Everyday knowledge for you
ประกันภัย
29/04/2024
เปิดไส้ในกรมธรรม์ ‘ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า’ เลขาธิการ คปภ. ลงนามคำสั่ง มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 จ่ายสินไหมแบตเตอรี่ หักค่าเสื่อมปีละ 10% วางกรอบปรับเบี้ย “ขั้นต่ำ-ขั้นสูง” ตามพฤติกรรมความเสี่ยงผู้ขับขี่ สูงสุด 40%วันที่ 2 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ลงนามคำสั่งนายทะเบียนที่ 47/2566 เรื่องให้ใช้แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น (Battery Eletric Vehicle-BEV) โดยไม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงมาจากรถยนต์สันดาปเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งมีความเหมาะสมสอดคล้องกับการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีขึ้น อันจะส่งผลให้อุบัติเหตุทางถนนลดลง และเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวมคำสั่งนี้ให้มีผลบังคับใช้สำหรับการทำสัญญาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไปชูฉัตร ประมูลผลเว้นแต่ในกรณีบริษัทยังไม่สามารถออกกรมธรรม์ประกันภัยให้เป็นไปตามคำสั่งนี้ได้ ให้ใช้แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เดิม ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปพลางก่อนได้ ทั้งนี้ต้องไม่เกินวันที่ 31 พ.ค. 2567และในการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น (Battery Electric Vehicle: BEV) โดยไม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงมาจากรถยนต์สันดาป ให้บริษัทใช้แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามที่แนบท้ายคำสั่งนี้เท่านั้นในกรณีผู้เอาประกันภัยได้ทำประกันภัยรถยนต์ก่อนวันที่คำสั่งมีผลบังคับ โดยมีสิทธิได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เดิม ให้บริษัทปฏิบัติดังนี้1. กรณีผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามคำสั่งนี้กับบริษัทเดิม ให้บริษัทคำนวณเบี้ยประกันภัยโดยให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เดิมร่วมด้วย แต่ไม่เกินลำดับขั้นส่วนลดสูงสุดตามที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามคำสั่งนี้กำหนด2. กรณีผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามคำสั่งนี้กับบริษัทอื่นที่ไม่ใช่บริษัทเดิม บริษัทอาจคำนวณเบี้ยประกันภัยโดยให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เดิมร่วมด้วย แต่ไม่เกินลำดับขั้นส่วนลดสูงสุดตามที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามคำสั่งนี้กำหนดและในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้ทำประกันภัยรถยนต์แบบระบุผู้ขับขี่ก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับ บริษัทอาจกำหนดระดับพฤติกรรมการขับขี่เทียบเคียงประวัติการขับขี่ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เดิมได้ โดยอนุโลม ทั้งนี้ต้องไม่เกินวันที่ 31 พ.ค. 2567วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า สรุปได้ดังนี้ • ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้บริษัทประกันภัย และ คปภ. สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่ได้ ระบุชื่อได้สูงสุด 5 คนจ่ายสินไหมแบตเตอรี่ หักค่าเสื่อมปีละ 10%กรณีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าตามปีอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ตามตารางอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ระบุไว้ข้างล่างนี้โดยการนับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มนับจากวันที่รับมอบรถยนต์จากผู้จำหน่ายรถยนต์ หรือวันที่ตามเอกสารการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายรถยนต์ แล้วแต่วันใดเกิดขึ้นก่อนผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อความคุ้มครองการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ซึ่งบริษัทต้องจัดทำเอกสารแนบท้ายแสดงความคุ้มครอง ทั้งนี้ให้ใช้สำหรับกรมธรรม์ประกันภัย ประเภท 1 หรือประเภท 2 หรือประเภท 3 เท่านั้นในกรณีมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย(1) กรณีรถยนต์ได้รับความเสียหายและบริษัทมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ใหม่ บริษัทต้องแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ และยินยอมให้ผู้เอาประกันภัยใช้สิทธิ(1.1) ปรับเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่ารถยนต์และมูลค่าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนใหม่ และบริษัทจะให้ความคุ้มครองแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและจำนวนเงินเอาประกันภัยตามที่เปลี่ยนใหม่เมื่อผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว โดยบริษัทจะออกเอกสารแนบท้ายเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินเอาประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย หรือ(1.2) สละสิทธิไม่ปรับเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าของรถยนต์และมูลค่าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนใหม่ และบริษัทจะให้ความคุ้มครองเป็นไปตามจำนวนเงินเอาประกันภัยและตามปีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเดิมก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ตามตารางอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าข้างต้นทั้งนี้ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งการใช้สิทธิให้บริษัททราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ในระหว่าง 30 วันนั้น หากมีเหตุเกิดขึ้นบริษัทจะให้ความคุ้มครองตาม (1.1) โดยผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่ม เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยจะเลือกความคุ้มครองตาม (1.2)ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่แจ้งขอใช้สิทธิภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้เอาประกันภัยประสงค์จะได้รับความคุ้มครอง เป็นไปตามจำนวนเงินเอาประกันภัยและตามปีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเดิมก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ตามตารางอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าข้างต้น(2) กรณีผู้เอาประกันภัยเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ บริษัทจะให้ความคุ้มครองตามมูลค่าของรถยนต์ และมูลค่าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนใหม่ เมื่อผู้เอาประกันภัยได้แจ้งให้บริษัททราบถึงความประสงค์ในการปรับเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมูลค่าของรถยนต์และมูลค่าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนใหม่และชำระเบี้ยประกันภัยตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นก่อนเกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยบริษัทจะออกเอกสารแนบท้ายเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินเอาประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยไม่แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบและไม่ชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม ให้ถือว่าผู้เอาประกันภัยประสงค์ได้รับความคุ้มครองเป็นไปตามจำนวนเงินเอาประกันภัยและตามปีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเดิมก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าตามตารางอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและในกรณีที่มีความจำเป็นต้องสั่งอะไหล่จากต่างประเทศ บริษัทรับผิดไม่เกินกว่าราคานำเข้าที่ส่งมาทางเรือลดเบี้ยประวัติดี ได้สูงสุด 40%1. การลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีสำหรับลักษณะการใช้ส่วนบุคคล ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีรถยนต์เอาประกันภัยไว้กับบริษัท บริษัทจะลดเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นลำดับขั้นดังนี้ • ขั้นที่ 1 : 20% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัยปีแรก • ขั้นที่ 2 : 30% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัย 2 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้น • ขั้นที่ 3 : 40% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 3 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้น2. การลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีสำหรับลักษณะการใช้อื่น ๆ นอกเหนือจากการใช้ส่วนบุคคล ในกรณีผู้เอาประกันภัยได้ต่ออายุการประกันภัยกับบริษัท บริษัทจะลดเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นลำดับขั้นดังนี้ • ขั้นที่ 1 : 20% ของเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัยปีแรก • ขั้นที่ 2 : 30% ของเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัย 2 ปีติดต่อกัน • ขั้นที่ 3 : 40% ของเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัย 3 ปีติดต่อกัน • ขั้นที่ 4 : 50% ของเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ในการประกันภัย 4 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้นทั้งนี้ บริษัทจะลดเบี้ยประกันภัยให้ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้ต่ออายุการประกันภัยกับบริษัท และเฉพาะข้อตกลงคุ้มครองที่ต่ออายุเท่านั้นสำหรับคำว่า “รถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย” ให้หมายความรวมถึงรถยนต์คันที่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ค่าเสียหายนั้นเกิดจากความประมาทของบุคคลภายนอกและรู้ตัวผู้ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีผลทำให้บริษัทมีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายที่บริษัทได้จ่ายไปคืนจากบุคคลภายนอกได้หากในระหว่างปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดี มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัทแล้ว ในการต่ออายุการประกันภัยปีต่อไป บริษัทจะลดเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยดังนี้ • ลดลงหนึ่งลำดับขั้นจากเดิม หากการเรียกร้องนั้นเกิดจากความประมาทของรถยนต์คันเอาประกันภัยหรือผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ • ลดลงสองลำดับขั้นจากเดิมแต่ไม่เกินอัตราปกติ หากมีการเรียกร้องที่รถยนต์คันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท หรือไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป รวมกันมีจำนวนเงินเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยกรณีผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยกับผู้รับประกันภัยอื่น และมาต่ออายุการประกันภัยกับบริษัท บริษัทจะนำเงื่อนไขข้อ 1 และ 2 มาใช้บังคับโดยอนุโลมก็ได้เพิ่มเบี้ยประวัติไม่ดี ได้สูงสุด 40%1.การเพิ่มเบี้ยประกันภัยประวัติไม่ดีสำหรับลักษณะการใช้ส่วนบุคคล ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีรถยนต์เอาประกันภัยไว้กับบริษัท และมีการเรียกร้องค่าเสียหายระหว่างปีที่เอาประกันภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุซึ่งรถยนต์คันที่เอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท หรือไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ อย่างน้อยตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปรวมกันมีจำนวนเงินเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัย บริษัทจะเพิ่มเบี้ยประกันภัยเป็นขั้น ๆ ดังนี้ • ขั้นที่ 1 : 20% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ • ขั้นที่ 2 : 30% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 2 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้น • ขั้นที่ 3 : 40% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 3 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้น2. การเพิ่มเบี้ยประกันภัยประวัติไม่ดี สำหรับลักษณะการใช้อื่น ๆ นอกเหนือจากการใช้ส่วนบุคคล ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีรถยนต์เอาประกันภัยไว้กับบริษัท และมีการเรียกร้องค่าเสียหายระหว่างปีที่เอาประกันภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุซึ่งรถยนต์คันที่เอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาทหรือไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ อย่างน้อยตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปรวมกันมีจำนวนเงินเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัย บริษัทจะเพิ่มเบี้ยประกันภัยเป็นขั้น ๆ ดังนี้ • ขั้นที่ 1 : 20% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ • ขั้นที่ 2 : 30% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 2 ปีติดต่อกัน • ขั้นที่ 3 : 40% ของอัตราเบี้ยประกันภัย ในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 3 ปีติดต่อกัน • ขั้นที่ 4 : 50% ของอัตราเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ ในกรณีมีค่าเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นต่อบริษัท 4 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้นในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยถูกเพิ่มเบี้ยประกันภัยประวัติไม่ดีไม่ว่าลำดับขั้นใด และในปีกรมธรรม์ประกันภัยนั้นมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ที่รถยนต์คันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท หรือไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ไม่ถึง 2 ครั้ง หรือถึง 2 ครั้ง แต่มีค่าเสียหายไม่เกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยแล้ว ในการต่ออายุการประกันภัยบริษัทจะใช้เบี้ยประกันภัยในลำดับขั้นเดิม เช่นในปีที่ผ่านมา แต่หากไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย หรือมีการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากความประมาทของรถยนต์คันเอาประกันภัย และผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว ในการต่ออายุการประกันภัยในปีต่อไป บริษัทจะใช้เบี้ยประกันภัยในอัตราปกติกรมธรรม์ไม่คุ้มครองอะไรบ้างกรมธรรม์ประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหาย หรือความเสียหายต่อเนื่อง อันเป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งเกิดขึ้นจากการถูกทำลาย หรือการถูกลบ จากปัจจัยภายนอก (Cyber Breach) ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ผลิตรถยนต์หรือศูนย์จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนั้นส่งผลให้เกิดความผิดปกติหรือขัดข้องของคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือระบบปฏิบัติการที่ใช้ควบคุมการทำงานของรถยนต์ (Software) ได้แก่ การขับเคลื่อนรถ การหยุดรถอัตโนมัติ และการควบคุมการทำงานในส่วนต่าง ๆ การปฏิเสธไม่คุ้มครองตามข้อยกเว้น บริษัทจะต้องมีหลักฐานการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญ หรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรองส่วนกรณีรถยนต์สูญหาย บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่รวมการสูญหายจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง และกรณีรถยนต์ไฟไหม้บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อรถยนต์เกิดความเสียหายจากไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการไหม้โดยตัวของมันเอง หรือเป็นการไหม้ที่เป็นผลสืบเนื่องจากสาเหตุใด ๆ ก็ตามแต่ไม่คุ้มครองความสูญหายหรือไฟไหม้ของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับไฟไหม้อันเป็นผลจากการซ่อมหรือการดัดแปลงสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความคุ้มครองก็ต่อเมื่อเป็นการซ่อมหรือการดัดแปลงที่ได้ดำเนินการโดยช่างของผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนั้น หรือช่างที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการซ่อมจากหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือช่างที่ได้รับความยินยอมจากบริษัทความเสียหายส่วนแรกส่วนเงื่อนไขของความเสียหายส่วนแรก ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง แบ่งเป็นค่าเสียหายส่วนแรก ที่เกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างบริษัทกับผู้เอาประกันภัย โดยอาจตกลงให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก สำหรับความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์หรือความเสียหายส่วนแรก สำหรับความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะต้องลดเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ดังนี้(1) ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ • 5,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 100% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก • ส่วนที่เกิน 5,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 10% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก2) ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความคุ้มครองความเสียหายต่อรถจักรยานยนต์ • 1,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 100% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก • ส่วนที่เกิน 1,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 20% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก(3) ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก • 5,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 10% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก • ส่วนเกิน 5,000 บาทแรก ลดเบี้ยประกันภัย 1% ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรกความเสียหายส่วนแรก เนื่องจากผู้เอาประกันภัยผิดสัญญา เช่น รถยนต์คันเอาประกันภัยไปเกิดความเสียหาย ในขณะที่มีบุคคลอื่นซึ่งมิใช่บุคคลที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้ขับขี่ เป็นต้นความเสียหายส่วนแรกสำหรับกรณีที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เช่น กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง จำนวน 1,000 บาทแรกของความเสียหายอันมิได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ หรือกรณีที่เกิดจากการชนแต่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้เป็นต้นเปิดช่องซื้อคุ้มครองเพิ่ม ‘เครื่องชาร์จรถอีวี’สำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล เป็นที่ตกลงกันว่ากรมธรรม์ประกันภัยนี้ได้มีการขยายเพิ่มเติมเอกสารแนบท้ายดังต่อไปนี้บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลอันเกิดจากอุบัติเหตุ ขณะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทและผู้เอาประกันภัยอาจตกลงกันให้มีการเปลี่ยนเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ซึ่งมีสภาพเดียวกันแทนได้หรือจะชดใช้เงินเพื่อทดแทนความเสียหายนั้นก็ได้ ความคุ้มครองเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลจะมีขึ้นต่อเมื่อได้รับการติดตั้งตามมาตรฐานการติดตั้งความรับผิดชอบของบริษัท จะมีไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ทั้งนี้จะไม่คุ้มครองการใช้งานในทางที่ผิดหรือการใช้งานที่ขัดต่อคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หรือผู้ผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าการเปลี่ยนแปลง แก้ไข ซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาใด ๆ ที่ขัดต่อคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าหรือผู้ผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าข้อบกพร่องในการผลิตหรือการออกแบบที่ผิดพลาดโดยผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้ผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าการอัปเดตซอฟต์แวร์ทางออนไลน์ หรือทางออฟไลน์ ที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากทางผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หรือผู้ผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความล้มเหลวในการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์หรือการอัปเดตที่เกี่ยวข้องกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอื่น ตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หรือผู้ผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัตราเบี้ย ขั้นต่ำ-ขั้นสูงอัตราเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะวางอยู่ในกรอบ “เบี้ยประกันภัยพื้นฐานขั้นต่ำ-ขั้นสูง” ดังตารางด้านล่างรหัส E11 คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รหัส E12 คือ รถยนต์นั่งเพื่อการพาณิชย์ตัวอย่างที่ 1 การคำนวณเบี้ยประกันภัย นาย ก. ต้องการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 กับบริษัท A ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีรายละเอียดดังนี้ราคารถยนต์ใหม่ 1,500,000 บาท ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 175 แรงม้า ลักษณะการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล กำหนดผู้ขับขี่ 2 ราย ซึ่งเป็นคนเดิมตั้งแต่ปีแรกที่ทำประกันภัยคือ นาย ก. และ นาย ข. ใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากผู้ขับขี่รายใด วันที่จดทะเบียนรถยนต์ 31 ตุลาคม 2567 รายละเอียดที่ขอทำประกันภัยมีดังนี้– ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาท/คน และ 10,000,000 บาท/ครั้ง– ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาท/ครั้ง– ความคุ้มครองความเสียหายของตัวรถยนต์จำนวน 880,000 บาท– ความคุ้มครองความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์จำนวน 880,000 บาท– ความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 7 คน จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท/คน– ความคุ้มครองประกันภัยค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรวม 7 คน จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท/คน– ความคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท– ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย 1,000 บาท สำหรับความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 1,000 บาททั้งนี้ตามตัวอย่างข้างต้น บริษัทสามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่จำนวน 11,786.72 บาท ถึงจำนวน 23,170.26 บาท (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)ตัวอย่างที่ 2 นาย ก. ต้องการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ตามข้อมูลแบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 แต่ในปีที่ 3 นาย ก. มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน 3 ครั้ง แต่ไม่เกิน 200% โดย นาย ก. เป็นฝ่ายประมาทบริษัทสามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่ 19,615.62 บาท ถึงจำนวน 37,800.19 บาท (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)ตัวอย่างที่ 3 นาย ก. ต้องการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ตามข้อมูลแบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 แต่ในการต่ออายุปีที่ 3 ได้มีการเปลี่ยนชื่อผู้ขับขี่จากนาย ข. เป็น นาย ค. โดย นาย ค. นั้น ไม่เคยทำประกันภัยรถยนต์คันใดมาก่อนบริษัทสามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่ 17,163.67 บาท ถึงจำนวน 33,075.17 บาท (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)ตัวอย่างที่ 4 นาย ก. ต้องการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ตามข้อมูลแบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 แต่ทั้งนาย ก. และ นาย ข. มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนระหว่างปีที่ทำประกันภัยทุกปี รวมเกิน 2 ครั้ง และมีอตราค่าสินไหมทดแทนเกิน 200% ทุกปี– ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาท/คน และ 10,000,000 บาท/ครั้ง– ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก จำนวน 874,800 บาท/ครั้ง– ความคุ้มครองความเสียหายของตัวรถยนต์จำนวน 874,800 บาท– ความคุ้มครองความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์จำนวน 874,800 บาท– ความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 7 คน จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท/คน– ความคุ้มครองประกันภัยค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรวม 7 คน จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท/คน– ความคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท– ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย 1,000 บาท สำหรับความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 1,000 บาททั้งนี้ตามตัวอย่างข้างต้น บริษัทสามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่จำนวน 31,875.39 บาท ถึงจำนวน 61,425.31 บาท (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)ตัวอย่างที่ 5 นาย ก. ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 กับบริษัท A มาแล้ว 3 ปี ต้องการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ปีที่ 4 กับบริษัท B ซึ่งใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากผู้ขับขี่รายใด ข้อมูลความคุ้มครองแบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1ทั้งนี้ตามตัวอย่างข้างต้น บริษัทสามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่จำนวน 11,786.72 บาท ถึงจำนวน 23,170.26 บาท (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1468589
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
โรงแรมอาศัย กรุงเทพ ไชน่าทาวน์ ร่วมกับ NMCPHOTO จัดนิทรรศการ ‘Through the Lens of a Local: Chinatown Chronicles’ โดยไม่เสียค่าเข้าชม นำเสนอภาพถ่ายย่านไชน่าทาวน์โดยช่างภาพชาวออสเตรเลียชื่อดัง นิค แมคเกรท (Nick McGrath) ที่จะพาชมเสน่ห์ของไชน่าทาวน์ผ่านเลนส์ในมุมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ในวันที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 17.00 น. ถึง 20.00 น. ที่ลานกิจกรรมของโรงแรมบริเวณชั้น 4ภายในงานจะได้พบกับนิทรรศการภาพถ่ายย่านไชน่าทาวน์ นำเสนอภาพของตลาดที่พลุกพล่าน ตรอกซอกซอย และรายละเอียดมุมมองผ่านเลนส์ที่จะสะกดสายตาด้วยความสวยงามแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของย่านนี้ และการบรรยายของนิคถึงแรงบันดาลใจในการสร้างแต่ละชิ้นงาน พร้อมอิ่มอร่อยกับของว่างและเครื่องดื่มนิคมีประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพมากกว่า 14 ปี ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ในปี 2554 เคยทำงานร่วมกับนิตยสาร Asia Life และ Getty News Images มีผลงานตีพิมพ์ในนิตยสาร Time, Huffington Post, The Daily Mail และ The Washington Post โดยในปี 2555 นิคได้ปรับปรุงอาคารพาณิชย์อายุนับร้อยปีในไชน่าทาวน์ และกลายมาเป็นสมาชิกของวงการศิลปะเชิงสร้างสรรค์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพื้นที่ศิลปะชุมชน Cho Why ซึ่งในปี 2557 เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบาร์และร้านกาแฟทันสมัยในพื้นที่ นิคเป็นผู้ให้การสนับสนุนการพัฒนาชุมชนวัฒนธรรม เขาเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องมีรากฐานมาจากชุมชนที่เข้มแข็ง นอกจากนี้เขายังทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและมูลนิธิการกุศล รวมถึงมูลนิธิสติ ผลงานบางส่วนของเขาจะแสดงและขายที่โรงแรมอาศัย กรุงเทพ ไชน่าทาวน์ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้มูลนิธิสติสามารถเข้าชมนิทรรศการได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานได้ที่: https://fb.me/e/1hSesAzadโรงแรมอาศัย กรุงเทพ ไชน่าทาวน์ ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง ใกล้ MRT สถานีวัดมังกร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ asaihotels.com หรือโทร 02 220 8999แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000000381
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
สุดฟิน! หนาวนี้นักท่องเที่ยวแห่ชม 'ใบเมเปิล' เปลี่ยนเป็นสีแดงสดสวยงาม ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลกวันที่ 4 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นเมเปิล หรือ ต้นก่วมแดง ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ขณะนี้กำลังผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีแดงสดสวยงาม บนเส้นทางจากที่ทำการอุทยานฯไปยัง บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมันแดง โดยตลอดสายทางอุทยานฯได้ทำป้ายจุดชมเมเปิลไว้ตลอดสาย การเดินทางไม่ลำบาก จอดรถและสามารถเดินลงไปชมได้เลยโดยวันนี้ได้พาไปชมต้นเมเปิลในป่าธรรมชาติหลายร้อยต้น สูงใหญ่ บางต้นอายุนับร้อยปี กำลังผลัดใบเป็นสีแดงและร่วงหล่นเต็มพื้น นักท่องเที่ยวจำนวนมากได้เดินทางมาเที่ยวชมใบเมเปิล ที่กำลังผลัดใบเป็นสีแดงสดแล้วร่วงหล่นลงพื้นจนเป็นสีแดงสวยงามเหมือนพรมแดง ทำให้นักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวต่างพาครอบครัวและเพื่อนมาเที่ยวชมและถ่ายภาพกันจำนวนมาก โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์แล้วจะแห้งเหี่ยวไปตามธรรมชาติส่วนจุดไฮไลท์บริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร ต้นเมเปิลยังไม่เปลี่ยนเป็นสีแดง คาดว่าในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้จะเริ่มเปลี่ยนสี สามารถขึ้นไปถ่ายภาพเมเปิลเปลี่ยนสีกันได้ และหมดฤดูของเมเปิลก็สามารถไปต่อเนื่องกับการชมซากุระบานที่ยอดเขาภูลมโลนายลำยอง ศรีเสวต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กล่าวว่า ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทางกระทรวงเองได้มีการดำเนินงานเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในห้วงฤดูหนาว ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเองก็เป็นอีก 1 เป้าหมายในการท่องเที่ยวในฤดูหนาว เพราะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นสบายตลอดทั้งปีโดยไฮไลน์สำคัญคือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ณ ขณะนี้ต้นเมเปิลของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าใบเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดงส้มอย่างสวยงามแล้ว ช่วงพีคสุดของใบเมเปิลคาดว่าจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นก็คาดว่าจะเป็นฤดูกาลของการชมดอกนางพญาเสือโคร่ง บนยอดเขาภูลมโล ซึ่งเป็นยอดเขามีมีต้นนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่เกือบ 2,000 ไร่ คาดว่าจะเริ่มผลิบานและสามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมเป็นต้นไปจึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ด้วยศักยภาพของเราค่อนข้างพร้อม เรามีทั้งบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ ร้านอาหาร ที่รายล้อมได้ด้วยสภาพธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งต้นเมเปิลและทุ่งนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย สำหรับใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในแนวนี้ก็สามารถเดินทางมาได้ทุกวัน ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าสำหรับ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อ 3 จังหวัด คือ เลย , เพชรบูรณ์ และ พิษณุโลก ภูหินร่องกล้าเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนานเป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสียเลือด ชีวิตและน้ำตา ภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตจะถูกบันทึกเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ หรือ 307 ตารางกิโลเมตร มีจุดท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผาชูธง ลานหินปุ่ม ลานหินแตก โรงเรียนการเมืองการทหาร น้ำตกหมันแดง เป็นต้น โดยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแต่ละปีไม่ต่ำกว่าหมื่นคนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1106793
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
หุ้น
29/04/2024
โดย คุณทัณฑิกา นิมิตพงษ์ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หากพูดถึงหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หรือที่คุ้นเคยกันดีกับชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Perpetual Subordinated Bond เป็น ตราสารที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าตราสารหนี้ประเภทอื่น อะไรทำให้หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นที่นิยม และการลงทุนในตราสารประเภทนี้ ต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง มาหาคำตอบกันค่ะ หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หรือ ชื่อทางการ คือ “หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน” หุ้นกู้ประเภทนี้มาพร้อมลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากหุ้นกู้ประเภทอื่น ๆ หลายประการดังนี้ 1. จัดเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ จึงได้รับการชำระหนี้ในลำดับ “หลัง” จากเจ้าหนี้รายอื่น ๆ แต่มีสิทธิได้รับเงิน “ก่อน” ผู้ถือหุ้นสามัญ ซึ่งผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนทั้งหมด บางส่วน หรือไม่ได้รับคืนก็ได้ 2. เนื่องจากหุ้นกู้มีลักษณะคล้ายทุน กล่าวคือไม่มีวันครบกำหนดอายุเหมือนหุ้นกู้แบบปกติ จึงมีลักษณะใกล้เคียงกับหุ้นทุน ดังนั้น จะได้รับชำระหนี้เมื่อบริษัทเลิกกิจการตามลำดับสิทธิที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ 1 หรือเมื่อบริษัทผู้ออกมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ ทำให้ผู้ลงทุนจะไม่ทราบกำหนดเวลาที่แน่นอนในการได้รับเงินต้นคืนจากการลงทุนในขณะที่ถือหุ้นกู้ดังกล่าว 3. ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยพร้อมสะสมดอกเบี้ยจ่าย โดยจะไปชำระเมื่อใดก็ได้ ไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งในการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้น แม้ผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ประเภทอื่น ๆ แต่แลกมากับความไม่แน่นอนในการได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยจ่ายเหมือนกับหุ้นกู้แบบปกติ 4. กรณีผู้ออกหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตัวอื่น ๆ จะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ประเภทนี้ด้วย กล่าวคือ ไม่มีเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ หรือ Cross-Default ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย นอกเหนือจากลักษณะพิเศษข้างต้นแล้ว ข้อสังเกตเพิ่มเติมที่นักลงทุนต้องพึงตระหนักเมื่อจะลงทุนในหุ้นกู้ชั่ว นิรันดร์ มีดังนี้ 1. เนื่องจากสิทธิของตราสารด้อยกว่าตราสารประเภทอื่น จึงทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารมักจะต่ำกว่าอันดับ ความน่าเชื่อถือของผู้ออก หรือตราสารแบบไม่ด้อยสิทธิของผู้ออกตราสารนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น บริษัท ก. ได้รับการจัดอันดับ ความเชื่อถือที่ระดับ A- หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัท ก. ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ของบริษัท ก. อันดับความน่าเชื่อถือมักจะต่ำกว่า A- เสมอ 2. หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ออกและเสนอขายส่วนใหญ่ มักมีเงื่อนไขให้ผู้ออกสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด (Call Option) ซึ่งมักจะอยู่ที่ระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ออกตราสาร1 สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดของผู้ออกตราสารทำให้นักลงทุนที่วางแผนลงทุนในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 5 ปี อาจได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ตั้งแต่ตอนต้นเมื่อลงทุนในหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์แล้วมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด นอกจากนี้ ราคาไถ่ถอนมักจะเท่ากับ ”มูลค่าที่ตราไว้” ของหุ้นกู้ ซึ่งอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่า 1 TRIS Rating พิจารณาให้หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่กำหนดสิทธิไถ่ถอนครั้งแรกห่างจากวันที่ออกตราสารอย่างน้อย 5 ปี มีความเป็นทุนระดับปานกลาง (Intermediate Equity Content) ซึ่งจะส่งผลให้การคำนวณอัตราส่วนทางการเงินเพื่อจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร จะนับเป็นส่วนทุน 50% และนับเป็นหนี้ 50% ในช่วง 5 ปีแรก ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่สูงมากจนเกินไปเมื่อเทียบกับการออกหุ้นกู้ตามปกติ (ที่มา: https://www.trisrating.com/files/7316/2484/8515/Hybrid_28_Jun21-t.pdf) ราคาตลาดของหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ในขณะนั้น และเมื่อได้รับเงินคืน ผู้ซื้อต้องพิจารณาทางเลือกในการลงทุนใหม่ (Reinvestment) ซึ่งในขณะนั้น อาจจะหากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเทียบเท่ากับที่เคยคาดหวังไว้ไม่ง่ายนัก 3. ปริมาณการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ในตลาดตราสารหนี้ไทยยังมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ระยะยาวที่จดทะเบียนในตลาดตราสารหนี้ (ThaBMA) ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พบว่ามีหุ้นกู้ระยะยาวที่จดทะเบียนใน ThaiBMA ประมาณ 4.39 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ประมาณ 0.12 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า 3% ของมูลค่าหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหมด จึงทำให้การซื้อขายในตลาดรองทำได้ยาก เนื่องจากปริมาณออกเสนอขายมีต่ำ และนักลงทุนส่วนใหญ่นิยมถือครองถือในระยะยาวมากกว่านำมาขายในตลาดรอง นักลงทุนจะเห็นได้ว่า หุ้นกู้ประเภทนี้ มีเงื่อนไขพิเศษ ดอกเบี้ยที่สูงอาจทำให้นักลงทุนให้ความสนใจลงทุน แต่ผลตอบแทนที่สูงนั้น ก็แลกมากับความเสี่ยงที่สูงกว่าหุ้นกู้ประเภทอื่นเช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้ จึงต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง และไม่มีแผนการใช้เงินจำนวนดังกล่าวในระยะสั้น เนื่องจากหุ้นกู้ประเภทนี้มักมีข้อกำหนดในการห้ามไถ่ถอนก่อน 5 ปีแรกหลังจากการออกหุ้นกู้ชนิดนี้ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้ ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลของตราสาร และเงื่อนไขของตราสารนั้นๆ ก่อนการลงทุนอย่างละเอียดทุกครั้ง แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/mutualfund/detail/9670000000497?tbref=hp
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
เพจกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความแจ้งเรื่องการทำพาสปอร์ตทันใจ ทำเช้าได้บ่าย จ่ายในอัตราปกติ โดยมีข้อความว่า"ของขวัญปีใหม่ 2567 จาก กระทรวงการต่างประเทศ1) พาสปอร์ตทันใจ ทำเช้า ได้บ่าย จ่ายในอัตราปกติมอบความสุขระหว่างวันที่ 2 - 12 ม.ค. 67 (ยกเว้นวันเสาร์ - วันอาทิตย์)* จำนวนจำกัด 100 คน/วัน (ทั้งผู้ที่จองคิวออนไลน์และ WALK-IN)*** ไม่ใช่การทำพาสปอร์ตฟรี แต่มีค่าธรรมเนียม 1,000 บาทสำหรับเล่ม 5 ปี และ 1,500 บาทสำหรับเล่ม 10 ปียื่นคำร้องก่อน 11.30 น. ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และสำนักงานหนังสือเดินทาง ฯ ทุกแห่งรอรับเล่มภายในวันเดียว เวลา 14.30 - 16.30 น. ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ แห่งเดียว2) บริการทำพาสปอร์ตในวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ตลอดทั้งปี • สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ปทุมวัน (MBK CENTER) • สำนักงานหนังสือเดินทางฯ บางใหญ่ (CENTRAL WEST GATE)ทั้งในรูปแบบบูธปกติ และเครื่องทำหนังสือเดินทางด้วยตัวเอง (KIOSK)3) บริการกงสุลสัญจร "ของขวัญตลอดปี" การให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ เดือนละ 1 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ตลอดปี 2567 เพื่อบริการประชาชนในจังหวัดที่ไม่มีสาขาสำนักงานหนังสือเดินทางตั้งอยู่4) บริการแปลเอกสารภาษาอังกฤษ (ฟรี) (จำกัดคนละ 1 เอกสาร โดยต้องเป็นเอกสารของตนเอง และเอกสารนั้นแปลเพื่อทำนิติกรณ์เอกสารเท่านั้น)ตั้งแต่วันที่ 2 - 12 ม.ค. 2567 (ยกเว้นวันเสาร์ - วันอาทิตย์) ณ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ภูเก็ต , เชียงใหม่ และพัทยา5) บริการรถทะเบียนเคลื่อนที่ (BANGKOK MOBILE SERVICE) โดยกรมการกงสุลร่วมกับกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 15 - 26 ม.ค. 2567 (ยกเว้นวันเสาร์ - วันอาทิตย์) ณ ลานจอดรถกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ • บริการทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ • บริการคัดสำเนาเอกสาร (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ได้แก่ ทะเบียนบ้าน สูติบัตร และมรณบัตรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : Call Center กรมการกงสุล 0 2572 8442แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1444563/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ร่วมสมัย / ชะมวง พฤกษาถิ่น : ส่งท้ายปี 2566 กับนิทรรศการ “Chinese Xieyi" เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป กรมศิลปากร ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดแสดงนิทรรศการ “Chinese Xieyi" เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน เป็นนิทรรศการศิลปะครั้งสำคัญส่งท้ายปี 2566 คัดเลือกผลงานที่สร้างสรรค์อย่างยอดเยี่ยมทั้งสิ้น 63 รายการ ทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม จากศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน 42 ท่าน โดยหยิบยก "เสี่ยอี้" มาเป็นหัวข้อหลักของนิทรรศการ และใช้จิตรกรรมจีนร่วมสมัย จิตรกรรมสีน้ำมัน จิตรกรรมสีน้ำ และประติมากรรม มาสร้างสรรค์เป็นเนื้อหาสำคัญเพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณและรูปแบบเฉพาะของเสี่ยอี้ ทั้งยังสะท้อนถึงรูปแบบการสร้างสรรค์ และวิวัฒนาการร่วมสมัยของจิตวิญญาณเสี่ยอี้การจัดแสดงผลงานศิลปะจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีนในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ผลงานทัศนศิลป์ร่วมสมัยอันทรงคุณค่าของศิลปินจีนสู่สายตาประชาชนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อให้ชาวไทยได้เข้าใจศิลปะร่วมสมัยของจีนได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประตูสู่การเรียนรู้ทางด้านทัศนศิลป์ระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นนิทรรศการ “Chinese Xieyi" เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากประเทศจีน จัดแสดงอยู่เวลานี้จนถึง 18 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ วันพุธ – วันอาทิตย์ มีค่าเข้าชม พิเศษกรมศิลปากรส่งความสุขปีใหม่ เปิดให้เข้าชมฟรีถึงวันที่ 5 มกราคม 2567แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/503555
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ร่วมงานแถลงข่าวโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อมุ่งสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่พร้อมรองรับการพัฒนาทักษะด้านโค้ดดิ้งอย่างยั่งยืนผ่านการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ด้านโค้ดดิ้งให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการเสริมทักษะพร้อมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เยาวชน ครูผู้สอน บุคลากรการศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปผ่านหลักสูตรและกิจกรรมต่าง ๆ โดยภายในงานได้รับเกียรติจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Coding for Better Life และพิธีประกาศความร่วมมือด้านการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการยกระดับการเรียนรู้ด้านโค้ดดิ้ง รวมถึงด้านการส่งเสริมองค์ความรู้ในการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้ง โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) รวมไปถึงเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน คณะครู นักเรียน และผู้บริหารสถาบันการศึกษาร่วมในพิธี ณ อาคารสยามสเคป เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาโดยในปี 2566 เอไอเอ ประเทศไทย ได้มอบเงินสนุบสนุนโครงการ AIA Coding School เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศูนย์การเรียนรู้โค้ดดิ้ง หรือ E-Learning Center ให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศทั้งหมด 10 แห่ง โดยหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนโครงการฯ ได้แก่ โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่รองรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และทางสติปัญญา โดยภายในงานตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆได้ร่วมนำเสนอโครงงานสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว ระบบช่วยชีวิตอัจฉริยะด้วย AI (Artificial Intelligence) โดยได้พัฒนาขึ้นเพื่อการช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น ผู้พิการ ผู้ป่วย รวมถึงผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง โดยสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว สามารถช่วยลดเหตุร้าย และลดระดับความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลงานในครั้งนี้เป็นฝีมือการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ภายใต้โครงการ AIA Coding School ทั้งนี้ สำหรับปี 2567 เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าสนับสนุนโครงการฯ ให้แก่ 17 โรงเรียนทั่วประเทศเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ ESG ของเอไอเอ ที่มุ่งมั่นพัฒนาสังคมในด้านต่าง ๆ ตลอดจนมุ่งส่งเสริมเยาวชนให้ก้าวสู่การเป็นบุคลากรดิจิทัลของประเทศในอนาคต สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
29/04/2024
ต้องเริ่มจากเลิกใช้ชีวิตและวิธีคิดในแบบเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ลองทำอะไรใหม่ๆ กับ 7 วิธีรีเซ็ทชีวิตใหม่1. JoyFul มีความเบิกบาน สนุกสนาน ละทิ้งความคิดและความรู้สึกที่ทำให้เรารู้สึกท้อแท้หรือเกินจะรับไหว เมื่อเรารู้ตัวว่ากำลังมีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ให้เตือนตัวเองว่านั่นเป็นเพียงความคิดในใจเท่านั้น แล้วหันไปสนใจอะไรที่มีประโยชน์ต่อชีวิตมากกว่าเรื่องพวกนี้ดีกว่า 2. Start New Year เริ่มต้นสนุกไปกับเทศกาลฉลองปีใหม่ ไปเที่ยวกับเพื่อน และครอบครัว มีความสุขอิ่มเอมไปกับกิจกรรมที่ร่วมทำด้วยกัน การอยู่กับความวิตกกังวลมากๆ จะกลายเป็นความเครียดสะสมส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเรา 3. Make friends เปิดใจมองหาเพื่อนใหม่ ๆ ยิ่งอยู่ในวัยทำงานเราก็มักจะเจอแต่คนเดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ เพื่อนเก่าๆ ก็ทำงานหรือไปทำธุรกิจของตัวเอง หรือมีครอบครัวจนแทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เปิดใจหาเพื่อนใหม่ที่จะทำให้เราพบคนเจ๋ง ๆ ที่อาจกลายเป็นเพื่อนสนิทในอนาคต ลองเลือกไปเข้าร่วมกิจกรรมสักอย่าง เช่น การเรียนทำขนม เวิร์คช็อปงานฝีมือหรืออาสาสมัครทำงานเพื่อสังคม เป็นต้น อาจจะเปิดโลก พบเพื่อนใหม่ก็เป็นไปได้ 4. Globalization อัพเดทเทรนด์ต่างๆ ให้ทันยุค ทันสมัย เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง รู้จักคน รู้จักเทคโนโลยี เพราะต้องยอมรับตอนนี้ คือยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะวัยไหนๆ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยเก่า ก็ต้องรู้จักเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง เข้ามามีบทบาทในชีวิตการงาน ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา อย่าคิดว่าเราไม่อยากรู้ ไม่อยากเรียนแล้ว ทำให้เราจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง 5. Health มีเงินเยอะแค่ไหนก็ซื้อสุขภาพไม่ได้ ดังนั้นการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเราเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลสภาพจิตใจ ปรับทัศนคติความคิด รวมถึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ให้ทำลายสุขภาพ จะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจดีขึ้น ทั้งแข็งแรงและสดใส 6. Life Long Learning เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ สมองของมนุษย์มีไว้เพื่อคิด แก้ปัญหา สร้างสรรค์งาน ถ้าเราไม่ให้โอกาสตัวเองที่จะตั้งคำถาม สุดท้ายเราจะลงท้ายด้วยความเบื่อ ซึมเศร้า และไม่รู้จะไปทางไหนดี การเรียนรู้สิ่งใหม่จะช่วยให้สมองแก่ช้าลง ให้เซลล์สมองใหม่ได้โต ช่วยเพิ่มความคิดและทักษะความยืดหยุ่นในเชิงสร้างสรรค์ และสิ่งสำคัญทำให้เรามีความสุข สนุก กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 7. สุดท้ายซึ่งถือว่า สำคัญมากที่สุด คือ การให้ความสำคัญกับสุฃภาพใจของเรา เริ่มจากการแบ่งปันความสุขให้คนอื่น ลดความเห็นแก่ตัวลง ขึ้นชื่อว่า การแบ่งปัน ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีรูปแบบ หรือขอบเขตที่จะมากะเกณฑ์แบบตายตัว การแบ่งปันเป็นการให้ที่ผู้ให้มุ่งที่จะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายหรือขาดแคลนให้แก่อีกฝ่ายคือ ผู้รับ และที่สิ่งที่ผู้ให้ได้กลับคืนมา คือ ความสุขในใจนั่นเอง ผู้ให้ข้อมูล ศ.นพ.รณชัย คงสกนต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล BMHH - Bangkok Mental Health Hospital แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/women/246449/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
นักวิทยาศาสตร์เผย แค่ "วางแผน" ทริป "ท่องเที่ยว" ก็ช่วยเพิ่มความสุขและบูสต์สมองให้กระฉับกระเฉงได้ แม้ยังไม่ได้เที่ยวจริง แต่ถ้าได้เที่ยวจริงตามแผนก็ยิ่งดี เพราะเชื่อมโยงกับความพึงพอใจ ความเห็นอกเห็นใจ และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ • แค่คิด “วางแผนเที่ยว” ก็ทำให้คนเราแฮปปี้แล้ว! นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยถึงงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ถึงประโยชน์ของการวางแผนท่องเที่ยวต่อสุขภาพจิต • การจินตนาการถึงอนาคตสามารถเป็นแหล่งของความสุขได้ หากเรารู้ว่ามีสิ่งดีๆ กำลังมา และการเดินทางก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีอย่างยิ่ง • นักจิตวิทยา ชี้ การค้นหาเที่ยวบิน โรงแรม การค้นคว้าจุดหมายปลายทางล่วงหน้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คนเรารู้สึกว่าควบคุมชีวิตตนเองได้ จึงช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลรู้หรือไม่? แค่คิด “วางแผนเที่ยว” ก็เพิ่มความสุขให้ชีวิตได้มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยถึงงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ถึงประโยชน์ของการวางแผนท่องเที่ยวต่อสุขภาพจิตใจของผู้คน พวกเขาค้นพบว่าการวางแผนและคาดการณ์การเดินทางนั้นเกือบจะสนุกพอๆ กับการไปเที่ยวจริง ยกตัวอย่างการศึกษาของมหาวิทยาลัย Cornell ที่เจาะลึกในหัวข้อ “การคาดหวังประสบการณ์การเดินทางจากการวางแผนท่องเที่ยว” ซึ่งมีผลวิจัยพบว่า การวางแผนเที่ยวสามารถเพิ่มความสุขของบุคคลได้มากกว่าการซื้อสิ่งของที่อยากได้เสียอีก • การจดจ่อกับรายละเอียด 'วางแผนเที่ยว' ส่งผลดีต่อจิตใจ“อามิต คูมาร์” อดีตหนึ่งในทีมวิจัยชิ้นดังกล่าว (ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส) อธิบายว่า การจดจ่ออยู่กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของการวางแผนการเดินทาง มีประโยชน์ในแง่การสร้างและรับรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าประสบการณ์ของการซื้อและครอบครองสิ่งของต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้น “แมทธิว คิลลิงส์เวิร์ธ” ผู้ร่วมวิจัยของคูมาร์ และปัจจุบันเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ก็ได้ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การวางแผนทริปท่องเที่ยวสามารถส่งเสริมการมองโลกในแง่ดีให้คนเราได้ “มนุษย์เราส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตไปกับจินตนาการถึงอนาคต การคำนึงถึงอนาคตของคนเราสามารถเป็นแหล่งของความสุขได้ หากเรารู้ว่ามีสิ่งดีๆ กำลังมา และการเดินทางก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีอย่างยิ่ง และทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย” แมทธิว อธิบายมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ แมทธิว มองว่าการวางแผนการเดินทางสามารถสร้างความสุขและสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้คนเราได้ ประการแรก คือ การเดินทางท่องเที่ยวมักเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาสั้นๆ เพียงครั้งคราว เรารู้ดีว่าการเดินทางมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่กำหนดไว้ จิตใจของคนเราจึงมีแนวโน้มที่จะลิ้มรสมันได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ก่อนที่มันจะเริ่มต้นขึ้น (แค่คิดถึงทริปนั้นก็มีความสุขแล้ว)ส่วนเหตุผลประการที่สอง ก็คือ เมื่อเริ่มวางแผนเที่ยว คนเราจะค้นหาข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการเดินทางในทริปนั้นๆ จนรู้มากพอที่จะจินตนาการและตั้งตารอทริปนั้น แต่ก็ยังมีความแปลกใหม่และความไม่แน่นอนที่ทำให้จิตใจของเราพะวงอยู่กับมัน จนกลายเป็นว่าเราเสพความสุขจากทริปนั้นได้ทันทีที่คิดถึงมัน ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางจริงด้วยซ้ำ“เมื่อเราจินตนาการถึงการกินเจลาโต้ในจัตุรัสกลางกรุงโรม หรือจินตนาการว่าได้ไปเล่นสกีน้ำกับเพื่อนๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นัก เพียงแค่นึกถึงมันเราก็จะได้สัมผัสกับเหตุการณ์เหล่านั้นในเวอร์ชันที่เป็นภาพในใจของเราเอง ซึ่งก็สร้างความสุขได้ไม่น้อยเลย ” แมทธิว บอก • ในเชิงจิตวิทยา "การวางแผนเที่ยว" ทำให้คนเรารู้สึกว่าควบคุมชีวิตตนเองได้ จึงช่วยลดความเครียดลงประเด็นนี้น่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีกเมื่อ “ดร.เอริกา แซนบอร์น” นักจิตวิทยาคลินิกผู้เชี่ยวชาญด้านความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งทำงานในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ย้ำชัดเจนว่า การวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยวทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้นจริง โดยในทางจิตวิทยาแล้ว การคิดวางแผนเที่ยวทำให้สมองของคนเราหลุดออกจากสภาพแวดล้อมที่ซ้ำซากจำเจของชีวิตประจำวันไปได้ชั่วขณะหนึ่ง มันจึงช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลอีกทั้งการค้นหาเที่ยวบินและโรงแรม การค้นคว้าจุดหมายปลายทางล่วงหน้า การใช้ประโยชน์จากคะแนนการเดินทางที่สะสมไว้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คนเรารู้สึกว่าควบคุมชีวิตตนเองได้และทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย จากผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์และคำอธิบายจากนักจิตวิทยาข้างต้นทำให้สรุปได้ว่า การได้เริ่มค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวและวางแผนทริปสนุกๆ ให้ตนเอง ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วงปรับปรุงสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้จริง แม้ในที่สุดแล้วอาจจะได้ไปหรือไม่ได้ไปทริปนั้นก็ตาม แต่ถ้าได้ออกเดินทางตามแผนที่วางไว้จริงๆ ก็ยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เพราะมีงานวิจัยทางจิตวิทยาจำนวนมากเช่นกันที่ระบุถึงประโยชน์ของการได้พักร้อนและการออกไปท่องเที่ยวต่างเมืองหรือต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับอารมณ์และพฤติกรรมเชิงบวก ช่วยเพิ่มโฟกัส การเอาใจใส่ ความสนใจ และความกระตือรือร้นที่มากขึ้น รวมถึงการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมต่างเมืองหรือต่างประเทศ มีส่วนช่วยให้คนเรามีความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1106004
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
โรสวูด กรุงเทพฯ เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบร่วมสมัยของเมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาด้วยนิทรรศการศิลปะครั้งใหม่โดยศิลปินท้องถิ่นชื่อดัง อาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 มกราคม 2024ดิ อาร์ท แกลเลอรี่ ณ โรสวูด กรุงเทพฯ ซึ่งถูกจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนโดยศิลปินทั้งในและต่างประเทศ และครั้งนี้กับ นิทรรศการ “Dusk Till Dawn” ซึ่งจะพาคุณสำรวจแนวคิดเกี่ยวกับสีที่แท้จริงภายใต้การแสดงออกของสีในแสงที่แตกต่างกัน การสร้างผลงานในเวลากลางคืนภายใต้แสงฟลูออเรสเซนต์เพื่อแยกคุณสมบัติของสีที่แตกต่างจากวิธีที่ดวงตาของมนุษย์มองเห็นสีภายใต้แสงธรรมชาติ ศิลปินใช้การทดลองการวาดภาพแบบนี้เพื่อแสดงออกถึงสีสันที่แท้จริงดังที่เห็นได้จากงานศิลปะหลากสีสันทั้ง 12 ชิ้นที่จัดแสดงที่โรสวูด กรุงเทพฯ ซึ่งสีของแต่ละชิ้นงาน จะมองเห็นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวันและแสงในขณะนั้น ซึ่งอาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ มีชื่อเสียงในด้านการผสมผสานแนวความคิดเข้ากับบัญชรสีที่สดใสผ่านชิ้นงานเหล่านี้ผลงานที่โดดเด่นอีกชิ้นของอาจิณกิจ ซึ่งจัดแสดงอย่างถาวรอยู่ที่ Lakorn European Brasserie ณ ชั้น 7 ของ โรสวูด กรุงเทพฯ เป็นผลงานศิลปะ ที่มีชื่อว่า “บรรยากาศวัดไทย” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันอันโดดเด่นของวัดและแม่น้ำ โดยเน้นการใช้สีอย่างเชี่ยวชาญของเขา จนออกมาเป็นผลงานที่โดดเด่นอีกชิ้นของอาจิณกิจสัมผัสปรัชญา A Sense of Place® ของ โรสวูด ที่แสดงออกผ่านศิลปินท้องถิ่นกับ “Dusk Till Dawn” ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันนี้ที่ ดิ อาร์ท แกลเลอรี่ ชั้น 3 โรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ วันนี้ จนถึงวันที่ 7 มกราคม 2024สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ bangkok@rosewoodhotels.comแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9660000116390#google_vignette
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/07/2024
30/04/2024
14/01/2025
06/07/2023