Everyday knowledge for you
ข่าวการเงิน
27/06/2024
Finnomena แนะ 10 เรื่อง “การเงิน“ น่ารู้ก่อนอายุ 30 เพื่อโอกาสในการลงทุนที่เร็วขึ้น มีอะไรบ้าง เช็กเลยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงอายุ 20-30 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงที่สำคัญของชีวิต เป็นช่วงที่จะได้พบเจอและลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น การเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัวและเริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง การได้เจอสังคมใหม่ ๆ สัมผัสแรงกดดันและความท้าทายจากการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฯลฯทั้งนี้จากบทความ Finnomena ได้รวบรวม 10 เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่ควรทำก่อนอายุ 30 ปี เพื่อให้ได้ลองเช็กกันว่า มีอะไรบ้าง1. มีเงินเก็บสำรองฉุกเฉินเงินสำรองฉุกเฉินคือเงินที่เราสามารถหยิบมาใช้ได้ทันทีเมื่อมีเหตุจำเป็น อย่างที่ทราบกันดีว่าชีวิตของคนเราไม่แน่นอน วันหนึ่งเราอาจตกงาน เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เราไม่สามารถรู้อนาคตได้ ดังนั้นควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้ประมาณ 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพื่อไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เช่น หากเรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 20,000 บาท เราควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้ 120,000-240,000 บาท2. ทำประกันประกันมีหลายประเภท ทั้งประกันออมทรัพย์ ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ลองพิจารณาดูว่าประกันแบบใดเหมาะกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเรา หรือหากใครยังไม่มีประกันสุขภาพก็ลองเลือกซื้อแผนที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด เพราะไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าในอนาคตเราจะเจ็บป่วยเมื่อใด การซื้อประกันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคตได้อีกหนึ่งสิ่งที่ควรทราบไว้ก่อนการซื้อประกันคือ “ยิ่งอายุเยอะ เบี้ยประกันยิ่งสูง” ดังนั้นควรทำประกันไว้ตั้งแต่อายุยังไม่มากจะดีที่สุด โดยควรศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขการรับประกันทุกครั้งก่อนซื้อประกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเราด้วย3. วางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนการวางแผนค่าใช้จ่ายนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ทำได้ยากอยู่เหมือนกัน เพราะในแต่ละเดือนอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมา แนะนำว่าให้ลองเริ่มวางแผนกำหนดงบประมาณรายจ่ายในแต่ละหมวดเท่าที่สามารถทำได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโดฯ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหาร ค่าของใช้ส่วนตัว ฯลฯ จะช่วยให้เราประเมินและวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ดียิ่งขึ้น4. มีเงินออมสำหรับเป้าหมายต่าง ๆบางคนอาจจะมีความฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง มีรถสปอร์ตคันหรูขับ มีเงินล้านแรกในชีวิต หรือได้ออกไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกความฝันนั้นต้องใช้เงิน ดังนั้นลองเอาความฝันของเรามาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเป้าหมายและวินัยในการออมเงิน โดยอาจจะเริ่มออมจากจำนวนไม่มาก แล้วค่อย ๆ เพิ่มไปเรื่อย ๆ ทีละ 10% หรือ 20% ก็จะช่วยทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น5. ศึกษาและเริ่มลงทุนเพื่อต่อยอดเงินอย่างที่ทราบกันดีว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในยุคนี้ค่อนข้างต่ำ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแค่การฝากเงินอาจจะไม่เพียงพอ เราจึงต้องหาวิธีอื่นเพื่อต่อยอดเงินและทำให้เงินของเรางอกเงยได้ “การลงทุน” จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถต่อยอดเงินของเราได้ ทั้งนี้ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมายของเรา เพื่อให้เงินของเรางอกเงยไปได้เรื่อย ๆ โดยสิ่งที่สำคัญคือเราต้องศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ เสมอ6. วางแผนภาษีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป การวางแผนภาษีจะช่วยให้เราสามารถกำหนดแนวทางการเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และทันเวลา นอกจากนี้ยังทำให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยในการประหยัดภาษี และมีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย โดยการวางแผนเพื่อประหยัดภาษีสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการบริจาค การลงทุนในกองทุน SSF-RMF การซื้อประกัน ฯลฯ7. ซื้อ SSF-RMFสืบเนื่องจากข้อที่ 6 กองทุน SSF และ RMF เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการวางแผนภาษี ซึ่งนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนเลือกซื้อ SSF หรือ RMF แนะนำศึกษาเงื่อนไขและนโยบายของแต่ละกองทุนให้ดีก่อน ว่าแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีของเราในอนาคต8. จัดการหนี้ใครที่ยังมีภาระหนี้บ้าน หรือกู้ซื้อคอนโดฯ ซื้อรถไว้ แนะนำให้เริ่มบริหารจัดการหนี้ด้วยการรวบรวมหนี้ทั้งหมดที่เรามี โดยอาจจะบันทึกไว้ในสมุดสักเล่ม หรือบันทึกไว้ในโปรแกรม Excel/Google Sheet ก็จะทำให้เรารู้ว่าหนี้ทั้งหมดที่เรามีอยู่ตอนนี้มีเท่าไร และช่วยให้สามารถวางแผนชำระหนี้ได้ดีขึ้น และหากได้เงินก้อนมา เช่น ได้โบนัสจากการทำงาน เราอาจนำเงินแบ่งมาส่วนหนึ่งเพื่อมาโปะหนี้เพิ่ม ก็จะช่วยลดเงินต้นและดอกเบี้ยไปได้เช่นกัน แถมเป็นการสร้างวินัยทางการเงินอีกอย่างด้วย9. เริ่มวางแผนเกษียณหลังจากที่เราทำงานมาอย่างขยันขันแข็ง แน่นอนว่าในวัยเกษียณเราก็ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น รวมถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะที่จะสร้างความสุขให้กับวัยเกษียณของเรา ดังนั้นเราควรเริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่าชะล่าใจคิดว่าการวางแผนเกษียณเป็นเรื่องของคนสูงอายุ เพราะอย่างที่บอกไปในช่วงต้นบทความว่า ยิ่งเราเริ่มวางแผนเร็ว เราก็จะยิ่งได้เปรียบเพิ่มขึ้น10. ซื้อประสบการณ์ชีวิตประสบการณ์ชีวิตจะทำให้เรามองเห็นโลกได้กว้างขึ้น ได้เห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างไปจากจุดที่ยืนอยู่ปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่จะได้รับกลับมานั้นล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับชีวิตและไม่มีสอนในห้องเรียนแน่นอน ดังนั้นลองออกไปใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำดูบ้าง โดยอาจจะเริ่มจากประสบการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากก่อน เช่น การออกไปท่องเที่ยวในประเทศจังหวัดใกล้ ๆ การปีนเขา ล่องเรือ หรือการทำกิจกรรม Workshop ที่ใช้เวลาไม่นาน เช่น การวาดรูป จัดดอกไม้ ทำอาหาร ทำขนม เป็นต้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1576240
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันควบการลงทุน
27/06/2024
ปัจจุบันนี้การเลือกทำประกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลาย ๆ คนที่จะช่วยวางแผนการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น โดยเฉพาะวัยทำงานที่เป็นวัยเริ่มต้นแห่งการสร้างตัว และเริ่มเก็บออม แต่อย่างที่ทราบกันว่าประกันมีหลายแบบทำให้หลายคนไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับการไลฟ์สไตล์ของตัวเราเอง วันนี้ GEN HEALTHY LIFE ได้นำเทคนิคดี ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อประกันโดยแบ่งความเหมาะสมตามช่วงวัยเริ่มกันที่ “ช่วงวัยทำงานตอนต้น อายุ 21-30 ปี” เป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มมีรายได้ อยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งหลายคนเริ่มวางแผนการเงินด้วยการเก็บออมเงินสด แต่การเก็บออมเงินสดอย่างสม่ำเสมออาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะฉะนั้นหากอยากสร้างความยั่งยืนให้อนาคตทางการเงินจึงควรพิจารณา “ประกันแบบสะสมทรัพย์” เนื่องจากทำแล้วได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า และได้เงินคืนมากกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป อีกทั้งยังช่วยสร้างวินัยในการออมและได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ทั้งบางแบบ ยังช่วยเรื่องการวางแผนลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท อีกด้วย นอกจากนี้อย่าลืมพิจารณา "ประกันอุบัติเหตุ" ควบคู่ไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่จะช่วยลดภาระค่ารักษา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนในครอบครัวหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นต่อมา “ช่วงวัยทำงานตอนกลาง อายุ 31 - 50 ปี” เป็นวัยที่มีหน้าที่การงานเริ่มมั่นคง และ เป็นวัยที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัว จึงเหมาะกับ "ประกันในกลุ่ม Unit linked" ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตควบคู่การลงทุน มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูง และอีกหนึ่งประกันที่ควรมีติดไว้คือ "ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ" เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนจะเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นมีไว้อุ่นใจไร้กังวลแน่นอนและสุดท้าย “ช่วงวัยทำงานตอนปลาย อายุ 51 ปีขึ้นไป” ช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ และเป็นช่วงที่เตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุในอนาคตข้างหน้า จึงเหมาะกับประกันชีวิต “ประกันชีวิตแบบบำนาญ” เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน สามารถดูแลตนเองได้ในวัยเกษียณ และสามารถสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ “ประกันสุขภาพ” ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเรื่องสุขภาพไม่ควรมองข้าม อีกทั้งในอนาคตข้างหน้าหากเกิดโรคในกลุ่ม NCDs เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไทรอยด์ อาจมีผลต่อการพิจารณารับประกันอีกด้วย และตัวสุดท้าย "ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ" ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองค่อนข้างสูง และคุ้มครองในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นหนึ่งในหลักประกันที่จะทำให้มั่นใจว่า แม้ในยามที่จากไปลูกหลานจะได้รับมรดกที่เราสร้างไว้ สามารถนำเงินไปต่อยอดธุรกิจ หรือนำไปดำเนินชีวิตในอนาคตได้อย่างสุขสบายการสร้างหลักประกัน และเสริมความมั่นคงให้กับด้านเงินของเราตั้งแต่อายุยังน้อย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเห็นผลอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาประกันดี ๆ สักตัว แต่ยังมีความกังวลใจในเรื่องข้อมูล สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Gen Healthy Life เพราะเรามีข้อมูลดี ๆ มาให้ศึกษาตลอด 24 ชั่วโมง * อย่างไรก็ตามผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://www.siamrath.co.th/n/534280
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
27/06/2024
สถานเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ไอซีเอส และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำการรังสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษ และเป็นจุดหมายปลายทางศูนย์รวมของพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระดับโลก (Global Culture Destination) จัดงานนิทรรศการภาพถ่าย “Qhapaq Ñan (คาปักญัน): เส้นทางอินคาอันยิ่งใหญ่" โดยจะจัดแสดงระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน – 21 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเปรูบนเส้นทางที่เต็มด้วยศิลปะวัฒนธรรมระดับโลก ณ ชั้น 5 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยมนิทรรศการ “Qhapaq Ñan (คาปักญัน): เส้นทางอินคาอันยิ่งใหญ่" เป็นความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรมของเปรู และโครงการ Qhapaq Ñan สำนักงานใหญ่แห่งชาติจัดแสดงภาพถ่ายที่ได้รวบรวมรูปภาพของเส้นทางต่างๆ เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ให้ผู้คนได้เห็นถึงคุณค่าของเส้นทางสายประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศเปรูและสถานเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย ซึ่งผู้ที่สนใจเรื่องราวของประวัติศาสตร์ วิศวกรรม และวัฒนธรรมจะได้รับชมภาพความงดงามของเส้นทางและประเพณีอันน่าตื่นตาตื่นใจผ่านรูปภาพในมุมมองที่หลากหลายที่ทุกคนจะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกทอดตัวยาวพาดผ่าน 7 ประเทศ จากเวเนซุเอลา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู โบลิเวีย ชิลี และอาร์เจนตินาสำหรับเรื่องราวของ Qhapaq Ñan (คาปักญัน) คือเส้นทางที่สร้างขึ้นโดยชาวอินคายุคโบราณ โดยเป็นสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ด้วยการนำจุดเด่นของภูมิประเทศ และความหลากหลายของระบบนิเวศที่อยู่ในบริเวณเทือกเขาแอนดีส จากการเชื่อมโยงเส้นทางจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้านที่อยู่ห่างกันคนละภูมิภาค ทั้งยังมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันผ่านยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งมีความสูงกว่า 6,000 เมตร เป็นการเชื่อมโยงเส้นทางอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชายฝั่งทะเล ป่าฝนร้อน หุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทะเลทรายไว้ด้วยกัน Qhapaq Ñan (คาปักญัน) จึงเป็นเหมือนเส้นทางอันเป็นตัวกลางในการสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง เป็นเส้นทางการค้า ทั้งยังเป็นปราการสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของชาวอินคาเส้นทางสายประวัติศาสตร์สำคัญของโลก Qhapaq Ñan (คาปักญัน) ยังเป็นเส้นทางหลักในการเชื่อมโยงผู้คนในอาณาจักรตาวานตินซูโยหรือจักรวรรดิอินคากับศูนย์กลางการปกครองเมืองกุสโก อันเป็นศูนย์กลางของโลก ซึ่งเป็นถนนที่มีความยาวกว่า 30,000 กิโลเมตร โดยแยกเป็นเส้นทางออกไปยัง 4 ภูมิภาค รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศเชื่อมต่อเปรูสู่ประเทศอื่นๆ อย่าง เอกวาดอร์ โบลิเวีย โคลัมเบีย ชิลี และอาร์เจนตินา ถนนสายสำคัญนี้จึงไม่ได้เป็นเส้นทางการคมนาคม แต่ยังเป็นศูนย์กลางการค้า ที่มีการแลกเปลี่ยนทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี การเมือง ความเชื่อ และได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโลกให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปีพ.ศ.2557นอกจากภาพถ่ายเส้นทางประวัติศาสตร์แล้ว สถานเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทยยังเชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อประบายสี “Retablo”หนึ่งในการแสดงออกทางศิลปะของประเทศเปรูที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงการแสดงออกในเรื่องต่างๆ โดยทุกคนสามารถสร้างสรรค์ลวดลายและสีสันในแบบฉบับของตัวเอง ในวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลา 12.00 – 16.00 น. จำกัดจำนวนเพียง 50 ท่าน ณ ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ทาง https://bitly.cx/peruvianretabloร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าระดับโลกไปกับเส้นทางสายประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในงานนิทรรศการ “Qhapaq Ñan (คาปักญัน): เส้นทางอินคาอันยิ่งใหญ่" ได้ระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน – 21 กรกฎาคม 2567 ณ ชั้น 5 สยามดิสคัฟเวอรี่แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448247/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
27/06/2024
การกระโดดข้ามไปมาบนสิ่งก่อสร้างของเมืองโบราณอาจเป็นความฝันของบรรดานัก “ปาร์กัวร์” (Parkour) หรือ กีฬาประเภทฟรีรั่นนิ่ง (Free Running) แต่ตอนนี้เมืองมรดกโลกของอิตาลี ไม่ปลื้มกับนักกีฬาประเภทนี้ เพราะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเมืองเก่าได้“ปาร์กัวร์” (Parkour) ภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า “วิ่งทุกที่” เป็นกีฬาแนวเอกซ์ตรีมสตรีท รูปแบบคล้ายฟรีรันนิ่ง ที่วิ่ง เดิน กระโดด ข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ หรือข้ามตึกกีฬาดังกล่าว สามารถเล่นในสถานที่ปิด ที่จัดโดยเฉพาะ แต่ความท้าทายของเหล่านักปาร์กัวร์ ก็มักแสวงหาสถานที่ข้างนอกสวยๆ เพื่อความสนุกมากกว่าเดิม ซึ่งนั่นส่งผลให้เมืองโบราณมรดกโลกอย่าง “มาเตรา” (Matera) ในอิตาลี ได้รับผลกระทบมีรายงานว่ากลุ่มปาร์กัวร์ในลอนดอนที่ใช้ชื่อว่า "Team Phat” ได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองโบราณของอิตาลี โดยวิ่ง ปีนป่าย กระโดดไปตามถนน และกระโดดข้ามสิ่งปลูกสร้างอันล้ำค่าของเมือง แล้วหนึ่งในนักวิ่งได้ทำให้ส่วนหนึ่งของอาคารประวัติศาสตร์ร่วงหล่นลงมาคลิปวิดีโอการแสดงผาดโผนแบบปาร์กัวร์ ในเมืองโบราณมาเตรา ถูกโพสต์โดย Team Phat ลงในโซเชียลมีเดียอย่างยูทูป ซึ่งมีจังหวะที่นักวิ่งอิสระรายหนึ่งกระโดดลงจากอาคารและสร้างความเสียหายเกิดขึ้นวิดีโอดังกล่าวเกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก พร้อมกับมีการเผยข้อมูลว่ากลุ่มดังกล่าวเคยถูกแบนจากเวนิส ในอิตาลีมาแล้วทั้งนี้ “มาเตรา” เป็นเมืองยุคหินเก่า ตั้งอยู่ในภูมิภาคบาซีลิกาตาทางตอนใต้ของอิตาลี ในปี ค.ศ.1993 ได้รับสถานะเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ.2019ภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง The Passion of the Christ (2004) และ เจมส์ บอนด์ ภาค No Time to Die (2021) ก็ใช้เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000054836
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ภาษี
26/06/2024
โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยยังมีความเสี่ยงปิดตัวอีกนับสิบ กลุ่มทำให้คาดว่ายังมีคนงานในภาคอุตสาหกรรมเสี่ยงตกงานอีกเพียบ ดังนั้น หากถูกเลิกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฏหมาย และล่าสุดครม.ปรับเกณฑ์ใหม่เพิ่มค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างนั้นเดิมทีกรมสรรพากรระบุว่า ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างของการทำงาน 300 วันสุดท้าย และไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรี มีการอนุมัติหลักการ ปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างใหม่ เพิ่มเป็นค่าชดเชยเฉพาะส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างของการทำงาน 400 วันสุดท้าย แต่ไม่เกิน 600,000 บาท ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป และผู้ที่เสียภาษีไปแล้วสามารถยืนปรับปรุงขอคืนได้ภายใน 3 ปีทั้งนี้ ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเหตุเกษียณหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง เพราะวัตถุประสงค์คือเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ลูกจ้างหรือพนักงาน สำหรับค่าชดเชยที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างกรณีที่ถูกเลิกจ้าง (เช่น เหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เป็นต้น) และเพื่อให้การคุ้มครองแรงงานมีความสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ อัตรเงินเฟ้อ และดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปที่เพิ่มสูงขึ้นโดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการจัดทำประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เห็นว่าจะทำให้สูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีละประมาณ 660 ล้านบาท แต่จะส่งผลให้ลูกจ้างและพนักงานที่เดือดร้อนจากการถูกเลิกจ้างได้รับการบรรเทาภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่ได้รับจากนายจ้างทั้งนี้ กรมสรรพากรอาจต้องมีการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ได้รับในปีภาษี 2566 ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2567ถูกเลิกจ้างได้ค่าชดเชยเท่าไหร่?ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ค่าชดเชย หมายถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง นอกเหนือจากเงินประเภทอื่น ซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง โดยลูกจ้างที่มีสิทธฺได้รับค่าชดเชยจะต้องทำงานครบ 120 วันเป็นอย่างน้อยหากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิดอัตราค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง • ลูกจ้างทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน • อายุงาน 1-3 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 90 วัน • อายุงาน 3 ปี - 6 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 180 วัน • อายุงาน 6 ปี - 10 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน • อายุงาน 10 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน • อายุงาน 20 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 400 วันนอกจากนี้หากนายจ้างเลิกจ้างแบบกระทันหันไม่ได้บอกล่วงหน้า จะต้องมีการจ่ายค่าตกใจให้แก่ลูกจ้างเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทำงาน 60 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างสัญญาณร้าย..อุตสาหกรรมไทยยังเสี่ยงปิดตัวทั้งนี้ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 88.5 ปรับตัวลดลงจาก 90.3 ในเดือนเมษายน 2567 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีฯ พบว่า ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งยอดขายโดยรวม ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ทั้งนี้ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังเปราะบางทั้งนี้หากดูในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดัชนีลดลงจะพบว่ามีถึง 23 อุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น อัญมณีและเครื่องประดับ, ปูนซีเมนต์, หลังคาและอุปกรณ์, แกรนิตและหินอ่อน, แก้วและกระจก, เซรามิก, โรงเลื่อยและโรงอบไม้ เป็นต้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ GDP ไทยจะอยู่ที่ 2.6%สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยนั้นนางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ให้น้ำหนักกับ 3 ปัจจัยที่จะกระทบภาคอุตสาหกรรมในช่วงข้างหน้า ได้แก่1. ความไม่แน่นอนของการเบิกจ่ายภาครัฐ ที่จะกระทบอุตสาหกรรมก่อสร้าง2.สินค้านำเข้าที่ไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น จากผลของสงครามการค้า ซึ่งจะกระทบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเหล็ก3. ต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่ภาครัฐทยอยลดการอุดหนุน และค่าแรงที่มีทิศทางสูงขึ้น จะกระทบต่อเอสเอ็มอีโดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้แรงงานเข้มข้นนางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองเพิ่มเติมถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ว่า มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการส่งออกที่ขยายตัวเป็นบวกมากขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ประเด็นความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นข้างต้น การระบายสินค้าจากกำลังการผลิตส่วนเกินจากจีนมายังตลาดโลกรวมถึงไทย ในขณะที่ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงมีผลให้ส่งออกไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ โดยสรุปภาพรวมทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่ 2.6%แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ amarintvhttps://www.amarintv.com/spotlight/economy/detail/66090
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
26/06/2024
ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ร่วมกับ MeArt Gallery ภูมิใจเสนอ “Faith” นิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 3 โดย ธนา โพธิ์ทอง ศิลปินมากความสามารถผู้สร้างปรากฏการณ์จากนิทรรศการ “Beyond Tigers: The Journey of the Tiger in You” ที่จัดขึ้นในปี พ.ศ. 2565 โดยนิทรรศการเดี่ยวในครั้งนี้ ธนาได้กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวของสัตว์ที่เป็นตัวแทนแห่งความเชื่อและศรัทธา ซึ่งจะส่งต่อคลื่นพลังงานแห่งความปิติสุขและความโชคดีต่อผู้ชมทุกท่าน“ธนา” เชื่อว่าเบื้องลึกในจิตใจของมนุษย์ทุกชนชาติ ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งเดียวกันนั้นคือ “ความกลัว” เราจึงต่างพยายามแสวงหาเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่จะเอาชนะความกลัวนั้น ซึ่งปรากฏในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ในสมัยโบราณที่มนุษย์เริ่มนับถือบูชาพระอาทิตย์ พระจันทร์ แม่น้ำ หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่าง ๆ อาทิ หมาป่า แมว นกเหยี่ยว กวาง หรือเสือ จนในเวลาต่อมาเกิดเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นพิธีกรรม การสร้างรูปเคารพ หรือการพัฒนาเป็นศาสนาจากแนวคิดตั้งกล่าว “ธนา” จึงสร้างผลงานชุดนี้ขึ้นจากประสบการณ์ ความเชื่อ การค้นคว้าหาความรู้ รวมไปถึงสัญลักษณ์และความเชื่อพื้นฐานเดิม ผสานกับภาพจำจากสื่อต่าง ๆ อาทิ สัตว์ที่เกิดมาแปลกประหลาดมีหลายหัวหรือสัตว์หน้าคลายมนุษย์ จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ขึ้นใหม่ในแนวทางศิลปะแบบ Fantastic Realism ที่มีเอกลักษณ์และเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกศรัทธาของผู้ชมโดย “ธนา” หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นิทรรศการครั้งนี้จะส่งคลื่นพลังงานบวกต่อจักรวาล นำความปิติสุข และความโชคดีให้เกิดขึ้นตามแต่ละประสบการณ์ของแต่ละบุคคล• เกี่ยวกับศิลปินธนา โพธิ์ทอง (เกิดปี พ.ศ. 2521) จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะจิตรกรรม สาขาวิชาเอก จิตรกรรมสากล ตลอดชีวิตการเป็นศิลปินนั้น เขามุ่งมั่นฝึกฝนและพัฒนาผลงานอย่างไม่หยุดหย่อนจนได้รับรางวัลการันตีฝีมือทางศิลปะมากมาย อาทิ รางวัลชนะเลิศการประกวดวาดภาพเหมือนบุคคลในระดับภาคกลางที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ในปี พ.ศ. 2539 และรางวัลชนะเลิศ Feng Shui Art Award ณ บ้านศิลป์ พีระศรี ในปี พ.ศ. 2562 ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี บนเส้นทางการเป็นศิลปิน ธนาได้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อร่วมแสดงนิทรรศการทั้งกลุ่มและเดี่ยวอันเป็นที่จดจำมากมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ นิทรรศการศิลปกรรมพู่กันทองโดย บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (พ.ศ. 2542), ศิลปกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 25 (พ.ศ. 2544), นิทรรศการ Intuition (พ.ศ. 2545) ณ ร้าน Barbali ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งนับว่าเป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขา นิทรรศการกลุ่ม The Signature (พ.ศ. 2564) ณ ICONSIAM, นิทรรศการ Thailand Biennale Korat (พ.ศ. 2565), นิทรรศการครบรอบ 10 ปี Chiang Mai Art Museum (พ.ศ. 2565) โดยในปีเดียวกันนั้นเองเขาได้ร่วมกับ MeArt Gallery จัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 2 ในนาม Beyond Tigers: The Journey of the Tiger in You (พ.ศ. 2565) ที่ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ซึ่งกลายเป็นนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักสะสมหลังจากจบนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 2 ธนาเข้าร่วมแสดงนิทรรศการกลุ่มกับ MeArt Gallery อย่างต่อเนื่องเพื่อสั่งสมประสบการณ์ อาทิ AGALIGO (พ.ศ. 2565), The Miracle Exhibition “MuTeLu, we know you believe” (พ.ศ. 2566), Echo of Edo (พ.ศ. 2567) และจนมาถึง Faith (พ.ศ. 2567) นิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 3 ที่กลั่นกรองประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของเขาในตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นนิทรรศการครั้งสำคัญที่สุดของเขา แล้วพบกับผลงานศิลปะแบบ Fantastic Realism ของเขาคนนี้ไปด้วยกันได้ใน "Faith"เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันนี้ - 7 กรกฎาคม 2567 ที่ RCB Photographers' Gallery ชั้น 2ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/business/detail/9670000052920
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
26/06/2024
ประเทศไทยคว้าอันดับ 4 “ประเทศที่มีความสวยงามที่สุดในโลก” ตามรายงานของ U.S. News and World ReportWorld of Statistics เผยข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม X ผลการจัดอันดับ ประเทศที่มีความสวยงามที่สุดของโลก โดยอ้างอิงตามรายงานของ U.S. News and World Report พบว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความสวยงามที่สุดในโลกในลำดับที่ 4โดย U.S. News and World Report ระบุว่าประเทศเหล่านี้ คือ ประเทศอันดับต้นๆของโลก ที่มีผู้ตอบแบบสำรวจจากทั่วโลก และลงความเห็นว่ามีทิวทัศน์ที่สวยงามประเทศที่ได้รับจากจัดอันดับว่ามีความสวยงามมากที่สุดในโลก ได้แก่1. นิวซีแลนด์2. กรีซ3. อิตาลี4. ไทย5. สวิตเซอร์แลนด์6. บราซิล7. ออสเตรเลีย8. นอร์เวย์9. อียิปต์10. สเปนข้อมูลการจัดอันดับนี้ นับว่าตอกย้ำความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว หลังจากเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา CEOWORLD magazine ก็จัดอันดับยกให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของประเทศที่น่ามาเยือนสักครั้งในชีวิต ประจำปี 2024 (World’s Best Countries To Visit In Your Lifetime, 2024)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000054530
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
26/06/2024
กรุงเทพฯ, 25 มิถุนายน 2567 – เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” เพื่อเชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่ชนะในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษารวม 26 โรงเรียน จากทั้งหมด 91 โรงเรียนที่ส่งผลงานเข้ามาประกวด โดยได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลฯ ร่วมด้วย ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ดร. จักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ให้เกียรติร่วมมอบรางวัลแก่โรงเรียนที่ชนะ ซึ่งพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” จัดขึ้น ณ SF World Cinema, CentralWorldซึ่งในปีนี้มีโรงเรียนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมากกว่า 600 โรงเรียน อีกทั้งยังได้นำสื่อการเรียนการสอนของโครงการไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างจริงจัง และสามารถส่งเสริมนักเรียนรวมถึงชุมชนโดยรอบทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ โภชนาการ และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงเรียนไทยที่ทัดเทียมระดับนานาชาติ และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการสนับสนุนเยาวชนและผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ขึ้น ภายในปี 2573 ตามพันธกิจ AIA One Billion ตลอดจนสอดคล้องตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นภาคเอกชนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ให้ความสำคัญแก่เยาวชนไทย ผ่านการจัดโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อมุ่งส่งเสริมและปลูกฝังพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง โครงการนี้ไม่เพียงแค่สอดคล้องกับนโยบายเป้าหมายทางการศึกษาภายในประเทศของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังส่งเสริมแนวคิดที่เป็นระบบเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชน และผมเชื่อว่าความร่วมมือของภาคเอกชนที่ส่งเสริมด้านสุขภาพและการศึกษาแบบนี้ จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อเยาวชนของประเทศชาติได้อย่างแท้จริง”นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมอย่างยิ่งกับทุกโรงเรียนที่ได้รับรางวัล สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ในปีนี้ ความสำเร็จของโครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอในการช่วยเหลือให้ผู้คนและชุมชนของเราได้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น เอไอเอจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง การมีสุขภาพใจที่ดี และการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ตลอดทั้งมอบความรู้ผ่านสื่อการสอนให้แก่นักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป และที่ขาดไม่ได้ ผมขอขอบคุณพันธมิตรทุกหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนโครงการมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โครงการในปีที่ 2 นี้ ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ตลอดจนขอขอบคุณคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกสถาบัน ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินเพื่อมอบรางวัลให้แก่ทั้ง 26 โรงเรียนในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนสำหรับโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนไทยให้เติบโตอย่างแข็งแรง พร้อมนำพาประเทศไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” คุณนิคฮิล กล่าวทิ้งท้ายสำหรับรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” ได้แก่ • รางวัลชนะเลิศระดับประถมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 350,000 บาท โรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย จังหวัดตาก ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับประถมศึกษา จากการดำเนินโครงการ Change for Good ที่นำสื่อการเรียนรู้จากโครงการฯ ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้นักเรียนและชุมชนรอบ ๆ โรงเรียนมีสุขภาพดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น กิจกรรมอารยเกษตร กิจกรรมลานธรรม ลานปัญญา มุ่งพัฒนาจิตใจด้วยหลักธรรมทางศาสนา และศูนย์ทรัพยากรคืนชีพ ที่นำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยการคัดแยกขยะมากกว่า 30 ประเภท • รางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 350,000 บาท โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร จังหวัดตาก ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับมัธยมศึกษา โดยใช้สื่อการเรียนรู้จากโครงการฯ เพื่อจัดกิจกรรม ประกอบด้วย B1. Better Food ที่ใช้เมนู Thai School Lunch และจัดอาหารกลางวันและนมให้นักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ B2. Better Health ใช้แอปพลิเคชันก้าวท้าใจ ส่งเสริมการออกกำลังกาย B3. Better Mind ให้นักเรียนเลือกเรียนสิ่งที่ใช่ ถูกใจสิ่งที่ชอบ จาก 17 หลักสูตร B4. Better Surroundings ให้นักเรียนดูแลพื้นที่รับผิดชอบ คัดแยกและรีไซเคิลขยะ และ B5. Better Model ขยายผลสู่ครอบครัวและชุมชน • รางวัลดีเด่นในแต่ละด้าน รับรางวัลมูลค่า 75,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 4 โรงเรียน - โรงเรียนวัดจันทร์ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ - โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รางวัลดีเด่นด้านการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง - โรงเรียนไทยซิกข์นานาชาติ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รางวัลดีเด่นด้านการมีสุขภาพใจที่ดี - โรงเรียนอำนวยศิลป์ กรุงเทพมหานคร ได้รางวัลดีเด่นด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน • รางวัลชมเชยระดับชั้นประถมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 15 โรงเรียน - โรงเรียนบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดบุรีรัมย์ - โรงเรียนบ้านโกตาบารู จังหวัดยะลา - โรงเรียนบ้านท่าข้าม จังหวัดปัตตานี - โรงเรียนวัดอู่ตะเภา จังหวัดสุพรรณบุรี - โรงเรียนเชียงแสนอาคาเดมี จังหวัดเชียงราย - โรงเรียนวัดช่างเหล็ก กรุงเทพมหานคร - โรงเรียนบ้านร้องยุ้งข้าว จังหวัดพิษณุโลก - โรงเรียนบ้านฟ้า จังหวัดน่าน - โรงเรียนบ้านป่าไม้สหกรณ์ จังหวัดบุรีรัมย์ - โรงเรียนบ้านผือพอก จังหวัดศรีสะเกษ - โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช - โรงเรียนบ้านจันทัย จังหวัดอุบลราชธานี - โรงเรียนบ้านดอนผอุง จังหวัดอุบลราชธานี - โรงเรียนเซนต์แอนดรูวส์ สาทร กรุงเทพมหานคร - โรงเรียนบ้านนาห้วยแดงดงสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี • รางวัลชมเชยระดับชั้นมัธยมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 5 โรงเรียน - โรงเรียนพานพิทยาคม จังหวัดเชียงราย - โรงเรียนเทศบาล 2 คลองจิหลาด จังหวัดกระบี่ - โรงเรียนแวงพิทยาคม จังหวัดสกลนคร - โรงเรียนจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ - โรงเรียนวัดทรงธรรม จังหวัดสมุทรปราการสำหรับโรงเรียนที่ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้น ณ บาหลี อินโดนีเซีย ในวันที่ 4 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาทติดตามข้อมูลโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ได้ทางเว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ และโรงเรียนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดสื่อการเรียนการสอนได้จากเว็บไซต์ของโครงการ ตลอดจนสามารถติดตามการเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการปีที่ 3 ได้ทางเว็บไซต์ และสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย โดยมีกำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
25/06/2024
เป็นประเด็นที่เสียงแตกพอสมควรว่าเงินซื้อความสุขได้หรือไม่ ซึ่งงานวิจัยชิ้นล่าสุดสรุปออกมาแล้วอย่างชัดเจนว่าเงินสามารถซื้อความสุขได้จริง ๆงานวิจัยชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ในวารสาร PNAS พิจารณาถึงผลกระทบของการให้เงินจำนวน 10,000 เหรียญ (ประมาณ 300,000 บาท) แก่คน 200 คน พร้อมกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับเงินจำนวน 100 คน โดยเงินดังกล่าวมาจากการร่วมบริจาคโดยเศรษฐีทั้งหมด 2 คนผ่าน PayPal โดยร่วมมือกับ TED โดยกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับเงินไปนั้นจะต้องใช้เงินก้อนดังกล่าวให้หมดภายใน 3 เดือนนักวิจัยวัดความสุขโดยการให้ผู้คนจัดอันดับว่าพวกเขาพอใจกับชีวิตของตนมากน้อยเพียงใดโดยมีคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 7 ประกอบกับความถี่ที่ผู้คนเหล่านี้ได้รับความรู้สึกในเชิงบวก เช่น ความสุข และความรู้สึกเชิงลบ เช่น ความเศร้า ในระดับ 1 ถึง 5ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มประชากรที่ได้รับเงิน 10,000 เหรียญมีความสุขกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้รับเงินอย่างชัดเจนในช่วง 3 เดือนที่ต้องใช้เงินให้หมดตามแผนงานวิจัย และหลังจากใช้เงินหมดไป 3 เดือนแล้ว กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับเงินยังคงรู้สึกมีความสุขที่มากกว่าช่วงแรกของการทดลองอีก อย่างไรก็ตาม กลุ่มประชากรที่มีรายได้มากกว่า 123,000 เหรียญ หรือประมาณ 4.5 ล้านบาทไม่ได้รู้สึกมีความสุขขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอะไรกลุ่มประชากรเหล่านี้แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือกลุ่มที่มีรายได้น้อยจากบราซิล อินโดนีเซีย และเคนยา และอีกส่วนที่มีรายได้สูง จาก ออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้น้อยจะมีความสุขจากการทดลองดังกล่าวมากกว่าถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงไรอัน ดไวเออร์ (Ryan Dwyer) ผู้ร่วมการศึกษาวิจัยปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียกล่าวว่า เงินจำนวน 10,000 เหรียญสามารถทำอะไรได้หลายอย่างจริง ๆ บางคนใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าจำนองหรือซ่อมแซมบ้านเป็นต้นโดยทั่วไปแล้ว คนที่ถูกลอตเตอรี่มักจะมีความสุขมากขึ้นในหลาย ๆ ปีต่อมา— ไรอัน ดไวเออร์ (Ryan Dwyer)ที่มา :NBC Newsพิสูจน์อักษร : รัชนี สังข์แก้วแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ beartaihttps://www.beartai.com/life/money/1398918
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
สุขภาพ
25/06/2024
เปิดใจแม่!ยอมประกาศขายบ้าน 3.5 ล้าน หวังนำเงินมารักษาลูกสาววัย 7 ขวบป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ประกาศขายบ้านผ่านสื่อโซเชียลราคา 3.5 ล้านบาท เพื่อหาเงินจะมารักษาน้องลูกสาววัย 7 ขวบที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีสื่อโซเชียล ได้เข้าไปคอมเมนต์และแสดงความเห็นใจเป็นจำนวนมากล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวรัชฎ าปัญญาเสน อายุ31 ปี แม่น้องแอร์พอร์ตอายุ 7 ขวบ กำลังจะเข้าเรียนป.1ซึ่งพาน้องมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในตัวอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการเข้ามารักษาตัวในครั้งนี้เป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งที่ 3 เมื่อวันที่วันที่ 18 เดือนมิถุนายน2567 ที่ผ่านมาแพทย์ได้ให้ยาคีโม 5 วันแล้ว ให้นอนรอดูอาการ พร้อมกับดูความเข้มของเม็ดเลือด ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับไปนอนพักฟื้นที่บ้าน ส่วนโรงเรียนนั้นน้องยังไม่ได้ไปเรียนเนื่องจากยังรักษาตัวอยู่อย่างไรก็ตามครอบครัวของน้องมีนายจักรพงษ์ ศิริชุมภู อาชีพเป็นช่างรับเหมาติดแอร์และติดไฟฟ้าภายในอาคารส่วนคุณแม่นั้นไม่ได้ทำงานมาตั้งแต่น้องป่วยเมื่อปี2563แล้ว คุณแม่ได้ดูแลน้องคนเดียวมาตลอด มีพ่อคนเดียวที่เป็นเสาหลักของครอบครัวตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหาค่าใช้จ่ายในระหว่างการรักษาน้อง จึงต้องประกาศขายบ้านจำ 3.5 ล้านบาท เป็นบ้านเครื่องปูนครึ่งไม้2ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีที่ดินทั้งหมดรวม 2 งาน 71 ตารางว าตั้งอยู่บ้านริมลาว หมู่ที่ 3 ตำบลป๋าอ้อดอนชัย อำเมือง จ.เชียงรายแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ amarintvhttps://www.amarintv.com/news/detail/222270
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
02/08/2024
30/04/2024
21/08/2024
03/05/2024
31/07/2024