงทุน” มีหลายรูปแบบ แตกต่างกันตามวิธีชำระเบี้ย  •  การจ่ายชำระเบี้ยครั้งเดียวด้วยเงินก้อน (Single Premium)  •  การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดรายปี (Regular Premium)  •  การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดแบบมีระยะเวลากำหนดเมื่อ “ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและถูกนิยมนำมาใช้ในการวางแผนส่งต่อมรดก ซึ่งเงินได้จากการประกันภัยโดยปกติจะเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร “เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในขณะหรือภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต” จึงเป็นที่ถกเกียงและเกิดคำถามว่า “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) จะต้องเสียภาษีมรดกไหม“ภาษีมรดก” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยมีหลักการในการจัดเก็บภาษีมรดก บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษีจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว รวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดกเฉพาะส่วน ที่เกิน 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% หรือ 5% หากผู้ได้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก“ทรัพย์มรดก” ที่ต้องเสียภาษีมรดก มีทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้  •  อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน  •  หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม  •  เงินฝากหรือเงินอื่นใดมีลักษณะอย่างเดียวกัน  •  ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์  •  ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา“กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิตและลงทุนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม โดยผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงิน โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ - ค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามข้างต้น- เงินลงทุนในหน่วยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะเป็นตัวกลางระหว่างผู้เอาประกันภัยกับกองทุนรวม“ลักษณะของ ‘กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน’ (Unit Linked) จะมีเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ เงินซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย และ เงินได้ซึ่งเกิดจากหน่วยลงทุนที่ผู้เอาประกันภัยเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริษัทประกันกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทประกันมีหน้าที่ต้องขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย”หากตีความในประเด็น “ภาษีมรดก” เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ ตามมูลค่าที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ เป็นเงินส่วนที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก เพราะเป็นเงินที่เกิดขึ้นภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินส่วนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมบริษัทจะทำการขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องเสียภาษีมรดก เพราะหน่วยลงทุนตามกรมธรรม์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เอาประกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเงินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตหากจะนำ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” มาใช้ใน “การวางแผนภาษี” จะต้องพึงระวังไว้ว่าในส่วนของเงินที่เกิดจากการลงทุนในหน่วยลงทุน จะถือเป็น “มรดก” ที่เข้าข่ายจะต้อง “เสียภาษีมรดก” ตามกฎหมาย แทนที่จะวางแผนเพื่อจัดการภาษี อาจจะทำให้เกิดภาษีมรดกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย “ประกันควบการลงทุน” จึงเป็นประกันประเภทที่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้วางแผนภาษีมรดกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22411

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

CJ WORX จับมือ MACKCHA ศิลปินไทย สร้างสรรค์งานอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ Chalotte 2in1

27/05/2024

CJ WORX (ซีเจเวิร์ค) จับมือ “Mackcha” (แม็กชา) ศิลปินไทยชื่อดังเจ้าของคาแรกเตอร์ “Chalotte” (ชาล็อต) ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ครีเอท Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ “Chalotte 2in1” ให้เป็นอาร์ตคาแรกเตอร์ 2 ร่างในตัวเดียว สะท้อนความสดใสและความมั่นใจที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่ พร้อมจัดแสดงโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1สร้างสีสันให้กับวงการ Art Character อีกครั้ง เมื่อ CJ WORX เอเจนซีสัญชาติไทยผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาและการตลาดระดับนานาชาติ ได้ร่วมมือกับ Mackcha เจ้าของผลงาน “Chalotte” สุดไฮป์ที่กำลังมาแรงในไทยตอนนี้ สร้างสรรค์ผลงานคอลแลบเป็น Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ของน้อง Chalotte ภายใต้ชื่อ “Chalotte 2in1” ซึ่งอยู่ในแคมเปญโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ Head & Shoulders 2in1 จาก P&G โดยได้นำเอาจุดเด่นของโปรดักท์ ซึ่งเป็นแชมพูขจัดรังแคผสมครีมนวดผมในขวดเดียวกัน สู่แนวคิดของการครีเอทอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ครั้งนี้ โดยผลงานสุดอาร์ต “Chalotte 2in1” มีสองร่างรวมกันในตัวเดียว เพื่อสื่อถึงความเป็น แชมพู + ครีมนวดผมในขวดเดียวแบบไม่ต้องเลือก รวมถึงสะท้อน “ความสดใส” (สีชมพู) และ “ความมั่นใจ” (สีฟ้า) ที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่อีกด้วยจากสตอรี่คาแรกเตอร์ Chalotte เธอคือเด็กหญิงที่มาจากท้องทะเล กับภาพจำอย่างโทนสีน้ำเงินและใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เป็นตัวแทนของคนที่สับสนและไม่มั่นใจที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่อยู่มาวันนึง Chalotte ก็อยากเปลี่ยนตัวเองให้มั่นใจกว่าเดิม เพื่อออกมาสู่โลกภายนอก เลยแบ่งตัวเองให้เป็นสองร่างขึ้นมา คือร่างสดใสสีชมพู และร่างมั่นใจสีฟ้า แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ว่าจะเอาร่างไหน ก็เลยรวมเป็น Chalotte 2in1 ที่มี “2ร่างในตัวเดียว” นั่นเอง เป็น Chalotte เวอร์ชั่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดใสและมั่นใจกว่าเดิมแบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นที่มาของการร่วมมือที่น่าสนใจครั้งนี้“Chalotte 2in1” จะถูกนำไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cjworx.com/แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanook.https://www.sanook.com/travel/1447883/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

"นักท่องเที่ยว" กับ "นักเดินทาง" ต่างกันอย่างไร

27/05/2024

เคยสงสัยไหมว่าระหว่าง นักท่องเที่ยว กับ นักเดินทาง ต่างกันอย่างไร หรืออาจไม่แตกต่างกันเลยตามพจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า นักท่องเที่ยว หมายถึง บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปรกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจ และด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้ ขณะที่นักเดินทาง ก็หมายความว่า นักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันในภาพยนตร์เรื่อง A Tourist's Guide to Love คู่มือรักฉบับนักท่องเที่ยว มีบทสนทนาของชายหนุ่มเวียดนามที่บอกกับสาวชาวอเมริกัน อธิบายคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจเขาบอกให้เธอเก็บคู่มือท่องเที่ยวเข้ากรเป๋า ก่อนบอกว่า "นั่นมันคู่มือนักท่องเที่ยว แต่คุณเป็นนักเดินทาง"  หญิงสาวถามกลับ "แล้วมันต่างกันยังงัย" ชายหนุ่มตอบ.."นักท่องเที่ยว อยากหนีจากชีวิตนักเดินทาง อยากสัมผัสชีวิต""แล้วการอยากหนีจากชีวิตเป็นครั้งคราวบ้างมันผิดตรงไหน" หญิงสาวถามกลับอีกครั้ง"เราไม่รู้ว่าชีวิตจะยาวแค่ไหน จะเสียเวลาหนีทำไม ใช้เวลาหาประสบการณ์แทนดีกว่าน่า..." คำตอบจากชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวหมดคำถามไปเลยหนึ่งในฉาก A Tourist's Guide to Love จาก Netflixเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น แต่ไดอาล็อกของตัวละครที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นมักสร้างแรงบันดาลใจให้คนธรรมดากลายเป็นนักเดินทางมานักต่อนักแล้วแล้วคุณล่ะ ชาว Sanook Travel คุณเป็น "นักท่องเที่ยว" หรือ "นักเดินทาง"แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447859/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

วัยทำงาน…แบกหนี้

23/05/2024

คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง (อย่างมาก) สำหรับประเทศไทย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 91.3% ของ GDP ยังอยู่ระดับที่สูงเกินกว่าระดับ “ไม่เกิน 80%” อย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลอยากเห็นค่อนข้างมากดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลนโยบายการเงินอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เลยบอกว่า ถ้าลดดอกเบี้ย จะยิ่งทำให้คนก่อหนี้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นมุมมองที่ “สวนทาง” กับขุนคลังคนใหม่ “คุณพิชัย ชุณหวชิร” ที่บอกว่า ถึงจะลดดอกเบี้ยลง คนก็ไม่มีปัญญาจะก่อหนี้เพิ่มแล้ว แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนภาระ ทำให้คนมีเงินไปใช้หนี้ (เดิม) ได้มากขึ้นต่างหากความคิดเห็นที่ยังแตกต่างดังกล่าว หวังว่าคงได้เคลียร์ใจกันไปบ้างแล้ว จากการนัดคุยกันเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาจากนี้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาสำคัญของประเทศให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพราะเรื่องหนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่ล่าสุด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ให้ข้อมูลว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ หนี้บ้านยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนี้รถยนต์ลดลง 1.5%แต่ที่ “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” กรรมการผู้จัดการเครดิตบูโร บอกว่า น่ากังวลก็คือ หนี้ที่เอาไปใช้ทำธุรกิจกับหนี้ O/D ติดลบ 5.7% และ 5% ตามลำดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ เป็น “หนี้เพื่อการบริโภค” เป็นหลักโดยหนี้รถยนต์แม้การเติบโตจะลดลง แต่พบว่า หนี้เสีย (NPL) กลับเพิ่มขึ้นมากถึง 32% ขณะที่ NPL สินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 18% ส่วน NPL สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12% และ NPL บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.6%เมื่อดูไส้ในแล้ว สินเชื่อบ้านมีหนี้ค้างชำระ แต่ยังไม่เป็น NPL (หรือเรียกว่า SM) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ SM ของสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 7% ส่วน SM บัตรเครดิตเพิ่มถึง 32.4%ข้อมูลจากเครดิตบูโรยังสะท้อนด้วยว่า “คน Gen Y” เป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน มากกว่า 50%แปลว่า คน Gen Y หรือคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานของประเทศ กำลังอ่อนล้า บ้านที่เป็น “ปัจจัย 4” กำลังหลุดมือไปต้องบอกว่า น่าเป็นห่วงจริง ๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1567050

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

คปภ.สั่ง 23 บริษัทส่งแผนบริหารเสี่ยง “รับประกัน EV”

23/05/2024

เลขาฯ คปภ. สั่งจับตาใกล้ชิด “ประกันรถอีวี” เตือนภาคธุรกิจอย่าแข่งตัดราคา ชี้ควรเน้นคุณภาพ มอนิเตอร์ “เงินกองทุน” บริษัทรับประกันอีวีทุกเดือน พร้อมสั่ง 23 บริษัทประกันวินาศภัยส่งแผนบริหารความเสี่ยง ดีเดย์เดือน มิ.ย.นี้ ลั่นหากมีผลกระทบเงินกองทุนระดับไหนควรต้องหยุดรับประกัน พร้อมเตือนโควตเบี้ยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่แท้จริงนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับ จับตาการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) อย่างใกล้ชิด โดยแจ้งให้แต่ละบริษัทประกันวินาศภัยต้องกำหนดราคาเบี้ยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น และเตือนภาคธุรกิจอย่าตัดราคาแข่งกัน เพราะในเวลานี้ต้องเน้นแข่งขันที่คุณภาพเป็นสำคัญชูฉัตร ประมูลผล“ตอนนี้ยังไม่ได้กังวลถึงขนาดจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ แต่ก็พยายามจะกำกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กลายเป็น Pandemic โดยรถอีวีเพิ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ไม่นาน เราเห็นสถิติยังไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้น ต้องนำเสนอคุณภาพและการบริการที่ดีให้กับประชาชนให้มาก พร้อมกำหนดเบี้ยประกันให้ตรงกับความเสี่ยงของประชาชนแต่ละคน และเราพยายามเฝ้าดูการรับประกันผ่านฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Iinsurance Bureau System) อย่างต่อเนื่อง นี่คือนโยบายที่มอบหมายไว้”ขณะที่นายอาภากรกล่าวว่า ตอนนี้การรับประกันรถอีวีค่อนข้างน่ากลัว เพราะการแข่งขันของภาคธุรกิจเป็นลักษณะแข่งลดเบี้ย เพื่อแย่งพอร์ตงาน ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก โดยช่วงที่ผ่านมา คปภ.ก็ได้มีการเรียกบางบริษัทประกันวินาศภัยเข้ามาพูดคุยบ้างแล้ว โดยเน้นย้ำอัตราเบี้ยประกันรถอีวีที่สำนักงาน คปภ.เห็นชอบกำหนดไว้เป็นกรอบ “ขั้นสูง-ขั้นต่ำ” ให้แต่ละบริษัทเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง“การรับประกันไม่ใช่ทุกจุดจะไม่ขาดทุน มีโอกาสขาดทุนได้ ถ้าบริษัทไม่รู้จักลูกค้า และโควตเบี้ยไม่เหมาะสม และจะต้องรู้ศักยภาพของตัวเองด้วยว่า ฐานะเงินกองทุนของบริษัทจะรับประกันได้มากแค่ไหน และถึงระดับไหนควรจะหยุดรับประกัน อย่างไรก็ดี การรับประกันรถอีวีจะไม่เหมือนการรับประกันโควิดที่เกิดขึ้นกระจายความเสียหายไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว แต่ประกันรถอีวีเป็นเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแบบตูมเดียวและต่อเนื่องไปเร็ว”ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.มีข้อกังวลเกี่ยวกับภัยน้ำท่วมต่อรถอีวี ที่ไม่ใช่เกิดความเสียหายต่อตัวรถเท่านั้น แต่นำพาความเสียหายไปยังจุดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, ซอฟต์แวร์ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าหลาย ๆ กรณีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้“คปภ.เตือนทุกบริษัทให้ระวังภัยน้ำท่วม โดยพื้นที่ใดที่รับประกันภัยและเกิดน้ำท่วมบ่อย ให้แต่ละบริษัทโควตเบี้ยประกันรถอีวีให้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงด้วย”นายอาภากรกล่าวว่า สำนักงาน คปภ.จะให้บริษัทที่รับประกันรถอีวี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 23 บริษัท จะต้องส่งแผนบริหารความเสี่ยงการรับประกันรถอีวีกลับมาให้สำนักงาน คปภ.ในต้นเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรมธรรม์ประกันรถอีวีจะมีเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยรวมข้อมูลตั้งแต่การพิจารณาความเสี่ยง การรับประกัน การออกกรมธรรม์ การกำหนดเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันแต่ละราย การเคลม อะไหล่ อู่ซ่อม ค่าชดเชยต่าง ๆ และที่สำคัญข้อมูลผลการรับประกันรถอีวีที่ปรากฏขึ้นจริงแล้ว ตรงไหนที่จะต้องเข้าไปอุดช่องว่าง หรือต้องใช้วิธีการบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม และสุดท้ายคือหากจะมีผลกระทบเงินกองทุนของบริษัท ระดับไหนที่ควรจะต้องหยุดรับประกัน“กรมธรรม์รถอีวีใหม่จะอนุญาตให้ทุกบริษัทสามารถขายได้เลย เมื่อมีการส่งแผนบริหารความเสี่ยงกลับมาให้กับ คปภ. และสำนักงานจะพิจารณาแผนว่ามีความถูกต้อง เหมาะสม ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าขาดจุดใดจุดหนึ่งจะแจ้งเพื่อให้ช่วยคำนึงเพิ่ม และที่สำคัญกว่านั้น คปภ.จะติดตามสถานการณ์การรับประกันและฐานะเงินกองทุนของแต่ละบริษัทเป็นประจำทุกเดือน”นายอาภากรกล่าวว่า ปัจจุบันยอดการประกันรถอีวีทั้งระบบมีอยู่กว่า 100,000 กรมธรรม์ และมีผู้รับประกันทั้งสิ้น 23 บริษัท ประกอบด้วย 1.กรุงเทพประกันภัย 2.กรุงไทยพานิชประกันภัย 3.เคดับบลิวไอประกันภัย 4.จรัญประกันภัย 5.เจมาร์ทประกันภัย 6.ทิพยประกันภัย 7.ทูนประกันภัย 8.เทเวศประกันภัย 9.เออร์โกประกันภัย 10.ธนชาตประกันภัย 11.นวกิจประกันภัย 12.ประกันภัยไทยวิวัฒน์13.ไอแคร์ประกันภัย 14.ฟอลคอนประกันภัย 15.มิตซุยสุมิโตโมอินชัวรันซ์ 16.มิตรแท้ประกันภัย 17.อินทรประกันภัย 18.ไอโออิกรุงเทพประกันภัย 19.วิริยะประกันภัย 20.เมืองไทยประกันภัย 21.อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย 22.แอลเอ็มจีประกันภัย และ 23.ซันเดย์ประกันภัยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1569337

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ครั้งแรกในโลก “โกลเด้นบอย” จัดแสดงพร้อม “ฝาแฝด” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

23/05/2024

กรมศิลป์ ชวนชมความงามของประติมากรรม “โกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ” และประติมากรรมจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด” ของโกลเด้นบอย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่ทั้งคู่ได้จัดแสดงพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีสุดยอดประติมากรรมไทยอื่น ๆ ร่วมจัดแสดงด้วย งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 67 เป็นต้นไปนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับการรับมอบประติมากรรม “โกลเด้นบอย” และ “สตรีพนมมือ” โบราณวัตถุล้ำค่า 2 รายการ จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา กลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้งประติมากรรมโกลเด้นบอยสำหรับ “โกลเด้นบอย” (Golden Boy) ทางกรมศิลปากรได้ระบุข้อมูลว่า เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ รูปพระศิวะ ศิลปะสมัยลพบุรี หรือศิลปะเขมรในประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมา มีลักษณะเป็นสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน สูง (รวมเดือย) 128.9 กว้าง 35.6 ลึก 34.3 ซ.ม. (สูงไม่รวมเดือย 105.4 ซ.ม.)ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษยืนนี้ เรียกอย่างลำลองว่า “Golden Boy” ซึ่งแม้ว่าพี่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันจะตีความไว้ว่าเป็นประติมากรรมพระศิวะ แต่ท่าทางของพระหัตถ์ทั้งสองที่มีความแตกต่างจากประติมากรรมโดยทั่วไปที่มักจะถือสัญลักษณ์ของพระศิวะ และไม่ปรากฏพระเนตรที่สามบนพระนลาฏ ประติมากรรมนี้จึงอาจหมายถึงรูปบุคคลในสถานะเทพ หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์สองอย่างคือเป็นรูปเคารพบูชาในศาสนสถานประจำราชวงศ์ หรือเป็นรูปเคารพของบูรพกษัตริย์ประติมากรรมโกลเด้นบอยย้อนไปในปีพ.ศ. 2532 ประเทศไทยมีการขุดค้นพบประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อพิจารณารูปแบบและเทคนิคการสร้าง พบว่ามีลักษณะตรงกับประติมากรรมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน คือ มีการตกแต่งผิววัตถุด้วยกะไหล่ทอง และใช้เทคนิคการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณี ซึ่งวันนี้ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ฝาแฝด” ของประติมากรรมโกลเด้นบอยทั้งนี้จากฐานข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันระบุว่าประติมากรรมโกลเด้นบอยชิ้นนี้ได้จาก Collection of Walter H. and Leonore Annenberg ในปีพ.ศ. 2531 สันนิษฐานว่าถูกลักลอบขุดค้นจากโบราณสถานในเขตอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และมีการลักลอบซื้อขายออกไปโดยผิดกฎหมายในปีพ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นการได้มาก่อนการค้นพบประติมากรรมจากสระกำแพงใหญ่ จึงเชื่อว่าไม่ได้มีการสร้างเลียนแบบ แต่เป็นประติมากรรมในกลุ่มฝีมือช่างใกล้เคียงหรือร่วมสมัยเดียวกันประติมากรรมสตรีพนมมือด้านประติมากรรมรูป “สตรีพนมมือ” (The Kneeling Female) ที่เดินทางกลับคืนมาพร้อมกัน ประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะเขมรในประเทศไทย พุทธศตวรรษที่ 16 (ประมาณ 900 ปีมาแล้ว) มีลักษณะเป็นรูปสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน มีร่องรอยกะไหล่ทอง สูง 43.2 ซ.ม. กว้าง 19.7 ซ.ม.ประติมากรรมรูปสตรีพนมมือสันนิษฐานว่าเป็นสตรีชั้นสูง นั่งชันเข่าขวาและพับขาซ้าย ยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะในท่าอัญชลีมุทรา หรือนมัสการ (พนมมือ) อันเป็นท่าแสดงความเคารพ ลักษณะใบหน้าเหลี่ยม คิ้วโก่ง ตามองตรง คิ้วเซาะเป็นร่อง และนัยน์ตาเซาะเป็นช่องกลม เมื่อพิจารณาจากทรงผมหวีรวบ ไม่สวมกระบังหน้า ประติมากรรมทำเอวคอด รูปทรงสมส่วน ขอบผ้านุ่งด้านหน้าเว้ามาก ขมวดเป็นปม มีชายขมวดหนึ่งชาย ผ้าด้านล่างคลี่ออก เป็นรูปหางปลา เป็นรูปแบบของประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่นิยมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยราว 1,000 ปีมาแล้วประติมากรรมสตรีพนมมือทั้งนี้รูปแบบเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายของประติมากรรมสตรี รวมถึงเทคนิควิธีการหล่อโลหะมีความสอดคล้องกับประติมากรรมโกลเด้นบอย และประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่พบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ซึ่งเป็นสัมฤทธิ์ตกแต่งด้วยกะไหล่ทอง มีการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตงานศิลปกรรมสัมฤทธิ์ที่มีคุณภาพในช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับโบราณวัตถุล้ำค่าทั้งสองของไทย คือ โกลเด้นบอย และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ เคยถูกขบวนการโจรกรรมโบราณวัตถุข้ามชาติลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ก่อนที่คนไทยส่วนหนึ่งได้ทำเรื่องขอคืนโบราณวัตถุล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ จัดแสดงที่ ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (ภาพ : กรมศิลปากร)ต่อมา เมื่อเดือนธันวาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับการประสานจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ว่ามีความประสงค์ส่งมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการดังกล่าว คืนให้กับประเทศไทย เพื่อแสดงถึงการที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ให้ความสำคัญกับที่มาอันถูกต้องของโบราณวัตถุในครอบครอง ซึ่งผลการประสานงานเป็นไปด้วยดี กระทั่งพิพิธภัณฑ์ได้ส่งโบราณวัตถุกลับคืนถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567หลังจากนั้นกรมศิลปากร ได้ทำพิธีรับมอบโบราณวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ก่อนนำมาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปชม ณ ห้องลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไปบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในโอกาสนี้ กรมศิลปากร จึงได้เคลื่อนย้ายประติมากรรมสำริดขนาดใหญ่ที่ขุดพบจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกับประติมากรรมโกลเด้นบอย จนได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด”กัน จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย มาร่วมจัดแสดงเคียงคู่กันเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และครั้งแรกในโลกประติมากรรมฝาแฝดโกลเด้นบอยสำหรับ “ฝาแฝดโกลเด้นบอย” เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะลพบุรี (ศิลปะเขมรในประเทศไทย) มีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 หรืออายุประมาณ 900-1,000 ปี ลักษณะประติมากรรมสัมฤทธิ์ ฝังเงิน กะไหล่ทอง ขุดพบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2532 เคยมีผู้สันนิษฐานว่ารูประติมากรรมนี้ อาจหมายถึง นันทิเกศวร เทพบริวารของพระอิศวรผู้ทำหน้าที่เป็นทวารบาลประจำศาสนสถาน แต่เนื่องจากรูปแบบและลักษณะที่โดดเด่นจึงน่าจะเป็นประติมากรรมที่มีความสำคัญประติมากรรมชิ้นเยี่ยมอื่น ๆ ที่ร่วมจัดแสดงนอกจากโกลเด้นบอย-ฝาแฝด และสตรีพนมมือแล้ว ภายในห้องลพบุรียังมีประติมากรรมชิ้นเยี่ยมศิลปะลพบุรีอื่น ๆ จัดแสดงให้ชมกันอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระพรหม เทวรูป ประติมากรรมบุคคล ทับหลัง เป็นต้น งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000044495

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ชวนเที่ยวแหล่งสตรีตฟู้ดโดนใจในกรุงเทพฯ

23/05/2024

นอกจากกรุงเทพฯ จะติดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวแล้ว กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ “สตรีตฟู้ด” หรือ “อาหารริมทาง” เป็นอย่างมากด้วยโดยสภาอาหารริมทางโลก (World Street Food Congress) ได้ยกให้สตรีตฟู้ดของไทยเป็น 1 ใน 3 ของอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุด หรือสำนักข่าว CNN ก็เคยยกให้กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 23 เมืองทั่วโลกที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลกถึง 2 ปีซ้อนเลยทีเดียวจากเรื่องของปากท้องที่คนไทยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนจะต้องไม่อด กลายมาเป็นวัฒนธรรมแบบไทย ๆ ที่เป็นภาพจำในเมืองไทยนั้นหาของกินง่าย ไม่ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืน หรือจะอยู่ตามตรอกซอกซอยที่ไหนก็ตาม คนไทยยังสามารถหาของกินได้แทบทุกหัวมุมถนน กลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลองเที่ยวที่กรุงเทพฯ และลิ้มลองสตรีตฟู้ดแบบไทย ๆ เพื่อพิสูจน์ว่า “สวรรค์ของอาหารริมทาง” ในเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก และนี่คือแหล่งสตรีตฟู้ด 5 แห่งในกรุงเทพฯ ที่ไม่ควรพลาด หากคุณรักในวิถีชีวิตแบบเดินกินอิ่มทั้งวัน1. ถนนข้าวสารถนนข้าวสาร แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ของทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คือ ถ้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วไม่ได้มาเยือนถนนข้าวสาร แทบจะเรียกได้ว่ามาไม่ถึงกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม หลายคนเข้าใจถนนข้าวสารจะมีดีแค่ตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็คือถนนเงียบ ๆ ธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วตอนกลางวันที่มีก็มีสตรีตฟู้ดมากมายให้เลือกกินเหมือนกัน เพียงแต่ความคึกคักอาจจะไม่มากเท่าตอนกลางคืนเท่านั้นเอง มีให้เลือกตั้งแต่ร้านรถเข็นข้างทาง ร้านข้าวแกงข้างทาง ไปจนถึงร้านอาหารนานาชาติ ส่วนใกล้ ๆ กันก็เป็นซอยรามบุตรีและบางลำพู ซึ่งของกินเพียบเหมือนกัน2. เยาวราชอีกแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวต้องตามมาเช็กอินเพื่อยืนยันตัวตนว่ามาถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คือย่านไชน่าทาวน์ หรือเยาวราช ที่นี่ก็อาจไม่แตกต่างจากถนนข้าวสาร ตรงที่เยาวราชนั้นก็จะมีชีวิตชีวาและคึกคักยามค่ำคืนมากกว่าช่วงกลางวัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าช่วงกลางวันไม่มีอะไรให้เรากินเลย อาหารการกินแนวสตรีตฟู้ดในช่วงกลางวันก็มีให้เลือกมากมายชนิดที่กินแล้วกินอีก อิ่มแล้วอิ่มอีก การเดินเตร็ดเตร่ริมถนนและแวะเข้าตรอกซอกซอยเล็ก ๆ จะทำให้เราเจอร้านขายอาหารเยอะแยะ กินได้ทั้งวัน บางร้านมาเปิดขายตั้งแต่เช้า ช่วงสาย ๆ ก็หมดเก็บของกลับบ้าน บางร้านมาช่วงสาย ๆ บางร้านเปิดยาวตั้งแต่กลางวันยันกลางคืนก็มี3. ถนนสีลมทั้งข้าวสารและเยาวราชอาจมีชื่อเสียงในฐานะของแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางจะต้องแวะไปลิ้มลองสตรีตฟู้ดขึ้นชื่อแถว ๆ นั้น แต่ย่านสีลมจะแตกต่างออกไป ตรงที่เป็นแหล่งชุมชน โดยเฉพาะเป็นแหล่งรวมของสำนักงานมากมาย เพราะฉะนั้นบริเวณนี้จะไม่ได้คึกคักแค่เฉพาะกับนักท่องเที่ยว แต่จะมีหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาสตรีตฟู้ดในย่านนี้เป็นแหล่งเสบียง โดยเฉพาะสีลมซอย 5 หรือที่เรียกกันติดปากว่าซอยละลายทรัพย์ เข้าไปเยือนเมื่อไรได้กลับออกมาเป็นคนป่วยโรคทรัพย์จางกันแถบ เห็นซอยเล็ก ๆ แบบนี้แต่ของกินเพียบ และถนนธนิยะ ที่ตอนกลางวันก็จะมีสตรีตฟู้ดให้กินบ้างประปราย โดยจะไปเน้นคึกคักยามค่ำคืนเสียมากกว่า4. โชคชัย 4ย่านลาดพร้าว นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรถติดแล้ว บริเวณใกล้ ๆ กัน แหล่งอาหารข้างทางสุดคลาสสิกที่โด่งดังไม่แพ้ย่านไหน ๆ ในกรุงเทพฯ ต้องยกให้ย่านโชคชัย 4 หลายร้านเป็นร้านเก่าแก่ที่นักชิมยกขึ้นหิ้งให้เป็นตำนานของสตรีตฟู้ดเลยด้วยซ้ำ เจ้าเด็ดเจ้าดังมากมายที่เคยได้ออกรายการทีวีที่เกี่ยวกับอาหาร จำนวนหนึ่งก็ตั้งขายกันอยู่ที่โชคชัย 4 นี่แหละ เดินกินกันได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อถ้าไม่อิ่มจนจุกกันไปเสียก่อน ถ้าไปเดิน ๆ หลงอยู่แถวนี้ไม่มีทางอดตายอย่างแน่นอน (แต่อิ่มจนจุกตายนี่ไม่แน่) เพราะหลากหลายทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ตั้งเรียงรายกันเป็นแถวยาวไปยันลาดพร้าววังหินนู่น แวะตรงไหนเป็นต้องเจอของเด็ด เป็นแหล่งสตรีตฟู้ดที่ไม่เหมาะกับคนกำลังคุมน้ำหนักจริง ๆ5. บรรทัดทอง-สามย่านสวรรค์ของนักชิมแห่งใหม่ที่จุดติดกระแสความเป็นแหล่งสตรีตฟู้ดที่น่าสนใจอย่างรวดเร็วด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย และพลังของการรีวิวแบบปากต่อปาก แม้ว่าจะเป็นย่านสตรีตฟู้ดที่เพิ่งพัฒนาและจัดระเบียบขึ้นมาใหม่ให้เป็นต้นแบบของสตรีตฟู้ดในกรุงเทพฯ รูปแบบใหม่ได้ไม่นานนัก ตรงที่ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณูปโภคที่ดี ร้านอาหารเป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางสัญจร ปลอดภัย ลูกค้าเดินทางมาง่ายและมีจุดจอดรถสะดวก ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างจากย่านสตรีตฟู้ดอื่น ๆ แต่ก็การันตีได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมความอร่อยของทั้งร้านดังในตำนาน ร้านดังระดับมิชลินไกด์ และร้านอร่อยตามกระแส ด้วยความอร่อยแบบบอกต่อ ทำให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่งสตรีตฟู้ดอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447787/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ธุรกิจ

มรดกธุรกิจกงสี ‘ภาระ’ หรือ ‘โอกาส’ ตำราการส่งต่ออำนาจบริหารธุรกิจครอบครัว

21/05/2024

การส่งต่อธุรกิจกงสีให้รุ่นถัดไป เป็นโจทย์ที่ท้าทายและเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจไทยจำนวนมาก เพราะผู้นำรุ่นปัจจุบันต้องคิดทั้งการเติบโตของธุรกิจ ไปพร้อมกับจัดการปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว เป็นจุดร่วมที่ต้องเอาทั้งงานและเรื่องส่วนตัวมาผสมรวมกัน1. ธุรกิจที่ไม่มีใครอยากทำต่อคือ ‘ภาระ’ ไม่ใช่ ‘โอกาส’ในการเติบโตของธุรกิจหนึ่งชั่วอายุคนนั้น มักจะเริ่มจากการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา สร้างแบรนด์ให้ติดตลาด อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันที่ส่งต่อธุรกิจให้รุ่นถัดไป ลูกหลานก็อาจมีความชอบของตนเอง เกิดค่านิยมใหม่ๆ จนทำให้ธุรกิจที่มีอยู่เดิมอาจขัดกับโลกในยุคปัจจุบันเสียแล้ว การส่งต่อธุรกิจก็เลยเหมือนเป็นโอกาสที่มัดเส้นทางชีวิตทายาทโดยไม่รู้ตัว2. ไส้ในแย่ สุขภาพธุรกิจไม่ดี ไม่ให้อำนาจบริหาร กลายเป็นโซ่ฉุดรั้งชีวิตถ้าธุรกิจที่จะส่งต่อนั้นมีอนาคตที่สดใส หรือให้อำนาจการบริหารเพียงพอ ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสในการเติบโต ทว่าหลายครั้งที่ธุรกิจที่ส่งต่อนั้นเต็มไปด้วยโครงสร้างภายในแบบกงสีที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มีหนี้สินที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย แต่พอถึงเวลาจะปรับตัว ผู้นำรุ่นก่อนก็ไม่ให้อำนาจอย่างแท้จริง ยังคอยบงการและกำหนดทิศทางแบบเดิมอยู่ ก็ยิ่งทำให้รุ่นต่อไปมองไม่เห็นอนาคตในเส้นทางของตนเอง3. ‘การเติบโต’ จะเปลี่ยนภาระให้กลายเป็นโอกาสดังนั้นสิ่งที่ผู้นำรุ่นปัจจุบันต้องทำ คือการทำให้ธุรกิจเดิมนั้นมีโอกาสเติบโตที่สอดคล้องกับยุคสมัยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการมีวิสัยทัศน์ใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งกำไร สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำให้ธุรกิจมีความหลากหลาย เพื่อเปิดพื้นที่ให้รุ่นถัดไปมีโอกาสได้ทดลองงานหลายรูปแบบ เพื่อค้นหาความชอบของตนเองไปพร้อมกับดูแลธุรกิจ4. หน้าที่ของผู้นำคือเตรียมเรือให้พร้อมเท่านั้น ไม่ใช่จับธุรกิจยัดมือรุ่นถัดไปท้ายที่สุดไม่ว่ารุ่นถัดไปจะเข้ามาบริหารต่อหรือไม่ สิ่งที่ผู้นำทำได้ในวันนี้คือการเตรียมธุรกิจให้พร้อมสำหรับการรับช่วงต่อ หนึ่งในหนทางที่เป็นไปได้ คือการสร้างธรรมนูญครอบครัว เพื่อสร้างฉันทมติกับกลุ่มทายาท รวมถึงการจัดการโครงสร้างที่เปิดรับมืออาชีพเข้ามาร่วมบริหาร ถึงแม้ทายาทจะไม่รับช่วงต่อแล้วก็ยังมีโอกาสได้จัดการสินทรัพย์ และยังเปิดทางให้ธุรกิจโตต่อได้ในอนาคต การส่งต่อธุรกิจกงสี ผู้นำจำเป็นต้องยกเรื่องครอบครัวและเรื่องของธุรกิจมาเป็นเรื่องเดียวกัน ต้องสร้างธรรมนูญครอบครัวที่ชัดเจน โปร่งใส และเกิดข้อยุติกับคนในบ้าน และต้องพร้อมสำหรับการทำให้ธุรกิจเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งไม่จำเป็นต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดดเชิงกำไร แต่ต้องเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน สอดรับกับอนาคต หาคำตอบถึงการสร้างธรรมนูญครอบครัว และตำราการส่งต่อธุรกิจที่สกัดมาจากประสบการณ์จริงได้ที่ The Secret Sauce Summit ขอนแก่นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ thestandardhttps://thestandard.co/opinion-gongsi/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

Yesterday Wednesday Tomorrow นิทรรศการที่จะพาไปสัมผัสความน่ารักของน้องหมาขี้นอยด์

21/05/2024

Yesterday Wednesday Tomorrow คือนิทรรศการที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความน่ารักของ Wednesday ในกิจกรรมต่างๆ นี่ถือเป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ ‘นิวเยียร์’ อีกด้วยอีกหนึ่งนิทรรศการที่ฮอตที่สุดในตอนนี้!วันนี้เราอยากจะมาป้ายยาอีกหนึ่งนิทรรศการที่ฮอตมากๆ ในตอนนี้ ที่นี่คือ Yesterday Wednesday Tomorrow นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ นิวเยียร์ ศิลปินที่ชื่นชอบการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ และวาดรูปมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ จัดนิทรรศการเดี่ยวทั้งที นิวเยียร์จึงเปลี่ยนวิธีการสร้างแรงบันดาลใจ จากปกติที่จะได้แรงบันดาลใจจากสิ่งของ ภาพถ่าย เนื้อเพลง แต่ครั้งนี้มาจากการสังเกต การรับฟังเรื่องราวจากคนรอบตัว จนถ่ายทอดออกมาเป็นคาแรกเตอร์ใหม่ชื่อ ‘Wednesday’ในนิทรรศการนี้ คุณจะได้เห็น Wednesday หมาที่คิดเยอะ ขี้นอยด์ มาอยู่ในบริบทต่างๆ คาแรกเตอร์ของ Wednesday จะมาแนวๆ เมื่อวานคิดมาก วันนี้กังวล พรุ่งนี้อาจดีขึ้นนิดหน่อย ออกแนวขี้อายและอินโทรเวิร์ตด้วยซ้ำ ความน่ารักของ Wednesday ไม่ได้ถูกถ่ายทอดมาในรูปแบบของภาพวาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประติมากรรม แถมเขายังจัดสเปซให้ได้เข้าไปถ่ายรูปเล่นอีกด้วยใครที่สนใจเข้าไปสัมผัสความน่ารักของ Wednesday สามารถไปได้ที่ Xspace Gallery ซอยปรีดีพนมยงค์ 14 เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. นิทรรศการนี้เข้าชมฟรี และไปได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Instagram:  •  newyear6   •  nyyydesign   •  xspaceartgalleryแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ thestandardhttps://thestandard.co/life/yesterday-wednesday-tomorrow/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X